ใครทราบประวัติของพระฤาษีต่าง ๆบ้างครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สนใจศึกษา, 6 เมษายน 2005.

  1. พลูโตจัง

    พลูโตจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +554
    เท่าที่ทราบ เป็นฤาษีชั้นเทพ เทพฤาษี ทรงอิทธิฤทธิ์ บารมีสูง มีฤทธานุภาพมาก เปี่ยมเมตตาธรรม มีความสามารถในทางศิลปะการช่างและด้านเวทมนตร์คาถา

    ซึ่ง ฤาษี มี 5 ประเภท ตามที่บางท่านได้ให้ข้อมูลไว้แล้ว แต่ตัวอย่างของฤาษีแต่ละประเภท ได้แก่...


    • มหาฤาษี ทรงอิทธิฤทธิ์สูง ได้แก่ ฤาษีอิศวร ฤาษีนารายณ์ ฤาษีพิฆเนศ
    • พรหมฤาษี บำเพ็ญตบะสูงสุดเกิดเป็นพรหม(ฤาษีชั้นพรหม) ฤาษีพรหมบุตร , ฤาษีพรหมา , ฤาษีพรหมประสิทธิ์ ที่ขึ้นต้นว่าพรหม ฯลฯ
    • ฤาษีชั้นเทพ เทพฤาษี ทรงอิทธิฤทธิ์ บารมีสูง ได้แก่ ฤาษีเพชรฉลูกัณฑ์ ฤาษีปัจสิงขร ฤาษีตาวัว ฤาษีตาไฟ ฤาษีบรมโกฏิ ฤาษีกไลยโกฏ ฤาษีนาเรศร์ ฯลฯ
    • ราชฤาษี ฤาษีระดับเจ้าฤาษี บำเพ็ญตบะอย่างเคร่งครัด ฤาษีสัตยพรต ฤาษีชนกจักรวรรดิ
    • นรฤาษี (มนุษย์ฤาษี) บำเพ็ญตบะขั้นพื้นฐานจนบารมีสูง ฤาษีโกเมน ฤาษีลูกประคำ ฤาษีโคบุตร ฤาษีโคดม ฯลฯ
    • อสูรฤาษี (กึ่งยักษ์กึ่งฤาษี) ฤาษีพระพิราพ ฤาษีพิรอด ท้าวเวสสุวรรณ ท้าวหิรัญพนาสูร อนันตยักษ์ ท้าวหิรัญยักษ์
    บางตำราบอกว่า...

    พระเพชรฉลูกัณฑ์ เป็นเทพเจ้าแห่งศิลปการช่าง เป็นนายช่างใหญ่ของเทวดา เป็นผู้ประสิทธิ์ประศาสตร์เครื่องดนตรีสารพัน และถือว่าพระวิศวกรรมเป็นเทพผู้บันดาลให้เกิดเสียง และเป็นแบบฉบับในการบรรเลงสืบมา

    และยังมีชื่อเรียกอีกหลายชื่อ ได้แก่ พระวิศวกรรม พระวิศณุกรรม พระวิสสุกรรม พระเวสสุกรรม พระสิสสุกรรม

    ท่านทรง เป็น เทวดานายช่างใหญ่ของพระอินทร์ ตามตำนานกล่าวว่า เป็นผู้สร้างเครื่องมือ สิ่งของต่าง ๆ ให้เกิดขึ้น และเป็นแบบอย่างให้กับมนุษย์สืบมา พระวิศวกรรมรับเทวโองการต่าง ๆจากพระอินทร์ เพื่อสร้าง อุปกรณ์ สิ่งของ อาคาร ต่าง ๆ มากมาย เป็นผู้นำวิชาช่าง มาสอนแก่มนุษย์ นับแต่นั้นมามนุษย์จึงรู้จักการสร้างและและใช้งานสิ่งของต่าง ๆ จนมีการพัฒนารูปแบบมาจนถึงปัจจุบันนี้

    ช่างไทยแขนงต่าง ๆ ให้ความเคารพบูชาพระวิศวกรรมในฐานะครูช่าง หรือเทพแห่งวิศวกรรมของไทย โดยเรามักพบเห็นรูปจำลององค์ท่านได้บ่อย ๆ ตามสถานศึกษาทางช่างทุกสถาบัน เพื่อสักการะกราบไหว้ ขอบารมีท่านในการสะกดอาถรรพ์เหตุการณ์ที่ไม่ดีดังกล่าวด้วยเหล่าช่าง ทั้งหลายนั้นต่างเชื่อว่าตนเป็นลูกของพระวิศวกรรมย่อมได้รับการคุ้มครองจาก องค์ท่านให้พ้นอาถรรพ์ต่างๆจากงานช่าง และเพื่อประสิทธิ์ความสำเร็จให้

