ผลบุญที่ทำให้เกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ และจักรวรรดิวัตร ๑๐

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 2 มิถุนายน 2009.

  1. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ผลบุญที่ทำให้เกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ

    บทความ....น้ำใส พุทธารา
    [​IMG]

    พระเจ้าอโศกมหาราช

    พระเจ้าจักรพรรดิ หมายถึง ผู้ที่เคยสร้างบุญด้วยการให้ทาน รักษาศีล ๕ หรือรักษาอุโบสถศีล (ศีล ๘) ในพระพุทธศาสนามาแต่กาลก่อน เช่น การถวายสังฆทานแก่พระภิกษุสงฆ์โดยมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน เป็นผู้ที่เคยเป็นเจ้าภาพกฐินทานแล้วในกาลก่อน เป็นผู้จุดดวงประทีปเพื่อบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การบูชาพระบรมสารีริกธาตุหรือพระธาตุพระอรหันต์ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาอย่างแรงกล้า

    คราวใดที่ไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระปัจเจกพุทธเจ้าลงมาโปรด พระเจ้าจักรพรรดิจะเกิดมาพร้อมกับรัตนะ ๗ ประการเพื่อเป็นที่พึ่งแก่มนุษย์บรรเทาความทุกข์ยากเดือดร้อนปราบปรามพวกมิจฉาทิฐิให้เบาบางลงทำให้มวลมนุษย์ได้รับความสงบสุขขึ้น


    ผลบุญพิเศษแห่งพระเจ้าจักรพรรดิ ๔ ประการ

    ๑. ทรงมีรูปงาม ผิวพรรณผ่องใสน่ามองยิ่งกว่ามนุษย์ทุกคนในโลก
    ๒. มีพระชนมายุยืนนาน
    ๓. มีอาพาธน้อยมีโรคน้อย สุขภาพแข็งแรงกว่าบุคคลอื่น
    ๔.ทรงเป็นที่รักของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย แม้เทวดาก็เกรงใจ

    ถึงแม้พระองค์ท่านจะมีบุญบารมีมากถึงขนาดนี้ท่านก็ไม่ประมาทในการสร้างบุญ ยังทรงให้ทานแก่สมณะพราหมณ์ตั้งโรงทานแก่ประชาชนทั่วไป บำเพ็ญประโยชน์ บำบัดทุกข์บำรุงสุขดูแลเอาใจใส่ทุกข์สุขของเหล่าอาณาประชาราษฏร์รวมถึงการรักษาศีล และบำเพ็ญภาวนา เพื่อสั่งสมบุญให้พระองค์เองตลอดอายุขัย

    [​IMG]

    อานิสงส์บุญที่ส่งผลให้เกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ

    เรามาดูกันว่า อานิสงส์ใดที่ส่งให้ผู้สร้างบุญนั้น มาเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ การที่จะเกิดเป็นประเจ้าจักรพรรดิได้นั้น เท่าที่ค้นคว้าศึกษามานั้น ผู้ที่จะเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิได้นั้น ล้วนแล้วแต่เคยสร้างมหาทานแก่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระปัจเจกพุทธเจ้า ด้วยใจที่เลื่อมใสศรัทธาอย่างแรงกล้าในกาลก่อน เช่น

    ๑. บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก่อนด้วยจิตที่เลื่อมใส
    ๒. กล่าวสรรเสริญพระพุทธเจ้ามาก่อนด้วยจิตที่เลื่อมใส
    ๓. การจุดประทีปบูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก่อนด้วยจิตที่เลื่อมใส
    ๔. กั้นร่มถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก่อนด้วยจิตที่เลื่อมใส
    ๕. ถวายสังฆทานแด่พระภิกษุสงฆ์โดยมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธานด้วยจิตที่เลื่อมใส
    ๖. บูชาพระเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุด้วยความเลื่อมใสศรัทธาอย่างแรงกล้า..
    ๗. การสร้างพระไตรปิฎก หรือการสร้างหนังสือ เพื่อเป็นธรรมทาน เมื่อละโลกแล้ว จักได้เสวยราชสมบัติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิถึง ๘ หมื่น ๔ พันกัลป์
    ๘. เป็นเจ้าภาพกฐินด้วยจิตที่เลื่อมใสศรัทธา ส่งผลให้เกิดพระเจ้าจักรพรรดิถึง ๕๐๐ ชาติ

    ทั้งหมดนี้เป็นบางส่วนของอานิสงส์ของบุญที่ส่งผลให้เกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ หวังว่า ท่านผู้อ่านคงได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อย เรื่องราวของพระเจ้าจักรพรรดิยังไม่หมดแค่นี้ ยังมีข้อปฏิบัติหรือคุณธรรมของพระเจ้าจักรพรรดิค่ะ
    fairy3
    จักรวรรดิวัตร ๑๐ ประการ
    พระราชาที่เป็นพระเจ้าจักรพรรดิได้นั้น จะต้องมีจักรวรรดิวัตร หรือข้อปฏิบัติ ๑๐ ประการ อันได้แก่..

