การถือศีล5 ข้อ 1 หลานถูกยุงลายกัดเป็นไข้เลือดออก

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย rojanasak_m, 26 สิงหาคม 2010.

  1. rojanasak_m

    rojanasak_m เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +125
    เหนื่องจากว่าถ้าเราถือศีล 5 และก็ข้อที่ 1 ไม่ฆ่าสัตว์แล้วถูกยุงลายกัดจนเป็นไข้เลือดออกทำให้ตัวเองหรือญาติของเราได้รับเชื้อ ที่ยุงเป็นพาหะนั้น...คือว่าเวลามียุงเร็ดรอดเข้ามาในบ้านแต่เราถือศีล 5 คือข้อ1 ห้ามฆ้าสัตว์ เราจึงไม่เอาไบก้อนฉีดยุงจึงทำให้เวลานอนยุงจึงกัดเรา......แล้วทำให้เราเป็นไข้เลือดออกเป็นทุกข์ทรมาน.....เสียเงิน..เสียเวลา..และอาจเสียชีวิตได้ครับ

    กับการที่เราใช้ยาฉีดยุงแล้วเราก็ปลอดภัยจากการเป็นไข้เลือดออกและโรคต่างๆที่เกิดจากยุงครับ..เช่น โรคมาราเลีย...โรคเท้าช้าง...ฯลฯ
    แล้วทำให้เรามีสุขภาพชีวิตที่ดีและทำให้อยู่ปฎิบัติธรรมหรือปฎิบัติ คุณพ่อ คุณแม่ได้ดูแลครอบครัวได้.......มันเป็นการที่มนุษย์ทั่วไปทีต้องป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับตัวเอง........หากใครมีคำอธิบายที่เป็นกลางเพื่อการเป็นอยู่ของการดำรงชีวิต.....บางครังผมก็นึกถึงคำตรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้าที่ว่าพระภิกษุที่จะปฏิบัติธรรมต้องมีที่อยู่ที่พอเหมาะหรือพอดีจึงจะปฏิบัติธรรมเจริญก้าวหน้าเช่น มีอาหารพอเหมาะ มีที่อยู่พอเหมาะ อากาศพอเหมาะ ...ถ้าผมจะสงเคราะห์ว่าถ้าเราป้องกันหรือรักษาร่างกายไห้ปราศจากโรคที่มาจากสัตว์ที่ใกล้ชิดกับสิ่งแวดล้อมภายในบ้านในกรณีของยุง.....คือเมื่องยุงกัดแต่เราไม่ตบไม่ฆ่าเราก็ไล่เขาไป....แต่เวลาเราจะเข้านอนเราจะใช้ยาฉีดในห้องนอนเพื่อไล่ยุงให้ออกไปด้วยเจตนาไม่จงใจฆ่า...แต่ถ้ายุงไม่ออกแล้วเกิดตายขึ้นมาก็ถือว่าไม่ครบองค์ 5 ในการผิดศีล ..ให้เราคิดว่าไม่บาปไม่ผิดศีล...ดูแล้วมันก็ยังไม่สบาบใจอยู่ดีครับ.....ใครท่านใดที่มีความคิดเห็นหรือวิธีปฎิบัติก็ช่วยกันแนะนำเข้ามาด้วยนะครับ....( ตราบไดที่เรายังมีขันอยู่...ทุกขเวทนาที่เกิดจากขันย่อมเป็นอุปสรรค์ในการดำรงชีวิตอย่างแน่นอนครับ..ถามว่าถ้าเราเจ็บป่วยแล้วเราจะดูแลใครได้...พ่อ แม่ พี่ น้อง ลูก ภรรยา...แม้แต่ตัวเราเองเรายังดูแลไม่ได้เลย....พระพุทเจ้าทรงตรัสว่าพระภิกษุที่จะเลือกสถานที่ปฏิบัตินั้นต้องเป็นที่ๆสัปปาย( ถ้าพิมพ์ผิดขอกราบประทานโทษใว้นะที่นี้ด้วยครับ)

    อะไรที่เรียกว่าความพอเหมาะพอดีในชีวิตที่ยังมีขัน 5 อยู่ ถ้าเราเป็นพระอรหันต์ก็โอเคนะ แต่นี่คือเรากำลังเดินทางอยู่(มรรค์)คือเป็น (พระโยคาวจร) อะไรคือความพอดีในสภาวในการเดินทาง

    ขอขอบพระคุณและขอนุโมทนากับทุกข้อความด้วยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2010
  2. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,662
    ค่าพลัง:
    +9,236
    เมื่อ 2 ปีที่แล้ว...พระชลันธร กิตฺติปญฺโญท่านได้เมตตาเทศน์เรื่อง
    "ธรรมวิธี..กำจัดไข้เลือดออก"
    ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่ไม่ผิดศีลข้อที่ 1 ค่ะ

    [​IMG]



    ธรรมวิธี .... กำจัดไข้เลือดออก

    อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ (อัตตาหิ อัตตโนนาโถ) ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน<O:p</O:p
    โก หิ นาโถ ปโร สิยา(โก หิ นาโถ ปะโร สิยา) คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้

    นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมา สมฺพุท ธสฺส
    นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมา สมฺพุท ธสฺส

    นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมา สมฺพุท ธสฺส

    .....เจริญพรท่านสาธุชนทั้งหลาย บัดนี้อาตมาภาพจะได้แสดงพระธรรมเทศนาเกี่ยวกับความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฤดูฝนพระก็จะเข้าพรรษา ส่วนมากโยมทั้งหลายก็จะอยู่วัดเป็นบางส่วนมาปฏิบัติธรรมถือศีลภาวนา บางครอบครัวก็จะมาเฉพาะวันพระ มาใส่บาตรมาทำบุญวันพระ การที่เรามาทำบุญนั้นเป็นเรื่องดี การสั่งสมซึ่งบุญทำให้เกิดสุข


    ...สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย (สุโข ปุญญัส สะอุจจะโย) การสั่งสมซึ่งบุญทำให้เกิดสุข โรคที่จะมาในหน้าฝนทุก ๆ ปีนี้ก็จะเกี่ยวกับไข้เลือดออก หนึ่งในหลาย ๆ โรคที่ทุกคนอาจเป็นได้ ไข้เลือดออกนี้เกิดมาจากยุงลาย ยุงลายนี้แหล่งกำเนิดก็จะมาจากน้ำขังตามที่ต่าง ๆ พอมากัดเราเราก็จะเป็นโรคไข้เลือดออก การที่เราจะเป็นไข้เลือดออกนั้นก็จะเป็นไข้ มีจุดเลือดออกตามตัว ถึงบทสุดท้ายร้ายแรงเราอาจถึงขั้นตาย


    <O:p</O:p
    ...วิธีป้องกันแก้ไขก็คือดังที่มีพระบาลีว่า <O:p
    ....เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตุ ตถาคโต เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอวํวาที มหาสมโณ (เยธัมมา เหตุป ปะภะวา เตสัง เหตุงตถาคโต เตสันจะโยนิโรโธจะ เอวังวาที มหาสะมะโน)
    ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และตรัสซึ่งความดับด้วย <O:p
    ...เหตุที่ทำให้เกิดยุงลายก็คือน้ำขัง น้ำขังเพราะอะไร เพราะตั้งภาชนะทิ้งไว้ กระถางบ้าง แจกันบ้าง ยางรถยนต์บ้าง แอ่งน้ำต่าง ๆ บ้าง วิธีแก้ไขเราก็คือต้องดับที่เหตุ ปลายเหตุก็คือโรคต้นเหตุก็คือยุงเกิดขึ้นมา แต่เราไม่ได้ไปฆ่ายุงให้ยุงตาย แต่เราพยายามไม่ให้มันเกิดขึ้นมาก ให้มันเกิดไปตามปกติของมัน ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็อาจจะเอาเกลือใส่ไปในภาชนะบ้าง เอาแฟ้บใส่ไปบ้าง เอาน้ำส้มสายชูใส่ไปบ้าง การใส่ไปในภาชนะนี้ไม่ใช่ว่าเราใส่ตอนที่มันเกิดเป็นตัวแล้วเราก็ไปใส่ อันนั้นก็เป็นการทำปาณาติบาต เราฆ่ายุงแต่เราก็เป็นปาบ วิธีแก้ไขที่ดีก็คือเราป้องกันเสียก่อน


