สตรีกับสตางค์คือศัตรูของนักบวช

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 17 ธันวาคม 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    ในธรรมชาติเขาจะคัดเลือกโดยอัตโนมัติว่า ถ้าสัตว์ตัวไหนอ่อนแอ ก็เอาตัวไม่รอด ตัวแข็งแรงเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์อยู่รอดได้ ผมไปนึกถึงเรื่องกิเลส ถ้าหากว่าใครมีกำลังใจเข้มแข็งก็พอจะสู้กับกิเลสได้ แต่ถ้ากำลังใจไม่เข้มแข็งพอก็แพ้กิเลส กลายเป็นลูกไก่ที่โดนงูกินบ้าง โดนหมากัดบ้าง

    วันนี้ไปงานแต่ง ก็เลยนึกถึงเรื่องที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ ว่าคนเราที่จะแต่งงานกัน มีอยู่ด้วยกัน ๒ สาเหตุ สาเหตุแรกก็คือ เคยเป็นเนื้อคู่กันมาในชาติก่อน บาลีเขาบอกว่า บุพฺเพสนฺนิวาเสนะ (บุพเพสันนิวาส) สาเหตุที่สองก็คือ เกื้อกูลกันในปัจจุบันนี้จนเห็นใจกัน

    เพราะฉะนั้นถ้าใครบอกว่าเราไม่มีเนื้อคู่นี่อย่าไปเชื่อ การที่ไม่มีเนื้อคู่แปลว่าของอดีตไม่ได้ตามมา เราก็หาเอาในปัจจุบันนี่แหละ แต่ว่าในเรื่องของเนื้อคู่ เนื่องจากว่าเราไม่ได้เกิดเพียงชาติเดียว กว่าจะเป็นคนได้เราเกิดมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว เป็นหมู หมา กา ไก่ กันมาก็เยอะ เนื้อคู่ในแต่ละชาติมันก็จะมีอยู่ทุกชาติ

    ใครก็ตามที่เกิดร่วมกับเรามากที่สุด คนนั้นก็จะมีอิทธิพลกับเรามากที่สุด ถ้าประเภทนี้ก็จะลักษณะเดียวกับภรรยาของพรานกุกกุฎมิตร พอเห็นหน้าเท่านั้นก็หนีตามไปเลย อันนี้บุพเพสันนิวาส...ห้ามไม่ได้ เพราะว่าเขาเห็นเข้าเขาจะรู้เลยว่าคู่เขา

    คราวนี้ที่จะพูดก็คือว่า ในเมื่อเราไม่ได้เกิดชาติเดียว ถ้าใครจะทรงพรหมจรรย์บวชอยู่ต่อ...โปรดระมัดระวัง จะมีโผล่มาเป็นระยะ ๆ คนไหนเคยเกิดร่วมกับเรามากหน่อย เจอหน้าก็มืออ่อนตีนอ่อน

    ผมเจอมาแล้วครับ หน้าตาก็ธรรมดา แต่ทำไมมีแรงดึงดูดมากอย่างนั้น ผมเจอหน้าผมทำอะไรไม่ถูก ถึงเวลาทำวัตร ปากสวดมนต์แต่ตาแอบมองเขา เวลานั่งกรรมฐานหลับตาลง ผมก็ลืมตาจ้องยายบ้านั่น

    แต่คราวนี้ผมรู้ตัว ความรู้สึกบอกเลยว่า อย่าพูดกับเขาแม้แต่คำเดียว พูดเมื่อไรผมตายแน่ ผมก็เลยเลี่ยงไม่คุยด้วย แล้วเขาก็รู้ ไม่ว่าผมคุยกับใครอยู่ตรงไหน เขาต้องแถมาอยู่ใกล้ๆ แล้วก็พยายามจะถามนั่นถามนี่ พอเขาเอ่ยปากถาม ผมก็หันหลังให้เดินหนีเลย ผมรู้ว่าถ้าพูดเมื่อไร ผมตายแน่ แนวป้องกันพังแล้ว

    ช่วงนั้นทรมานมาก คือใจของเรายอมแพ้ตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว แต่ที่ตื๊อสู้อยู่นี่เป็นความดื้อ ให้มันรู้ไปว่ากูจะสู้ไม่ได้

