ถามเรื่อง การอุทิศส่วนบุญ ค่ะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย samusunn, 2 กรกฎาคม 2009.

  1. samusunn

    samusunn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    517
    ค่าพลัง:
    +878
    พอดีดิฉันเกิดความสงสัยค่ะ เพราะคิดสงสารใครก็เกิด อยากจะแผ่เมตตา อุทิศส่วนบุญให้เขาด้วยค่ะ คือว่า

    ดิฉันจะนั่งสมาธิทุกวัน วันละประมาณ 5-10 นาทีค่ะ
    (ไม่รู้จะได้บุญเยอะแค่ไหน แต่ดิฉันมีความรู้สึกอยากให้กับเขาน่ะค่ะ)
    หลังจากที่นั่งสมาธิเสร็จ ดิฉันจะสวดมนต์ แผ่เมตตา

    ถ้าหากคนที่เราจะแผ่เมตตาหรืออุทิศส่วนบุญให้ เป็นคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธเหมือนกับเรา เขาจะรับได้หรือได้รับไหมคะ

    ขอความกรุณาท่านผู้รู้ช่วยตอบให้หายข้อสงสัยด้วยนะคะ
    ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
     
  2. แม่จิ๊บโจ้

    แม่จิ๊บโจ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +314

    ขออนุโมทนาค่ะ เมื่อผู้อุทิศมีจิตเป็นกุศล ผู้รับย่อมได้รับค่ะไม่ว่าผู้รับจะอยู่ในศาสนาใด
     
  3. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,166
    แผ่เมตตาไม่มีประมาณ


    หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ท่านสอนให้ศิษย์ทุกคนได้หัดแผ่เมตตา คือส่งความปรารถนาดีแก่คน สัตว์ ศัตรูหมู่มาร โดยแผ่ไปให้ทั่วจักรวาล ยิ่งแผ่มาก ก็ยิ่งทำให้ในสบาย รักชีวิตและทรัพย์สิน คนอื่นเหมือนกับของตนเอง สังคมก็จะมีความสุขสงบอย่างถ้วนทั่ว

    หลวงปู่แนะวิธีแผ่เมตตาให้บังเกิดผล โดยให้ทำตนและจิตใจเหมือนมารดาที่เลี้ยงลูก ให้ความรัก ความเอ็นดูสงสาร มุ่งหวังจะให้ลูกสุขกายสบายใจ มีอาชีพการงาน มีวิชาเลี้ยงตนเอง ได้ ความรักที่แม่ให้กับลูกเป็นความรักที่บริสุทธิ์ไม่มีพิษภัย และไม่ต้องการผลตอบแทนจากลูก มีแต่ให้อย่างเดียว

    ถ้าเราแผ่เมตตาเหมือนกับพระอาทิตย์ส่องแสง เมตตานั้นจะมีพลังสูงยิ่ง เพราะธรรมชาติของพระอาทิตย์ขณะที่ส่องแสงไม่ได้เลือกชุมชน สรรพสัตว์ยากดีมีจน อยู่ที่สูงหรือที่ต่ำ จะใกล้หรือไกล ก็ได้รับความร้อนเท่ากัน
    เมตตาธรรมก็เช่นกัน ขอให้แผ่ไปให้แก่ชนทุกชั้นทุกระดับ ใครจะรับได้มากน้อย สุดแต่วาสนาบารมีของผู้นั้น

