"พระคาถา" และ "พิธีกรรม" (สมบัติพ่อให้)

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย gatsby_ut, 10 กันยายน 2010.

  1. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    ประมวลภาพ วัตถุมงคล ของพระเดชพระคุณ หลวงพ่อ พระราชพรหมยาน

    มีเกือบ ..ครบหมดทุกรุ่น

    คลิกไฟล์ที่ต้องการดู คลิกเปิด ลองดูนะ น่าจะได้ แจ้งนิดก็จะดี


    โอ๊ะ ๆๆๆๆๆๆ แม่ทองอยู่ นี่ก็แน่พอตัว นะ
    สามารถเข้ากระทู้ นี้ได้ ถามจริงไม่ร้อนบ้างเลยเหรอ ? เดือดร้อนจริงมีแจกนะ เอ้อ

    [MUSIC]http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=9371[/MUSIC]​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กันยายน 2010
  2. พิชญากร

    พิชญากร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    909
    ค่าพลัง:
    +5,260
    ..........

    บูชาจากวัดได้ค่ะ ตอนนี้ยังมีเหลืออยู่ พระคำข้าวรุ่น2 หลวงพ่อท่านสร้างไว้

    เยอะพอควรค่ะ แต่รุ่น 1 คงจะยากแล้วตอนนี้ แล้วที่ บ้านสายลม ก็ยังมีอยู่นะ

    คะ สะดวกที่ใดก็บูชาที่นั้นเลยค่ะ...ช้าแล้วอาจจะเอามือก่ายหน้าผากนะคะ

    ราคาบูชาตอนนี้ อยู่ที่องค์ 1600 บาทค่ะ
     
  3. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    [​IMG]

    กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาเป็นอย่างสูงสำหรับกระทู้อันทรงคุณค่านี้
    ติงขออนุญาตสำเนาเก็บไว้นะคะ
     
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
     
  5. ทองอยู่

    ทองอยู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +1,493

    เง้อ.....ตอนนี้ไม่ใช่ของขลังอย่างเดียวแร่ะ

    อาจจะมีของขึ้นด้วยเจ้าข้า อิอิอิ ไปดีฝ่า แว๊ปปปปปปปปปปปปปป
    กลัวโดนขวานฟ้าหน้าดำ 5555555555
     
  6. วิชา ละ

    วิชา ละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    338
    ค่าพลัง:
    +2,416
    วันนี้ยังตอบเพื่อนคนอื่นไม่จบเลย ต้องกับตอบเพื่อนคนนี้อีกครั้ง

    เจ้าของกระทู้นอกจากสะสมเก่งแล้ว ยังเขียนข้อความเก่งด้วย คารมก็ดีระวังสาวๆจะหลงนะ
    ขอพระเขานะรู้จักบ้านหรือยัง (เจ้าของยังไม่รู้จะตัดใจให้ได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย)เพราะรักหมดทุกพระองค์เลย

    เรื่องเพลงไม่ห่วงเลย เพราะธรรมะเป็นของกลางๆสำหรับทุกคนครับ ขอให้มีปัญญามาเอาไปทำให้พ้นทุกข์
     
  7. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    กราบ อนุโมทนา สาธุ กับ ทุกๆโพสท์ค่ะ

    [​IMG]
     
  8. no-ne

    no-ne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,198
    ค่าพลัง:
    +3,380
    อนุโมทนาสาธุกับพี่เแหลมด้วยค่ะ เล็กไม่มีความรู้เกียวกับพระเครื่อง หรือเรื่องคาถาเลย แต่ว่าท่องคาถาเงินล้านได้แม่นยำยิ่งนะคะ อิอิ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2010
  9. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    [​IMG]

    พิธีพุทธาภิเษก
    วิธีการปลุกพระ ปลุกผ้ายันต์ และวัตถุมงคลต่างๆ ถ้าพระที่เข้าขั้นที่เรียกว่าได้ทิพยจักขุญาน โดยมากเขาไม่ทำเองนะ เขาเที่ยววานพระมาทำ พระพุทธเจ้าบ้าง พระปัจเจกพุทธเจ้าบ้าง พระอริยสงฆ์บ้าง เทวดาบ้าง พรหมบ้าง อันนี้ก็สบายดี แต่หากว่าถ้าทำเองไม่นานมันก็เจ๊ง ตัวเองยังคุ้มครองตัวเองไม่ค่อยได้ คนมันก็ตายนี่ แล้วมันจะไปคุ้มครองความตายของใครเค้าได้

    วิธีทำฉันก็บวงสรวงชุมนุมเทวดา อาราธนาบารมีพระทั้งหมด ตั้งแต่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยสาวกทั้งหมด ตั้งแต่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยสาวกทั้งหมด พรหมทั้งหมด เทวดาทั้งหมด ครูอาจารย์ทั้งหมด ฉันยกยอดเลย ยกยอดในเมื่ออาราธนาก็เห็นท่านมากันครบถ้วน แล้วมาทำกัน เมื่อท่านบอกว่าไม่มีอะไรจะบรรจุแล้ว เต็มแล้ว ฉันก็เลิก จงจำไว้นะ

    การที่เราจะเสกพระเสกยันต์อะไรต่ออะไรนี่นะ ถ้าเสกด้วยอำนาจกำลังของเราล่ะก็ ไม่ช้ามันก็เสื่อม เราน่ะมันดีแค่ไหน การเสกว่าคาถาต่างๆ นี่ก็เป็นการอาราธนาบารมีของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือเทวดา หรือพรหมมาช่วย แต่ว่าคาถาบางอย่างก็จะว่าแต่เฉพาะบางจุด

    การเสกพระเสกเจ้า หรือผ้ายันต์เสก อะไรต่ออะไรพวกนี้ ถ้าเราเอาตัวของเราออกเสีย เราไม่เข้าไปยุ่ง แต่อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยสาวกทั้งหมด พรหมหรือเทวดาทั้งหมดท่านมาช่วย ท่านทำประเดี๋ยวเดียวสองสามนาทีมันก็เสร็จ ดีกว่าเราทำ ๑,๐๐๐ ปี แล้วจะเอาอะไรบ้างก็อาราธนาบอกท่าน บอกว่าขอให้ได้อย่างนั้นอย่างนี้