    เรื่องนี้ จะเห็นได้ชัดเจนจากนามกรุงเทพมหานครที่ ลงท้ายด้วยคำว่า "วิณุกรรมประสิทธิ" ทั้งที่ชื่อ "กรุงเทพฯ" นั้น ย่อมหมายถึง เมืองบรมสุขที่เทียบกับความ หมายเมืองแห่งสักกะเทวราชตามคตินิยมพุทธก็ตาม แต่ความวิจิตรสวยงามและมั่นคงของเมืองเป็นเรื่องของครูช่าง จึงต้อง ประณามชื่อครูช่างไว้ใน นามพระนครดังที่เห็นกันอยู่อันจะยืนยันคติเรื่องการบูชาเทพเจ้าที่ทรงคุณ เฉพาะด้านได้อย่างดี

    ครูช่างหรือพระวิศวกรรมนั้น อาจเกี่ยวพันกับสิ่งรอบๆตัวเรา เกี่ยวกับงานที่ต้องการความชำนาญเฉพาะเรื่องที่ เรียกว่า "ช่าง" อยู่โดยตลอดไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกินให้ถูกรสชาติ การได้เสื้อผ้าที่สวยงาม การเสริมสวย หรือตัดเเต่งทรงผมและอื่นๆ ก็ล้วนต้องมาจากผู้ที่โบราณต้องเรียกว่า "ช่าง" เสมอ

    อันการบูชาครูช่าง จึงเป็นเรื่องของการให้สำเร็จกิจการนั้นๆโดยตรง ซึ่งในพิธีกรรมการไหว้ครู อันเป็นประเพณีที่สืบต่อกันมาแต่ครั้งโบราณก็จัดการบูชาครูช่างไว้เป็นการแยกเฉพาะนอกจากครูผู้ประสิทธิวิชาการด้านอื่นๆ ...


    ซึ่งข้อมูลนี้ คุณสามารถเข้าไปดูประวัติเพิ่มเติมได้ตามลิงค์ค่ะ
    www.chalermsart.net/board/index.php?topic=1442.0

    หากมีผู้ที่รู้จริงลึกซึ้ง รบกวนมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมก็ดีค่ะ เพราะพลูโตเองก็นับถือและบูชาพ่อปู่ฤาษีอยู่เหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2010
  2. Jupiter_noom

    Jupiter_noom สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +13
    ขอขอบคุณ คุณพลูโตจัง มากๆ ครับที่ให้ข้อมูล
     
  3. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    ปู่ฤษีท่านก็บำเพ็ญอยู่ทั่วไป ตามป่าตามเขา องค์สำคัญๆมักอยู่ที่ภูเขาควาย ประเทศลาว ภายในของภูเขาควายเชื่อมมาถึงเขต ต. สีกาย จ. หนองคาย ในเขาใหญ่ก็มีเยอะ แถวภาคเหนือก็มีเยอะเช่นกัน ครับ

    ภาคใต้ของไทย มีปู่ฤษีองค์สำคัญอยู่ 17 องค์ สื่อสารกันได้ทางจิต แต่ญาณของปู่ฤษีท่านเชื่อมอยู่กับรูปสัญญลักษณ์ของท่านอยู่ในหลายสถานที่ มีอยู่คราวนึงผมขับรถไปภาคใต้ ปู่ฤษีหลายรูปท่านเรียกให้ไปหา ต้องขับรถไปในหลายสถานที่แล้วก็เดินหาท่านเหล่านั้น ไปเจอก็แต่รูปปั้น แต่ก็สื่อสารกันได้ทางจิต ปู่ฤษีองค์นึงมีญาณเชื่อมอยู่ที่รูปปั้นฤษีตาไฟที่วัดพ่อท่านคล้าย ฤษีปัญจสิงขร อยู่ที่ถ้ำสิงขร จ.กระบี่ องค์นึงอยู่ที่เขา อ่าวน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ องค์นึงอยู่ที่ วัดเขาอ้อพัทลุงเป็นต้น (องค์นี้ท่านให้ผมไปภาวนารับศาสตร์วิชา แต่ผมยังไม่ได้ไป)

    ปัจจุบันนี้ผมเชิญญาณปู่ฤษีท่านมารวมอยู่ในไม้เท้าอันนึง ท่านมากันครบทั้ง 108 พระองค์ (ครูบาอาจารย์ท่านบอกให้อัญเชิญมา) ท่านมาร่วมสร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าห้าพระองค์

