คนธรรมดาสามารถไปนิพพานได้หรือไม่คะ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย nonglynne, 12 พฤศจิกายน 2010.

  1. nonglynne

    nonglynne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +376
    ตอนนี้กำลังเริ่มปฎิบัติคะเริ่มคิดว่าคนธรรมดาอย่างเราๆสามารถไปนิพพานได้มั้ยไม่รู้ว่าเข้าใจถูกหรือเปล่าได้เข้าไปอ่านในห้อง พุทธภูมิ ก็งงไปกันใหญ่เลยคะ ว่าจะไปตั้งกระทู้นั้นแต่ไม่กล้าเลยมาขอถามในห้องนี้แล้วกันนะค่ะ รบกวนช่วยตอบคำถามด้วยนะค่ะ

    1. ผู้ที่ปราถนาพุทธภูมิคือผู้ที่ปราถนาเป็นพระพุทธเจ้าใช่มั้ยคะ

    2. หากมิได้ปราถนาเป็นพระพุทธเจ้าแต่อยากไปนิพพานได้หรือไม่ค่ะ
     
  2. เงาเทวดา

    เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +314
    คนธรรมดาสามารถไปนิพพานได้หรือไม่คะ

    2. หากมิได้ปราถนาเป็นพระพุทธเจ้าแต่อยากไปนิพพานได้หรือไม่ค่ะ

    ตอบ...ได้ครับผม....แค่รู้ความเป็นธรรมดาของความเป็นคนก็สำเร็จได้แล้วครับผม

    1. ผู้ที่ปราถนาพุทธภูมิคือผู้ที่ปราถนาเป็นพระพุทธเจ้าใช่มั้ยคะ

    ตอบ...ใช่....ใครๆ ก็ปรารถนาได้ แต่ความสำเร็จนั้นไม่ได้ขึันอยู่กับความปรารถนาครับผม แต่ขึ้นอยู่กับต้นตอของวิญญาณตอนที่กำเนิดในครั้งแรก ถ้าธรรมชาติออกแบบให้คุณเป็นเช่นนั้น คุณก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าไม่ใช่ ถึงจะปรารถนาไปก็ไร้ผลครับผม....


     
  3. attijit

    attijit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +60
    Reply

    ข้อ ๑.ใช่ครับ
    ข้อ ๒ คนทุกคนไม่มีใครปรารถนา ไปพระนิพพานหรอก แต่ที่สุดแล้วทุกคนก็ต้องไปนิพพาน เพียงแต่จะเร็วช้าต่างกันไป :จากคำปรารภของพระดี ท่านหนึ่งครับ..
     
  4. pagorn

    pagorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +2,848
    อนุโมทนากับคำถามของคุณnonglynne; และก็มีท่านผู้รู้ได้ให้คำตอบคุณไปแล้วก็อนุโมทนากับท่านผู้รู้ด้วยทั้งหมดทั้งมวลค่ะ
    ขอให้คุณเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปและได้พบทางแห่งพระนิพพานตามที่คุณปราถนาค่ะ
    <CITE>www.sangthipnipparn.com [​IMG]</CITE>
     
  5. งูขาว

    งูขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    945
    ค่าพลัง:
    +1,824
    ทำไปเถอะ ทำไป อยู่ที่ใจเจ้าของนั่นแหละ นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ
     
  6. kby

    kby สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +20
    NIP PA NANG PA RA MANG SUK KONG

    :cool:I want to go to nip pan(f)
     