    ผู้เขียน (รศ. ดร.ปฐม นิคมานนท์) เพิ่งประจักษ์ในความวิเศษของพระพุทธศาสนาเมื่อปี ๒๕๒๖ นี้เอง ก่อนหน้านั้นมัวไปลุ่มหลงศึกษาวิทยายุทธจากฝรั่งชาติตะวันตกอยู่นาน และเพิ่งมารับสัมผัสบารมีธรรมของหลวงปู่แหวน ในปี พ.ศ.๒๕๓๓ เมื่อครั้งติดตามหลวงปู่เพ็ง พุทฺธธมฺโม ไปกราบหลวงพ่อเปลี่ยน ปญฺญาปทีโป ที่วัดอรัญญวิเวก อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
    หลวงปู่แหวน ท่านเคยอยู่ที่วัดป่าบ้านปง (วัดอรัญญวิเวก ในปัจจุบัน) นานถึง ๑๑ ปี ก่อนจะย้ายไปพำนักที่ดอยแม่ปั๋ง และหลวงพ่อเปลี่ยน ก็ได้ตามไปอุปัฎฐากหลวงปู่เสมอมา จนกระทั่งวาระสุดท้ายในชีวิตของท่าน

    หลวงพ่อเปลี่ยน เล่าให้ฟังว่า “ทุกคืน หลวงปู่แหวน ท่านจะแผ่เมตตาไปทั่วจักรวาล แต่แปลก ที่ประเทศรัสเซีย กับประเทศบริวารรับกระแสเมตตาของท่านได้บ้างเล็กน้อย ส่วนเวียตนามไม่ยอมรับเลย สะท้อนกลับคืนหมด ประเทศเขาจึงวุ่นวายตลอด มาภายหลังก็เริ่มรับได้มากขึ้น และหลวงปู่ บอกให้หลวงพ่อเปลี่ยน ช่วยแผ่เมตตาให้ประเทศเวียตนามมากๆ ให้ทำทุกคืน

    หลวงพ่อเปลี่ยน ท่านว่า “พลังจิตของหลวงปู่เปรียบได้กับแสงพระอาทิตย์ ของอาตมา เป็นแค่แสงหิ่งห้อย เปรียบกันไม่ได้ แต่อาตมาก็ทำตามที่หลวงปู่บอกทุกคืน ตอนนี้เขาเริ่มดีขึ้น และจะดีขึ้นเรื่อยๆ ..."

    หลวงพ่อปรารภว่า ท่านอยากเอาหนังสือธรรมะไปแจก โดยเฉพาะแจกให้ “พวกตัวใหญ่ๆ”ซึ่งท่านรู้ว่าควรจะแจกให้ใคร และที่ใด เป็นการช่วยเหลืออีกทางหนึ่ง
    จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ผู้เขียนจึงได้มีส่วนร่วม ด้วยการไปหาผู้แปลและจัดพิมพ์หนังสือ "เมตตาธรรมค้ำจุนโลก" ซึ่งเป็นคำเทศน์ของหลวงพ่อ ออกมาเป็นภาษาเวียตนาม ตามความ ประสงค์ของท่าน
    ณ จุดนั้นเป็นต้นมา ผู้เขียนและครอบครัว จึงได้เริ่มสัมผัสกระแสเมตตา และได้รับรู้เรื่องราว เกี่ยวกับบารมีธรรม ของหลวงปู่แหวนมาโดยลำดับ นับเป็นบุญและเป็นมงคลยิ่งแก่ชีวิต ตลอดมา


    ที่มา..
     
  4. สัพเพ ธัมมา อะนัตตา

    สัพเพ ธัมมา อะนัตตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    337
    ค่าพลัง:
    +104
    ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ

    ________________________________

    สังขารคือร่างกายจิตใจและรูปธรรมนามธรรมทั้งหมดทั้งสิ้นไม่ใช้ตัวไม่ใช้ตนไม่ควรถือว่าเราว่าของเราว่าตัวว่าตนของเรา
     
  5. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    โมทนาสาธุธรรมครับ......แผ่เมตตาไม่มีประมาณไม่มีจำกัด.......

    ความจริงอยากบอกเจ้าของกระทู้นะครับ.....บุญกรรมฐานถึงแม้เราคิดว่าน้อย..แต่จริงๆแล้วมาก.....ยิ่งแผ่เมตตาไม่มีประมาณอีก.....ยิ่งมาก....
     
