ผู้ปราถนาพุทธภูมิชี้ทางด้วย

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย dangcarry, 23 กรกฎาคม 2010.

  1. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ขอเล่าสั้น ๆ นะครับ

    ผมจำได้ว่า ท่านจิตโตเคยเล่าให้ฟังถึงความปรารถนาของท่านว่า

    "ท่านไม่ใช่พุทธภูมิแท้ เพราะถ้าพุทธภูมิแท้ จะไม่ลา
    พูดคำไหน คำนั้น จะไม่ล้มเลิกจนกว่าจะสำเร็จ"

    ท่านเล่าให้ฟังว่า ครั้งแรกที่ท่านปรารถนาพุทธภูมิ คือ ท่านได้พบกับพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง และสงสัยว่า "เมตตาอย่างไร จึงจะไม่ทุกข์"

    พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นบอกว่า "งั้นเธอจงปฏิบัติดู"

    จากนั้น ท่านจิตโตก็ "ปฏิบัติตามแนวทางของพุทธภูมิ"

    จนในชาตินี้ท่านทราบแล้วว่า

    "เมตตาอย่างไร จึงไม่ทุกข์ ดังนั้นจึงจบกิจในสิ่งที่สงสัย"

    ดังนั้น คุณต้องถามตนเองว่า เป็นกลุ่มไหนครับ

    เรื่องบางเรื่องเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ถ้าเคยฟังเรื่อง "เณรน้อย" จะทราบดี

    ผมยกตัวอย่างนะครับ

    ผู้ชายปรารถนาพุทธภูมิ (มีผู้โพสในเว็บ www.vichadham.com)


    ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ ผมดูหนังทางโทรทัศน์เรื่อง "พระเวสสันดร" ดูแล้วเกิดความเลื่อมใส นั่งดูด้วยความเคารพ โดยคิดว่าเป็นพระเวสสันดรองค์จริง เมื่อท่านให้ทานต่าง ๆ เพื่อปรารถนาพระโพธิญาณ ผมก็ยกมืออนุโมทนาด้วยความยินดี และตั้งจิตอธิษฐานว่า...


    "ด้วยกุศลผลบุญที่ข้าพเจ้าได้อนุโมทนา ในการสร้างบารมีของพระเวสสันดรในครั้งนี้ แม้พระเวสสันดร ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเพียงไร ขอให้ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญบารมีจนครบถ้วน ๓๐ ทัศ และได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลองค์หนึ่ง เหมือนกับพระเวสสันดรด้วยเถิด"


    กระผมอยากจะทราบว่าการตั้งใจปราถนาของกระผมจะสำเร็จสมความตั้งใจไหมครับ?


    หลวงพ่อ : จะเริ่มเป็นพุทธภูมิทันทีเมื่อตัดสินใจ คือว่าเรื่องปรารถนาพุทธภูมินี่นะ คนที่ถามนี่ใครนะ เข้มแข็งมากนี่ คือว่าเรื่องความปรารถนาพุทธภูมินี่ไม่ใช่เรื่องเล็กนะ ถ้าตั้งใจที่จะปรารถนาพุทธภูมิเป็นพระโพธิสัตว์เดี๋ยวนั้นนะ แล้วก็ถ้าตั้งใจแบบนี้นะ ถ้าคิดว่าจะไปนิพพานชาตินี้ต้องลาพุทธภูมิ ความจริงปรารถนาพุทธภูมิดี...ดีมาก จะเล่านิทานให้ฟังเรื่องหนึ่งเอาไหม แต่เคยเล่าทีไรมันได้แสนบาทนี่...(หัวเราะ)


    คือว่ามีพระอรหันต์องค์หนึ่ง เป็นปฏิสัมภิทาญาณในสมัยพระพุทธเจ้า ฉันก็จำชื่อไม่ได้เสียแล้ว ท่านมีสามเณรองค์เล็ก ๆ อายุ ๗ ขวบอยู่องค์หนึ่ง เวลาไปเฝ้าพระพุทธเจ้าท่านก็เอาสามเณรไปด้วย เวลาไปหาพระพุทธเจ้าท่านก็กราบพระพุทธเจ้าหลายครั้ง