    แต่อย่าลืมนะ ถ้าใช้ในทางทุจริตหรือกฏของกรรมบังคับ ไม่มีอะไรที่จะคุ้มครองใครได้ ถ้าหากว่าใครเลวอยู่แล้วก็คอยพยุงๆ ให้เลวน้อยลงไปนึดหนึ่งได้ ถ้าใครดีขึ้นมาหน่ยก็พยุงให้ดีมากได้ นี่เป็นกฏของอำนาจ พุทธบารมี ธรรมบารมี สังฆบารมี และพรหมและเทวดาทั้งหลาย การทำตัวเป็นคนเก่งเองน่ะ มันใช้ไม่ได้ มันต้องให้พระท่านเก่งซี

    พระพุทธท่านเก่ง พระธรรมท่านเก่ง พระสงฆ์ท่านเก่ง พรหมท่านเก่ง เทวดาท่านเก่ง ของที่เราทำจะตามไปคุ้มครองชาวบ้านชาวเมืองได้ยังไงทุกคน ถ้าหากพระก็ดี พรหมก็ดี เทวดาก็ดี ท่านช่วยคุ้มครอง ท่านก็มองเห็นได้ถนัด สงเคราะห์เขาได้โดยสะดวก

    พระของฉัน หรือของๆที่ฉันออกแจกก็ตาม ฉันไม่เคยบอกว่าของๆฉันเป็นของคงกระพันชาตรี อันนี้ต้องจำกันไว้ด้วย ใครที่รับของๆฉัน แล้วจงทราบว่า ฉันไม่เคยรับรองเรื่องคงกระพันชาตรีเพราะเรื่องนี้ถ้าใครรับรองคนนั้นก็โง่ มันเป็นกฏของกรรม คนที่เหนียวๆ ยิงไม่ออกฟันไม่เข้า แต่ก็ทะลุทุกราย ถ้ากรรมชั่วมันเข้ามาถึงแล้ว กรรมใดที่เป็นบาปมันก็เปิดโอกาสให้คนหนังเหนียวนี่ตายเพราะอาวุธนับไม่ถ้วน

    ความมุ่งหมายในการใช้พระคล้องคอ โดยมาพวกเรามักเข้าใจผิดกัน ที่พระท่านทำไว้ให้คล้องคอ ก็หมายถึงว่า บุคคลที่มีใจเคารพในพระพุทธเจ้า มีใจเคารพในพระธรรม มีใจเคารพในพระอริยสงฆ์ แต่ทว่ามีกำลังใจในการเข้าถึงพระรัตนตรัยทั้ง ๓ ประการยังอ่อนอยู่ ฉะนั้น จึงได้ทำรูปเปรียบของพระพุทธเจ้าก็ดี


    รูปเปรียบเทียบของพระสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่งก็ดี ที่เป็นที่เคารพนับถือห้อยคอไว้ ถ้าหากว่าเรานึกถึงพระท่านไม่ออก จะได้นำพระขึ้นมาดู รูปนี้เป็นรูปขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงแนะนำให้เราปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามระบอบแห่งความดีที่เรียกว่า พระธรรมวินัย

    นี่คือความเป็นจริงเป็นความมุ่งหมายของผู้ทำต้องการอย่างนั้น หมายความว่าคนที่มีพระห้อยคอ ควรจะทำใจอย่างพระหรือมิฉะนั้นคนที่มีพระห้อยคอ ก็ควรที่จะทำตามพระแนะนำ ให้ปฏิบัตดี ปฏิบัติชอบ แต่พวกเราก็กลับมาพลิกแพลงเสีย เอาพระไปตีกับชาวบ้านเขา ไปยุให้พระตีกัน

    พระที่นำมาห้อยคอนี่ พระท่านทำขึ้นมาก็ด้วยอาศัยอำนาจของพระพุทธานุภาพนะ อำนาจของพระพุทธานุภาพนี่สามารถที่จะช่วยคนที่ยังไม่ถึงอายุขัยให้พ้นจากอันตรายได้ ที่เรียกว่า "พระเครื่อง" อันนี้ใช้ได้ แต่ถ้าหากจะเรียก "เครื่องรางของขลัง" อันนี้ใช้ไม่ได้ พระทุกองค์ท่านทำมาไม่ใช่ของขลังท่านทำมาด้วย วิธีที่เรียกว่า พุทธศาสตร์ ไม่ใช่ ไสยศาสตร์ พุทธศาสตร์กับไสยศาสตร์มีค่าต่างกัน

    พวกของขลังนี่เป็นไสยศาสตร์ เขาทำมาเพื่อขาย สำหรับพุทธศาสตร์ เขาทำเพื่อการสงเคราะห์ เพื่อให้บุคคลที่มีพระประเภทนี้ไว้ ถ้ามีจิตใจเคารพในคุณพระรัตนตรัย ถ้าไม่ถึงอายุขัย ถ้าอันตรายของชีวิตพึงจะเกิดขึ้น ก็สามารถปลอดภัยจากอันตรายนั้นได้

    จาก หนังสือสมบัติพ่อให้
    โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (ฤาษี ลิงดำ)
     
  10. ทองอยู่

    ทองอยู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +1,493
    พุทธศาสตร์กับไสยศาสตร์มีค่าต่างกัน

    พวกของขลังนี่เป็นไสยศาสตร์ เขาทำมาเพื่อขาย

    สำหรับพุทธศาสตร์ เขาทำเพื่อการสงเคราะห์ เพื่อให้บุคคลที่มีพระประเภทนี้ไว้ ถ้ามีจิตใจเคารพในคุณพระรัตนตรัย ถ้าไม่ถึงอายุขัย ถ้าอันตรายของชีวิตพึงจะเกิดขึ้น ก็สามารถปลอดภัยจากอันตรายนั้นได้

    [​IMG]

    โมทนาสาธุการ ขอบพระคุนมากค่ะ
     
  11. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    แร่พระร่วง

    [​IMG]

    แร่นี้มีคุณสมบัติตามที่ทราบจากพระธุดงค์ที่เคยประสบมาคือ

    ๑. เมื่อจะใช้ท่านให้อาราธนาพระร่วงแล้วอมไว้ เดินทางตลอดวันไม่กระหายน้ำ

    ๒.พระธุดงค์อีกคณะหนึ่งแจ้งว่า เมื่อเดินธุดงค์เพื่อนพระเกิดเป็นโรคท้องร่วงไม่มียาจึงเสี่ยงด้วยเอาแร่พระร่วงใส่กาน้ำ
    ต้มแล้วเอาให้ฉัน พระองค์ที่ป่วยหายจากอาการท้องร่วงทันที