  7. สนังกุมารพรหม

    สนังกุมารพรหม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +992
    คำถามตามห้วข้อกระทู้ คนธรรมดาสามารถไปพระนิพพานได้ไหม?
    ตอบ การที่จะไปพระนิพพานได้นั้นจำต้องฟอกจิตให้ขาวสะอาดปราสจากแรงปรารถนาใดๆ หรือทำให้หมดกิเลสความทยานอยากทั้งในรูปภพและอรูปภพ ทั้งหมดทั้งสิ้น จึงจะสามารถไปพระนิพพานได้ หากผู้ใดอยากไปนิพพานก็ต้องขยันฟอกใจตนเองอยู่บ่อยๆ ตามหลักของ ศีล สามธิ ปัญญา หรือ อริยมรรคที่งแปดประการ จนกว่าสภาวะจิตจะพัฒนาขึ้นไป พ้นจากอำนาจของนิวรณ์ธรรม พ้นจากอำนาจของความยึดมั่นถือมั่นในสรรพสิ่ง หน่ายแหนงจากกามวิสัย หลุดพ้นจากเครื่องพันธนาการอันได้แก่ โลกธรรมทั้งแปด เป็นผู้มีจิตอันอิสระเสรีไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของอาสาวะใดๆ ในขณะที่กำลังบำเพ็ญฝึกหัดดัดนิสัยตนเองอยู่ตามกระบวนการของอริยะมรรคนั้น ภาวะจิตย่อมเปลี่ยนแปลงไป เมื่อภาวะจิตเปลี่ยนแปลงไปการดำรงชีวิตย่อมเปลี่ยนแปลงไป จากที่เคยชอบของสวยๆงามๆ ก็จะกลายเป็นใช้ตามมีตามได้พอเป็นที่อาสัย จากที่เคยฟุ่มเฟือยก็กลายมาเป็นใช้เท่าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต
    และจะเปลี่ยนไปเลื่อยๆ สาเหตุที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างนั้นก็เพราะ ตัญหาอันหมักดองในขันธสันดานได้ถูกซักฟอกด้วยปัญญาญาณ จนเบาบางลงไป ทัศนะวิสัย ย่อมเปลี่ยนแปลงไปด้วย จนในที่สุด ความหน่ายในกามวิสัยก็บังเกิดขึ้น สมณะสัญญาประกฎขึ้นที่จิต การดำรงชีวิตเช่นคฤหัสผู้ครองเรือนทั่วๆไปย่อมไม่ใช่วิสัยของคนผู้นั้น แม้ในขณะนั้นๆจะยังไม่ออกบวช แต่จิตใจก็ถือได้ว่าเป็นผู้ออกจากกามแล้ว เป็นสมณะแล้ว อย่างนี้เป็นต้น เพราะเหตุดังที่กล่าวมาทั้งหมด จึงพอตอบคำถามได้ว่า คนธรรมดาไม่สามารถไปพระนิพพานได้ เพราะคนธรรมดายังมีเครื่องเหนี่ยวรั้งจิตเอาไว้ ความเสียดาย ความผูกพันธ์ ความห่วงหาอาวร เหล่านั้นหละที่เป็นดังเชือกค้องคอมัดใจสัตว์ไม่ให้สามารถไปสู่พระนิพพานได้
    แต่ เราทุกๆคนสมารถไปพระนิพพานได้ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น มีข้อแม้อยู่ว่า คุณต้องปฏิบัติตนฝึกฝนตนอบรมตน ตามกระบวนการของ อริยมรรค หรือ หลักของ ศีล สมาธิ ปัญญา จนกว่าจะรู้แจ้ง จนกว่าจิตจะขาวสะอาดหมดจดจากเครื่องร้อยลัดทั้งปวง ทั้งของ มนุษย์ อมนุษย์ ทวยเทพ พรหม ไม่มีแรงปรารถนาหวังใน สมบัติทั้งปวงเหล่านั้น จิตวางว่างเบา จึงจะพ้นและไปสู่พระนิพพานในที่สุด

    คนบนโลกนี้ท่านจำแนกออกเป็น สองประเภทใหญ่ๆได้แก่
    1. ปุถุชน หมายถึง คนธรรมดาที่ยังมีอาสวะกิเลสหมักหมมอยู่ใจจิตเต็ม 100 % (ผู้ที่ยังไม่ฝึกฝนตนเอง)
    2. อริยะบุคคน หมายถึง ผู้ที่สามารถชำระกิเลสให้เบาบางลงได้ เพราะเห็นแจ้งในอริยสัจ (ผู้ที่ฝึกฝนตนเองจนเกิดผลปรากฏ)

