การตามดูวิญญาณ ว่าเมื่อตายแล้วไปไหน ดูแล้วได้อะไร?

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว
มนุษย์อยากรู้เหลือเกินว่า วิญญาณมีจริงใหม?
ผีมีจริงใหม
การตายแล้วไปเกิดมาใหม่ เป็นจริงใหม


ในประเทศไทย เราโชคดี ที่ มีพระเกจิ ระดับสุดยอดมากมายหลายรูป
ท่าน พูดและเทศน์เสมอว่า ผีมีจริง เวรกรรมมีจริง
การเวียนว่ายตาย-เกิดมีจริง
คนไทยจึงมีความรู้และความเชื่อมั่นในเรื่องนี้ มากกว่า ชาวตะวันตก
เพราะ ศาสนาพุทธสอนในเรื่องเหล่านี้

คนไทยจึงชินกับเรื่อง การตายแล้วมาเกิดใหม่
การมีอภิญญา ในการ ระลึกชาติได้
พระพุทธองค์ ทรงเคยตรัสว่า
พระองค์เอง ก็เคยเกิดมาเป็นสัตว์ต่างๆมากกว่า 500 ชาติ

ในประเทศไทย จึงมี พิธีกรรม แปลกๆที่ ชาวต่างประเทศ ไม่เข้าใจ
เรามีการไปหาอาจารย์ ดู เรื่อง การระลึกชาติ
ดูเรื่องว่า บรรพยุรุษ เช่นปู่- ย่า ตา-ยาย
บิดา หรือมารดา เมื่อตายแล้วไปใหน
ไปดี หรือ ไปร้าย ขึ้นสวรรค์ หรือ อยู่สบายหรือเปล่า

ลางทีก็มีการติดต่อ เชิญวิญญาณ กลับมาติดต่อคุยกัน
คงจำกันได้ว่า พลวงพ่อ บ๋าวเอิง แห่งวัดญวน สะพานขาว ดังมากในเรื่องนี้
เป็นเรื่องที่ คนรุ่นหลังห่วงใย ในเรื่องกรรม ของ บรรพบุรุษ
มีการสร้าง ฮวงซุ๊ย อย่างใหญ่โต มโหฬาร สำหรับบรรพบุรุษ ชาวจีน
ร่ำรวยมาก ก็สร้างใหญ่โตมาก ตามฐานะ

 

คุณอาตาที่สามคะ ถ้าหนูจะให้คุณอาช่วยดูให้ว่าคนที่หนูรักและเคารพ ท่านได้อยู่อย่างสุขสบายอีกภพนึงแล้วหรือยัง คุณอาจะช่วยดูให้หนูหน่อยได้มั้ยคะ อยากรู้มากๆ เพราะเคยมีคนทักว่าท่านตายไปแล้วแต่ยังอยู่ เพราะห่วงหนูกับแม่ จนไม่กล้าแม้แต่จะต้องไปเกิด หากคุณอาดูให้หนูได้ วันเสาร์ที่จะถึงนี้ หนูจะได้ไปพบคุณอาค่ะ ถือว่าเมตตาหนูด้วยนะคะ

 

การตามดูวิญยาณ ของตัวเองจะง่ายกว่า ตามดูวิญญาณ คนอื่น
การตามดูวิญญาณ ของตัวเอง คืการระลึกชาตินั่นเอง

คนที่มีอภิญญาในการระลึกชาติ จะสามารถทำได้หลายวิธี
คนที่พลังจิตแรง ก็สามารถ ย้อนจิตกลับถอยหลังไปดูได้ทันที
คนที่ฝึกทางการ ปลงอสุภะ ก็จะสามารถดูได้
โดยการปลง อสุภะ ถอยหลังกลับไป ได้ที่ละชาติ
จะเห็นตัวเองแก่ ถอยกลับไป กลายเป็นหนุ่ม
เป็นเด็ก แล้วเล็กลง จนหายไป
แล้วกลับมาเป็นคนแก่ ถอยไปเป็นเด็กไปเรื่อยๆๆ
ตามชาติที่เคยเกิดและตายมาแล้วในอดีต

บางคนระลึกชาติ โดยการ ถอดจิตออกมา
แล้ว จิตตัวที่ถอดนั้น ถอคซ้อนกลับไปเรื่อยๆก็ได้เช่นกัน
แล้วแต่ความถนัด

การตามดูวิญญาณ คนอื่น กระทำได้ยากกว่า
เพราะเขาไม่ไช่ตัวเรา
คนที่มีอภิญญา บางคนใช้วิธี เชิญวิญญาณมาดู ตรงๆๆ
จะรู้ว่าวิญญาณ นั้นเป็นใคร

(ดึกแล้วพักตอนไว้ แล้วจะมาต่อ.ครับ คงหลายตอนเช่นเคย..)

