ค ว า ม ผู ก พ ัน

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย apichai53, 27 ธันวาคม 2009.

  1. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    ....ความผูกพัน หมายถึง การเกาะเกี่ยวกันทางใจด้วยความรักหรือความโกรธเกลียด หรือความหลง ทำให้ปล่อยวางหรือลืมเรืองนั้นเสียไม่ได้ สิ่งนั้นก็จะเกาะติดอยู่ในใจติดตามตัวไปทุกแห่งทุกหน ทำให้หาความผาสุก ความเป็นอิสระไม่ได้ เหมือนขาที่ถูกคล้องไว้ด้วยโซ่ตรวน ย่อมจะหนักและเดินลำบาก การมีความผูกพันกับสิ่งใด คนใด เรื่องใด ก็ไม่ต่างกับการมีโซ่ตรวนล่ามขาอยู่ฉะนั้น การผูกพันกันด้วยความรัก ใช่ว่าจะทำให้เกิดความสุขเสมอไป เมือมีความรักก็ย่อมมีความห่วงใยเป็นธรรมดา อยากให้คนที่ตนรักเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ หรือไม่เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ความอยากของคนเราใช่ว่าจะได้ดังที่อยากเสมอไปก็หาไม่ บางครั้งก็ไม่สมอยาก พระพุทธองค์จึงได้ทรงตรัสสอนว่า "ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง แปลว่า ปรารถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้น นั่นก็เป็นทุกข์" ผูกพันด้วยความโกรธ ความเกลียด โดยไม่ละ ไม่วาง ยังผูกใจเจ็บแค้นกันอยู่ตลอดเวลา ก็เหมือน เอาโซ่ตรวนล่ามกันไว้เช่นกัน การที่จะอธิษฐานจิตว่า "เกิดชาติใดขออย่าให้ได้พบได้เจอคนอย่างนี้อีกเลย" ก็คงเป็นเรื่องยาก เพราะใจเราผูกพันกับเขาด้วยความโกรธ ความเกลียด ความชิงชังอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยแกะโซ่ตรวนที่ล่ามติดกับเขาไว้ แล้วจะพ้นจากคนที่เราไม่ชอบได้อย่างไร ตราบใดที่ยังไม่แกะโซ่ตรวนออกก็ต้องตามผจญกรรมกันไปทุกภพทุกชาติ ไม่ว่าจะอธิษฐานอย่างไร ถ้าไม่ชอบใคร ไม่อยากเจอใคร ต้องทำใจไม่ให้นึกถึงคนนั้น เรื่องเกี่ยวกับคนนั้น หรือถ้านึกถึงก็ให้น้อยที่สุด ยิ่งอโหสิกรรมหรือให้อภัยกันเสีย ก็จะมีโอกาสหนีพ้นจากกัน เปรียบเหมือนแกะโซ่ตรวนออกแล้ว ก็ย่อมเป็นอิสระ ไม่ต้องไปเผชิญเวรเผชิญกรรมกันอีกทุกภพทุกชาติ ยิ่งทำดี มีเมตตากรุณากับผู้ที่เราไม่ชอบ ผลแห่กรรมดีที่เรากระทำยิ่งสูงกว่าคนที่เราไม่ชอบเท่าใด ภพ ภูมิก็จะต่างกันเท่านั้น ยิ่งเกลียด ยิ่งไม่อยากเห็นหน้ากัน ก็อย่าฝังใจอยู่ทุกวี่วัน ยิ่งจะดึงเขาเข้ามาหาเรามากขึ้นเท่านั้น จึงต้องตามผจญกันไปทุกชาติ อยากให้พ้นจากใคร ก็จงให้อภัยทาน จะได้หมดเวรหมดกรรมกัน

    การผูกพันด้วยความหลง เป็นเรื่องหนักกว่าเพื่อน เพราะผู้ที่มีความหลงก็คือ เห็นสิ่งที่ผิดเป็นถูก เห็นสิ่งที่ไม่งามเป็นสิ่งที่งาม ฯลฯ ที่โบราณเรียกว่า "เห็นกงจักรเป็นดอกบัว" คือเห็นสิ่งที่เป็นอันตราย (กงจักรเป็นอาวุธที่อันตราย) ว่าเป็นของที่น่ารัก น่าบูชา แม้ใครจะบอก ใครจะเตือน ก็ไม่สามารถจะเอาชนะความงมงายหรือความหลงได้ ผู้ที่มีความผูกพันด้วยความหลง จึงจัดเป็นผู้ที่น่าสงสารที่สุด จะอยู่ในสภาพที่เรียกว่า "มดไต่ขอบกระด้ง" หาทางออกไม่ได้ ก็วนเวียนอยู่อย่างนั้นไม่รู้จบ ชีวิตที่มีความผูกพันกับสิ่งใดมากเกินไป ไม่เคยให้ความสุขแก่ผู้ใดเลย รักมากก็ห่วงมาก กลุ้มมาก เกลียดมากก็ร้อนใจมาก จะเห็นว่าล้วนเป็นบ่อเกิดแหงทุกข์ทั้งสิ้น