    ๓. เมื่อปี ๒๕๑๖ พระปลัดฉ่อง แห่งอำเภอสรรค์บุรี จังหวัดชัยนาท ได้ทำเป็นแหวนแจก ผู้รับไปจำชื่อไม่ได้ มีโจรเข้าปล้นควาย โจรมีปืนเจ้าของคนเดียวมีมีดด้วยความเสียดายควาย แม้จะคนเดียวและอาวุธไม่ดีก็ยอมเสี่ยงเข้าไล่โจร
    โจรยิงด้วยปืนพกและลูกซอง ปรากฏว่าไม่มีแผล เจ้าตัวยืนยันว่าไม่มีอะไรอื่นเลยมีเพียงแร่พระร่วงเท่านั้น

    เมื่อทราบผลตามที่บรรยายมาข้างต้นนี้ คณะศิษย์ร่วมด้วยอาตมา มีพลเรือเอกจิตต์ สังขดุล เป็นประธาน กับพลอากาศตรีหม่อมราชวงศ์ เสริม ศุขสวัสดิ์ และคณะเป็นผู้ดำเนินการ จึงได้ร่วมใจกันบริจาคทุนทรัพย์ตามแต่จะหาได้ จ้างคนขุดขึ้นแล้วนำมาแจกให้ท่านทั้งหลาย หากผลปรากฏว่าสรรพคุณของแร่นี้

    สามารถทำให้บรรดาท่านนักรบแนวหน้า ทั้งหลายรอดพ้นจากภยันตราย และประสบชัยชนะในสนามรบ อันจะเป็นผลให้ประเทศชาติของเราปลอดภัย คณะผู้แจกย่อมจะมีความ ปลอดภัยไปด้วย <O:p</O:pอาศัยความดีของท่านที่มีต่อประเทศชาติและปวงชนชาวไทยทั้งผอง พวกเราที่อยู่ในแนวหลังรู้สึกว่าตนเองเป็นหนี้
    บุญคุณท่านเป็นอันมาก

    จึงได้พากันสละทรัพย์ตามกำลังเพราะพวกเรามีฐานะไม่ร่ำรวย เพียงมีพอใช้เท่านั้น ได้ร่วมกันจัดของมงคลและอาหารตามสมควร มาสนองคุณความดีของท่าน สิ่งของที่นำมานี้มิได้คิดว่าเพียงพอ กับบุญคุณคือความดีที่ท่านนักรบต้องสละเลือดเนื้อ หรือแม้กระทั่งชีวิตอันเป็นที่รักหวงแหน เพื่อชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์และปวงชนชาวไทย เพราะความดีของท่านมีมากเกินกว่าจะพรรณนา หรือหาสิ่งใดมาตอบแทนได้
    [​IMG]

    พวกเราชาวแนวหลังจึงขอเทิดทูนความดีของท่านไว้ประจำใจ หากท่านนักรบชาวแนวหน้ามีความต้องการสิ่งใด ซึ่งไม่เป็นสิ่งเกินวิสัยที่พวกเราชาวแนวหลังจะจัดให้ได้ ก็ขอรับอาสาบอกแก่ศิษย์และท่านที่มีความเห็นตรงกันจัดหามาสนองให้ตามที่ท่านต้องการ

    <O:p</O:pขอให้ทุกท่านจงปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง และจงชนะศัตรูทุกขณะที่เข้าปะทะกัน ท่านทำงานเพื่อสันติสุขของชนส่วนใหญ่พระและเทพยดาคงจะช่วยท่านในชาติปัจจุบันและสัมปรายภพ
    <O:p</O:p
    อนึ่ง ในโอกาสที่ได้นำสิ่งของดังกล่าวแล้วมามอบให้บรรดาท่านนักรบผู้เสียสละนอกจากอาตมาและคณะศิษย์ จะได้เดินทางมาเยี่ยมท่านเองแล้ว ยังได้นิมนต์พระคุณเจ้าที่มีชื่อเสียงทางภาคเหนือมาเยี่ยมเยือนท่านอีกด้วย ๔ รูป คือ

    หลวงพ่อบุญทึม พรหมเสโน วัดจามเทวี อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน
    พระครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่
    หลวงปู่คำแสน คุณาลังกาโร วัดดอนมูล อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ พระคุณเจ้าทั้ง ๓ รูปนี้เป็นศิษย์ครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย
    หลวงพ่อสิม พุทธาจาโร สำนักสงฆ์ผาปล่อง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ฤๅษีลิงดำ (พระมหาวีระ ถาวโร)<O:p</O:p
    ศูนย์ปฏิบัติพระกรรมฐาน ศิษย์หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค <O:p</O:p
    ตำบลน้ำซึม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี <O:p</O:p
    ๒๓ เมษายน ๒๕๑๘

    คัดลอกมาจากหนังสือ : สมบัติพ่อให้ หน้า ๑๓๖ – ๑๓๘ <O:p</O:p
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  12. thol

    thol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    257
    ค่าพลัง:
    +837
    อนุโมทนาสาธุครับ
    ขอให้ทุกๆท่านมีความสุขกายสุขใจทุกๆท่านครับ
     
  13. yupanatuk

    yupanatuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +418
    ขออนุโมทนา สาธุเป็นอย่างสูง ที่ให้พระคาถาเป็นธรรมทาน สาธุ....
     