    <O:p
    ....ยาดีคือยาป้องกันไม่ใช่ยารักษา เราก็ป้องกันโดยการที่ว่า ถ้าเราเอาน้ำใส่หล่อภาชนะใส่ขาตู้กับข้าว เราก็เอาแฟ้ปใส่ไปเสียก่อนก่อนที่ยุงจะมาไข่ เอาเกลือใส่ไปก่อนที่ยุงจะมาไข่ ทำเสียก่อนที่ยุงจะมาไข่ ดับก็ดับที่เหตุไม่ใส่ดับที่ปลายเหตุ การฆ่าเป็นกรรมที่ไม่มีสิ้นสุดผู้ฆ่าแล้วต้องโดนฆ่าตอบ ฉนั้นแล้วเราก็ไม่ควรไปฆ่ายุงเป็นไปได้ก็แก้ที่ต้นเหตุ วงจรชีวิตของมันนั้นอายุไม่มาก 9 ถึง 14 วัน มันก็ตายแล้วแต่ว่าเราต้องไปตายในนรกอีกหลายชาติ ตายแล้วเกิด ตายแล้วเกิด เกิดในนรกมันไม่คุ้มกัน พยายามใช้ชีวิตอยู่ให้เป็นอยู่ดีอยู่ชอบ เป็นไปได้ก็อย่าไปฆ่า ผู้ฆ่าต้องโดนฆ่าตอบ หากทุกคนเลือกเกิดได้ทุกคนก็อยากเกิดตามใจสมปรารถนา ถ้าเราคิดผิดตั้งจิตผิดเราก็จะไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นเปรตในนรก เป็นอสุรกายอยู่ในอบายภูมิทั้งสี่ ฉนั้นแล้วเราไม่ควรจะฆ่าสัตว์ ยาดีคือยาป้องกันป้องกันก่อนที่ยุงจะเกิด


    <O:p....ถ้ายุงไม่เกิดก็ไม่มีโรคโรคก็น้อย โรคน้อยเพื่อนบ้านเราก็ไม่เป็นคนในครอบครัวเราก็ไม่เป็น สังคมเราก็ไม่เป็นโรคระบาด เพราะถ้าคนใดคนหนึ่งเป็นโรคไข้เลือดออกแล้วยุงก็จะไปกัดคนนั้น กัดเสร็จยุงก็จะมาแพร่เชื้ออีก และแล้วเป็นไปได้ก็พยายามไม่ให้มันเกิดขึ้นมา แต่เราไม่ใช่ฆ่า เราจะไปป้องกัน ป้องกันแก้ไข ถ้าคนในครอบครัวเราโดนยุงกัด คนในบ้านเราโดนยุงกัด คนในโรงเรียนเราโดนยุงกัด คนที่ทำงานเราโดนยุงกัด คนในชุมชนเราโดนยุงกัด แล้วถ้าเกิดเป็นไข้เลือดออกระบาดถ้าเป็นคนอื่น เราก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเกิดเป็นพี่น้องเราหรือคนในครอบครัวเรา เป็นลูกเราเป็นพ่อเราเป็นแม่เรา แล้วเราจะคิดยังไง ฉนั้นแล้วไม่ควรไปฆ่ายุง แต่ควรไปป้องกันไม่ให้ยุงได้เกิดขึ้นมา ไม่ได้ไปทำหมันมัน


    <O:p</O:p
    ...แต่เราป้องกันในบ้านเรา เริ่มที่ตัวเราก่อน เริ่มที่บ้านเราก่อนสร้างอุปนิสัยที่ดีให้กับตัวเรา พยายามอย่าใส่น้ำทิ้งไว้ในกระถางในแจกัน แจกันไหว้พระ ถ้าดอกไม้มันเฉาแล้วดอกบัวเฉาแล้ว มันมีกลิ่นแล้วก็ควรจะทิ้งได้แล้ว ไม่ใช่รอจนดอกไม้เหี่ยวแห้ง จำได้ไหม...โยมนางอมิตดาที่ได้ชูชกเนี่ยเพราะเคยถวายดอกไม้เหี่ยว ฉนั้นแล้วเนี่ยถ้าใครอยากได้คู่ชีวิตเป็นคนเก่า ๆ เหี่ยว ๆ แก่ ๆ เหมือนชูชกก็ถวายดอกไม้เหี่ยว ใครอยากได้คู่ชีวิตที่ว่าสดใส ดูสดใส ดูมีวรรณะงานผิวพรรณงามถวายดอกไม้สด ๆ ก็จะได้บุญแต่ถวายดอกไม้แล้วก็ต้องหมั่นถ่ายน้ำเปลี่ยนน้ำด้วย ยิ่งดอกบัวถ้าใส่แจกันไว้ไม่กี่วันมันก็มีกลิ่นแล้ว ดอกบัวเกิดจากตมแต่ไม่แปดเปื้อนด้วยตม เหมือนเราเราเกิดมาจากชาติตระกูล เราไม่ใช่คนร่ำคนรวย แต่เราก็สามารถพัฒนาตัวเราขึ้นมาได้ให้เป็นคนดี ให้เป็นที่ยอมรับในสังคม เป็นคนที่ช่วยเหลือสังคม เป็นคนดีต่อสังคม เป็นที่พึ่งให้คนในสังคม เราต้องพัฒนาตัวขึ้นมา ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเราเอง


    ...อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ (อัตตาหิ อัตตโนนาโถ) ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน<O:p</O:p
    ...โก หิ นาโถ ปโร สิยา(โก หิ นาโถ ปะโร สิยา) คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้<O:p</O:p
    ....พึ่งตนพึ่งธรรมพึ่งกรรมของตน เราต้องพึ่งตัวเองก่อน ดูซิว่าบ้านช่องเรายุงเยอะมั๊ย ถ้ายุงเยอะเราก็ตัดกิ่งไม้ กิ่งไหนที่ว่ามันอยู่ต่ำ ๆ ก็ตัดให้โปร่งโปร่ง ที่ไหนที่มืดยุงมันก็มา แต่ถ้าที่ไหนโปร่ง ๆ สว่าง ๆ ยุงมันก็ไม่มา อย่างน้อย ๆ เราก็ป้องกันตัวได้แล้วในระดับหนึ่ง วันนี้เราอาจยังไม่เห็นค่าหรอกว่ามันช่วยได้แค่ไหน แต่ถ้าสักวันใดวันหนึ่งตัวเราเป็นไข้เลือดออก ญาติพี่น้องเราเป็นไข้เลือดออก เราจะนึกว่า โอ้!....ถ้าเราทำแต่แรกเราก็ไม่ต้องเป็นแล้ว ย้ำว่ายาดีคือยาป้องกันไม่ใช่ยารักษา ถ้าบ้านเราไม่มียุง อากาศปลอดโปร่ง แสงสว่างทั่วถึงยุงก็ไม่ลุกลามไปบ้านอื่น ยุงเนี่ยเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์มาแล้ว ตั้งแต่สมัยยุคไดโนเสาร์ครั้นจะฆ่าให้มันหมดสิ้นเป็นไปไม่ได้ ถ้าตายมันก็ตายมาตั้งแต่ก่อนโน้นแล้ว นี่เราเพิ่งเกิดมายังถึง 100 ปี จะกำจัดให้หมดมันเป็นไปได้ยาก แต่ที่กำจัดให้หมดได้คือกิเลสในตัวเรา กำจัดโลภะ โทสะ โมหะ ที่มีอยู่ในตัวเรา ไม่ให้โลภไม่ให้โกรธไม่ให้หลงไม่ให้เบียดเบียน พยายามรักษาตัวเราไว้


