การเปิดตาที่สาม

วิญญาณอะมีเยอะแยะ โลกของเขากับของเรา
ถ้านำมาซ้อนกับแล้ว และถ้าหากเรามีธาตุเรียกว่าทำอะไรแทบจะเยียบหัวแม่เท้ากันเลยก้ว่าได้ ไม่ได้มีเยอะหรอก แค่นับไม่ถ้วนแค่นั้นเอง ^ ^
บางคนใครจะรู้กำลัลงนั่งกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อ วิญญาณเขาที่เรากำลังกินเนื้อเขากำลังยืนจ้องเราเขม็งก็เป็นไปได้ เคยอ่านเรื่องของผู้ที่เขามีสัมผัสวิเสษวัดถ้ำ

เขาบอกว่าเขาเคยไปนั่งทานก๋วยเตี๋ยวเนื้อควายเขาเห็นเจ้าของร้างกำลังจ้อ
คนกินเขม็งและบางทีถ้าหากเราไม่สัพเพให้เขา ด้วยเหตุอะไรไม่รู้แหละบางตนขากเสลดหือน้ำลายใส่ถ้วยอาหารที่เรากินเลยก็มี
นี่ละมั้งสาเหตุที่หลวงปู่ให้สัพเพให้กับสัตว์และอาหารที่เรากิน เพราะเราจะไม่ถูก สารปนเปื้อนที่มองไม่เห็น และยังช่วยให้เขาไปเกิดหรือไปชดไช้กรรมไวขึ้นอีกด้วย

ป.ล.สิ่งที่เขาถ่มออกมาเขาบอกว่าเป็นสารชนิดหนึ่งถ้าหากเรากินบ่อยๆมากๆ จะมีผลต่อร่างกายได้เลยทีเดียว

(พิมเสร็จพึ่งรู้ตัวว่าออกทะเลลไปนั้นแล้ว ขอตัวกลับเข้าฝั่งก่อน)

 

อาจารย์ค่ะแล้วถ้าเรานั่งสมาธิแต่ไม่ได้หวังอะไร (คือประมาณว่านั่งเพื่อสงบและให้นิ่ง) ตาที่สามก็สามารถเปิดได้ด้วยหรือค่ะ...อ่านจากบางคนที่ได้มาเองโดยไม่ต้องไปเพ่งหรือปฏิบัติอะไร
แต่ถ้าไม่อยากได้เพราะกลัว...เราสามารถทำให้ตาที่สามไม่เปิดได้ไหม (ถามไว้ก่อนสมาธิของหนูก็ยังต้น ๆ อยู่ และก็กลัวไม่อยากเห็นอะไรแบบนั้น...อึ๊ย... !!!!)

ขนาดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั่งแล้วรู้สึกมีแรงดึงดูดจากบนหัวด้านซ้าย แรงมากจนทำให้ต้านไม่ไหวต้องยกตัวขึ้นไปตามแรงดึงดูดนั้น (แต่กายก็แบ่งรับแบ่งสู้) มันแรงขึ้น ๆ จนสักพักนึง เหมือนมีเสียงลมพรึ๊บพลั๊บ ๆ อยู่ประมาณ 3-4 ครั้ง แล้วก็หายไป แต่แรงดึงดูดนั้นก็ยังอยู่ จนจิตรู้สึกกลัว (เกิดอะไรขึ้นเนี๊ยะ) ก็เลยสวดสัพเพฯ เพื่อที่จะถอนสมาธิ หลังจากถอนสมาธิแล้ว ใจเต้นตุ๊บ ๆ ๆ ไปนอนแล้วยังรู้สึกอยู่เลย

เพราะไม่ได้เตรียมใจไว้สำหรับเหตุการณ์แบบนี้ เพราะปกติจะรู้สึกประมาณว่าเบาสบาย ๆ ตัวพอง ๆ หวืด ๆ ๆ ๆ ไปเรื่อย ๆ หรือบางครั้งความรู้สึกท่อนล่างเหมือนจะไม่มี แต่ลักษณะแบบแรงดึงดูดนี้ไม่เคยเจอ(ขนาดแค่เจอเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เห็นอะไร...ใจยังหวั่น ๆ เลยค่ะ)