 

ขออนุโมทนา
......
น่าสนใจ

 

ย้อนไปย้อนมา...เอ๊ะทำไมเราตัวเตี้ยจัง...เฮ้ย มี4ขา กำ

รออ่านต่อครับคุณลุง

 

เรียน อ.สามตา หนังสือตาที่สาม เล่ม 4 ออกรึยังคะ

 

อืม...น่าสนเหมือนกันเนอะ.....

 

จะรออ่านครับ...

 

มาเล่าต่อ จากครั้งที่แล้ว

ข้าพเจ้าจะดูวิญญาณของผู้อื่นที่ มาถามว่า ไปไหน เสมอ
เวลาดู ก็ตั้งจิตถามไป ภาพก็จะขึ้นมาที่ จอ ในจิต
ที่อยู่บนหน้าผาก จอขนาด 2 นิ้ว คูณ5 นิ้ว เป็นภาพ ขาว-ดำ
จะเห็นผู้นั้นว่า ตายแล้วไปไหน
ส่วนใหญ่จะเห็นเป็น อิริยาบถ ต่างๆๆ ตามภพนั้นๆ

เห็นมามาก ก็เฉยๆๆ เพราะรู้ว่า รู้แล้วก็เท่านั้น
และไม่เคยสนใจจะดู กับ ญาติของตัวเอง
จนกระทั่งเมื่อ ไม่นานมานี้ จัดห้องหับใหม่ ในห้องรับแขก
บนผนังมีรูปคุณ พ่อ ที่เสียไปแล้ว ประมาณ 30 ปี

ก็เลยคิดว่า ดู คนอื่นมามากแล้ว ดูพ่อตัวเอง มั่งดีกว่า
ก็นั่งหลับตา กำหนด ภาพ บน จอในจิต ที่ว่า
ครานี้มาแปลก แทนที่จะเห้นเป็นตัวเป็นตนในอิริยาบถต่างๆ
แบบที่เคยเห็นคนอื่นเป็นประจำ

ในจอในจิต กลับเห็นเหมือนกับว่า เรามองผ่านตาใครสักคน
ภาพ กระดกขึ้น-ลง เล็กน้อย แสดงว่า เจ้าของดวงตากำลังเดิน
เดินอยู่บนบาทวิถี ทางเท้าแห่งหนึ่ง ไม่รู้ว่าที่ไหน
ลองสังเกตุดู ก็เห็นป้ายโฆษณา และป้ายร้านค้า เป็นภาษาไทย
ก็บอกให้รู้ว่า กำลังเดินอยู่ในเมืองไทย แต่ไม่รู้ว่า ที่ไหน

จากตาที่มองเห็น บอกให้รู้ว่า กำลังเดิน เดิน ไปอย่าง ช้าๆๆ สบายๆ
สักพักรู้สึกว่า เลี้ยวซ้ายลงถนน กัมลงมอง ก็เห็นทางม้าลาย
เดินดุ่มๆๆข้ามทางม้าลาย
พอข้ามก็เลี้ยวขวา แล้วเงยหน้าขึ้นมอง ไปตรงหน้า
พอภาพชัดเจนก็ จำได้ว่า นี่ คือ สถานีรถไฟ หัวลำโพง กลาง กทม นี่เอง
สถานีรถไฟ หัวลำโพง นี่ สร้างจากแบบก๊อปปี้
มาจาก สถานีรถไฟเยอรมันที่ แฟรงเฟริตร์

แสดงว่า คนที่กำลังเดินนี้ เดินตรงไปที่สถานีรถไฟ หัวลำโพง
เดินไป ทำไม..เป็นคำถามที่ตามมา

 

เป็นภาพอดีตหรือปัจจุบันหนอ

 

