ขอคำปรึกษาครับ ผมกับคุณพ่อ มีปัญหากันครับ

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย พารากอน, 7 เมษายน 2010.

  1. พารากอน

    พารากอน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +21
    สวัสดีครับ เพื่อนๆพี่ๆชาวเว็บพลังจิต.comทุกท่าน
    เข้าเรื่องเลยนะครับ
    ตอนนี้ ผมมีปัญหากับคุณพ่อครับ คุณพ่อท่านเป็นคนที่จริงจังกับการเมืองอย่างมาก อีกทั้งท่านชอบตำหนิ และพูดจาไม่สุภาพ เสียดสี กับทั้งผมและคนอื่นๆยกเว้น คนในสังคมเกี่ยวกับการงานของท่าน
    แต่ผมก็มองในด้านดีครับ เพราะท่านทำให้ผมเป็นคนที่เพอร์เฟค แม้ผมจะทำอะไรก็ตามได้ดีในความคิดของผม ท่านก็สามารถหาข้อติได้ ถึงแม้ว่า คำตินั้น ผมได้ยินจะทำให้เสียกำลังใจไปบ้าง แต่ผมก็คิดว่า ก็เพราะท่านรักผม

    เพราะท่านเป็นพ่อที่มีความรับผิดชอบมากครับ ท่านตั้งใจทำงาน ไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ แต่ท่านเล่นการพนันคือลอตเตอรี่ครับ ซึ่งสมัยก่อนเล่นเยอะมาก แต่ตอนนี้น้อยลงแล้ว ท่านเป็นคนที่เชื่อพระเกจิอาจารย์ที่ใบ้หวย ซึ่งผมไม่สามารถบอกท่าน หรือเตือนท่านได้ หลายครั้งที่ทำให้ครอบครัวผมเกือบเป็นหนี้ ผมเข้าไปคุยกับท่าน ท่านก็ว่าผม ว่า แกเป็นลูก! ไม่มีสิทธิ์จะ... และท่านก็ไปทะเลาะกับคุยแม่ด้วย ทำให้ผมรู้สึกผิดอย่างมาก ที่ผมพยายามจะพูดกับท่าน ปรึกษากับท่านก็เพราะ ผมกลัวว่า คุณพ่อท่านจะเล่นอย่างลืมหูลืมตา ผมทราบทีหลังว่าท่านนำนาฬิกา สร้อยคุณแม่ ...ไปจำนำ และคุณแม่ต้องนำเงินเก็บไปถอนจำนำหลายครั้ง ผมจึงกลัวว่า ครอบครัวของผม จะไม่มีกินมีใช้

    ผมไม่ได้ต้องการให้ท่านเลี้ยงผมไปตลอดชีวิตหรอกครับ แน่นอนว่า เมื่อผมโตขึ้นและเรียนจบ ผมจะประกอบอาชีพสุจริต และตั้งใจทำงาน หาเงินมาเลี้ยงตนเอง และพ่อแม่ของผมอย่างแน่นอน แต่ผมกลัวว่า งานที่ผมทำนั้น จะรายได้ไม่ดี และทำให้คุณพ่อคุณแม่ผม ไม่กินดีอยู่ดีมีความสุข ผมพยายามลดค่าใช้จ่ายตัวเองให้มากที่สุด จนปัจจุบัน ผมใช้ส่วนตัวไม่ถึงเดือนละ 2000 บาท รวมค่ากินและเดินทางเรียบร้อยครับ แต่คุณพ่อท่านก็ใช้จ่าย โดยที่ผมไม่รู้ว่า หมดไปกับค่าอะไรบ้าง จนตอนนี้ ไม่มีเงินเก็บในแต่ละเดือนเลย มีเพียงเงินเก็บคุณแม่ ที่ยังพอมั่นคงได้ หากคุณพ่อไม่ได้ทำงาน (ใช้จ่ายได้เพียงประมาณ 10 ปี เท่านั้น โดยกินอยู่ตามปกติ แต่ไม่รวมค่ารักษาพยาบาลของท่านทั้งสองนะครับ)

    ตอนนี้คุณพ่อผมก็เกษียณแล้วครับ เดิมทำงานเอกชน ปัจจุบัน มีบริษัทเอกชนจ้างคุณพ่อไปทำงานด้านบริหารแล้ว แต่ไม่ได้เซ็นสัญญาจ้าง ว่าจะจ้างเป็นเวลากี่ปี

    อีกเรื่องหนึ่งครับที่ผมมีปัญหากับคุณพ่อ คือคุณพ่อท่านจริงจังกับการเมืองมาก ท่านชอบด่า ว่า นักการเมืองหน้าจอทีวี เป็นประจำ เมื่อผมได้ยิน มันจะทำให้ผมจิตใจหม่นหมอง และรู้สึกว่า คุณพ่อของเราเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย

    ด้วยความที่ผมรักในวิชาวิทยาศาสตร์ ผมจึงชอบถามคุณพ่อว่า ทำไมนักการเมือง A ถึงไม่ดี ทำไมคุณพ่อถึงคิดอย่างนั้น ... ก็ได้รับคำตอบมาเป้นเพียงความคิดเห็นของท่าน ว่า นายA มันไม่ดี เค้าว่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง ลูกมันกบในกะลา พ่อพูดง่ายๆ...ผมจึงสงสัยว่า ข้อมูลที่ท่านได้มา ท่านปักใจเชื่อเลยหรอ อะไรที่ทำให้ท่านเป็นได้ถึงเพียงนี้ ผมจึงถามท่านว่า คุณพ่อได้ยินหรือทราบเรื่องนี้มาจากไหนหรอครับ ผมไม่เห็นว่าจะมีข่าวทางทีวีเลย...เท่านั้นล่ะครับ คุณพ่อก็ขึ้นเสียง ว่าผม ผมยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่

    ผมรู้สึกว่า การพูดคุยอย่างมีเหตุมีผลกับคุณพ่อนั้น เป็นเรื่องยากจริงๆ การเมืองตอนนี้ก็ทำให้ครอบครัวผมตึงเครียดมาก แต่ผมก็ฝึกจิตดีพอ ผมแยกแยะได้ครับ ว่าอารมณ์เราตอนนี้ จะโกรธนะ จะเครียดนะ พอเห็น มันก็วิ่งหายไป แต่ผมเป็นห่วงคุณพ่อคุณแม่ ท่านอยู่คนละสีกัน เวลาดูทีวี คุณพ่อก็จะพูดเสียดสีอีกสี ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าคุณแม่ไม่ชอบ...ผมไม่เข้าใจเลยครับ สมัยก่อนผมมักคิดว่า คุณพ่อคุณแม่ของผม เป็นตัวอย่างที่ดีที่เราสามารถเลียนแบบได้ แต่พอยิ่งผมโตขึ้น ผมยิ่งไม่เข้าใจ หลายครั้งผมเสียใจ ที่ผมสังเกตได้ถึงการ คิด "ไม่ดี" นำไปสู่การเกิด กายกรรม วจีกรรม ที่ไม่ดีของคุณพ่อ

