อาวุธต่อสู้ภัยพิบัติกับกลุ่ม Illuminati หรือ กลุ่มคนอัจฉริยะที่เป็นผู้ควบคุมโลกตอนนี้

ช่วงนี้หลายๆคนคงมีโอกาสได้อ่านกระทู้ที่สันโดษได้โพสต์ เกี่ยวกับ กลุ่ม Illuminati หรือ กลุ่มอัจฉริยะที่ต้องการควบคุมชะตาโลก

เเละต้องการลดจำนวนประชากรด้วยอาวุธทางทางธรรมชาิติ,อาหารเเละยา รวมทั้งสื่อต่างๆตั้งเเต่อดีตจนถึงปัจจุบัน (ก่อนพวกเราจะเกิดเสียอีก)

หากยังไม่ได้อ่านสามารถอ่านได้ที่นี้ค่ะ http://palungjit.org/threads/สัญลักษณ์-illuminati-มีอยู่ทุกที่จนน่ากลัว~.223098/


สิ่งเเรกที่เราควรจะเตรียมตัว คือ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะทุกครั้ง

ตอนนี้หลายๆคนคงทราบเเล้วว่า โลกใบนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิด

เพราะโลกใบนี้ เหมือนกับ หนังเรื่อง TrueMan Show ที่มีคนกลุ่มนึงเป็นผู้ควบคุมชะตาของโลกใบนี้ด้วยเทคโนโลยี เเละ วิวัฒนาการที่ล้ำสมัย

เกินกว่ามนุษย์ธรรมดาอย่างเราๆจะเข้าใจมากเหลือเกิน พวกเราเป็นเพียง นักโทษที่ถูกขังในร่างกายของมนุษย์

<object height="505" width="640">


<embed src="http://www.youtube.com/v/NwcMElcHeCE&hl=en_US&fs=1&color1=0x006699&color2=0x54abd6" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" height="505" width="640"></object>

​

จิตวิญญาณ คือ ตัวตนที่เเท้จริงของ พวกเรา มีร่างกายมนุษย์เป็นกรงขัง

พวกเราถูกควบคุมสมอง การคิด เเละ จิตวิญญาณด้วย สื่อต่างๆทั้งการศึกษา,ข่าวสาร,ภาพยนตร์, ทีวี,เพลง เเละ อินเตอร์เน็ต

เหมือนกับ หนูทดลองในห้องเเล็บ เเละ ถูกขังให้อยู่เเต่ในกรง ให้อยู่เเต่ในบ้าน เสพเเต่สิ่งเหล่านี้ เพราะพวกเขารู้วิธีการ ควบคุมพลังจิตต้องทำยังไง

การควบคุมจิตมนุษย์ก็คือ ความคิดซ้ๆซากๆนั้นเอง เหมือนกับการปั่นไฟให้กับ พวกเขา






ซึ่งประชากรส่วนมากบนโลกก็ไม่เคยรู้เลยว่า ตัวเองกำลังทำงานให้พวกนี้ด้วยการดูเเละคิดตาม







พระฉัพพรรณรังสี คือ พลังจิต = ความคิดนั้นเอง


ถ้าคุณคิดเเต่เรื่องนั้นซ้ำๆซากๆ เเน่นอนคุณจะสร้างให้มันเป็นจริงด้วยพลังจิตของคุณเอง (ลองไปหาหนังสือ The Secret ดูนะคะ)

พูดง่ายๆก็ คือ มนุษย์มีพลังจิตอยู่เเล้วทุกคน ย้ำว่าทุกคน เเละ สิ่งนั้นก็คือ ความคิดนั้นเอง ถ้าคุณอยากได้อะไร คิดๆๆๆๆๆๆๆ เเล้วมันจะทำให้เกิดจริงๆ

ถึงเเม้ว่าพวกเราสามารถที่จะเดินทางไปได้ทุกที่ เพราะเราชินกับการไปไหนมาไหนด้วยยานพาหนะนี้เเล้ว

เเต่เราถูกจำกัดอิสรภาพของจิตวิญญาณมานานจนทำให้เราลืมวิถีการมีความสุขโดยปราศจากสิ่งใด

หรือ ครอบครองอะไรเเม้เเต่ร่างกายของตัวเอง คนไหนที่พูดคนเดียวเเละ มองเห็นจิตวิญญาณ จึงเป็นเรื่องที่ผิดปกติในสังคม