    พูดมาถึงตรงนี้ ผมขอให้เจ้าของกระทู้ ได้ไปศึกษาเรื่องของ ปุถุชน กับ อริยะชน ให้ดีอีกสักหน่อย แล้วจะสามารถตอบคำถามที่ท่านเจ้าของกระทู้สงสัยได้ และจะไม่สับสน

    คำถามที่ 2 ผู้ที่ปราถนาพุทธภูมิคือผู้ที่ปราถนาเป็นพระพุทธเจ้าใช่มั้ยคะ
    ตอบ ใช่ครับ

    คำถามที่ 3 หากมิได้ปราถนาเป็นพระพุทธเจ้าแต่อยากไปนิพพานได้หรือไม่
    ตอบ ได้ครับ แต่ต้องทำตามเงื่อนไขดังที่ผมได้กล่าวเอาไว้เบื้อต้นก่อนนะครับ แค่ทำบุญแล้วปรารถนาเอาเอง สาธุขอให้ข้าพเจ้าจงถึงพระนิพพาน แบบนี้คงไปยากครับ เพราะเราไม่ได้ชำระตัยหา ครับ

    ผมขอตอบเพียงเท่านี้นะครับ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2010
  8. mylord

    mylord เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +253
    ถ้าคุณมี ความเป็นปกติของคน (ศีล ๕) มีความเห็นว่า โลกเป็นของไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่มีความอยากมีความอยากเป็น คือมีความปกติธรรมดาอย่างที่สุดแล้ว
    ก็สามารถไปได้
     
  9. สวนพลู

    สวนพลู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,596
    ค่าพลัง:
    +18,651
    คนธรรมดาไปนิพพานได้ แต่ต้องบรรลุธรรมหรืออรหัตผล แต่จะอยู่ได้ไม่เกิน 7 วัน แต่ไม่มีใครถึง 7 วัน ก็ตัดเข้าพระนิพพานไปครับ เหมือนพ่อปู่หมอชีวกโกมารภัทร์ ท่านก็ตัดเข้านิพพาน อยู่แค่เพียง 1 วันครับ
     
  10. piyanush

    piyanush ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +3
    i would like to be there also
     
  11. เทพสำราญ

    เทพสำราญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    308
    ค่าพลัง:
    +888
    ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ย่อมมีพลังวิวัฒน์อันสุดประมาณ
    อยู่ที่ว่าแรงปรารนานิพพานว่ามีมากน้อยเพียงใด
    ซึ่งส่วนใหญ่มักเจือปนด้วยตัณหาหรือความต้องการอย่างอื่นไปด้วย
    เช่น เห็นว่านิพพานสบายที่สุด ไม่ต้องเกิดไม่ต้องทำอะไร สุขแท้เหนือสิ่งใดในโลก
    ก็เลยอยากไปนิพพาน เพราะปรารถนาที่เจือปนกิเลส การหาทางไปนิพพานก็เลยวกวน
    หลากหลายไปตามความเข้าใจของตน...
    (เมื่อบาปกรรมหมดสิ้น บุญบารมีถึงขั้นประตูสู่นิพพานก็เปิดต้อนรับรออยู่แล้ว..)
     
  12. worrapod saensree

    worrapod saensree เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +310
    คนบ่เดินกะบ่ถึง
    คนถึงแล้วเขาบ่เดิน
     
  13. gotak

    gotak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +176
    อนุโมทนา สาธุครับ คุณnonglynne คนทุกคนสามารถไปนิพพานได้ครับ แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกุศลที่ประกอบกันมาทำให้ไปได้ช้าได้เร็วแตกต่างกันครับ ในการสำเร็จเป็นพระอรหันต์ของแต่ละท่านด้วยที่แตกต่างเนื่องจากกุศลครับ