  14. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    กราบ อนุโมทนา สาธุ...อย่างสูงค่ะ

    [​IMG]
     
  15. วันทนา vijit

    วันทนา vijit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2008
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +359
    อนุโมทนาด้วยค่ะ ได้ทำบุญตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา พระที่ได้มา
    ไม่ทราบว่าเป็นสมัยของหลวงพ่อทำหรือไม่นะ
     
  16. jake009

    jake009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +285
    ขอพระคุณเจ้าของกระทู้
    ขออนุญาตปริ้นเก็บไว้
     
  17. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    น้ำมันชาตรี


    [​IMG]



    เมื่อตอนเช้านี่ หลวงพ่อปานบอกว่า ให้ขอลูกเบาท่าน คำว่าลูกเบาหรือชาตรีนี่อันเดียวกัน คือว่า กระทบกระทั่งอะไรเข้า มันเบาหมด อย่างนักมวยนี่ เวลาเขาชกมาถูกเบา เขาชกหนักก็เบานะ


    ประวัติก็มีอยู่ว่า เคยไปเทศน์ที่วัดหูช้าง พอเวลาเดินไป ลมพายุมันกระโชกมา มีคนหนึ่งแกนั่งกินน้ำตาลเมาอยู่ยอดตาล พอลมกระโชกมาปั๊บ แกลื่นปรี๊ดหน่ลมาปุ๊บ


    เราก็รีบวิ่งเข้ามาใกล้ นึกว่าแย่ เพราะต้นตาลมันสูง ที่ไหนได้ แกลุกขึ้นปัดตูด เอามือปัดๆๆ พอดูน้ำตาลเมาที่มือ บอก "ไอ้ห่ะ หกเสียหน่อย" (หัวเราะ) "แหม เสียดาย หกเสียหน่อยได้" นี่ เห็นไหมล่ะ อย่างนี้เขาเรียกลูกเบา คือชาตรีนะ


    น้ำมันชาตรีนี่มันมีผลสองอย่าง เขาใช้ในการรักษาโรคก็ได อีกอย่างหนึ่งคือเรื่องลูกเบา ถ้าถูกอะไรทุกอย่างเบาหมด


    น้ำมันชาตรีนี่ ฉัน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) ฝันมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่มีใครสอนให้ อาจารย์จริงๆ ที่พบก็มีสองคน อาจารย์โพดา คนหนึ่ง หลวงพ่อปาน องค์หนึ่ง


    ฉันเคยขโมยท่าน ความจริง ลูกศิษย์เขาไม่ถือว่าขโมยนะ คือว่า เป็นค่าจ้างเฝ้ากุฏิฉันคิดเอาเองนะ พอท่านไม่อยู่ เราก็ย่องๆ ไปเปิดตู้เจอะเข้า เขียนว่า "น้ำมันชาตรี" ขวดขนาดนี้ สั้นนิดเดียว หมอ น้ำมันงา คล้ายน้ำมันจันทน์ เป็นน้ำมันงาหอมฉันคิด เอ๊ะ น้ำมันชาตรีเป็นยังไง เทใส่ขวดมาครึ่งขวดยานัตถุ์ พอท่านกลับมาถามว่า


    "ใครเอาน้ำมันไป" บอก "ผมครับ"
    "ใครอนุญาต" .. "ผมครับ"
    "เขาให้แกได้ยังไง" .. "ผมเฝ้ากุฏิครับ"
    "เออ .. มีมึงคนเดียวที่กล้าพูดแบบนี้ เอาไปให้ดีนะ อย่าใช้ในทางที่ผิดนะ"
    ถาม .. "หลวงพ่อครับ เป็นไง"
    "มันรักษาโรคได้ทุกอย่างลูก เอางี้ซิ ไอ้อั๋นเป็นนักมวย พอมันจะชก ให้แตะหน้ามันหน่อยหนึ่ง
    ดูซิเป็นไง ข้ายังไม่เคยใช้เลยว่ะ ตั้งแต่ทำมา" เป็นอันว่า นายอั๋นชกเสร็จเรียบร้อยแล้ว
    ถามว่าเป็นไง บอก "ชกไม่รู้สึกเจ็บครับ"


    อย่างนี้เขาเรียกลูกเบา กระทบอะไรเข้ารู้สึกเบาหมด ไม่หนัก อย่างตกมาจากยอดตาลนี่ ไม่รู้สึกตัวว่าตก ไม่มีความรู้สึกว่ามันเจ็บใช่ไหม ถามว่าโยมมีอะไร บอกมีน้ำมันลูกเบา เขาเรียกลูกเบาก็เรียกนะ เมื่อคืนคิดหมือนกันว่า อาจจะต้องเสกถึง 7 ครั้งละมั้ง


    ตอนเช้าหลวงพ่อปานมาบอก "ไม่ต้อง 7 หรอก ครั้งเดียวลูก พอ ไม่จำเป็นต้องทำมาก เพราะสมเด็จท่านทำเอง พระทั้งหมด ท่านช่วยกันทำ แต่ว่าเติมได้แบบเดิม" เวลาจะเติม ก็เอาน้ำมันชาตรีนี้ออกมาก่อน เอาน้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันงาก็ตาม ใส่ในขวดลูกนั้นก่อนนะ น้ำมันนี่เติมลงไป อย่าเอาน้ำมันใส่เติมทับน้ำมันเก่า เอาน้ำมันเก่าเติมทับน้ำมันใหม่ ..



    วิธีใช้น้ำมันชาตรี



    ก่อใช้ ขอให้อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจอพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์ทั้งหมด พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เป็นที่สุด เมื่ออาราธนาแล้ว ให้ตั้ง นะโม 3 จบ และว่า


    .. พุทธัง สรณัง คัจฉามิ, ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ , สังฆัง สรณัง คัจฉามิ .. เหมือนเมื่อรับศีล ต่อนั้นไป ให้ปลุกด้วยคาถานี้


    .. อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่ มะ อะ อุ นี้ด้วยเถิด ..


    ใช้รักษาโรคได้ทุกอย่าง รับประทานหรือทาก็ได้ สุดแท้แต่โรคนั้น ควรรับประทานหรือทา ขณะรักษาโรค ให้ว่าคาถาดังนี้ .. ทุกขา ทุกขัง ปฏิฐิตัง สัมปะติจฉามิ


    ข้อสังเกต .. จะเป็นโรคอะไรก็ตาม เมื่อรับประทานหรือทาแล้ว รู้สึกร้อน แสดงว่าน้ำมันนี้ รักษาโรคนั้นไม่หาย ถ้ารับประทานหรือทาแล้วรู้สึกเย็น น้ำมันนี้รักษาโรคนั้นหาย การรับประทาน รับประทานวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 ช้อนกาแฟ



