ใครปรารถนาใช้ร่างกายเป็นประทีปบูชาพระพุทธเจ้าบ้าง

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Konbarb, 5 พฤษภาคม 2010.

  1. Konbarb

    Konbarb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +206
    ในปัจจุบันนี้มีใครมีความคิดที่จะใช้ร่างกายตนเป็นประทีปบูชาพระพุทธเจ้าบ้าง แล้วคิดว่าการกระทำเช่นนี้จะเป็นเช่นไรบ้าง จิตของคนที่จะทำเช่นนี้ได้ต้องอยู่ระดับไหน ถ้าคนธรรมดาทั่วไปที่มีศรัทธาตั้งมั่นและกระทำเช่นว่านี้ จะทำไปได้ตลอดหรือไม่หรือ เพราะขึ้นชื่อว่าไฟย่อมไม่มีปราณีผู้ใด จะได้รับผลแบบใด ขอความคิดเห็นจากเหล่าพุทธภูมิครับ
     
  2. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    สาธุ กราบอนุโมทานกับธรรมทานด้วยนะครับ
    ลองอ่านจิตของมหาโพธิสัตว์พระองค์นี้ดูครับ

    " ดูก่อนสารีบุตร พระรามโพธิสัตว์เจ้าได้บำเพ็ญกองบารมีทั้งหลายมาช้านานเป็นอันมากแล้ว แต่กองบารมีธรรมครั้งหนึ่งนั้น ปรากฏเป็นยอดปรมัตถบารมีอันประเสริฐ เพราะเหตุดังนั้นพระรามสัพพัญญูเจ้า จึงได้พระพุทธสมบัติเห็นปานดังนี้สมเด็จพระศรีสรรเพ็ชญ์จึงตรัสพระสัทธรรมเทศนาแก่พระสารีบุตรว่า ในเมื่อครั้งพระศาสนาพระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระรามองค์นี้เป็นบรมโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ มีนามว่านารทมาณพ วันหนึ่งนารทมาณพได้ทัศนาการเห็นองค์พระพุทธกัสสปสัพพัญญูบรมครูเจ้าครั้งนั้น ก็มีความโสมนัสยินดีปรีดา คิดว่าจะกระทำสักการบูชาแก่พระองค์ให้เห็นศรัทธาของอาตมา มิได้คิดแก่ชีวิตอินทรีย์ คิดแล้วจึงเอาผ้า ๒ ผืนชุบน้ำมัน พันสรีรกายตั้งแต่เศียรเกล้าตลอดปลายเท้าทั้ง ๒ แล้วก็จุดไฟขึ้นบนศีรษะเป็นประทีปกระทำสักการบูชา ถวายแก่องค์สมเด็จพระพุทธเจ้า แล้วตั้งปณิธานความปรารถนาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระภาคเป็นอันงาม อันว่าองค์อวัยวะน้อยใหญ่ในสรีรกายของข้าพระพุทธเจ้า คือเลือดเนื้อเป็นอาทิ กระทำเป็นทานถวายแก่พระองค์ในกาลบัดนี้ ปัจจโย โหตุ จงบังเกิดมีเป็นปัจจัย ให้อุปการคุณอุปถัมภกยกชูข้าพระพุทธเจ้าให้ได้สำเร็จแก่พระสร้อยสรรเพชุดาญาณ ในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเถิด "

     
  3. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    สาธุ กราบอนุโมทานกับธรรมทานด้วยนะครับ
    ลองอ่านจิตของมหาโพธิสัตว์พระองค์นี้ดูครับ


    [​IMG]

    [​IMG]

