แนะเพื่อนแบบนี้ เราจะมีกรรมหรือป่าวค่ะ วานผู้รู้ตอบที

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Little Sky, 27 มีนาคม 2010.

  1. Little Sky

    Little Sky สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +5
    เรื่องคือ เรามีเพื่อนเป็นเมียน้อย และ หลายๆครั้ง เพื่อนมีปัญหากับผู้ชาย เราเห็นเพื่อนเครียด เลยสงสาร เรารู้ว่ายังงัย ณ ตอนนี้เพื่อนก็ยังเลิกไม่ได้ เราเลยแนะเพื่อนให้หนักนิดเบาหน่อยอภัยให้กัน อย่าไปถือโทษโกรธเขา ( ทะเลาะกันแค่เรื่องคุยไม่ถูกหูกัน แต่ไม่ได้ร้ายแรง )

    หลายๆครั้งเราคิดนะค่ะ เรารักเพื่อน อยากให้เพื่อนไม่เครียดเรื่องรัก อยากจะให้ปล่อยวางทำใจสบายๆ แต่เรามามองอีกมุม เขากำลังทำผิดศีลสามอยู่ และการที่เราไปแนะแบบนั้น มันเหมือนเราสนับสนุนให้เพื่อนทำผิดยิ่งขึ้นหรือป่าว ถึงเราจะหวังดี แต่ความหวังดีตรงนั้น มันคือ การกระทำที่ผิดศีล

    เราจะมีกรรมไหมค่ะ กลัวจังค่ะ :boo:ช่วยแนะนำด้วย เพราะ ไม่อยากมีกรรม หรือ บาปเพิ่มแล้ว

    และ ตอนนี้เรามีปัญหากับเพื่อนอยู่ด้วย เขาจะทำธุรกิจบางอย่าง เราก็ดันหวังดีจัดไปเตือนเขาให้ระวังความเสี่ยง (เพราะงานนี้เสี่ยงจริงๆ) แล้วพอดีเห็นข้อมูลคนที่ทำแบบนี้แล้วไม่ค่อยดีหลายคน เราก็เลยส่งไปให้เขาดู เพื่อจะได้ประกอบการตัดสินใจคิดให้ดีๆจะได้ระวังตัว เราไม่ได้ตั้งใจจะงัดข้อเขา แต่เราหวังดี เขาก็เข้าใจเราผิด ไม่พอใจเราอีกว่าเราส่งข้อมูลมาให้ดูทำไม คิดว่าเราอิจฉาเขา และ จะไปเอาชนะเขา เพราะเขาคิดว่ายังงัยๆก็ได้กำไร งานนี้เราเลยแย่เลยค่ะ ตอนนี้ปัญหาหลายๆอย่างทั้งเรื่องที่เขาไม่พอใจเรา และเรากลัวๆเรื่องกรรม เราเลยว่าเราจะเลิกคบเขาแล้วค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2010
  2. firstboy