ก็เลยอยากถามอาจารย์หน่อยน่ะค่ะว่ามีไหมถ้าเราไม่ต้องการก็สามารถทำให้ตาที่ 3 ไม่เปิดก็ได้ และเราก็ยังปฏิบัติสวดมนต์ นั่งสมาธิ ตามปกติได้

ปล.ไม่ได้คิดว่าจะมีตาที่ 3 หรอกค่ะ แต่ถามเผื่อไว้ และก็บางคนอาจจะเหมือนหนูก็ได้คือไม่อยากได้ แต่ตามที่ 3 จะเปิด สามารถทำได้ไหมไม่ให้เปิด

อ๋อ!!! หนูชอบใส่เสื้อผ้า และรองเท้าสีขาวค่ะ (เพราะรู้สึกว่าใส่แล้วขึ้นดี) แต่ชอบใช้ของใช้สีแดง เช่น กระเป๋า, นาฬิกา, หรือของจุกจิกทั้งหลาย ถ้าให้เลือกจะเลือกสีแดงก่อนประจำ อาจารย์ว่าถูกกับหนูไหมค่ะ...(อ่านกะทู้นี้ก็เลยสังเกตว่าส่วนมากตัวเองชอบใช้ 2 สีนี้มาก)

ขอคำแนะนำด้วยค่ะ

 

การนั่งสมาธิ แล้ว มีจุดประสงค์ เพื่อความสงบ/ให้จิตว่าง
ถ้าในขณะทำสมาธิ ...มีสิ่งแปลก/ ระบบประสาม เห็น โน่น เห็นนี่
ก็อย่า ไป สน..ไม่สนใจ มองผ่าน/ คิด ผ่านๆๆ /มันก็จะผ่านๆไป
........................................................................
ภ้าไปสน..มันจะค่อยๆๆเข้ามา เป็น พวก อภิญญา..ต้นๆ..แล้วจิตจะเริ่ม ติด
................................................................................
ลบทิ้งไปดีกว่า..ปล่อยพวก อยากมีเดช มีฤทธิ เขา เล่นกันไป...
เราเดินทางสงบดีกว่า
..............................................................................

 

ขออนุญาต ดันกระทู้ขึ้นมาเล็กน้อยฮะ

นั่งแล้วไม่ค่อยได้คิดอะไร ถึงอยากคิดก็คิดไม่ได้อยู่ดี- -

นั่งทีไร อะไรๆที่เคยคิดอยู่ก็หายไปหมดทุกที- -ล

 

มอง...สักแต่ว่ามอง

เห็น...สักแต่ว่าเห็น

รู้......สักแต่ว่ารู้

ไม่เข้าไปประสานต่อ

 

จะพยายามเข้าใจนะครับ แหะๆ

 

อาจารย์ครับคือตอนนี้ผมก็กำลังฝึกนั่งสมาธิอยู่ก็หวังได้เห็นโลกทิพย์..หรือได้หูทิพย์แต่อยากสอบถามในการนั่งสามธินะครับว่าต้องทำในลักษณะไหนบ้างครับคือตอนนี้ผมก็ก็นั่งแบบไม่ได้นึกอะไรจิตคิดไปทางไหนบ้างก็ไปเสร็จก็มาตั้งจิตให้นึกถึงพระพุทธอยู่ด้านหน้าเราทำแบบนี้ถูกหรือยังครับ...ขอบคุณครับ...

 

เมื่อพระพุทธรูปมาอยู่ข้างหน้า
ก็กำหนดจิต เห็น ท่าน
หายใจ เข้า - ออก เป็น พุทธ- โธ
ก็ด้ได้ แล้ว

 

มอง...สักแต่ว่ามอง

เห็น...สักแต่ว่าเห็น

รู้......สักแต่ว่ารู้

ไม่เข้าไปประสานต่อ

การฝึกนั่งสมาธิ จะนั่งหลับตาอย่างเดียว ก็ไม่ได้ ควรฝึกสติและทำสมาธิ

ระหว่างลืมตา จะช่วยเร่งตาที่สามให้เปิดเร็ว


ข้อความสีเขียวผมหมายถึง การฝึกสมาธิและสติ ระหว่างลืมตานั่นเอง

สมมุติเรานั่งอยู่หน้าบ้าน ตาก็มองเห็นภาพ หูก็ได้ยินเสียง รับทั้งภาพและเสียง

เข้ามา ใจเลยไม่มีสมาธิ...........แต่ถ้าเราตั้งจิตไว้ที่ใดที่หนึ่งของร่างกาย

ทั้ง ๆ ที่เราลืมตาอยู่ หูก็ได้ยินเสียงอยู่ แต่จิตมันจับ และรู้ อยู่ตรงฐานที่เราตั้ง