    <O:p
    ...ธมฺ ม จารี สุขํ เสติ (ธัมมะ จารี สุขัง เสติ) ผู้ประพฤติธรรมะย่อมอยู่เป็นสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า หมั่นประพฤติธรรม ปฏิบัติธรรมให้ทานถือศีลภาวนา บุญที่เกิดจากการทำทานก็คืออย่างหนึ่ง บุญที่ไม่เสียเงินก็คือบุญอีกอย่างหนึ่ง คือการถือศีล สวดมนต์ไหว้พระ บุญไม่ต้องเสียเงินเราไม่ต้องไปฆ่าสัตว์ ถือศีลห้า

    <O:p
    ....ปาณาติปาตาเวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ เราไม่เบียดเบียนสัตว์เราไม่ฆ่าสัตว์ บางคนไปซื้อไม้ตียุง ไปซื้อไม้เหมือนไม้เทนนิสแล้วก็ฟาดยุง บางที่ก็เผลอโดนตัวเองเข้าขนาดตัวเองยังสะดุ้งเลยแล้วยุงมันตาย การฆ่าเป็นกรรมที่ไม่มีการเลิกลา การฆ่าประกอบด้วยองค์ห้า คือหนึ่งสัตว์มีชีวิต สองรู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิต สามคิดจะฆ่า สี่พยายามฆ่า ห้าสัตว์นั้นตายด้วยความเพียรกรรมเหล่านี้ถ้าครบองค์ห้าแล้วเจตนาสำคัญมากเจตนามากผลกรรมก็มาก อยู่ที่เจตนา

    <O:p
    ....เจตนา หํ ภิกฺขเว สีลํ วทามิ (เจตะนา หัง ภิกขะเว สีลัง วะทามิ)
    เจตนาเป็นตัวกำหนดศีล<O:p</O:p
    เจตนา หํ ภิกฺขเว กมมํ วทามิ(เจตะนา หังภิกขะเว กัมมัง วะทามิ)
    เจตนาเป็นตัวกำหนดกรรม<O:p</O:p
    ....ถ้าเรารักษาศีลเราไม่เกิดกรรมชั่วถ้าเราทำกรรมดีแล้วกรรมชั่วเข้ามาแทรกเราไม่ได้เหมือนมีคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้อีกคนหนึ่งก็ไม่สามารถมานั่งได้ เพราะระหว่างเราทำดีกรรมดีก็อยู่ในใจ เราก็คิดดีทำดี พูดดี นี่คือกรรมดี คิดชั่วทำชั่วนี่คือกรรมชั่ว และแล้วอยากให้ญาติโยมทั้งหลาย หมั่นประพฤติดีไม่ประพฤติกรรมชั่ว ละชั่วทำดีทำจิตให้ผ่องใส


    <O:p
    ..สพฺพปา ปสฺส อกรณํ (สัพพะปาปัสสะ อะกะระนัง)การไม่ทำบาปทั้งปวง <O:p
    ..กุสลสฺสูปสมฺปทา (กุสะลัสสูปะสัมปะทา) การทำกุศลให้ถึงพร้อม<O:p</O:p
    ..สจิตฺตปริโยทปนํ (สะจิตตะปะริโยทะปะนัง)การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ<O:p</O:p
    ..เอตํ พุทฺธาน สาสนํฯ (เอตัง พุทธานะ สาสะนัง)
    ....ธรรม 3 อย่างนี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระพุทธเจ้าทั้งหลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ท่านสอนให้เราละชั่วทำดีทำจิตให้ผ่องใส ทุก ๆ พระองค์จะสอนอย่างนี้หมด ฉนั้นแล้วเราเกิดเป็นชาวพุทธ พยายามทำตนให้ดีรักษาตนให้ดี ละชั่วทำดีทำจิตให้ผ่องใส ยาดีคือยาป้องกันไม่ใช่ยารักษา ฉนั้นแล้วหน้าฝนยุงชุมก็ควรจะป้องกันตัว หายากันยุงมาทาบ้าง จุดไฟบ้าง จุดควันบ้างแต่ไม่ใช่ไปฆ่ามัน ป้องกันไม่ให้ยุงมากัดเรา จะถามว่าเอ้า ..ถ้ามันมากัดเราแล้วเราทำยังไง เราก็เป่ามันไม่ต้องไปฆ่ามัน ถ้ามันมากัดเราแล้วเราฆ่ามัน เราหายคันมั๊ย เราก็ยังคันอยู่เหมือนเดิมตัวมันก็ตาย แต่ถ้ามันกัดเราเราคันเราเป่ามันทิ้งซะ เลือดมันเต็มท้องมันก็บินไปแล้ว ส่วนเราจะคันมันจะตายเราก็คันมันไม่ตายเราก็คัน แล้วเราจะทำให้เรามีกรรมติดตัวไปถึงไหน จะทำให้บาปติดตัวเราไปทำไม ที่พูดท่านทั้งหลายลองไปพิจารณาดู จริงอยู่อาจจะเห็นยุงตัวนิดเดียวไม่เป็นไรของมากมันก็มาจากของน้อยนะโยมนะ ขโมยกว่าจะขโมยรถได้มันจะต้องเป็นโจรลักเล็กขโมยน้อยมาก่อน ขโมยแฟ้ป ขโมยสบู่ ขโมยยาสีฟัน นาน ๆ เข้าของใหญ่ขึ้นก็ขโมยรถ เราไม่ควรสั่งสมอะไรที่มันไม่ดี ยังไงเราก็ควรรักษาความดีเราไว้


    <O:p</O:p
    ...กลับบ้านเราไป ไปดูว่าบ้านเรามืดมั๊ย ผิดสังเกตมั๊ยยุงเยอะมั้ย ไปดูว่ามีน้ำขังมั๊ย อ่างน้ำมีมั๊ย กระป๋องน้ำมีมั๊ยดูว่ามีอะไรมีน้ำขัง เป็นไปได้ก็คือก่อนที่น้ำขังคว่ำไว้ก่อน แต่ถ้าน้ำขังแล้วอาตมาก็ขอให้อย่าไปเพิ่มน้ำแล้วกัน เราจะหาฝาไปปิดไว้ไม่ให้ยุงมันออกมาได้ ถ้ามันออกเป็นตัวแล้วแต่ถ้าไปเทน้ำทิ้งมันตายนะ อาบัติของพระรู้ว่าสัตว์มีชีวิต แกล้งทำชีวิตสัตว์ให้ตายต้องอาบัติปาจิตีย์ ถ้าในน้ำมีตัวยุง มีลูกน้ำ มีตัวโม่งอยู่ เราไปเทมันก็ตาย อย่าไปคิดว่ากรรมใดไม่มีผลนะ มันมีผลหมดนะโยม กรรมใดอันบุคคลทำแล้วย่อมไม่ไร้ผล ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว


    <O:p</O:p
    ...กมฺมุนา วตฺตตี โลโก (กัมมุนาวัตตะตีโลโก) สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เราพยายามทำกรรมดีไว้ ถ้าไม่อยากทำให้ยุงตายเราก็ไม่ทำให้มันเกิด ถ้าเราไม่อยากฆ่ามันเราก็พยายามไม่ให้มีน้ำขัง มันเกิดขึ้นมากจำนวนมันก็เยอะโอกาสที่เราจะทำบาปมันก็เยอะ บางที่เราก็เผลอยุงมากัดเราก็ตี ตบ เราแก้ที่เราตัดที่ต้นเหตุซะ ดูที่บ้าน ดูที่ต้นไม้โปร่งมั๊ยภาขนะมีน้ำขังมั๊ย ดูตรงนี้แล้วเราก็มาแก้ไข