    firstboy สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +8
    การทำสิ่งใดก็ตาม หากแม้ทำด้วยจิตที่บริสุทธิ์ มุ่งหวังให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ย่อมเป็นการสร้างกุศลบารมีที่ดีอยู่แล้ว สิ่งเหล่านี้ถือเป็นพื้นฐานของการกระทำสิ่งต่าง ๆ หากแต่ปัญหาที่คุณกำลังประสพอยู่ในเรื่องของจิตใจที่ค่อนข้างแย่ด้วยเกิดจากความกังวลในเรื่องของการให้คำแนะนำซึ่งจะทำให้เสมือนไปส่งเสริมให้เพื่อนกระทำผิดศีลหรือเปล่า จริงๆ แล้วเรื่องบางเรื่องเราก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ทั้งหมด เราอาจจะหวังดี แต่บางครั้งมันเป็นเรื่องของกรรมเวร วิบากกรรมของเขา จึงทำให้ชีวิตของเขาต้องประสพปัญหาในเรื่องของความรัก ต้องมีชีวิตเป็นเหมือนเมียน้อยผู้อื่น พุทธองค์ท่านเคยตรัสสอนไว้ว่า มนุษย์นั้นมีกรรมเป็นของตน ดังนั้นสิ่งที่คุณทำได้ก็เพียงแค่ให้คำแนะนำเพื่อนให้ทำอะไรโดยมีเหตุมีผล อย่าใจร้อน ทำจิตใจให้สงบอย่าว้าวุ่น แต่จะไม่ก้าวล่วงไปถึงเรื่องส่วนตัวของเขาว่าเขาควรจะเลิกคบกันไหม อะไรทำนองนี้ เมื่อเขาหมดเวรกรรม เขาก็จะแยกจากกันไปเอง
    - คุณจะเห็นได้ว่าความหวังดีที่เรามีให้ไปนั้น บางครั้งก็กลับกลายเป็นโทษ เป็นสิ่งที่นำมาซึ่งความไม่เข้าใจต่อกัน จนบางครั้งทำให้เกิดการเข้าใจผิดอย่างที่กำลังเป็นอยู่ เหตุผลเพราะคุณไม่ได้บอกถึงความตั้งใจที่แท้จริงว่าทำไมถึงต้องนำตัวอย่างคนที่ล้มเหลวในการค้ามาให้เขาดู ความเข้าใจของเขาจึงผิดไปต่าง ๆ นานา ผมจึงอยากให้คุณเก็บไว้เป็นบทเรียนสอนตนเองว่า การช่วยผู้อื่นนั้น ต้องมีความพอดี มีความโปร่งใสสามารถอธิบายบอกให้ผู้นั้นเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของเราได้ แต่สำหรับกรณีของคุณๆ ไม่สามารถบอกได้ทั้งหมด จึงทำให้เกิดการเข้าใจผิดต่อกัน สิ่งที่คุณกังวลว่าจะเป็นบาปหรือไม่ ก็ขอให้สบายใจได้ครับว่า สิ่งใดที่คุณช่วยเหลือเพื่อน ไม่ว่าจะเป็นคำพูดเตือนสติก็ตาม หรือด้วยวิธีใดก็ตาม หากแต่ถ้าทำไปด้วยจิตที่บริสุทธิ์แล้ว บาปกรรมย่อมไม่เกิดครับ แต่อย่าลืมว่าทุกอย่างต้องมีความพอดีครับ ต้องเดินสายกลางครับ ไม่หนักและไม่เบาจนเกินไป และที่สำคัญเรื่องบางอย่างนั้นมันเป็นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนโดยเฉพาะเรื่องของความเป็นครอบครัว ยิ่งต้องระวังให้มาก ทางที่ดีหยุดจะดีกว่า แล้วทำจิตใจตนเองให้สงบ ตั้งจิตให้เป็นกุศล ทำในสิ่งที่ดีในชีวิตแต่ละวัน ผมก็ว่าชีวิตคุณจะมีความสุขมากแล้วครับ
     
  3. boriphat

    boriphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2006
    โพสต์:
    542
    ค่าพลัง:
    +2,124
    มิควรอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้เขาทำกรรมและเป็นการส่งเสริม
    ให้เขาผิดศีลเยอะขึ้น โดยเรามีส่วนรู้เห็นด้วย
    เช่นเดียวกันกับการรู้เห็นเกี่ยวกับการทำแท้ง
    เราก็จะได้รับผลแห่งกรรมเช่นเดียวกัน
     
  4. amm.

    amm. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2008
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +613
    หากจะเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นนั้น
    เราผู้เปรียบเสมือนเห็นเขาเข้าปล้นชิงจากผู้อื่นไม่ห้ามปรามกลับส่งเสริมให้เขาเข้าปล้นชิงต่อ...
    เมื่อถูกตำรวจจับได้...ย่อมกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด...ต้องได้รับโทษแน่นอน..หนักเบาตามเจตนาในการกระทำนั้นๆ...
    แต่จะไม่มีโทษเลยย่อมเป็นไปไม่ได้...
    หากเรารักเพื่อนจริงย่อมต้องไม่ยินยอมให้เพื่อนกระทำสิ่งที่เป็นโทษ...ไม่ว่ากรณีใดๆ...
    หากแต่เราแนะนำตักเตือนในทางที่ดีแล้ว...เขายังไม่เชื่อ...ก็คงต้องปล่อยให้เขารับกรรมนั้นๆไป..
    กรรมแห่งการกระทำชั่วนั้นจะผลักดันเขาให้ห่างจากเราเอง..
    เนื่องเพราะคนไม่ดีย่อมรังเกียจที่จะทำดี...และเห็นผู้อื่นดีกว่าตนไม่ได้..
    หากเป็นเช่นนี้จงปล่อยเขาไปเถิด...ให้เขาไปตามกระแสกรรมนั้น...รอให้เขารับรู้รสแห่งผลกรรมนั้นๆก่อน...เขาอาจกลับใจได้...เมื่อได้รับผลนั้น...
     
