การมุ่งพระนิพพานเหมือนกับการล่าช้าง

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 22 กันยายน 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    ถาม : ..................

    ตอบ : การปฎิบัติ ถ้าจะมุ่งพระนิพพานจริงๆ เหมือนกับการล่าช้าง เป็นงานใหญ่โตมโหฬาร [​IMG]

    ช้างมีสี่ขา เหมือนกับ รัก โลภ โกรธ หลง เราต้องพยายามตัดขาช้างให้ได้ เพราะช้างแข็งแรงมาก ถ้าไม่สามารถตัดกำลังโดยการตัดขา โอกาสที่เราจะเอาชนะหรือล่าสำเร็จนั้นก็ยาก

    เพราะฉะนั้นต้องหาทางตัดขาช้างให้ได้ ตัดขาใดขาหนึ่งเสียก่อน คือ รัก โลภ โกรธ หลง

    [​IMG]ตัวรัก หรือราคะ ตัดได้ด้วยกายคตานุสติ หรือ อสุภกรรมฐาน ใช่ไหม?

    [​IMG]ตัวโลภ อยากได้ใคร่ดี ตัดได้ด้วยจาคานุสติ กับทานบารมี

    [​IMG]ตัวโกรธ โทสะ ตัดด้วย พรหมวิหารสี่ หรือกสิณสี่ กสิณสีสี่อย่าง คือ สีเขียว สีขาว สีแดง สีเหลือง

    [​IMG]ตัวโมหะ ตัวหลง ตัดด้วยวิปัสสนาญาณ ใช้ปัญญาเข้าช่วย

    ถ้าหากว่าตัวใดตัวหนึ่งโดนตัดขาดลง อีกสามตัวกำลังก็น้อยแล้ว ไปไม่รอดหรอก เสร็จเราแน่ เพราะฉะนั้น..ต้องพยายามหน่อย ถ้าหากว่าสามารถตัดได้สำเร็จ

    หรือถ้าตัดไม่สำเร็จ แต่ผูกมัดช้างไว้อยู่กับที่ ให้ไม่สามารถที่จะทำอันตรายกับเราได้ก็ยังดี ผูกมัดแล้วก็บังคับมัน อย่าให้มันมาบังคับเรา

    บางครั้งเราอาจผูกช้างอยู่ก็ได้ ลากไปไหน ๆ ก็ได้ แต่ว่าช้างยังไม่ตายนะ ต้องระวังให้ดี ในเมื่อยังไม่ตาย ก็ต้องหาทาง ค่อยๆ หั่น ค่อยๆ เฉือน จนกว่าจะตายไปทีละส่วน

    ถาม : ฝังรากลึกใช่ไหมคะ?

    ตอบ : ตัวส่วนละเอียดเขาเรียกว่า "อนุสัย"

    ถ้าเปรียบเหมือนกับต้นไม้ เราโค่นต้นไม้ลงได้ พอล้มลง โอ๊ย..! พื้นดินสะเทือน รู้สึกผลงานมโหฬารเหลือเกิน ใช่ไหม?

    แต่ปรากฏว่าลองขุดลงไปดูสิ รากอาจจะเยอะกว่าใบ หรือกิ่งข้างบนเสียอีก ยิ่งสาวไปก็ยิ่งเล็กลงๆ

    แต่ว่าถึงช่วงนั้น ถ้าปัญญากับสติเท่าทันกิเลส ถึงจะละเอียดแค่ไหน ก็ไล่ทัน

    แรกๆ ถ้าเราเป็นนายพราน ยิงช้างก็ง่าย เป้าหมายใหญ่ ต่อไปก็มามียิงพวกกวาง พวกเก้งอะไรอย่างนี้ ตัวเล็กลง ก็ยิงยากขึ้น

    ไปท้ายๆ โน่น ไปยิงยุง โอกาสจะถูก โอกาสที่จะเห็นนั้นยาก แต่ถ้าหากว่าสติปัญญาถึงตรงจุดนั้นแล้ว ก็ไม่เกินความสามารถของเรา


    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๔


    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2133



    .
     
  2. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p

    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
    www.tangnipparn.com
    <O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา
    [​IMG]</O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2010
  3. peeraphat

    peeraphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +196
    ขอบคุณมากครับ บางครั้งผมเองก็ไม่รุ้จะใช้ตัวไหนในการจัดการกับกิเลส .... และบางครั้งก็ไม่ได้อดทนกับสิ่งที่มากระทบครับ
     
  4. Canetion

    Canetion เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    528
    ค่าพลัง:
    +2,026
    ช้างมีสี่ขา เหมือนกับ รัก โลภ โกรธ หลง เราต้องพยายามตัดขาช้างให้ได้ เพราะช้างแข็งแรงมาก ถ้าไม่สามารถตัดกำลังโดยการตัดขา โอกาสที่เราจะเอาชนะหรือล่าสำเร็จนั้นก็ยาก

    "นิพพานัง สุขขัง"

