ถามผู้รู้เรื่อง มโนยิทธิเต็มกำลังแตกต่างจาก มโนยิทธิครึ่งกำลังยังไงครับ?

ถามท่านผู้มีประสบการณ์ตรง เคยไปฝึก มาแล้วที่ศาลา 12 ไล่ แล้วได้ มโนยิทธิเต็มกำลังแล้ว

ว่า แตกต่างจาก มโนยิทธิครึ่งกำลังยังไงครับ?

การออกไป คือ วิญญาณหลุดออกไปเลย หมดความรู้สึกทางกายเหมือนเรานอนหลับ แล้วจิตไป เบื้องบนแต่เราอยู่ในณานทำให้เรารับรู้และจำว่าเราไปไหนมาบ้างได้ หรือ ครับ ?

การไปฝึกต้องทำอะไร บ้างต้องจอง ต้องอยู่ถือธุดง กี่วัน ครับ แล้วฝึกทั้งหมด กี่วัน วันละกี่ชั่วโมงครับ แล้วปีนี้ มีวันไหนบ้างของเดือน ธันวาคม คัรบ

ขอขอบคุณและโมทนาในบุญที่พวกท่านทำครับ

 

ไปแบบเต็มกำลังจะรับรู้ได้มากกว่าครับ....
ผมฝึกครึ่งกำลังมา ก็เห็นนิมิต เห็นภาพ แต่ ไม่ได้ไปทั้งตัว
รู้สึกตัวขณะฝึกเพราะ การไปแบบครึ่งกำลังแค่ใช้อุปจารสมาธิเพื่อให้เห็นนิมิตครับแล้วใช้ญาณ 4 เดินทางในแบบครึ่งกำลังครับ

..........
ช่วยเล่าประสบการณ์แบบครึ่งกำลังได้มั้ยครับ อย่างไปเหมือนกัน
ต้องมีคุณสมบัติอะไรมั้ย ต้องใช้สมาธิชั้นสูง (แบบถอดจิต)ไปหรือเปล่า
(ผมยังไม่บรรลุสมาธิถึงขณะนั้นเลย) จะไปได้มั้ย

อนุโมทนา สาธุ

 

.ดิฉันเป็นครูฝึกที่วัดท่าซุงมากว่า 25 ปี ขอนุญาต ตอบคำถามค่ะ<O</O
<O</O
จะไม่ขออธิบายความหมายของคำว่า "เต็มกำลัง" กับ "ครึ่งกำลัง" นะคะ<O</O
พระพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ฯ มิได้ให้คำนิยาม เราต้องไม่อธิบายเกินครูค่ะ

<O</Oแต่ท่านบอกว่า การฝึกมโนมยิทธิ มี 500 วิธีท่านเลือกวิธีที่จะทำให้คนในยุคนี้ไปได้ให้มากที่สุดค่ะ<O</O
<O</O

ประมาณปี 2519 ที่เริ่มฝึกให้ลูกศิษย์รุ่นแรก (ที่เป็นครูกันทุกวันนี้)ท่านก็ฝึกให้แบบที่เราเรียกว่า "เต็มกำลัง" ค่ะ แต่บางคน ฝึกวิธีนี้ ก็ได้ยากเพราะขาดความเข้าใจ เมื่อพวกเราฝึกกันได้มากขึ้น

ท่านก็เริ่มให้ไปเป็นครูและแนะนำคนที่มาฝึกรุ่นหลัง ๆ ท่านเห็นว่า การให้ครู้เข้าไปช่วยแนะนำนั้นจะทำให้ผู้มาฝึกได้เร็ว และง่ายขึ้น ค่ะจากนั้น ก็ใช้วิธีฝึกครึ่งกำลังมาตลอดและจัดให้มีการฝึกแบบเต็มกำลัง ปีละครั้ง