    ๑. ทาน ทรงพระราชทานทรัพย์ที่จำเป็น อันได้แก่การให้ข้าว น้ำ ยานพาหนะ ของหอมที่นั่งที่นอน ที่อยู่อาศัย และประทีปโคมไฟ เป็นต้น โดยไม่ทรงหวังผลตอบแทน ทรงให้ธรรมทาน ประทานพระโอวาทให้ข้าราชบริวารตั้งอยู่ในศีล

    ๒. ศีล ทรงรักษาศีล พระองค์ทรงรักษาศีล ๕ ทุกวัน เป็นปกติ และถืออุโบสถศีล วันพระ ๘ ค่ำ ๑๘ ค่ำ

    ๓. ปริจาคะจะหมายถึง การให้วัตถุสิ่งของการเสียสละความสุขส่วนตัวการช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นโดยไม่เลือกว่าเป็นมิตรหรือศัตรูคือการให้ที่มุ่งกำจัดกิเลสในตัวเอง คือมุ่งกำจัดความโลภ ความตระหนี่ความเห็นแก่ตัวเป็นหลัก

    ๔. อาชวะซื่อตรง ทรงสัตย์ ไม่คดโกง ไม่หลอกตัวเอง ไม่ผลัดวันพระกันพรุ่งถือฝักถือฝ่ายในเวลาปฏิบัติหน้าที่มีความจริงใจในความตั้งใจ

    ๕. มัททวะ มีกิริยานิ่มนวล อ่อนโยน มีความเคารพในธรรม ไม่แข็งกระด้าง อ่อนโยน ต่อบุคคลที่ด้อยกว่า ไม่แสดงความแข็งกระด้างให้ปรากฏ อ่อนน้อมเข้าหาสมณะ พราหมณ์ หรือนักบวชผู้มีศีลมีคุณธรรมสูงกว่าตน

    ๖. ตปะ กำจัดความเกียจคร้าน ความเศร้าหมองของกิเลสไม่ให้ความชั่วไหลเข้ามาสู่ตน

    ๗. อโกรธะ ไม่ทรงพิโรธ ไม่ถือโกรธ ไม่เคืองแค้น ไม่น้อยพระทัย ทรงให้อภัยแก่ผู้ทำผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจ

    ๘. อวิหิงสา ไม่เบียดเบียนใคร ทรงปกป้องรักษาให้ได้รับความสงบร่มเย็นความปลอดภัย

    ๙. ขันติ ทรงอดทน อดกลั้น ไม่ดีพระทัย ไม่เสียพระทัยเกินไป ทรงอดทนต่องานหนัก ความร้อนความหนาว กับภารกืจที่ความตรากตรำ แม้ยามเจ็บไข้ได้ป่วย ก็เพียงแต่ร่างกาย ยังทรงทำหน้าตาให้สดใส

    ๑๐. อวิโรธนะ ไม่ทรงออกนอกวิถีแห่งธรรม บำเพ็ญราชกิจด้วยความยุติธรรม เที่ยงตรงดุจตาชั่ง ทรงให้รางวัลแก่บุคคลที่ควรจะได้รับรางวัลทรงแต่งตั้งบุคคลที่ควรได้รับการแต่งตั้ง โดยเว้นขาดจากอคติ

    สุดท้ายนี้ ผู้เขียนหวังว่า ธรรมทานนี้จะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านในการนำไปประพฤติปฎิบัติไม่มากก็น้อย

    ขอผลบุญแห่งธรรมทานนี้ ขอน้อมถวายแด่พระเจ้าจักรพรรดิตั้งแต่อดีต โดยสมเด็จองค์ปฐมบรมจักรพรรดิเป็นประธาน จวบจนถึงพระเจ้าจักรพรรดิในอนาคตกาล ตลอดทั้งพรหมเทวดาที่เป็นเทือกเถาแห่งพระจักรพรรดิราช และรัตนทั้ง ๗ อันมีจักรแก้ว ดวงแก้ว นางแก้ว ขุนคลังแก้ว ขุนพลแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว

    และขอผลนี้จงบังเกิดแด่ข้าพเจ้า ท่านผู้อ่าน และผู้เข้ามาโมทนาบุญทุกท่าน ขอให้ได้สมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่องโดยฉับพลัน ขอให้มีจิตใจที่เปี่ยมล้นด้วยเมตตาดุจเดียวกับพระเจ้าจักรพรรดิ ไม่ว่าจะสร้างมหาทานบารมีครั้งใด คำว่า "พร่อง" ขออย่าให้มีจนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพานเทอญ...

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

    น้ำใส พุทธารา
    ;aa8fishh_
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2009
  2. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    โมทนาครับพี่น้ำ ทำเป็นกระทู้แนะนำให้แล้วครับ

    เพิ่มเติมข้อมูลให้ครับ

    พระจักรวรรดิวัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    โดย พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์

    ประเทศไทยนับว่า เป็นประเทศหนึ่งในภูมิภาคนี้
    ที่ได้รับอารยธรรมมาจากประเทศอินเดียตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ ๓
    เชื่อกันว่า ในช่วงเวลานั้น กษัตริย์อินเดียแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
    ได้ทรงปกครองอาณาจักรสยามด้วย
    และในโอกาสนี้ พระพุทธศาสนา
    จึงได้แผ่เข้ามาในอาณาจักรสยามด้วยเช่นกัน