    พวกที่มาตามวาระกรรม ถ้าเราตื๊อผ่านได้ พ้นวาระนั้นแล้วก็จะมาคิดว่า "ตอนนั้นกูบ้าไปได้อย่างไรวะ?" จะคิดอย่างนั้นจริง ๆ นะ คือว่าพ้นวาระไปแล้วเขาก็ไม่มีอิทธิพลกับเราแล้ว เราก็มานั่งมอง "หน้าตาหรืออะไรก็ไม่ได้ถูกใจสักอย่าง มัวแต่มองเขาอยู่ได้คนเดียว"

    คราวนี้ตรงจุดที่จะเตือนก็คือว่า พอพ้นคนนั้นไป คนใหม่ก็จะมาอีก เพราะเราไม่ได้เกิดชาติเดียว ยิ่งเกิดมากก็ยิ่งมีเยอะ คนไหนอยู่ร่วมกับเรามาก ก็มีอานุภาพมากหน่อย คนไหนอยู่ร่วมกับเราน้อย คนนั้นก็สร้างความสนใจให้กับเราน้อยหน่อย

    หลวงปู่ฝั้น วัดป่าอุดมสมพร สมัยก่อนผมเป็นลูกศิษย์ท่าน ท่านบอกว่าท่านเดินธุดงค์ไป พอข้ามแม่น้ำ สองแม่ลูกเอาเรือมารับคนข้ามฟาก ท่านบอกว่า พอเห็นหน้าลูกสาวก็แวบเข้ามาในใจ พอขึ้นจากเรือได้แล้ว ท่านบอกว่าเหมือนคนเดินไม่มีสติเลย เห็นแต่อีหน้าใบโพธิ์ มันลอยอยู่ข้างหน้า

    คราวนี้พอค่ำๆ ท่านก็ปักกลด ปรากฏว่ายายแม่ก็พาลูกสาวตามมา ตามมาถึงก็มากราบมาไหว้ เอาน้ำร้อน น้ำชามาถวาย แล้วก็บรรยายว่าตัวเองก็ตัวคนเดียว ผัวตายแล้ว มีนากี่ไร่ มีควายกี่ตัว มีลูกสาวแค่คนเดียว ถ้าพระคุณเจ้าไม่รังเกียจ สึกมาก็จะจับแต่งงานกัน แล้วก็ยกสมบัติให้ช่วยดูแลเพราะโยมก็แก่แล้ว

    โห...คุณเอ๊ย ลูกสาวเขาก็สเป็กล้วนๆ แถมสมบัติให้อีกบาน ทำอย่างไรละคราวนี้ ? หลวงปู่ฝั้นบอกว่า ตอนนั้นเกือบไม่ได้สติ เออๆ ให้พ้นหน้ากันไปก่อน เออๆ เดี๋ยวค่อยคิดกันนะโยม เดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้คำตอบ อะไรทำนองนั้น

    ปกติแล้วพระธุดงค์ ปักกลดแล้วเขาห้ามถอน รักษาสัจจะบารมี ตายเป็นตาย ไม่ได้อรุณไม่ถอนกลดเด็ดขาด พอเขากลับไป บอกว่าพรุ่งนี้จะมารอคำตอบ พอลับหลังเท่านั้น หลวงปู่ฝั้นถอนกลดหนีเลย ถ้าอยู่ตายแน่

    ท่านบอกว่าเดินธุดงค์ข้ามไป ๔ จังหวัดเลย ถ้าตามมาจะยอมแต่งงานด้วย โอ้โห...แล้วสมัยนั้นป่าเสือ ป่าช้าง ทั้งนั้น ผู้หญิงที่ไหนจะเดินตามมา แต่ท่านบอกว่า ๒ ปีกว่าๆ เห็นแต่หน้าเขาอยู่นั่น อานุภาพสุดยอดจริงๆ พอพ้นวาระไปแล้วท่านบอกว่า จึงหมดความสนใจ


    .
     
