จากตำนาน สู่การ แกะรอย เรือโนอาห์ ในเทือกเขาอารารัต

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ๙๙๙๙๙๙๙๙๙, 23 พฤศจิกายน 2009.

  1. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,752
    ค่าพลัง:
    +2,808
    กว่า 2 ทศวรรษมาแล้ว ที่การค้นหาเรือโนอาห์ เป็นที่สนใจจากนานาชาติ นักสำรวจหลายชุด แถบเทือกเขา อารารัต ทางตะวันออกของตุรกีส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาวอเมริกัน เรือโนอาห์ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล มีขนาดใหญ่ ทำด้วยไม้สนโกเฟอร์ ทำเป็นห้องๆ และยาชันทั้งข้างในและข้างนอกยาว 300 ศอก
    กว้าง 50 ศอก สูง 30 ศอก (ใช้หน่วย 1 Cubit = 1 เมตร)และมี 3 ชั้นมีประตูด้านข้าง (ปฐมกา6:14-16)
    เป็นที่รู้กันดี ตั้งแต่ก่อน ศตวรรษที่ 20 แล้วว่า มันมีขนาดใหญ่พอๆ กับเรือเดินสมุทรในปัจจุบัน
    พระคัมภีร์กล่าวว่า ณ วันที่ 17 ของเดือนที่ 7 ฝนก็หยุดตก และน้ำเริ่มลด นาวาก็ค้างอยู่บนเทือกเขาอารารัต (ปฐมกาล 8:4) ซึ่งเป็นแถบ อาณาจักร Urartu โบราณแต่ไม่ได้ระบุยอดเขาโดยเฉพาะ หลังจากโนอาห์ และครอบครัว ออกจากเรือบนภูเขา เรือนั้นก็ไม่ได้ถูกกล่าวถึง ในพระคัมภีร์อีกเลย ผู้เขียนไบเบิ้ลคนต่อๆ มา ก็ไม่เคยพูดถึง และไม่ได้บอกว่า จะเห็นได้ที่ไหน อารารัตในปัจจุบัน มีเทือกเขาแฝดสูง ที่น่าสนใจคือ มีรายงานจำนวนมาก ในประวัติศาสตร์ บอกว่าเรือขนาดใหญ่อยู่บนภูเขาแถบนี้ นักวิชาการปัจจุบัน หลายคนคิดว่า ยอดเขาอารารัตในตุรกี เป็นสถานที่ ที่น่าจะพบเรือโนอาห์มากกว่า
    [​IMG] [​IMG]
    เพราะ อารารัตคือยอดเขา ที่สูงที่สุดในตุรกี ดังนั้นขณะน้ำลด ภูเขาลูกแรก ที่จะโผล่เหนือน้ำ ต้องเป็นภูเขา Ararat ที่มีหิมะปกคลุมตลอดปี และมีชื่อเรียกในภาษาท้องถิ่นว่า Aghri Dagh ซึ่งแปลว่า ภูเขาแห่งความเจ็บปวด ปัจจุบันอารารัตมียอดเขา 2 ยอดคือ Great Ararat ที่สูง 5,137 เมตร กับ Little Ararat ที่สูง 3,896 เมตร และช่วงบนของยอดเขาทั้งสอง
    รายงานกว่าศตวรรษจากผู้เคยพบเห็นเรือ ค้นพบชิ้นไม้ ถ่ายรูปได้จากที่สูง มากมาย เป็นที่เชื่อกันว่า อย่างน้อย ชิ้นส่วนที่ใหญ่ๆ ของเรือ น่าจะยังมีอยู่ อาจไม่ได้อยู่ เทือกเขาสูงสุด แต่ที่ไหนซักแห่ง
    ซึ่ง อยู่เหนือ ขึ้นไป ระดับหมื่นฟุต ภูเขานี้ปกคลุมด้วยหิมะ และน้ำแข็งตลอดทั้งปี มีเพียงช่วงฤดูร้อน ที่จะเข้าไปได้ บางคนก็เคยปีนและเดินขึ้นไป
    ในทศวรรษที่ 80 นักสำรวจเรือโนอาห์จำนวนไม่น้อย ได้เข้าร่วมโครงการนาซ่า กับ เจมส์ เออร์วิน เป็นเรื่องครึกโครมมาก จนสภาพโซเวียตต้องออกมาขัดขวาง เพราะว่าเทือกเขาอยู่ขอบชายแดน ตุรกี-โซเวียต