    ผมพยายาม อุเบกขา แล้ว แต่นี่เป็นคุณพ่อผม ผมอยากทำให้ท่านมีความสุข หลายครั้งผมมีหนังสือดีๆไปแนะนำท่าน เพราะท่านเป็นคนสมาร์ท ฉลาด ทำงานในตำแหน่งระดับสูง ผมจึงคิดว่า แค่หนังสือธรรมะดีๆ ของท่านวอวชิระเมที หรือท่านพุทธทาส หรือ Text book ทางจิตวิทยา น่าจะช่วยท่านได้แนวคิดดีๆ แต่ท่านก็บอกว่า ท่านไม่เชื่อ มันงมงาย พระพวกนั้นมันก็กินเหมือนเรา ดูพระ* *ๆ อย่างในข่าววันนี้สิ มันยังเอาตัวมันไม่รอด (รู้สึกว่าท่านมีอคติจากพระใบ้หวย(แต่ก็เชื่อหลายครั้งจนทุกวันนี้) และพิธีกรรมทางศาสนา ที่ท่านดูว่าไม่มีเหตุผล เช่น ประเคน กรวดน้ำ ... ท่านตีความทุกอย่างนี้ว่าคือ พระพุทธศาสนา แต่พระพุทธศาสนาไม่เคยสอนเรื่องงมงาย ผมพยายามอธิบายท่าน ว่ามันต่างกัน) และท่านก็ว่าผมอีกว่า อย่ามาสอนพ่อ พ่อรู้ดีกว่าลูก ท่านก็บอกว่าอ่านหนังสือเรียนบ้าง ไม่ใช่มาอ่านหนังสือแบบนี้ จะบวชแล้วหรือไง (ผมสอบได้เกรดสี่แล้วนะครับ แต่ปีล่าสุดนี่เกรดตก ได้ 3.88 ก็เพราะเครียดเรื่องครอบครัวนี่หล่ะครับคุณพ่อ)

    ปีนี้ผมกำลังจะขึ้น ม 6 แล้วล่ะครับ ตอนนี้พยายามเตรียมตัว Entrance ให้ได้มากที่สุด(ผมอยากเรียนหมอครับ) ผมไม่เกเร ไม่ติดเกม ไม่ติดการพนัน ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เรียนได้คะแนนดีเยี่ยมมาตลอด และพยายามตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณของผมเสมอ แต่มีปัญหาที่ผมกล่าวมานี้ล่ะครับ ที่ผมเครียดมาก จนทำให้ผมเกือบบ้า จนบางทีคิดว่า คุณพ่อของเรานี่แหละทำถูกแล้ว ท่านยังได้ดีเลย แม้ว่าจะปากไม่ดี จิตใจไม่ดี จนบางทีก็ทำให้ผมเพี้ยนไปบ้าง จิตตก หรือซึมเศร้า ผมจึงอยากมาขอคำปรึกษาครับว่า ผมควรทำอย่างไรดีครับ ถ้าผมอยู่เฉย ผมก็คิดว่า มันก็บาปเหมือนกัน เพราะเวลาเราเห็นความไม่ดี ความชั่ว ความเลวของคน แล้วไม่ไปบอก แก้ไข จะเป็นบาป ยิ่งถ้าเป็นบุคคลที่เรามีบุญคุณด้วย ยิ่งแล้วใหญ่ ถ้าทำเป็นนิ่งเฉย?

    ขอบคุณมากครับ
     
  2. อนาถา

    อนาถา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +5
    ขอคำปรึกษาครับ ผมกับคุณพ่อ มีปัญหากันครับ ตอบกระทู้

    พ่อคือผู้มีพระคุณที่เลี้ยงลูกมาตั้งแต่เกิด จนตอนนี้ลูกโต เริ่มรู้สึกว่าพ่อไม่ค่อยมีเหตุผล น้องคะพี่ไม่อยากให้น้องคิดมากเรื่องว่าคุณพ่อไม่ดีอย่างไรเพราะไม่ใช่สิ่งที่ลูกควรกระทำ น้องคะคุณพ่อท่านก็เป็นท่านมาแบบนี้มานานแล้วเป็นบุญเป็นกรรมของท่านเอง น้องต้องปล่อยว่างและไม่คาดโทษท่านเพราะถ้าน้องทำอย่างนั้นก็คือน้องจะเข้าข่ายลูกไม่ดีของพ่อไปทันที ลูกบางคนที่พ่อเขาเป็นโจรฆ่าคนตายเขายังไม่ว่าพ่อตัวเองเลย ปล่อยว่าง ตัดความคาดหวังที่จะให้คนอื่นเป็นคนดี ทำแค่ตัวเราให้ดีเพื่อสักวันคุณพ่อจะเห็นความดีในตัวน้องและยอมเข้าใจในความคิดของน้องเอง แต่ถ้าพ่อยังเป็นอย่างที่น้องเล่ามานั้นต่อไปอีก น้องก็ไม่ควรคิดมองท่านในแง่ลบตลอดไป ขอให้น้องโชคดี
     
  3. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +7,815
    ในฐานะลูก มีหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่เราให้ดีที่สุด อยู่ในวัยเรียนก็เรียนให้ดีที่สุด เรื่องอื่นๆ เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เขา ไม่ว่าจะเรื่องการเมือง ฯลฯ เขาจะว่าอย่างไร เราฟังไว้เฉยๆก็พอ ช่องว่างระหว่างวัยของน้องกับพ่อ ไม่ว่าน้องจะโตขึ้นแค่ไหน ก็ยังต่างกันอยู่ในจำนวนปีที่เท่าเดิม คนเป็นพ่อที่ไหนก็คงไม่ปราถนาให้ลูกพูดในทำนองสอน หรือชี้แนะหรอกนะจ๊ะ เขาแค่เสียดสีแค่นี้เล็กน้อยมาก ท่านตั้งใจทำงาน ไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้า เล่นลอตเตอรี่บ้าง ก็ประเสริฐแล้ว ท่านมีปัญญาเลี้ยงดูลูกๆได้มาตนเติบโต ย่อมมีวุฒิภาวะพอที่จะรู้ว่าเล่นได้ถึงแค่ไหน และน้องก็ไม่ต้องกังวลหรอกนะจ๊ะ มีเงินสำรองเพียงพอใช้จ่ายในครอบครัวถึง10ปีเนี่ย ถือว่าเยอะแล้ว มั่นคงแล้วนะ ไม่ต้องเครียดเลย
    การตอบแทนผู้มีพระคุณนั้นมีหลายวิธี ในวัยของน้อง วิธีตอบแทนท่านที่ดีที่สุด คือการเรียนให้ดีที่สุด ไม่ทำตัวให้ท่านต้องเป็นห่วง เสียใจ อยู่ห่างๆอบายมุขเข้าไว้ ก็เป็นการตอบแทนท่านได้เป็นอย่างดีแล้วในตอนนี้
    สว่นเรื่องธรรมะนั้น ไม่ต้องออกปากเตือนหรือสอนท่านรอกนะจ๊ะ เราทำให้ท่านดูเลย จะฟังธรรม นั่งสมาธิ สวดมนต์ดังๆให้บ้านแตกไปเลย ทำให้ท่านเห็น ทำสม่ำเสมอ วันนึงท่านอาจจะเอะใจอยากลองศึกษา ปฎิบัติดูบ้างก็เป็นได้
    ตอนนี้หน้าที่เราอยู่ตรงไหน ทำใหส่วนของเราที่สามารถทำได้ให้ดีที่สุดก็พอ เรื่องอื่นๆ ที่เกินวิสัยเราในตอนนี้ เก็บมาเครียดมาคิด ก็ไม่เป็นประโยชน์เลยนะจ๊ะ หุ หุ หุ
     
  4. พารากอน

    พารากอน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +21
    ขอขอบคุณพี่ iofeast กับพี่ อนาถา เป็นอย่างสูงครับ ผมจะนำแนวคิดของพี่ๆไปปฏิบัติครับ ^^"
    พี่ครับ แล้วถ้าเมื่อใดผมไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เมื่อได้ยินคุณพ่อมีวาจาเสียดสี หรือวจีทุจริตขึ้นมา ผมควรมีแนวคิดอย่างไรดีครับ เช่นเวลาผมนั่งอยู่ในรถ คุณพ่อชอบว่ารถคันอื่นมาก ผมรู้สึกทุกข์ และจิตใจหม่นหมอง หรือจิตผมยังไม่แกร่ง หรือบริสุทธิ์พอรึเปล่าครับ
     
  5. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +7,815

    วางใจ วางอารมณ์ให้เป็นกลางซิจ๊ะ พิจรณาดูความเกิดดับของอารมณ์นั้นๆที่เกิดขึ้นภายในใจน้องซิจ๊ะ หุ หุ หุ
     