    การเดินสายกลาง อย่าไปผูกพันยึดติดกับสิ่งใด และรู้จักปล่อยวาง จะเป็นหนทางดับทุกข์ได้ ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าเราเลี้ยงสุนัข เรารักเขามาก ผูกพันกับเขาเหลือเกิน แต่อายุขัยของสุนัขน้อยกว่าคนมาก จึงมักตายก่อน เจ้าของผู้มีความผูกพันกับสุนัขตัวนั้น ก็จะเศร้าสร้อยไปพักหนึ่งทีเดียว ความรักความปรานีเราจะให้แก่ใครก็ได้ และเป็นสิ่งที่ควรให้ แต่การผูกพัน การยึดติดนั้นเป็นเรื่องอันตราย เป็นเหตุแห่งทุกข์ ไม่อยากมีทุกข์ ก็อย่ายึดติด หรือผูกพันกับสิ่งหนึ่งสิ่งใด รู้จักปล่อยวาง รู้จักหาอิสรภาพให้แก่ตนเอง จะเป็นสุขในที่สุด...

    โดย รศ.พญ.จิรพรรณ มัธยมจันทร์....

    http://www.dhammajak.net/dhamma/67.html



     
  2. ปีศาจร้าย

    ปีศาจร้าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1,240
    กำลังฝึกอยู่ครับ
     
  3. ปรานต์

    ปรานต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    270
    ค่าพลัง:
    +668
    การพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่ชอบใจก็เป็นทุกข์
     
  4. namenoon

    namenoon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +30
    ขออนุโมทนา สาธุค่ะ
    ทุกวันนี้ พยายามมองชีวิตให้เข้าใจและยอมรับ หลังจากได้ค้นพบอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้เห็นสัจธรรมในการใช้ชีวิตมากขึ้น ค้นพบว่า การปล่อยวาง ไม่ยึดติด น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
     
  5. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    อนุโมทนาสาธุค่ะ บังคับใครๆทำไมมันทำกันง่ายเหลือเกิน แต่บังคับจิตใจตัวเองนี่สิยากยิ่งกว่า มันชอบเลี้ยวซ้าย - ขวา ไปตลอดทาง ไม่เคยตรงเลย แต่นี่แหล่ะ คือชีวิต คือรสชาติ คือมนุษย์ จนกว่าจะหลุดพ้น นั่นแหล่ะคือถึงที่สุดแล้ว สาธุ
     
  6. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    เพราะจิต เราเป็นไตรลักษณ์ .. ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ของเรา ..
    มันก็เลยบังคับไม่ได้ ตามที่ท่านว่าถูกต้องแล้ว เป้าหมายแห่งการ
    พ้นทุกข์อยู่ข้างหน้า ก็ต้องพยายามกันต่อไป

    ...ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  7. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    ขอบคุณค่ะที่ชี้แนะ แต่พอยิ่งคิด มันก็ยิ่งทุกข์ เกิดความเบื่อหน่ายในวัฎสงสารนี้เหลือเกิน มันรู้สึกว่ามนุษย์นี้ลำบากเนอะ ต้องผ่านการลองใจ ลองแล้วลองอีก หลายๆ อย่าง จนกว่าจิตใจจะสะอาดหมดจด ซึ่งก็ไม่รู้อีกเมื่อไหร่ ต้องลองอีกกี่ชาติ กี่ภพ ซึ่งไม่มีใครสามารถบอกใครได้ ทายให้ใครได้ นั่นแหล่ะมันคือความเบื่อหน่ายในโลก เหมือนไม่มีที่จะให้ไป ไม่มีที่จะให้อยู่ ที่ๆ อยากไป ก็ยังไม่สามารถจะไปได้ จนกว่าจะถึงเวลา ก็นั่นแหล่ะ
     
  8. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    ...มนุษย์เราน้อยนัก ที่จะเห็นทุกข์
    และเบื่อหน่ายในวัฎสงสาร มีแต่ผู้มีปัญญาเท่านั้น
    จึงจะเห็นทุกข์และเบื่อหน่าย......เราจะเห็นได้ว่า
    โลกนี้ไม่มีสาระอะไรเลย ไม่ทราบว่าหลงกันไปทำไม
    มีน้อยคนจริงๆ ที่สนใจและปฏิบัติเพื่อหลุดพ้น