    ผลแห่งการถวายชีวิตเป็นประทีป
    ของพระมังคละพุทธเจ้า


    <TABLE width=613 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top> ชื่อว่ารัศมีแห่งพระสรีระของพระพุทธเจ้านั้น ย่อมปรากฏแก่ชนทั้งหลายเป็นคุณลักษณะพิเศษที่ทำให้พระพุทธองค์แตกต่างจากชนทั่วไป ด้วยอานิสงส์ที่พระพุทธองค์สั่งสมไว้เป็นอย่างดี ถึงกระนั้นแล้วก็ยังมีพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งได้ชื่อว่า รัศมีแห่งพระสรีระของพระองค์นั้น มีเกินยิ่งกว่าพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ แสงแห่งพระพุทธองค์ทรงครอบงำ แม้แสงสว่างของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ แม้หมื่นโลกธาตุก็สว่างจ้า ด้วยกุศลใดหนอจึงทำให้เป็นเช่นนั้นได้

    เรื่องราวมีอยู่ว่า เมื่อพระโกณฑัญญศาสดาเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ศาสนาของพระองค์ดำรงอยู่แสนปี เพราะพระสาวกของพระพุทธะและอนุพุทธะอันตรธานหายไป ศาสนาของพระองค์จึงอันตรธานหายไปตาม ต่อจากสมัยนั้นไปอีกหนึ่งอสงไขย แต่อยู่ในกัปเดียวกัน ได้บังเกิดพระพุทธเจ้าขึ้นมาอีกสี่พระองค์คือ พระมังคละ พระสุมนะ พระเรวตะ พระโสภิตะ

    หนึ่งในสี่ของพระพุทธเจ้านั้นก็คือ พระมังคละพุทธเจ้า ซึ่งจะได้กล่าวในที่นี้ ก่อนที่จะมาเป็นพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงบำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงไขย์กับอีกแสนกัป บังเกิดอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต ทรงดำรงตลอดอายุในสวรรค์ชั้นดุสิตนั้น

    นับแต่พระมังคละมหาสัตว์ ผู้เป็นมงคลของโลกทั้งปวง ทรงถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนางอุตตระมหาเทวี พระรัศมีแห่งพระสรีระก็แผ่ไปตลอดเนื้อที่ประมาณ ๘๐ ศอก ทั้งกลางคืนกลางวันแสงจันทร์และแสงอาทิตย์ก็สู้รัศมีนั้นไม่ได้ พระรัศมีนั้นสามารถกำจัดความมืดได้โดยไม่ต้องใช้แสงสว่างอย่างอื่นเลย พระรัศมีดังกล่าวนั้นชื่อว่า มีเกินกว่าพระรัศมีแห่งพระสรีระของพระพุทธเจ้าพระองค์อื่น ๆ ซึ่งพระพุทธเจ้าพระองค์อื่น ๆ มีโดยรอบประมาณ ๘๐ ศอกบ้าง วาหนึ่งบ้าง

    หากแต่พระรัศมีของพระมังคละพุทธเจ้านั้น แผ่ตลอดหมื่นโลกธาตุเป็นนิจนิรันดร์ ต้นไม้ ภูเขา เรือน กำแพง หม้อน้ำ บานประตู ทุกสิ่งทุกอย่างเสมือนหุ้มไว้ด้วยแผ่นทอง พระองค์มีพระชนมายุถึง ๙ หมื่นปี คราวนั้นรัศมีของดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์หรือแม้แต่ดวงดาวไม่มีตลอดเวลา กลางวันและกลางคืนก็ไม่สามารถกำหนดได้ เพราะไม่มีความแตกต่างของแสง สัตว์ทั้งหลายอาศัยแสงสว่างแห่งพระพุทธองค์ในการประกอบการงาน โดยแยกกลางวันกลางคืนด้วยดอกไม้ยามเย็น และเสียงนกร้องในยามเช้า