    <O:p
    ....เยธัมมา เหตุป ปะภะวา เตสัง เหตุงตถาคโต เตสันจะโยนิโรโธจะ เอวังวาที มหาสะมะโน...ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้นและตรัสซึ่งความดับด้วย พระมหาสมณะมีปกติตรัสอย่างนี้ ฉนั้นแล้วก็อยากให้ทุกคนตัดที่ต้นเหตุ ดูพิจารณาดูดูจิตดูใจตัวเอง เราเป็นอย่างนี้เรายังด่าเค้ามั๊ยหนอ เรายังว่าเขามั๊ยหนอ เรายังทุบกีเค้าอยู่มั๊ยหนอ ดูซิมันเกิดที่ใจเราหรือเกิดที่ตัวเขา ใจเราไปโกรธเขา ไปทุบตีเขาไปด่าเขาไปว่าเขา แต่ถ้าใจเรารักเขาเราอยากจะอยู่ใกล้เขา อยากเห็นหน้าเค้า เนี่ยอยู่ที่ใจเรานะ ดูที่จิตดูใจเราเอง ถ้ามีปัญหาอะไรไม่เข้าใจก็ถามพระ ปํญหาธรรมะทางไหนก็ถามได้ อยากให้ญาติโยมตั้งใจถือศีลปฏิบัติธรรมนะ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้


    ขออนุโมทนาค่ะ<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2010
  3. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    ผู้มีศีลคือผู้มีปัญญา ผู้มีปัญญาย่อมใช้ปัญญาแก้ปัญหา สาธุ
     
  4. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,662
    ค่าพลัง:
    +9,236
    การมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อควบคุมยุงลาย

    การมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อควบคุมยุงลาย

    .....เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า การป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกซึ่งมีมาตรการหลักเน้นไปที่การควบคุมยุงลายที่เป็นพาหะนำโรคจะไม่สามารถประสบผลสำเร็จได้ถ้าหากขาดการมีส่วนร่วมของชุมชน ดังนั้น ความร่วมมือของประชาชนจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การรณรงค์ป้องกันและควบ คุมโรคไข้เลือดออกให้หมดไปจากชุมชนนั้นบรรลุเป้าหมายได้ในที่สุด

    นอกจากนี้ ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ในภาครัฐก็มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น เพื่อร่วมประสานนโยบายและแผนปฏิบัติงานกันอย่างใกล้ชิด อีกทั้งความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ไม่ว่าในระดับส่วนกลางหรือส่วนท้องถิ่นก็ตาม เพื่อสนับสนุนการป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกในด้านทรัพยากร กำลังคน และเงินงบประมาณ ตลอดจนเพื่อสนับสนุน เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ ให้มีการดำเนินการรณรงค์ในชุมชนอย่างต่อเนื่องตลอดไป

    การมีส่วนร่วมของประชาชน

    จากประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมาปรากฏว่าการควบคุมโรคไข้เลือดออกโดยหน่วยงานสาธารณสุขทุกระดับเพียงอย่างเดียวไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จได้ หรืออาจบังเกิดผลแต่เพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ ดังนั้น ขณะนี้หลายจังหวัดได้พยายามหารูปแบบการควบคุมโรคไข้เลือดออกโดยการมีส่วน ร่วมของประชาชน โดยมีรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้


    1. การรณรงค์ โดยการระดมความร่วมมือของผู้นำชุมชน นักเรียน กลุ่มกิจกรรม และประชาชน เพื่อกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลายในชุมชนเป็นครั้งคราวหรือในเทศกาลต่าง ๆ


    2. การร่วมมือกับโรงเรียน ในการสอนนักเรียนให้มีความรู้เรื่องการควบคุมยุงลาย และมอบหมายกิจกรรมให้นักเรียนกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทั้งที่บ้านและที่ โรงเรียน อาจดำเนินการอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปี หรือเป็นครั้งคราวร่วมกับการรณรงค์


    3. การจัดหาทรายกำจัดลูกน้ำมาจำหน่ายในกองทุนพัฒนาหมู่บ้านในราคาถูก บางแห่งอาจจัดอาสาสมัครไปสำรวจแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายตามบ้านเรือน และใส่ทรายกำจัดลูกน้ำให้เป็นประจำโดยคิดค่าบริการราคาถูก


    การดำเนินงานในรูปแบบดังกล่าวเพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของปัญหาและ แก้ปัญหาด้วยตนเอง ควรจะได้รับการส่งเสริมและปฏิบัติให้แพร่หลายมากที่สุด โดยเน้นปัจจัยสำคัญคือ ความครอบคลุม ความสม่ำเสมอ และความต่อเนื่อง โครงการทดลองควบคุมโรคไข้เลือดออกโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนหลายโครงการประสบ ความสำเร็จอย่างดียิ่งในระยะการดำเนินงานของโครงการ แต่ไม่สามารถดำเนินการให้ต่อเนื่องในระยะยาวได้


    ความร่วมมือของชุมชนในการควบคุมโรคไข้เลือดออกต้องเป็นแบบผสมผสาน ประกอบด้วยส่วนร่วมจากหลาย ๆ ด้าน เช่น
    ด้านสาธารณสุข - ให้สุขศึกษา สนับสนุนเคมีภัณฑ์และการควบคุมโรค

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=572 align=center height=95><TBODY><TR><TD width="18%">ด้านการศึกษา</TD><TD width="82%">- สอนการควบคุมโรคแก่นักเรียน และกระตุ้นให้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ

    </TD></TR><TR><TD></TD><TD></TD></TR><TR><TD>ด้านการปกครอง</TD><TD>- ให้การสนับสนุนการควบคุมโรคผ่านทางข่ายงานการปกครองท้องถิ่น




    </TD></TR><TR><TD>ด้านประชาสัมพันธ์</TD><TD>- เผยแพร่ข่าวสารความรู้เกี่ยวกับการควบคุมโรค และการกระตุ้นเตือนให้ประชาชนตื่นตัวในการควบคุมโรค




    </TD></TR><TR><TD>ด้านเอกชน</TD><TD>- ให้การสนับสนุนทรัพยากร หรือเข้าร่วมกิจกรรมการควบคุมโรคไข้เลือดออกในชุมชน</TD></TR></TBODY></TABLE>

    แต่ละจังหวัดมีแหล่งทรัพยากร องค์กร บุคลากร และความคล่องตัวที่จะจัดหารูปแบบความร่วมมือภายในท้องถิ่น จุดเริ่มต้นที่สำคัญคือ การจัดการให้ฝ่ายต่าง ๆ ได้มาร่วมกันมองปัญหาและวางแผนแก้ไขปัญหาด้วยกัน การผสมผสานความร่วมมือจะต้องทำทั้งระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในภาครัฐก็ต้องผสมผสานระหว่างหน่วยราชการต่างวิชาชีพ ต่างสังกัด และต่างระดับเพื่อสนับสนุนให้เกิดการมีส่วนร่วมในการควบคุมโรคโดยประชาชนใน ท้องถิ่นอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ

    ที่มา : สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง


    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1107761/[/MUSIC]​


    ขออนุโมทนาค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2010
  5. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,662
    ค่าพลัง:
    +9,236
    ยุงลายพาหะนำโรคไข้เลือดออก

    <DD><DD>......ยุงลายที่เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออกเป็นแมลงจำพวกหนึ่งที่สำคัญมีอยู่ 2 ชนิด คือ ยุงลายบ้านและ ยุงลายสวน ยุงลายเป็นยุงที่มีขนาดปานกลาง วงจรชีวิตของยุงลายประกอบด้วยระยะต่างๆ 4 ระยะ ได้แก่ ระยะไข่, ระยะตัวอ่อนหรือลูกน้ำ, ระยะดักแด้หรือตัวโม่ง, และ ระยะตัวเต็มวัยหรือตัวยุง ทั้ง 4 ระยะมีความ แตกต่างกันทั้งรูปร่างลักษณะและการดำรงชีวิต ลักษณะสำคัญทั่วไปของยุงลาย คือ