    อันสืบเนื่องมาจากอารยธรรมของอินเดีย
    และโดยอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
    ซึ่งมีลักษณะการบริหารประเทศโดยมีกษัตริย์เป็นประมุขของรัฐ
    สืบเนื่องกันมาเป็นเวลานานตั้งแต่ก่อนพุทธกาล
    จึงได้มีการวาง รูปแบบการปกครองและการบริหารของประเทศ
    ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกษัตริย์ไว้ว่า

    "....กษัตริย์ทรงเป็นประมุขของรัฐ ทรงมีอำนาจไม่มีขอบเขต....
    ทรงเป็นจอมทัพ...ทรงเป็นประมุขด้านตุลาการ....
    ทรงเป็นเจ้าของทรัพย์สินทั้งหลายในราชอาณาจักร......
    ...แต่กษัตริย์ก็มิได้ทรงเป็นราชาที่มีอำนาจเด็ดขาด


    เพราะในวันประกอบพิธีบรมราชาภิเษกนั้น
    กษัตริย์จะต้องปฏิญาณพระองค์ต่อประชาชนว่า

    ....ความสุขและสวัสดิภาพ
    ของกษัตริย์อยู่ที่ความสุขและสวัสดิภาพของประชาชน
    สวัสดิภาพของกษัตริย์มิได้อยู่ที่ความสุขของกษัตริย์เอง
    แต่อยู่ที่ ความสุขของประชาชนของกษัตริย์
    สิ่งใดที่ให้ความสุขแก่กษัตริย์จะถือว่าสิ่งนั้นมิใช่สิ่งดีงาม
    แต่สิ่งใดที่ให้ความสุขแก่ ประชาชนจะถือว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งดีงาม....


    ข้อความดังกล่าวข้างต้นแสดงให้เห็นว่า

    "...กษัตริย์ไม่ทรงเป็นเผด็จการ
    ไม่ทรงทำ ความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน
    ไม่ทรงถือเอาผลประโยชน์จากประชาชนตามพระประสงค์
    หรือตามพระทัยของพระองค์เอง

    แต่กษัตริย์จะต้องทรงส่งเสริมสวัสดิการของประชาชน
    ต้องทรงถือพระองค์ว่า เป็นผู้รับใช้ของรัฐ...... "


    [​IMG]

    โดยหลักการบริหารประเทศดังกล่าว
    ได้มีการวางรูปแบบการปกครอง
    และการบริหารของประเทศในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกษัตริย์
    ไว้เป็นหลักใหญ่รวม ๓ ประการ คือ

    ๑. ทศพิธราชธรรม

    หรือ ธรรมะในการปกครองประเทศ ๑๐ ประการ
    เพื่อให้อาณาประชาราษฎร์ร่มเย็นเป็นสุขบ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง

    ๒. ราชสังคหะ

    หรือ ธรรมะในการทำนุประชาราษฎร์ ๔ ประการ

    ๓. จักรวรรดิวัตร

    ธรรมะในการคุ้มครองป้องกันอาณาประชาราษฎร์

    ดังนั้น เจ้าชายองค์รัชทายาทซึ่งมีสิทธิ์ที่จะเสด็จขึ้นครองราชย์ในอนาคต
    แม้กระทั่ง เจ้าชายสิทธัตถะ แห่งราชวงศ์ศากยะ เมืองกบิลพัสดุ์
    ซึ่งต่อมาได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
    หรือเจ้าชายจันทรคุปต์ ซึ่งต่อมาได้เป็นพระเจ้าจันทรคุปต์
    แห่งราชวงศ์เมารยะ จอมจักรพรรดิ์ผู้ปลดแอก
    กู้ชาติอินเดียให้พ้นจากการปกครองของขนขาติกรีก
    เมื่อประมาณ ๓๐๐ ปีก่อนคริสต์ศักราช

    (น่าเชื่อว่า เป็นพระองค์เดียวกับพระจันทโครพ
    ในนิยายจักร์ๆ วงศ์ๆ ของเรา....ผู้เขียน)


    จำเป็นจะต้องศึกษาวิชาต่างๆ ตั้งแต่พระชนมายุประมาณ ๑๖ ปี
    ทั้งภาคทฤษฎี และปฏิบัติ ในห้วข้อ วิชาต่างๆ
    ซึ่งประกอบด้วย พระเวท และศิลปศาสตร์รวม ๑๘ อย่าง
    ได้แก่ การคำนวณ ภูมิศาสตร์ วิชาช่าง ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
    การค้าขาย การขับร้องดนตรี ดาราศาสตร์ การใช้ศรและธนู โบราณคดี
    แพทยศาสตร์ โหราศาสตร์ การแต่งกาพย์ ฉันท์ ตรรกวิทยา
    เกษตรศาสตร์และปศุสัตว์ พิชัยสงคราม เวทมนตร์คาถา
    การสื่อสารมวลชน และความรู้ทั่วไป

    สถาบันการศึกษาที่สำคัญในยุคนั้นแห่งหนี่ง
    ได้แก่ มหาวิทยาลัยตักศิลา
    โดยต้องใช้ระยะเวลาการศึกษาประมาณ ๘ ปี
    โดยรูปแบบการปกครองและการบริหารของประเทศที่ได้วางไว้

    [​IMG]