เพราะ คนอื่นคิดไม่เหมือนเรา เราคิดไม่เหมือนครูบาอาจารย์ หรือ ตอบผิด เพราะว่า มันมีคำตอบที่ถูกต้องเเน่นอน

เเละคำว่า เเน่นอนก็หมายถึง ใช่ เเละ ไม่ใช่เท่านั้น นั้นคือ การที่เราถูกล้างสมองมาตั้งเเต่เกิดจนถึงปัจจุบัน

ทั้งๆที่จริงๆเเล้ว จิตวิญญาณของมนุษย์ไม่ได้มีไว้เพื่อจดจำสิ่งที่เล่าเรียน

ไม่ได้มีเพื่อคัดลอก ความรู้ของคนอื่น เเต่ทุกคนต้องเรียนรู้ความต้องการของตัวเอง

เเละเมื่อคุณรู้เเล้วว่า คุณต้องการอะไร คุณจะรู้เองว่า การเรียนรู้ด้วยตัวเอง

จะได้คำตอบมหัศจรรย์อย่างที่ไม่สามารถหาจากหนังสือเล่นไหน หรือ ครูบาอาจารย์คนไหนได้เลย

เเต่จิตวิญญาณของมนุษย์ฉลาดล้ำเลิศกว่า เเละจะใช้ทำอะไร เมื่อไร อย่างไรก็ได้

จิตวิญญาณมีพลังจิตมากมายมหาศาล กว่าที่คุณคิด เพราะ คุณสามารถทำทุกอย่างไร้ขอบเขต

เพราะทุกอย่างเกิดจากความว่างเปล่า ก็เหมือนกับการวาดภาพ ลงบนกระดาษ ที่คุณสามารถวาดอะไรก็ได้

ถ้าคุณวาดบ่อยๆ รูปเดิมที่คุณวาดก็จะสวยงามมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะคุณชำนาญเเละรู้ว่า ต้องเพิ่มอะไรเเละลดอะไร

คุณคิดว่าสมองเปล่าๆที่มีหน่วยบันทึกความจำอย่างที่ทางการเเพทย์ระบุมาทำได้เเค่นั้นหรอ?

ถ้าคุณคิดว่าคุณทำได้เเค่นั้น คุณก็ทำได้เเค่นั้นจริงๆ เเต่คุณรู้ไหมว่า

เเม้เเต่ร่างกายของคุณก็สามารถรักษาตัวเองเเละผู้อื่นได้ด้วยพลังจักรวาลผ่านร่างกายของมนุษย์ทุกคน

ไม่มีมนุษย์คนไหนที่ดีหรือโง่ไปกว่ากัน ไม่ได้มีความพิการหรือผิดปกติเเต่อย่างใด เพราะทุกคนมีความพิเศษเเตกต่างกัน

ไม่มีคำว่าประหลาด เเต่ทุกคนมีความมหัศจรรย์ ด้วยกันทั้งสิ้นอยู่ที่ว่า คุณสามารถใช้ชีวิตโดยลำพังโดยปราศจากคนอื่นได้หรือไม่?

เเต่เเน่นอนเท่าที่เห็น ไม่มีใครสามารถอยู่คนเดียวได้ ชอบโต้ตอบ ชอบการมีเพื่อน หาพรรคพวก มีฝ่ายดี ฝ่ายชั่ว ทั้งๆที่ทุกอย่าง คือ สิ่งเดียวกัน

เเล้วทำไมต้องเเสวงหา คู่เเท้ หาเพื่อน หาคนรัก เพราะมนุษย์ถูกสอนมาว่า พวกเราคือ สัตว์สังคม เราต้องอยู่กับคน พูดคุยกับคน

พวกเราต้องทำงาน เพื่อมีเงินในการดำรงชีวิต เเละ เเน่นอน พวกเราปฏิเสธไม่ได้ เพราะมันสายเกินกว่าที่เราจะอยู่โดยปราศจากสิ่งเหล่านี้

เพราะ ไม่ว่าจะเป็น ที่อยู่อาศัย อาหาร เเละ ยา รวมทั้ง เงินทอง คือ สิ่งที่ีมนุษย์จำเป็นต้องมีต้องใช้ เเละ สำคัญมากไปเเล้ว

เพื่อดำรงชีวิต หากไม่มีเงิน ไม่มีบ้าน ไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีอาหาร เราจะมีความสุขได้อย่างไร เพราะเรา เคยชินกับการเติบโตมาเเบบนี้