จากภาพบนจอในจิต เห็นเขาเดินดุ่มๆเข้าไปในสถานี
มองเห้น แผงขายหนังสือ พิมพ์และวารสาร เห็นพนักเก้าอี้ให้ผู้โดยสารนั่งรอ
มีผู้คนพอประมาณ ขณะนั้น ประมาณ 8 โมงเช้าแล้ว
เขาเมองเห็นป้ายที่แขวนไว้ บอกว่า "แผนกขายตั๋ว ล่วงหน้า"
แล้ว ภาพก็หยุดนิ่ง อยู่กับที่
มองเห็นท้ายทอย ของใครบางคนกำลัง ลอยห่างออกไป
เหมือนกับตาตัวเอง ดูตัวเอง ที่เดินห่างออกไป
เขาเดินตรงไปที่ แผงประตูกั้นเข้าด้านใน
มองเห็นเต็ม ตัว ในเครื่องแบบ พนักงานรรถไฟแห่งประเทศไทย
จังหวะที่ เปิดประตูแผงกั้น
เขาหันกลับมาให้ดูหน้า3-4 วินาที
ก็พอจะจำได้แล้ว
หน้าเหลี่ยม คิ้วดก เหมือน แขกขาว ตาใส
เหมือนกับพ่อผมที่เสียไป ประมาณ มากกว่า 30 %
แสดงว่า พ่อที่เสียไปกลับมาเกิดใหม่ ทำงานเป็นพนักงานรถไฟ

จึงถามคุณแม่ว่า คุณพ่อตอนหนุ่มๆๆ เป็นอย่างไร
เพราะตอนที่เกิดมา คุณพ่อก็อายุ 40 กว่า แล้ว
ทำงานเป็นนายกเทศมนตรี เทศบาล เบตง จังหวัดยะลา
เป็นอยู่ 3 สมัย รวม 9 ปี
ก่อนหน้านั้นเป็นนายไปรษรีย์ อำเภอเบตง ยะลา
จึงมีความรู้เรื่อง วิทยุ และ การไปรษณีย์
เมื่อมาเป็นนายก เทศบาล จึง สร้าง หอนาฬิกาที่สี่แยก
และเนื่องจาก เป็นเขตชายแดนที่อยู่ใต้สุด
ห่างไกลจาก ศูนย์กลาง กรุงเทพมาก

ต้องการให้ผู้คนได้ทราบข่าว ราชการ
จึงมีระบบลำโพงกระจายเสียง สี่ทิศ ที่หอนาฬิกา
ในขณะนั้น พศ 2482 วิทยุที่ดีที่สุด
เป็นของเยอรมันยี่ห้อ บลาวฟุ้งขนาด 8 หลอด ขนาดใหญ่มาก
คุณพ่อจึงสร้างตู้ขนาดใหญ่เพื่อใส่ วิทยุ 8 หลอดไว้ข้างบน
และมีช่องใส่ จดหมายไว้ด้านล่าง

เมื่อออกแบบเพื่อให้ใช้ได้ สองประโยชน์ คือ ใส่วิทยุโบราณขนาดใหญ่ และเป็นตู้จดหมายด้วยในตัว
ตู้ใบนี้ จึงกลายเป็นตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

 

คุณแม่เล่าว่า คุณพ่อเป็นคนราชบุรี มาเรียนที่โรงเรียนวัด ปรินายก สอบเข้าทำงานรถไฟได้ จึงทำงานรถไฟ เคยเป็นายสถานี รถไฟ ราชบุรี สถานีกลางดง
และมาจบที่นายสถานี รถไฟ บางกอกน้อย

คืนหนึ่ง นอนๆๆ อยู่เกิดเรื่อง รถไฟขนสินค้า ชนกันภายในสถานี
จึงถูกสอบสวน และ ในที่สุดก็ขอย้ายมาทำงานไปรษณีย์
ลงมาเป็นายไปรษณีย์แรก ที่สงขลา แล้ว ขอย้ายไปอยู่ เป็นนายไปรษณีย์เบตง แล้วลาออกมาสมัครเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี อยู่ สามสมัย

แสดงว่า ในจิตเดิม คุณพ่อชอบรถไฟ ดังนั้นเมื่อตายไป
ก็กลับมาเกิดใหม่ ทำงานรถไฟ ซ้ำรอยเดิม นั่นเอง ไม่ไปไหน

อีก สัปดาห์ต่อมา ผม ก็ไปที่สถานี รถไฟ หัวลำโพง ตามที่เห็นในภาพ
ไปที่ช่อง ขายตั๋วล่วงหน้า ช่องนั้น
เขาอยู่ที่นั้น หน้าตาเหมือนที่เห็นในจอในจิต
เรารู้แน่ว่า เขาคือ พ่อของเราที่ตายไปแล้วมาเกิดใหม่
เขาอายุ ประมาณ26-27 ส่วนข้าพเจ้า นั้นเข้าใกล้ 60 ปี