    ส่วนเรื่องการจะตั้งกระทู้ในพุทธภูมินั้น อย่าได้กลัวเลยครับ เพราะท่านเหล่านั้นปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง ท่านเหล่านั้นมีเมตตาจิตสูงครับ ยินดีที่จะช่วยทุกคน ถึงแม้ ณ เวลานี้จะยังมิได้สำเร็จเป็นพระพุทธเ้จ้าก็ตามครับ

    ขออนุญาตตอบข้อ 1 นะครับ ใช่ครับ หรือพระโพธิสัตว์นั่นเอง พุทธภูมิก็เปรียบเสมือนผู้ที่อยากเป็นครูสอน คือครูจริงๆครับ ที่ใช้คำว่าจริงๆ นั้นเพราะครูจริงๆไม่ได้หวังรายได้ ไม่ได้ต้องการให้ตัวเองโด่งดัง แต่ครูเมื่อตนได้ประสาทวิชาใดแล้ว เข้าใจว่าวิชานี้จะช่วยให้คนเป็นจำนวนมากนำไปประกอบความเจริญก้าวหน้ากับตัว ไม่มีทำให้ตัวเดือดร้อน ดังนั้น ครูต้องศึกษาวิชาอย่างละเอียด รู้ซึ้งกับวิชาที่สอนเปรียบได้ว่าสามารถท่องตำราเรียนจากหน้าไปหลัง จากหลังมาหน้าได้อย่างคล่องแคล่ว ว่องไวครับ

    ขออนุญาติตอบข้อ 2 นะครับ ได้ครับ เพราะหลักๆมีอยู่2ภูมิครับ คือ พุทธภูมิ กับ สาวกภูมิ เมื่อคุณNonglynne มีปัญญาเห็นธรรมเข้าใจธรรมในอายุของพระพุทธเจ้าศากยมุณี พระองค์ปัจจุบัน และปฏิบัติจนสำเร็จก่อนพระธรรมของพระองค์จะสูญไป นั่นก็คือ คุณNonglynne ได้ถึงวาระของกุศลผลบุญที่ประกอบมาแต่ก่อนนั้นหนุน พร้อมทั้งความตั้งใจเพื่อสำเร็จในพระธรรมของพระพุทธองค์ศากยมุณีพระองค์ปัจจุบันนั่นเองครับ

    สุดท้ายผมขอเพิ่มเติมนิดนึงนะครับ หนทางหลักในการเข้าถึงพระนิพพาน ก็คือ ทาน ศีล ภาวนาครับ
    สาธุๆ ขอบุญที่กระผมได้ทำมาเป็นส่วนหนุนให้คุณNonglynne ไปถึงพระนิพพานได้เร็วครับ
     
  14. รักษ์ศีล

    รักษ์ศีล สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +8
    ได้ครับ และต้องมีความมุมานะในธรรมะอย่างยิ่งยวด ถ้าคุณทำได้ คุณก็ไปถึงได้ เหมือนกับคนธรรมดาหลายๆคน...สาธุ
     
  15. kim9

    kim9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +2,179

    <marquee></marquee>
    <marquee></marquee>
    <marquee>
    </marquee>
    สังโยชน์ 10
    1) นักปฏิบัติเพื่อมรรคผล ที่ท่านปฏิบัติกันมาและได้รับผลเป็นมรรคผลนั้น ท่านคอยเอา สังโยชน์ เข้าวัดอารมณ์เป็นปกติ เทียบเคียงกับสังโยชน์ว่า เราตัดอะไรได้เพียงใด แล้วจะรู้ผลปฏิบัติตามอารมณ์ที่ละนั้นเอง ไม่ใช่คิดเอาเองว่า เราเป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ตามแบบคิด ตามแบบเข้าใจเอาเอง