<O</O
<O</O
การฝึกมโนมยิทธิแบบเต็มกำลัง
<O</O
ต้องจัดเครื่องบูชาให้ครบ คือ ดอกไม้ 3 สี 3 ดอก เทียน 1 เล่ม ธุป 3 ดอก <O</O
และให้อธิษฐานจิตก่อนปฏิบัติว่า “แม้จิตข้าพเจ้าเคลื่อนไปได้ ข้าพเจ้า ขอไปที่ ...(พระจุฬามณี เจดียสถาน)” เป็นต้น แล้วมุ่งมั่นภาวนา ไม่ต้องกำหนดลมหายใจ เข้า – ออก มีพระคาถา เป็นพระนามของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ปิดที่หน้าผาก
<O</O
การปฏิบัติแบบนี้ จิตของท่านจะมีความคึก และพร้อมที่จะไปท่องภพต่าง ๆ อาการที่แสดงออก อาจมีการส่งเสียงดัง บางท่านมีตัวโยกโคลงเคลง อันนี้ก็จงปล่อยให้มันโยก เป็นอาการปกติ จงอย่าตกใจ มันจะเอนลงนอน ก็นอนตามร่างกาย เพราะเราเน้นที่จิต ไม่ใช่ร่างกาย ต้องตัดความกังวลในร่างกายให้ได้ <O</O


ผลการปฏิบัติวิธีนี้ มีทั้งอย่างหยาบ อย่างกลาง และอย่างละเอียด หมายความว่า แต่ละท่านที่ได้ “เต็มกำลัง” ก็มิได้มีความแจ่มใสเสมอกัน เพียงแต่ ผู้ได้เต็มกำลัง จะรับสิ่งต่าง ๆ ได้แจ่มใสกว่า

<O</O
คำว่า “ไปได้” ไม่ได้หมายความว่า ท่านหลับไป ถอดวิญญาณไป และตัดขาดจากร่างกายไปแต่ประการใด การไปแบบทิ้งร่างกายนั้น จะเกิดขึ้นได้ด้วยกำลังของ “อภิญญาใหญ่” แต่ “มโนมยิทธิ” เป็น อภิญญาเล็ก ที่มีอานุภาพสูง คือทำให้เราสามารถไปเรียนรู้สภาวะที่แท้จริง ในดินแดนต่าง ๆ ได้ แม้กระทั่ง "พระนิพพาน” ท่านที่มีความมุ่งมั่นในสถานที่ ๆ ท่านไปอย่างเต็มที่ ท่านก็จะขาดจากความรู้สึกทางร่างกายไปชั่วขณะหนึ่ง อันนี้เป็นธรรมดาของ “สมาธิ”<O</O
<O</O
การฝึกมโนมยิทธิแบบครึ่งกำลัง

<O</O
พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านนำวิธีการสอนแบบนี้มาใช้ ด้วยท่านเห็นว่า จะช่วยให้คนที่เคยได้มโนมยิทธิมาในกาลก่อน ทำได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว บางราย ถ้าให้ทำเอง อาจใช้เวลา 3 ชาติ ยังไม่รู้จะได้หรือเปล่า (อันนี้เป็นคำที่ท่านเล่า) เราจงพึงทราบกันว่า ครูบาอาจารย์ของเรานั้น ได้เล็งเห็นในจริตและสามารถแก้ไขจุดอ่อนของพวกเรา และทำให้เราเข้าใจและเข้าถึงธัมมะของพระพุทธเจ้าได้ทุกคนโดยวิธีที่ง่ายที่สุด

<O</O
<O</O
ฉะนั้น การได้เต็มกำลัง หรือ ครึ่งกำลัง ไม่ใช่ว่าจะทำให้ใคร “ดีกว่า” ใคร
หัวใจสำคัญของการปฏิบัติ คือ “การละ” หรือ “การตัด” มโนมยิทธิ เป็นเครื่องมือที่จะทำให้ท่านพิสูจน์ว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนนั้น เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง แล้วจะเห็นด้วยตัวเองว่า “เป็นจริง” เมื่อรู้ว่า นรกมีจริง สวรรค์มีจริง พรหมมีจริง พระนิพพานมีจริง ท่านก็มีกำลังใจที่จะทำความดีให้ถึงที่สุด เพราะไม่มีอะไรต้องสงสัยอีกต่อไป