    ต่อมาเวลาขากลับเณรน้อยก็เดินตามหลัง เณรน้อยก็คิดว่าอาจารย์ของเราเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ เป็นอรหันต์อันดับสูงสุด ในด้านของความสามารถอรหันต์อีก ๓ เหล่าสู้ไม่ได้ แต่ทว่าอาจารย์ของเรายังต่ำกว่าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้านั่งสูงกว่า...สู้ไม่ได้ ต่อไปนี้เราปรารถนาพุทธภูมิดีกว่า เราคิดว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าต่อไป พอแกคิดเสร็จอาจารย์ก็หยุด บอก..."เณร! เดินข้างหน้า"


    เณรก็เดินไปเดินมาแล้วก็นึก เอ...เป็นพระพุทธเจ้าต้องบำเพ็ญบารมีมาก เป็นอรหันต์ปกติสาวกบำเพ็ญบารมีแค่ ๑ อสงไขยกับแสนกัปถึงจะเป็นอรหันต์ได้ พระพุทธเจ้าขั้น ปัญญาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมี ๔ อสงไขย กับแสนกัป ศรัทธาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมี ๘ อสงไขยกับแสนกัป วิริยาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงไขยกับแสนกัป จึงเข้านิพพาน เราเป็นอรหันต์ธรรมดาดีกว่า อาจารย์บอก..."เณร! เดินหลัง" อาจารย์ทำแบบนี้ ๓ เที่ยว

    เณรก็ถามว่า "อาจารย์ครับ ประเดี๋ยวให้ผมเดินหน้า ประเดี๋ยวให้ผมเดินหลัง มันเรื่องอะไรกันครับ?"

    อาจารย์ก็ถามว่า "ขณะที่ฉันให้เธอเดินหน้า เธอคิดอะไร?"

    เณรบอก "ผมคิดอยากเป็นพระพุทธเจ้าครับ"

    อาจารย์บอก "นั่นแหละ...มันเป็นกันตั้งแต่ตอนนี้ เริ่มเป็นเมื่อคิด"


    ไป ๆ มา ๆ ไม่เอาดีกว่า เป็นสาวกดีกว่า ก็รวมความว่า...ถ้ามีความตั้งใจปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า เริ่มเป็นพระโพธิสัตว์ตั้งแต่เริ่มตัดสินใจ อย่าไปคิดว่ายังไม่เป็นนะ

    copy from : หนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษเล่ม ๒
    (ตอบโดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

    ที่มา : 66-ลาพุทธภูมิ | พุทธภูมิ-พระโพธิสัตว์
     
  2. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,305
    ไม่รู้ว่าเคยอฐิฐานไว้หรือเปล่า แต่ถ้าเคยก็จะขอทำตามความปราถนา แต่ถ้าไม่เคยก็จะขอทำตามความตั้งใจที่จะสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ดำรงไว้ตราบสิ้นอายุไขค่ะ
     
  3. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    -ขออนุมทนาเป็นอย่างสูง
     
  4. วรกันต์

    วรกันต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +257
    แล้วในชาตินี้ จขกท. ได้อธิษฐาน ขอ เป็นพุทธภูมิ หรือ ยังครับ ถ้ามีความคิด ว่าอยากช่วยคนอื่น แต่ยังไม่มีความคิดที่จะปรารถนา เป็นพระพุทธเจ้า ก็ยังอยู่ในขั้นต้นครับ พยายามบำเพ็ญบารมีต่อไป