    มีข้อสงสัยว่า อานุภาพอย่างนี้ของพระพุทธเจ้าองค์อื่น ๆ นั้นไม่มีหรือ ตอบว่าไม่มี แม้ว่าพระพุทธเจ้าพระองค์อื่น ๆ เมื่อทรงประสงค์จะแผ่พระสรีระไปตลอดหมื่นโลกธาตุ หรือยิ่งกว่านั้นได้ก็จริง แต่ก็เป็นไปโดยพระประสงค์ หากอานุภาพของพระมังคละพุทธเจ้านี้เป็นไปโดยธรรมชาตินิรันดร ทั้งนี้ก็ด้วยอานิสงส์ที่พระองค์ทรงบำเพ็ญไว้ตั้งแต่ครั้งเป็นพระโพธิสัตว์ ดังต่อไปนี้คือ

    ครั้งหนึ่ง เมื่อเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ พระองค์ได้เห็นพระเจดีย์ของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง คิดว่า "ควรจะสละชีวิตของเราเพื่อพระพุทธเจ้าพระองค์นี้" จึงได้ให้เขาพันทั่วทั้งสรีระเหมือนกับพันด้ามประทีป ให้บรรจุถาดทองมีค่านับแสน ซึ่งมีช่อดอกไม้ตูมขนาดศอกหนึ่ง เต็มด้วยของหอมและเนยใส จุดไส้เทียนพันไส้ไว้ในถาดทองนั้น ใช้ศีรษะเทินถาดทองนั้นแล้วให้จุดไฟทั่วทั้งตัว แล้วทำประทักษิณรอบพระเจดีย์ตลอดทั้งคืน เมื่อพระโพธิสัตว์พยายามอยู่จนอรุณขึ้นอย่างนี้ ไออุ่นจากไฟไม่จับแม้เพียงขุมขน พระมหาสัตว์ได้ตั้งความปรารถนาว่า

    "ด้วยผลแห่งทานของเรานี้ ในอนาคตกาล ขอรัศมีทั้งหลายจงแล่นออกโดยทำนองเดียวกันนี้" เมื่อพระองค์ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว รัศมีสว่างไสวไม่มีประมาณเปล่งออกจากสรีระแผ่ไปตลอดทุกสถานที่ มีนัยดังพรรณนามาแล้วข้างต้น

    นี้เป็นอานิสงส์ของการบูชาพระเจดีย์ด้วยจิตศรัทธา ที่เหนือกว่าการถวายประทีปเป็นพุทธบูชาทั่วๆไป เพราะเหตุที่ประทีปนี้คือ ประทีปชีวิต อันยากยิ่งที่จะมีใครสละได้โดยง่าย เมื่อบุญส่งผล อานิสงส์ที่ได้รับจึงเลิศกว่าบุคคลอื่นในฐานะเดียวกัน ตามเหตุที่ประกอบ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    สาธุ กราบอนุโมทานกับธรรมทานด้วยนะครับ
    ลองอ่านจิตของมหาโพธิสัตว์พระองค์นี้ดูครับ


    สสบัณฑิต


    ........ในอดีตกาล เมื่อพระโพธิสัตว์ของเราได้เกิดเป็นกระต่ายเที่ยวอยู่ในป่า มีใบไม้ ใบหญ้า ผัก และผลไม้
    เป็นอาหาร เว้นจากการเบียดเบียนผู้อื่น มีสหายทั้ง ๓ คือ ลิง สุนัขจิ้งจอก และนาก สัตว์ทั้ง ๓ จะประชุม
    เพื่อฟังคำสอนในเรื่อง การให้ทาน รักษาศีล และอุโบสถศีลของกระต่ายอยู่เสมอ

    วันหนึ่ง กระต่ายแหงนหน้าดูท้องฟ้า ก็ทราบว่าวันพรุ่งนี้พระจันทร์เต็มดวง จะเป็นวันอุโบสถแล้ว
    จึงบอกแก่สหายทั้ง ๓ ว่า " วันพรุ่งนี้เป็นวันอุโบสถ พวกเรามาสมาทานอุโบสถศีลกันเถอะ เมื่อสมาทาน
    ศีลอันสมบูรณ์แล้วจึงบริจาคทาน ทานนั้นย่อมมีผลานิสงส์มาก เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงให้อาหาร
    แก่ผู้มาขอก่อนแล้วจึงบริโภคเองภายหลัง " สหายทั้ง ๓ จึงทำตามคำแนะนำ