    พอเจมส์เสียชีวิตลง ก็มีการสำรวจครั้งใหม่ ในทศวรรษที่ 90 และตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา แต่ยังไม่มีหลักฐาน แน่ชัดว่ามีคนพบเรือทั้งลำ ในความพยายามค้นหาตำแหน่งของเรือ Noah ตลอดเวลาที่ผ่านมา
    [​IMG] [​IMG]
    ได้มีการอ้างหลักฐาน การเห็นซากเรือ หลายครั้ง เช่น เมื่อ 700 ปีก่อนนี้ หนังสือชื่อ Travels of Sir John Mandeville ที่เล่าว่า มีนักบวชคนหนึ่ง เก็บเศษไม้ได้จากยอดเขา Ararat แต่ก็ไม่มีใคร ณ วันนี้รู้ว่า Sir John ในหนังสือนั้นคือใคร และมีตัวตนหรือไม่ และเมื่อ 200 ปีก่อนนี้

    ความสนใจเกี่ยวกับเรือ Noah ได้บังเกิดอีกเมื่อวารสาร The New Eden รายงานว่า นักบินชาวรัสเซียคนหนึ่ง ชื่อ Vladimir Roskovitsky ขณะบินสำรวจผ่านยอดเขา Ararat เขาได้เห็น ซากเรือขนาดใหญ่ บนเขาลูกนั้น

    แต่ ก็ไม่มีการติดตามไปดู จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1917 แม่ทัพรัสเซีย ท่านหนึ่ง ได้ส่งทหาร 150 คน ขึ้นไปดูซากเรือ เพื่อนำรายงาน ไปบังคมทูล ให้จักรพรรดิซาร์ (Czar) ทรงทราบ แต่ได้เกิดรัฐประหาร คณะปฏิวัติ Bolshevik จึงได้ทำลายเอกสารรายงานหมด เพื่อไม่ให้ใคร เชื่อคัมภีร์ไบเบิลอีกต่อไป
    ในปี ค.ศ. 1955 F. Navarraนักผจญภัยชาวฝรั่งเศสกับลูกชายได้เดินทางขึ้นยอดเขา Ararat และได้นำไม้โอ๊กแผ่นหนึ่งกลับลงมา
    ในหนังสือชื่อ Noah s Ark: I Touched Itเขาเล่าว่าเขาต้องหลบซ่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ของตุรกีเพื่อนำซากไม้ที่ยาว 2 เมตรออกนอกประเทศถึงแม้หนังสือเล่มนั้นจะมีภาพของสองพ่อลูกบนภูเขาแต่ก็หามีภาพของเรือไม่และเมื่อ Navarra ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุของวัตถุโบราณ วัดอายุของไม้เขาได้ข้อสรุปว่าไม้นั้นมีอายุตั้งแต่ หลายพันปีซึ่งก็ใกล้เคียงกับคำสอน ในคัมภีร์ไบเบิลที่ว่ามนุษย์ถือกำเนิด เกิดขึ้นมาก่อนน้ำท่วมโลกและเหตุการณ์น้ำท่วมโลกเกิดขึ้นเมื่อ 5,000 - 8,000 ปีก่อนจริง ถึงแม้ข้อสรุปเกี่ยวกับเรือจะยุติลงในมุมมองของนัก วิทยาศาสตร์ แต่ประเด็นเหตุการณ์ น้ำท่วมโลก ก็ยังมีบุคคลสนใมากมาย เมื่อ 4 ปีก่อนนี้

    [​IMG] <<เป็นไม้จิงๆเศษเรือ

    ในหนังสือชื่อ Noah s Flood : The New Scientific Discoveries About the Event That Changed History. William Ryan แห่ง Lamont-Doherty Earth Observatory ที่เมือง Palisades ใน New York สหรัฐอเมริกา
    [​IMG] [​IMG]
    ได้เสนอความเห็นว่า ในอดีตเมื่อ 8,000 ปีก่อนนี้ ได้เกิดเหตุการณ์ น้ำท่วมครั้งมโหฬาร ในบริเวณที่ราบรอบทะเลดำ (Black Sea) ซึ่งอยู่ระหว่างยุโรปกับเอเชีย