    มีครูบาอาจารย์หลายรูป(ที่เป็นมหาโพธิสัตว์)ท่านจะสร้างบารมีคู่กับปู่ฤษี เช่น หลวงปู่ทองทิพย์( จ. หนองคาย)กับปู่ฤษีกระไลยโกฏิ หลวงปู่ทวดกับปู่ฤษีอิสิกัสปะ เป็นต้น

    สำหรับผมเองปู่ฤษีท่านวนเวียนกันมา ประสิทธิ์วิชาให้บ่อย เหมือนท่านรักษาวิชาของเก่าที่ไว้ให้ เมื่อถึงเวลา เราปฏิบัติจิตไปถึงตรงนั้น ท่านก็จะนำศาสน์วิชามาส่งให้ ครับ

    สำหรับฤษี 108 ท่านก็มีเครื่องครูที่เราต้องแต่งขันธ์รับท่าน ศาสน์นี้ของใครของมัน แล้วแต่บุญบารมี อย่างของผมต้องแต่งเครื่องขันธ์ 108

    ปัจจุบันปู่ฤษีที่ท่านร่วมทำบารมีเป็นตัวแทนของปู่ฤษี 108 ที่สื่อสารกับผมอยู่ตลอด ก็คือ ปู่ฤษีอิสิกัสปะ ที่ท่านคู่กับหลวงปู่ทวด บางครั้งผมลืมถวายหมากพลูหลายๆวัน ท่านก็จะส่งกระแสเสียง ให้ได้ยินเลย เช่น "ชายเอ๋ย เอาหมากพลูมาขบเคี้ยวหน่อยลูก" เวลาทำหมากพลูถวาย ก็จะต้องทำเยอะ ท่านเคยบอกว่าปู่ฤษีอยู่ที่นี่กันเยอะ ถวายน้อยๆแบ่งฉัน(กิน)กันไม่พอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2010
  4. evlarmy

    evlarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +3,956
    หาได้จากไหน


    รูปภาพที่เป็นหนังสือท่านหามาจากไหนหรอครับ
    พอดีผมอยากได้บ้างครับ
     
  5. evlarmy

    evlarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +3,956
    พอจะบอกได้ไหมครับ

    พอจะบอกได้ไหมครับ
    ว่านามและรูปปั้นขอฤาษีที่อยู่ในประเทศไทย อยูที่ไหนบ้างครับ
    และฟังลาวด้วยนะครับ

    รบกวนตอบมาทางเมลล์ก็ดีครับ bankchano@hotmail.com

    รบกวนด้วยนะครับ
     
  6. โชเต

    โชเต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +331
    ว่ากันว่า ในบรรดาพระฤาษีทั้งหมดนั้นจะต้องมี "บรมครูฤาษี"
    ถ้าผมจำไม่ผิด องค์ที่ใหญ่ที่สุด ที่อยู่สูงกว่า พระฤาษี 108 องค์
    หรือ พระฤาษีใดๆ ในโลกนี้ แม้กระทั่งจักรวาลนี้ หรือในล้านโกฏิจักรวาลเศษๆ
    (โกฏิ 1 จะเท่ากับ 10 ล้าน) ซึ่งเรื่องนี้ไม่ค่อยมีปรากฏในคัมภีร์ใดๆ เลย แต่
    ครูบาอาจารย์ในโบราณกาล (ไม่รู้กัลป์ไหน ไม่ปรากฏ) ท่านว่า
    เป็นผู้ประสาทวิชาให้กับเทพทั้งหลายทั้งปวงในกาลก่อน นมนานมาก
    (ก่อนที่จะมีพระพุทธเจ้าพระองค์แรกเสียอีก...(จริงเท็จอย่างไรผมก็ได้ยินมาอย่างนี้))