    เมื่อได้เสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว
    กษัตริย์จะต้องทรงปฏิบัติพระองค์ในลักษณะธรรมราชา
    ปกครองอาณาประชาราษฎร์ให้กินดีอยู่ดี
    มีความร่มเย็นเป็นสุขบ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง
    บนพื้นฐานที่มาจากความเชื่อว่า
    ราชาที่ดีจะต้องเป็นผู้ที่ทรงไว้ซึ่งธรรมะสำคัญที่เรียกว่า "ทศพิธราชธรรม"

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top noWrap align=right>[​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top noWrap align=right>[​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>[​IMG]

    พระมหากษัตริย์จะต้องทรงตั้งอยู่ในขัตติยประเพณี
    ไม่ทรงประพฤติผิดจากราชจรรยานุวัตร (ราชสังคหะ ๔ ประการ)
    นิติศาสตร์ และ ราชศาสตร์

    ทรงอุปถัมภ์ผู้ที่มีคุณความชอบ
    ทรงบำราบผู้ที่กระทำความผิดด้วยความเป็นธรรม
    ไม่ทรงอุปถัมภ์ยกย่อง หรือบำราบบุคคล ด้วยอำนาจอคติ ๔ ประการ
    คือ ฉันทาคติ โทสาคติ โมหาคติ และภยาคติ
    ไม่ทรงหวั่นไหว สะทกสะท้านต่อโลกธรรม

    ในส่วนที่เกี่ยวกับ ราชสังคหะ
    หรือ ประการการทำนุประชาราษฎร์ด้วยหลักธรรม ๔ นั้น จะประกอบด้วย

    [​IMG]

    ๑. สัสสเมธะ

    ได้แก่ พระปรีชาสามาถในเรื่องการบำรุงพืชพันธุ์ธัญญาหาร
    ส่งเสริมการเกษตรให้อุดมสมบูรณ์

    ๒. ปุริสเมธะ

    ได้แก่ พระปรีชาสามารถในการสงเคราะห์พระราชวงศานุวงศ์
    และข้าทูลละอองธุลีพระบาทผู้ประกอบราชกิจ ฉลองพระคุณ
    ทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือน
    โดยทรงยกย่องพระราชทานยศ ฐานันดร
    ตำแหน่งหน้าที่โดยสมควรแก่กุลวงศ์
    วิทยาสามารถ และความชอบในราชการ

    ๓. สัมมาปาสะ

    ได้แก่ พระปรีชาสามารถในการส่งเสริมอาชีพ
    เช่น การจัดทุนให้คนยากจนยืมไปสร้างตนในพาณิชยกรรม เกษตรกรรม
    หรือดำเนินกิจการต่างๆ
    เพื่อมิให้บังเกิดช่องว่างในสังคมมากจนเกินไป

    ๔. วาจาไปยะ

    ได้แก่ พระปรีชาสามารถในการใช้พระวาจาที่เตือนสติแก่ผู้ฟัง
    ทำให้ผู้ฟังเกิดความประทับใจ ดูดดื่มใจ
    รวมทั้งจะไม่ทรง รังเกียจเบื่อหน่ายที่จะทรงทักทายปราศรัย
    ถามไถ่ทุกข์สุขของประชาราษฎร์ทุกระดับชั้นโดยสมควรแก่ฐานะ

    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>[​IMG]

    ทศพิธราชธรรม ประกอบด้วยหลักธรรม ๑๐ ประการ ได้แก่

    ๑. ทาน

    ได้แก่ การเอาใจใส่สงเคราะห์อนุเคราะห์
    ให้ประชาราษฎร์ได้รับประโยชน์สุข ความสะดวกปลอดภัย
    ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ เดือดร้อน ประสบทุกข์
    และให้การสนับสนุนแก่คนทำความดี

    พระมหากษัตริย์จะทรงยินดีจ่ายพระราชทานทรัพย์
    ให้แก่ข้าราชการ และราษฎรผู้สมควรได้รับในคราวที่ควร
    ตลอดจนถึงการจ่ายเพื่อบำรุงกิจการ
    เพื่อให้ความสะดวกและความสมบูรณ์แก่ราษฎร

    พระมหากษัตริย์จะทรงชุบเลี้ยงพระราชวงศานุวงศ์
    และข้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วยพระราชทาน
    พระราชทรัพย์ เครื่องอุปโภค บริโภคภัณฑ์ตามฐานะของบุคคลนั้น

    ซึ่งได้รับราชการฉลองพระเดชพระคุณ
    และพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์แก่องค์การหรือ
    บุคคลและราษฎรเมื่อถึงคราวอันสมควร
    รวมทั้งพระราชทานจตุปัจจัยแก่บรรพชิตผู้ประกอบกิจพระศาสนา

    ๒. ศีล

    ได้แก่ การรักษาความสุจริต มีความประพฤติดีงาม
    สำรวมกายและวจีกรรม ประพฤติตนเป็นตัวอย่างที่ดี
    ให้เป็นที่เคารพนับถือ ของประชาราษฎร์
    พระมหากษัตริย์จะทรงประพฤติพระจริยาทางพระกาย
    พระวาจาให้สะอาดตามขัตติยราชประเพณี
    ดำรงด้วยดีในเบญจศีลให้เป็น คุณสมบัติในพระองค์

    [​IMG]

    ๓. บริจาคะ

    ได้แก่ การเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
    และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
    พระมหากษัตริย์จะทรงสละบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นต้น
    ตลอดจนความสุขส่วนพระองค์
    เพื่อความสุขของประชาราษฎร์ ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง

    ๔. อาชชวะ

    ได้แก่ การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
    มีความจริงใจ ไม่หลอกลวงประชาชน
    พระมหากษัตริย์จะทรงมีพระราชอัธยาศัยประกอบด้วยความซื่อตรง
    ดำรงในความสัตย์สุจริตต่อพระราชสัมพันธมิตร
    และพระราชวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองพระบาททั้งปวง
    ไม่ทรงคิดลวงประทุษร้ายโดยอุบายอยุติธรรม

    ๕. มัททวะ

    ได้แก่ ความอ่อนโยน การมีอัธยาศัย
    พระมหากษัตริย์จะไม่ทรงดื้อดึงถือพระองค์ด้วยอำนาจมานะ
    เมื่อมีผู้กราบทูลตักเตือนโต้แย้งด้วยข้ออรรถข้อธรรมที่กอปรด้วยเหตุผล
    ซึ่งเป็นวิสัยของบัณฑิตชนกมิได้ทรงห้ามปรามคัดค้าน
    ทรงวิจารณ์โดยถ้วนถี่ ถ้าดีชอบก็ทรงยินดีด้วยแล้วทรงอนุวัตรตาม
    โดยไม่ทรงถือ พระองค์ด้วยอำนาจมานะ

    ไม่ทรงเย่อหยิ่งหยาบคายกระด้าง ถือพระองค์
    มีความงามสง่าอันเกิดจากท่วงทีกิริยาสุภาพนุ่มนวลละมุนละไม
    ทรงมีสัมมาคารวะอ่อนน้อมแก่ท่านผู้เจริญโดยวัย และเจริญโดยคุณ

    [​IMG]

    ๖. ตปะ

    ได้แก่ การบำเพ็ญความเพียรเพื่อกำจัดความเกียจคร้าน และความชั่ว

    พระมหากษัตริย์จะต้องทรงตั้งพระราชหฤทัยกำจัดความเกียจคร้าน
    และการทำผิดหน้าที่
    ทรงตั้งพระราชอุตสาหะวิริยภาพปฏิบัติ
    พระราชกรณียะให้เป็นไปด้วยดีเพื่อคุ้มครองไพร่ฟ้าประชาชน

    ๗. อักโกธะ

    ได้แก่ การไม่เกรี้ยวกราด
    ไม่วินิจฉัยข้อความและกระทำด้วยอำนาจความโกรธ มีเมตตาประจำใจ
    พระมหากษัตริย์จะต้องทรงมีพระราชอัธยาศัยประกอบด้วยพระเมตตา
    ไม่ทรงปรารถนาก่อเวรก่อภัยให้แก่ผู้ใดผู้หนึ่ง
    ไม่ทรงพระพิโรธ ด้วยเหตุที่ไม่ควร

    แม้จะมีเหตุที่ให้ทรงพิโรธ ก็จะทรงข่มเสียให้สงบระงับอันตรธาน
    และทรงปฏิบัติด้วยพระสติรอบคอบ

    ๘. อวิหิงสา

    ได้แก่ การไม่หลงระเริงอำนาจ ไม่บีบคั้นกดขี่
    มีความกรุณา ไม่หาเหตุเบียดเบียนลงโทษอาชญา
    แก่ประชาราษฎร์ผู้ใดด้วย ความอาฆาตเกลียดชัง

    พระมหากษัตริย์จะต้องทรงมีพระราชอัธยาศัยกอปรด้วยพระมหากรุณา
    ไม่ทรงปรารถนาก่อโทษก่อทุกข์แก่ผู้หนึ่งผู้ใด
    ไม่ทรงเบียดเบียน พระราชวงศานุวงศ์
    ข้าทูลละอองธุลีพระบาทและอาณาประชาราษฎร์
    ให้ลำบากด้วยเหตุอันไม่ควร
    ทรงปกครองประชาชนดังบิดาปกครองบุตร

    [​IMG]

    ๙. ขันติ

    ได้แก่ การมีความอดทนอดกลั้นต่อความโลภ
    ความทะเยอทะยานอยากได้
    ความโกรธความพยาบาทมุ่งร้าย ความหลงงมงาย
    หลงระเริงในอารมณ์ที่ยั่วให้เกิด

    ไม่ยอมละทิ้งกิจกรณีย์ที่ได้บำเพ็ญโดยชอบธรรม
    พระมหากษัตริย์จะต้องทรงมีความอดทนอดกลั้น
    ไม่หวั่นไหวต่อความโลภ ความโกรธ
    และความหลงที่เกิดขึ้นเป็นอารมณ์

    ทรงมีความอดทน ต่อเวทนามีเย็นร้อนเป็นต้น
    ทรงอดทนต่อถ้อยคำที่มีผู้กล่าวชั่ว
    ทรงรักษาพระราชหฤทัยและพระอาการกายวาจาให้สงบเรียบร้อย

    ๑๐. อวิโรธนะ

    ได้แก่ การวางตนให้เป็นหลัก หนักแน่น
    สถิตมั่นในธรรมทั้งส่วนยุติธรรม และนิติธรรม
    ไม่มีความเอนเอียงหวั่นไหวเพราะ ถ้อยคำดีร้าย
    ลาภสักการะ อิฏฐารมณ์ หรือ อนิฏฐารมณ์
    โดยยึดถึงประโยชน์สุข และความดีงามของรัฐและราษฎร์เป็นที่ตั้ง

