ลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้าที่แท้จริง ต้องเป็นมังสวิรัติ

เอาเป็นว่า ลองพิจรณาให้ดีก่อน พระพุทธเจ้า ท่านฉันทมังป่าวอะ ผมว่านะถึงแม้คนเราจะกินมังกินเจแต่ถ้ายังมีกิเลสอยู๋ก็ไม่หลุดพ้นหรอกครับ อิอิ

 

ถ้าสัตว์ที่เราเพาะพันธ์ขึ้นมา เพื่อเลี้ยงและกินนั้นคงไม่บาปมั่งครับ

เพราะเป็นกรรมของสัตว์ที่จะมาเกิดในฟาร์มให้เรากิน

ถ้าจะเกิดมาไม่ให้เรากินก็ไปเกิดเป็นสัตว์ป่า เป็นตะขาป กิ้งกือไปนะ หุหุหุ

 

บาปจ๊ะ ลองหาดูในหมวดสัมมาอาชีโวนะจ๊ะ และถึงจะเกิดมาในฟาร์มเราเอง แต่การทำชีวิตสัตว์ให้ดับ ก็ผิดศีลข้อแรกเลยอ่ะจ๊ะ

 

จะกินอะไร ก็กินเต๊อะ แต่กินเพื่ออยู่
อย่าอยู่เพื่อกิน กินเขาแล้วก็สำนึกในบุญคุณ
ที่เขาต่อชีวิตสังขารให้เรา แล้วแจกจ่ายบุญ
ที่มีติดตัวให้เขาตามกำลังน้อ ยังไงก็อย่าลงมือ
ฆ่าใครเบียดเบียนใครทั้งสัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่
พืชเล็ก พืชใหญ่ รักษาจิต รักษาใจให้ผ่องใส เน้อ

 

ขออภัยที่ไม่เห็นด้วย...มันจะเป็นมิจฉาทิฐิ

บาปครับ ศีลขาด...

กรรมของเขาที่เกิดในฟาร์ม แต่ถ้าเราไปฆ่าเขาก็กรรมของเราแหละครับ

 

สายกลางครับ

สุดแท้แต่โอกาส

 

ปัญญาอ่อนอีกคนแล้ว ชอบตีความเอาเองแล้วก็เออเอง

 

พระพุทธองค์ มังสวิรัติหรอ?

 

แม้แต่พระพุทธเจ้ายังฉันท์เนื้อสัตว์ แล้วตำราเล่มไหนที่บอกแบบนั้นครับ
หลวงพ่อฤๅษีลิงดำก็ยังฉันท์เนื้อสัตว์ และหลวงพ่อยังบอกอีกว่า ถ้าพระพุทธเจ้าำไม่ได้บรรญัติไว้ ก็ไม่บาป อย่าคิดมาก

 

อนุโมทนาค่ะ

ข้าพเจ้าจะพยายามงดเนื้อสัตว์นะคะ วันพระ วันเกิดก็ยังดี

ใครจะคิดยังไงก็ช่างเถิดค่ะ พูดเรื่องฆ่าสัตว์ ก็นึกถึงเพื่อนที่เคยทำอาชีพโรงฆ่าหมูค่ะ ไปเฝ้าเขาตอนป่วยห้อง ICU เองเลย นอนร้องเสียงเหมือนหมูทั้งคืนเลยค่ะ

เขาก็บ่นว่า "กูจะตกนรกก็เพราะกูต้องทำให้คนอื่นเขากินและกูต้องหาเงิน คนกินมันรู้สึกบ้างไหมวะ แต่ทำไมทรมานมากแบบนี้ รู้แบบนี้ กูเลือกอาชีพอื่นดีกว่า รวยแบบตกนรกแทนคนกิน กูไม่เอาแล้ว ชาติหน้ากูก็ไม่เอา กูตายไป ลูกหลานกูที่จะมาทำอาชีพแบบกูก็ต้องตายแบบกู เวรกรรมมันมีจริงนะ แจ๋วแว๋ว" เพื่อนบ่นไป ร้องเสียงแบบหมูเป็นระยะๆ เห็นแล้วเวทนานะ เพื่อนมันรวยเพราะมันต้องฆ่าหมูวันละหลายร้อยตัว ขายดีกับลูกค้าเจ้าของหมูกะทะ หมูย่างเกาหลีทั้งนั้น