<O</O
<O</O
จงอย่าภูมิใจว่า ฉันไปเต็มกำลัง หรือ น้อยใจว่า ฉันไปเพียง ครึ่งกำลัง<O</O
ถ้าท่านไม่ตัดกิเลศ ก็ยังมีสิทธิ์ลงนรกเท่าๆ กัน การ “เห็นชัด” หรือ “เห็นไม่ชัด” นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ

<O</O
หัวใจสำคัญของนักปฏิบัติ คือ “มีจิตมั่นคงต่อพระนิพพาน” ฉะนั้น การคิด ก็ดี พูดก็ดี ทำก็ดี จะเป็นไปเพื่อพระนิพพานในชาตินี้

<O</O
<O</O
การฝึก มโนมยิทธิ แบบครึ่งกำลัง มีให้ฝึกได้ เฉพาะ วันเสาร์ และวันอาทิตย์ ที่บ้านซอยสายลม สัปดาห์แรกของเดือน ติดตามได้จากหนังสือ ธัมวิโมข หรือ จากเว็บไซท์ พระรัตนตรัย http://www.praruttanatri.com/link.php

<O</O
<O</O
การฝึกมโนมยิทธิ แบบเต็มกำลัง โดยปกติ ท่านจะจัดให้มีระหว่างการบวชธุดงค์ สามารถติดตามข่าวได้ จากเว็บไซท์ ดังกล่าวเช่นกันค่ะ<O</O




มโนมยิทธิ เต็มกำลัง
มโนมยิทธิ ครึ่งกำลัง

 

ขออนุโมทนาครับ...ขอถามคุณ Pan&R ครับว่าถ้าเราไม่เคยฝึกมโนมยิทธิมาก่อนเลย...เราจะไปฝึกแบบเต็มกำลังเลยได้หรือเปล่าครับ...

 

โมทนาครับ คุณ Pan&R ผมก็อยากลองฝึกครับแต่อยู่ไกล และทำงานแล้ว เลยลำบากนิดนึง ว่าจะลองอ่านหนังสือทำดูครับ สู้ต่อไปจ้าาา

 

อยากทราบเหมือนกันว่า ถ้าไม่เคยฝึกมาเลย(ในชาติปัจจุบัน และอดีต) แล้วจะฝึกได้หรือเปล่า แล้วควรจะฝึกแบบไหนก่อน โมทนา ครับ

 

มาขยาย font ให้ครับผม ....

ดิฉันเป็นครูฝึกที่วัดท่าซุงมากว่า 25 ปี ขอนุญาต ตอบคำถามค่ะfficeffice" /><O></O>
<O></O>
จะไม่ขออธิบายความหมายของคำว่า "เต็มกำลัง" กับ "ครึ่งกำลัง" นะคะ<O></O>
พระพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ฯ มิได้ให้คำนิยาม เราต้องไม่อธิบายเกินครูค่ะ<O></O>
แต่ท่านบอกว่า การฝึกมโนมยิทธิ มี 500 วิธีท่านเลือกวิธีที่จะทำให้คนในยุคนี้ไปได้ให้มากที่สุดค่ะ<O></O>
<O></O>
ประมาณปี 2519 ที่เริ่มฝึกให้ลูกศิษย์รุ่นแรก (ที่เป็นครูกันทุกวันนี้)ท่านก็ฝึกให้แบบที่เราเรียกว่า "เต็มกำลัง" ค่ะ แต่บางคน ฝึกวิธีนี้ ก็ได้ยากเพราะขาดความเข้าใจ เมื่อพวกเราฝึกกันได้มากขึ้น ท่านก็เริ่มให้ไปเป็นครูและแนะนำคนที่มาฝึกรุ่นหลัง ๆ ท่านเห็นว่า การให้ครู้เข้าไปช่วยแนะนำนั้นจะทำให้ผู้มาฝึกได้เร็ว และง่ายขึ้น ค่ะจากนั้น ก็ใช้วิธีฝึกครึ่งกำลังมาตลอดและจัดให้มีการฝึกแบบเต็มกำลัง ปีละครั้ง<O></O>
<O></O>
การฝึกมโนมยิทธิแบบเต็มกำลัง<O></O>
ต้องจัดเครื่องบูชาให้ครบ คือ ดอกไม้ 3 สี 3 ดอก เทียน 1 เล่ม ธุป 3 ดอก <O></O>
และให้อธิษฐานจิตก่อนปฏิบัติว่า