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top noWrap align=right>[​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>[​IMG]

    และภาวะสำหรับ จักรวรรดิวัตร
    หรือธรรมะในการคุ้มครองป้องกันอาณาประชาราษฎร์นั้น
    มีรายละเอียดครอบคลุมเรื่องที่เกี่ยวกับการปกครอง ไว้อย่างกว้างขวาง
    ปรากฏเป็นหลักฐานอยู่ใน พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย
    มีแนวทางปฏิบัติของพระมหากษัตริย์สำคัญที่น่าสนใจดังนี้

    ๑. พระมหากษัตริย์จะต้องทรงพิทักษ์ชีวิตและทรัพย์สมบัติของประชาชน

    ๒. พระมหากษัตริย์จะต้องทรงอนุเคราะห์ประชาชนชาวนิคมชนบทโดยฐานานุรูป

    ทรงแนะนำชักนำให้ประชาชนตั้งอยู่ใน กุศลสุจริต
    ประกอบอาชีพโดยชอบธรรม

    หากชนใดไม่มีทรัพย์พอเลี้ยงชีพโดยสัมมาอาชีวะ
    จะพระราชทานทรัพย์เจือจาน
    ให้เลี้ยงชีพด้วยวิธีอันเหมาะสม ไม่ให้แสวงหาด้วยทุจริต

    ๓. พระมหากษัตริย์จะต้องทรงช่วยชีวิตของประชาชน
    ในยามเกิดภัยพิบัติจากธรรมชาติ


    เช่น อุทกภัย วาตภัย ดินฟ้าอากาศแห้งแล้ง
    ฝนไม่ตกตามฤดูกาล รวมทั้ง โรคระบาด อัคคีภัย

    [​IMG]

    ๔. พระมหากษัตริย์จะต้องทรงดำเนินนโยบายต่างประเทศอย่างลึกซึ้ง

    ด้วยการผูกพระราชไมตรีสมานราชสัมพันธมิตรกับกษัตริย์
    ประธานาธิบดี และผู้นำของประเทศต่างๆ
    เพื่อให้ราชอาณาจักรอยู่รอดปลอดภัย

    ๕. พระมหากษัตริย์จะต้องทรงส่งเสริมศิลปะและการศึกษา
    รวมทั้งสุขภาพ อนามัย สุขาภิบาล


    ทรงให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ ปลดเปลื้องภาระคนยากจน
    ตลอดจนการกระทำอันเป็นบุญกุศลซึ่งได้แก่
    การสร้างโรงพยาบาล บ้านพักคนชรา คนกำพร้า คนอนาถา เป็นต้น

    [​IMG]

    ๖. พระมหากษัตริย์จะต้องทรงอุปการะสมณชีพราหมณ์ผู้มีศีลประพฤติชอบ

    โดยพระราชทานไทยธรรม บริขารเกื้อกูลแก่ ธรรมปฏิบัติ ฯลฯ

    หากได้นำพระราชกรณียกิจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    ได้ทรงปฏิบัติต่อประเทศชาติ ต่อส่วนรวม
    ต่อพสกนิกรประชาชนคนไทย มาโดยตลอด

    นับตั้งแต่วันที่ได้เสด็จขึ้นครองราชย์มาอย่างต่อเนื่อง
    เป็นเวลานานเกินกว่าครึ่งศตวรรษ
    มาเปรียบเทียบกับหลักการปกครอง
    และบริหารประเทศตามตำราอรรถศาสตร์
    ซึ่งถือเป็นตำรามาตรฐานในการปกครอง
    และบริหารประเทศตามอำนาจหน้าที่ของพระมหากษัตริย์
    มาแต่โบราณกาลดังกล่าวข้างต้น

    [​IMG]

    จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงปฏิบัติตามแนวทางเหล่านั้นมาโดยตลอด
    โดยไม่มีขาดตกบกพร่องจากเลยแม้แต่ข้อเดียว


    ถึงแม้ว่า พระองค์ท่านจะมิได้ทรงมีโอกาสเข้ารับการศึกษา
    ตามหลักสูตรที่ได้กำหนดไว้ในตำรา อรรถศาสตร์
    ดังกล่าวเช่นเดียวกับเจ้าชายรัชทายาท
    อันเนื่องมาจากกาลเวลา และสภาพสังคมที่ได้ปลี่ยนแปลงไป
    กับการที่ต้องเสด็จขึ้น ครองราชย์โดยกระทันหัน
    ด้วยเหตุการณ์ที่มิได้คาดคิด

    [​IMG]

    ย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์ยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่า
    ถึงความเป็นพหูสูตของพระองค์ท่าน

    ไม่เพียงเท่านั้น ประชาชนคนไทยนับได้ว่าเป็นผู้ที่มีโชคดี
    ที่พระมหากษัตราธิราชซึ่งทรงไว้ซึ่งทศพิธราชธรรม
    ทรงมีพระปรีชาสามารถ
    ทรงมีพระราชอัจฉริยภาพสูงส่ง
    ทรงมีความเป็นพหูสูต ในสาขาวิชาการต่างๆ
    และทรงมีพระมหากรุณาแก่พวกเราอย่างมากมายเหลือคณานับ