  2. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    อีกรายหนึ่งก็ หลวงปู่สิงห์ ขนฺตยาคโม วัดป่าสาลวัน เรียกว่ามือหนึ่งของหลวงปู่มั่น หลวงปู่สิงห์ท่านบอกว่าท่านไปกิจนิมนต์ กำลังเดินขึ้นไปบนบ้าน สบตากับสาวที่อยู่บนบ้าน เชื่อไหม ? ขาอ่อนทรุดลงไปเลย โยมเขาคิดว่าท่านก้าวบันไดพลาด แต่ความจริงหลวงปู่บอกว่า มันแวบเข้ามาในใจ มือตีนอ่อนไปหมด ทรุดกองอยู่ตรงนั้น จนโยมต้องมาประคอง พอหันไปดูผู้หญิงก็ล้มหงายตึงไปเหมือนกัน อันนี้แสดงว่าท่านคู่จริงๆ แรงขนาดเลย

    คราวนี้จะทำอย่างไร? แม่ผู้หญิงก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ จนต้องส่งคนมาทาบทาม มาสู่ขอ หลวงปู่ท่านก็เป็นนักกรรมฐานมือหนึ่ง ก็ลองสู้กันดูสักทีว่าจะไหวไหม ? เขายื่นข้อเสนอมาว่า ถ้าท่านจะสึกมาแต่งด้วยต้องการอะไรบ้าง จะยอมให้หมดทุกอย่างเลย หลวงปู่สิงห์ท่านบอกว่า

    เอาบ้านหลังหนึ่ง ให้ลอยอยู่กลางอากาศ ห้ามแตะพื้น อย่างที่สอง เอายาวิเศษที่กินแล้วไม่แก่ ไม่ตาย เจออย่างแรกเข้าไปก็เดี้ยงแล้ว โยมก็อึกๆ อักๆ "จะไปหาที่ไหนได้เล่าพระคุณท่าน..?"

    "เออ ถ้าหาไม่ได้แสดงว่าโยมทำตามสัญญา ตามต้องการไม่ได้ อาตมาไม่สึก..!"
    นั่นต้องบอกว่าความฉลาดของหลวงปู่ เพราะบ้านที่ลอยอยู่ในอากาศก็มีแต่วิมาน ส่วนที่ไม่แก่ไม่ตายก็นิพพานที่เดียว จะไปหาที่อื่นไม่ได้ อันนั้นท่านชนะ ท่านผ่านมาได้

    อีกรายหนึ่งก็หลวงปู่เทสก์ เทสรงฺสี สมัยก่อนผมคลุกคลีตีโมงกับลูกศิษย์สายหลวงปู่มั่นเยอะมาก ตอนผมเป็นเด็ก ๆ ผมวิ่งรับใช้ท่านอยู่ มีเรื่องมีราวอะไรบางทีท่านก็เล่าคุยกันเอง เราเองก็เงี่ยหูใกล้ๆ ได้ยินด้วย

    หลวงปู่เทสก์ท่านบอกว่า โยมผู้หญิงคนนั้น ใส่บาตรท่านเป็นปีๆ และก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอก ปรากฏว่าวันนั้นเขามาส่งข่าวว่าป่วย ใส่บาตรไม่ไหว หลวงปู่เทสก์ก็คิดว่า "เออ โยมเขาก็มีบุญคุณกับเรา ไปเยี่ยมเขาสักหน่อยดีกว่า"

    ตอนหลังทำวัตรเย็นก็ชวนเด็กวัดไปเป็นเพื่อน ไปเยี่ยม ปรากฏว่าพระป่ากว่าจะทำวัตรเย็นเสร็จก็สองทุ่มแล้ว เด็กวัดก็ง่วง พอไปถึงมันก็หลับซะนี่ ผู้หญิงเห็นว่าไม่มีเด็กเป็นก้างขวางคอ เขาก็พูดเปิดเผยขึ้นมาเรื่อยๆ หลวงปู่เทสก์ท่านบอกว่า มือตีนสั่น เหงี่อเริ่มหยด ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ใส่ใจ ดูไปดูมาทำไมสวยเหมือนกันวะ ?