 

ขออนุโมทนากับคุณ Pan&R ครับ ที่ให้ความรู้ในการฝึกมโนมยิทธิแบบเต็มกำลังครับ แต่ผมยังมีข้อสงสัยอยู่ว่า ถ้าฝึกมโนมยิทธิแบบเต็มกำลังที่บ้านโดยจัดเครื่องบูชาครบ คือ ดอกไม้ 3 สี ธูป 3 ดอก เทียนหนัก 1 บ้าน 1 เล่ม เงิน 1 สลึงขึ้นไป แต่ไม่มีพระคาถา นะ โม พุท ธา ยะ (พระพุทธเจ้า 5 พระองค์) ปิดที่หน้าผาก จิตจะสามารถถอดจากร่างกายออกไปในดินแดนต่าง ๆ หรือ พระนิพพาน ได้หรือไม่

*ขอแจ้งกำหนดการบวชธุดงค์ที่วัดท่าซุง ให้คุณ"วิปจิตัญญู"ทราบดังนี้ครับ*
วันที่ 7 - 15 ธ.ค. 2549 บวชพระถือธุดงค์ และบวชชีกรรมบถ 10 รวม 9 วัน
วันที่ 9 - 10 ธ.ค. 2549 ฝึกมโนมยิทธิแบบเต็มกำลัง
วันที่ 15 ธ.ค. 2549 นำพระบวชถือธุดงค์ และบวชชีกรรมบถ 10 กราบ
ขอขมาสถานที่สำคัญภายในวัน 18 แผ่ง และทำ
พิธีลาสิกขาบท ที่มหาวิหาร 100 เมตร

******************

 

ขอบคุณและโมทนาบุญของคุณ Pan&R ด้วยครับ
พระท่านเคยได้เมตตาบอกผมครับว่า การได้มโนเต็มกำลังนั้น หัวใจที่ท่านต้องการคือเพื่อได้ทดสอบกำลังใจและการปฏิบัติ ในวิปัสนากรรมฐานว่ามีความบริสุทธ์ของจิตที่ปราศจากกิเลส ได้เพียงพอที่จะไปนิพพานได้เองโดยไม่ต้องมีคนมาสอนแบบมโนมยิทธิครึ่งกำลังได้หรือไม่ เพราะความเป็นจริง เราไม่รู้ว่าเราจะตายวันไหน ตายเมื่อไหร่ เมื่อเราจะตายจะมีใครมาบอกทางนิพพานเราหรือเปล่า ถ้าเรามีกำลังใจในการตัดกิเลสเข้าสู่พระนิพพานได้เอง ก็สมกับคุณความดีของพระพุทธเจ้า ของหลวงพ่อท่านที่ได้เหนื่อยยากสั่งสอนเราในความดีให้เราได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ครับ ส่วนการที่การฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลังแล้วสว่างไสวชัดเจนเป็นพิเศษนั้น เปรียบเสมือนเป็นน้ำทิพย์ชโลมใจให้มีกำลังใจในการปฏิบัติให้ยิ่งขึ้นไปครับ แต่ความสำคัญหลักๆคือ เพื่อให้มั่นใจว่าเรามีความตั้งใจและทรงอารมณ์ใจให้ถึงซึ่งพระนิพพานได้ด้วยตัวเองครับ ดังนั้น ท่านที่ ไปฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลังแล้ว ถ้าภาพยังไม่ชัดเจนแจ่มใสเหมือนท่านอื่น ก็ไม่ต้องกังวลใจ แต่ขอให้ภูมิใจได้ว่าเราก็สามารถมีกำลังใจมาถึงพระนิพพานได้เช่นกัน ดังนั้นชาตินี้จิตเราจะไม่คลาด จากพระนิพพานครับ
---ขอกราบโมทนาบุญทุกๆท่านที่ได้สัมผัสและเข้าถึงซึ่งพระนิพพานครับ