    และเป็นทะเลสาบ น้ำจืด น้ำทะเล ได้ไหลทะลักผ่านเข้ามา ทางช่องแคบ Bosphoues จนถึงทะเลดำ ทำให้ระดับน้ำในทะเลสาบ เพิ่มสูงขึ้น 100 เมตร ในเวลา 3 ปี แต่ Ryan มิได้ระบุชัดว่า เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เกิดจากสาเหตุใด ในวารสาร Paleoceanographyฉบับที่ 19 ปีนี้ Mark Siddaแห่งมหาวิทยาลัย Bern ในสวิตเซอร์แลนด์กับคณะได้รายงานการใช้คอมพิวเตอร์ จำลองสถานการณ์น้ำท่วมในทะเลดำและพบว่า เหตุการณ์น้ำท่วมโลก
    สามารถเกิดขึ้นได้ โดยคณะผู้วิจัยได้สมมติว่าในอดีตเมื่อ 10,000 ปีก่อนนี้

    ซึ่งเป็นเวลาที่โลก กำลังตกอยู่ในยุคน้ำแข็ง Holocene ทะเลMediteranean ทะเล Marmaraและทะเลดำมีแผ่นดินคั่นอยู่ณ เวลานั้นระดับน้ำ ในทะเลดำอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำในทะเล Marmaraประมาณ 100 เมตร และเมื่อน้ำแข็งละลายระดับน้ำในทะเล เมดิเตอร์เรเนียนและทะเล Marmara ได้เพิ่มสูงขึ้นๆจนกระทั่งเมื่อ 8,400 ปีก่อนนี้น้ำจากทะเล Marmara ก็ได้ไหลข้ามพื้นแผ่นดินที่คั่นระหว่างทะเลMarmaraกับทะเลดำเข้าสู่ทะเลดำ ในการศึกษารายละเอียดของเหตุการณ์น้ำท่วมว่ารุนแรง หรือราบเรียบเพียงใด Siddall กับคณะได้กำหนด ให้กระแสน้ำท่วม มีความเร็วต่างๆ กัน แล้วศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นตามบริเวณขอบทะเลดำ

    และ เขาก็ได้พบว่า ถ้ากระแสน้ำไหลช้าๆ แรง Coriolis ซึ่งเกิดจากการหมุนรอบตัวเองของโลก จะทำให้น้ำไหลขึ้นทางเหนือ จะพุ่งเฉียงไปทางตะวันออก

    แต่ถ้ากระแสน้ำไหลเชี่ยว เพราะขณะนั้น ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวด้วย พลังไหลของน้ำจะมหาศาล จนมันสามารถไหล ได้ทุกทิศทาง ปริมาณน้ำที่มากถึง 60,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที เท่ากับ 20 เท่า ของน้ำตก Niagara

    จะไหลพุ่งเข้าทะเลดำ เป็นเวลานาน 33 ปี จนระดับน้ำในทะเล Marmara และทะเลดำเท่ากัน น้ำจึงหยุดท่วม
    ในปี 1987 Ron Wyatt นักสำรวจโบราณคดีพบว่าบนเทือกเขา มีรอยของเรือขนาดใหญ่ในเขตของตุรกี
    [​IMG] [​IMG]
    นักข่าวได้ประโคมข่าวใหญ่ในประเทศรัฐบาลได้ขอให้รอนแสกนภาพจากเรดาห์และพบร่องรอย ที่เป็นหลักฐาน มากมายแต่แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ในช่วงปี 1840และระยะเวลาที่ยาวนานได้กระจายชิ้นส่วนของเรือออกไปแล้ว เป็น 3 ชิ้นเป็นอย่างน้อยหรืออาจมากกว่า 6 ชิ้นแต่มีการอัศจรรย์ที่ยังคงรักษาบางชิ้นส่วนเอาไว้ได้โดยการค้นพบ จากภาพถ่ายจากดาวเทียม ทำให้สามารถ พบเศษไม้ที่กลายเป็นหิน ได้จำนวนหนึ่งการค้นคว้านี้ ยังคงดำเนินต่อไปแม้จะยังไม่มีคนใด
    ที่ได้เห็นเรือทั้งลำหลงเหลือในปัจจุบัน
    เครดิต:คุณเหนือสายรุ้ง เวบพันธิป
    ภาพ:คุณBro.Andreas

    [​IMG] ลำใหญ่มากๆ

    [​IMG]

