พระอรหันต์สมัยพุทธกาลมาเยี่ยมหลวงปู่ชอบ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 21 มิถุนายน 2006.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,024
    ระหว่างท่านวิเวกอยู่ในเขตประเทศพม่า พักบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่ ณ ถ้ำแห่งหนึ่งที่บ้านเมืองยางแดง ท่านได้ทำมีดหายไป หาอยู่สามสี่วันก็ไม่พบ ท่านว่าก็มิใช่มีดพิเศษพิสดารอะไรนัก เป็นมีดประเภทธรรมดาที่ชาวบ้านใช้ถางป่านั่นเอง เพราะพระกรรมฐานจะมีของวิเศษเลิศเลออะไร ท่านก็ได้อาศัยมีดถางป่าพื้น ๆ นี้เอง เป็นบริขารประจำตัวสารพัดประโยชน์...หั่น...ตัด...ถาก...ถาง...งัด...แงะสิ่งใดก็ด้วยมีดประจำตัวนี้ ท่านใช้แล้วไปอาบน้ำ คิดว่าลืมทิ้งไว้บริเวณที่อาบน้ำ แต่เมื่อออกไปหาดูโดยทั่วหมดบริเวณแถวนั้น ทั้งที่บริเวณอาบน้ำ ที่ในถ้ำ หรือแม้แต่ที่อื่นใดที่คิดว่า อาจจะลืมไว้ ก็ไม่เห็นเลย เวลาผ่านไปสามวันสี่วันก็ยังไม่พบ ทำให้ท่านออกรู้สึกรำคาญใจ

    ตอนกลางคืน ขณะมี่ท่านกำลังนั่งเข้าที่สมาธิภาวนาในเวลาดึกสงัด ปรากฏมีพระอรหันต์องค์หนึ่งเหาะมาเยี่ยมท่านทางสมาธิภาวนา ท่านเหาะลอยมาทางอากาศ มีรัศมีสว่างแพรวพราย น่าเคารพน่าเลื่อมใสอย่างที่สุด หลวงปู่รีบกราบด้วยความเคารพอย่างสูงสุด ทั้งปีติทั้งยินดีอย่างสุดจะพรรณนา พระอรหันต์องค์นั้นพอเหาะลงถึงพื้นนั่งเรียบร้อยแล้ว ก็ถามทันทีว่า มีดของท่านหายไปใช่ไหม เมื่อท่านเรียนตอบรับคำ พระอรหันต์องค์นั้นก็บอกว่า ไม่ได้หายไปไหน ท่านลืมที่ต่างหาก นั่นไง... ท่านบอกพลางชี้มือ ....มีดของท่านอยู่นั่นไง ไปเอาเสียซี

    หลวงปู่เล่าว่า ตอนเช้าท่านก็ไปดูที่พระอรหันต์ท่านชี้บอกไว้ในนิมิต ซึ่งเป็นหลังก้อนหิน ก็เห็นมีดอยู่ตรงนั้นจริง ๆ ประหลาดที่ว่าท่านหาอยู่หลายวันไม่เห็น และความจริงท่านก็ไม่บนบานอธิษฐานให้เทวดาหรือใครช่วยหาให้เลย แต่น่าอัศจรรย์ที่พระอรหันต์ท่านกลับทราบ ทั้งยังเมตตาช่วยบอกให้ ทำให้ท่านได้มีดคืนโดยไม่คาดฝัน

    พระอรหันต์องค์นี้ชื่อ พระพากุละ ท่านเล่าว่า พระพากุละนี้เมตตามาเยี่ยมท่านมิได้ขาด จากครั้งแรกที่มาชี้บอกเรื่องบริขารหารที่ถ้ำในพม่าแล้ว ต่อมายังให้ความเมตตามาแสดงธรรมโปรดท่าน มาเยี่ยมท่านตลอดมาจนปัจจุบันนี้ (กราบเรียนถามท่านครั้งสุดท้ายในปี ๒๕๒๙ นี้ ท่านรับว่าพระพากุละก็ยังคงมาเยี่ยมท่านอยู่)

    เมื่อเราเรียนว่า เชื่อว่าท่านและท่านพระพากุละคงจะเคยมีความผูกพันกัน ท่านคงจะเคยเป็นศิษย์ของพระพากุละกระมัง หลวงปู่ก็อธิบายว่า ...ต่างคนต่างเคยเกิดเป็นศิษย์ซึ่งกันและกัน !