ข้าพเจ้าลองชั่งใจดู
ถ้าเป็นเขา แล้วมีคนแก่อายุ คราวพ่อ มา บอกว่า จะมาสวัสดี เขา
เพราะ ชาติก่อนเขาเป้นพ่อ

เขาจะคิดยังไง
ตาแก่นี่คงจะเป็นพวกแก้ง สิบแปดมงกุฏ
เหมือนพวก ต้มตุ๋น ตกทอง
นี่จะมาไม้ไหน กันนี่
ลองคิดดูหลายๆๆครั้ง ก็สรุปได้ว่า
ไม่คุ้ม เลยที่ จะไปแสดงตัวอย่างนั้น

จึงได้แต่ยิ้มแล้วมองเขา
ตั้งจิตให้เขามีความสุขกับชีวิตที่ต้องวนมาใหม่
ขอให้เขาเข้าใจในทุกข์และสร้างบารมีต่อไป

อย่างน้อยที่สุดที่ได้เกิดมาเป้นคนก็นับว่า ดีมากแล้ว ในภาวะการณ์เช่นนี้
เพราะในปัจจุบันมีแต่คนบาป คนไม่ถือศีลมาก เท่าสมัยก่อน
คนรุ่นใหม่ มีโอกาส ตกนรก กันมากที่สุด

เรื่องที่เล่า เป็นเรื่อง ที่พูดถึง การเห็นวิญญาณไปเกิด
ก็ยุ่ง ถ้ามีการอ้างอิงกัน ว่า ใครเป็นพ่อ เป็น ลูก

และอีกรูปแบบหนึ่ง ที่เป็นข่าวเป็นประจำ
ที่เด็กเกิด มา พออายุ 5-7 ขวบ ก็ระลึกชาติได้
กลับไปที่บ้านเก่าได้ เห็นคนโตๆๆ อยู่ในบ้านก็เรียกว่า
นั่นคือ ลูกสาว นี่คือ ลูกชาย ทั้งๆที่ตัวเด็กเล็กมากกว่า แยะ

การที่คนที่ตายไปแล้ว มาเกิดใหม่
และจำอะไรไม่ได้ จะดีที่สุด ..ไม่วุ่นวาย
แต่อย่างน้อย สอง ปรากฏการณ์ นั้นเน้น
ว่า การเวียนว่ายตายเกิด นั้นเป็นจริง
ดังนั้น เราควรทำตัวให้ดีที่สุด
อย่างน้อยถ้ายังไม่หลุดพ้น.
.อย่างน้อยก็จะได้มีชีวิตที่ ดีกว่า
ในภพค่อไป

"อยากรู้ว่า ชาติก่อนทำอะไรไว้ ก็ให้ดูจาก ชาตินี้
และอยากรู้ว่า ชาติหน้าจะเป็นอย่างไร ก็ให้ดูจากการกระทำในชาตินี้"
เห็นไม่ยากเลย...ใช่ใหม......

 

อนุโมทนาครับคุณลุงอาจารย์

 

โมทนาจ้ะ คุณลุงตาที่สาม ชอบอ่านกระทู้ของคุณลุงมีประโยชน์มาก

 

เคยเห็นใครที่เกิดไปเกิดเป็นสัตว์หรืออย่างอื่นบ้างไหมครับ... แล้วเคยเห็นสัตว์มาเกิดเป็นมนุษย์มั้ยครับ อ.

 

สำหรับกรณีของผม ตอนนั่งสมาธิที่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี นั้น เห็นภาพตัวเองแต่งเครื่องแบบทหารบก (ชาติปัจจุบันเคยเป็นทหารนาวิกโยธิน) ถือปืน m 1ที่ใช้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 (เลิกใช้ไปก่อนที่ผมจะเป็นทหาร) ยืนอยู่ข้างบ้านเป็นกระท่อมในชนบท ต่อมาเป็นภาพผมถูกยิงตายในขณะมีการสู้รบ มีทหารอีกคนกำลังรวบรวมเอกสารจากตัวผม ส่วนทหารคนอื่นกำลังชุลมุนกับการยิงต่อสู้ ตอนเห็นคล้ายมองผ่านจอโทรทัศน์ รวมทั้งเคยเห็นญาติ ป้า อาลุงย่าที่ตายไปแล้ว มานั่งพนมมือเป็นแถว ในบริเวณนั้นคล้ายวัด พื้นหญ้าตัดเรียบร้อย มีบันไดสีขาวขึ้นไปบนเนินเขา

 