    2) สำหรับญาติโยมพุทธบริษัท ที่ปฏิบัติพระกรรมฐาน จะได้ทราบอารมณ์ของจิตว่าท่านทั้งหลายทำเวลานี้ถึงไหนแล้ว ความจริงก่อนที่จะบรรลุมรรคผล พระพุทธเจ้าไม่ทรงสรรเสริญ แต่ว่าพระพุทธเจ้าเองท่านทรงยืนยัน ท่านเป็นพระพุทธเจ้าเป็นภาระของท่าน แต่ว่าบุคคลใดเป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ อันนี้ท่านทรงยืนยัน อันนี้จำเป็น
    แต่ว่าส่วนใหญ่พระสาวกก็ จะไม่ยืนยัน คือ ว่าจะแนะนำให้เข้าใจเอง ฉะนั้นสำหรับญาติโยมพุทธบริษัทก็เช่นเดียวกัน อาตมาก็ขอนำ สังโยชน์ 10 มาเป็นเครื่องวัดกำลังใจ
    สังโยชน์ 10 ประการ 3 ข้อ เป็นคุณธรรมของพระโสดาบันหรือสกิทาคามี คือ
    - สักกายทิฏฐิ สำหรับพระโสดาบันกับพระสกิทาคามี ตัวนี้เป็นตัวปัญญานะ เป็นตัวตัดกิเลสทั้งหมด แต่ว่า พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า พระโสดาบันก็ดี พระสกิทาคามีก็ดี มีปัญญาเล็กน้อย มีสมาธิเล็กน้อย แต่มีศีลบริสุทธิ์ ศีลบริสุทธิ์นี่ตามฐานะ ถ้าฆราวาสก็คือศีล 5 คือ ศีล 5 เป็นสำคัญ ยังไม่ถือศีล 8 ถ้าถือศีล 8 เป็นพระอนาคามี คือว่าถ้ามีศีล 5 บริสุทธิ์แน่นอน แล้วก็ใช้ได้ สักกายทิฏฐิ ถ้าญาติโยมมีความคิดอยู่เสมอว่าชีวิตต้องตาย เราไม่ประมาทในชีวิต หมายความว่าพยายามหลบความชั่ว คือบาปไว้เสมอ
    - วิจิกิจฉา ไม่สงสัยในความดีของพระรัตนตรัย คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์
    - สีลัพพตปรามาส รักษาศีล 5 เคร่งครัด แล้วก็ขอแถมอีกนิด
    - อุปสมานุสสติกรรมฐาน นึกถึงพระนิพพานเป็นอารมณ์ ถ้าจิตทรงตัวอย่างนี้ได้จริง ขอให้ทราบว่า พระพุทธเจ้าทรงเรียกผู้นั้นว่า พระโสดาบัน หรือ สกิทาคามี วัดใจเอาเองก็แล้วกันนะ

    3) สังโยชน์ทั้ง 10 ถ้าท่านพิจารณาวิปัสสนาญาณแล้ว จิตค่อย ๆ ปลดอารมณ์ที่ยึดถือได้ครบ 10 อย่าง โดยไม่กำเริบอีกแล้ว ท่านว่าท่านผู้นั้นบรรลุอรหัตตผล เครื่องวัดอารมณ์ที่พระพุทธเจ้าตรัสจำกัดไว้อย่างนี้ ขอนักปฏิบัติจงศึกษาไว้ แล้วพิจารณาไปตามแบบ ท่านสอนเอาอารมณ์มาเปรียบเทียบกับสังโยชน์ 10 ทางที่ดีควรคิดเอาชนะกิเลสคราวละข้อ เอาชนะให้เด็ดขาด แล้วค่อยเลื่อนเข้าไปทีละข้อ ข้อต้น ๆ ถ้าเอาชนะไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งเลื่อนไปหาข้ออื่น ทำอย่างนี้จะได้ผลเร็วเพราะข้อต้นหมอบแล้ว ข้อต่อไปไม่ยากเลย จะชนะหรือไม่ชนะ ก็ข้อต้นนี่แหละ เพราะเป็นของใหม่ และมีกำลังครบถ้วนที่จะต่อต้านเรา ถ้าด่านหน้าแตก ด่านต่อไปง่ายเกินคิด ขอให้ข้อคิดไว้เพียงเท่านี้