    [​IMG]

    ดังนั้นในวโรกาสมหามงคลแห่งพิธีการเฉลิมฉลองพระชนมายุครบ ๘๐ พรรษา
    และพระราชพิธีฉัตรมงคลเวียนมาบรรจบอีกครั้งในปี ๒๕๕๑

    จึงเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่พวกเราทุกคนจะได้ร่วมกันตั้งสัจจบารมี
    กำหนดจิตอธิษฐานถวายพระพรให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
    เป็นมิ่งขวัญของพสกนิกรประชาชนคนไทยตลอดไป


    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    (ที่มา : พระจักรวรรดิวัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    โดย พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์ : เอกสารอ้างอิง "ประวัติศาสตร์เอเชียใต้ยุคโบราณ",
    ดนัย ไชยโยธา, บริษัทอักษรเจริญทัศน์ฯ)
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง : http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=15749
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2009
  3. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    พระเจ้าจักรพรรดิที่มีมา

    ท่านจะเลี่ยงจากการปราบปรามศัตรูต่อข้าศึกได้เช่นใด
    ท่านจะเลี่ยงต่อการสั่งลงโทษต่อผู้กระทำผิดต่อบ้านเมืองเช่นใด

    การปกครองต่อคนหมู่มาก
    คนดีย่อมเคารพในธรรมต่อพระจักรพรรดิด้วยคุณธรรม
    คนไม่ดีย่อมเคารพในกฎราชประเพณีพึงปฎิบัติด้วยข้อห้ามแห่งราชอาณาจักร

    สมัยหนึ่งพระโพธสัตว์เจ้าถึงขนาดกลัวเป็นกษัตริย์เพราะทรงระลึกได้ในภพเก่า
    ที่ต้องลงโทษต่อศัตรูผู้รุกราน ต่อผู้เป็นคนไม่ดีในบ้านเมือง
    ทรงพระนามว่า"พระเตมีย์ใบ้"

    กษัตริย์ที่ครองแคว้นยังทำให้ไปอบายได้ง่ายแล้วพระเจ้าจักรพรรดิยิิ่งอันตรายเป็นอย่างยิ่ง

    พระเจ้าอโศกมหาราช ท่านได้อุปถัมภ์พระพุทธศาสนา ทำการสังคายนา เผยแผ่พระพุทธศาสนา สร้างมหาลัยสงฆ์ นี่เป็นส่วนที่ดี

    แต่...

    การพลาดพลั้งเพราะปราบปรามกบฎต่อแผ่นดิน สังหารต่ออริราชศัตรู ไม่ทราบมีไปมากน้อยเท่าไหร่

    ในสิ่งที่ดีเลิศ ยิ่งสูงก็ยิ่งหวั่นใจ มีโอกาสพลาดพลั้งกระทำผิดพลาดมากยิ่งขึ้นและมีโอกาสได้กระทำความดีมากเช่นกัน

    ความเป็นไปแห่งพระเจ้าจักรพรรดิจึงมีทั้งดีสูงสุดและมีโอกาสพลาดสูงสุดได้เช่นกัน

    ตั้งแต่อดีตมา พระนเรศวรมหาราชทรงมีคุณต่อแผ่นดินไทยแต่พระองค์ท่านก็ต้องตีชิงเมืองเพื่อเอกราชแห่งปวงชนชาวสยาม ท่านต้องข้ามศพของชาวสยามและศัตรูที่รุกรานแผ่นดินเช่นกัน

    เจงกีสข่าน นโปเรียน ล้วนแล้วแต่มีผู้ที่ต้องพลัดพราก ล้มตาย กว่าจะครองแผ่นดินได้ก็ต้องเหยียบซากศพของปวงชน

    อดีตของโลก และอนาคตที่นับไม่ได้ พระเจ้าจักรพรรดิจะมีไม๊ที่ครองแผ่นดินโดยธรรมโดยไม่ต้องปราบอริราชศัตรู สั่งประหารคนไม่ดี...

    ยิ่งสูงจึึงยิ่งหนาว...

    พระพุทธองค์จึงทรงเลือกทางเดินแห่งความพ้นทุกข์มากกว่าเป็นพระเจ้าจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่

    ผิดพลาดขออภัย...ขอพึงพิจารณาในความปรารถนา
    ทำบุญ ทำทานจงทำที่แก่นคือสละอารมณ์เพื่อสร้างอุปนิสัยแห่งการขจัดกิเลสภายในด้วยสติปัญญา...
     
  4. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    ไม่แน่ใจนะครับ เรียนถามผู้รู้ด้วยครับ
    ผมเคยอ่านนานแล้วในพระไตรปิฎก
    พระพุทธเจ้าตรัสในทำนองว่า
    พวกเราเคยเป็นกันมาทุกภพภูมิแล้วในวัฏฏะยาวนานนี้
    พระเจ้าจักรพรรดิ-นรก-เศรษฐี-ยาจกพิการ-
    พรหม-นาค-ครุฑ-เดียรฉาน-ดีใจ-ร้องไห้- ฯลฯ
    และตรัสถามทำนองว่า"ยังไม่เบื่ออีกเหรอ"
    เว้นแต่เรายังไม่เคยนิพพานเท่านั้นครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2009
  5. ปัทมินทร์

    ปัทมินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +1,393
    อนุโมทนาสาธุ
    ในหลวงทรงเปี่ยมล้นไปด้วยธรรม ผมรักพระองค์
     
  6. LittleBuddha

    LittleBuddha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +158
    จักรวรรดิวัตร ๑๐ ประการ ก็คือ ทศพิธราชธรรมนั่นเองหล่ะขอรับ อิอิ สาธุ สาธุ
     
  7. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,682
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    เพิ่มเติม บุญที่เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราชถึง ๘ หมื่น ๔ พันกัลป์

    ในเชตวันมหาวิหาร ณ กรุงสาวัตถี
    พระสารีบุตรเถระเจ้า ทูลถามกับพระพุทธเจ้า
    "ว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าชนทั้งหลายให้พุทธศาสนายืนยาวถึง ๕ พันวัสสา จะมีอานิสงส์เป็นประการใด พระพุทธเจ้าข้า "

    พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ดูกรท่านสารีบุตร ถ้าชนทั้งหลายมีจิตรศรัทธาเลื่อมใสเช่นนั้นแล้ว

    เมื่อตายไปแล้วก็จักรได้เสวยราชสมบัติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราชถึง ๘ หมื่น ๔ พันกัลป์ ใช่แต่เท่านั้น

    เมื่อเคลื่อนจากความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิแล้ว ก็จะได้เป็นพระราชา มีอนุภาพอีก ๙ อสงไขย

    ต่อจากนั้นก็ได้เสวยสมบัติในตระกูลต่าง ๆ เป็นลำดับไป คือตระกูลพราหมณ์มหาศาล ตระกูลเศรษฐีคฤหบดี และเป็นภูมิเทวดาอากาศเทวดา อย่างละ ๙ อสงไขย

    ต่อแต่นั้นก็จะได้เสวยในสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น เป็นลำดับไปชั้นละ ๘ อสงไขย

    เมื่อจุติจากชั้นเทวโลกแล้ว มาถือกำเนิดเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะมีร่างกายบริสุทธิ์ผุดผ่อง เป็นที่รักใคร่แก่คนทั้งหลายที่ได้พบเห็นทั้งน้ำใจก็บริสุทธิ์
    สุจริตปราศจากบาปธรรมอกุศลทั้งปวง และเป็นผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาดรอบรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม


    ดังนี้เป็นต้น ดูกรท่านสารีบุตรเมื่อตถาคตสร้างบารมีอยู่ได้เกิดเป็นอำมาตย์ของพุทธบิดา แห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า ปุราณโคดม ได้สร้างพระไตรปิฎกไว้ให้สืบองค์ได้ตั้งความปรารถนา ขอตรัสเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งเถิดในอนาคตกาลโน้น สมเด็จพระปุราณโคดมบรม
    ศาสดาทรงพยากรณ์ไว้ว่า อำมาตย์ผู้นี้ต่อไปภายภาคหน้า จะได้ตรัสเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งมีพระนามว่า พระสมณโคดมก็คือพระตถาคต เรานี้เองดังนี้แลก็สิ้นสุดพระกระแสธรรมเทศนา ที่
    พระบรมศาสดาทรงแสดงแก่พระสารีบุตรเถระเจ้าแต่เพียงเท่านี้
     
  8. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    อนุโมทนาค่ะพี่น้ำ หายหน้าไปนาน แต่มาทีก็กลับมาพร้อมกับธรรมทานดี ๆ ที่นำมาฝากกันเหมือนเช่นเคย
     
  9. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,151
    ค่าพลัง:
    +18,075
    โมทนาบุญกับท่านผู้เดินทางไกลทุกท่านค่ะ [​IMG]
     
  10. azalia

    azalia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    626
    ค่าพลัง:
    +579
    อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ [​IMG]
     
  11. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,671
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** สัจจะธรรม ****

    สุดท้าย...ก็จบลงด้วย สัจจะ
    หลักธรรมของโลกุตตระ....นำพาสัตว์โลกหลุดพ้นทุกข์

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  12. vera_p

    vera_p เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2009
    โพสต์:
    260
    ค่าพลัง:
    +588
    ไม่ต้องการก็จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์กันอยู่แล้ว เพราะผลที่เกิดจากการ ทำทาน รักษาศีล ภาวนา
     
  13. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขออนุโมทนากับคุณ WebSnow , คุณ boontar และคุณชัชวาล เพ่งวรรธนะ และหลาย ๆ ท่านที่ช่วยเพิ่มเติมความรู้เรื่อง พระเจ้าจักรพรรดิค่ะ

    -Happy Smile_
    ขออนุโมทนาบุญกับน้องหญิงเช่นกันค่ะ มี trip ที่ไหน อย่าลืมชวนด้วยนะคะ

    บุญรักษาค่ะ

    P'Numsai

    wel lcome_pink
     
  14. maysunan

    maysunan สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +13
    อนุโมทนา ด้วยคนค่ะ
    เกิดเป็นพระจักรพรรดิ สั่งสมบุญ บารมีอย่างต่อเนื่อง ทุกภพ ทุกชาติ ทั้งบิดา มารดา ปู ย่า ตายาย ต่างช่วยกันสะสมบุญ สร้างบุญใหม่....ฯลฯ

    สาธุ สาธุ
     
  15. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...