    อนุโมทนา สาธุ

    ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 กันยายน 2010
  5. kwang441

    kwang441 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +43
    ขออนุโมทนาครับ...
    แต่ตัวอย่างอาจจะรุนแรงไปหน่อย..(ใจไม่คิดฆ่าอีกแล้ว)
    จะเหมือนตอนที่เรารัก-หลง คนอันเป็นที่รักมากๆ เเล้วมีคนยกตัวอย่างว่า
    ให้นึกถึง การนำคนที่เป็นที่รัก รวมกับผู้หญิงที่สวยมากมายหลายคน
    มาถลกหนังออกเหลือแต่เลือดแดง แล้วถามเราว่าคนอันเป็นที่รักของเราคนไหน จะรักต่อไหม
    โห....ตัวอย่างโหดจัด เห็นภาพเลย
     
  6. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    แหะ..แหะ..รู้สึกตัวโลภเนี่ยะถูกเราตัดได้เยอะสุด ตัดอยากสุดสำหรับเราคือ ตัวโทสะเนี่ยะแหละ พยายามเย็นหนอๆๆๆ อยู่ค่ะ
     
  7. ธัมปฏิบัติ

    ธัมปฏิบัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +1,020
  8. ศิลปินชนบท

    ศิลปินชนบท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    773
    ค่าพลัง:
    +1,678
    กราบอนุโมทนาสาธุในธรรมค่ะ ห่ะๆๆมีช้างเดินได้ด้วย:cool: ได้ฟิลลสุดๆ
     
  9. คนวิเชียร

    คนวิเชียร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +1,298
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ ครับ การมุ่งสิ่งที่ใหญ่ ต้องตัดทั้ง 4 ขา รัก โลภ โกรธ หลง เราต้องพยายามตัดขาช้างให้ได้ เพราะช้างแข็งแรงมาก ถ้าไม่สามารถตัดกำลังโดยการตัดขา โอกาสที่เราจะเอาชนะหรือล่าสำเร็จนั้นก็ยาก สาธุ
     
  10. *~*Sea Anemone*~*

    *~*Sea Anemone*~* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2010
    โพสต์:
    791
    ค่าพลัง:
    +9,121
    อนุโมทนา สาธุ เรายังตัด คำว่า หลง ไม่ได้อ่ะ เมื่อไหร่จะชนะน้อ
     
  11. Heureuse

    Heureuse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2008
    โพสต์:
    857
    ค่าพลัง:
    +3,446
    เหมือนกัน
     
  12. ทิพย์ปทุโม

    ทิพย์ปทุโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    555
    ค่าพลัง:
    +2,471
    ตัวอื่นเข้าใจหมด แต่ตัวนี้ไม่เข้าใจ โกรธ ทำไมต้องเอากสิณสีเขียว ขาว แดง เหลือง มาตัด ความเป็นสี ทำให้หายโกรธหรือ ถามดื้อ ๆ อย่างนี้แหละ มันไม่รู้จริง ๆ

    (พรหมวิหารสี่เข้าใจค่ะ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา )

    " ตัวโกรธ โทสะ
    ตัดด้วย พรหมวิหารสี่ หรือกสิณสี่ กสิณสีสี่อย่าง คือ สีเขียว สีขาว สีแดง สีเหลือง ??? "
     
  13. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005

    ในเมื่อเราเข้าใจในพรหมวิหารสี่ เราก็ควรใช้พรหมวิหารสี่ตัดอารมณ์โกรธ
    หากผู้ที่ไม่เคยฝึก กสิณ ก็จะไม่เข้าใจว่าใช้กสิณ ตัดอารมณ์ได้อย่างไร

    เพราะจะใช้ "กสิณ" หรือ "พรหมวิหารสี่" ตัดอารมณ์โกรธ
    ผลลัพธ์ก็คือ ตัดอารมณ์โกรธได้เช่นเดียวกัน

    แต่ถ้าหากอยากรู้ ก็จะอธิบายให้ฟัง
    ที่ถามว่า ความเป็นสีนั้น ทำให้หายโกรธหรือ
    ตอบว่า ที่พระท่านแนะนำ คือ ให้ใช้พรมวิหารสี่ หรือใช้กสิณสี่ ตัดอารมณ์โกรธ

    การดับอารมณ์โกรธด้วยกสิณ ไม่ใช่พอเราโกรธแล้วให้นึกถึง สีแดง นึกถึงสีขาว นึกถึงสีเขียว ไม่ใช่นึกถึงสีอย่างนี้
    ถ้านึกถึงแค่สีอย่างนี้ นึกเท่าไหร่ก็ไม่หายโกรธ
    แต่พระท่านให้ใช้กสิณสีเป็น "อุบาย" ในการรวมจิตให้เกิดสมาธิ ให้จิตมีสติ
    ยิ่งจิตใจเกิดสติได้เร็วเท่าไหร่ เราก็สามารถตัดอารมณ์โกรธได้เร็วขึ้นเท่านั้น