  5. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,801
    ค่าพลัง:
    +7,939
    ก็นั่นไง กรรมมันติดจรวดส่งผลอยู่

    การทำกรรม ส่งเสริมให้นอนเนื่องอยู่ในอาการผิดศีล อันนี้ทำให้เรา พลอยแยกแยะดีชั่วไม่
    ออก อะไรควรไม่ควรแยกไม่ออก ทำให้เกิดลังเลสงสัยหนทางที่ทำให้บริสุทธิไปด้วย

    ยังไม่หมด กรรมที่เราเข้าไปแทรกแซงสิ่งที่ดีอยู่แล้ว(ครอบครัวที่มีอยู่โดยปรกติ) แม้จะ
    แทรกแซงผ่านเพื่อน(ไม่ใช่เรา) แต่โดยทางธรรมแล้ว เขาถือว่า นั่นคืออุปทานของเรา
    เองนั่นแหละ มันคือตัณหาของเราเองนั่นแหละ เรียกว่า เอาธรรมภายนอกเข้ามาเป็นตน
    ดังนั้น การเกิดของกรรมนั้นไม่ต่างจากเราเป็นคนลงมือกระทำ เพราะเราจะต้องมี ยินดี
    หรือ ยินร้าย ในการกระทำนั่นแน่ๆ ซึ่งก็ต้องรับกรรมแล้ว เช่น พระพุทธองค์ในชาติหนึ่ง
    ท่านเห็นหมู่ญาติจับปลาได้จำนวนมาก ท่านก็ยินดีปรีดาที่เขาเหล่านั้นจับปลาได้ แต่ปลา
    เหล่านั้นมันต้องตาย กรรมที่ไปยินดีกับการตาย(ผิดศีล)นั้นทำให้ ชาติที่สำเร็จเป็นพระ
    อรหันต์แล้วก็ยังต้องรับกรรมนั้นโดยมีอาการปวดพระศรีษะอยู่เนืองๆ

    ส่วนกรรมของคุณที่พอแลเห็นได้ว่าส่งผล คือ การทำบุญไม่ขึ้น ก็เห็นจาก การหวังดีกับ
    เพื่อนแท้ๆ แต่ผลิกไปตรงข้าม นั่นก็เป็นไปได้ว่าเกิดจากการเข้าไปแทรกแซงกรรมของ
    คนอื่น

    ดังนั้น การช่วยเพื่อนที่สะอาดที่สุด ไม่ใช่ไปแนะนำวิธี เพราะจะเป็นการเข้าไปแทรก
    แซงกฏแห่งกรรมของเขา เราจะต้องได้รับกรรมแน่ๆ หากมียินดี ยินร้าย อารมณ์ร่วมด้วย
    แล้ว ผลจะผลิกขึ้นเป็นผู้กระทำด้วยตัวเอง เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง กระดูกแขวนคอ