หากพูดคนเดียว เรียกว่า บ้า หรือ คนอื่นมองว่า โรคจิตหรือ เสียสติ

หากพูดกับดินฟ้าอากาศ พูดกับร่างกายตัวเอง ก็บ้าเเน่นอน

สันโดษไม่ชอบพูดกับคน เพราะว่า รำคาญคนชอบมาวุ่นวาย มาสั่งสอนว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้

สันโดษเกลียดคนประเภทนี้มาก เพราะสันโดษไม่ได้ต้องการเรียนจากใคร

สิ่งที่สันโดษชอบทำ คือ การหาข้อมูลเเละนำมาทำความเข้าใจด้วยตัวคนเดียว

พูดคนเดียวมาตลอด ความรู้สึก เหมือนกับมีคนนึงที่รู้ ส่วนตัวเองที่เป็นมนุษย์ไม่รู้

ตอนนี้ไม่เเปลกใจเเล้วว่า ทำไมเราถึงรู้สึกเหมือนมีคนควบคุมตลอดเวลา

มีคนบอกให้เราทำอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ เพราะคนพวกนี้ เขาสนใจเเต่คนอื่น จนไม่มีโอกาสที่จะรู้จักตัวตนที่เเท้จริง

ดังนั้น การที่สันโดษได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดเหล่านี้ จึงเข้าใจเเล้วว่า ทุกอย่างไม่ได้มีจริง

เพราะฉะนั้นจะภัยพิบัติทางธรรมชาิติ หรือ ภัยพิบัติจากน้ำมือมนุษย์

มันไม่มีผลกับใครทั้งนั้นหากจิตใจเรามีสติ เเละ อยู่กับปัจจุบัน

พวกเรากำลังถูกล้างสมอง ด้วยข้อความต่างๆในอินเตอร์เน็ต ในหนังสือ ในทีวี เเละ มนุษย์รอบๆตัว

เเท้ที่จริงเเล้ว การมีสติอยู่กับปัจจุบัน คือ กุญเเจตัวสำคัญในการต่อสู้กับข่าวสารต่างๆที่ถูกป้อนข้อมูลเข้าสู่สมองของเรานั้นเอง

อาวุธที่สำคัญที่สุด ก็คือ สติ เเละ กรรมนั้นเอง

เมื่อไรก็ตามที่ีเรากลัวเรื่องภัยพิบัติ สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ การสวดมนต์ หรือ นั่งสมาธิ

เพื่อให้จิตเรานิ่ง เเละสงบเท่าที่จะทำได้ ถ้าเป็นไปได้ก็ซ้อมตายไปด้วยเลยก็ดี

ถ้ากำลังจะตายต้องทำอย่างไร ไม่ว่าจะตายเพราะน้ำท่วม ตายเพาะนิวเคลียร์

เเต่นิวเคลียร์ คงไม่มีโอกาสได้ทำสมาธิ เวลาล้างโลก ก็ 2-3 วินาทีร่างกายก็เป็นฝุ่นเเล้ว

ไม่มีเวลาทรมาณเท่ากับคนที่โดนไฟคลอก เเต่คนที่โดนไฟคลอกก็ไม่ทรมาณ

เพราะจะสำลักควันจนสลบเพราะขาดอากาศหายใจก่อน

ดังนั้น คนที่ตายในภัยพิบัตินับว่าเป็นผู้ที่มีบุญมากที่สุด เพราะคนไหนที่ดี ก็ได้ไปสู่สุคติ

เเต่ถ้าต้องทนอยู่ใน ช่วงภัยพิบัติ กว่าจะฟื้นฟูเมืองทั้งเมืองได้ กว่าคนรอบข้างจะยิ้มได้ ตัวเราเองก็คงจะทุกข์ไม่ต่างจากเขา

เพราะฉะนั้น บ้านเมืองเรายังสงบสุขเเละปลอดภัยจากภัยพิบัติ เพราะ คนไทยส่วนมากหมั่นทำบุญ สร้างกุศล

เเละเมื่อเกิดภัยพิบัติ พวกเราก็ยังมีน้ำใจช่วยเหลือคนเหล่านั้น นั้นก็เป็นเพราะ กฎแห่งกรรมที่เราได้ช่วยเขามาเอง

เร่งทำบุญ สร้างบารมี ขณะที่เรายังมีโอกาสที่เหลือ อย่ารอให้เกิดภัยพิบัติเเล้วค่อยทำจะดีกว่านะคะ

 

ระยะหลังๆคุณสันโดษโพสต์ได้สุดยอดมาก น่าติดตามทุกกระทู้ เยี่ยมมากๆ ^_^

 

เพราะว่าสันโดษคือสันโดษ หลังจากข้าม ละพ้นจากตำแหน่งความเพี้ยนๆ(คนอื่นที่มองสันโดษสมัยก่อนเหอๆ) จึงกลับมาสุดยอดอีกครั้ง

 

ให้เราอยู่เถอะนะ ....จะได้ช่วยเหลือใคร ๆ ได้.