  6. koymoo

    koymoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    2,067
    ค่าพลัง:
    +7,066
    ค่ะ จากที่น้องเล่ามา พี่ขอตอบเป็นข้อๆดังนี้ค่ะ

    1. การที่พ่อของน้องเล่นลอตเตอรี่ จนต้องเอาของไปจำนำนั้น สำหรับพี่ คิดว่าค่อนข้างหนักพอสมควรนะ พี่แนะนำให้ลองใช้วิธีธรรมดาๆก่อน เช่น น้องอาจขอคำปรึกษาจากญาติผู้ใหญ่ และให้ผู้ใหญ่ที่คุณพ่อน้องเคารพนับถือ แนะนำหรือตักเตือน เพราะอยากให้น้องลองเอาใจพ่อมาใส่ใจน้องบ้าง ว่าหากน้องทำสิ่งหนึ่งที่น้องคิดว่าถูกและเหมาะสม (ถึงแม้ในสายตาคนอื่นเป็นเรื่องผิดก็ตาม) แต่ลูกๆของน้องซึ่งอายุน้อยกว่าน้องเป็นยี่สิบสามสิบปีมาตักเตือนน้อง และถึงแม้ลูกของน้องจะพูดถูก แต่น้องคงไม่ปฏิเสธใช่ไหมว่ามันเหมือนเด็กกำลังมาสอนเรา มันกำลังมาถอนหงอกเรา น้อยคนมากๆนะที่พ่อแม่จะยอมฟังคำตักเตือนของลูก พี่คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ใหญ่ที่จะคิดกับเราแบบนั้น หรือน้องอาจขอร้องคุณพ่อ (พี่ใช้คำว่า "ขอร้อง" นะไม่ใช่ "บังคับ" หรือ "สั่ง") ประมาณว่า พ่อครับ พ่อเลิกเพื่อผมและคุณแม่ได้ไหมครับ บ้านเราจะได้มีความสุขมากกว่านี้ และอยากจะพูดอะไรอีกก็พูดต่อ คือหาเวลานั่งว่างๆมาเปิดใจและคุยกัน ค่อยๆพูดทุกวัน ใช้หลักของจิตวิทยาเข้าไปเสริม หรือหากพ่อเลิกได้ ผมจะตั้งใจสอบหมอเพื่อพ่อให้ได้ เป็นต้น พี่คิดว่า จุดอ่อนของผู้ชาย ก็คือ ครอบครัวและลูกนะ หรือถ้าสุดท้ายแล้ว ไม่ได้จริงๆ พี่แนะนำนะ "ปล่อยวาง" แล้วสักวัน พ่อน้องจะเลิกได้เอง เหมือนพ่อพี่ ที่สัญญาว่าพอพี่เอนท์ติดแพทย์แล้วจะเลิกกินเหล้าและจะออกกำลังกายทุกวัน แต่พี่เรียนจะจบหกปีแล้ว พ่อพี่ก็ยังไม่ทำ คือพี่เป็นคนแอนตี้คนกินเหล้ามาก แต่ก็ทำอะไรพ่อไม่ได้ จนวันหนึ่งพ่อต้องเลิกกินเหล้าเองโดยไม่มีใครมาบอก เพราะพ่อป่วย ... เรื่องบางเรื่อง พี่คิดว่า ถ้าเราทำดีที่สุดแล้ว ก็ต้องปล่อยและให้บุญกรรมมันพาไปของมันนะ
    ส่วนเรื่องที่พ่อน้องเป็นคนค่อนข้างเคร่งครัดหรือภาษาทางจิตเวชเรียก OCPD นั้น แม่พี่ก็เป็นจ้ะ และอาจมากกว่าน้องด้วยซ้ำตรงที่ จู้จี้จุกจิก ห่วงมากเกินไป อารมณ์ร้อนมาก และเลี้ยงพี่ด้วยวิธีโบราณสุดๆ ตอนแรกพี่ก็คิดเหมือนน้องนะ ว่าทำไมไม่เข้าใจลูกเลยนะ เลี้ยงลูกด้วยรักแต่ไม่เข้าใจ จนวันนี้พี่เองที่คิดว่าพี่ไม่เข้าใจแม่เลย พ่อแม่เลี้ยงเรามา ไม่มีใครอยากให้ลูกไปเป็นโจรหรอก และสิ่งที่พ่อแม่ทำกับเรา เขาก็ทำมาตามที่เขาถูกสอนและเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กๆ และเขาก็คิดว่านั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วที่เขาจะทำให้เรา พี่ว่าอย่าไปติติงพ่อเลยนะ จะบาปเปล่าๆ พี่อยากให้น้องมองพ่อด้วยใจ มองไปที่ความหมายและเจตนาของคำตำหนิของพ่อ ไม่ใช่ใช้หูฟัง เพราะหากน้องเป็นคนมีสติและปัญญาจริง ก็ย่อมรู้ว่า ทุกคำของพ่อและแม่ที่เปล่งออกมา ถึงแม้เป็นคำไม่ไพเราะเหมือนคนอื่นที่พูดกับเรา แต่ท่านก็หวังดีกับเรามากกว่าใครทั้งหมดนะ สำหรับตัวพี่ ถ้าพี่ไม่มีแม่คอยจ้ำจี้จ้ำไชอย่างนี้ ป่านนี้พี่คงไม่เอนท์ติดหมอแน่นอน...

    2. ส่วนเรื่องการเมือง น้องจะไปเอาอะไรมาก ความจริงจะเสื้อสีไหน มันก็ไม่มีถูกและผิดนะ ในเรื่องของธรรมะ ก็ไม่มีคำว่าถูกและผิด หรือดีและเลวเช่นกัน ทุกอย่างมันก็เป็นของธรรมดาๆ พี่อยากจะบอกว่า พ่อแม่พี่ เชียร์เสื้อแดงนะ เปิดเสื้อแดงดูทุกวัน (พี่ก็เลยต้องดูด้วย) แถมด่ารัฐบาลให้พี่ฟัง พี่ก็เฉยๆนะ คือมันเป็นความคิดเห็น มันไม่ใช้คำตอบตรรกะทางคณิตศาสตร์ที่คำตอบมันต้องเป๊ะๆ ดังนั้น เรื่องการเมือง ศาสนา ไม่มีคำว่าผิดหรือถูก ก็เป็นเรื่องปกตินะ ที่ท่านชอบสีนี้ ก็ต้องว่าอีกสีอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดานะน้อง เวลาน้องฟัง พ่อพูดก็ให้มันผ่านหูไปเฉยๆ เพราะสักวันถ้าข้อมูลของท่านมากพอ ท่านอาจจะกลับใจมาอยู่อีกสีหนึ่งก็ได้ เหอะๆ

    ความจริงพี่ว่า เปลี่ยนพ่อแม่นี่ เปลี่ยนยากนะ บางทีเราก็เห็นๆอยู่ ว่าพ่อแม่ไม่ควรทำแบบนั้น และเราก็อยากจะบอกพ่อแม่ อยากจะแนะนำพ่อแม่ แต่พี่อยากให้น้องคิดก่อนที่จะขยับปากพูดนะว่า พูดไปแล้วได้ประโยชน์อะไรกลับมาไหม หรือพูดไปแล้ว พ่อจะเปลี่ยนหรือไม่ หรือกลายเป็นว่า เราได้บาปมากขึ้นแทน... ยุคพ่อแม่ วัฒนธรรม สังคม และการเลี้ยงดูต่างจากเรา คิดดูอาจุท่านห่างจากเรากี่สิบปีล่ะน้อง จะให้เขามาคิดเห็นเหมือนเราได้ยังไง บางทีพ่อแม่ก็ทำงานหาเงินมาเลี้ยงเรา ท่านทำงานอยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้ออกมาเจอสังคมภายนอก ก็เลยอาจทำให้ท่านมีความคิด ความเชื่อและนิสัยแบบนี้ พี่ว่าก็ปล่อยท่านไปเถอะนะ

    อีกประเด็น ที่พี่อยากบอกน้องมากที่สุดด้วยความหวังดีจริงๆ คือ พี่อยากจะบอกว่า ยิ่งศึกษาธรรมะมากเท่าไร น้องยิ่งต้องลด "อัตตา" หรือตัวตนให้มากขึ้นเท่านั้นนะ ที่สำคัญ อัตตา ที่ถือตัว และเบ่งตัวกับพ่อแม่นั้น ไม่ใช่สิ่งที่ดีนะน้อง ถึงแม้พ่อของน้อง อาจจะไม่รู้ธรรมะมากเหมือนกับน้อง แต่เขาก็เป็นพ่อของเรา พ่อมีความหมายมากแค่ไหน ก็คิดดู ขนาดพระพุทธเจ้ายังยกให้เป็นพระอรหันต์ ดังนั้น แค่น้องนึกตำหนิท่าน แค่ในใจ ก็เหมือนตำหนิพระพุทธเจ้า บาปนักหนาแค่ไหนแล้วน้อง ...