    การแนะนำเพื่อน จึงเป็นการ ชี้ไปที่กายใจของเพื่อน ให้เพื่อนย้อนระลึกดูกายใจตนไว้เนือง
    ให้เขาแลเห็นทุกขที่ปรากฏในกายในใจเขา ชี้ให้เขาแล ชี้ในคุณ และโทษ จากสิ่งที่
    ปรากฏกับกายใจเขา แล้วชี้ให้เห็นว่าเขายังวนเวียนแม้จะเห็นคุณ เห็นโทษแล้ว ทั้งนี้เพราะ
    มันรู้สึกว่าอร่อย ต้องเสพ อุปทานว่าต้องเสพ ชี้จนเขาแลเห็นชัดว่าเป็นอุปทาน ก็ค่อยชี้
    หาอุบายนำออก เพื่อเขาน้อมเอาอุบายนำออกไปใช้ปฏิบัติได้เป็นผล เขาก็จะรู้ตนว่า
    เข้าได้คลายกำนัดแล้ว เพราะรู้ว่าคลายกำหนัดแล้วอย่างไร จึงรู้ว่าพ้นแล้ว เมื่อรู้ว่าพ้น
    แล้วเขาก็จะเป็นสุข เราก็เป็นสุข กรรมที่ชื่อว่าแทรกแซงไม่มี เพราะเราชี้ให้เขาแลกาย
    ใจเขาเท่านั้น ไม่ได้ไปชี้อะไรที่นอกเหนือจากนั้น กรรมจึงไม่มากเท่ากับเราเข้าไปชี้เรื่อง
    ที่นอกเหนือกายใจเขา ไม่มากโจทย์ ไม่มากจำเลย
     
  6. นักเดินธรรม

    นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    ...เข้าใจว่าคุณมองว่าการให้คำแนะนำเพื่อให้เค้าพ้นทุกข์ เป็นการสร้างกุศล...แต่ในขณะเดียวกันก็กลัวว่าจะเป็นกรรมหรือไม่...ขอให้คุณ

    พิจารณาตามนี้แล้วกันนะครับว่า

    " บุญ คือความสบายใจ ก่อนทำก็สบายใจ ขณะทำก็สบายใจ หลังทำก็สบายใจ นึกถึงทีไรก็สบายใจ ทุกที"

    คำสอนของพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ เนื่องในงานเป่ายันต์ เกราะเพชร ปี53 ที่ผ่านมาครับ


    ...แล้วสิ่งที่คุณทำอยู่...เพื่อเค้า...คุณสบายใจหรือเปล่าล่ะ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2010
  7. OLDMAN AND A CAR

    OLDMAN AND A CAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    824
    ค่าพลัง:
    +2,752
    แนะเพื่อนแบบนี้ เราจะมีกรรมหรือป่าวค่ะ วานผู้รู้ตอบที

    ความเห็น

    ไม่ได้ ตอบแบบผู้รู้ แต่ขอให้ความเห็น ตามประสบการณ์ตรง

    ..ผม เคยพบ ชายคนหนึ่ง...มีภรรยาหลวง - น้อย รวม ๑๒ คน เรียกว่า ขุนแผนยังเรียกพี่...แล้วแต่ละ ภรรยา ล้วนโสภา ไม่ ธรรมดาเลย ด้วยความอิจฉานิดๆ(ขี้เกียจโกหก มันเป็น อย่างนั้น จริงๆ) ผมเลยบอกว่า โห...ทำได้อย่างไร นี่มัน ผิดศีลนะ เขาบอกว่า ก็รู้ แต่ ผู้หญิงเขายินยอมเอง ไม่รู้จะ ทำอย่างไร เหมือนกัน...กลุ้มว่ะ พอได้ยินอย่างนี้ ผม ก็ ไม่ถามเรื่องอื่นๆแล้ว ขี้เกียจ จินตนาการ(พร้อมๆ กับเลิกอิจฉาด้วย)...ตกลง ไอ้เพื่อนผมคนนี้ มัน ตกนรกทั้งเป็น...ไม่ต้องทำมาหากินแล้ว ไม่มีเวลาพอ แต่ โชคดี ที่บรรดา ศรีภรรยาทั้งหลาย ยังพอ ช่วยกิจการได้ ไม่ทะเลาะกัน...ถึงได้ พอมีเวลา มาเสวนากับผม...

    เรื่องนี้ บนสวรรค์ ก็ มีนะ ไม่ได้ยินหรือ ที่ว่า เทพบุตรหนึ่งองค์ มี ภรรยาเทพธิดา ได้ หลายๆองค์น่ะ...แต่ ไม่ยังไม่เคย ได้ยินว่า เทพธิดา หนึ่งองค์ มี สามี เป็นเทพบุตรได้ หลายองค์..ตรงนี้ ก็ แปลกดี...