    เพราะฉะนั้น..ที่จะเตือนพวกคุณก็คือว่า เรื่องของผู้ชายเรา...ไม่มีอะไรที่มีอิทธิพลเท่ากับผู้หญิง และเรื่องของผู้หญิง...ไม่มีอะไรที่มีอิทธิพลเท่ากับผู้ชาย แต่ว่าอย่าให้อารมณ์ของเราชนะเหตุผลได้

    เราลองนึกดูว่า กว่าเราจะโตมาจนป่านนี้ กว่าจะแก่มาจนป่านนี้ พ่อแม่เลี้ยงเรามากี่ปี เรารักพ่อรักแม่เท่ากับไอ้บ้าหรืออีบ้าที่เพิ่งเจอกันหรือเปล่า ? คิดดูให้ดี ๆ ตีเสียว่ากว่าจะบวชได้ ๒๐ ปี พ่อแม่เลี้ยงเรามา เจอหน้าเขาดันหน้ามืดตามัว หัวทิ่มหัวตำ แต่พ่อแม่เลี้ยงเรามาจนเหนื่อยยากแทบตาย เราดันรักไม่เท่าไร ตรงนี้ถูกหรือไม่ถูก ? เราต้องคิดให้เป็น

    แต่ก็ว่าอย่างว่านั่นแหละ เรื่องของกามราคะมันครองโลก สุนทรภู่ท่านบอกว่า อันตัณหาราคะนั้นสาหัส ถ้าใครตัดเสียได้ฉันให้ถอง อุตส่าห์เรียนวิชาหาเงินทอง ก็เพราะของสิ่งเดียวมันเกี่ยวกวน จริงๆ สุนทรภู่ท้าผิดจังหวะ ถ้าลองมาท้าผมตอนนี้ รับรองโดนถองแน่ๆ..!

    ผมเองก็ตัดไม่ได้หรอก....แต่ว่าป่วยจนไม่มีแรงทำอะไรแล้ว เท่ากับตัดไปได้เลย เพราะฉะนั้น..เรื่องอย่างนี้ต้องระวังให้ดี ไม่ใช่อะไรหรอก เณรท่านบ่นร่ำๆ ว่าจะสึก เริ่มคึกมากขึ้น ผมก็เลยบอกว่าให้ทำกรรมฐานบ้าง ถ้ามึงกินแล้วนอนเดี๋ยวก็คึกตายหรอก..!

    พระพุทธเจ้าตรัสว่าบุคคลที่เกิดมาได้พบกัน ในอดีตไม่เคยมีความสัมพันธ์กันเลยไม่มี อย่างน้อยๆ ต้องเป็นฐานะใดฐานะหนึ่ง เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นลูก เป็นหลาน เป็นญาติพี่น้อง เป็นเจ้านาย เป็นลูกน้อง เป็นเพื่อนฝูงเป็นบริวาร จะต้องเป็นสักฐานะหนึ่ง

    เพราะฉะนั้น เรื่องของพระพุทธศาสนาเรานั้นไม่มีคำว่าบังเอิญ ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมทั้งหมด กรรมดีกรรมชั่วที่เราสร้างมา ถึงเวลาก็จะส่งผลให้เป็น คำว่าบังเอิญไม่มี มีแต่เป็นไปตามวาระกรรมทั้งนั้น ดังนั้น..เราต้องระมัดระวังให้ดีว่า ถ้าหากไม่สร้างกำลังใจให้เข้มแข็งพอ ถ้าเรื่องพวกนี้มา...เสร็จมันแน่..!

    จริงๆ ผมเองตอนเป็นฆราวาส ผู้หญิงล้อมรอบเยอะ เราเองไม่คิดจะไปรักไปใคร่ใยดีเขาหรอก แต่เนื่องจากว่าตอนนั้นทำงาน และบรรดาสาวๆ เขาก็เพิ่งเรียนจบ ยังไม่มีงานทำบ้าง เรียนยังไม่จบบ้าง เขาอยากไปวัด ในเมื่ออยากไปวัดผมก็มีหน้าที่ไปรับ ไปส่ง แล้วค่ากิน ค่าอยู่ ค่ารถเป็นของเรา สตางค์เขาเก็บไว้ทำบุญอย่างเดียว

    ผมไปรับไปส่งตรงเวลา จนกระทั่งพ่อแม่เขาไว้ใจ หลายต่อหลายบ้านเห็นผมเป็นลูกเป็นหลานไปด้วย ผมขอยืนยันว่า เอาแมวไปเฝ้าปลาย่าง แล้วมีกติกาว่าห้ามกินนั้น โคตรทรมานเลย..!