    ตอนนี้พี่เพิ่งเรียนจบหมอ (แพทยศาสตร์) มา กลับมาใช้ทุนที่โรงพยาบาลจังหวัดใกล้บ้าน ได้อยู่ใกล้ชิดพ่อแม่ พ่อแม่ถามพี่เรื่องเรียนบ้าง ว่าอันนี้มันแปลว่าอะไรลูก แม่อ่านภาษาอังกฤษไม่ออก เพราะแม่พี่เรียนจบแค่ป.4 แต่พี่ก็ไม่เคยยกตนว่า กูเป็นหมอ กูเก่งกว่าแม่ แค่นี้แม่อ่านไม่ออก โง่มาก มันไม่ใช่นะน้อง ยิ่งเราเรียนสูงและน้องยิ่งอยากเรียนหมอ น้องยิ่งต้องกตัญญูต่อพ่อและแม่ให้มาก แม้กระทั่งกรรมทางความคิดก็มีผล (มีผลต่อการสอบด้วย อันนี้พี่ยืนยัน) เพราะหากเรากตัญญูต่อพ่อแม่นะ จะทำอะไร จะสอบอะไร ก็ขอบารมีจากพ่อแม่ พี่ก็สอบผ่านทั้งหมดนะน้อง คือพระพี่ก็คล้องคอนะ แต่ก่อนสอบทุกครั้ง อย่างล่าสุดสอบที่รพ.ศิริราช พี่ก็โทรหาแม่พี่ซึ่งอยู่ต่างจังหวัด อวยพรให้หนูหน่อยนะแม่ แล้วพี่ก็ใช้มือหนึ่งถือหูโทรศัพท์ อีกมือพนมมือรับพรจากแม่ แล้วพี่ก็สอบผ่านมาได้ทุกครั้ง

    บางอย่างมันต้องใช้เวลานะน้อง นิสัยคนเราเปลี่ยนยาก หากน้องหวังดีกับพ่อและแม่จริง อยากให้คุณพ่อดีกว่านี้จริงๆ ก็ต้องค่อยๆทำไป โดยอย่าลืมตัวและอย่าเบ่งหรืออย่าถือตัวว่ากูเก่งกว่าพ่อแม่เป็นอันขาด เวลาพูดกับท่านหรืออยากจะแนะนำท่าน ให้พูดด้วยจิตที่เหมือนเป็นพระพุทธเจ้า แต่ไม่ใช่พูดด้วยความที่รู้สึกว่าเราอยู่เหนือพ่อแม่...

    ทุกวันนี้ ถึงใครจะมองพี่เรียนสูงยังไงนะ แต่พี่ว่า พ่อแม่พี่นี่ เก่งกว่าพี่มาก พี่ยกให้เป็นอาจารย์ เพราะถ้าท่านไม่เก่งจริง ท่านคงไม่เลี้ยงดูเรามาจนได้ดีอย่างนี้ ก่อนที่จะเถียงหรือคิดอะไร ก็ขอให้คิดนิดนึงว่า เอ๊ะ เลือดเนื้อในตัวเรา หัวใจ ตับ ปอด กระเพาะ ก็พ่อแม่เราให้มา ข้าวที่เพิ่งกินไปเมื่อกี๊ ก็เงินพ่อนี่หว่า ชีวิตเรา ร้อยล้านมีคนมาซื้อ เรายังไม่ขาย นี่แสดงว่าเรารักชีวิตของเรามากใช่ไหม แล้วใครที่เป็นคนให้ชีวิตอันสุดรัดสุดหวงนี้มา ก็พ่อแม่ไม่ใช่หรอ คิดแบบนี้ การขยับปากและขยับใจของน้องจะช้าลง
    ทุกวันนี้พี่ยกพ่อแม่อยู่เหนือหัวพี่เลยนะ ใครจะว่าพ่อหรือแม่พี่ยังไง และถึงแม้จะเป็นความจริงแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่มีใครสามารถทำให้พี่เกลียดพ่อแม่พี่ได้ เพราะเขาเป็น "พ่อและแม่"ของพี่ สองคำนี้มันเกินพอแล้วน้อง ตอนพี่กลับบ้าน พี่เอาเท้าของพ่อแม่พี่ มาสัมผัสหัวพี่เลยนะ แล้วก็ขอบคุณพ่อแม่ที่ทำให้พี่เรียนจบ...

    ลองทำตามคำแนะนำของพี่ดูนะ มีอะไรก็มาปรึกษาพี่ได้ ยินดีค่ะ

    โมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2010
  7. พารากอน

    พารากอน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +21
    !!!
    ขอขอบคุณพี่ koymoo เป็นอย่างสูงเลยครับบ

    ตอนผมพิมพ์เพื่อขอบคุณพี่นี้ ผมมือสั่นมากเลย เพราะรู้สึกได้เจอคนที่เข้าใจความรู้สึกของเราแล้ว

    ผมพยายามเตือนตัวเองหลายครั้งครับ ว่าเรามีอัตตา รึเปล่า เรายึดมันรึเปล่า เราพยายามทำตัวให้เหนือพ่อแม่ไหม ผมไม่เคยคิด หรือเชื่ออย่างนั้นเลยครับ ผมพยายามเป็นท่าน เข้าใจความรู้สึกท่าน ทำใจเป็นกลางอย่างที่สุด จนสุดท้าย ผมเลือก ปล่อยวางครับ

    ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่า ผมคิดเกินเลยยย ผมมี"เจตนา" ผมยอมรับครับ ว่า "เจตนา" ว่าผมไม่อยากให้ท่านทำอย่างนี้ต่อไป เพราะผมรู้ว่า มันจะมีจุดจบอย่างไร ผมไม่อยากจะเล่าความเป็นอยู่ในครอบครัวให้ใครฟัง แต่ผมอยากปรึกษากับพี่ครับ คือ คุณพ่อของผม ท่านมีโรคประจำตัวอยู่ด้วย ทั้งเบาหวาน ความดัน หัวใจ แต่ท่านก็ยังเลือกกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพของท่าน ท่านบอกว่า ท่านรู้ว่า ไม่ควรกิน หมอห้ามก็จริง แต่ท่านไม่อยากตายอย่าง "อดอยาก" ...พระเจ้า! ผมคิดในใจ แล้วสิ่งที่ผมทำอยู่นี่ เพื่อใครกันล่ะ ผมอยากให้คุณพ่ออยู่ดูความสำเร็จของผม ผมอยากตอบแทนบุญคุณท่านนานๆ ทุกวันนี้ ผมก็พยายามช่วยท่าน แบ่งเบาภาระงานท่านให้ได้มากที่สุด แต่ก็อดไม่ได้ ที่จะ"แนะนำ" ท่าน และที่บ่อยคือ "ขอร้องท่าน" ผมพูดคุยกันอย่างด้วยความปรารถนาดีจริงๆ เพราะผมเชื่อว่ามันต้องเกิดขึ้นแน่ หากเป็นอย่างนี้ต่อไป แต่สุดท้ายก็ทะเลาะกัน ผมบาปขึ้นไปอีก ทุกข์ใจก็ทุกข์ใจ จะนิ่งเฉย หรือทำอย่างไรดี....