    ในวันรุ่งขึ้น นากไปที่ฝั่งแม่น้ำแต่เช้าตรู่ด้วยคิดว่าจะหาอาหาร ครั้งนั้นพรานเบ็ดคนหนึ่ง ตกปลาตะเพียน
    ได้ ๗ ตัว เอาเถาวัลย์ร้อยไว้ แล้วหมกไว้ใต้ทรายที่ฝั่งแม่น้ำ แล้วเดินไปหาปลาในที่อื่นๆ ต่อไป นากมา
    หาอาหารในบริเวณนั้น ได้กลิ่นปลาจึงคุ้ยทรายเห็นปลาตะเพียน ๗ ตัวนั้น จึงนำออกมาประกาศ ๓ ครั้งว่า
    " ปลาเหล่านี้ มีเจ้าของหรือไม่ " เมื่อไม่เห็นเจ้าของก็คาบมาไว้ที่พุ่มไม้ซึ่งเป็นที่อยู่ของตน คิดว่าจะกินใน
    เวลาอันสมควรแล้วก็นอนนึกถึงศีลของตน

    สุนัขจิ้งจอกเที่ยวหาอาหาร เห็นเนื้ออย่าง ๒ ชิ้น นมส้มหมอหนึ่งที่กระท่อมของคนเฝ้านา ประกาศ
    ๓ ครั้งว่า " อาหารเหล่านี้ มีเจ้าของหรือไม่ " ครั้นไม่เห็นเจ้าของก็เอาเชือกผูกที่หม้อนมส้มคล้องคอนำ
    มาและคาบเนื้ออย่าง ๒ ชิ้น มาวางไว้ที่พุ่มไม้ที่เป็นที่อยู่ของตน คิดว่าจะกินในเวลาอันสมควร แล้วก็นอน
    นึกถึงศีลของตน

    แม้ลิงก็เข้าไปในป่า นำผลมะม่วงมาวางไว้ที่พุ่มไม้ที่เป็นที่อยู่ของตน คิดว่าจะกินในเวลาอันสมควร
    แล้วก็นอนนึกถึงศีลของตน


    .......ส่วนกระต่ายได้ออกไปหากินหญ้าแพรก แล้วกลับเข้ามานอนนึกอยู่ว่า เมื่อยาจกทั้งหลายมาหาเรา เขา
    ไม่อาจจะกินหญ้าได้ อาหารอย่างอื่นของเราก็ไม่มี เราจะให้เนื้อในร่างกายของเรานี้เป็นทาน

    ด้วยอานุภาพแห่งความตั้งใจสละเลือดเนื้อให้เป็นทาน ทำให้ร้อนถึงอาสนะของท้าวสักกะ พระองค์
    พิจารณาดูก็ทราบเหตุ จึงแปลงเพศเป็นพราหมณ์เข้าไปหานาก เมื่อเห็นพราหมณ์ยืนอยู่ นาก ก็ถามว่า
    " ท่านพราหมณ์ ท่านต้องการอะไรหรือ ? "

    พราหมณ์ตอบว่า " หากเราได้อาหารสักอย่าง เราจะรักษาอุโบสถ บำเพ็ญสมณธรรม " นากตอบว่า
    " ดีแล้ว ถ้าเช่นนั้นท่านจงบริโภคปลาตะเพียนนี้ แล้วเจริญสมณธรรมในป่านี้เถิด "