เมื่อคืนนี้ฝัน จะว่าฝันก็ไม่เชิงรู้สึกจะอยู่ในภวังค์ครึ่งหลับ ครึ่งตื่น เพราะก่อนหน้านั้นหลับไปก่อนแล้ว พอรู้ตัวนิด ๆ คือ ใกล้สว่างเราเองหลับตาอยู่แล้วเห็นแสง สีขาวนวลเป็นวงกลม ค่อย ๆสว่างขึ้น เราก็เพ่งมอง จากนั้นแสงหายไป กลับปรากฏเป็นเหมือนจอภาพ ทีวีสี เราเห็นภาพศพคนถูกฆาตกรรม เลือดท่วมตัวเนื้อตัวเป็นจ้ำ้ ๆเขียว ๆ แดง ๆ นอนตายอยู่บนเตียงน่ากลัวมาก และก็มีคนอีกคนยืนดูศพ เราพยายามทำใจแข็งแล้วปลงอสุภะ ภาพก็หายไป และปรากฏเป็นอีกภาพ ผู้หญิงนุ่งผ้านุ่งแบบโบราณ แบบคาดอกสีเทาๆ ผม ยาวกำลังผูกคอตาย เห็นบ่วงเชือกแล้วเขาก็มุดหัวเข้าไป กระโดดลงมา เรารู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ อยากช่วยเขา แต่ทำไม่ได้
ท่านอาจารย์ตาที่สามหรือท่านผู้รู้พอจะอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้ไหมว่าคืออะไร
ปล.ก่อนนอนได้สวดมนต์ ขอคุณพระคุ้มครอง แล้วทำสมาธินิดหน่อย ก่อนทำสมาธิก็ได้ขอบารมีคุณพระคุณเจ้าช่วยให้เรามีดวงตาเห็นธรรม ได้รู้ได้เห็นอะไรตามความเป็นจริง เพื่อการลดกิเลสและดับกิเลสให้หมดสิ้น(รู้ตัวดีว่ายังมีกิเลสอยู่) และอีกอย่าง เวลาสะดุ้งตื่นตอนใกล้สว่างมักเห็นแสง เป็นวง ๆดวงๆ ทั้งที่หลับตาเป็นสีขาวนวล บ่อยมาก เป็นมาตั้งแต่เด็ก ตอนเด็กพอเห็นเราก็จะกลัว และรีบลืมตาเพราะกลัวู้ว่าสิ่งที่เห็น จะไม่น่าดู แต่เมื่อคืนทำใจแข็ง ก็เลยเป็นอย่างที่เล่า

 

กราบขอบพระคุณ อาจารย์ The Third Eyes มากครับ กระผมก็เคยนำรูปของคุณแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว ไปเรียนถามอาจารย์ว่าตอนนี้ท่านไปอยู่ที่ไหน มีความเป็นอยู่อย่างไรบ้าง อาจารย์ได้จับที่รูปของคุณแม่ของกระผมอยู่พักหนึ่งแล้วก็บอกมาว่า ตอนนี้ท่านมีความสุขมากเป็นเทพธิดาอยู่บนสวรรค์ เป็นนางฟ้ามีปีกด้วย กระผมยังเรียนถามกลับไปด้วยความสงสัยว่านางฟ้ามีปีกด้วยหรือ
ครับ อาจารย์ยังตอบว่ามีซิ และยังบอกอีกว่าสถานที่คุณแม่ผมอยู่นั้นสวยงามมาก มีความสุขมาก

กระผมจึงอยากเรียนถามอาจารย์เพิ่มเติมว่า ท่านอยู่ในป่าหิมพานต์ของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาใช่ใหมครับ เพราะเคยอ่านพบในพระไตรปิฎกว่าในป่าหิมพานต์นั้นอยู่ในเขตของสวรรค์ชั้นจาตุฯ เทวดาที่อยู่ในนั้นจะมีปีกแบบที่เห็นในโบสถ์ฝรั่ง แต่เทวดาในชั้นที่สูงกว่านั้นจะไม่มีปีกเพราะมีราชรถทิพย์เป็นพาหนะครับ

 

ขอบคุณอาจารย์ สำหรับความรู้ต่าง ๆ ที่ได้เล่าให้ฟังนะคะ มีประโยชน์มากค่ะ ตาที่สาม เล่มที่ 4 จะออกเมื่อไหร่คะ

 

ว่างๆ ผมอาจจะรบกวนอาจารย์ช่วยดูญาติพี่น้องของผมบ้างนะครับ เผื่อว่าถ้าไปเกิดในทุคติ จะได้อุทิศส่วนกุศลให้ครับ