 

โอ้..โอๆๆๆ ของจริงนั่งนิ่งเป็นใบ้ โมทนาด้วยครับ มโนมยิทธิ มิใช่ของเล่นที่จะมาตอบแบบสุ่มสี่สุ่มห้าเอามันส์เข้าว่า ถ้าเขาเชื่อแบบรู้ไม่จริง ไอ้คนตอบเล่นก็จะลงนรกไป พาลให้คนปฏิบัติแล้วไม่เกิดมรรคผล เกิดเป็นมิจฉาทิฐิไม่เชื่อในกรรมอีก ตานี้ละร้อยกันเป็นห่วงโซ่กรรมเวรกันไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ เห็นด้วยกับคุณครู ขอให้ธรรมทานในครั้งนี้ เป็นทานบารมีของคุณครูสืบไปจนถึงพระนิพพาน หากมีเวลาขอโมทนาให้มาสืบสายบุญ ให้กับสมาชิกในเวบด้วยครับ

 

ขอโมทนาบุญครับ

อยากทราบเพิ่มเติมว่า ฝึก กี่ ชั่วโมง ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างครับ แล้ว จะต้อง อยู่ ฝึกครบทั้ง 7 - 15 มั้ยครับ จะไปฝึก เฉพาะ วันที่ 8 - 10 อะไร แบบนี้ได้มั้ยครับ เพราะ มีติดเรียน และ ธุระทางโลก ครับผม แต่ตั้งใจจะไปฝึกครับ แล้วเรื่อง ที่ พักทางวัดจัดให้ไว้ต้อง มีการจองล่วงหน้ามั้ยครับ เพราะ คาดว่าคนจะเยอะ มากครับ

 

ขอขอบคุณ คุณ Web Snow ด้วยครับ ที่ทำเป็น Outstanding Topic ให้เลย [bw-cry] (verygood) โมทนาบุญครับ

 

พอจะเขียนรายละเอียดให้หน่อยใด้มั้ยครับคุณpan@r ผมหมายถึงการฝึกอย่างละเอียดทั้งสองวิธีจะเป็นธรรมทานอย่างยิ่ง

 

รู้ขึ้นแยะ

อ๋ออย่างงี้นี่เอง กะเอาครึ่งกำลังก็พอ เต็มๆ กลัว

 

ถ้าฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง ก็จะเริ่มตั้งแต่เวลา 12.00 น.เป็นต้นไป ประมาณ 2 ชั่งโมง ทั้ง 2 วัน จะอยู่ไม่ครบวันก็ได้ครับ สถานที่พักมีพร้อมสามารถรองรับผู้ที่มาฝึกได้จำนวนมาก ๆ ครับ ให้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ทางวัดได้เลยครับ นำบัตรประชาชนไปด้วย แต่งกายสุภาพ หรือ ชุดขาว ครับ

 

ตอบการออกเต็มกำลัง

ผมจะเล่าประสบการณ์การออกเต็มกำลังให้ฟัง

 