บางคืนนะ นอนเฝ้าเพื่อน เพื่อนมันบอกว่า "แจ๋วแว๋ว ใครพาหมูจากฟาร์มกูมาด้วยวะ แกไปดูให้หน่อยสิ" เราก็มองซ้ายมองขวา ไม่เห็นมีหมูสักตัว เพื่อนมันก็ชี้ไปที่ข้างเตียงบ้าง ปลายเตียงบ้าง "เนี่ย เนี่ย กลิ่นขี้หมูอ่ะ หมูตั้งสิบกว่าตัว แถวเตียงเนี่ย มึงมองดูดีๆดิ" ไอ้เราก็คิดว่า มันคิดไปเองเปล่า บ่นเห็นหมูมาล้อมรอบเตียงมัน

ทุกวันนี้ ข้าพเจ้าจะทานเจ ก็นึกถึงเพื่อนนะ สวดมนต์แผ่เมตตาให้มัน ก็บอกลูกหลานมันให้ทำบุญไปให้มันด้วย ไม่รู้มันอยู่ที่ไหน ป่านนี้ ตอนตายอ่ะ หน้าเขียวเลย แข็งทื่อเลยจ้า

งดเนื้อสัตว์กันบ้างก้ดีนะคะ คนกินไม่บาป พูดง่ายอยู่แล้วค่ะ แต่ คนฆ่าให้กินรับเต็มๆค่ะ แต่ก็ช่วยไม่ได้หรอกค่ะ เพราะจำนวนคนกินและคนฆ่าก็ใกล้เคียงกัน

 

การกินเจนั้นต้องทำจิตให้บริสุทธิ์ รักษาศีลทางกาย วาจา ใจให้ดี จึงเป็นเจที่แท้จริง

 

ถามง่ายๆ

พระอรหันต์สาวก ทำไมท่านฉันเนื้อสัตว์ที่คนนำมา ใส่บาตร

พระพุทธองค์ทรงสรัสไว้ว่า

เจตนานั้นคือ กรรม

การกินเนื้อสัตว์เค้าก็มีข้อห้ามอยู่ในตัวอยู่แล้วว่า

ห้ามกินสัตว์อะไรบ้าง
ห้ามรู้เห็นในการฆ่า
ห้ามเป็นคนสั่งการ
ห้ามยินดีในการได้มาแห่งเนื้อนั้นๆ

ตถาคตสอนไว้ว่า สงฆ์ต้องเป็นผู้อยู่ง่าย กินง่าย การบิณฑบาตรเป็นนิตร

ไม่ได้ให้เลือกว่าสงฆ์ต้องเป็นผู้ รับบาตรแต่ มังสวิรัติ

ท่านจงวางจิตให้นิ่งและสงบ

เมื่อกินก็กำหนดให้รู้สะแต่ว่า กินบำรุงขันธ์ ตามสมควร

แล้วแผ่เมตตาไปยังสัตว์ทั้งหลาย

ท่านลองศึกษาประวัติพระอาจารย์มั่น - พระป่าสายกรรมฐาน

ให้ดีสิครับจะมีตอนหนึ่งกล่าวถึง

กรรมที่เคยทำให้ได้กินแต่ ผัก-ข้าวเหนียวแดง เป็นเดือนๆ (มั้งถ้าจำไม่ผิด)

เพราะคนป่า-เขา เข้าใจผิดว่า พระป่ากรรมฐาน ท่านไม่กินเนื้อสัตว์

แล้วมีประวัติ พระพุทธเจ้าในสมัยพระพุทธเจ้ากัสปะ

เรื่องที่มี มหาทุกข์ตะ

นำปลาตะเพียน มาปรุงรส (พระอินทร์มาช่วยปรุงให้เพื่อถวายแด่พระพุทธเจ้า

กัสปะ)

ถ้าท่านกินเจ-มังสวิรัติได้ปกติดี ก็อนุโมทนาด้วย

แต่ห้ามไปกล่าวเช่นนั้นอีกว่า

ลูกศิกษ์ของพระพุทธเจ้าที่แท้จริง ต้องเป็นมังสวิรัติ

มันเป็น มิจฉาฑิฐิ อย่างแรง

 

ไม่เกี่ยว


อย่ามั่ว


อย่าสับสน



พระพุทธเจ้าสอนให้กินง่าย อยู่ง่าย ใครให้อะไรก็กิน ผัก หรือเนื้อสัตว์ ภิกษุเว้นเพียงเนื้อ 10 อย่าง มิใช่มังสวิรัติ มั่ว...