    ถ้าในชาตินี้เคยอธิษฐาน ขอเป็นพุทธภูมิ คุณก็เลยมาอีกระดับหนึ่งครับ

    ถ้ากล้าขนาดตั้งสัจจะอธิษฐาน คุณก็อยู่นระดับกลาง ของการปรารถนาครัับ

    ถึงแม้ ความจริงของการตั้งจิตอธิษฐาน หรือ การตั้งสัจจะ อธิษฐาน จะต้องกระทำต่อพระพักตร์ของพระพุทธองค์เท่านั้น แต่ ก็เป็นการวัดกำลังใจ หรือ บารมี ได้ในระดับหนึ่งครับ

    ดูจากสรรพนาม ที่จขกท. น่าจะเป็นผู้หญิงนะครับ (ใช้คำว่า ค่ะ)

    ถ้าเกิดเป็นหญิง คุณยังอยู่ในบารมีขั้นเริ่มต้นครับ ขอให้กำลังใจในการปฏิบัติต่อไปนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2010
  5. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    สาธุ กราบอนุโมทนาครับ
    เป็นกำลังใจให้ท่านนะครับ
    ท่านทำมาดีแล้วครับ
    เดินตามองค์รอยเบื้องพระยุคลบาทของสมเด็จพระทศพลพระองค์ปัจจุบัน และทุกๆๆพระองค์ที่อุบัติขึ้นในอดีตกาลนานแสนนานจนนับประมาณมิได้
     
  6. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    จะเคยหรือไม่ ก็ไม่เป็นไรหรอกนะครับ
    ตอนนี้ท่านก็ปรารถนาแล้วนะครับ อย่าไปรู้มันเลยนะครับ ปัจจุบันดีที่สุดแล้วนะครับ
    มอบให้ท่านนะครับ.........

    สสปัณฑิตชาดก


    ผู้สละชีวิตเป็นทาน


    [​IMG]

    พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ การถวายบริขารทุกอย่าง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้
    <TABLE class=MsoTableGrid style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BACKGROUND: #f3f3f3; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%" border=1><TBODY><TR><TD style="BORDER-RIGHT: maroon 1.5pt solid; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: maroon 1.5pt solid; PADDING-LEFT: 5.4pt; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: maroon 1.5pt solid; WIDTH: 100%; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: maroon 1.5pt solid" vAlign=top width=568 height="100%">ได้ยินว่า ในนครสาวัตถี มีกฎุมพี (ผู้มีทรัพย์) คนหนึ่งตระเตรียมการถวายบริขารทุกอย่างแก่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ให้สร้างมณฑปที่ประตูเรือน แล้วนิมนต์ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ให้นั่งบนบวรอาสน์ในมณฑปที่ได้จัดแจงไว้ดีแล้ว ถวายทานอันประณีตมีรสเลิศต่างๆ แล้วนิมนต์ฉันอีกตลอด ๗ วัน ในวันที่ ๗ ได้ ถวายบริขารทั้งปวงแก่ภิกษุ ๕๐๐ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ในเวลาเสร็จภัตกิจ พระศาสดาเมื่อจะทรงกระทำอนุโมทนา จึงตรัสว่า ดูก่อนอุบาสก ควรที่ท่านจะกระทำปีติโสมนัส ก็ชื่อว่าทานนี้เป็นวงศ์ ของบัณฑิตในสมัยก่อนทั้งหลาย ด้วยว่าบัณฑิตในสมัยก่อนทั้งหลายได้บริจาค ชีวิตแก่เหล่ายาจกผู้มาถึงเฉพาะหน้า แม้ชีวิตของตนก็ได้ให้แล้ว พระศาสดาอันอุบาสกนั้นทูลอาราธนาแล้ว จึงทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อ ไปนี้ :
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชย์สมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดกระต่ายอยู่ในป่า (ในที่นี้เรียกว่า สสบัณฑิต) ก็ป่านั้นได้มีเชิงเขา แม่น้ำและปัจจันตคาม มารวมกันแห่งเดียว สัตว์อื่นอีก ๓ ตัว คือ ลิง สุนัขจิ้งจอก และนาก ได้เป็นสหายของกระต่ายนั้น สัตว์ทั้ง ๔ นั้นเป็นบัณฑิตอยู่รวมกัน ถือเอาเหยื่อในที่เป็นที่โคจรของตนๆ แล้วมาประชุมกันในเวลาเย็น สสบัณฑิตแสดงธรรมโดยการโอวาทแก่สัตว์ทั้ง ๓ ว่า พึงให้ทาน พึงรักษาศีล พึงกระทำอุโบสถกรรม สัตว์ทั้ง ๓ นั้นรับโอวาทของสสบัณฑิตนั้นแล้ว เข้าไปยังพุ่มไม้อันเป็นที่อยู่อาศัยของตนๆ อยู่
    เมื่อกาลล่วงไปอยู่อย่างนี้ วันหนึ่ง พระโพธิสัตว์มองดูดวงจันทร์ รู้ว่า พรุ่งนี้เป็นวันอุโบสถ จึงกล่าวกะสัตว์ทั้ง ๓ ว่า พรุ่งนี้เป็นวันอุโบสถ ท่านทั้ง ๓ จงสมาทานศีลรักษาอุโบสถ ทานที่ผู้ตั้งอยู่ในศีลแล้วให้ ย่อมมีผลมาก เพราะฉะนั้นเมื่อยาจกมาถึง ท่านทั้งหลายพึงให้รสอาหารที่ควรกินแล้วจึงค่อยกิน สัตว์ทั้ง ๓ นั้นรับคำ แล้วพากันอยู่ในที่เป็นที่อยู่ของตนๆ
    วันรุ่งขึ้น บรรดาสัตว์เหล่านั้น นากคิดว่าเราจักแสวงหาเหยื่อแต่เช้าตรู่ จึงไปยังฝั่งแม่น้ำคงคา ครั้งนั้น พรานเบ็ดคนหนึ่งตกปลาตะเพียนได้ ๗ ตัว จึงเอาเถาวัลย์ร้อยหัวไว้ คุ้ยทรายที่ฝั่งแม่น้ำคงคาเอาทรายกลบไว้ เมื่อจะจับปลาอีก จึงไปยังด้านใต้แม่น้ำคงคา นากสูดได้กลิ่นปลาจึงคุ้ยทราย เห็นปลาจึงนำออกมา คิดว่า เจ้าของปลาเหล่านี้มีหรือไม่หนอ จึงประกาศขึ้น ๓ ครั้ง เมื่อไม่เห็นเจ้าของ จึงคาบปลายเถาวัลย์นำไปเก็บไว้ในพุ่มไม้อันเป็นที่อยู่ของตน คิดว่า เราจักกินเมื่อถึงเวลา จึงนอนนึกถึงศีลของตนอยู่