    ผมพิมพ์ไปนี่ น้ำตาคลอ ผมไม่รู้จริงๆว่าทำไมต้องมีน้ำตา ผมมันอ่อนแอจริงๆ อย่างไรก็ดีแล้วใช่ไหมครับ ที่ผมควร นิ่งเฉย ดีกว่า ผมรู้สึกว่า ผมทำบาปเรื่องของการทะเลาะกับพ่อด้วยวาจามามาก แม้ผมไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่ผมก็รู้สึกว่า ผมมันไม่ดีจริงๆ

    ผมแทบจะไม่มีกำลังใจในการดำเนินชีวิต ผมรู้สึกว่า ผมทำ ครุกรรม ที่ผมไม่สมควรเรียกว่า "ลูกที่ดี" อีก ผม...T-T ทุกอย่างมันอยู่ที่เจตนาไม่ใช่หรือครับ ผมมีโอกาสที่จะเปลี่ยนตัวเองใหม่ไหมครับ ผมจะปล่อยวางมากขึ้น ไม่นำมาเป็นกังวลหากเราพยายามเต็มที่แล้ว พี่ช่วยบอกผมทีครับ ผมบาปมากแค่ไหนน ผมแก้ตัวใหม่ได้ไหมครับ

    ขอบคุณมากครับ
     
  8. ธรรมทิพย์

    ธรรมทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +433
    สวัสดีค่ะ น้องพารากอน

    ฟังคุณหมอแนะนำไปแล้ว คราวนี้มาฟังคุณครูแนะนำบ้างนะคะ ปกติจะสอนนักเรียนชั้นม.๖ ค่ะ

    อ่านปัญหาทั้งหมดแล้วก็มองว่า "ความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงของน้อง" เกิดจากความไม่ได้ดั่งใจ อาจเป็นเพราะลูกเป็นอภิชาติบุตรจึงมีความคิด ความเข้าใจในธรรมสูงกว่าพ่อ แต่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ความสำคัญถามว่าตอนนี้มีความทุกข์ตรงไหน แล้วก็แก้ทุกข์ที่ตรงนั้น

    ๑. ทุกข์เพราะพ่อเล่นสลากกินแบ่ง ก็จงมองว่าดีกว่าขี้เหล้า สูบบุหรี่
    อย่างน้อยก็ยังรับผิดชอบหน้าที่ของตนได้อย่างดี และเป็นพ่อที่ประเสริฐกว่าอีกหลายคน
    ๒. ทุกข์เพราะความคิดเห็นทางการเมืองไม่ตรงกัน
    ๓. ทุกข์เพราะพ่อเจ้าอารมณ์

    เท่าที่อ่านปัญหาของน้อง รู้สึกเข้าใจและเห็นใจ พยายามพูดกับพ่อแล้วแต่ท่านก็ไม่เข้าใจและโกรธเคือง หนำซ้ำยังสุขภาพไม่ดีแล้วยังไม่ลดละอาหารต้องห้าม แสดงว่า "กลัวอด" มากกว่า "กลัวตาย" พ่อคนนี้ดื้อมากค่ะ

    อยากแนะนำว่า ในเวลานี้ขอให้ตั้งใจสานความฝันของตัวเองให้เป็นจริง ไม่ต้องสนใจคำพูดหรือการกระทำของพ่อ พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ช่วยเหลืองานทางบ้านเท่าที่ทำได้ เอาใจใส่ท่านด้วยการกระทำ แสดงออกว่าห่วงใยท่านโดยให้ท่านสัมผัสได้ด้วยใจ ลองคิดดูนะคะว่าจะทำอย่างไร ?

    อดีตผ่านไปแล้วแก้ไขไม่ได้ ทำปัจจุบันให้ดี คนส่วนใหญ่มักมีความทุกข์ที่คนอื่นไม่ได้ดั่งใจตน เรียนรู้การปล่อยวาง ฝึกจิตให้อยู่กับปัจจุบัน ไม่ฟุ้งซ่าน ตั้งใจเรียนจะได้มีอนาคตที่ดีนะคะ หากคิดมากมีแต่เสียใจเสียสุขภาพไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างไร

    พยายามสวดมนต์ นั่งสมาธิ อุทิศส่วนกุศลแผ่เมตตาให้พ่อมาก ๆ พลังแห่งเมตตา พ่อจะได้รับและมีความรักความเมตตาต่อเราในที่สุด

    ขอให้โชคดีมีความสุข รักษากาย ดูแลใจให้มาก ๆ นะคะ
    :cool:
     
  9. ภัทรอังคาร

    ภัทรอังคาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    4,904
    ค่าพลัง:
    +14,098
    เจ้าจุกตอบได้โดนใจมาก น้องโชคดีนะค่ะ ที่พี่ Iofeast เขามาพูดให้น้องฟังขนาดนี้ปกติพี่เขาจะออกแนว ฮาๆ ไม่เป็นทางการอย่างงี้หรอกนะจ๊ะ ขอบอก ข้อความที่ผีน้อย Iofeast มาตอบพี่อุ้มซาบซึ้งจนน้ำตาไหลเลยอ่ะ ซึ้งใจพึ่งรู้ว่าเพื่อนกินแท้ของเราก็มีทักษะในการพูดให้กำลังใจคนได้เป็นอย่างดีด้วยแหะ เห็นบ้าๆตลอด เอ้อ รู้สึกรักเพื่อนคนนี้ขึ้นอีกเป็นกอง ผีน้อยน่ารัก 5555

    สำหรับตัวพี่เองพี่ขอบอกเลยว่า พี่ไม่มีคุณพ่อมีแต่ คุณแม่ แต่ระหว่างพี่กับคุณแม่ก็คล้ายๆ น้องกับคุณพ่อของน้องนี่แหละ คุณแม่พี่เขาเคยรวยแต่พอครอบครัวเราล้มละลายคุณแม่ก็รับสิ่งที่ตัวเองเป็นไม่ได้ แล้วก็เริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปชอบว่าผู้คน ชอบพูดถึงผู้คนว่า "มนุษย์พวกนี้" แล้วชอบตำหนิ ติเตียนเขา ซึ่งก็ทำให้พี่อุ้ืมจิตตกมาก แล้วก็อารมณ์เสีย ต่อว่าแม่ประจำ เพราะเรารับไม่ได้ที่แม่เราเป็นแบบนี้ไง พี่อุ้มก็อยากให้แม่ดีอยากเห็นแม่เป็นคนที่มีธรรมะ แต่ขอโทษแม่พี่อุ้ืมเขาไปทางนิกายเขาไม่ได้นับถือธรรมะแบบเรา มันก็เลยลำบากที่จะทำให้แม่และเราจูนกันได้ หลังจากที่ทะเลาะเถียงกันบ่อยๆเข้า พี่อุ้มก็เริ่มจะเบื่อหน่ายและระอากับตัวเอง เลยคิดที่จะเปลียนแปลง เพราะกลัวบาปหนึ่งละ กลัวอดใจไม่ไหวจะพูดอะไรที่เจ็บๆอีกหนึ่งละ ก็เลยบอกตัวเอง ต่อไปนี้แม่จะเป็นไร จะพูดไร เราจะไม่เก็บเอามาเป็นอารมณ์ ถ้าไม่สบอารมณ์ก็เดินออกเลยจะไม่มานั่งเครียดนั่งวิเคราะห์ว่าทำไมๆ ถึงเป็นแบบนี้