    พราหมณ์กล่าวว่า " รอไว้ก่อนเถิด แล้วเราจะมารับในภายหลัง " แล้วจึงไปหาสุนัขจิ้งจอกและลิง
    ทำอาการเช่นเดียวกัน แม้สัตว์ทั้งสองก็ต้อนรับด้วยอาหารที่ตนมีอยู่ พราหมณ์ก็กล่าวว่า " แล้วจะมารับ
    ในภายหลังเช่นเดียวกัน "

    พราหมณ์ไปยังสำนักของกระต่าย กระต่ายเห็นพราหมณ์จึงถามด้วยความยินดี " ท่านมาสู่สำนักของเรา
    เพื่อต้องการสิ่งใด ? "

    พราหมณ์กล่าวว่า " เราต้องการอาหาร หากท่านมีอยู่ขอจงโปรดให้อาหารเพื่อแก้หิวด้วยเถิด " กระต่าย
    จึงตอบว่า " เราจะให้อาหารเป็นทานแก่ท่าน แต่ท่านเป็นผู้มีศีลไม่ทำปาณาติบาต ท่านจงไปหาฟืนมาก่อไฟ
    เมื่อไฟลุกดีแล้ว เราจักกระโดดเข้าไปในกองไฟ เป็นเนื้ออย่างให้ทานแก่ท่าน ท่านจงบริโภคเนื้อของเรา
    แล้วเจริญสมณธรรมอยู่ในป่านี้เถิด "


    .......เมื่อพราหมณ์ได้ฟังดังนั้น จึงเก็บฟืนในบริเวณนั้นมาสุมเป็นกองก่อไฟลุกโพลงขึ้น กระต่ายลุกขึ้นจาก
    ที่นอนอันเป็นหญ้าแพรก เข้าไปใกล้กองเพลิง สะบัดตัวถึง ๓ ครั้ง ด้วยคิดว่า " สัตว์ที่มีชีวิตทั้งหลายที่
    อยู่ในระหว่างขนของตน สัตว์เหล่านั้นจงกระเด็นออกไปเสียให้หมด " ทำดังนี้แล้ว ก็กระโดดเข้าไปใน
    กองเพลิงด้วยจิตใจอันเบิกบาน ดุจพญาหงส์ร่อนลงในกอบัวฉะนั้น แต่ไฟนั้นไม่อาจทำให้ร้อนแม้เพียง
    ขุมขนหนึ่ง


    กระต่ายร้องบอกว่า " ท่านพราหมณ์ ไฟของท่านนี้เย็นนัก จักไม่เผาร่างกายของเราให้สุกได้ เพราะ
    ว่าขุมขนในร่างกายของเราไม่ร้อนเลย "

    พราหมณ์แปลงจึงตอบว่า " ดูก่อนบัณฑิต เรามิใช่พราหมณ์ธรรมดา เราคือ ท้าวสักกะ ปรารถนาจะ
    ทดลองใจของท่านต่างหาก "

    กระต่ายจึงประกาศด้วยคำอันไพเราะว่า " ข้าแต่สมเด็จอมรินทราธิราช ขอพระองค์จงประทับยืนอยู่ก่อน
    ถ้าโลกอันเป็นที่อยู่ด้วยกันนี้ทั้งสิ้น จะทดลองข้าพเจ้าในเรื่องทาน ก็จะเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นผู้ให้ทานโดย
    แท้ เพราะว่าข้าพเจ้าพอใจในการให้ทานเป็นอย่างยิ่ง "

    ท้าวสักกะตรัสตอบว่า " ดูก่อนบัณฑิต คุณของท่านจงปรากฎอยู่ตลอดกัปเถิด " ตรัสดังนี้แล้ว จึงนำ
    เอาแท่งภูเขาไปจารึกรูปกระต่ายไว้ในดวงจันทร์
    แล้วนำกระต่ายกลับไปนอนในหญ้าแพรกที่พุ่มไม้นั้น
    ตามเดิม แล้วเสด็จกลับสู่สวรรค์