    ถ้าให้เป็นมงคล



    ให้ใช้ก้านธูปหรืออะไรก็ได้ จุ่มในน้ำมัน แล้วแตะที่ศีรษะวันละ 1 ครั้ง
    จะเป็นมงคลทุกอย่างแก่ท่าน ถ้ามียวดยานพาหนะ ให้ทายวดยานพาหนะนั้น (ทาเพียงครั้งเดียว เหมือนที่เขาเจิมกัน)


    น้ำมันนี้ เมื่อท่านได้รับแล้ว จงอย่าปล่อยให้หมด หาน้ำมันงาหรือน้ำมันมะพร้าว มาเติมไว้เสมอๆ เมื่อน้ำมันนี้ถูกเติมแล้ว คุณภาพจะไม่เสื่อม

    จาก หนังสือสมบัติพ่อให้
    โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (ฤาษี ลิงดำ)

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1024108/[/MUSIC]​
     
  18. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291

    พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร)

    เกิด 8 กรกฎาคพ.ศ. 2459
    อุปสมบท16 กรกฎาคมพ.ศ. 2479
    มรณภาพ 30 ตุลาคมพ.ศ. 2535
    พรรษา56
    อายุ76
    วัดวัดจันทาราม(ท่าซุง)จังหวัด อุทัยธานี
    สังกัด มหานิกาย
    วุฒิการศึกษา ป.ธ.4น.ธ.เอก
    ตำแหน่งงานคณะสงฆ์ เจ้าอาวาสวัดจันทาราม(ท่าซุง)


    พระราชพรหมยาน หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ครั้งสุดท้ายเป็น พระราชพรหมยาน ไพศาลภาวนานุสิฐ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี

    *******************

    ประวัติ


    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโรมหาเถระ) เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2459 ตรงกับวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 8 ปีมะโรง ที่ตำบลสาลี อำเภอบางปลาม้าจังหวัดสุพรรณบุรี บิดาชื่อ นายควง สังข์สุวรรณ มารดาชื่อ นางสมบุญ สังข์สุวรรณ ท่านเป็นบุตรคนที่ 3 จากพี่น้องร่วมบิดามารดาจำนวน 5 คน ดังนี้
    1. นายวงษ์ สังข์สุวรรณ ถึงแก่กรรมเมื่อ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2513
    2. นางสำเภา ยาหอมทอง(สังข์สุวรรณ)
    3. พระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร(สังข์สุวรรณ))
    4. พระครูพิศาลวุฒิธรรม (พระมหาเวก อักกวังโส(สังข์สุวรรณ))
    5. ด.ญ. อุบล สังข์สุวรรณ ถึงแก่กรรมตั้งแต่อายุ 4 ขวบ
    บิดาเป็นหัวหน้าหาเลี้ยงครอบครัวโดยเป็นเจ้าของนาอยู่ 40 กว่าไร่ ทำนาได้ข้าวปีละ 9 - 10 เกวียน สมัยนั้นราคาข้าวเกวียนละ 20 - 25 บาท บิดาจึงมีอาชีพหลัก คือ ทำนาและหาปลา มารดาเป็นคนใจบุญสุนทาน ขณะจะตั้งครรภ์ นอนฝัน เห็นพรหมมีสีเหลืองเป็นทองคำเหมือนพระพุทธรูป นอนลอยไปในอากาศ มีเพชรประดับแพรวพราวทั้งตัว เข้าทางหัวจั่วด้านทิศเหนือ เข้ามานั่งที่ตักท่าน มารดาก็กอดไว้ แล้วก็หายเข้าไปในกาย เมื่อเกิดมาใหม่ ๆ ลุงที่บวชเป็นพระได้ฌานสมาบัติ (หลวงพ่อเล็ก เกสโร) ท่านบอกว่า เจ้าเด็กคนนี้มาจากพรหม ดังนั้นจึงให้ชื่อว่า "พรหม" และต่อมาภายหลัง คนที่จดสำมะโนครัวเขามาเปลี่ยนชื่อให้เป็น "สังเวียน" ท่านยายกับชาวบ้านเรียกว่า "เล็ก" ส่วนท่านมารดาและพี่ ๆ น้อง ๆ เรียกว่า "พ่อกลาง"

    พ.ศ. 2466 อายุ 7 ขวบ เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนประชาบาลวัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนจบชั้นประถมปีที่ 3 พ.ศ. 2474 อายุ 15 ปี อาศัยกับท่านยายที่บ้านหน้าวัดเรไร อำเภอตลิ่งชัน จังหวัดธนบุรี ได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ พ.ศ. 2478 อายุ 19 ปี เข้าทำงานเป็นเภสัชกรทหาร สังกัดกรมการแพทย์ทหารเรือ (ปัจจุบันคือโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า)

    พ.ศ. 2479 อายุ 20 ปี อุปสมบทเป็นภิกษุเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2479 เวลา 13.00 นาฬิกา ที่วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีพระครูรัตนาภิรมย์ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูวิหารกิจจานุการ (ปาน โสนันโท) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์เล็ก เกสโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    คำสั่งพระอุปัชฌาย์ ขณะเข้าบวช หลวงพ่อปาน ท่านบอกท่านอุปัชฌาย์ว่า เจ้านี่หัวแข็งมาก ต้องเสกด้วยตะพดหนักหน่อย ท่านอุปัชฌาย์ท่านเป็นพระทรงธรรมเหมือนหลวงพ่อ(ปาน) หลวงพ่อเล็กก็เหมือนกัน ท่านอุปัชฌาย์ท่านยิ้มแล้วท่านพูดว่า "3 องค์นี้ไม่สึก อีกองค์ต้องสึกเพราะมีลูก เมื่อจะสึกไม่ต้องเสียดายนะลูก เกษียณแล้วบวชใหม่มีผลสมบูรณ์เหมือนกัน 2 องค์นี้พอครบ 10 พรรษาต้องเข้าป่า

    เมื่อเข้าป่าแล้วห้ามออกมายุ่งกับชาวบ้านจนกว่าจะตาย จะพาพระและชาวบ้านที่อวดรู้ตกนรก จงไปตามทางของเธอ ท่านปานช่วยสอนวิชาเข้าป่าให้หนักหน่อย ท่านองค์นี้ (หมายถึงฉัน) จงเข้าป่าไปกับเขา แต่ห้ามอยู่ในป่าเป็นวัตร เพราะเธอมีบริวารมาก ต้องอยู่สอนบริวารจนตาย พอครบ 20 พรรษาจงออกจากสำนักเดิม เธอจะได้ดี จงไปตามทางของเธอ ฉันบวชพระมามากแล้วไม่อิ่มใจเท่าบวชพวกเธอ"