    ยังไงเราก็เป็นลูกต่อให้พ่อแม่เป็นยังไง บุญคุณเขาก็ท่วมหัวเรา เอาภูเขากี่ร้อยลูกมาวางซ้อนกันก็ยังไม่เท่าบุญคุณของท่าน เพราะฉนั้นสิ่งที่ท่านทำ ท่านเป็นมันจิ๊บๆ ท่านอาจจะอยู่กับเราไม่นาน มองข้ามไปเถอะอะไรที่ไม่ดี รีบขนขวายตอบแทนบุญคุณก่อนที่จะไม่มีโอกาสจะได้ทำ แล้วจะมานั่งเสียใจว่าเราไม่น่าคิด ไม่น่าทำกับพ่อแม่เราอย่างงั้นเลยในตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ จริงๆนะ ชีวิตของเราไม่ต่างกันหรอก ผ่านมาหมดแล้วเข้าใจความรู้สึกดี แต่ทำไงได้ พ่อแม่ก็คือเจ้ากรรมนายเวรของเราส่วนนึงเหมือนกัน เมื่ออดีตชาิติเราเคยอาจทำอะไรเขามา สำหรับตัวพี่อุ้มเองรู้ดีว่าเคยทำให้แม่เสียใจมากในอดีตชาติ น้ำตาเช็ดหัวเข่า ชาตินี้เลยต้องมีเรื่องร้องไห้เพราะแม่มาตลอดเลย ตอนนี้พี่อุ้มทำก็คือพยายามหาเวลาเป็นส่วนตัวอยู่ห่างๆแกให้มาก ไม่พยายามอยู่ใกล้ทั้งวัน เพราะเวลาอยู่ใกล้ๆเราจะหาเรื่องนู้นนี่นั่น มาเป็นอารมณ์ได้เสมอจ๊ะ เป็นกำลังใจให้นะ รองดูนะ ปล่อยวาง คิดถึงบุญคุณท่านให้มาก ไม่มีท่านเราก็ไม่มีตัวตนออกมานั่งบ่นว่าท่านหรอกจริงไหม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2010
  10. พารากอน

    พารากอน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +21
    ขอบคุณมากครับพี่ธรรมทิพย์

    วันนี้ผมเข้าไปหาคุณพ่อ ด้วยความรู้สึกที่ "ไม่ได้คาดหวังอ่ะไร" ครับ ผมเข้าไปพูดกับพ่อและกราบที่เท้าของท่าน พร้อมกับกล่าวขอโทษทุกอย่างที่เคยล่วงเกินท่าน... ผลปรากฎว่า ท่านบอกว่า ท่านไม่เคยโกรธผมเลย ท่านทราบดีว่าท่านทำอะไร และพ่อเข้าใจ พ่อรู้ว่าบางทีพ่อก็ตามใจปาก พ่อรู้ว่าลูกรักพ่อ บางทีพ่อเครียดเรื่องที่ทำงานมากไปหน่อย เพราะคุณพ่อทำงานฝ่ายบุคคล อยู่ที่นั่นมีแต่คนนับถือพ่อ...ผมเข้าใจแล้วครับ เพราะความเคยชินของท่านนี่เอง ทำให้ท่านต้องมีวาทะศิลป์ที่เป็นเลิศศศ... ผมจึงสัญญากับท่านครับว่า ผมจะไม่พูดจาไม่ดีกับท่านอีก และจะตั้งใจเรียนให้มากขึ้น... เท่านั้นยังไม่พอครับ คุณพ่อท่านสงสัยว่า ทำไมอยู่ดีๆ ลูกถึงมาพูดกับพ่อแบบนี้ ผมเล่าเรื่องที่ผมมาปรึกษาหากับพี่ๆในเว็บพลังจิตให้ท่านฟัง กลับกลายเป็นว่า คุณพ่อท่านเปิดใจ ...ผมบรรยายไม่ถูกครับ...ผมและคุณพ่อเข้าใจกันมากขึ้น วันนี้เป็นวันที่ผมได้เปลี่ยนแปลงชีวิตเลยครับ ทั้งพี่ ธรรมทิพย์ พี่ koymoo พี่ iofeast ช่วยทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปในวันเดียว ผมรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น ผมไม่หวั่นไหว ไม่กลัวสิ่งใดแล้ว ผมรักคุณพ่อและคุณแม่ของผมมากเหมือนอย่างเคย ...เพราะความไม่รู้ ความไม่ได้ดั่งใจ ของผมเองนี่แหละครับ แต่มันก็ทำให้ผม มีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้นจริงๆ...

    ผมติดหนี้บุญคุณของพี่ๆทั้งสามท่านจริงๆ ผมไม่รู้จะกล่าวคำขอบคุณอย่างไร และจะตอบแทนอย่างไร ผมขอกล่าวคำว่า ขอขอบคุณ จริงๆ อีกครั้งนะครับ:cool:
     
  11. พารากอน

    พารากอน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +21
    ขอขอบคุณ พี่ ภัทรอังคาร ด้วยครับ จริงๆผมกับคุณพ่อสมัยก่อน จูนกันได้ดีครับ สนิทมากกว่าคุณแม่เสียอีก แต่หลังๆผมคิดว่าคุณพ่ออาจเครียดเรื่องงานกับการเมืองมากขึ้นก็เป็นได้ครับ

    แต่ตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้นมากๆแล้วครับ ผมไม่กลัวอะไรอีกแล้ว พวกเราเข้าใจกัน เปิดใจกันมากขึ้น ผมมีครอบครัวที่อบอุ่น แค่นี้ก็เพียงพอแล้วล่ะครับ ที่เหลือต่อไป ก็ต้องเป็นหน้าที่ของผมแล้วที่จะต้องตอบแทนบุญคุณท่านให้มากๆ ซึ่งตอนนี้ก็คือ ตั้งใจเรียนให้มากที่สุด นั่นเอง :cool: ขออนุญาตไปสวดมนต์เข้านอนก่อนนะครับ...

    ขอบคุณครับ
     
  12. ธรรมทิพย์

    ธรรมทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +433
    สวัสดีค่ะ น้องพารากอน

    ยินดีที่เห็นน้องและครอบครัวมีความสุขค่ะ "ความรักความเข้าใจคือสายใยแห่งครอบครัว" ในโลกนี้ไม่มีใครที่จะรักเราเท่าพ่อแม่...การตอบแทนพ่อแม่ที่ดีที่สุดก็คือการทำให้พ่อแม่มีดวงตาเห็นธรรม

    พยายามตั้งมั่นในศีลธรรม มีความกตัญญูกตเวที และเรียนให้จบแพทย์ตามความฝัน เมื่อทำงานแล้วก็ขอให้ "รับใช้มวลชน" "อย่าขูดรีดปวงประชา" นั่นคือความปรารถนาที่พี่ ๆ ต้องการมากกว่าคำขอบคุณค่ะ เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ

    :cool:
     
  13. koymoo

    koymoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    2,067
    ค่าพลัง:
    +7,066
    ยินดีด้วยค่ะ น้องพารากอน... คนที่รู้ว่าตัวเองผิด และยอมรับผิด คนนั้นคือบัณฑิต
    สิ่งที่พี่แนะนำให้น้อง เพราะพี่เคยผ่านความรู้สึกพวกนั้นมาหมดแล้ว ...