    พระโพธิสัตว์ทรงมีพระทัยมั่นในการให้ทาน ไม่ว่าจะเสวยพระชาติเป็นอะไรก็ตาม ไม่หวาดหวั่นเลย
    แม้ไม่มีสิ่งใดให้ทานแล้วก็ยอมสละชีวิตทำความดีได้ ควรที่เราท่านทั้งหลายผู้มุ่งหวังความสุข ความสำเร็จ
    ในชีวิต จะได้ประพฤติปฎิบัติตามพระโพธิสัตว์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 พฤษภาคม 2010
  5. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,697
    ค่าพลัง:
    +1,559
    พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า
    อานนท์เอย พุทธบริษัททั้งสี่ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ทำสักการะบูชา ด้วยเครื่องบูชาทั้งหลายอันเป็นอามิส ไม่ชื่อว่าบูชาตถาคตด้วยการบูชาอันยิ่ง

    อานนท์เอย ผู้ใดปฏิบัติตามธรรม ปฏิบัติธรรมอันเหมาะสม ผู้นั้นแลชื่อว่าบูชาเราด้วยการบูชาอันยอดเยี่ยม....
     
  6. Guide_Raito

    Guide_Raito เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    892
    ค่าพลัง:
    +2,990
    ผมก็ตั้งใจอยาก เผาไฟตัวเองถวายเป็นพุทธบูชาในอนาคตกาลข้างหน้า เพื่อปรารถนาพระโพธิญานคับ

    อธิษฐานไปเรื่อยๆ ทำ ทานศีล ภาวนาไปเรื่อยๆคับ เด๋ววันนัั้นก็คงมาถึงคับ
     
  7. fullmoonsun

    fullmoonsun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    735
    ค่าพลัง:
    +2,321

    Great....Anumothana Sathu
     
  8. noonei789

    noonei789 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +6,958
    การเผาร่างกายตนเอง ถือเป็นการฆ่าตัวตายรึเปล่าคะ ถ้าจะจุดประทีปใช้เทียนกับไฟก็ได้ค่ะ
    เเต่ในกรณีที่สอนคนให้ทำความดีไม่ได้ ถ้าได้ก็เพียงระดับไม่ถึงเปลือก ทำให้คนสอนชอกช้ำใจ ทั้งที่ทุ่มเททุกอย่าง เเบบนี้ผู้สอนเอามีดเชือดคอตนเองตาย โดยที่ไม่ห่วงร่างกาย เพื่อให้เค้ารู้ว่าร่างกายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เพื่อถวายพระธรรม เเบบนี้เป็นการฆ่าตัวตายรึเปล่าคะ
    สรุปในชีวิตของคนเรา ถ้าจะให้อยู่อย่างสงบสุขต้องรักษาศีล 5 เป็นเบื้องต้น รู้จักผิดชอบชั่วดี เป็นคุณสมบัติเบื้องต้นของมนุษย์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2010
  9. เจิงอาหนิว

    เจิงอาหนิว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +39
    สาธุ อนุโมทนาด้วยนะครับ
     