    <DL><DD>พ.ศ. 2480 อายุ 21 ปี สอบได้นักธรรมตรี<DD>พ.ศ. 2481 อายุ 22 ปี สอบได้นักธรรมโท<DD>พ.ศ. 2482 อายุ 23 ปี สอบได้ นักธรรมเอก</DD></DL>
    *******************


    ระหว่างพรรษาที่ 1 - 4


    <DL><DD>- เรียนอภิญญา <DD>- ธุดงค์ป่าช้า, ป่าศรีประจันต์, พระพุทธบาท, พระพุทธฉาย, เขาวงพระจันทร์ , เขาชอนเดื่อ, ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์, ดงพระยาเย็น, ภูกระดึง, พระแท่นดงรัง ฯลฯ <DD>- ศึกษาวิปัสสนา </DD></DL>
    ระหว่างปี พ.ศ. 2480-2483 ได้ศึกษาพระกรรมฐาน จากครูบาอาจารย์หลายท่าน อาทิเช่นหลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค, หลวงพ่อจง พุทธสโร วัดหน้าต่างนอก, พระอาจารย์เล็ก เกสโร วัดบางนมโค, พระครูรัตนาภิรมย์ วัดบ้านแพน], พระครูอุดมสมาจารย์ วัดน้ำเต้า, หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ, หลวงพ่อเนียม วัดน้อย, หลวงพ่อโหน่ง วัดอัมพวัน (วัดคลองมะดัน) และหลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พิณสุวรรณ

    พ.ศ. 2483 อายุ 24 ปี เข้ามาจำพรรษาที่วัดช่างเหล็ก อำเภอตลิ่งชัน ธนบุรี เพื่อเรียนบาลี จากนั้นย้ายมาอยู่ที่วัดอนงคารามในช่วงออกพรรษาในสมัยสมเด็จพระพุฒาจารย์(นวม) อยู่วัดช่างเหล็กในช่วงเข้าพรรษา ระหว่างนี้ได้ศึกษาเพิ่มเติมกรรมฐานกับหลวงพ่อสดวัดปากน้ำภาษีเจริญ และพบพระสุปฏิปันโนอีกมาก เช่น สมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทัย) เป็นต้น

    พ.ศ. 2486 อายุ 27 ปี สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค เปลี่ยนชื่อเป็น "พระมหาวีระ" เพื่อไม่ให้คล้ายกับ พระมหาสำเนียง ที่อยู่วัดช่างเหล็ก ที่เดียวกัน

    พ.ศ. 2488 อายุ 29 ปี สอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค ย้ายมาอยู่วัดประยูรวงศาวาส ได้เป็นรองเจ้าคณะ 4 วัดประยูรวงศาวาส และฝึกหัดการเป็นนักเทศน์

    พ.ศ. 2492 อายุ 33 ปี จำพรรษาที่วัดลาวทอง จังหวัดสุพรรณบุรี

    พ.ศ. 2494 อายุ 35 ปี จึงกลับไปอยู่วัดบางนมโคจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นเจ้าอาวาสวัดบางนมโค

    พ.ศ. 2500 อายุ 41 ปี อาพาธหนักเข้าโรงพยาบาลกรมแพทย์ทหารเรือ

    พ.ศ. 2502 อายุ 43 ปี พักฟื้นที่วัดชิโนรสาราม จังหวัดกรุงเทพมหานครฯ จากนั้นจึงได้ย้ายไปอยู่วัดโพธิ์ภาวนาราม อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท ซึ่งขณะนั้นยังเป็นสำนักสงฆ์ ได้ลูกศิษย์รุ่นแรก 6 คน

    พ.ศ. 2505 อายุ 46 ปี ไปจำพรรษาที่วัดพรวน อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาทเป็นเวลา 1 พรรษา

    พ.ศ. 2506 อายุ 47 ปี กลับมาจำพรรษาที่วัดโพธิ์ภาวนาราม พอกลางเดือนมิถุนายน ก็ได้ลาพุทธภูมิ

    พ.ศ. 2508 อายุ 49 ปี จำพรรษาที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ตำบลมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท แล้วเริ่มไป - กลับวัดสะพาน อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท เพื่อสอนพระกรรมฐาน

    พ.ศ. 2510 อายุ 51 ปี ได้สอนวิชามโนมยิทธิ แล้วจึงจำพรรษาที่วัดสะพาน อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท

    พ.ศ. 2511 อายุ 52 ปี ในวันที่ 11 มีนาคม จึงมาอยู่วัดจันทาราม (ท่าซุง) ตำบลน้ำซึม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ได้ทำบูรณะ สร้างและขยายวัด จากเดิมมีพื้นที่ 6 ไร่ 2 งาน 07 2/10 ตารางวา จนกระทั่งเป็นวัดที่มีบริเวณพื้นที่ประมาณ 289 ไร่ 1 งาน 40 ตารางวา มีอาคารและถาวรวัตถุต่าง ๆ จำนวน 144 รายการในวัด สิ้นค่าก่อสร้างทั้งสิ้น

    611,949,193 บาท สิ่งก่อสร้างทั้งในวัดและนอกวัด อาทิเช่น หอสวดมนต์, พระพุทธรูป, อาคารปฏิบัติกรรมฐาน, ศาลาการเปรียญ, วิหาร 100 เมตร, โบสถ์ใหม่, บูรณะโบสถ์เก่า, ศาลา 2 ไร่, 3 ไร่, 4 ไร่ และ 12 ไร่, หอไตร, โรงพยาบาลศูนย์แม่และเด็ก ชนบทที่ 61, พระจุฬามณี, มณฑปท้าวมหาราชทั้ง 4, พระบรมราชานุสาวรีย์ 6 พระองค์, พระชำระหนี้สงฆ์, โรงไฟฟ้า, โรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา, ศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในแดนทุรกันดารตามพระราชประสงค์ เป็นต้น ทั้งยังได้ช่วยการก่อสร้างที่วัดอื่น ๆ ในประเทศไทยอีกมากมาย

    พ.ศ. 2520 อายุ 61 ปี ตั้งศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในแดนทุรกันดารตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม

    พ.ศ. 2526 อายุ 67 ปี สร้างโรงพยาบาลแม่และเด็กชนบทที่ 61 และมอบให้กรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข

    พ.ศ. 2527 อายุ 68 ปี ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญเปรียญวิ.(ป.ธ.4น.ธ.เอก) ที่ "พระสุธรรมยานเถร"

    พ.ศ. 2528 อายุ 69 ปี สร้างโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา

    พ.ศ. 2532 อายุ 73 ปี ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ "พระราชพรหมยาน ไพศาลภาวนานุสิฐ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี"

    พ.ศ. 2535 อายุ 76 ปี ได้อาพาธด้วยโรคปอดบวมอย่างแรง และติดเชื้อในกระแสโลหิต เข้ารักษาที่โรงพยาบาลศิริราช และมรณภาพที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม 2535 เวลา 16.10 น. ปัจจุบันศพของหลวงพ่อได้บรรจุไว้ในโลงแก้วบนบุษบกทองคำที่ประดับด้วยอัญมณีอันวิจิตรงดงาม ณ วัดจันทาราม ตำบลน้ำซึม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี


    *******************

    ผลงาน

    ตลอดระยะเวลาที่อุปสมบทอยู่ หลวงพ่อพระราชพรหมยานได้ทำหน้าที่ของพระสงฆ์ ในพระพุทธศาสนาอย่างสมบูรณ์ กล่าวคือ

    ทางด้านชาติ ได้สร้างโรงพยาบาล, สร้างโรงเรียน, จัดตั้งธนาคารข้าว, ออกเยี่ยมเยียน ทหารหาญของชาติและตำรวจตระเวณชายแดนตามหน่วยต่าง ๆ เพื่อ ปลุกปลอบขวัญและกำลังใจ และ แจกอาหาร, ยา, อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และวัตถุมงคลทั่วประเทศ
    ทางด้านพระศาสนา ได้สั่งสอนพุทธบริษัทศิษยานุศิษย์ให้มุ่งพระนิพพานเป็นหลัก โดยให้ประพฤติปฏิบัติสำรวมกาย, วาจา, ใจ, มุ่งในทาน, ศีล, สมาธิ และปัญญา ทั้งในทางกรรมฐาน 40 และมหาสติปัฏฐานสูตร

    ได้พิมพ์หนังสือคำสอนจำนวนมากและบันทึกเทปคำสอนกว่า 1,000 ม้วน นอกจากนี้ยังได้แสดงธรรมเทศนาทางสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์เป็นครั้งคราว นอกจากนี้ ยังเดินทางไปสงเคราะห์คณะศิษย์ในต่างจังหวัดและต่างประเทศทุก ๆ ปี
    ทางด้านวัตถุ ท่านได้ช่วยสร้างพระพุทธรูปและถาวรวัตถุไว้ในพระพุทธศาสนามากกว่า 30 วัด รวมทั้งการบูรณะฟื้นฟูวัดท่าซุงด้วยเงินกว่า 600 ล้านบาท ได้สร้างพระไตรปิฎก และถวายผ้าไตรแก่วัดต่างๆ ปีละไม่ต่ำกว่า 200 ไตร

    ทางด้านพระมหากษัตริย์ท่านได้สนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยการจัดตั้งศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดารตามพระราชประสงค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9

    ซึ่งศูนย์ฯ นี้ได้ดำเนินการสงเคราะห์ราษฎรในถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 ทั้งการแจกเสื้อผ้า, อาหาร และยารักษาโรคแก่ราษฎรผู้ยากจน, การช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยทางธรรมชาติ, การจัดแพทย์เคลื่อนที่ออกรักษาพยาบาลราษฎรผู้เจ็บป่วย, การให้ทุน นักเรียนที่เรียนดีแต่ยากจน, การบริจาคทุนทรัพย์ให้แก่มูลนิธิและโรงพยาบาลต่าง ๆ ฯลฯ

    นับได้ว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานเป็นปูชนียบุคคลผู้อยู่ด้วยความกรุณา เป็นปกติ พร่ำสอนธรรมะและสิ่งทีเป็นประโยชน์และสงเคราะห์เกื้อกูลมหาชนด้วยเมตตามหาศาลสมกับเป็น ศากยบุตรพุทธชิโนรสแท้องค์หนึ่ง
    คุณวิเศษส่วนองค์และต่อส่วนรวม


    <DL><DD>1. เป็นผู้ได้บำเพ็ญบารมีมามาก <DD>2. ทรงอภิญญาสมาบัติและปฏิสัมภิทาญาณ <DD>3. ทรงเถรธรรม ประกอบด้วย รัตตัญญู (รู้ราตรีนาน), สีลวา (มีศีล), พหุสสุตะ (ทรงความรู้ได้ฟังมาก), สวาคตะปาฏิโมกขะ (วินิจฉัยพระวินัยได้ดี), อธิกรณสมุปปาทวูปสมกุสละ (ฉลาดในการระงับอธิกรณ์ที่เกิดขึ้น), ธัมมกามะ (ใคร่ในธรรม), สันตุฏฐะ (สันโดษ), ปาสาทิกะ (น่าเลื่อมใส), ฌานลาภี (คล่องในฌาน) และ อนาสวเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ (บรรลุเจโตวิมุติ และปัญญาวิมุติ สิ้นอาสวกิเลส <DD>4. รู้แจ้งในไตรภูมิ <DD>5. เป็นที่รักของพระ พรหม เทพยดาและมนุษย์ทั้งปวง <DD>6. สอนคนให้เข้าใจถึงพระนิพพานได้จริง ตามมาตรฐานการปฏิบัติธรรมแห่งพระพุทธศาสนาครบถ้วนทั้ง 4 หมวด อันได้แก่ <DD>6.1) สุกขวิปัสสโก ปฏิบัติธรรมแบบเรียบ ๆ มีมรรคมีผล แต่ไม่มีความรู้พิเศษ <DD>6.2) เตวิชโช หรือเรียกว่า วิชชา 3 มีมรรคมีผล และมีความรู้พิเศษคือ ทิพจักขุญาณ รู้ว่าคนเกิดมาจากไหน ตายไปไหน เป็นต้น มีญาณ 8 ประการ <DD>6.3) ฉฬภิญโญ หรือเรียกว่า อภิญญา 6 มีมรรคมีผล และมีความรู้พิเศษคือแสดงฤทธิ์ได้ 5 อย่าง หากหมดกิเลสด้วยจะเรียกว่าได้อภิญญา 6 <DD>6.4) ปฏิสัมภิทัปปัตโต หรือเรียกว่า ปฏิสัมภิทาญาณ มีมรรคมีผล และมีความรู้พิเศษครอบคลุมทั้ง 3 หมวดแรก ปฏิสัมภิทาญาณนั้นคือ ทรงพระ </DD></DL>ไตรปิฎก(แตกฉานในเหตุและผล), รู้ภาษาคนทุกภาษาและภาษาสัตว์ทุกชนิด และคล่องแคล่วในการสอนธรรม (ขยายความให้เข้าใจก็ได้ ย่อความให้เข้าใจก็ได้)