    จริงๆ ครับ เพราะเวลาพัก ผมก็นอนห้องเดียวกัน ผมไม่ใช่ตอไม้นะ มีความรู้สึก แต่ทีนี้ผมดันรู้ตัวเองว่าจะต้องบวช ผมฝึกมโนมยิทธิตั้งแต่อายุยังไม่ครบยี่สิบ รู้เลยว่าอนาคตจะต้องบวช ผมเรียนอยู่ชั้นมัธยม ผมรู้เลยว่าผมต้องบวช

    ทีนี้นิสัยตัวเองนะ ถ้ามีอะไรกับใครผมต้องรับผิดชอบชีวิตเขา ให้ทิ้งมาบวชคงทำไม่ได้ ก็เลยกลายเป็นเครื่องกั้นตัวเองไว้อย่างหนึ่งว่า อย่าไปยุ่งกับเขาเลย เดี๋ยวซวย เดี๋ยวบวชไม่ได้ ก็เลยกลายเป็นว่าดีเหมือนกัน บางทีการที่เรารู้อะไรล่วงหน้า ก็ช่วยในการตัดสินใจของเราได้เยอะมากเลย



    .
     
  3. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    เพื่อนผมหลายคนเสียอนาคตไป ทั้งๆ ที่ตั้งใจบวชอย่างมาก เพราะไปมีคู่เสียก่อน ยกตัวอย่างคนหนึ่ง ผมต้องชมจริงๆ ว่าผู้หญิงเขาเก่ง ผู้ชายมันตั้งเป้าจะบวช ผู้หญิงเขาไม่ห้ามนะ แต่เขาอ้อน "พี่.....ไหนๆ พี่จะไปบวชแล้ว หนูอยู่คนเดียวก็เหงา มีลูกให้หนูสักคนเถอะ"

    ไอ้ผู้ชายก็เสือกบ้าไปเชื่อ โง่ฉิบหา..เลย..! วันแรกที่โทรมา ดีใจใหญ่ว่าเมียท้องแล้ว จะได้บวชแล้ว ผมก็บอกว่า "มึงตายแน่เลย ไปไม่รอดหรอก เมียมึงทิ้งได้ แต่ลูกมึงทิ้งไม่ได้เด็ดขาดเลย..!"

    จริงๆ ด้วย พอลูกคลอดออกมา ก็เสร็จมาจนทุกวันนี้ ตูบวชมายี่สิบกว่าพรรษา ยังไม่เห็นบวชอีกเลย เพราะฉะนั้น..อย่าทะลึ่งเชียวนะ ต้องบอกว่าผู้หญิงเขาฉลาดมาก เห็นน้ำเชี่ยวเขาไม่เอาเรือไปขวางหรอก เขาเกาะเรือลอยตามไปเลย

    ตัวอย่างที่ผมยกมานี่ก็คือว่า เรื่องของผู้หญิง ถ้าเขาหมายมั่นปั้นมือว่าเราเป็นชายในฝันร้ายของเขาละก็ เขากล้าลงทุนทุกเรื่อง และลงทุนแบบไม่กลัวขาดทุนเลย

    เพราะฉะนั้น..ต้องใจแข็งๆ หน่อย ถ้าหากว่าใจอ่อน แล้วอย่างอื่นแข็งแทนก็ตัวใครตัวมัน..! ไม่รู้จะช่วยอย่างไรจริงๆ ถ้าหากเราตั้งอนาคตว่าเราจะมีครอบครัว....ก็มีไป ไม่มีปัญหา แต่ถ้าใครคิดว่าจะกลับมาบวชใหม่ เอาดีทางด้านนี้ อย่าไปแตะเลย แตะเมื่อไรไม่ได้กลับหรอก