  10. Konbarb

    Konbarb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +206
    คนเราปรารถนาไม่เหมือนกัน จึงมีแนวคิดวิธีปฏิบัติไม่เหมือนกัน บนถนนสายนิพพานเส้นเดียวกันจุดหมายปลายทางที่เดียวกัน แต่คนทุกคนย่อมมีแนวทางการเดินไปจุดหมายนั้นต่างๆกันไป บางคนพอใจที่จะมุ่งตรงไปถึงทันที บางคนเดินไปพักไป ชมนกชมไม้ไปเรื่อย บางคนอยากลองที่จะเดินไปตามขอบทางบ้าง ออกนอกเส้นทางบ้าง หรือลองสร้างทางเดินใหม่ของตนขึ้นมา แต่ทุกคนล้วนมีจุดหมายปลายทางเดียวกัน ใครจะบอกได้ว่าวิธีเดินของใครถูกหรือวิธีเดินของใครผิด ใครจะบอกได้ว่าบนเส้นทางที่ต่างคนต่างพอใจเดิน จะได้พบได้เจอสิ่งที่อยู่ข้างทางเป็นสิ่งเดียวกัน คนที่สร้างเส้นทางเดินของตนเองจะบอกเล่าสิ่งที่ตนเองได้พบได้เจอให้คนที่มุ่งหวังเดินบนทางที่ตัดตรงเพื่อให้คนเหล่านั้นได้รู้ได้เห็นเช่นเดียวกับตน แล้วคนเหล่านั้นจะเชื่อหรือไม่ การกระทำแบบเดียวกันแต่มีเจตนาต่างกัน ผลของการกระทำนั้นย่อมไม่เหมือนกัน การถวายร่างกายเป็นประทีปบูชาพระพุทธเจ้าไม่ใช่การฆ่าตัวตาย ไม่ใช่เป็นการทำลายชีวิตตนเองด้วยจิตอกุศล แต่เป็นการบูชาด้วยสิ่งที่คนหวงแหนที่สุด ด้วยสิ่งที่มีค่ามากที่สุดเป็นการบูชาด้วยจิตกุศล ด้วยสัมมาทิฏฐิ เป็นการบูชาที่เคยมีมาแล้วในอดีตไม่ใช่ว่าไม่เคยมีมาก่อน เป็นการปฎิบัติโดยธรรม ปฎิบัติเพื่อธรรม เพื่อบูชาสิ่งสูงสุด ถ้าการบูชานี้ผิด การบูชานี้ไม่เหมาะสม การบูชานี้จะเกิดมีขึ้นได้อย่างไร สิ่งที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายท่านได้กระทำมาขณะบำเพ็ญบารมีย่อมมีสิ่งนี้อยู่ด้วย ความแตกต่างทางความคิดของพุทธภูมิกับสาวกภูมิจึงมีมาตลอด ด้วยทางเดินนั้นต่างกันแต่ที่สุดแล้วย่อมมีพระนิพพานเป็นที่สุดเช่นเดียวกัน
     
  11. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,828
    ค่าพลัง:
    +5,414
    คิดอยู่ครับ อยากทำเหมือนกันแต่สงสัยใจยังไม่ถึง
     
  12. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    ประทีป คือแสงสว่าง นะคะ มิใช่ไฟ แต่คือผลของไฟ (ความร้อน และ แสงสว่าง)
    พระพุทธเจ้า ท่านตรัส เรื่องการบูชา ไว้ ๒ แบบ นะคะ คือ
    อมิสบูชา คือบูชา ด้วยวัตถุสิ่งของ คือกองทานทั้งหลาย ตลอดจน ดอกไม้ ธูป เทียน และการสวดมนต์ แต่อานิสงค์ ก็ยังเทียบไม่ได้กับ การ
    ปฏิบัติบูชา คือใช้ร่างกาย คือ ขันธ์ ๕ ปฏิบัติใน ศิล สมาธิ ปัญญา
    เจริญในธรรม ค่ะ
     
  13. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603


    สาธุ กราบอนุโมทนากับท่านทั้งหลายด้วยนะครับ
    ท่าน จขกท..... ท่านหมายถึง การเราร่างกายจุดเป็นประทีปชีวิตเพื่อบูชา พระพุทธเจ้า นะครับ
    ซึ่งมี อานิสงส์มาก ( บำเพ็ญระดับปรมัตถบารมี )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 พฤษภาคม 2010
  14. kanyaratsrimane

    kanyaratsrimane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +570
    กราบอนุโมทานกับธรรมทาน
     
  15. NamfonBaanfa

    NamfonBaanfa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +7,086
    นี่แหละคือการปฏิบัติบูชาที่แท้จริงและเป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญ (^_^)
     
  16. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    สาธุ กราบอนุโมทนาด้วยนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...