    ยกตัวอย่างเช่น มีนิทานโบราณ(จะว่าเป็นตำนานนมนานมากก็ได้)
    มีพี่น้องอยู่ 3 คน เดินทางมา ณ ที่แห่งหนึ่ง ทีแห่งไหนไม่มีใครรู้ รอได้สักพัก
    ก็มีบุรุษผู้หนึ่งผ่านมา บรุษผู้นี้เป็นใครไม่ปรากฏ ปรากฏได้แต่เพียงแค่ว่า
    บุรุษผู้นี้ศีรษะปราศจากเส้นผม ปราศจากเส้นคิ้ว ปราศจากหนวดเครา
    บนใบหน้าของบุรุษผู้นี้ปราศจากซึ่งสิ่งใดๆ ที่แสดงถึงความดีใจ เสียใจ ทุกข์ใจ
    มีแต่ก็เพียงใบหน้าที่นิ่งเฉย ไร้ซึ่งความรู้สึกจากสิ่งใดๆ ในโลก แต่งกายด้วย
    ผ้าธรรมดาผืนหนึ่ง เสื้อผ้าอาภรณ์ก็ดูไม่เหมือนกับคนทั่วไป ไม่มีแม้กระทั่ง
    เครื่องประดับบนกายเลยสักชิ้น ไม่มีแม้กระทั่งพาหนะใดๆหรือแม้กระทั่งสิ่งใดมารองรับเท้าทั้งสองข้างเลย! ดูๆ เเล้วเหมือนกับผู้ทรงศีลองค์หนึ่ง ที่สละซึ่งสิ่งใดๆในโลก
    มีความเป็นอยู่เรียบง่าย ไม่มีขบวนติดตาม ไม่มีคนรับใช้ ไม่มีผู้ปรนนิบัติ แม้กระทั่ง
    ไม่มีแม้กระทั่งที่อยู่อาศัย บนมือบุรุษผู้นั้น มีภาชนะใบหนึ่ง อนึ่งเหมือนกับว่าใช้เป็นภาชนะสำหรับใส่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะคาดเดาได้ว่า สิ่งที่อยู่ในมือของบุรุษผู้ทรงศีลผู้นี้ จะนำไปใช้กับสิ่งใด คราวนั้นเอง 3 คนพี่น้องจึงบังเกิดความเลื่อมใสในบุรษผู้นั้น
    จึงเข้าน้อมเคารพ แล้วพูดคุยกัน เหมือนกับคนที่ไม่ได้พบกันมานาน

    ทั้งสามคนพี่น้องบังเกิดความปราบปลื้มใจกับบุรุษผู้นี้ด้วยความ ประหลาดใจอย่างมาก

    พี่ชายคนแรก หยิบสิ่งหนึ่ง ขึ้นมาแล้วทำการยื่นสิ่งของสิ่งหนึ่งให้กับบุรุษผู้นั้น
    สิ่งของที่หยิบยื่นให้นั้น คือ "พาน" สีทองใบใหญ่ให้กับบุรุษผู้นั้น ในทันที

    น้องคนที่ 2 เมื่อเห็นพี่ชายของตนทำเช่นนั้น ก็ไม่รอช้า จึงหยิบยื่นสิ่งของสิ่งหนึ่ง
    ให้กับบุรุษผู้นั้น ด้วย "ทัพพี" สีเงินมันวาว ในทันทีที่พี่ชายของตน ได้หยิบยื่นให้

    ส่วนน้องคนสุดท้องเห็นพี่ชายทั้งสองหยิบยื่นสิ่งของให้กับบุรุษผู้นั้นแล้ว
    จึงบังเกิด "ความอิจฉา" พี่ชายทั้งสองคนของตนในทันที พร้อม ๆ กับใจที่ยัง
    ไม่คิดที่จะหยิบยื่นสิ่งของใดๆ ให้กับบุรุษผุ้นี้ แต่ด้วยความที่ เห็นพี่ชายทั้ง 2
    หยิบยื่นสิ่งของดังกล่าวไปแล้ว จึงหยิบยื่น "ตะแกรงสานไม้ไผ่"
    (อีกตำนานหนึ่ง ท่านว่า เป็น "กระด้ง" ที่ใช้สำหรับร่อนข้าวเปลือก)

    เมื่อทั้ง 3 คนพี่น้อง ได้บอกกล่าว บุรุษผู้นั้นแล้วจึงได้บอกลาแล้ว ลาจากไป

    ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ เมื่อทั้ง 3 คนพี่น้อง ได้หมดอายุขัย ตายจากโลกนี้ไป
    จึงมีสิ่งที่ดลบันดาลให้ ทั้ง 3 คนพี่น้องนี้ ไปเกิดอีกภพภูมิหนึ่ง

    พี่ชายคนแรกได้ไปเกิดเป็นชาย ท่านกลางในสรวงสวรรค์ มีนามว่า"พระอาทิตย์"
    ประกายตาสีแดงฉาน มีเนื้อกายสีแดง แปล่งเสียงกึกก้องกัมปนาทดังกังวาล
    ประดับด้วยเครื่องอาภรณ์สีทองแวววาว ราวกับ ทองที่สุขปลั่ง
    สวยงามดั่งพานทองที่ได้หยิบยื่นให้กับบุรูษทรงศีลผู้นั้น มีลวดลายบรรจงสวยงาม
    ทรวดทรง ทรนงองอาจ ประดุจดั่งราชสีห์ จิตใจห้าวหาญไม่หวั่นเกรงกับสิ่งใด
    อยู่เหนือเทพองค์อื่นๆ แม้อยู่ในที่แห่งหนใด ก็จะได้รับการโปรดปรานจากครู
    จากอานิสงค์ที่ "คิดปั๊บ ทำปุ๊บ" ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ ปราศจากความ "เคลือบแคลงสงสัย"
    (ประมาณว่า ได้เต็มๆ เลย)