  6. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002
    ถ้าใจเราอยากจะให้โดยไม่มีอะไรมาข้องเกี่ยว ผมเชื่อว่ายังไงเขาก็ย่อมได้ครับ อนุโมทนาครับ จขกท ขอให้ทําต่อไปครับ การสวดมนต์เเละนั่งสมาธิ เเผ่เมตตานั้นเป็นสิ่งที่ดีจริงๆครับ อีกหน่อยคุณจะรู้คําตอบที่ลึกซึ้งกว่านี้อีกถ้ายังคงทําไปเรื่อยๆเป็นประจําครับ
     
  7. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    ขออนุโมทนา สาธุ ๆ ด้วยนะครับ กับการเผยแพร่ธรรมะ สำหรับผู้ที่ถามว่านั่งสมาธิวิปัสสนาวันละ 5 - 10 นาที แล้วได้บุญมากใหม ผมขอตอบเลยนะครับ ว่าได้บุญมาก ยิ่งแผ่เมตตา ก็ยิ่งได้บุญ คือ ได้บุญกับบุญ ครับ ยิ่งนั่ง สมาธิ กับ วิปัสสนา ไม่เหมือนกัน นะครับ ก่อนนั่งรักษาศิลก่อนนะครับ ไม่ว่า ศิล 5 หรือ ศิล 8 เพราะเมื่อขณะเรานั่งกรรมฐานอยู่นั้น ศิลจะไม่ขาดอย่างแน่นอน สมาธิ คือ ทำจิตให้ สงบนิ่ง ๆ วิปัสสนา คือ รู้ว่า รูป(ร่างกาย) นาม(จิตใจความนึกคิด) มัน เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ๆๆๆๆๆๆ ไม่ว่าจะเป็น ตา เห็น รูป , หู ได้ยิน เสียง , จมูก ได้ กลิ่น , ลิ้น ได้ลิ้ม รส , กาย ได้รับความสัมผัส, จิตใจ เป็นศูนย์รวมcenterของตา,หู,จมูก,ลิ้น,กาย ทำให้เกิดความรู้สึกนึกคิดได้ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ในขณะนั้นเองอย่างรวดเร็ว ลองสังเกตุดู นี่เขาเรียกว่า วิปัสสนา ปัญญา กุศล ได้รับมากกว่า การนั่ง สมาธิ บุญเกิดอย่างนี้นะครับ ทาน ได้บุญน้อย กว่า รักษา ศิล , ศิล ได้รับบุญน้อยกว่า การทำ สมาธิ, การทำ สมาธิ ได้บุญน้อยกว่า การทำวิปัสสนาปัญญา ก็คือ การ รู้เห็นการเกิดแล้วดับสลายหายไป ของ รูปและนาม ของเรา และของทุกสรรพสิ่ง ทั้งหลายในโลก และในจักรวาล แล้วเกิดความเบื่อหน่ายในทุกสรรพสิ่งว่าเป็น พระไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง (ทุกสิ่งไม่เที่ยงแท้แน่นอน มีการเปลี่ยนแปลง แปรปรวน ไม่คงที่ อยู่ตลอดเวลา) ทุกขัง(ทุกสิ่งเป็นทุกข์ มีโทษมีภัยอันตราย ตั้งแต่เกิดมาก็ระทมทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ มีการอิจฉาริษยา เบียดเบียน กันก็ไปลองนึกดูว่าตั้งแต่เกิดมาเป็นทุกข์มากกว่าเป็นสุข จริงหรือไม่) อนัตตา (ทุกสิ่งไม่มีใครเป็นเจ้าของได้แท้จริงเลย มันจึงไม่มีตัวตนที่แท้จริง ดังนั้นเราอย่าไปยึดมั่นถือมั่นอะไรว่าเป็นของเราจริง ๆ จัง ๆ เลย ทุกสรรพสิ่งล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปทั้งสิ้น ลองไปพิจารณาดูเอาเองว่าจริงหรือไม่) ก็เกิดความเบื่อหน่ายและเห็นโทษในการเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งเกิดมาจากตัณหาในตัวเราเอง คือ กามตัณหา ภวตัณหา(ความอยากมีอยากเป็น) วิภวตัณหา(ความไม่อยากมีไม่อยากเป็น) แล้วก็ดับ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เราเวียนว่ายตายเกิดแล้วก็ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในโลกนี้ แล้วก็มีจิตเป็น อุเบกขา ปล่อย ปละ ละ วาง ในทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ รวมทั้งตัวเราและตัวคนอื่นเขาด้วย เพราะว่ามันทำให้เกิดทุกข์เกิดโทษ เบื่อหน่ายอย่างสุด ๆ แล้ววางจิตเป็น อุเบกขา มุ่งจิตเข้าสู่ พระนิพพาน ซึ่ง เป็นสิ่งสูงสุดใน พระพุทธศาสนา ที่ พระพุทธเจ้า ได้ไปพบและให้เราปฏิบัติตามคำสั่งสอนของท่าน คือ ทางวิปัสสนา เป็นทางหลุดพ้นจากสังสารวัฎ เข้าสู่ พระนิพพาน ซึ่งเป็นสถานที่บรมสุข เป็นสถานที่ดับทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิง ก็ลองไปศึกษาเพิ่มเติมดูอีกทีนะครับ ก็มีความรู้อันน้อยนิดก็ขอ แชร์ให้ท่านทั้งหลายได้รับรู้รับทราบไว้ นะครับ
     