    4) เราจะต้องมีสติอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสติตัวสำคัญ นั่นคือ จะต้องมีความรู้สึกว่า
    - สักกายทิฏฐิ อัตภาพร่างกายนี้มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา เราจะไม่มีการติดอกติดใจอยู่ในร่างกายของเรา และร่างกายของบุคคลอื่น เราถือเสมือนว่าร่างกายเป็นสภาวะอันหนึ่ง ๆ หรือ บ้านเช่าที่เราใช้อาศัยอยู่ชั่วคราวเท่านั้น
    - วิจิกิจฉา เราไม่สงสัยในคำสั่งและคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใช้ปัญญาพิจารณาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระชินวรอยู่เสมอ
    - สีลัพพตปรามาส เราจะรักษาศีลให้ครบถ้วนไม่ลูบคลำศีล
    - กามฉันทะ เป็นฉันทะ เป็นภัยสำหรับเรา เราพยายามหาทางทำลายกามฉันทะให้พินาศไปจากจิต
    - เราจะตัดปฏิฆะ คือ ความกระทบกระทั่งกับอารมณ์ของจิต ด้วยอำนาจความโกรธ ความพยาบาทให้สิ้นไป
    - เราจะไม่หลงใหลใฝ่ฝันติดอยู่เฉพาะในรูปฌาน
    - เราจะต้องไม่ติดอยู่เฉพาะในอรูปฌาน ใช้ปัญญาใคร่ครวญ พิจารณาศีลของเราให้เป็นปกติ อย่าให้มันด่าง มันพร้อย มันขาดทะลุ อย่าให้มันบกพร่อง ถ้ามีปัญญาเสียอย่างเดียว ไม่มีอะไรยาก และก็ใช้ปัญญาพิจารณาว่าร่างกายของตน ร่างกายของสัตว์ ที่เรียกว่า รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส เอาร่างกายคนก็แล้วกัน คนก็ดี สัตว์ก็ดี วัตถุก็ดี มันสกปรกหรือสะอาดให้ พิจารณาใน กายคตานุสสติ และอสุภกรรมฐาน หาความจริงในร่างกายของคนและสัตว์ แม้แต่ของเราให้ได้ว่ามันมีอะไรน่ารักตรงไหน มันมีอะไรยืนยงคงทนตรงไหน มันมีสภาวะทรงตัว หรือว่ามันสลายตัวไปในที่สุด ต้องเอาชนะอารมณ์นี้ให้ได้นะ อย่าไปติดในตัวรักไม่ได้ ต้องเป็นตัวคลายความรัก
    แล้วก็พิจารณาอารมณ์ที่เราโกรธ อารมณ์ที่กระทบกระทั่ง คือ ปฏิฆะ อารมณ์ที่เข้ามากระทบกระทั่งสร้างความไม่พอใจ มันเป็นประโยชน์ มันเป็นประโยชน์อะไร จึงไม่พอใจในบุคคลอื่น ที่เขากล่าวอย่างนั้น เขาทำอย่างนั้น เราก็ใช้ปัญญาพิจารณาว่าเราไม่พอใจ ที่เราโกรธเขา ที่เราเกลียดเขาคิดอาฆาตมาดร้ายเขา เพราะเรามันเลว ถ้าเราดีเสียอย่างเดียว ถ้าใครเขาจะว่าอะไร มันก็ไม่หนัก ที่พระพุทธเจ้าท่านกล่าวว่า นินทา ปสังสา นินทาและสรรเสริญเป็นของธรรมดาของโลก เขาสรรเสริญเราว่าดี ถ้าเราเลว มันก็ไม่ดีไปตามคำที่เขาพูด เขานินทาว่าเราเลว ถ้าเราดี เราก็ไม่เลวไปตามเขาพูด
    - มานะ เราจะตัดมานะความถือตัวถือตน ว่าเราดีกว่าเขา เราเสมอเขา เราเลวกว่าเขาให้หมดไป นึกไว้เสมอนะ อย่าลืมไม่ได้ และก็ใช้ปัญญาพิจารณาต่อไปว่า การที่เราจะยึดถือตัวตน ถือเรา ถือเขา ถือพวก ถือหมู่ ถือคณะ ว่าเราดีกว่าเขา เราเลวกว่าเขา เราเสมอเขา มันไม่มีประโยชน์ คนเกิดแก่ เจ็บ ตาย เหมือนกัน ไม่ควรจะเอาอะไรเข้าไปเปรียบเทียบ ให้เป็นการแข่งขัน หรือถ่อมเกินไป ไม่ควรคิด คิดว่าทุกคนเกิดมาก็แก่เหมือนกัน ป่วยเหมือนกัน ตายเหมือนกัน รักสุขเหมือนกัน เกลียดทุกข์เหมือนกัน เราเป็นเพื่อนกันได้แบบสบาย จะเสมอหรือไม่เสมอ จะดีกว่า จะสูงกว่า จะต่ำกว่าฉันไม่รู้ รู้อย่างเดียวว่า ฉันเป็นมิตรที่ดีของท่าน เท่านี้พอ
    - อุทธัจจะ ใช้ปัญญาเข้าควบคุมกำลังใจว่าอารมณ์ใดที่จะเกิดขึ้นนั้น เราไม่ต้องการ เรามุ่งเฉพาะพระนิพพานอย่างเดียว
    - อวิชชา ใช้ปัญญาจำแนกแจกลงไปว่า อวิชชาตัวเกาะ เกาะในอารมณ์ที่เป็นอนุสัย ยังมีความหลงใหลใฝ่ฝัน ท้อแท้อยู่ในความคิดว่า
    ถ้าเราเป็น พระอนาคามีเราก็มีความสบาย ไม่ควรจะมีความทะเยอทะยานมากเกินไปให้มันเหนื่อย ก็ใช้ปัญญาสอนมันว่า ถ้าสิ่งใดก็ตามที่เรายังไม่ทำสำเร็จกิจ เราก็จะต้องทำต่อไป ไหน ๆ เมื่อเวลามันมีก็ทำลายให้มันพินาศไปให้มันหมดกิจไปเสีย ขึ้นชื่อว่ากิเลสทั้งหมด อย่าให้ปรากฏว่ามีในจิต