    สำหรับพี่นะคะ ตอนนี้ เหอๆ เรื่องพ่อแม่นี่ พี่ไม่แตะต้องเลยอะ แล้วก็ห้ามใครมาแตะต้องด้วย คือ วันเวลามันจะสอนให้เรารู้เองนะว่าใครหวังดีหรือรักเราจริง คือชีวิตพี่นี่ขอสองคน เอาแบบไม่มีเหตุผลด้วยนะ ก็คือ พ่อแม่อะ ต้องยอมหมดแบบไม่มีเงื่อนไข บางอย่างพี่เองก็ไม่อยากทำ แต่พี่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะทำแล้ว พ่อกับแม่มีความสุข ถึงแม้ในสายตาคนอื่นจะมองว่า ทำไมพี่ไม่ตัดสินใจเอง ทำไมให้พ่อแม่บังคับ อย่างเช่น การเลือกสาขาที่จะเรียนต่อ คือ แนวความคิดของพี่กับพ่อแม่สวนทางกันอย่างมาก แต่สุดท้าย พี่ไม่อาจจะเดินตามทางที่ตัวเองยิ้มแต่พ่อแม่ร้องไห้ได้ พี่จึงเรียนตามคำแนะนำของแม่ และพี่ค่อนข้างเชื่อแม่นะ เพราะทุกครั้งเลย ที่พี่ต่อต้านและไม่ยอมทำตามแม่ มารู้ทีหลัง อ้าว มันเป็นอย่างที่แม่พูดจริงๆ และตลอดชีวิตของพี่ พี่เดินตามทางที่แม่ปูไว้ให้ตลอด ดังนั้น ตอนนี้พี่จึงเลือกทางเดินนี้ และพี่เชื่อว่า ทางที่แม่เลือกให้พี่นี้ สักวัน พี่อาจจะปรารภในใจกับตัวเองว่า "เกือบไปแล้ว...เกือบไม่เชื่อแม่แล้วเรา" ประมาณนี้ (รู้สึกแบบนี้บ่อย)

    อะไรที่ทดแทนบุญคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นทางใด พี่ก็จะพยายามทำ เพราะพี่เองเป็นหมอ ก็ไม่ค่อยได้อยู่ดูแลพ่อกับแม่ (ต้องดูแลคนอื่นซะมากกว่า) อีกอย่าง พ่อแม่คงไม่ได้อยู่กับเราไปอีกร้อยปี ตอนนี้ต้องรีบตอบแทนคุณท่าน น้องเองก็ต้องอย่าลืมรีบตอบแทนคุณพ่อแม่เหมือนกันนะ

    พี่ดีใจกับน้องด้วยจริงๆนะคะ ที่น้องพารากอนกราบคุณพ่อนั้น เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วล่ะค่ะ แต่ที่พี่เป็นห่วงคือ น้องอย่าเครียดมากนะคะ ปล่อยวางและผ่อนคลายให้มากๆ เดินทางสายกลาง ไม่ตึงและไม่หย่อนเกินไป น้องถือว่าได้ทำหน้าที่ของลูกที่ดีแล้วนะคะ ไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์แบบ แม้กระทั่งพระอรหันต์อย่างองคุลีมาล ก็ยังเคยทำบาปมาก่อน ตอนนี้น้องรู้และมีปัญญาแล้ว พยายามแก้ไขข้อผิดพลาดที่มันเกิดขึ้น ตรงไหนโหว่ ก็อุด แต่อย่าลืมว่าให้ทำทุกอย่าง ด้วยความ "พอดี"
    ส่วนเรื่องโรคประจำตัวของคุณพ่อน้องนั้น ความจริงแล้วถือได้ว่า แทบจะโรคที่พบเจอได้บ่อยมากในผู้สูงอายุ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของการปฏิบัติตัว (ไม่ใช่ยานะคะ) คือ ในเรื่องของเบาหวานและความดันโลหิตสูงนั้น ให้ลดหรือหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหวาน กะทิ ของทอด ของมัน อาหารรสจัด เค็มจัด หรือเผ็ดจัด งดอาหารที่มีเกลือ ซีอิ๊ว ผงชูรสต่างๆ แนะนำให้ทานอาหารอ่อนๆและจืด หลีกเลี่ยงขนมกรุบกรอบ เพราะมีธาตุฟอสฟอรัสเยอะ ซึ่งส่งผลไม่ดีต่อไต เน้นรับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่ ผักและผลไม้ตามสมควร และไปตรวจติดตามการรักษากับแพทย์เป็นประจำ และบอกคุณพ่อน้องด้วยนะคะว่า หมอไม่ได้ "ห้ามกิน" แต่ "รับประทานให้น้อยลงหรือจำกัดปริมาณอาหารกลุ่มเสี่ยงทั้งหลาย" ดังนั้น เรื่องอดอยาก ไม่มีแน่นอนนะคะ

    ในเรื่องของการปฏิบัติตัว พี่ไม่ทราบว่าคุณพ่อน้องเป็นเบาหวานที่คุมดีหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามพี่แนะนำให้คุณพ่อน้อง ใส่รองเท้าชั้นหนาสักหน่อย ระวังการเกิดแผลที่เท้า ก่อนใส่รองเท้าให้ดูว่ามีเศษหิน หรืออะไรอยู่หรือไม่ เพราะคนเป็นเบาหวาน จะมีระบบการรับความรู้สึกที่ผิดปกติ ทำให้เวลาไปเหยียบอะไรเข้า จะไม่รู้สึกเจ็บ มารู้อีกที เลือดไหลเต็มเท้า และคนเป็นเบาหวาน ถ้าเป็นแผลแล้ว จะเป็นแผลเรื้อรังและหายยาก จุดนี้พี่จึงให้น้องบอกคุณพ่อด้วย และบอกด้วยว่า หากคุณพ่อยังรับประทานตามใจปาก โอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนต่อระบบอื่นๆมีสูงมาก เช่น ไต สมอง ฯลฯ เพราะโดยเฉพาะโรคความดันโลหิตสูงนั้น หากคุมไม่ดี โอกาสเกิดสมองขาดเลือดฉับพลันมีสูงมาก และส่งผลให้เกิดอัมพฤกษ์/อัมพาตตามมา (ยกตัวอย่างให้เห็น เช่น ศรีหนุ่ม เชิญยิ้ม เป็นต้น)
    ส่วนเรื่องหัวใจ ก็จำกัดการรับประทานน้ำให้พอเหมาะ รับประทานยาสม่ำเสมอ และไม่ซื้อยาชุดทานเอง ไม่ซื้อยาสมุนไพร/ยาต้ม/ยาหม้อ/ยาลูกกลอน มาทานเองเด็ดขาด หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น เช่น ความเครียด ภาวะซีด การอดนอน พยายามควบคุมความดันโลหิตให้อยูในระดับที่พอเหมาะ ออกกำลังกายแบบพอดี อย่าหักโหมเกินไป และไปพบแพทย์เป็นประจำ

    พี่เข้าใจนะ เพราะคนไข้ส่วนมาก ต้องแบบเป็นรุนแรงกับตัวจริงๆ ถึงจะเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงนิสัย (ถ้าน้องเป็นหมอ จะเข้าใจว่าพูดกับคนไข้ยากนะ) ก็ระหว่างนี้ บอกพ่อน้องตามที่พี่แนะนำแล้วกันนะ โรคที่พ่อน้องเป็น เป็นภัยเงียบทั้งนั้น ถ้าไม่อยากเป็นอะไรรุนแรง ก็อย่าประมาท ปฏิบัติตามที่หมอแนะนำเถอะค่ะ...

    ยินดีให้คำปรึกษานะคะน้องพารากอน...

    โมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2010
  14. ภัทรอังคาร

    ภัทรอังคาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    4,904
    ค่าพลัง:
    +14,098
    ด้วยความยินดีจ๊ะ เห็นน้องสบายใจขึ้นพี่อุ้มก็ดีใจแทน ดีแล้วที่มีครอบครัวอบอุ่นเป็นกำลังใจให้ทำหน้าที่ลูกที่ดีต่อไปนะจ๊ะ โมทนาบุญด้วยจ๊ะ ขอให้เจริญในธรรม ยิ่งๆขึ้นไปนะจ๊ะ
     
  15. กาลปาวสาน

    กาลปาวสาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +390
    ผมมีปัญหาคล้าย ๆ กับพี่พารากอนนะครับ ผมเป็น เด็กอายุ 14 จะเป็นนายเดือนหน้าแล้ว ^__^

    พ่อผมเป็นโรคประสาท แต่เป็นตำรวจทำงานได้ พ่อสูบบุหรี่ ดูดกาแฟ และชอบสร้างหนี้มาก แต่จะโดนคุณแม่ห้ามก่อนตลอด และช่วง ปีนี้พ่อผม อาการหนักมาก พาไปรักษาตัวที่ จิตเวชขอนแก่น 1 เดือน ก็ไม่หาย กลับมาหนักกว่าเก่า ช่วงนั้นผมเครียดมากครับ โชคดีมีศาสนาและกัลยาณมิตร ที่ดีในเว็บนี้คอยให้คำแนะนำ