    กสิณ มีทั้งหมด ๑๐ กอง
    แต่ละกอง ก็มีสีที่แตกต่างกัน แต่ที่พระท่านแนะนำ
    คือ ใช้กสิณ กองที่เป็น สีขาว สีเขียว สีแดง สีเหลือง ใช้สี่กองนี้ตัดอารมณ์โกรธ

    ส่วนทำไมต้องแบ่งแยกกสิณออกเป็นสีๆด้วย ก็เพราะว่า
    คนเรานั้น ประกอบด้วยธาตุทั้งสี่ มีดิน น้ำ ลม ไฟ
    จึงต้องแบ่งแยกกสิณออกเป็นสี ตามแต่ "จริต" ของแต่ล่ะคนครับ


    _________________
    สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นคือทุกข์
     
  14. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    นิพพาน ก็มีกันอยู่แล้วทุกคน แต่เราไปปรุงแต่งมันเอง จนเลอะ เช่น โลภ โกรธ หลง รัก การให้กลับไปสู่นิพพาน ได้ หรือที่เรียกว่าจิตเดิม ไร้การยึดติดทุกลักษณ์ หรือจิตประภัสสร แค่ตัดผัสสะ หรือการปรุงแต่งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ หรือเห็นก็แค่เห็น ได้ยินก็แค่ได้ยิน ได้รส ก็แค่นั้น สัมผัสทางกาย ก็แค่นั้น ไม่ต้องไปวิเคราะอะไร หรือปรุงแต่อะไรให้มาก จิตก็จะค่อย ๆ หลุดพันจากมลภาวะ จิตก็จะค่อยๆ สว่าง ขึ้น ใสขึ้น การยึดติดก็จะน้อยลง จนไม่ยึดติด นั่นหละ นิพพานที่ทุกคนว่ายากหนักหนา นิพพานไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นการไม่ยึดติดทางจิต
     
  15. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    นิพพานไม่ใช่สถานที่ ถ้าเป็นสถานที่เราก็จะหากัน แต่ไม่ได้ซักที เพราะนิพพานคือว่าง จิตว่าง ที่ไม่ได้จากการยึดติดใดๆ แม้การภาวนาให้ว่างก็ยังมีการยึดอะไรกับอะไรซักอย่าง จึงมิใช่ความหมายนิพพาน เพียงแต่ใกล้เคียง เมื่อจิตว่างจากการไม่ยึดติด ก็จะมีอนุภาพที่ใช้ในการโปรดสรรพจิต - ญาณ ได้
     
  16. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    ปฎิบัตธรรม ก็เหมือนปฎิบัตกิเลส(ในธรรม) สมเด็จพุทธาจารย์โต ได้แสดงปริศนาธรรม ไว้ ว่ากรรมซ้อนธรรม เป็นพุทธมามักกะ ต้อง โลกตละธรรม มิใช่ปฎิบัติเป็นฤษี ดาบส เหมือนก่อนที่พุทธองค์ได้สมาบัติ 8 แล้ว ก็ยังไม่เข้าใจว่า สาเหตุใดทำให้เกิดทุกข์และจะดับทุกข์ได้อย่างไร ก็จึงไปปฎิบัติโดยลำพังเพื่อหาทางหลุดพ้น พระองค์จึงได้ โลกุตละธรรม เป็นธรรมอันที่พุทธองค์ เทิดทูลไว้สูงสุด เหมือนเช่นกับพระพุทธเจ้ายุคไหน ก็สักการะไว้สูงสุดเช่นกัน
     
  17. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    ปฎิบัติธรรมการรวมจิต(แบบฤษี ดาบส)ทุกรูปแบบ คือการยึดติดกับกำหนด จิตจะติด สติ สมาธิ ฌาน ญาณ ติดเทพ ติดพรหม ถ้าไม่สามารถออกได้ ก็ต้องไปเสวยบุญที่สร้างไว้ ตอนเสวยบุญก็โอเค แต่พอหมดบุญแล้ว ชักจะไม่โอเคละ การมุ่งปฎิบัติเป็นตัญหาในธรรม การมีตัญหา ก็ชวนอุปทานไปด้วย เลยวน กับการปฎิบัติ ถ้าจะให้ออกจากสังสารวัฏ 31ภูมิ ต้องทิ้ง สติ สมาธิ ฌาน ญาณ ติดเทพ ติดพรหม (โลกียธรรม) สู่การไม่ยึดติดทางจิต(โลกุตรธรรม) หรือเลิกการปฎิบัตแบบรวมจิต
     
  18. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    ปฎิบัติรวมจิต ใช้เวลานานมาก ๆ ๆ แต่เข้าใจแค่ไหนพอแค่นั้น เข้าสู่การคลายจิต(ไม่ยึดติด) ก็จะพบนิพพานง่ายนิดเดียวเหมือนพุทธองค์ พบนิพพานแค่คืนเดียวเพียงแค่จิตคลายออกจากการยึดติดทุกรูปแบบ แม้การภาวนาก็ไม่มี(การภาวนาให้ว่าง ยังเป็นการยึด จิตจะไม่เป็นอิสระ) แล้วทุกอย่างจะอัตโนมัติเอง
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...