    ระยะตัวเต็มวัย (ตัวยุง)

    <DD>1. ร่างกายอ่อนนุ่ม เปราะบาง แบ่งเป็น 3 ส่วนแยกออกจากกันเห็นได้ชัดเจนคือ ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้อง ลำตัวยาวประมาณ 4-6 มม. มีเกล็ดสีดำสลับขาวตามลำตัวรวมทั้งส่วนหัวและส่วนอกด้วย <DD>2. มีขา 6 ขาอยู่ที่ส่วนอก ขามีสีดำสลับขาวเป็นปล้องๆ ที่ขาหลังบริเวณปลายปล้องสุดท้ายมีสีขาวตลอด <DD>3. มีปีกที่เห็นได้ชัดเจน 2 ปีกอยู่บริเวณส่วนอก ลักษณะของปีกบางใส มีเกล็ดเล็กๆบนเส้นปีก ลักษณะของเกล็ดแคบ ยาว บนขอบหลังของปีกมีเกล็ดเล็กๆเป็นชายครุย นอกจากนี้ที่ส่วนอกยังมีอวัยวะที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการทรงตัวอยู่ใกล้กับปีก <DD>4. มีปากยาวมาก ลักษณะปากเป็นแบบแทงดูด <DD>5. เส้นหนวดประกอบด้วยปล้องสั้นๆ 14-15 ปล้อง ที่รอยต่อระหว่างปล้องมีขนขึ้นอยู่โดยรอบ ในยุงตัวผู้เส้นขนเหล่านี้ยาวมาก (ใช้รับคลื่นเสียงที่เกิดจากการขยับปีกของยุงตัวเมีย) มองดูคล้ายพู่ขนนก ส่วนในยุงตัวเมียเส้นขนที่รอยต่อระหว่างปล้องจะสั้นกว่าและมีจำนวนน้อยกว่า ลักษณะของหนวดยุงจึงใช้ในการจำแนกเพศของยุงได้ง่าย
    <TABLE border=0 cellSpacing=10 cellPadding=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>
    [FONT=Ms Sans Serif, EucrosiaUPC ,FreesiaUPC,JasmineUPC , AngsanaUPC]ยุงลายบ้าน[/FONT]


    </TD><TD>
    [FONT=Ms Sans Serif, EucrosiaUPC ,FreesiaUPC,JasmineUPC , AngsanaUPC]ยุงลายสวน[/FONT]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ระยะไข่
    <DD>ไข่ยุงลายมีลักษณะรีคล้ายกระสวย เมื่อวางออกมาใหม่ๆจะมีสีขาวนวล ต่อมาจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและดำสนิทภายใน 24 ชั่วโมง

    [​IMG]

    ระยะลูกน้ำ
    <DD>ไม่มีขา ส่วนอกมีขนาดใหญ่กว่าส่วนหัว ส่วนท้องยาวเรียวประกอบด้วยปล้อง 10 ปล้อง มีท่อหายใจอยู่บนปล้องที่ 8 และมีกลุ่มขน 1 กลุ่มอยู่บนท่อหายใจนั้น

    [​IMG]

    ระยะตัวโม่ง
    <DD>ไม่มีขา มีอวัยวะสำหรับหายใจอยู่บนด้านหลัง (บริเวณที่เป็นส่วนหัวรวมกับส่วนอก)

    [​IMG]


    ที่มา :
    </DD>
     
  6. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,662
    ค่าพลัง:
    +9,236
    อาการผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก



    <DD>โรคไข้เลือดออกมีอาการสำคัญที่เป็นรูปแบบค่อนข้างเฉพาะ 4 ประการ เรียงตามลำดับการเกิดก่อน - หลัง ดังนี้ <DD>1. ไข้สูงลอย 2 - 7 วัน <DD>2. มีอาการเลือดออก ส่วนใหญ่จะพบที่ผิวหนัง <DD>3. ตับโต กดเจ็บ <DD>4. มีภาวะการไหลเวียนโลหิตล้มเหลว / ภาวะช็อก <DD>
    <DD>ผู้ป่วยทุกรายจะมีอาการไข้สูงแบบเฉียบพลัน ส่วนใหญ่ไข้จะสูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส ไข้อาจสูงถึง 40 - 41 องศาเซลเซียส บางรายอาจถึงชักได้ ผู้ป่วยมักจะมีหน้าแดง ผิวหนังแดงบริเวณคอ หน้าอก และลำตัว เด็กบางคนอาจบ่นปวดศีรษะ และปวดเมื่อยตามตัวพร้อม ๆ กับมีไข้สูง ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะไม่มีอาการน้ำมูกไหล หรืออาการไอ เด็กโตอาจบ่นปวดศีรษะ ปวดรอบกระบอกตา อาการทางระบบทางเดินอาหารที่พบบ่อย คือ เบื่ออาการ อาเจียน บางรายอาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย
    <DD>อาการเลือดออกที่พบบ่อยที่สุด คือ จุดเลือดออกที่ผิวหนัง ตามแขนขา รักแร้ และลำตัวบางรายมีเลือดกำเดาออก เลือดออกที่ใต้เยื่อบุตา เลือดออกตามไรฟัน อาการเลือดออกที่รุนแรง คือ เลือดออกในกระเพาะอาหารและลำไส้ ผู้ป่วยจะอาเจียนเป็นเลือดสีน้ำตาล หรือถ่ายดำ อาการเลือดออกมักจะเริ่มเกิดขึ้นประมาณวันที่ 2 - 3 นับแต่เริ่มป่วย จุดเลือดออกตามผิวหนังมักหายไปภายใน 3 - 4 วัน <DD>
    <DD>ตับมักจะโตและคลำได้ใต้ชายโครงขวา อาจจะกดเจ็บ มักจะตรวจพบได้ประมาณวันที่ 3 - 4 นับแต่เริ่มป่วย
    <DD>ในรายที่อาการรุนแรงผู้ป่วยจะมีการช็อก ซึ่งมักจะเริ่มประมาณวันที่ 3 - 4 นับแต่เริ่มมีไข้ผู้ป่วยจะช็อกก่อนไข้จะลงหรือภายในระยะ 24 - 48 ชั่วโมง หลังจากไข้ลง ผู้ป่วยจะมีอาการกระสับกระส่ายมือเท้าเย็น รอบปากเขียว ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตต่ำ ระยะช็อกนี้จะเกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วถ้าให้การรักษาไม่ทันผู้ป่วยมักจะเสียชีวิตภายใน 24 - 48 ชั่วโมง <DD>
    <DD>ในระยะหลัง ๆ มานี้เริ่มพบผู้ป่วยที่มีการทางสมองคล้ายสมองอักเสบ หรืออาการภาวะของตับล้มเหลว หรือมีความผิดปกติของไตร่วมด้วยในผู้ป่วยบางราย หลังจากไข้หายแล้ว 24 - 48 ชั่วโมง อาการช็อกก็จะเริ่มดีขึ้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเข้าสู่ระยะฟื้นตัว เริ่มรับประทานอาหารได้มากขึ้น อาจจะมีผื่นแดงตามแขนขา และวงขาว ๆ ตรงกลางได้ (Convalescent rash) </DD>
    ที่มา : สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง

    ขออนุโมทนาค่ะ
     
  7. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,662
    ค่าพลัง:
    +9,236
    วิธีรักษาผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเบื้องต้น