 

ม่าย ต้องกลัวอะรายดอก เอเชียมีอาวุธร้ายแรงกว่ากลุ่มอเมริกาเยอะ สุดท้ายเลื๋อแต่คนเอเชีย นั้นและคอยเบิ๊งเด้อ....คิดดี พูดดี...ทามดี...รอดชัว..ด้ายดี.....เอเชียออนลาย....

 

อย่ากลัว สติดี จิตดี ใจดี กายดี อยู่ดี อากาศดี มีสุข กินน้อย ลดน้ามหนัก..เริ่มอ้วน..

 

เราไม่กลัวพวกมันหรอก ถึงเวลาสู้ก็สู้อะ อัจฉริยะแค่ไหนก็คนเหมือนกัน ตายได้เหมือนกัน

 

เงอ วิธีทาง เดียวก็คือ สร้างกลุ่ม ขึ้นมาใหม่ ......... รวมคนคนรักพุทธ.

 

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทุกวันนี้บางที ว่างๆ จะชอบนึกเสมอว่าเรากำลังเป็นหนูทดลองอะไรบางอย่าง;aa43

 

รังสีแสงสว่างที่เปล่งอยู่เบื้องหลังเศียรของเทพเทวา คือ ของจริง!!!

 

โดนกล่อมประสาทว่า "โลกร้อน แกนโลกพลิก"

ถ้าเราไปเชื่อความคิดเหล่านั้น ก็จะโดนสะกดไว้เป็นหนูทดลอง

ความจริง โลกมันกำลังรักษาความสมดุลจากผู้ที่คิดปรามาสมันต่างหาก จริง!!!

 

เราเชื่อว่า "โลกร้อน น้ำแข็งขั้วโลกกำลังจะละลาย มหาสมุทรจะท่วมโลก"

อย่าไปฟังมัน เพราะว่า "โลก คือ ความสมดุล" "โลก คือ แหล่งกำเนิด"


โลก คือ ความสมดุล โลก คือ ความสมดุล โลก คือ ความสมดุล
โลก คือ ความสมดุล โลก คือ ความสมดุล โลก คือ ความสมดุล

โลก คือ แหล่งกำเนิด โลก คือ แหล่งกำเนิด โลก คือ แหล่งกำเนิด
โลก คือ แหล่งกำเนิด โลก คือ แหล่งกำเนิด โลก คือ แหล่งกำเนิด

 

+1 คุณสันโดษ และข้อมูลเพิ่มเติม เรื่อง illuminati

 

อ่านกระทู้่สันโดษทีไร เห็นมีแต่เนื้อหาที่พากันลงหลุมลงบ่อ

เลอะเทอะกันทุกวันแล้ว ห้องนี้

 

อีกหน่อย คงจะมีพวก อุลตร้าแมน ออกมาแน่นอน

 

หลายสิบปีมานี่ มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นอีกแล้วหละครับ

ที่ว่าคนเอเซียมีจิตใจสูงส่งดีงามกว่าคนแถบอเมริกาหรือยุโรปหนะ

เพราะก่อนหน้านั้นผมก็เคยคิดเช่นนั้นเหมือนกัน

แต่ตอนนี้ไม่ค่อยแน่ใจแล้วหละว่ามันยังเป็นอย่างนั้นอยู่ไหม๊

เพราะกระแสของคนเอเชีย จะไปเห่อวัฒนธรรมด้านวัตถุนิยมของทางตะวันตก
เช่น แฟชั่น อาหารการกิน เซ็กส์ และอื่นๆ ดูอย่างญี่ปุ่นสิ เรื่องเซ็กส์ทุกวันนี้โจ่งครึ่มขนาดไหน
คนไทยเองก็ด้วย พวกเราก็น่าจะพอรู้ๆเห็นๆกันอยู่ อย่างเวียดนามที่ผมกำลังอยู่นี่ ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
เพราะช่วงสมัยสงครามเวียดนาม ฆ่าพระฆ่าเจ้าไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ จนทุกวันนี้คนเวียดนามเอง
แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีศาสนาเลย มีบางจังหวัดก็หันไปนับถือคริสต์ เพราะถูกบังคับเมื่อหลายสิบปีก่อน