    ผู้เขียนได้ยินแล้วก็อดมิได้ที่จะนึกซาบซึ้งในคุณธรรมของท่านผู้รู้อย่างสุดซึ้ง ผู้เป็นปราชญ์ราชบัณฑิตอย่างแท้จริงนั้น ท่านย่อมครองคุณธรรมด้านกตัญญูกตเวทิตาคุณตลอดกาล ภพชาติจะผ่านไปเช่นไร ศิษย์และอาจารย์ย่อมเป็นศิษย์และอาจารย์ต่อกันอย่างมิรู้ลืม เราเคยอ่านพบในพระไตรปิฎกอยู่เสมอว่า เมื่อท่านผู้หนึ่งผ่านภพแห่งโลกนี้ไปเสวยสุขได้สวรรคสมบัติหรือพรหมสมบัติแล้ว เมื่อผู้เคยเป็นศิษย์ของท่าน หรือผู้เคยเป็นอาจารย์ของท่านยังครองชีวิตอยู่ในมนุษยโลก หากหลงผิด ท่านก็จะลงมาตักเตือนหรือแนะข้อคิดที่ถูกต้องให้ หากปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูก ปฏิบัติชอบ ท่านก็จะลงมาเยี่ยมอนุโมทนาสรรเสริญในศีลานุจารวัตร แสดงธรรมให้เป็นที่รื่นเริงบันเทิงในจิต และระยะนี้เอง ที่ท่านผู้ยังดำรงธาตุขันธ์อยู่ในโลกมนุษย์ก็อาจจะเรียนถามข้อสงสัยในธรรมวินัยบางประการได้

    หลวงปู่ก็เช่นเดียวกัน ท่านพระพากุละมาเยี่ยมชมเชยและสรรเสริญข้อวัตรปฏิบัติของหลวงปู่มาก โดยเฉพาะด้านธุดงควัตรที่ท่านถือเคร่งควรเป็นเนติแบบอย่างของผู้สืบพระศาสนาเป็นอย่างดี ท่านได้แสดงธรรมยืนยันประโยชน์ของธุดงควัตรที่มีต่อผู้หวังผลที่สุดแห่งการปฏิบัติ อย่างไพเราะลึกซึ้ง และอนุโมทนาด้วยที่หลวงปู่ได้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ น่าเคารพเลื่อมใส จนท่านต้องมาเยี่ยมถึงที่อยู่

    ท่านเล่าว่า วาระแรกที่ท่านพาพระกุละมาเยี่ยมอนุโมทนาและแสดงธรรมนั้น ท่านมีความปีติเปี่ยมในจิต ออกจากสมาธิมาเดินจงกรม รู้สึกตัวเบาราวกับจะเหาะเหินเดินอากาศลอยตามพระอรหันต์พากุละไปฉะนั้น ท่านเดินจงกรมจนสว่างโดยมิได้นึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าแต่ประการใด จิตเบา กายเบา จิตอ่อน กายอ่อน จิตสงบ กายสงบ ไม่มีอารมณ์ใดมาเกาะเกี่ยว

    ท่านว่า ปรากฏการณ์ครั้งนั้น ทำให้ท่านมีความเชื่อมั่นในธรรมมากขึ้น และมีกำลังใจที่จะบำเพ็ญความเพียรให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป

    ใครจะนึกฝันว่า จะมีพระอรหันต์ผู้ทรงคุณวิเศษเมตตามาเยี่ยม บริขารหาย ท่านก็เมตตาบอกที่ให้ ปฏิบัติทำความเพียรอยู่ ท่านก็มาอนุโมทนาและเมตตาแสดงธรรมสั่งสอน ท่านเล่าว่า ท่านมิได้นึกเห่อเหิมประการใด ว่าตนมีความดี ความวิเศษเลิศเลอกระทั่งมีพระอรหันต์มาเยี่ยม แต่ท่านกลับยิ่งต้องพิจารณาใตร่ตรองเทียบเคียงข้อวัตรปฏิบัติของท่านกับธรรมคำสั่งสอนที่ได้รับ ระมัดระวังมิให้ผิดพลาดหรือเสื่อมถอยลง

    เพียร...ก็ต้องเพียรพยายามให้มากขึ้น

    พิจารณา...ปัญญาก็ต้องพิจารณาฟาดฟันกิเลสให้รอบรู้...รู้เท่ายิ่งขึ้น

    สติ...ต้องกำกับรักษาจิต พยายามไม่ให้พลั้งเผลอสักขณะจิต รวมความว่า กลับยิ่งต้องระวังรักษาตัวทุกประการให้สมควรกับที่ได้มีวาสนาประสบพบเห็นสิ่งที่ไม่น่าจะเห็น ได้ยิน ได้ฟัง สิ่งที่ไม่คาดฝันว่าจะได้ยินได้ฟัง

    ระหว่างที่พำนักอยู่ในพม่าเช่นกัน ท่านได้เดินธุดงค์ไปหาที่วิเวก พบถ้ำอีกแห่งหนึ่งซึ่งมีชัยภูมิสงัดลี้ลับห่างจากหมู่บ้านมาก การออกบิณฑบาตจากถ้ำที่ปรารภความเพียรไปหมู่บ้านนั้นต้องใช้เวลาถึงเกือบสองชั่วโมง ไปกลับก็ร่วมสี่ชั่วโมงกว่าจะถึงที่พักได้ฉันอาหาร แต่ท่านก็พอใจที่จะอยู่บำเพ็ญความเพียร ณ ที่นั้น ด้วยเป็นที่สงัด สัปปายะแก่การภาวนา บางวันเวลาหากการบำเพ็ญเพียรเป็นไปอย่างดูดดื่มลึกซึ้ง ท่านก็พักการออกบิณฑบาตเป็นวัน ๆ ไป

    ท่านเล่าว่า คืนวันหนึ่ง พอจิตรวมสงบลงก็ปรากฏ พระมหากัสสปเถรเจ้า เหาะลอยลงมาข้างหน้าท่าน ท่านว่า เป็นภาพที่งามมาก ด้วยเห็นท่านเหาะมาแต่ไกล จนกระทั่งใกล้เข้ามาเห็นรัศมีแพรวพรายสว่างเรือง ร่างของท่านค่อยเลื่อนลอยลงสู่พื้นแล้วค่อย ๆ นั่งลงตรงหน้าท่านด้วยความสงบเยือกเย็น ใบหน้าของท่านเปี่ยมล้นด้วยความเมตตา แล้วก็มีปฏิสันถารกับหลวงปู่อย่างอ่อนโยน ท่านถามถึงธาตุขันธ์ของหลวงปู่ว่าพอเป็นไปไหวไหมกับการบำเพ็ญความเพียรอย่างอุกฤษฎ์ที่น่าอนุโมทนาเช่นนี้

    หลวงปู่เล่าว่า ท่านก้มลงกราบในนิมิตภาวนาด้วยความปีติตื้นตันใจ ดูเหมือนว่าการปฏิบัติ การภาวนาของท่านจะอยู่ในสายตาของท่านผู้รู้โดยตลอด

    เมื่อท่านกราบเรียนอย่างนอบน้อมถ่อมองค์แล้ว พระมหากัสสปะก็อนุโมทนาในกำลังศรัทธาของท่าน และแสดงธรรมเน้นหนักเรื่องธุดงควัตร เช่นที่พระพากุละได้เทศนาสั่งสอนหลวงปู่มาแล้ว ท่านยืนยันว่า ธุดงควัตรนั้นเองเป็นหลักของพระผู้มุ่งมั่นต่อความหลุดพ้นจากทุกข์ จริงอยู่ที่หลวงปู่ปฏิบัติอยู่นี้ ก็น่าสรรเสริญชมเชยอยู่แล้ว แต่ท่านก็ใคร่จะอธิบายประโยชน์เพิ่มเติมให้ส่งเสริมอุบายธุดงค์ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป

    ขอให้หลวงปู่ปฏิบัติอย่าย่อท้อ เพื่อเป็นแบบอย่างดำรงอริยมรรค อริยวัตร อริยประเพณีสืบต่อ ๆ ไป

    นอกจากด้านธุดงควัตร ท่านยังเมตตาแสดงด้านธรรมวินัยให้ฟังอย่างวิจิตรพิสดารอีกด้วย รวมทั้งปัญหาธรรมต่าง ๆ ที่หลวงปู่ติดข้องสงสัยด้วย

    ท่านเล่าว่า จิตท่านดำรงอยู่ในสมาธิภาวนาระหว่างท่านพระมหากัสสปะมาแสดงธรรมและสนทนาสั่งสอน เป็นเวลาเกือบสี่ชั่วโมงจิตจึงถอนออกมา หลังจากที่ท่านพระมหากัสสปะได้ลาจากท่านไป โดยเหาะกลับไปทางอากาศเช่นเดียวกับเมื่อเริ่มมา

    ออกจากสมาธิแล้ว หลวงปู่ก็นำธรรมะที่เพิ่งได้รับฟังสด ๆ ร้อน ๆ มาครุ่นคำนึง ทั้งปีติ ทั้งอาลัยระคนกัน

    ________ ปีติ.... ด้วยได้มีโอกาสกราบไหว้พระขีณาสพเจ้าองค์สำคัญ ผู้เป็นบรมครูทางธุดงค์แห่งพุทธกาล สมเด็จพระผู้มีพระภาคทรงสรรเสริญยิ่งนักว่า ท่านเป็นผู้มักน้อย สันโดษ เป็นเลิศในทางธุดงค์

    ________ อาลัย.... ด้วยนึกเสียดายไม่อยากจะให้ภาพพระอรหันตเจ้าผู้ยิ่งด้วยมหาการุณจะเลือนหายไปเลย

    อย่างไรก็ดี ท่านได้ภาวนาต่อไปจนสว่าง มีความรู้สึกเอิบอิ่มปลื้มปีติอย่างบอกไม่ถูก ธรรมทุกข้อที่ท่านพระมหากัสสปะแสดงตักเตือน ดูราวกับจะปรากฏซ้ำขึ้นอย่างแจ่มชัด โดยเฉพาะข้อที่ท่านได้พยากรณ์เป็นเชิงให้กำลังใจแก่หลวงปู่ นั้นท่านว่า ท่านรู้สึกดื่มด่ำฉ่ำชื่น มีกำลังใจมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติทำความเพียรโดยไม่ลดละ เพราะมรรคผลนิพพานที่เคยรู้สึกว่าอยู่สูงลิบเหลือกำลังสอยนั้น ดูราวกับจะลอยล่ออยู่แค่เอื้อมนี่เอง....!!

    นอกจากพระมหากัสสปะและพระพากุละ จะเมตตามาเยี่ยม กล่าวสัมโมทนียกถา เทศนาให้กำลังใจเสมอแล้ว ท่านเล่าว่ายังมีพระอรหันต์สมัยพุทธกาลอีกองค์หนึ่ง คือ พระอนุรุทธมหาเถรเจ้า ก็ได้มารากฏองค์เยี่ยมท่านอยู่เป็นปกติ

    ที่มาจาก
    http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-chob/lp-chob-hist-17.htm
     
  2. nonglucp

    nonglucp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +1,041
    อนุโมนาสาธุค่ะ
     
  3. ชุติพนธ์ แจ่มอุลิตรัตน์

    ชุติพนธ์ แจ่มอุลิตรัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +314
    อนุโมทนาครับ
     
  4. panuwat_cps

    panuwat_cps เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +433
    อนุโมทนา สาธุ ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...