    <DD>ขณะนี้ยังไม่มียาต้านไวรัสที่มีฤทธิ์เฉพาะสำหรับเชื้อไข้เลือดออกและไม่มีวัคซีนป้องกัน การรักษาโรคนี้เป็นแบบการรักษาตามอาการและประคับประคอง ซึ่งจะได้ผลดีถ้าให้การวินิจฉัยโรคได้ตั้งแต่ระยะแรก
    <DD> </DD><DD>การรักษา มีหลักปฏิบัติดังนี้ <TABLE border=0 width=462><TBODY><TR><TD vAlign=top width=80 align=right>1.</TD><TD vAlign=top width=382 align=left>
    ในระยะไข้สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่มีประวัติเคยชัก หรือในรายที่ปวดศีรษะและปวดเมื่อยตามตัว อาจให้ยาลดไข้ ควรใช้ยาพวกพาราเซตามอล ไม่ควรใช้ยาพวกแอสไพริน เพราะจะทำให้เกล็ดเลือดเสียการทำงาน และเลือดออกได้ง่ายขึ้น ควรให้ยาลดไข้เป็นครั้งคราวเวลาที่ไข้สูงเท่านั้นเนื่องจากเป็นระยะที่มีเชื้อไวรัสในกระแสเลือด ซึ่งเมื่อหมดฤทธิ์ยาแล้ว ไข้ก็อาจขึ้นสูงได้อีก จนกว่าเชื้อไวรัสจะหมดจากกระแสเลือด ร่างกาย สร้างภูมิคุ้มกันขึ้น (Antibody)

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=80 align=right>2.</TD><TD vAlign=top width=382 align=left>ให้ผู้ป่วยได้น้ำชดเชย เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่มีไข้สูง เบื่ออาหาร และอาเจียนทำให้ขาดน้ำและขาดเกลือโซเดียมด้วย ควรให้ผู้ป่วยดื่มน้ำผลไม้หรือสารละลายผงน้ำตาลเกลือแร่ (โอ อาร์ เอส) ในรายที่อาเจียนควรให้ดื่มครั้งละน้อย ๆ และดื่มบ่อย ๆ

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=80 align=right>3.</TD><TD vAlign=top width=382 align=left>จะต้องติดตามดูอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้ตรวจพบและป้องกันภาวะช็อกได้ทันเวลา ภาวะช็อกมักจะเกิดพร้อมกับไข้ลดลง หรือภายใน 24 - 48 ชั่วโมง หลังจากไข้ลด มักเกิดประมาณตั้งแต่วันที่ 3 ของการป่วย ควรแนะนำให้พ่อแม่ทราบอาการนำของช็อก ซึ่งอาจจะมีอากาซึม เบื่ออาการ ไม่รับประทานข้าว หรือดื่มน้ำติดต่อกันหลายวัน อาจมีอาการปวดท้องใต้ชายโครงขวา หรือมีอาการปัสสาวะน้อยลง กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ควรแนะนำให้รีบส่งโรงพยาบาลทันทีที่มีอาการเหล่านี้

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=80 align=right>4.</TD><TD vAlign=top width=382 align=left>เมื่อผู้ป่วยไปตรวจที่โรงพยาบาล แพทย์จะตรวจเลือดดูปริมาณเกล็ดเลือดและฮีมาโตคริตและอาจนัดมาตรวจดูการเปลี่ยนแปลงของเกล็ดเลือดและฮีมาโตคริตเป็นระยะ ๆ เพราะถ้าปริมาณเกล็ดเลือดเริ่มลดลงและฮีมาโตคริตเริ่มสูงขึ้น เป็นเครื่องชี้บ่งว่าน้ำเลือดรั่วออกจากเส้นเลือด และอาจจะช็อกได้ จำเป็นต้องให้สารน้ำชดเชย

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=80 align=right>5.</TD><TD vAlign=top width=382 align=left>โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องรับผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาลทุกราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะแรกที่ยังมีไข้ สามารถรักษาแบบผู้ป่วยนอก โดยให้ยาไปรับประทาน และแนะนำให้ผู้ปกครองเฝ้าสังเกตอาการตามข้อ 3 หรือแพทย์นัดให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเป็นระยะ ๆ โดยตรวจดูการเปลี่ยนแปลงตามข้อ 4 ถ้าผู้ป่วยมีอาการหรือแสดงอาการช็อก อาเจียนหรือถ่ายเป็นเลือด ถึงแม้อาการไม่มากก็ต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาลทุกราย และถือว่าเป็นเรื่องรีบด่วนในการรักษา</TD></TR></TBODY></TABLE></DD>
     
  8. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,662
    ค่าพลัง:
    +9,236
    ป้องกันตนเองจากยุงลาย