    น้องชายคนที่สอง ได้ไปเกิด เป็นชายบนสรวงสวรรค์ มีนามว่า "พระจันทร์" มีเนื้อกายระยิบระยับด้วยแร่ธาตุนวลผ่องสีขาวระยิบระยับ ประดับด้วยเครื่องอาภรณ์ ดั่งไข่มุขที่สุขวาว รูปหอม สง่าองค์อาจด้วยชายชาตรี มีพระขรรค์เป็นอาวุธ สวยงามดั่งทัพพีที่มีลวดลายโค้งงาม มีฝีปากแหลมคม ประดุจเพชรที่แวววาว และคมกริบ จิตใจเด็จเดี่ยวไม่หวั่นเกรงกับสิ่งใด อยู่ต่อหน้าฝูงเทพใดๆ จะได้อาญาสิทธิ์ นั่งแท่นบรมพิธี ต่อหน้าครู และหมู่เทวดา เพราะจิตใจฝักใฝ่คิดทำตามพี่ชายคนแรก จึงได้อานิสงค์นั้น

    ส่วนน้องคนสุดท้าย มีจิตที่ คิด "อิจฉา" พี่ชายทั้งสอง กอปร กับมีจิดที่ไม่คิดที่จะทำตามแบบพี่ชายทั้งสอง จึงบังเกิดเป็นชาย มีนามว่า "พระราหู" ท่อนบนเป็นคน ท่อนล่างเป็นงู
    มีเนื้อกายสีดำ (บางตำราท่านว่า เป็นเนื้อสำริด) พละกำลังเหนือเหล่ามนุษย์ และ อมนุษย์ ไม่มีผู้ใด (แม้กระทั่งเหล่าเทพเทวา)จะอาจหาญต่อกรสู้ได้เลย มีอาวุธ เป็นหอก สามง่าม สถิตใต้ทะเลลึกทางทิศใต้ (บ้างก็ว่า ทางมหาสมุทรอินเดียโบราณ)

    ที่ไปเกิดใต้ทะเลลึก แล้วมีรูปร่างไม่เหมือนพี่ชายทั้ง2คน ก็เพราะว่า จิตใจที่"อิจฉา"
    คิดไม่ดี ต่อบุรุษผู้นั้น และไม่คิดที่จะทำ (หยิบยื่นสิ่งของดังกล่าวให้กับบุรุษผู้นั้น)
    จึงบังเกิดอานิสงค์ที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร

    ว่ากันว่าคนที่เกิดวันพุธกลางคืน ท่านว่า 100 ทั้ง 100 จะขี้อิจฉา ริษยา มากกว่าคนที่
    เกิดวันอื่นๆ แล้วก็น่าแปลกด้วยว่า ใครคนใดคนหนึ่งที่เกิดวันอาทิตย์ก็ดี วันจันทร์ก็ดี
    หรือแม้กระทั่งวันพุธ (พุธกลางคืนนะ) ท่านว่า ก็จะได้มาพบกัน ไปที่ไหนก็มักจะได้ทำ
    สิ่งใดๆ ร่วมกันเสมอๆ แบบที่เลี่ยงไม่ได้ ท่านว่าอย่างนี้นะ ผมไม่ได้ตู่ไปเอง

    อีกอย่างหนึ่งก็คือ บุรุษผู้นั้น ที่ 3 คนพี่น้องหยิบยื่นสิ่งของไปให้
    อาจารย์โบราณท่านกล่าวไว้ว่า บุรุษผู้นั้นก็คือ พระโพธิสัตว์ พระองค์แรกของโลก
    (องค์แรกของโลกก่อนที่จะบังเกิดเป็นศาสนาพุทธนะ ถ้าผมจำมาไม่ผิด)
    พอท่านสำเร็จปั๊บ ท่านก็ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรกเลย
    ผลบุญของทั้ง 3 คนพี่น้องก็ได้มากกว่าคนอื่นๆ (ที่เป็นมนุษย์ในยุค โน๊น...นากมากๆ)

    แถมยังได้รับคำพยากรณ์อีก ว่า "ไม่ว่าใครก็ตาม หลังจากนี้ถ้าได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ก็จะ
    ต้องมีลักษณะนิสัยเหมือนดั่งเทพ ประจำวันเกิดทั้ง 9 วัน รวมถึง ปีนักษัตริย์ ทั้ง 12 ตัว
    ที่เดินทางมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าที่ผมได้ว่ามาเนี่ย สัตว์ทั้ง 12 ราษี ได้รับการพยากรณ์
    ทุกตัว จากนั้นก็เป็นเรื่องของลิขิตกรรมในแต่ละคน