    ........ขออนุโมทนาด้วย และขอให้เข้าสู่กระแสพระนิพพาน
    ตามที่ต้องการด้วย ครับ
     
  9. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    ขอบพระคุณค่ะที่เตือนสติ เราเองบางทีก็จิตตกหลงในแสงสีชั่วคราว บางทีก็กลับมามุ่งมั่นเพียรปฎิบัติ ก็นั่นแหล่ะยังมีความเป็นมนุษย์เต็มอัตตา ต้องขัดเกลาไปอีกนาน ต้องสร้างกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ และต้องให้มันมั่นคง ซึ่งเราเองเชื่อว่าก็มีมนุษย์อีกหลาย ๆ คนบนโลกนี้ที่เป็นแบบเรา บางทีมันก็รู้สึกท้อแท้จะปฎิบัติไปทำไมเพื่ออะไร แต่พอมีกำลังใจกลับมาก็ปฎิบัติเพื่อโลกหน้าสิ ถ้าเรายังต้องเวียนว่ายอยุ่ในวัฎสงสารนี้ มันก็ทำให้มีกำลังใจที่จะทำต่อไปและจะทำให้ดียิ่งๆขึ้นไป คุณว่าไหม
     
  10. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    ครับผมก็เป็นเหมือนกัน บางทีปฎิบัติเคร่ง บางที่ก็แผ่วไปซะยังงั้น
    ต้องหาธรรมะ ที่ถึงอกถึงใจ ชี้ให้เห็นภัยของสังสารวัฎ(อย่างของ
    หลวงปู่สิม ) ทำให้มีกำลังใจเร่งปฎิบัติขึ้นมาอีก เป็นธรรมดา
    ของมนุษย์ครับ และผมจะเตือนใจตนเองว่าซ้ำๆอยู่เสมอ ว่า เวลาเรา
    มีไม่มากแล้ว ไม่ปฏิบัติภาวนาตอนนี้ แล้วจะทำตอนใหน ช่วงนี้เขา
    เรียกว่าเป็นนาทีทองแห่งสังสารวัฎ...ต้องปลูกต้องปลอบใจตัวเอง
    อยู่เรื่อยๆ ครับ ไม่งั้น มันมีแต่แผ่วลงๆไปหากิเลสอยู่เรื่อย ...ครับ
     
  11. fcaon

    fcaon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +72
    บทความดีมากเลยครับ
    สำหรับผม ก็คงผูกพันกับคุณแม่ ที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเรามา

    ในชีวิตก็เคยเห็นคนร้องให้ เสียใจ กับคนอื่นๆ ที่สูญเสียพ่อแม่
    ก็เคยคิดว่า ถ้าเป็นตัวเราเอง จะพยายามทำใจให้ได้ เพราะทั้งเราและเค้า
    คงไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดไป
    แต่ถ้าต้องสูญเสียจริงๆ ก็คงทำใจได้ยาก
     
  12. สตธศร

    สตธศร Namo Amithapho

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,537
    ความผูกพันธ์นี่ทำให้เราติดกันข้ามภพชาติใช่มั๊ยค่ะ
     
  13. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    เคยฟังจากพระ และหนังสือต่างๆ ท่านว่าระหว่างจะตายถ้าจิตผูกพันกับสิ่งใดก็จะวนเวียนอยู่กับสิ่งนั้น บางคนคิดถึงลูกมากๆบางทีมาเกิดในท้องของลูกต้วเองก็มี(ต้องสัมพันธ์กับบาปและบุญที่ทำไว้ด้วย) สำหรับญาติพี่น้องที่สุญเสียไป ไม่มีใครหักห้ามใจไม่ให้เสียใจได้หรอกครับ(ยกเว้นผู้บรรลุแล้ว) เพียงแต่การทำใจ และปรับสภาพจิตใจได้ เร็ว หรือช้า อาจจะต่างกัน .....(เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ)
     