    สังเกตไหม ? บวชไปนาน ๆ แม่ชีบ้าง เด็กวัดบ้าง แรกๆ เราเห็นก็ขี้มูก ขี้ตากรัง พอปีสองปี "ทำไมสวยขึ้น...สวยขึ้น" อย่างทหารเวลาฝึก เขาฝึกกันทีหนึ่งประมาณ ๑๐ อาทิตย์ ก็ประมาณสองเดือนครึ่ง เพื่อนบอกว่า "กูเห็นควายยังสวยเลย..!" เพราะสองเดือนครึ่งไม่ได้ไปไหนเลย ฝึกอย่างเดียว ขนาดเห็นควายยิ้มยังสวยเลย แล้วทำไมคนจะไม่สวยขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้น..ต้องระวังให้ดี แรกๆ ก็ไม่เท่าไร ดูไปๆ ชักจะเข้าท่า ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวซวยได้เลย

    ฉะนั้น..ต้องระมัดระวังให้ดีเรื่องเพศตรงข้าม พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ไม่รู้ไม่เห็นได้เลยเป็นดี ถ้ารู้เห็นก็อย่าพูดด้วย ถ้าจำเป็นต้องพูดด้วย ให้พูดโดยธรรม พูดประเภทสอนให้เขาทำกรรมฐานอะไรก็ได้

    เดี๋ยวเขารำคาญด่าเราสักที เขาก็ไปแล้ว "คนอะไรโง่ฉิบหา..เลย สอนให้ทำอะไรก็ไม่รู้ ไอ้ที่สนุกกว่านั้นไม่สอน.."

    เรื่องนี้เรียกว่าเป็นจุดตายหนึ่งในสองอย่างของนักบวชเรา ท่านบอก สตรีกับสตางค์ ถ้าหากว่ารอดจากผู้หญิง ก็อาจจะตายเพราะสตางค์

    มีพระผู้ใหญ่อยู่รูปหนึ่งทางอีสาน อย่าให้ผมบอกชื่อเลย ท่านอาวุโสมาก ความรู้สูง ตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัด อย่างไรก็ต้องได้ขึ้นเป็นเจ้าคณะจังหวัดแน่ ปรากฏว่าพอสิ้นเจ้าคณะจังหวัดรูปเก่า เขาก็แต่งตั้งพระอีกวัดหนึ่งให้เป็นแทน ท่านก็โวยวาย เตรียมตัวที่จะประท้วงทิ้งบัตรสนเท่ห์

    แต่ดวงท่านยังดี พอดีว่าเพื่อนที่รู้ใจกันไปเยี่ยม ท่านก็โวยเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็บอกว่านี่ "ถ้าหากว่าคุณไม่รู้ว่าทำไมตำแหน่งคุณไปหล่นอยู่ที่วัดนั้น ขอให้คุณรู้เอาไว้ด้วยว่า ที่คุณไม่ได้ เพราะคุณพลาดเรื่องหนี้" พอท่านได้ยินก็สะดุ้ง ท่านเอาเงินไปให้ชาวบ้านเขากู้ ปล่อยเงินกู้กินดอก

    ผมเองก็โดนบ่อยนะ มีคนจะมากู้เงินผมตั้งแต่สมัยอยู่เกาะพระฤๅษี "อาจารย์กู้หมื่นหนึ่งสิ" "อาจารย์กู้สักสองหมื่นสิ" ผมไม่เคยขัดเลยครับ ใครจะกู้....ผมให้เลย "ผมคิดดอกร้อยละ ๑๒๐ หักดอกเดี๋ยวนี้เลย ต้องการเท่าไรบอกได้ มีให้ทั้งนั้น" ไม่เห็นมีใครเอาจริงสักราย..!