    ที่ผมพูดเรื่องนี้ก็เพราะว่า มีเทพบรมครูอยู่องค์หนึ่ง ท่านมีความรู้เรื่องดวงดาว ไม่ว่าจะอยู่
    ในจักรวาลไหนก็ตาม ดวงดาวที่ว่าเนี่ยจะมีอิทธิพลต่อตัวคนๆ นั้น
    ท่านสามารถที่จะย้ายดวงดาวนี้ เปลี่ยนให้เป็นอีกดวงหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ดวงดาวที่
    เราเกิดก็ได้ หรือย้าย ตำแหน่งจักราศีนี้ ไปอีกฝากหนึ่ง ของอีกจักราศีหนึ่ง เป็นต้น

    ประมาณว่า "พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก" แล้วพระราหูท่านก็เข้ามา
    กดทับตำแหน่งดาวที่เราได้เกิดใต้ดวงดาวนั้น เป็นต้น
    ของเราที่ได้โคจรอยู่ ณ ด้วยตำแหน่งของปีเกิด วันเกิด เดือนเกิดของเราก็ดี
    ผมจำไม่ได้ว่า ท่านมีนามว่าอะไร ผมรู้แต่ว่าท่าน มีความฤทธิ์ที่จะ "เปลี่ยนแปลง"
    ดวงดาวที่เราจะเกิดได้ เคยได้ยินเรื่อง "เกิดใต้ดาวโจรไหม" มันก็เป็นนิทานเล่าในสมัย
    พุทธกาล คนพวกที่เกิดใต้ดาวดวงนี้ "ลำบากมาก" หากไม่ได้ "บารมีของพระพุทธเจ้า"
    เสด็จมาโปรด พูดง่ายๆ คือ มาช่วยนั้นเอง ที่ผมพูดแบบนี้ก็เพราะว่า
    "ไม่มีสิ่งใด ที่จะมาอยู่เหนือ ศาสนาพุทธ และองค์สมเด็จพระพุทธเจ้าได้"

    (อีกวันหนึ่งก็คือ พระเกตุ โบราณท่านว่า เป็นเทพประจำวันเกิดที่ให้คุณ มากกว่าวันอื่นๆ
    อนึ่ง พระเกตุที่ว่าเนี่ย จะอยู่เหนือการควบคุมของเทพประจำวันเกิด คือ ผมหมายความว่า
    เหมาะสำหรับ คนที่หมดซึ่งกิเลศทั้งหลายทั้งปวง ก็จำพวกคนที่บวชเข้ามาในพุทธศาสนา
    ประมาณว่า "สำเร็จมรรคผลเมื่อไร ทุกสิ่งทุกอย่าง จะอยู่เหนือการควบคุมใดๆ ในโลกนี้"
    ก็คือว่า วัน เดือน ปีของท่านฯ ที่บำเพ็ญตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วก็จะ ไม่มีสิ่งใดมาควบคุมท่านฯ ไว้ได้ แม้แต่ เทพประจำวันเกิด ปีเกิด เดือนเกิดได้ รวมทั้งกรรมด้วยนะ

    แต่ 1 ใน 8 พระองค์ที่เอ่ยมานี้นั้น จะมีอยู่พระองค์ 1 เดียวที่ "ใหญ่ที่สุด"
    ในบรรดาพระฤาษีดังกล่าวนี้ และถือเป็น "สุดยอดของบรมครู" ที่เป็น "ครูของชั้นครู"
    ไม่มีใคร ทราบนามของท่านได้ รู้แต่เพียงว่า "เทพครูดิน" เพียงพระองค์เดียว
    นอกนั้น เป็น"เทพครูฟ้า" อีก 7 พระองค์ รวมกับ "เทพครูดิน" ก็เป็น 8 พระองค์

    ว่ากันว่า เทพบรมครู ทั้ง 8 พระองค์นี้ได้รับการโปรดปราน ประมาณว่าแนะให้อีก
    เพียงนิดเดียว ก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ในยุคแรกๆ (ประมาณว่า โกนหัว แล้วห่มผ้าไตรจีวรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านก็สำเร็จเลย) จากพระพุทธเจ้า พระองค์แรก
    พระองค์เดียวที่บังเกิดขึ้นในโลก และบังเกิดศาสนาพุทธในแห่งแรกของโลก
    (ซึ่งก็ไม่รู้แน่ชัดว่า บังเกิดศาสนาพุทธอุบัติขึ้น ณ ที่ไหน ไม่มีใครรู้รายละเอียดทั้งหมด)