ใจจะคิดอะไรต่อ ก็คิดไม่ได้ เพราะเพียงแค่รู้แล้วผ่านไป รู้แล้วผ่านไป


จะเอาภาพที่เห็น หรือเสียงที่ได้ยิน มาคิด มานึก ก็ไม่ได้อีก เพราะจิตของเรา

ไม่ได้อยู่ตรงนั้น จิตมันอยู่ตรงฐานกาย มัันอยู่ตรงฐานของลมหายใจ

 

แวะมาเยี่ยมครับ

 

ขออนุญาตดันกระทู้คะ

 

ต่อไป ไม่ต้องดัน กระทู้ก็ได้ เพราะต้องการให้ กระทู้นี้ ค่อยๆๆ หายไป จากความทรงจำของผู้ คน..กระทู้ นี้ ถือว่า จบโดยสมบูรณ์แล้ว

 

สวัสดีค่ะอาจารย์
เพื่อนๆหนูชมดอกไม้สีชมพูที่หนูได้มาจากอ.ด้วยค่ะว่าสวยดี แต่ตอนนี้หนูกำลังอยากได้สีขาวอีกอันนึง ถ้ามีโอกาสจะแวะไปใหม่นะคะ ^ ^
ปล. ผีกลับมาเกาะหลังหนูอีกแล้วค่ะ

 

โชคดีนะเนี่ย....ที่ผมไม่มีอะไรเกาะหลังมาด้วย....อิอิ

 

อย่าเพิ่งตกเลยครับ เป้นกระทู้ที่ดีมาก ผมอ่านครบทุกหน้าเลย จนถึงหน้านี้เลยครับ ได้ความรู้มากมายครับ ในสี่ ห้าวัน ...


โชคดีนะครับที่ได้มาอ่านเจอทันก่อนจะหายไป...แต่ผมว่าคงไม่หายไปง่ายๆหรอกครับ แหะๆ.....

ส่วนอีก กระทู้ อ่านอยู่ครับ ยังไม่ถึงหลักร้อย คงอีก สักพักครับ

ขอบคุณอาจารย์และคุรุและผู้แสดงความคิดเห้นทุกท่านครับ ยังไงผมขอฝากข้อความนี้ไว้ว่าผมได้อ่านแล้วจนจบและจะนำไป ปฏิบัต ตามกำลังที่ผมมีมา...อันน้อยนิด...ครับ สักวัน ไม่นานจะไปหาอาจารย์และทุกๆท่านนะครับ

อนุโมทนาด้วยครับกับทุกบทความและความรู้ครับ


หลวงครับ

 

เวลานั่งสมาธิมันรู้สึกปวดตุบๆที่ท้ายทอย เวลาอธิษฐานจิตก่อนเข้ากรรมฐานหูก็อื้อๆมีเสียงวิ้งๆ อาการหูมีเสียงวิ้งๆก็เป็นอยู่บ่อยๆ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นค่ะ

 

นั่นสินะ

-*-

 

ขอบคุณครับ

 

กราบสวัสดีอาจารย์ และ ลุงป้าน้าอา ทุกท่านครับ ผมสมาชิกใหม่ รบกวนด้วยนะคร้าบ - -

ไม่ทราบว่าผมมีบุญพอที่จะได้ตาสามบ้างไหมครับ แนะนำด้วยน๊าคร้าบ กำลังอ่านเรื่อยๆครับ

ฝากด้วยนะครับ

 

​

คือตัวเองมีของเก่ามาอยู่ก่อนแล้วตาญาณตำแหน่งจุดท้ายทอยที่พระสัพพัญญูพระพุทธเจ้า ทุกๆ พระองค์มี