    ฝ่ายสุนัขจิ้งจอกออกเที่ยวแสวงหาเหยื่อ ได้เห็นเนื้อย่าง ๒ ไม้ เหี้ย ๑ ตัว และหม้อนมส้ม ๑ หม้อ ในกระท่อมของคนเฝ้านาคนหนึ่ง คิดว่า เจ้าของของสิ่งนี้มีอยู่หรือไม่หนอ จึงร้องประกาศขึ้น ๓ ครั้ง ไม่เห็นเจ้าของ จึงสอดเชือกสำหรับหิ้วหม้อนมส้มไว้ที่คอ เอาปากคาบเนื้อย่างและเหี้ย นำไปเก็บไว้ในพุ่มไม้เป็นที่นอนของตน คิดว่าจัก กินเมื่อถึงเวลา จึงนอนนึกถึงศีลของตนอยู่
    ฝ่ายลิงเข้าไปยังไพรสณฑ์ นำพวงมะม่วงมาเก็บไว้ในพุ่มไม้เป็นที่อยู่ของตน คิดว่าจักกินเมื่อถึงเวลา จึงนอนนึกถึงศีลของตน
    ส่วนพระโพธิสัตว์คิดว่า พอถึงเวลาจักออกไปกินหญ้าแพรก จึงนอนอยู่ในพุ่มไม้เป็นที่อยู่ของตนนั่นแหละ คิดอยู่ว่า เราไม่อาจให้หญ้าแก่พวกยาจกผู้มายังสำนักของเรา แม้งาและข้าวสารเป็นต้นของเราก็ไม่มี ถ้ายาจกจักมายังสำนักของเราไซร้ เราจักให้เนื้อในร่างกายของเรา
    ด้วยเดชแห่งศีลของพระโพธิสัตว์นั้น ภพของท้าวสักกะได้แสดงอาการเร่าร้อน ได้ยินมาว่า ภพนั้นจะเป็นภพร้อนก็เมื่อท้าวสักกะสิ้นอายุหรือสิ้นบุญ หรือเมื่อสัตว์อื่นผู้มีอานุภาพมากปรารถนาสถานที่นั้น หรือด้วยเดชแห่งศีลของสมณพราหมณ์ผู้ตั้งอยู่ในธรรม
    ในกาลนั้น ภพของท้าวสักกะได้เร่าร้อนเพราะเดชแห่งศีล ท้าวสักกะนั้นทรงรำพึงอยู่ ทรงทราบเหตุนั้นแล้วจึงทรงดำริว่า เราจักทดลองพระยากระต่ายดู ครั้งแรกจึงเสด็จไปยังที่อยู่ของนาก ได้แปลงเพศเป็นพราหมณ์ยืนอยู่ เมื่อนากกล่าวว่า พราหมณ์ ท่านมาเพื่อต้องการอะไร ? จึงตรัสว่า ท่านบัณฑิต ถ้าข้าพเจ้าพึงได้อาหารบางอย่าง จะเป็นผู้รักษาอุโบสถกระทำสมณธรรม นากนั้นกล่าวว่า ดีละ ข้าพเจ้าจักให้อาหารแก่ท่าน เมื่อจะเจรจากับท้าวสักกะนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :
    [๕๖๒] ดูกรพราหมณ์ ข้าพเจ้ามีปลาตะเพียนแดงอยู่ ๗ ตัว ซึ่งนายพรานตก
    เบ็ดขึ้นมาจากน้ำ เอาไว้บนบก ข้าพเจ้ามีอาหารอย่างนี้ ท่านจงบริโภค
    อาหารนี้ แล้วเจริญสมณธรรมอยู่ในป่าเถิด.
    พราหมณ์กล่าวว่า เรื่องนี้จงยกไว้ก่อนเถิด ข้าพเจ้าจักรู้ภายหลัง แล้วไปยังสำนักของสุนัขจิ้งจอก แม้เมื่อสุนัขจิ้งจอกกล่าวว่า ท่านยืนอยู่เพื่อต้องการอะไร ? ก็ได้กล่าวเหมือนอย่างนั้นนั่นแหละ สุนัขจิ้งจอกกล่าวว่า ดีละข้าพเจ้าจักให้ เมื่อจะเจรจากับท้าวสักกะ นั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :
    [๕๖๓] อาหารของคนรักษานาคนโน้น ข้าพเจ้านำเอามาไว้ในกลางคืน คือ เนื้อ
    ย่าง ๒ ไม้ เหี้ย ๑ ตัว และนมส้ม ๑ หม้อ ดูกรพราหมณ์ ข้าพเจ้า
    มีอาหารอย่างนี้ ท่านจงบริโภคอาหารนี้ แล้วเจริญสมณธรรมอยู่ในป่าเถิด.
    พราหมณ์กล่าวว่า เรื่องนี้จงยกไว้ก่อนเถิด ข้าพเจ้าจักรู้ภายหลัง แล้วไปยังสำนักของลิง แม้เมื่อลิงนั้นกล่าวว่า ท่านยืนอยู่เพื่อต้องการอะไร ? จึงกล่าวเหมือนอย่างนั้นนั่นแหละ ลิงกล่าวว่า ดีละ ข้าพเจ้าจักให้ เมื่อจะเจรจากับท้าวสักกะนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :
    [๕๖๔] ผลมะม่วงสุก น้ำเย็น ร่มเงาอันเย็น เป็นที่รื่นรมย์ใจ ดูกรพราหมณ์
    ข้าพเจ้ามีอาหารอย่างนี้ ท่านจงบริโภคอาหารนี้ แล้วเจริญสมณธรรม
    อยู่ในป่าเถิด.
    พราหมณ์กล่าวว่า เรื่องนี้จงยกไว้ก่อนเถิด ข้าพเจ้าจักรู้ในภายหลัง แล้วไปยังสำนักของสสบัณฑิต แม้เมื่อสสบัณฑิตนั้นกล่าว ว่า ท่านมาเพื่ออะไร ? ก็กล่าวเหมือนอย่างนั้นนั่นแหละ พระโพธิสัตว์ได้ฟังดังนั้นก็มีความชื่นชมโสมนัส กล่าวว่า ดูก่อนพราหมณ์ ท่านมายังสำนักของเราเพื่อต้องการอาหาร ได้ทำดีแล้ว วันนี้ข้าพเจ้าจักให้ทานที่ยังไม่เคยให้ ก็ท่านเป็นผู้มีศีลจักไม่ทำปาณาติบาต ท่านจงไปรวมไม้ฟืนนานาชนิดมาก่อถ่านไฟ แล้วจงบอกข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจักเสียสละตนโดดลงในกลางถ่านไฟ เมื่อร่างกายของข้าพเจ้าสุกแล้ว ท่านพึงกินเนื้อแล้วกระทำสมณธรรม เมื่อจะเจรจากับท้าวสักกะนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๔ ว่า :
    [๕๖๕] กระต่ายไม่มีงา ไม่มีถั่ว ไม่มีข้าวสาร ท่านจงบริโภคเราตัวสุกไปด้วย
    ไฟนี้ แล้วเจริญสมณธรรมอยู่ในป่าเถิด.
    ท้าวสักกะได้ทรงสดับถ้อยคำของสสบัณฑิตนั้นแล้ว จึงเนรมิตกองถ่านเพลิงกองหนึ่งด้วยอานุภาพของตน แล้วบอกแก่พระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์นั้นลุกขึ้นจากที่นอนหญ้าแพรกของตนแล้วไปที่กองถ่านเพลิงนั้น คิดว่า ถ้าสัตว์เล็กๆ ในระหว่างขนของเรามีอยู่ สัตว์เหล่านั้นอย่าตายด้วยเลย แล้วสะบัดตัว ๓ ครั้ง กระโดดโลดเต้นมีใจเบิกบาน กระโดดลงในกองถ่านเพลิง เหมือนพระยาหงส์กระโดดลงในกอปทุมฉะนั้น แต่ไฟนั้นไม่อาจทำความร้อนแม้สักเท่าขุมขนในร่างกายของพระโพธิสัตว์ ได้เป็นเสมือนเข้าไปในห้องหิมะฉะนั้น
    ลำดับนั้น พระโพธิสัตว์เรียกท้าวสักกะมากล่าวว่า พราหมณ์ ไฟที่ท่านก่อไว้เย็นยิ่งนัก ไม่อาจทำความร้อนแม้สักเท่าขุมขนในร่างกายของข้าพเจ้า นี่อะไรกัน
    ท้าวสักกะตรัสว่า ท่านบัณฑิต เรามิใช่พราหมณ์ เราเป็นท้าวสักกะ มาเพื่อจะทดลองท่าน
    พระโพธิสัตว์จึงบันลือสีหนาทว่า ข้าแต่ท้าวสักกะ พระองค์จงหยุดพักไว้ก่อนเถิด หากโลกทั้งสิ้น จะพึงทดลองข้าพระองค์ด้วยทานไซร้ จะไม่พึงเห็นความที่ข้าพระองค์ ไม่เป็นผู้ประสงค์จะให้ทานเลย
    ลำดับนั้น ท้าวสักกะจึงตรัสกะพระโพธิสัตว์นั้นว่า ดูก่อนสสบัณฑิต คุณของท่านจงปรากฏอยู่ตลอดกัป ทั้งสิ้นเถิด แล้วทรงบีบบรรพตจนเหลวแล้วเขียนรูปลักษณะของกระต่ายไว้ในดวงจันทร์ด้วยของเหลวนั้น แล้วนำพระโพธิสัตว์มาให้นอนบนหลังหญ้าแพรกอ่อนในพุ่มไม้ป่านั้นนั่นแหละในไพรสณฑ์นั้น แล้วเสด็จไปยังเทวโลกของพระองค์ทีเดียว บัณฑิตทั้ง ๔ นั้นพร้อมเพรียงบันเทิงอยู่ พากันบำเพ็ญศีล รักษาอุโบสถกรรมแล้วไปตาม ยถากรรม
    พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว จึงทรงประกาศสัจจะ ในเวลาจบสัจจะคฤหบดีผู้ถวายบริขารทุก อย่างดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล แล้วประชุมชาดกว่า นากในกาลนั้น ได้เป็นพระอานนท์ สุนัขจิ้งจอกได้เป็นพระโมคคัลลานะ ลิงได้เป็นพระสารีบุตร ท้าวสักกะ ได้เป็นพระอนุรุทธะ ส่วนสสบัณฑิต ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล

    จบ สสบัณฑิตชาดก

    นำมาจาก
    http://www.dharma-gateway.com/buddha/chadok-04/chadok-040206.htm
     
  7. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,305
    จะเคยหรือไม่ ก็ไม่เป็นไรหรอกนะครับ
    ตอนนี้ท่านก็ปรารถนาแล้วนะครับ อย่าไปรู้มันเลยนะครับ ปัจจุบันดีที่สุดแล้วนะครับ
    มอบให้ท่านนะครับ.........
    ขอขอบคุณมากน่ะค่ะที่เป็นกำลังใจ ตอบข้อความดีๆๆ ให้ได้รับรู้ อนุโมทนาค่ะ
     
  8. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    เป็นกำลังใจให้ครับ ความสงสัยไม่ช่วยให้พ้นจากความคิดและการพิจารณาสิ่งที่ถูกที่ควรทั้งหลายและเป็นสิ่งใดก็ตามที่ทำให้ตนและผู้อื่นมีความเจริญรุ่งเรืองโดยไม่มองว่าตนเองจะได้อะไรนั้นล้วนเป็นวิสัยของผู้ปราถนาพุทธภูมิ ทำอะไรก็ตามด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่ว่าจะยังไม่ใช่ทางแห่งพระศาสดาก็ตามที มันเป็นเช่นนั้น จนกว่าบารมีจะถึงพร้อม อย่าสงสัยในตนเองเลยครับ
     
  9. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ก่อนหน้านี้เข้าใจว่าคุณแดงเป็นผู้ชาย เพียงแต่อาจจะมีคุณสุภาพสตรีมาใช้ account ร่วมด้วย แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ตรงนั้นไม่ใช่สาระสำคัญ

    ถ้าคุณแดงสงสัยเรื่องนี้ ก็น่าจะถามครูบานะครับ ท่านตอบได้อยู่แล้ว คำตอบที่ได้อาจจะเป็นดังต่อไปนี้
    1 ใช่
    2 ไม่ใช่
    3 ไม่ตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ แต่เป็นคำตอบที่คุณฟังแล้วหมดข้อสงสัย.....
     
  10. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,305
    คุณแดงเป็นผู้ชายค่ะ แต่เราเป็นน้องสาวร่วมชีวิตกันมีหน้าที่แบ่งปันความรัก รวมสร้างสืบทอดพระพุทธศาสนา แบ่งปันความเมตาให้กับสรรพสัตว์ที่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ค่ะ
     
  11. ฤาษีนารท

    ฤาษีนารท Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +39
    อนุโมทนาในส่วนบุญด้วยนะครับ
    รู้แต่ไม่เห็น
    เห็นแต่ไม่รู้ครับ
    สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...