    เช่นว่า พระจันทร์ กับ พระราหู ร่ำเรียนวิชา เวทมนต์พระคาถา ประสิทธิ์ประสาท
    วิชาชั้นครูหามีผู้ใดเทียบได้ จากพระฤาษีพระพฤหัส ผู้ซึ่งเป็นบรมครูสุดยอดของ
    วิชาไสย์เวทย์โบราณ ส่วนพระอาทิตย์นั้น ร่ำเรียนวิชาตำราจากพระฤาษีศุกร์ ซึ่ง

    พระฤาษีพระองค์นี้สอนวิชาเดียวกันกับพระจันทร์ และพระราหู ทุกขั้นตอน
    แต่ต่างกันเพียงแค่ พระฤาษีศุกร์ท่านได้สอนลูกศิษย์ (พระอาทิตย์) ว่า เธอจะต้อง
    รู้จักกับคำว่า "เมตตา" ให้จงหนัก เธอถึงจะสำเร็จวิชาที่พระฤาษีศุกร์ ได้สอนมาทั้งหมด
    ดังนั้นแล้ว ตำราโบราณ ท่านจึงกล่าวไว้ว่า คนที่เกิดวันอาทิตย์นั้น แท้จริงในจิตใจของ
    พวกเขาจะเป็นคนที่ใจอ่อน ไม่ได้ใจแข็งกร้าวและหยาบกระด้าง (ถ้าไม่เชื่อ ลองสังเกตุดู)

    ส่วนอีกองค์หนึ่ง จะเก่งในเรื่องของตำหรับ ตำรา เรื่องของหนังสือ ตัวอักษร
    ท่านพระฤาษีพระองค์นี้ จะแตกฉานมาก

    นอกนั้นก็แบ่งๆ กันไปในแต่ล่ะหน้าที่ ส่วนอีก 108 องค์นั้น ท่านก็เป็นศิษย์ของ
    ทั้ง 8 องค์ที่ว่านั้นอีกี่หนึ่ง พูดง่ายๆ ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า

    สุดท้ายก็แล้วแต่วิจารณญาณนะครับ อ่านกันเล่นๆ อย่าเครียดนะครับ
     
  7. ying_pakmom

    ying_pakmom สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    พระฤาษี

    ที่รู้สึกว่า
    จะดังๆมีอยู่ 4 ตนนะ
    คือ 1.ฤาษีตาไฟ
    2.ฤาษีตาวัว
    3.ฤาษีนารอด
    4.ฤาษีพิลาลัย

    (ถ้าพิดพลาด โปรดให้อภัยด้วยนะคะ น้องใหม่ค่ะ)
     
  8. คนมันดี

    คนมันดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +257
    ผมมีความปรารถนาจะทราบเรื่องเล่าและประวัติของฤาษี
    ท่านผู้มีเมตตาโปรดอนุเคราะผมด้วย
    _jame_@windowslive.com
     
  9. monkkol

    monkkol สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    สวัสดีครับ พอดีเข้ามาอ่านบทสนทนา คือผมทำอาชีพ ค้าขายงานไม้แกะสลัก ส่วนใหญ่งานที่ผมให้เช่าบูชาส่วนมากเป็นพระฤาษีครับ จึงขอความรบกวนถ้าพี่ท่านใดมีภาพฤาษีทั้ง 108 ขอความกรุณาส่งให้หน่อยจะเอาไปให้ช่างแกะสลักมาให้ผู้นิยมนำไปบูชา ครับ
    tee_play@hotmail.com
     
  10. surachai24

    surachai24 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +1
    อยากทราบประวัติพระฤาษีนารายน์

    ข้าพเจ้าเป็นหลาน(ลูกศิษย์)ของพ่อปู่ศรีสัตตะนาคราช(พยานาค7เศียร)
    ข้าพเจ้าเคยเห็นพยานาคมาแล้ว พ่อปู่บอกให้ผมบูชาพระฤาษีนารายน์ด้วย
    ตั้งแต่ผมไปนั่งสมาธิที่บนเขา ปู่บอกว่าท่านตามมาตั้งแต่ครั้งนั้นแล้ว
    แต่ผมไม่เคยทราบประวัติท่านเลย ใครช่วยบอกผมที่ ขอบคุณมากครับ
     
  11. surachai24

    surachai24 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +1
    ลืมไป

    อีกอย่างนะครับ ถ้ามีรูปจะดีมากเลยครับ ถ้าไม่มีไม่เป็นไรครับ
    paow_k@hotmail.com
     