  14. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    อนุโมทนาสาธุค่ะ ไซเห็นด้วยกับคุณ apichai 53 ค่ะ ซึ่งตัวไซเองได้เติบโตมากับตา - ยาย ซึ่งเราก็รู้นะคะว่ามันต้องมีวันที่พวกท่านจะต้องจากไป ก็ดูเหมือนจะทำใจแล้ว แต่พอท่านจากไปจริงๆ นั้น มันไม่ใช่เลย ไม่เหมือนสิ่งที่เราคิดไว้ คาดหวังไว้ ดูเหมือนมันเคว้งคว้าง เดียวดาย ได้แต่ร้องไห้เหมือนใจจะขาด แต่แล้วก็มีวันหนึ่ง ไซไปเจอหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งเขียนได้ดีมาก ของคุณมณฑาณี เรื่องระลึกชาติ พออ่านไปแล้วทำให้ได้รู้ว่าคนตายไม่ไปไหนหรอกเค้าก็ยังวนเวียนอยู่รอบๆตัวเรา มาเกิดเป็นเพื่อนเรา ลูกเรา ฯลฯ วนเวียนอยู่แบบนี้เป็นวัฎสงสาร เพียงแค่ใครคนหนึ่งเดินผ่านมาแล้วเรารู้สึกคุ้นเคย ก็คนนั้นแหล่ะต้องเคยรู้จักแต่อดีตชาติแน่ๆ เลย ไซเลยทำใจได้ ว่าซักวันท่านก็ต้องกลับมาหาเราวันยังคำ ความเศร้าโศกเสียใจหายไป ปลิดทิ้ง ก็เลยเกิดความคิดมาว่าเอ้ยถ้าท่านยังไม่มาเกิดล่ะ ตอนนี้ท่านอยู่ที่ไหนกัน ไซก็เลยมีกำลังใจในการปฎิบัติกรรมฐาน เพื่อไปหาท่าน ถ้าท่านอยู่ในที่ดีเราก็ดีใจ แต่ถ้าท่านอยู่ในที่ไม่ดี ก็จะหมั่นอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน อันนี้ทำใจได้เพราะมันเป็นกรรมใครกรรมมัน ไซเชื่อว่าคงมีหลาย ๆ คนที่เป็นเหมือนไซ ลองเอาวิธีของไซไปทำดูนะ รับรองสนุกอ่ะ อิๆๆ
     
  15. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    อืมอีกข้อ คุณ apichai 53 ไซนับถือหลวงพ่อฤาษีลิงดำอ่ะค่ะ มันรู้สักผูกพันและรักท่านมาก ๆ อ่ะคะ แต่หลวงปู่สิมไซก็มีซีดีท่านนะคะเต็มเลย ถ้าเป็นสายหลวงปู่มั่นไซมีทุกองค์อ่ะคะ ศรัทธาท่านเหมือนกัน สำหรับตัวไซเองนะ ไซทำตารางชีวิตอ่ะ ไซเริ่มนับ 1 จากอายุ 60 ปี ไซอยากอยู่แค่นี้อ่ะ แล้วไซก็กากบาทลงทุกปี ว่าตอนนี้เรามีเวลาทำบุญเหลืออีกกี่ปีนะ มันช่วยได้นะ มันทำให้เรารู้ว่าเวลาเราทำบุญนี่มันช่างเหลือน้อยนัก เดี๋ยวก็ตายแล้ว ทำไมมันสั้นจัง มันทำให้มีกำลังใจอ่ะคะ เหมือนที่พระพุทธเจ้าท่านบอกอ่ะค่ะ เวลาบนโลกนั้นสั้นนัก ไม่เกิน 100 ปี มนุษย์มัวทำอะไรกันอยู่ ( ลองทำตารางแบบไซดูสิแล้วจะมีกำลังใจขึ้นโขเลย ) อิๆๆ
     
  16. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261

    ผมปฏิบัติภาวนา แบบดูใจ ตามแนวทางของหลวงพ่อปราโมทย์
    เพราะจริตของผมชอบแบบนี้ ทำแล้วมีความคืบหน้าดี และวิธีนี้
    สามารถปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้

    นอกจากพระอาจารย์ปราโมทย์ พระอาจารย์ท่านใหนดี ผมก็ติดตาม
    และศึกษา ไม่ว่าหลวงปู่สิม หลวงตามหาบัว พระญาณสังวรฯ หลวงปู่ดูลย์
    หลวงปู่เหรียญ ฯลฯ โดยเฉพาะหลวงปู่มั่น ผมเคารพและนับถือท่านมาก (
    เสียดายที่เกิดมาไม่ทัน) สำหรับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ(อาจารย์ของคุณไซอิ๋ว)
    ผมชอบอ่านบทความธรรมะของท่าน และก็สนใจในเรื่องมโนมยิทธิของ
    ท่านด้วย(ถ้าทำได้จะดีมาก ...ได้รู้ในเรื่องที่อยากรู้)

    ผมชอบเข้ามาอ่านบทความ ในเวปพลังจิต ได้ความรู้ดี เข้ามาที่นี้แล้ว
    มีแต่กัลญาณมิตร สามารถพูดคุยในเรื่องเดียวกัน ได้รู้เรื่อง หากไปพูดคุย
    เรื่องเหล่านี้ข้างนอก เขาจะมองว่าเราเพี้ยน เพราะเราเป็นคนกลุ่มน้อย
    ของสังคม เพราะเราทำตัวไม่เหมือนเขา .....ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2010
  17. เขตปกครอง230

    เขตปกครอง230 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    463
    ค่าพลัง:
    +324
    เป็นธรรมดาของโลกมนุษย์ที่ได้ในสิ่งที่ไม่ต้องการ และไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ
     

แชร์หน้านี้

Loading...