    ผมเคยคิดว่าพุทธศาสนางมงายนะครับ คิดว่าตัวเองแน่ ผมอ่านไบเบิลจบ 2 รอบผมไร้ซึ่งความประทับใจ

    ผมชื่อชอบไอน์ไสตร์มาก วันนึงพี่ที่เยอรมันส่งประวัติไอน์ไสตร์มาให้อ่าน ผมเห็นถ้อยคำที่เขากล่าวถึงศาสนาพุทธ ผมก็อ่านให้หมดแล้วก็มาคิด....ทำไมนักวิทยาศาสตร์อย่างไอน์ไสตร์ ต้องชื่นชมศาสนาพุทธ

    ผมได้อ่าน กาลามสูตร แล้วผมก็โคตรงง ศาสนาพุทธที่รู้จักมาแต่เกิด ไหงสอนแบบนี้ สอนให้ไม่เชื่อ? จากนั้นผมเริ่มศึกษาจริง ๆ จัง ๆ ยังจำได้อ่านพระไตรปิฎกได้ 10 หน้าผลปรากฏคือหลับตั้งแต่ กลางหน้า 10!!

    โม้พอและ

    ผมมีปรัชญาดี ๆ ที่แต่งขึ้นโดยเด็กอายุ 14 ตัวอ้วน ๆ หน้าเหี้ยม ๆ เหมือนอิสลาม

    ปรัชญาแห่ง ซามูซามู่ อาจไม่ใช่ปรัชญาที่ดี แต่คุณหาดีกว่านี้ได้มั้ยล่ะ?(โม้ไปทั่ว)

    ก่อนจะปรึกษากับผมนะครับ
    "คุณมาพูดกับผม คุณต้องรู้ว่าคุณกับคนอายุ 14 คุณรับฟังคำปรึกษาของผมได้แต่อย่าเชื่อ โปรดพิจารณาไตร่ตรองให้ดี คุณมาฟังผมคุณไม่ต้องเสียเงินสักบาท วันนี้คุณได้พูดกับผมวันหน้าคุณก็ได้พูดอยู่ดี คุณต้องแยะแยะ ผมให้ถูกระหว่างโหมดคนธรรมดากับโหมดผู้ให้คำปรึกษา"

    ที่ติดต่อ แอดมา หรือ เมลล์มาก็ได้ครับ

    rachazamoo@hotmail.com
     
  16. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +7,815

    พี่นำอิฎฐสูตรมาให้อ่าน ลองพิจรณาดูนะจ๊ะ หุ หุ หุ


    <CENTER>๓. อิฎฐสูตร</CENTER> [๔๓] ครั้งนั้น ท่านอนาถบิณฑิกคฤหบดี เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
    ถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว พระผู้มี
    พระภาคได้ตรัสกับท่านอนาถบิณฑิกคฤหบดีว่า ดูกรคฤหบดี ธรรม ๕ ประการนี้
    น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ หาได้โดยยากในโลก ๕ ประการเป็นไฉน คือ
    อายุ ๑ วรรณะ ๑ สุขะ ๑ ยศ ๑ สวรรค์ ๑ ดูกรคฤหบดี ธรรม ๕ ประการ
    นี้แล น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ หาได้โดยยากในโลก ฯ
    ธรรม ๕ ประการนี้ น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ หาได้โดยยากในโลก
    เรามิได้กล่าวว่าจะพึงได้เพราะเหตุแห่งความอ้อนวอน หรือเพราะเหตุแห่งความ
    ปรารถนา ถ้าธรรม ๕ ประการนี้ น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ หาได้โดยยาก
    ในโลก จักได้เพราะเหตุแห่งความอ้อนวอน หรือเพราะเหตุแห่งความปรารถนา
    แล้วไซร้ ในโลกนี้ ใครจะพึงเสื่อมจากอะไร ดูกรคฤหบดี อริยสาวกผู้ต้องการ
    อายุ ไม่ควรอ้อนวอนหรือเพลิดเพลินอายุ หรือแม้เพราะเหตุแห่งอายุ อริยสาวก
    ผู้ต้องการอายุ พึงปฏิบัติปฏิปทาอันเป็นไปเพื่ออายุ เพราะปฏิปทาอันเป็นไปเพื่อ
    อายุที่พระอริยสาวกนั้นปฏิบัติแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อให้ได้อายุ อริยสาวกผู้นั้นย่อม
    ได้อายุที่เป็นของทิพย์ หรือเป็นของมนุษย์ อริยสาวกผู้ต้องการวรรณะ ไม่ควร
    อ้อนวอนหรือเพลิดเพลินวรรณะ หรือแม้เพราะเหตุแห่งวรรณะ อริยสาวกผู้ต้อง
    การวรรณะ พึงปฏิบัติปฏิปทาอันเป็นไปเพื่อวรรณะ เพราะปฏิปทาอันเป็นไปเพื่อ
    วรรณะ ที่อริยสาวกนั้นปฏิบัติแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อให้ได้วรรณะ อริยสาวกนั้น
    ย่อมได้วรรณะที่เป็นของทิพย์ หรือเป็นของมนุษย์ อริยสาวกผู้ต้องการสุข ไม่
    อ้อนวอนหรือเพลิดเพลินสุข หรือแม้เพราะเหตุแห่งสุข อริยสาวกผู้ต้องการสุข
    พึงปฏิบัติปฏิปทาอันเป็นไปเพื่อสุข เพราะปฏิปทาอันเป็นไปเพื่อสุขที่อริยสาวกนั้น
    ปฏิบัติแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อให้ได้สุข อริยสาวกนั้นย่อมได้สุขที่เป็นของทิพย์
    หรือของมนุษย์ อริยสาวกผู้ต้องการยศ ไม่ควรอ้อนวอนหรือเพลิดเพลินยศ หรือ
    แม้เพราะเหตุแห่งยศ อริยสาวกผู้ต้องการยศ พึงปฏิบัติปฏิปทาอันเป็นไปเพื่อยศ
    เพราะปฏิปทาอันเป็นไปเพื่อยศที่อริยสาวกนั้นปฏิบัติแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อให้ได้ยศ
    อริยสาวกนั้น ย่อมได้ยศที่เป็นของทิพย์ หรือของมนุษย์ อริยสาวกผู้ต้องการ
    สวรรค์ ไม่ควรอ้อนวอนหรือเพลิดเพลินสวรรค์ หรือแม้เพราะเหตุแห่งสวรรค์
    อริยสาวกผู้ต้องการสวรรค์ พึงปฏิบัติปฏิปทาอันเป็นไปเพื่อสวรรค์ เพราะปฏิปทา
    อันเป็นไปเพื่อสวรรค์ ที่อริยสาวกนั้นปฏิบัติแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อให้ได้สวรรค์
    อริยสาวกนั้นย่อมได้สวรรค์ ฯ
    ชนผู้ปรารถนาอายุ วรรณะ ยศ เกียรติ สวรรค์ ความเกิด
    ในตระกูลสูง และความเพลินใจ พึงทำความไม่ประมาทให้
    มากยิ่งขึ้น บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมสรรเสริญความไม่ประมาท
    ในการทำบุญ บัณฑิตผู้ไม่ประมาทแล้ว ย่อมยึดถือประโยชน์
    ทั้งสองไว้ได้ คือ ประโยชน์ในปัจจุบัน และประโยชน์ใน
    สัมปรายภพ ผู้มีปัญญา ท่านเรียกว่าบัณฑิต เพราะบรรลุถึง
    ประโยชน์ทั้งสองนั้น ฯ
     
  17. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +7,815

    โฮะโฮะโฮะ เริ่มรู้ใจตัวเองแล้วซิท่า..........เริ่มหวั่นไหวแล้วอ่ะดิ๊ โฮะโฮะโฮะ (kiss)(kiss)(kiss)
     

แชร์หน้านี้

Loading...