    <DD>เมื่อโดนยุงลายจู่โจมเข้าให้แล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องทำ คือ หาวิธีต่าง ๆ ที่จะป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงกัด ซึ่งทำได้หลายวิธี
    1. ควรกรุหน้าต่าง ประตู และช่องมด้วยมุ้งลวดตรวจตราซ่อมแซมฝาบ้าน ฝ้าเพดาน อย่าให้มีร่อง ช่องโหว่หรือรอยแตก เพื่อป้องกันไม่ให้ยุงลายเข้ามาในบ้าน
    2. เวลาเข้า - ออกควรใช้ผ้าปัดประตูมุ้งลาดก่อน เพื่อไล่ยุงลายที่อาจจะเกาะอยู่ตามที่ต่าง ๆ
    3. เก็บของในบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่เสมอ เพราะยุงลายชองไปหลบซ่อนตามมุมมืดของห้องและเครื่องเรือนต่าง ๆ ที่รก ๆ
    4. ขณะอยู่ในบ้านควรอยู่ในบริเวณที่มีลมพัดผ่านและมีแสงสว่างเพียงพอ
    5. ยุงลายจะชอบกัดตอนกลางวัน และมักเป็นช่วงที่คนหลับ เวลานี้ได้มีการศึกษาพบว่ายุงลายออกหากินในเวลากลางคืนด้วย เนื่องจากเวลากลางวันไม่มีคนอยู่บ้าน ดังนั้น เวลาหลับควรกางมุ้งหรือนอนในห้องที่มีมุ้งลวด เปิดพัดลมส่ายเบ่า ๆ ก็ช่วยไล่ยุงได้หรือถ้าหากที่บ้านมียุงมากจริง ๆ ก็ต้องพิถีพิถันในการเลือกเสื้อผ้าสวมใส่สักหน่อย ซึ่งควรใส่กางเกงขายาว เสื้อมีแขน เพื่อให้เหลือพื้นที่เปล่าเปลือยและเสี่ยงต่อการถูกยุงกัดน้อยที่สุด
    6. ใช้ยากันยุง ซึ่งมีวางขายอยู่หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น..
    </DD>
    <DD>ยากันยุงชนิดขด ชนิดแผ่น ชนิดน้ำ ซึ่งต้องใช้ความร้อนช่วยในการระเหยสารออกฤทธิ์ ตอนนี้ในท้องตลาดมีวางขายอยู่หลากหลายยี่ห้อมาก <DD>ยากันยุงชนิดใช้ทาผิว ซึ่งมีทั้งชนิดครีม โลชั่น แป้งสารออกฤทธิ์หลักในผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มีทั้งที่เป็นสารเคมีจำพวก deet และสารสกัดจากพืช <DD> <DD>การใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มทาผิวที่มี deet เป็นสารออกฤทธิ์หลักนี้ ก่อนซื้อต้องพิจารณาว่ามีสารออกฤทธิ์มากน้อยเพียงใด ผู้ใหญ่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี deet อยู่ระหว่าง 15-20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเด็กไม่ควรเกินกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ และต้องใช้ตามคำแนะนำที่ระบุไว้ข้างกล่องอย่างเคร่งครัด ห้ามใช้กับเด็กอายุต่ำกว่า 4 ปี ห้ามทาบริเวณตา (บางยี่ห้อก็ห้ามทาบริเวณผิวหน้า) ผิวที่มีรอยถลอกหรือมีแผลไม่ควรทาซ้ำในช่วงเวลาสั้น ๆ (ส่วนใหญ่ทางครั้งหนึ่งจะกันยุงได้ประมาณ 3-4 ชั่วโมง) ไม่ควรใช้ทุกวันติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ ไม่ควรใช้กับแม่ตั้งครรถ์และผู้สูงอายุ นอกจากนี้ไม่ควรทายากันยุงที่มือเด็กเพราะเด็กอาจเผลอขยี้ตาหรือหยิบจับอาหารใส่ปาก ซึ่งจะทำให้สารเคมีเข้สู่ร่างกาย <DD> <DD>หลักทายากันยุงแล้วพบว่ามีอาการแพ้ เช่น เป็นผื่น ผิวแดง หรือรู้สึกร้อน ต้องหยุดใช้ทันที ล้างผิวบริเวณที่ทาด้วยน้ำกับสบู่ แล้วรีบไปพบคุณหมอพร้อมนำยากันยุงที่ใช้นั้นไปด้วยเพราะ deet อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ได้ หากใช้ไม่ถูกวิธีหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี deet ผสมอยู่ในสัดส่วนที่สูงมาก (เกิน 30 เปอร์เซ็นต์) และใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ deet จะเป็นอันตรายหากกินเข้าไป บางรายอาจมีอาการทางสมอง ชัก และเสียชีวิตได้ การสูดดมไอระเหยของ deet เป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดอาการวิงเวียน เพราะเหตุนี้จึงมีผู้ผลิตยากันยุงปลอด deet โดยใช้สารอื่น ๆ โดยเฉพาะสารที่สกัดได้จากพืช ที่แม้จะไม่ประสิทธิภาพในการไล่ยุงได้ดีเท่ากับ deet แต่มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้มากกว่า เช่น ตะไคร้หอม ยูคาลิปตัส กระเทียม และมะกรูด ฯลฯ ซึ่งตอนนี้ก็หาซื้อได้ง่ายในท้องตลาด <DD> <DD>ยาฉีดไล่ยุงชนิดกระป๋อง ที่มีวางขายนั้นมีทั้งแบบที่เป็นกระป๋องทรงกระบอกอัดน้ำยาเคมีสำหรับฉีดพ่นได้ทันทีเมื่อใช้หมดแล้วไม่สามารถเติมน้ำยาเคมีใหม่ได้ และแบบที่เป็นกระป๋องสี่เหลี่ยม ซึ่งต้องเติมน้ำยาเคมีลงในกระบอกฉีดและผู้ใช้ต้องสูบฉีดน้ำยาในขณะพ่นด้วยตัวเอง เมื่อน้ำยาเคมีหมดก็สามารถเติมน้ำยาใหม่ได้ <DD> <DD>ปัจจุบันสารเคมีกำจัดยุงมีทั้งชนิดสูตรน้ำมันและชนิดสูตรน้ำ ซึ่งชนิดสูตรน้ำจะปลอดภัยต่อคนและสิ่งแวดล้อมมากกว่า รวมทั้งไม่ทำให้บ้านเรือนเปรอะเปื้อนด้วย <DD>กำจัดยุงด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้า มีทั้งชนิดที่เป็นกับดักไฟฟ้า ใช้ไฟบ้าน 220 โวลต์ โดยหลักการคือใช้แสงไฟล่อให้ยุงบินเข้าไปหากับดัก เมื่อยุงบินไปถูกซี่กรงที่มีไฟฟ้าจะถูกไฟฟ้าช็อตตาย <DD>กำจัดยุงไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่ มีรูปร่างคล้ายไม้เทนนิสแต่แทนที่จะเป็นเส้นเอ็นก็เป็นซี่ลวด ซึ่งเมื่อเปิดสวิตช์ก็จะมีกระแสไฟฟ้าผ่าน ผู้ใช้ต้องโบกให้ซี่ลวดถูกตัวยุง ยุงจะถูกไฟช็อตตาย </DD><DD>อย่างไรก็ตาม การกำจัดยุงลายเปรียบเหมือนการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ทำได้ยาก และเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าการลดและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคไข้เลือดออก </DD><DD> </DD><DD>ที่มา : สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง</DD><DD> </DD><DD>
    ขออนุโมทนาค่ะ
    </DD><DD>
    </DD><DD>


    </DD>
     
  9. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,662
    ค่าพลัง:
    +9,236

    [​IMG]

    ขอบคุณ คุณ rojamasak m ที่มาตั้งกระทู้นี้ค่ะ
    ทำให้ทราบว่าประชาชนคิดอย่างไร มีการปฏิบัติอย่างไร
    เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจึงจะสามารถให้รายละเอียดที่ถูกต้องได้
    และสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้ค่ะ
    ขออนุโมทนาอย่างยิ่งค่ะ

     
  10. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,662
    ค่าพลัง:
    +9,236

    [​IMG]


    ขออนุโมทนาค่ะ

     
  11. unix_family

    unix_family เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +217
    เมื่อรักษาศีล ศีลจะรักษาเรา เป็นผู้มีศีล ย่อมปลอดจากเวรภัย เมื่อมีศีล ก็เป็นบาทให้สมาธิ เมื่อมีสมาธิ ปัญญารู้แจ้ง จึงเกิด ค่อย ๆ คิดดีกว่า ครับ สุดท้ายแล้วศีลย่อมจะรักษา และท้ายที่สุดทางออกแห่งปัญญาจะเกิด แล้วก็จะรู้ได้เองว่า สิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร สิ่งใดทำแล้วรู้สึกไม่สบายใจ สิ่งนั้นย่อมมีมูลเหตุแห่งบาป ไม่มากก็น้อย ค่อย ๆ คิดครับ อันนี้แหละครับ ถ้าแก้ไขได้เค้าเรียกว่าปัญญาบารมีได้ก่อตัวและสั่งสม ทีละน้อย ทีละน้อย ทีละน้อย ทีละน้อย จนเต็ม อนุโมทนากับทุกคำตอบ ครับ
     
  12. คิเคียว

    คิเคียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2006
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +459
    ไม่ทราบว่ามีคนตอบไปหรือยังนะคะ
    ก็กางมุ้งน่าจะดีนะคะ ทีนี้ยุงลายหรือไม่ลายก็ไม่มากัดแล้วค่ะ
    อีกอย่างนึง แผ่เมตตาให้เหล่ายุงพวกนั้นด้วยก็ดีค่ะ
    เผื่อว่าเราเคยไปเีบียดเบียนเค้ามาก่อนก็ได้
    _ sweet Home _
     
  13. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
    [​IMG]

    [​IMG]

    ทากันยุงครับ ... เลือกกลิ่นหอม ๆ ... ผมใช้วิธีนี้ครับ ... ได้ผลครับ
     
  14. vilawan

    vilawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,432
    การกำจัดยุงลายเปรียบเหมือนการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
    ทำได้ยาก และเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าการลดและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์
    ลูกน้ำยุงลาย ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคไข้เลือดออก

    อนุโมทนาคะ
     
  15. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    ผมว่าเมื่อถึงที่ตาย ต่อให้ยุงไม่กัดก็ตายครับ ถ้ากลัวยุงกัด งั้นก็กางมุ้งนอน ทา ก ย 15 หรือโลชั่นทากันยุง แต่ถ้ากำลังใจถึง ก็คิดซะว่า การบริจาคเลือดนั้นเป็น อุปทานบารมี บุญเหลือหลาย เราตายแล้วได้ไปสวรรค์ ไม่แน่ว่าชาติหน้าเขา(ยุง)อาจจะมาช่วยชีวิตเราก็ได้นะครับ
     
  16. kikinlala

    kikinlala เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    4,939
    ค่าพลัง:
    +8,842
    กระทู้นี้มีสาระและความบันเทิงไปพร้อมกัน..:)
     
  17. AddWassana

    AddWassana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    11,698
    ค่าพลัง:
    +21,186
    ขอบคุณความรู้สาระดี...ทั้งทางโลกและทางธรรมค่ะ
     
  18. ประทีปแก้ว

    ประทีปแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2008
    โพสต์:
    3,506
    ค่าพลัง:
    +8,328
    [​IMG]

    [​IMG]

    ยุงร้ายกว่าเสือ...อิอิ
     
  19. ประทีปแก้ว

    ประทีปแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2008
    โพสต์:
    3,506
    ค่าพลัง:
    +8,328
    [​IMG]

    เหมาะสำหรับผู้เจริญศีลค่ะ.....
     