    เพราะถ้าเขากู้ผมหมื่นหนึ่ง เขาต้องให้ดอกผมหมื่นสองเดี๋ยวนั้น แล้วยังเป็นหนี้ผมอีกหมื่นหนึ่ง ดูซิว่าจะเอาไหม ? เรื่องเงินนี่อันตราย โดยเฉพาะถ้าเป็นพระสังฆาธิการ อยู่ในแนวการปกครอง เจ้านายเขาเล่นงานโดยตรงได้เลย หลุดจากตำแหน่งมานักต่อนัก รายนั้นโชคดีที่เขาเมตตา ไม่เอาออกจากตำแหน่ง ให้เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดนับว่ายังดี

    เรื่องของพระเราต้องระวังให้ดี เพราะเรามีค่าแค่บาทเดียว (เอาของเขา) ถึงบาทเมื่อไหร่ปาราชิกทันที ต้องระมัดระวัง รู้ไหม ? ส่วนเรื่องของผู้หญิงนี่ก็หนึ่งในสี่ปาราชิกเหมือนกัน เสพเมถุน มีเมียเมื่อไรก็เรียบร้อย

    ฉะนั้น..นอกจากจะต้องระมัดระวังแล้วยังต้องสู้กันขนานหนักเลย เพราะว่ามันเป็น ๑ ใน ๔ กิเลสใหญ่ ก็คือ ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ราคะนี่เรื่องผู้หญิง โลภะก็เรื่องสตางค์ กิเลสใหญ่สองตัวรุมตี ต้องระมัดระวังเอาไว้


    .
     
  4. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    แก่แล้วก็ไม่แน่ว่าจะรอดนะ ผมขอยืนยัน

    ถาม : (ไม่ได้ยินคำถาม)

    ตอบ : ไม่ต้องห่วง กิเลสเขาชำนาญ คุณภาวนามากี่วัน ถามหน่อย ส่วนเรื่องนั้นเขาชำนาญมาเป็นแสนๆ ชาติ ชีวิตนี้ทั้งชีวิตเกิดมาแล้วภาวนาก็แค่ไม่กี่ปี ส่วนไอ้นั่นเขาทำมาเป็นแสนชาติ เขาชำนาญกว่าเยอะ ฉะนั้น..ภาวนาอยู่เราก็ฟุ้งไปได้

    สมัยผมอยู่วัดท่าซุง หลวงน้ามีชัย ต้องขออภัยที่เอ่ยชื่อ เพราะสนิทกันมากจนล้อกันเล่นได้ หลวงน้าสึกไปตอนอายุ ๗๒ อายุ ๗๒ ครับ ขอยืนยัน แก่แล้วคนมักจะเห็นหล่อตอนนั้นเสียด้วย แปลกมาก....ตอนบวชมันก็ดูดีไปหมด พอสึกไปแล้วก็หน้าตาธรรมดา บางรายก็อยากเอาชนะ

    สมัยผมอยู่วัดท่าซุง ผมด่ากระจายเลย โยมบางคนเขามา ผมก็ถามตรงๆ "ถามหน่อยเถอะ ไม่มีที่ไปแล้วหรือ ? ถึงต้องมาหาผัวในวัด..!" ยายนั่นก็ปากร้ายพอกัน เขาบอก "อ๋อ...ถ้าบวชหลายพรรษาหน่อยก็ไม่ต้องกลัวเอดส์..!"

    เจริญ....แสดงว่าเขาใจถึงใช้ได้ ด่าตรงๆ ก็ตอบมาตรงๆ เหมือนกัน แล้วคุณคิดดูว่าผู้หญิงเขากล้าขนาดนั้น ถ้าขืนเราอ่อนหน่อยละก็....ตายเลย

    สมัยก่อนผมด่าแหลกเลย ผมเพิ่งจะมาเลิกด่าก่อนออกจากวัดได้ไม่นาน เพราะว่ามีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง เขาเอาของขวัญปีใหม่มาถวาย เราก็ "ขอให้มีความสุขความเจริญนะ ทำอะไรก็ขอให้ประสพความสำเร็จสมหวังทุกอย่าง" เขาว่าอย่างไรรู้ไหม ?