    ..เอาเป็นว่า...ทั้งหมด อยู่ที่ บุพกรรม และ กรรมในปัจจุบัน ซึ่งเราเป็นผู้กระทำ การที่เราไปล่วงละเมิดของรักของหวงคนอื่น หาก เป็นดังเช่นกรณีชายหนึ่ง หญิงสิบสอง ก็ น่าจะ มาจาก บุพกรรมที่ดี(ผมว่างั๊นนะ) แต่ถ้าเเป็นเรื่อง หนึ่งหญิงสองชาย หรือ กลับกัน ก็ ต้องระวังให้ดี...และ ไม่ควรสนับสนุน ยกเว้น ผู้เป็นเจ้าของเขา จะ ยินยอม ซึ่ง ก็ มี ไม่ใช่ ไม่มี...

    ..ใคร ก็ ตามที่ อยากจะ เป็นภรรยาน้อยเขา โดยไม่ผิดบาป ก็ พึงทำให้ ภรรยาหลวงยอมรับได้...ผลลัพธ์ คือ อโหสิกรรม...

    ..แต่..ผู้ชายดีืๆ ก็ มีออกแยะไป...เลื่อกไม่หวัดไม่ไหว...ทำใมหรือ จึงดันทุรัง จะ รักจะชอบแค่คน คนเดียวในโลก นี้...เวรกรรม

    ..กฏหมายใน บางประเทศที่เจริญแล้ว การดูผู้อื่นกระทำความผิด โดยละเลย เพิกเฉย ย่อมเข้าข่าย สมรู้ร่วมคิด หรือ มีส่วนในการกระทำความผิดนั้นๆด้วย...

    ..ในทางธรรม...เรื่องใดที่ทำแล้ว เป็นทุกข์และ ก่อให้เกิดโทษทั้งตนเอง และ ผู้อื่น ไม่พึงกระทำ...
     
  8. yokine

    yokine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2007
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +602
    ไม่รู้ว่าบาปไม่บาปนะครับ แต่ ฮะๆ... ผมคิดเองนะว่าถ้าจะแนะนำให้ถูก ก็น่าจะแนะนำให้เลิกเป็นน้อยเขานะครับ แต่ก็เข้าใจว่ากลัวเพื่อนจะโกรธ จริงๆแนะนำเพื่อน ให้รู้จักการให้อภัยกัน ก็ดูน่าจะเป็นสิ่งที่ดีนะครับ ถ้าไม่ติดตรงที่ว่า เพื่อนเราดั้นไปเป็น ภรรยาน้อยของคนอื่น เราเห็นเพื่อนเครียด เราเห็นเพื่อนทุกข์ใจ ก็ให้นึกไว้ว่า ภรรยาที่แท้จริงของเขา ก็คงทุกข์ใจ และเครียด ไม่ต่างจากเพื่อนของเราเช่นกัน หากการกระทำอะไรที่แสดงให้เห็นว่าเป็นการส่งเสริม ให้เพื่อนทำกรรมได้มากขึ้น ผม ว่าก็น่าจะเพลาๆลงนะครับ อยู่นิ่งๆเปลี่ยนเรื่องคุย หรือ แค่รับฟัง ก็พอมั้งครับ ส่วนจะบาปไม่บาป นั้น บางทีอาจได้ทั้งบุญและบาป ก็ได้ มั้งนะครับแหะๆ คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล เป็นเพื่อนกัน หากเพื่อนไม่เข้าใจ ก็ให้อภัยเขาเถอะครับ คิดซะว่าเขายังคิดไม่ได้ อาจไม่ถึงกับต้องเลิกคบ เพราะจริงๆสักวันเมื่อเขาเห็นทุกข์ ด้วยตนเองเห็นผลกรรมที่ตนเองได้ก่อไว้ เมื่อนั้นเขาก็อาจจะคิดได้เอง และเมื่อนั้นเขาก็คงย้อนมาคิดถึง เพื่อนดีๆอย่างคุณ จขกท. เข้าสักวัน ผมว่าก็อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ กันไป คุยอะไรแล้วเป็นเรื่องก็ ไม่คุยซะ เพราะกับคนบางคนพูดด้วยยาก พูดแล้วไปแปลงเจตนารมณ์ผิด ก็อย่าไปพูดเลย เดี๋ยวเขาเจอเองก็รู้เองนั้นและครับ เดินสายกลาง ดีกว่า ^_^ อย่าเครียดน้ะครับ อย่าครียด:boo:
     