    คำกล่าวที่จารึกในแผ่นทองซึ่งบรรจุใต้แท่นพระประธาน เมื่อพ.ศ. 2519 ในแผ่นทองได้จารึกไว้ดังนี้ เราพระมหาวีระ มีพระราชานามว่า ภูมิพล เป็นผู้อุปถัมถ์ ร่วมด้วยพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ สร้างวัดนี้เป็นพุทธบูชา เมื่อศักราชล่วงไปแล้ว 2700 ปีปลาย จะมีพระเจ้าธรรมิกราช นามว่า ศิริธรรมราชา สืบเชื้อสายมาจากเชียงแสนและสุโขทัย ร่วมกับพระอรหันต์ จะมาบูรณะวัดนี้ สืบพระศาสนาต่อไป คณะของเราขอโมทนา แต่อยู่ช่วยไม่ได้ เพราะไปพระนิพพานหมดแล้ว

    อีกทั้งท่านยังได้ตั้งสัตยาธิษฐานฝากลูกหลานของท่านไว้ดังนี้

    ฉันขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประมุข พร้อมด้วยพระอริยสงฆ์ทั้งหมดและพระพรหม และเทพเจ้าทั้งหมด ขอทุกท่านจงกำหนดจิต จดจำลูกหลานของฉันไว้ ว่าบุคคลใดก็ตาม เมื่อเวลาจะตายขอให้สติสัมปัชัญญะสมบูรณ์ มีจิตน้อมไปในกุศลกรรม และขอให้ได้รับผลที่ฉันได้ทำไปแล้วทุกประการแก่ลูกหลานของฉันทุกคน

    เวลานี้ฉันมองดูแล้วนะ ตรวจดูแล้ว สิ่งที่ฉันต้องการมันสมใจนึกแล้ว ฉันมีความอิ่มใจบอกไม่ถูก ปลื้มใจที่ความปรารถนาสมหวัง ที่ฉันตั้งใจไว้นาน ปรารถนาไว้นานคิดว่าจะทำไม่ได้ แต่เวลานี้ทำได้แล้ว ลูกหลานของฉันทุกคน มีศรัทธาเป็นอจลศรัทธาแล้ว มีความมั่นคงในพระพุทธศาสนาแล้ว มีความดีพอสมควรแล้ว อุโบสถหลังใหม่นี้ มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในพระเกศมาลาของสมเด็จพระ พุทธพรมงคล พระประธานในพระอุโบสถ, เททองหล่อรูปหลวงพ่อปาน และทรงตัดลูกนิมิตด้วย ในช่วงพ.ศ. 2518 - 2520


    *******************

    การรับเป็นศิษย์

    "..คนที่ต้องการเป็นศิษย์ ไม่ต้องขออนุญาต ขอให้ปฏิบัติตามนี้ อยู่ที่ไหน ไม่เคยเห็นหน้ากันเลยก็รับเป็นศิษย์ คือ

    <DL><DD>1. ศิษย์ชั้น 3 </DD></DL>พยายามรักษาศีล 5 เสมอ อาจจะขาดตกบกพร่องบ้าง แต่ก็พยายามรักษาให้ครบถ้วนให้มากที่สุดที่จะทำได้ อย่างนี้ ขอรับไว้เป็นศิษย์ชั้น 3 คือ ศิษย์ขนาดจิ๋ว

    <DL><DD>2. ศิษย์รุ่นกลาง มีปฏิปทาดังนี้ </DD></DL>มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ พยายามรักษาอารมณ์ให้ทรงสมาธิเสมอตามสมควร ไม่ละเมิดศีลเป็นปกติ อย่างนี้ ขอรับไว้เป็นศิษย์รุ่นกลาง

    <DL><DD>3. ศิษย์เอก มีปฏิปทา ดังนี้ <DD>ก. รักษาศีล 5 ครบถ้วนเป็นปกติ <DD>ข. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ไม่สงสัยในความดีของท่าน มีอารมณ์ตั้งมั่นว่า ถ้าตายไปจากคนชาตินี้ ขอไปนิพพานจุดเดียว พยายามละความโลภ ความโกรธ ความหลงเป็นปกติ ..." <DD><DD>


    <DD>*******************
    ปัจฉิมโอวาท
    </DD></DL>ให้ ณ วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2535 ที่ตึกรับแขก วัดจันทาราม (ท่าซุง) จ.อุทัยธานี

    ลูกเอ้ย นี่เป็นธรรมดาของร่างกาย มีเกิด มีแก่ มีเจ็บ มีตาย เป็นธรรมดา สังขารมันเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงหรอก ทุกขัง ตอนอยู่มันเป็นทุกข์ แต่ผลที่สุดมันก็อนัตตาสลายไป มีแค่นี้ อย่ามายึดสังขารพ่อเลย ลูกเอ้ย


    *******************


    ต้องเห็นก่อน นะครับ ถึงจะพอบอกได้ ..เพราะหลังจาก หลวงพ่อท่านเสียแล้ว วัตถุมงคลของท่าน ก็ยังคงมีอยู่

    อนุโมทนาสาธุ ครับผม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 กันยายน 2010
  19. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    953
    ค่าพลัง:
    +2,392
    สาููธุในเมตตาของหลวงพ่อฯค่ะ
     
  20. นะมัตถุ โพธิยา

    นะมัตถุ โพธิยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +2,268

แชร์หน้านี้

Loading...