ส่วนพม่าเองก็เถอะ ฆ่าพระไปเท่าไหร่แล้วหละ แล้วจีนหละ ถล่มทิเบต ฆ่าพระทิเบตไปเท่าไหร่

ในทางกลับกัน กระแสของโลกตะวันตก ทั่วทั้งยุโรปและอเมริกา เขาตื่นตัวเรื่องการฝึกจิตกันมาก
ในขณะที่พวกเราตื่นเต้นกับโลกวัตถุมาก เช่นเดียวกัน พวกเขาเห่อการฝึกจิต นั่งสมาธิ และโยคะ แบบทางเอเซียกันมากเหลือเกิน
มหาฤาษีผู้ยิ่งใหญทั้งหลายจากอินเดีย ก็หลั่งไหลไปเผยแพร่วิถีการฝึกจิตในโลกแถบโน้นกันมากมาย

จนหลังๆมานี่ บางประเทศก็เจริญทั้งด้านวัตถุและด้านจิตใจไปพร้อมๆกันด้วย

ในเวปไซต์มากมาย กำลังเผยแพร่เรื่องโยคะ สมาธิ การฝึกจิตแบบต่างๆ เต็มไปหมด เพื่อให้เข้าถึงสิ่งที่พวกเขาเชื่อ

แต่มีอยู่ Concept หนึ่ง ที่พวกเขาดูเหมือนจะมีเหมือนๆกันหมด ในทุกวิถีการฝึกจิต ก็คือ

"ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข" "ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน"

ซึ่ง concept ดังกล่าวนี้แหละ ที่คนไทยชาวพุทธเราหลายคน ดูถูกเหยียดหยามเป็นนักเป็นหนา
เพราะว่า "เราบอกว่า" มันไม่ใช่ทางนิพพาน "เราบอกเองว่า" พวกเขาไปได้แค่พรหมโลกเท่านั้นเอง
"เราบอกเองว่า" ของพวกเขาไม่อาจเสมอเหมือนและสูงศักดิ์อย่างของเราได้)

....................................

 

ไทย กับ ทิเบต (บอกใบ้ให้แล้ว ไม่ใบ้อีก ไม่ใช่หวย^^)
ไทย กับ ทิเบต (บอกใบ้ให้แล้ว ไม่ใบ้อีก ไม่ใช่หวย^^)
ไทย กับ ทิเบต (บอกใบ้ให้แล้ว ไม่ใบ้อีก ไม่ใช่หวย^^)

 

ตาที่สามแรงๆๆ ให้ปล่อยลมปราณไปรอบๆ(กวาดมือไปรอบๆ)

จากนั้นก็รวบเข้ามาในวิญญาณ

ก็จะทราบตำแหน่งของสิ่งของที่วางอยู่ได้ จริง!!!(คลาดเคลื่อนเพียงนิดหน่อย)

ต้องฝึกให้ชำนาญ เวลาเดินในห้องมืด มันจะไม่เดินชนตู้ชนโต๊ะเลย

 

คนพุทธก็มีหลายสาย หลายการปฏิบัติ คนที่ไม่รู้จริงก็มีมานะมาก
อย่าว่าคนศาสนาอื่นเรย คนพุทธด้วยกันยังกลัว เลย
พระพุทธศาสนา สมัยนี้ยังกะมีเจ้าของมีลิขสิทธิ์ ใครมีความคิดหรือตีความต่างจาก
พวกตนถือว่าผิดหมด (บางทีเราก็เป็นนะ ถ้าขาดสติ)
กิเลสมันไม่เข้าใครออกใคร แม้แต่ผู้ปฏิบัติธรรม

 

ก่อนเดินเข้าสถานที่ใดๆ ก็ปรับธาตุรู้ในกาย

โดยการดึงปราณผ่านฝ่าเท้าขึ้นมา

ให้รับรู้"ธาตุรู้"บริเวณนั้นๆ ในมิติ(ภพนั้น)

แล้วค่อยกวาดมือ กวาดร่างกาย ไปรอบๆความมืด

ไม่เคยฝึกหรือไง??????????

เวลาเข้าไปยังภพภูมิของดินแดนลับแล เขาก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น!!!!!