    "หลวงพี่พูดดีๆ กับเขาก็เป็นด้วยนะ" ผมได้ยินผมสะดุ้งเลย นี่กูปากร้ายขนาดนั้นเลยหรือ ? สมัยก่อนผมไม่ให้ผู้หญิงเข้าใกล้เลย ด่าฉิบหายวายป่วงหมด ยายนั่นพูดทีผมได้คิด ผมก็เลยเลิกด่า บางอย่างเขาพูดก็สะดุดใจเราเหมือนกัน

    ฉะนั้น..คุณต้องหาทางป้องกันระวังตัวเอง หลวงน้ามีชัยก่อนท่านจะสึก เจอหน้ากันผมก็เข้าไปไหว้ ท่านว่า

    "เออ..ท่านเล็กยังดีนะ เจอหน้าผมยังไหว้ คนอื่นพอรู้ว่าผมจะสึก ก็ไม่ไหว้ผมแล้ว"
    "อ้าว...แล้วตอนนี้หลวงน้าเป็นพระอยู่หรือเปล่า ?"
    "เป็น"
    "หลวงน้าเป็นพระอยู่ ทำไมผมจะไหว้หลวงน้าไม่ได้ แต่ถามจริงๆ เถอะหลวงน้า แก่จนป่านนี้แล้วจะไปทำอะไรเขา ยังไหวหรือ ?" ท่านก็เขิน
    "ฮึ..ผมอยากเที่ยว"
    "แหม..หลวงน้าก็ตะแบงข้างไปได้ เป็นพระเที่ยวง่ายกว่าตั้งเยอะ ไม่ต้องเสียสตางค์ด้วย"
    "ก็ผมไม่นึกอยากจะอยู่นี่"


    บอกตรงๆ ก็หมดเรื่อง ยังมีการตะแบงข้างอีก เพราะฉะนั้น..เรื่องอย่างนี้อย่าคิดนะ ภาษิตจีนเขาบอกว่า ตั้งแต่ ๘ ขวบยัน ๘๐ นี่ไว้ใจไม่ได้ เรื่องจริง....ดูอย่างล้อต๊อกมีลูกตอนอายุ ๗๙ ตอนแรกก็ด่าเมียหาว่ามีชู้ พอไปหาหมอ ให้หมอตรวจดีเอ็นเอดู อ้าวลูกตัวเองนี่หว่า นี่อายุตั้ง ๗๐ กว่ายังมีน้ำยา

    เรื่องพวกนี้ไว้ใจไม่ได้ ประมาทเมื่อไรเราตายเมื่อนั้น ฉะนั้น..อย่าทิ้งการภาวนา ทิ้งเมื่อไรไปไม่รอดหรอก ถ้าต้องการความเจริญในพุทธศาสนา ขอยืนยันภาวนาเข้าไว้ จะมากจะน้อยก็ช่วยระงับกิเลสได้มาก


    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เทศน์สอนพระหลังทำวัตร บนศาลาวัดท่าขนุน



    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1265



    .
     
  5. สตางค์แดง

    สตางค์แดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2006
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +406
    ขอบคุณนะครับที่นำบทความธรรมะดี ๆ มาให้อ่าน และขอโมทนาบุญด้วยครับ
     
  6. เพชรกร

    เพชรกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    291
    ค่าพลัง:
    +1,260
    เรื่องสตรีผมว่าหนักหนากว่าเรื่องสตางค์ครับ
    สตรีกับพระนั้นเหมือนกับผึ้งกับน้ำหวานซึ่งจะวนเวียนมาดมสม่ำเสมอเเละเรื่อยๆไม่ซ้ำหน้าผ่านคนนี้ได้คนต่อไปก็จะมาอีกเป็นหยั่งงี้วนเวียนไม่จบสิ้น
    ถ้าไม่ปฏิบัติธรรมภาวนาให้เห็นเเจ้งเเล้วร้อยทั้งร้อยเสร็จทุกราย
     
  7. Siranya

    Siranya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,051
    ค่าพลัง:
    +9,004
    (good)(good);ปรบมือ;ปรบมือ;ปรบมือ;ปรบมือ
     
  8. beverzone

    beverzone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    589
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +2,174
    น่ากลัวจริงๆครับ
    กามราคะมันฝังอยู่ทุกวัยจริงๆ
     
  9. อสังขตะ

    อสังขตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +265
    อนุโมทนาครับ ถือเป็นข้อเตือนใจเพราะเมื่อปลดภาระทางโลกแล้วผมตั้งใจจะบวชบำเพ็ญบารมีญาณเมือนกัน
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...