อิอิอิ...........รุ่นใหญ่ ออกมาแล้ว....อนุโมทนาครับ ที่มาแนะนำ รุ่นเด็กๆ ที่ไม่ทันหลวงพ่อ นานๆ จะเห็นรุ่นแรกออกมา ก้เห็นแต่ ท่านมหาหินที่ออกมาพูดแต่เรื่องบุญ........ขอบคุณครับที่ออกมาแนะนำ
.........พวกรุ่นทันหลวงพ่อฝึกมโนด้วยความศรัทธา ในองค์หลวงพ่อที่มีมากทำให้ได้เร็วไม่ค่อยติดเรื่องลังเลสงสัยเท่าไหร่
......แต่รุ่นไม่ทันหลวงพ่อลังเลสงสัยมาก เลยทำให้การฝึกมโนมีปัญหามาก และเอามโนที่ได้ เอาไปทำดูโน่นดูนี่ ไม่ยอมที่จะดูจิต ดูใจตัวเอง....
.....พอได้มโนครึ่งกำลังแค่แป็บเดียวก็ดูโน่นดูนี่กันจนมโนที่ได้เพี้ยนไปหมด
....ผู้ได้มโนครึ่งกำลัง ถ้าไม่เสียเวลาแวะระหว่างทางหมั่น ยกจิตไปที่นิพพานบ่อยๆให้ได้จนจิตมันชินมากๆ เดี๋ยวเต็มกำลังมันมาเอง............
.....อันนี่คือที่หลวงพ่อต้องการเต็มกำลังในขณะที่จิตเกาะกับนิพพาน กิเลสมันจะไปไหนได้.........อิอิอิ(verygood) (verygood) (verygood)

 

ตอบการออกเต็มกำลัง

ผมจะเล่าให้น้องๆผู้ฝึกใหม่ได้รู้ จะได้ไม่กลัวในการฝึกนะครับ และก็อย่าคิดว่าผมเก่งนะครับ ผมยังมีกิเลสเลยหัวครับยังต้องปฏิบัติตามที่หลวงพ่อสอนอีกมาก
เริมฝึกผมทำอย่างนี้ครับ ผมก็พิจารณาก่อนว่าการเกิดมานี้มันไม่ดี ถ้ามันจะตายตอนนี้ผมจะดีใจมาก แล้วผมก็ภาวนาโดยไม่ได้คิดอะไรอีก พอภาวนาไปสักพัก ก็มีความรู้สึกว่ามีเสียงดังในกาย ความรู้สึกบอกเราว่ากำลังจะออกเต็มกำลัง พอเราบอกว่าออกเลย กายในก็ลุกออกมาจากกายเดิมเลย ความรู้สึกว่ามันออกมาง่ายมาก ไม่มีความเจ็บปวด จิตมีความสุขมาก มากขนาดหาความสุขในโลกนี้มาเทียบไม่ได้ แต่น้องๆก็อย่าไปติดสุขตัวนี้นะครับ ยังสุขสู้พระนิพพานไม่ได้ครับ พอออกไปได้มองไปรอบๆจะเหมือนตอนเที่ยงวันเห็นทุกอย่าง ความรู้สึกนึกคิดมาอยู่ที่นี่หมด มองไปด้านข้างเห็นเทวดา นางฟ้าท่านคอยดูแลเราอยู่ น้องๆมั่นใจได้เมื่อเราทำความดี ท่านจะคอยคุ้มครองเรา ส่วนกายเดิมเราจะไม่มีความรู้สึกอะไรเลย และพอเวลาที่เราจะกลับเข้ากายแค่เราคิดว่าจะเข้ากาย จิตหรือกายใหม่ก็จะวิ่งเข้ากายทันที น้องๆไม่ต้องกลัวว่าจะกลับไม่ได้นะครับ นี่เป็นเพียงสิ่งน้อยๆที่ผมได้มา ก็ขอฝากน้องๆไว้จะได้ไม่กลัวในการฝึกเพื่อจะได้ไปพระนิพพานกันทุกคนนะครับ