    [​IMG]

    จากเรื่องจริง กลายเป็นเรื่องเล่า
    จากเรื่องเล่า กลายเป็นนิทาน
    จากนิทาน กลายเป็นตำนาน
     
  2. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,752
    ค่าพลัง:
    +2,808
    [​IMG]

    ถ้าใครเคยอ่านD.Gray-Manละก็จะมีเนื่อเรื่องอยู่ส่วนหนึ่งที่เล่าถึงเหตุการ์ณที่พระเจ้าล้างโลก(พระธรรมปฐมกาล) และเรือโนอา วันนี้พอดีไปหาข้อมูลที่วิกิพิเดียมา เลยลองมาเขียนดู
    เรือโนอาห์ (อังกฤษ: Noah's Ark) ถูกกล่าวถึงในพระธรรมปฐมกาลบทที่ 6 ก่อนที่พระเจ้าจะทรงทำลายมนุษย์ด้วยการทำให้น้ำท่วมโลก พระองค์ทรงเห็นว่าโนอาห์เป็นคนชอบธรรม ดีพร้อมในสมัยนั้น และดำเนินกับพระเจ้า
    ขนาด และรูปลักษณ์ของเรือโนอาห์
    ในพระธรรมปฐมกาล พระเจ้าทรงให้โนอาห์ประกอบเรือตามแบบที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ดังนี้
    วัสดุประกอบเรือ
    ไม้สนโกเฟอร์
    ความยาว 300 ศอก
    ความกว้าง 50 ศอก
    ความสูง 30 ศอก
    จำนวนชั้น 3 ชั้น พร้อมดาดฟ้าเรือ มีหลังคาสูง 1 ศอก
    ยาชันทั้งภายนอกภายใน
    แบ่งเรือออกเป็นห้อง (ไม่ได้ระบุจำนวนห้อง)

    สิ่งที่บรรทุกในเรือ
    พระเจ้าทรงมีพระบัญชาให้โนอาห์นำสิ่งเหล่านี้ขึ้นไปบนเรือ
    โนอาห์ และครอบครัว โดยมีลูกชายของโนอาห์ 3 คน ได้แก่ เชม ฮาม และยาเฟท
    อาหารสำหรับโนอาห์ ครอบครัว และสำหรับสัตว์ที่พระเจ้าทรงกำหนด
    สัตว์ นก และสัตว์เลื้อยคลานชนิดละ 1 คู่ (ตัวผู้ 1 ตัว และตัวเมีย 1 ตัว)
    เนื้อหาในส่วนนี้ อ้างอิงมาจากพระธรรมปฐมกาล ซึ่งกล่าวถึงการสร้างเรือของโนอาห์ ตามพระบัญชาของพระเจ้า เพื่อช่วยให้ครอบครัวของโนอาห์ และรักษาพันธุ์สัตว์บนโลกนี้ไว้ เมื่อโนอาห์ประกอบเรือเสร็จ พระเจ้าทรงบันดาลให้ฝนตกหนัก 40 วัน และเกิดน้ำท่วมแผ่นดินเป็นเวลา 150 วัน จนผู้คนและสิ่งมีชีวิตทั่วโลกตายจนหมดสิ้น พระเจ้าจึงทรงกระทำให้น้ำลดลง ใช้เวลาอีก 150 วัน แผ่นดินจึงแห้ง
    ส่วนเรือโนอาห์นั้น ไปค้างอยู่บนยอดเขาอารารัต โนอาห์ และครอบครัวได้ลงจากเรือเมื่อน้ำแห้งดีแล้ว และใช้ชีวิตตามปกติต่อไป ในครั้งนั้น พระเจ้าทรงมอบรุ้งกินน้ำ เป็นพันธสัญญาว่า จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมโลกเพื่อทำลายล้างมนุษย์อีก
    การค้นหาซากเรือโนอาห์
    ด้วยเหตุการณ์ในพระธรรมปฐมกาล ผู้ที่เชื่อในพระธรรมจึงมั่นใจว่าจะสามารถค้นพบซากเรือโนอาห์นี้ได้ และเรือโนอาห์ เป็น พยานวัตถุเพียงชิ้นเดียวที่ช่วยพิสูจน์ว่า เหตุการณ์น้ำท่วมโลกที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์เป็นจริง การค้นหาเรือโนอาห์ จึงมุ่งไปยังเทือกเขาอารารัต สถานที่สุดท้ายที่พระคัมภีร์ได้อ้างถึง แต่ปัจจุบันการค้นหายังไม่คืบหน้า ปัจจัยสำคัญที่ขัดขวางการค้นหา คือ เทือกเขาอารารัตเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา ตั้งในพรมแดนของประเทศตรุกี ซึ่งรัฐบาลตุรกีไม่อนุญาตการขึ้นไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้เหตุการณ์ของเรือโนอาห์ ยังมีกล่าวถึงในพระคัมภีร์อัลกุรอาน ในศาสนาอิสลาม พระคัมภีร์ในศาสนายูดาย นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานเรื่องเล่าปรำปรานานาชาติ เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์น้ำท่วมโลกนี้ แตกต่างกันไปในแต่ละชนชาติ
    [​IMG]