  9. ดอนdon

    ดอนdon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,580
    ค่าพลัง:
    +3,291
    ออกห่างเถอะนะ เมื่อไหร่เขาเดินทางถูกค่อยช่วยเหลือ
     
  10. Little Sky

    Little Sky สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +5
    เราก็คิดเหมือนกันค่ะว่าเราจะออกห่างแล้ว เพราะแบบทุกๆท่านพูด เราก็เห็นด้วยจริงๆเรื่องที่เราไปแนะให้เขาประนีประนอมกับผู้ชาย ถ้าให้เปรียบ ก็เหมือนรู้เห็นเป็นใจกับคนทำแท้งแล้วก็ไม่ห้ามเขา ยังงัยก็ต้องมีกรรม อันนี้เราเห็นด้วยค่ะ เราเองตอนนี้คงถอยออกมา เพราะถ้าคบไปยังงัยก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอเรื่องนี้อยู่ดี

    ส่วนเรื่องที่เรามีปัญหากับเขาเรื่องที่เราแนะเขาเรื่องการทำธุรกิจแล้วเขาเข้าใจผิด ลึกๆเราก็เสียความรู้สึก ใช่ค่ะ บางทีเราอาจจะสื่อกับเขาไม่เคลียร์ด้วย รวมทั้งเจตนารมณ์ความเข้าใจมันต่างกัน เขาเลยมองไปว่าเราคิดไม่ดีกับเขา ทั้งๆที่จริงๆลึกๆจิตใจเราไม่ได้คิดร้ายเลย แค่เห็นข้อมูลคนทำแล้วก็ไม่ค่อยดี เลยอยากแชร์ให้เขาเห็นว่าให้ระวังด้วย แต่เขาก็ดันคิดไปซะว่า เราจะมาหาเรื่อง& อิจฉาเขาอีก.....

    มันอาจจะเป็นกรรมเราแบบที่คุณเล่าปิงว่ามา อันนี้เห็นด้วยค่ะ เพราะเราหวังดีกับเพื่อนโดยปลอบให้กำลังใจเขาเรื่องผู้ชายแต่หารู้ไม่ว่า ก็เหมือนตัวเองลงมือกระทำ เหมือนสมรู้ร่วมคิดให้เพื่อนเป็นเมียน้อยต่อ และ ยังแทรกแซงครอบครัวของผู้ชายที่ปกติสุขอยู่แล้วอึก ถึงจะหวังดีกับเพื่อนกลัวเพื่อนทะเลาะกับผู้ชายแล้วเครียด แต่หารู้ไม่ว่า มันคือกรรม

    และผลกรรมตรงนี้ทำให้เมื่อเราหวังดีกับใคร ผลมันเลยทำบุญไม่ขึ้น

    พูดแล้วโดนใจมากๆค่ะ เพราะช่วงนี้รู้สึกทำบุญด้วยวาจาไม่ขึ้นจริงๆ มีอีกนะค่ะ คนรอบตัวทะเลาะกัน (ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องเราเลย) แล้วมาด่าให้เราฟัง เราก็ไม่อยากให้มีเรื่อง เลยประนีประนอม และ หลายๆคำพูดที่ไม่ดี เราก็ไม่เอาไปบอกอีกคนให้รู้ ไม่อยากให้มีเรื่อง แต่พอคนที่โดนด่าไปแอบรู้เอง เขาก็เข้าใจว่าเราไม่บอกเพราะว่าเราไม่รักเขา ทั้งๆที่จริงๆเรารักเลยไม่บอกไม่อยากให้ใส่ใจเครียด และไม่อยากให้มีเรื่องค่ะ พออธิบายไป เขาก็ไม่เชื่อเราค่ะ ตอนนี้ซึ้งเรื่องกรรมแล้วค่ะ
     
  11. bumbimnick

    bumbimnick เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +160
    อย่าคิดมาก

    คิดมากไปแล้วก็ไม่ได้อะไร ทำไปแล้ว

    ทำใหม่ให้ดี ดีกว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...