  20. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,662
    ค่าพลัง:
    +9,236
    สำนักตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 2


    สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 2 สระบุรี<O:p


    และ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่<O:p


    kick off พบเครือข่ายสื่อมวลชน<O:p


    สนองแนวพระราชดำรัสเพื่อลดการระบาดของโรคไข้เลือดออก<O:p


    ในพื้นที่สาธารณสุขเขต 2<O:p


    จากการสนองกระแสพระราชดำรัส “โครงการปราบยุงลายคั่งค้างมานานแล้วและอันตรายยังมีอยู่มากอยากให้ปราบปรามอย่างจริงจัง อันตรายจากไข้เลือดออกจะได้ทุเลาลง”
    <O:p
    .....ในวันที่ 3 กันยายน 2553 นายแพทย์<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]ประเสริฐ หลุยเจริญ</st1:personName> ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 2 ได้เปิดเผยสถานการณ์ไข้เลือดออกว่ามีแนวโน้มที่รุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา โดยที่ข้อมูลภาพรวมทั้งประเทศ มีผู้ป่วยจำนวน 70877 ราย เสียชีวิต 86 ราย สำหรับในพื้นที่ในเขต 2 มีผู้ป่วยไข้เลือดออก 1308 ราย ซึ่งอัตราผู้ป่วยสะสมช่วงระยะเวลาเดียวกันระหว่างปี 2552 กับปี 2553 พบว่า ปีนี้เพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 186 โดยที่ร้อยละ 70 พบผู้ป่วยมากที่สุดอยู่ในกลุ่มเด็กวัยเรียน และวัยทำงาน อายุระหว่าง 10 -34 ปี มีผู้เสียชีวิตจำนวน 6 ราย โดยที่ผู้เสียชีวิตส่วนมากเป็นวัยทำงาน ในขณะที่ปีที่ผ่านมาไม่มีผู้เสียชีวิตเลย <O:p
    .....สำนักตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 2 จึงได้มอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในเขต ดำเนินการเร่งรัดการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาด การค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติมเพื่อให้มีการรักษาทันเวลา และการเตรียมความพร้อมสำหรับเวชภัณฑ์ต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการเสียชีวิต และให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 2 จังหวัดสระบุรี สนับสนุนด้วยวิชาการ และ เทคโนโลยี่ในการป้องกันควบคุมโรค
    <O:p
    .....นายแพทย์ศิริชัย ลิ้มสกุลนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลพบุรี กล่าวว่าในจังหวัดลพบุรีมีผู้ป่วยจำนวน 677 ราย เสียชีวิตจำนวน 2 ราย เป็นวัยแรงงาน โดยปีนี้มีการระบาดที่รุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา จังหวัดได้มีการเตรียมรับมือโดยจัดทีมสอบสวนเคลื่อนที่เร็วในการควบคุมและค้นหาและกำจัดแหล่งแพร่โรคในพื้นที่ และการอบรมฟื้นฟู ในการดูแลรักษาไข้เลือดออกอย่างได้มาตรฐาน ให้แก่ แพทย์ พยาบาล <O:p
    .....นายแพทย์ศิริชัยได้ให้ข้อเสนอแนะในการปฏิบัติตนของประชาชนดังนี้ เพื่อให้การรักษาให้ทันเวลาจึงขอให้ประชาชนที่มีอาการดังนี้ ไข้สูง ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย ปวดกระดูก ควรรีบมาพบแพทย์ทันที และไม่ควรที่จะซื้อยา จำพวกแอสไพริน และ ยาแก้ปวดข้อ ปวดกระดูก มากินเอง ซึ่งจะทำให้ร่างกายมีโอกาสเลือดออกได้ง่ายถ้าเป็นไข้เลือดออก
    <O:p
    .....ดร.นายแพทย์<st1:personName w:st="on" ProductID="ปรีชา เปรมปรี">ปรีชา เปรมปรี</st1:personName> รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 2 จังหวัดสระบุรี ได้กล่าวถึงปัจจัยเสี่ยงต่อแนวโน้มการระบาดของไข้เลือดออก ในช่วงนี้มีอิทธิพลของร่องมรสุม ทำให้เกิดฝนตกชุกในพื้นที่ภาคกลาง กรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าจะมีปริมาณของน้ำฝนมากขึ้นจากภาวะโรคร้อน และการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศต่าง ๆ ประกอบกับเชื้อไวรัสไข้เลือดออกมีถึง 4 สายพันธุ์ ซึ่งยุงลายมีพฤติกรรมออกหากินที่เปลี่ยนไป จะเริ่มเข้ากัดคนตั้งแต่เวลาเช้าจรดเย็น และจากผลการสำรวจดัชนีลูกน้ำยุงลาย พบว่าชุมชนแออัด ชุมชนพาณิชย์ และชุมชนที่พักอาศัย มีลูกน้ำยุงลายต่อบ้าน มากกว่าร้อยละ 10 ภาชนะที่พบลูกน้ำยุงลายมากที่สุดในบ้าน คือ อ่างอาบน้ำในบ้าน ถังเก็บน้ำราดส้วม รวมถึงมุมอับทึบภายในบ้านเป็นที่เกาะพักของยุงลาย ภายนอกบ้านพบลูกน้ำยุงลายเป็นภาชนะต่าง ๆ เช่น จานรองกระถางต้นไม้ ที่ใส่อาหารของสัตว์เลี้ยง เศษขยะ ประเภทถุงพลาสติก ขวดพลาสติก ใบไม้ ทำให้ปริมาณของลูกน้ำยุงลายในจังหวัดต่างๆ ทวีจำนวนมากขึ้น และพบว่ายุงลายมีการทนทานต่อสารเคมีมากขึ้น จากการศึกษาความไวของสารเคมีในการฆ่ายุงลาย พบว่าอัตราการตายของยุงลายต่ำกว่าร้อยละ 80 <O:p
    การป้องกันควบคุมโรคในขณะนี้ จึงควรเน้นทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ที่อ่างอาบน้ำในบ้าน ถังเก็บน้ำราดส้วม อีกทั้งจัดสภาพแวดล้อมภายในบ้านไม่ให้เป็นที่เกาะพัก และทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงภายนอกบ้าน ในทุกพื้นที่ของจังหวัด โดยเจ้าของบ้านหรือผู้ที่อยู่ในบ้านเป็นผู้ลงมือทำเองได้ในทุก 7 วัน หรือเมื่อต้องการ ซึ่งจะเป็นวิธีที่ดีที่ดีที่สุด ที่จะทำให้ไม่มีลูกน้ำยุงลาย ไม่ถูกยุงกัด และป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก สำหรับการทำลายยุงตัวแก่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเลือกวิธีพ่นเคมี ตามสภาพของสภาพที่อยู่อาศัย เช่น ถ้าเป็นชุมชนแออัด ควรพ่นเคมีโดยวิธีใช้เครื่องพ่นชนิดสะพายหลัง ดีกว่าการใช้เครื่องพ่น ULV ติดรถยนต์
    <O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...