  12. Krungchai

    Krungchai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +115
    มีใครรู้จัก ฤาษีเกวาลัน บ้างเคยฝันเห็นท่านน่ะ เห็นที่อาศรมท่านเขียนไว้ว่าฤาษีเกวาลัน
     
  13. nasome

    nasome สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอทราบข้อมูลด้วยครับ

    snasome@gmail.com

    ขอบคุณครับ
     
  14. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    906
    ค่าพลัง:
    +3,887
  15. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    ฤาษีอะไรค่ะที่เวลามา แล้วพูดว่า กูเป็นฤาษี กูจะมาเพียงครั้งเดียวในชีวิตของอีนี่ ..อยากรู้อะไรถามมา แล้วก็เขียนอะไม่รู้ที่หน้าผาก ตบหน้าผาก 3 ทีแล้วบอกว่า บัดนี้กูได้ประสิทธิ์ประศาสน์วิชาให้อีนี่เสร็จแล้ว จากนี้ไปมันจะได้ช่วยคน แต่ขอเตือนว่าอย่าหาผลประโยชน์ใส่ตน มิฉะนั้นมึงจะฉิบหายวายวอด ช่วยไปตามอัธยาศัย ที่เหลือเบื้องบนจะช่วยเอง ..งงจังค่ะ
     
  16. khanistha posir

    khanistha posir สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +1
    ปู่ฤาษีทางยาสมุนไพร

    ปู่ฤาษีชีวกโกมารภัทร์:cool:
     
  17. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    907
    ค่าพลัง:
    +3,602
    กัสยปะเทพบิดร ฤๅษีเทพบิดาของสายฮินดูผู้ให้กําเนิดเทพเจ้าทั้งปวง
    และมีพระฤาษี 4 ธาตุเป็นยอดของฤาษีที่สําเร็จกสิณ คือ
    ฤาษีนารอท กสิณดิน ถมมหาสมุทรได้เพียงพลิกผ่ามือ
    ฤาษีตาไฟ กสิณไฟ สามารถเผาผลาญทุกอย่างได้
    ฤาษีประไลยโกฏิ กสิณลมเพียงแค่หายใจก็สามารถพัดภูเขาทั้งลูกหายไปได้ฝึก
    ฤาษีเพชรฉลูกรรณ กสิณนํา นําลายไหลออกจากปากเป็นนํากรด

    การฝึกฝนของฤาษีทั้ง 4 นี้ใกล้เคียงกับพระพุทธเจ้าบําเพ็ญทุกรกริยา ได้รับทุกขเวทนามากกว่าจะสําเร็จ

    ฤาษีตาไฟเพ่งดวงตะวันจนตาเสีย ดวงตาไม่สามารถมองได้
    ฤาษีนารอทฟันกรามขนขบ เนื้อหนังร่างกายไร้ความรู้สึก
    ฤาษีปะไลยโกฏกลั้นลมหายใจ จมูกไร้ความรู้สึกในกลิ่น
    ฤาษีเพชรฉลูกรรณกลั้นนําลาย รสของอาหารไร้ความรู้สึก


    2 อันหลังนี้อาจจะจําสลับกันนะครับผมไม่ค่อยรู้เรื่องฤาษีเท่าไหร่

    และมีฤาษีนารายณ์ที่เป็นพระวิษนุภาคบวช
    และฤาษีพรหมเมศเป็นพระพรหมภาคบวช
    ส่วนฤาษีตาไฟเค้าว่าเป็นพระศิวะภาคบวช

    ปล.ตําราแต่ละเล่มมีที่มาไม่เหมือนกันนะครับ

    ปู่เจ้าสมิงพรายท่านว่าเป็นจอมแห่งเวทย์ปรากฎในนิทานพื้นบ้านของไทย
    ชีวกโกมารภัจท่านนี้เป็นหมอจําจําตัวพระพุทธเจ้า ไม่รู้ว่าไปเป็นฤาษีได้อย่างไร นักบวชสมัยพระพุทธเจ้าจะมี ชีวก ชฎิล ดาบส ปริพาชก และอื่นๆปู่โกมารภัจท่านเป็นนักบวชชีวก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2010
  18. manerin

    manerin สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    แล้วฤาษีที่เฝ้าเทือกเขาไกรลาส 3 องค์นั้น ชื่อว่าอะไรบ้าง ขอความรู้หน่อย
     
  19. nakasamuthra

    nakasamuthra เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +247
    รบกวนด้วยเช่นกันค่ะ อยากทราบประวัติพระฤาษีเหมือนกันค่ะ
    mild_m@hotmail.com
     
  20. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    มาอ่านค่ะ..................
     

แชร์หน้านี้

Loading...