    รู้ประวัติเริอแล้วเรามารู้ประวัติของ นายโนอาห์กันดีกว่า
    โนอาห์ เป็นบุตรชายของลาเมค เมื่อโนอาห์เกิด บิดาของเขากล่าวว่า "ผู้นี้จะช่วยแบ่งเบาการงานเรา และช่วยแบ่งเบาความเหนื่อยยากจากมือเรา จากที่ดินซึ่งพระเจ้าทรงสาปแช่งไว้" เรื่องราวของโนอาห์บันทึกไว้ในพระธรรมปฐมกาล บทที่ 5 ถึงบทที่ 10
    เหตุการณ์สำคัญ
    โนอาห์เป็นคนชอบธรรม ดีพร้อมในสมัยของเขา โนอาห์ดำเนินกับพระเจ้า และเป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรพระเจ้า ท่ามกลางยุคสมัยที่พระเจ้าทรงเห็นว่าความชั่วช้าของมนุษย์มีมากบนแผ่นดิน
    พระเจ้าทรงมีพระบัญชาให้โนอาห์ต่อเรือขึ้น ลำ เพื่อใช้พำนักในช่วงที่พระเจ้าทรงบันดาลให้เกิดน้ำท่วมโลก
    บุตรของโนอาห์
    เมื่อโนอาห์ มีอายุได้ 150 ปี จึงมีบุตรชายชื่อ เชม ฮาม และยาเฟท โดยฮามเป็นบุตรชายคนสุดท้อง
    ภายหลังเหตุการณ์น้ำท่วมโลก โนอาห์ได้ดำรงชีพเป็นชาวไร่ ทำสวนองุ่น วันหนึ่งโนอาห์เมาเหล้าองุ่นและนอนเปลือยกายอยู่ในเต็นท์ ฮาม บุตรชายคนสุดท้องมาพบเข้าจึงไปบอกพี่ชายทั้งสอง ได้แก่ เชม และยาเฟท ทั้งสองจึงนำผ้าฟาดบ่าแล้วเดินหันหลังเข้าไปปิดกายของบิดาที่เปลือยอยู่โดยมิได้หันหน้าไปดูเมื่อโนอาห์สร่างเมาและทราบเรื่อง จึงให้คำอวยพรแก่เชม และยาเฟท และแช่งฮาม บุตรคนสุดท้องของตนเองพระคัมภีร์บันทึกคำสาปแช่งของโนอาห์ ที่มีต่อ ฮามไว้ว่า "คานาอันจงถูกแช่ง ให้เป็นทาสแสนเลวของพี่น้อง"
    นักศาสนศาสตร์บางคนเชื่อว่า บุตรชายทั้งสามคนของโนอาห์นี่เอง ที่เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ 3 เผ่าพันธุ์บนโลก คือ คอเคซอย (ผิวขาว) มองโกลอย(เอเชีย) และนิกรอย(ผิวดำ) และเป็นเหตุให้มนุษย์ทั้ง 3 เผ่าพันธุ์จึงต้องเผชิญชะตากรรมต่างกัน
    อาจจะดูไปทางศาสนาคริสต์มากไปหน่อยนะ แต่เอาเป็นเพียงความรู้ทั่วไปดีกว่านะ ว่า เรือโนอาห์เกิดขึ้นมาได้อย่างไร​

    [​IMG]
     
  3. Manob

    Manob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +469
    เรื่องสนุกมากครับ ผมว่าอีกไม่นานอาจจะเจอนะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...