 

ใครกินตามพุทธบัญญัติ ผมก็อนุโมทนาครับ
ใครกินโดยมีความเมตตาต่อสัตว์ ผมก็อนุโมทนาครับ
เรื่อง -กินเนื้อ-ไม่กินเนื้อ-เป็นเรื่องของพระเทวทัตจะให้สงฆ์แตกกัน
แล้วจะทำให้พุทธบริษัทแตกตามด้วย
เรื่องนี้ทะเลาะกันไม่ได้--จะเข้าทางพระเทวทัตครับ
ลองอ่านพระสูตรข้างล่างนี้ครับ...ทำลิงค์ไว้ให้แล้ว
.............................................................

พระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นแล้วในโลก พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นทรงแสดงธรรมเพื่อประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก ได้เสด็จมา ณ หมู่บ้านแห่งนี้.
อามคันธดาบสฟังคำนั้นแล้วจึงพูดว่า คหบดีทั้งหลาย พวกท่านพูดว่า พุทฺโธ ดังนี้หรือ?
มนุษย์ทั้งหลายกล่าวขึ้นสิ้น ๓ ครั้งว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พวกข้าพเจ้าย่อมกล่าวว่า พุทฺโธ ดังนี้. อามคันธดาบสยินดีแล้วเปล่งวาจาแสดงความยินดีว่า แม้เสียงว่า พุทฺโธ นี้แลเป็นเสียงที่หาได้ยากในโลกดังนี้ จึงได้ถามว่า พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นเสวยกลิ่นดิบหรือหนอแล หรือว่าไม่เสวยกลิ่นดิบ.
พวกมนุษย์ถามว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ อะไรคือกลิ่นดิบ.
อามคันธดาบสกล่าวว่า ดูก่อนคหบดีทั้งหลาย ปลาและเนื้อชื่อว่ากลิ่นดิบ.
มนุษย์ทั้งหลายกล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้าเสวยปลาและเนื้อ.
ดาบสฟังคำนั้นแล้วก็เกิดวิปฏิสาร (เดือดร้อนใจ) ว่า บุคคลผู้นั้นจะพึงเป็นพระพุทธเจ้าหรือ หรือว่าไม่พึงเป็นพระพุทธเจ้า. ดาบสนั้นคิดอีกว่า ชื่อว่าการปรากฏขึ้นของพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งหลาย บุคคลได้โดยยาก เราไปเฝ้าพระองค์แล้วถามจักทราบได้.
.......................................................
กรุณาอ่านติดตามตอนต่อไปเองในพระสูตรและอรรถกถา นะครับ
เผื่อจะบรรเทาการถกแถลงลงบ้าง

อามคันธสูตรที่ ๒

เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ บรรทัดที่ ๗๗๔๗ - ๗๘๐๙. หน้าที่ ๓๓๙ - ๓๔๒.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=7747&Z=7809&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=315​

 

....พระสงฆ์ เคยแตกแยกเพราะเรื่องนี้ครับ

พระเทวทัตได้เคยขอขอให้พระสงฆ์ทานเจมาแล้วครับ เป็นมูลเหตุให้สงฆ์แตกแยกมาแล้วในอดีต

แล้วเป็น1ในขออนัตริยกรรมด้วยนะครับ
ระวังหน่อยนะครับกับการศึกษาที่เบาบางในบางครั้งอาจเกิดโทษร้ายแรงได้นะครับ

 

กินเจ.....กินเจ......
อย่า"เจแต่ปาก"
ต้อง "เจที่ใจ"ด้วย...
จึงจะดี.
(เพราะคนบางคน ปากบอกว่าชั้นกินเจ เป็นปากที่บริสุทธิ์
แต่ชอบนินทาคน,ด่าคน , โกหก ...สารพัดที่ปากจะทำได้)
เออ...กินเจ แล้วได้อะไรล่ะเนี่ยะ...กำ.
ขอเป็นทางสายกลางจะดีไหม.