ส่วนตาที่สามอยู่ตรงกลางของหว่างคิ้วเรียกว่าจุดญาณทวาร

พระเยซู ตรงรอยตัดของไม่กางเขน จุดกึ่งกลางคือจุดญาณทวาร ในหัวกระโหลกมนุษย์ที่ใบหน้าจะมีรูเล็กเป็นรอยต่อของกระดูกหลายชิ้นมาประกบติดกันจนเห็นเป็นรอยไม้กางเขน



เจ้าแม่กวนอิม แจกันหยกกับต้นหลิว
ความหมาย แจกันก็คือจมูกตรงไล่ขึ้นไปอยู่ตรงกลางหว่างตาทั้งสองข้างก็คือจุดญาณทวาร ต้นหลิวก็คือคิ้วของเราทั้งสองข้าง

​

วันนั้นได้เข้ามาอ่านดูไป 13 หน้าจิตรู้ว่ายังเป็นฌานโลกีย์

ก็ปิดไม่อ่านต่อ เข้าที่ของเราไป จนมารู้สึกตัวอีกครั้งเรายืนอยู่ท่านกลางผู้คนที่เป็นลูกศิษย์มหาเทพศิวะ แต่แปลกใจที่มีงูเลื่อยขึ้มาพันขาไล่ขึ้นไปพันขันพันคอพอหลวมๆ และร่างเรากลับกลายเป็นพระศิวะพอเห็นสานุศิษย์ของตนก็ยกมือให้พร
บรรดาศิษย์มหาเทพทั้งหมด

​

และ จากนั้นญาณผ่านของมหาเทพศิวะออกไปเราก็กลับคืนเป็นมนุษย์ธรรมดาอย่างเก่า ที่เป็นไปได้ก็ด้วยอำนาจพรมหาเทพศิวะเจ้าบรรดาลให้เกิดขึ้น จึงกลับเข้าร่วมกลับคณะศิษย์ของท่านแสดงความนอบน้อมต่อมาเทพศิวะเป็นเจ้า

เมื่อได้หมายสำคัญจากมหาเทพศิวะ ก็รู้ว่ากระทู้นี้ขับเคลื่อนด้วยญาณมหาเทพศิวะ เลยต้องกลับมาอ่านใหม่อย่างจริงๆจัง

ตนก็ทำตามอาจารย์สามตา กับ คุณ visnu ในสมองของเรามี ต้นแหล่งที่ทำให้ ตาทิพย์ คือ ต่อม ไพเนียล (Pineal)
.และในต่อมที่ว่า จะมีเม็ดแกนที่เรียกว่า "พิตุยแทรี่" Pituitary
อิทธิฤทธิ์ ของ ต่อมทำให้ ในสมองของเรา มีแกน ยาว เหมือนลำกล้องปืน
โตขนาดประมาณ นิ้วชี้ ของ เรา..
บางคนจึงสามารถเปิดตาที่ สามได้ กำหนดปืนใหญ่ที่ท้ายทอยแล้วยิงกระสุนปืนใหญ่ จาก ท้ายทอยทะลุหน้าผากออกไปตาที่ สามก็จะเปิดได้ ปรากฏว่า สัมผัสกระแสจิตของท่าน เรียกร้องให้คนได้จริงมาเปิดเผยประสพการณ์ไม่ใช่ให้แต่คนไม่เป็นมาบอก

ก็ปรากฏตาที่สามเปิดออกไม่เจ็บไม่ปวดค่อยๆดันออกมาอย่างละมนละม่อมดุจกุหลาบแรกแย้มเบ่งบานจนตาเปิดเต็มที่เป็นดวงตาที่สามลืมขึ้นกลางหน้าผากตำแหน่งท่านเทพสามตาพอดี
เป็นของขวัญที่สวรรค์ประทานให้มา

​

ก็ว่าจะตั้งใจอ่านให้จบ ผมจะได้ไปเคสอื่นต่อ
ต้องขอแสดงอาการด้วยจิตคารวะต่อท่านเทพสามตาอย่างสุดจิตสุดใจ รวมกึงอาจารย์สามตาด้วยครับ

แสดงความนับถือ เลื่อมใสๆ<!-- google_ad_section_end -->