พอจะมีนักปฏิบัติ"ที่ทำงานโรงงาน"ขอประสพการณ์จริง

ขอบคุณมากครับ ผมก็ปฏิบัติตามสายหลวงพ่อฤาษีเหมือนกัน เพราะฟังแล้วเข้าใจง่าย และ ปฏิบัิติง่าย อาจจะผูกพันกันมาก่อน..

 

แอบมารอฟังคำตอบ...คำถามนี้ดีมากๆเลย

 

ขอเเนะนำในเเนวทางที่ครูบาอาจารญท่านสอนคือ อานาปานสติคือการรู้ลมหายใจเข้า-ออก ซึ่งในชีวิตจริงเราทุกคนต้องหายใจกันตลอดอยู่เเล้ว ฝึกจับลมหายใจเข้าออก ทุกกริยาบท นั้ง - นอน -เดิน -วิ่ง ตัวรู้มันจะใหลเข้ามาเอง เเต่ ศีล 5 ต้องบริสุทธิ์ ไม่ยุยงให้คนอื่นต้องผิดศีล เเละต้องรู้จักปล่อยว่าง

 

มีสติอยู่กับปัจจุบัน นั่นแหล่ะเป็นการฝึกปฏิบัติแล้ว

 

ไปๆ มาๆ เหมือนกำลังปรึกษาวิธีแก้ปัญหาโรงงานกันยังไงก็ไม่รู้ อิ อิ

..ผมมีวิธีง่ายๆ ครับ เพื่อนๆ ยังไม่ต้องเชื่อ แต่ลองทำดูก่อนก็ได้ครับ
...พระพุทธเจ้าตรัสถึงเรื่องการเจริญสติไว้อย่างน้อยสองแบบคือ อานาปานสติ กับกายคยาสติ มีอานิสงค์เท่ากันครับ พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้ากำลังทำงาน หรือทำอะไรอยู่ก็ให้มีจิตตั้งอยู่กับกายนั้น (กายคยาสติ) แต่อย่าไปหลงนะครับ ยกตัึวอย่างเช่น ลูกน้องทำงานพลาด เรากำลังโกรธมาก แต่มีสติรู้ทันว่าโกรธ ความโกรธจะดับไปเองโดยอัตโนมัติ ทีนี้ก็ใช้สติไตร่ตรองว่าจะเรียกลูกน้องมาสอนยังไง ใช้หลักเมตตา แล้วค่อยเรียกลูกน้องเข้ามา
...กรณีอื่นก็เหมือนกันครับ เราอย่าเอาจิตไปยึดกับสิ่งภายนอกคือขันธ์ห้า (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน) ให้มากนัก
...ส่วนถ้ามีเวลานั่งเฉยๆ ไม่ได้ต้องขบคิดไตร่ตรองอะไร ก็กลับมารู้ลมหายใจ เป็นอานาปานสติไงครับ

...ปัญหาสำคัญคือ กว่าจะมีสติรู้ทันอารมณ์ ก็ทำอะไรไปบ้างแล้วก็ไม่รู้ พระองค์จึงต้องให้เราหมั่นเจริญภาวนาไงครับ ฝึกจิตบ่อยๆ แล้วจิตมันก็จะกลับมาทันเร็ว

...ผมใช้วิธีนี้นะครับ การงานดีขึ้นมากๆ ตอนนี้ออกจากโรงงานมาทำธุรกิจแล้ว ยอดก็สูงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับผมวิธีของพระพุทธเจ้าได้ผลเกินคาดครับ