    5) อารมณ์ที่จะพึงสนใจมากที่สุด หรือโดยตรงนั้นคือ สังโยชน์ 10 ตัวตัดอยู่ตรงนี้ เราจะทำอะไรก็ตาม ถ้าไม่สามารถตัดสังโยชน์ได้แม้แต่หนึ่ง ก็ไม่มีผลในการปฏิบัติ เหนื่อยมาเกือบตาย กิเลสก็ยังท่วมตัวอยู่ ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ไม่มีเวลาจำกัดก็แย่ บางท่านที่มีความฉลาด เริ่มปฏิบัติไม่กี่วันก็สามารถกำจัดกิเลส เข้าถึงเขตแห่งความเป็นความเป็นพระอริยเจ้าได้ อันนี้ได้กำไรมาก

    <marquee>
    </marquee>
    <marquee>
    </marquee>
    <marquee>อะจีรัง วะตะยัง กาโย ปะฐะวิง อะธิเสสสะติ ฉุฑโฑ อะเปตะวิญญาโณ นิรัตถังวะ กะลิงคะรัง</marquee>
    ร่างกายนี้ ไม่ช้าก็มีวิญญาณไป ปราศจากวิญญาณแล้ว ร่างกายก็ถูกทอดทิ้งเหมือนกับท่อนไม้ที่ไร้ประโยชน์
    <marquee>
    </marquee>
     
  16. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    สภาวะที่ดับกิเลสตัณหาอุปาทานได้ เรียกว่า นิพพาน

    ถ้าคนธรรมดาอย่างเราๆท่านๆมีกิเลสตัณหาอุปาทานแล้วปฏิบัติธรรมจนกิเลสดังกล่าวเบาบางลงจนถึงหมดไป ผู้นั้นก็ (ไป)นิพพานได้เท่าเทียมกัน

    http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=527.0
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2010
  17. nonglynne

    nonglynne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +376
    เข้าใจขึ้นเยอะเลยคะจะทำกำลังใจใหม่และหมั่นปฎิบัตินะค่ะ

    ขอบคุณทุกๆ ความเห็นเลยคะ
     
  18. mylord

    mylord เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +253
    'ศีล'.....เป็นที่พึ่งเบื้องต้น...
    เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย...
    เป็นประมุขของธรรมทั้งหลาย...
    เพราะฉะนั้น...ควรชำระศีลให้บริสุทธิ์...