 

อันนี้ผมได้ยินมานะ ได้ยินมาเล่าให้ฟังเป็นนิทาน

ก็ประมาณว่า ท่านมหาห้าขันมีความยินดีมากที่ทานแต่มังสวิรัติได้ จึงไปหาพระผู้เฒ่าท่านหนึ่งซึ่งเป็นพระอริยเจ้าทางภาคเหนือ ( ท่านเป็นพระที่สูบบุหรี่และยาเส้นน่ะครับ )

ท่านมหาก็เล่าถึงไปถึงว่าตัวเองนี่กินมังสวิรัติ ว่าเป็นบุญใหญ่อะไรประมาณนี่

หลวงปู่ท่านก็ตอบมาแค่ว่า เออ วัวควายมันก็กินแต่หญ้า ก็ยังไม่เคยเห็นว่ามันบรรลุธรรมสักที

ผมว่าท่านมหาก็คงอึ้งๆล่ะมั้งครับ

 

ผมคิดว่าเป็นอุบายธรรม เหมือนการนั่งสมาธิให้กำหนด พุทโธ แต่เมื่อจิตถูกยกระดับแล้ว คำภาวนาจะหายไป
เช่นเดียวกับการทานอาหาร หากเราละเว้นเนื้อสัตว์ เพราะสงสารที่มันถูกฆ่าทิ้ง เห็นมันร้องไห้ ก็นึกถึงลูกหลานของเรา ตัวของเรา หากถูกเชือด ก็ต้องร้องไห้ทั้งครอบครัว
เมื่อเว้นเนื้อสัตว์ จิตจะสงบและมีความสุขอันเกิดจากอภัยทาน ดังนั้นการฝึกสมาธิและฌานต่างๆ จึงเร็วกว่าคนธรรมดาที่ทานเนื้อสัตว์ เช่นเดียวกับคนที่ถือพรหมจรรย์ จะไม่มีความต้องการเรื่องอย่างว่า จิตจึงสงบ การยกระดับจิตจึงรวดเร็ว
สรุปคือ เป็นแค่อุบายธรรมครับ แต่ผมไม่ได้บอกว่า คนกินเนื้อสัตว์+มีกามตัญหา จะไม่บรรลุมรรคผลนะครับ โปรดเข้าใจ

 

เราพบแล้ว.... ท่านจขกท.คือนักเสพผักตัวจริง

เราได้กินมันก็จริง แต่เราไม่รู้เห็น, ไม่ได้มีอารมณ์ร่วมในการฆ่านี่ครับ

ก็รู้อยู่ว่าเป็นเนื้อก็ให้เห็นว่าเป็นเนื้อ อย่าคิดมากครับ เสียสุขภาพจิต กินๆเข้าไปเถอะ...


ขอยกตัวอย่างจากหนังสือ "ตัวกู ของกู" ของท่านพุทธทาสภิกขุ นะครับ
______________________________________________________

"อีกเรื่องหนึ่งซึ่งค่อนข้างน่าขบขัน ได้แก่ความยึดมั่นถือมั่นที่ห่างไปไกลถึงนอกเปลือกของพุทธศาสนา ชาวยุโรปบางคนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นศาสตราจารย์ฝ่ายพุทธศาสนาได้ยืนยันว่า เขาเป็นพุทธบริษัที่แท้จริง เพราะเขาเป็นนักเสพผักหรืองดเว้นการกินเนื้อสัตว์ เขาเสียใจที่ภรรยาของเขาเป็นพุทธบริษัทไม่ได้ เพราะไม่สามารถเป็นนักเสพผักได้นั่นเอง เรื่องนี้นึกดูก็น่าสมเพช คงเป็นที่น่าหัวเราะเยาะของพวกอาซิ้มไหว้เจ้าตามโรงกินเจ เพราะอาซิ้มเหล่านั้นนอกจากไม่รับประทานเนื้อสัตว์แล้ว ยังเว้นผักที่มีรสจัดหรือมีกลิ่นแรงอีกหลายชนิด ส่วนพวกมังสะวิรัติไม่กินเนื้อสัตว์ก็จริง แต่ยังกินไข่กินนม และกินผักทุกชนิด นี่เป็นเพราะความยึดมั่นถือมั่นในทางประเพณีแห่งพิธีรีตองนั่นเอง....."

 

การเลิกทานเนื้อสัตว์ อานิสงฆ์เทียบไม่ได้เลยกับการปฏิบัติบูชาเพื่อความหลุดพ้น มันน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับศีล สมาธิ ปัญญา

แต่สำหรับบุคคลที่มีจริต ต้องเลิกทานแล้วสบายใจทำให้ปฏิบัติ ศีล สมาธิ ปํญญาได้ดีขึ้น ก็ทำต่อไปเถอะครับ ถ้าไม่ทำให้ตัวเองและผู้อื่นเดือดร้อน