  8. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    แต่การทำ ทาน รักษาศิล สมาธิ วิปัสสนาปัญญา ต้องพยายามทำควบคู่กันไปให้ได้มาก ๆ นะครับ เพราะว่าถ้าเรายังไม่เข้าสู่ พระนิพพาน ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ การให้ทาน ก็จะได้มี ทรัพย์มากเมื่อเราเกิดมาอีก จะได้มีทรัพย์ทำบุญให้ทานและเลี้ยงชีวิตเราได้ต่อไป
     
  9. llovoll

    llovoll Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +64
    ขออนุโมทธนาด้วยนะครับ
     
  10. daradora

    daradora เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +496
    อนุโมทนาสาธุค่ะ

    หนูก็จะพยายามแผ่เมตตาทุกคืน

    อยากให้คนที่รับเขามีความสุข
     
  11. samusunn

    samusunn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    517
    ค่าพลัง:
    +878
    ขอขอบพระคุณทุกๆ ท่านที่ตอบให้หายข้อสงสัยนะคะ
    ทำให้ดิฉันได้รู้จักอะไรมากขึ้นกว่าเดิม จากที่เคยสงสัยเหมือนกันค่ะว่า
    การนั่งวิปัสสนานั้นหมายความว่าอย่างไร
    คราวนี้ดิฉันได้แน่ใจแล้วว่า จะมีวิธีการปฏิบัติอย่างไร
    เพราะก่อนนี้ดิฉันนั่งสมาธิ แล้วก็พิจารณากายเหมือนกันค่ะ
    แต่ไม่เคยทราบว่า นี่คือการวิปัสสนา(ส่วนหนึ่ง)
    ที่ปฏิบัติเช่นนี้ ก็เพราะว่า ดิฉันได้ฟังประวัติของหลวงปู่มั่นค่ะ
    เลยลองนำวิธีของท่านมาปฏิบัติ แต่ก็ยังได้ไม่ดีพอ
    แต่ดิฉันก็จะพยายาม และตั้งใจมากขึ้นค่ะ
     
  12. odanhi

    odanhi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +398
    อนุโมทนาคะ ทำเหมือนกันสวดมนต์ นั่งสมาธิ แผ่นส่วนบุญส่วนกุศลทุกวัน คิดว่ายังไงก็ได้รับนะคะ ยังไงก็ทำดีต่อไปนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...