    หลวงปู่จะเทศน์เป็นวลีสั้นๆ..
    ประโยคสั้นๆ...แต่ก็มีธรรมที่ลึกซึ้ง...
    ถ้าปฏิบัติได้..ปฏิบัติจริง..ปฏิบัติถูก...
    ปฏิบัติตรง...ปฏิบัติชอบ...และ

    พิจารณาได้...พิจารณาจริง...พิจารณาถูก..
    พิจารณาตรง...พิจารณาชอบ..
    .....แน่นอน
    มรรคผลนั้นคงอยู่แค่เอื้อมนั่นเอง...

    เทศน์ที่สั้นที่สุด.....'วาง'...
    พิจารณาตน...วางตัวเจ้าของ
    จิตตะ...ในอิทธิบาท 5 เอาใจใส่
    มรณานุสสติ...
    ให้พิจารณาความตาย...

    นั่งก็ตาย...
    นอนก็ตาย...
    ยืนก็ตาย...
    เดินก็ตาย...ฯ



    แสดงธรรมโดย หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
    วัดป่าสัมมานุสรณ์ จ.เลย
    ขอนอบน้อมแด่ คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์

    ที่มา :มารดากัลยาณธรรม : ศาลาธรรม
     
  19. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    คนธรรมดาไปได้ครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นพระ แต่ถ้าเรายังอยู่ในความเป็นคนอยู่นี่ เราจะทนอยู่ในกระแสโลกได้หรือ ในเมื่อวันๆนึงเราต้องทำงานทำมาหากิน เราจะไปนิพพานได้หรือ และในเมื่อวันๆนึง ยังต้องรับผืดชอบชีวิตพ่อแม่ๆ ลูกเมีย หลายๆอย่างอื่นๆ จะไปได้หรือ พระศาสดาได้ปูทางไว้ให้แล้วสำหรับผู้ที่ต้องการไปนิพพานจริงๆก็คือการบวชนี่ล่ะ แต่การบวชสมัยนี้กลายเป็นประเภณี ที่เพียงบวชแป๊บแล้วก็สึก ไม่ได้บวชเพื่อเดินทางพระพุทธองค์โดยแท้ ถ้าหากเราเป็นมนุษย์ เราเข้าใจชีวิตปล่อยวาง มีอารมณ์เป็นนิพพาน มีจิตที่บริสุทธ์ก็มีสิทธิ์ที่จะนิพพานได้ครับ นิพพานนั้นอยู่ในจิตเรานี่ละ ประมาณว่าใช้ชีวิตตามหน้าที่เราแต่เราเข้าใจชีวิตเข้าใจสัจธรรม มีศีลที่มั่นคงไม่เบียดเบียนปล่อยวางได้ ไม่มีกิเลส มีจิตที่สะอาด และหมั่นปฏิบัติ ก็ต้องไปได้แน่นอนครับ
     
  20. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002
    ตอบคุณ nonglynne

    1. ใช่ครับ

    2. ไปได้ทุกคนครับหากเราปฏิบัติธรรมจนบรรลุธรรมครับ

    ณ โอกาสนี้ ผมขอฝากทุกอย่างที่เกี่ยวกับสมถะและวิปัสสนาให้คุณ nonglynne ศึกษาครับ หากปฎิบัติได้ตามในหนังสือและทุกอย่างที่ผม post ให้คุณ nonglynne อ่าน นิพพานอยู่ไม่ไกลครับ แต่ยังไงก็ต้องปฏิบัติอย่างจริงจังครับถึงจะไปได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2019

แชร์หน้านี้

Loading...