นานาสาระ (แน)

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย ญ.ผู้หญิง, 4 มกราคม 2011.

  1. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    ... ขออนุญาตเก็บตกนานาสาระในคลังสารบบส่วนตัวเอามาวางให้อ่านกัน จะพยายามลงให้อ่านวันละ ๑ เรื่องไปเรื่อย ๆ จนหมดสต็อคค่ะ


    สาระ (แน) เรื่องที่ ๑ คนเก่งจริงไม่เรื่องมาก คนฉลาดจริงไม่มากเรื่อง




    [​IMG]


    วันแรกที่เข้าเรียนในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผมพบเรื่องอัศจรรย์อย่างหนึ่<wbr>งเมื่อรุ่นพี่บางคนบอกว่า "การอดนอนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรั<wbr>บการเรียนในคณะนี้"

    วันสุดท้ายในคณะนี้ ผมพบว่าตั้งแต่เรียนมาห้าปี ไม่เคยต้องอดนอนเลย ยกเว้นเมื่อต้องทำงานกลุ่ม ทั้งนี้มิใช่เพราะผมทำงานเร็<wbr>วกว่าคนอื่น.....แต่เพราะผมไม่เชื่อในทั<wbr>ศนคตินั้นจึงพยายามพิสูจน์ว่ามันไม่จริง และพบว่าการวางแผนที่ดีแก้ปั<wbr>ญหาได้ทั้งหมดแม้แต่การสร้างสรรค์งานศิลปะ <wbr>ที่น่าขันก็คือ น้อยคนที่อดนอนได้คะแนนดี

    ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนมานานร่<wbr>วมสามสิบปี ห้าปีในนั้นผมทำงานในต่างประเทศ เมื่อกลับมาเมืองไทย ผมพบเรื่องอัศจรรย์อีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือหลายคนมองการก้าวเท้<wbr>าออกจากสำนักงานตรงเวลาเป็นเรื่อง "ประหลาดที่สุดในโลก"

    ผมรู้ความจริงภายหลังว่าคนจำนวนมากไม่ยอมออกจากสำนั<wbr>กงานตรงเวลา เพื่อแสดงให้เจ้านายเห็นว่าตนเองขยันขันแข็ง ยิ่งอยู่ดึก ยิ่งเป็นพนักงานตัวอย่างเสียสละเพื่อองค์กร น่ายกย่องชมเชย บ่อยครั้งมีผลถึงการได้รับโบนั<wbr>สตอนท้ายปีเนื่องจากเจ้านายมักเห็นหน้าเห็<wbr>นตาใครคนนั้น หลังเวลาเลิกงานแล้วเสมอ

    หากไม่เคยทำงานในต่างประเทศมาก่<wbr>อน ผมอาจเข้าร่วมวงไพบูลย์ "มาสายกลับดึก" ด้วย แต่หลายปีในชีวิ<wbr>ตการทำงานในประเทศที่มีประสิทธิ<wbr>ภาพในการจัดการที่สุดทำให้เห็<wbr>นค่าเวลาทุกนาทีในชีวิตผมกลับมองว่า คนที่อยู่ดึกเป็นประจำคือพวกไร้<wbr>ประสิทธิภาพ ไม่สามารถทำงานให้เสร็จทันเวลาจึงต้องอยู่ดึก ยิ่งทำงานมากชั่วโมงยิ่งแสดงถึ<wbr>งการทำงานโดยไม่มีการวางแผน ไม่มองภาพรวม


    ลองคิดดู ?
    การอยู่ดึกเพื่อทำงานพิเศษหนึ่<wbr>งคืนหมายถึง ค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น เครื่องปรับอากาศทำงานมากขึ้น ค่าทะนุบำรุงสูงขึ้น ผลกระทบต่อคนทำงานคือพักผ่อนน้<wbr>อยกว่าที่ควรเป็น ยิ่งอยู่ดึก ประสิทธิภาพของงานในวันถัดไปยิ่<wbr>งตกต่ำลง

    .....มือกระบี่ชั้นหนึ่งในแผ่นดิ<wbr>นมองท่วงทีของศัตรูอย่างระวัง ตวัดกระบี่ในมือเพียงฉับเดียว ก็เข่นฆ่าฝ่ายตรงข้าม
    .....มือกระบี่ชั้นรองต้องประกระบี่<wbr>ดังโคร้งเคร้งนานนับชั่วโมง ราวกับอยากบอกโลกว่าข้าก็ใช้กระบี่นะโว้ย โลกรับรู้ แต่คมกระบี่ก็บิ่น ต้องเสียเวลาลับกระบี่อีกหลายวั<wbr>น
    .....งานดีอย่างเดียวไม่พอ ต้องตรงเวลาด้วย
    .....งานดีไม่มีทางเกิดขึ้<wbr>นตามยถากรรมหรืออารมณ์ขึ้นลง ไปจนถึงความหนาแน่นรัดกุ<wbr>มของกฎเกณฑ์ "ตอกบัตร"
    .....ปริมาณเวลาในการทำงานชิ้นหนึ่ง ไม่ได้เป็นสัดส่วนกับคุ<wbr>ณภาพของผลงานเสมอไป บ่อยครั้งเป็นปฏิภาคกัน
    .....หลายครั้งงานที่ให้เวลาน้อย กลับออกมาดีกว่างานที่ให้<wbr>เวลามาก
    "คนเก่งจริงไม่เรื่องมาก คนฉลาดจริงไม่มากเรื่อง ทำงานเสร็จแล้วก็เลิก! ไม่ต้องรอเทวดาบนสวรรค์วิ<wbr>มานมารับรู้" เพราะถึงเวลานั้นเทวดาก็กลับบ้<wbr>านไปนานแล้ว


    ขอบคุณที่มา : วินทร์ เลียววาริณ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2011
  2. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    บทความนี้ให้แง่คิด ที่ควรนำไปคิดพิจารณาเป็นอย่างยิ่งค่ะ
     
  3. นทีบุญ

    นทีบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    939
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +795
    ติดตามผลงานของคุณวินทร์ เรียววาริณมาหลายเล่มเหมือนกัน ชอบเกี่ยวกับลีลาการเขียน พล็อตเรื่อง

    นิยายของคุณวินทร์ อ่านแล้วรู้สึกทึ่ง! มากๆ ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมนิยายของเขาถึงได้ถูกตีพิมพ์หลายสิบครั้ง

    บทความนี้ยังคงชั้นเชิงของลีลาไม่ห่างหาย...
     
  4. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    กลับบ้าน ๑๗.๐๐ เป็นส่วนใหญ่เลย
    แรกๆมีแต่คนมองหน้า ๕๕๕
    ตอนนี้เค้ากันชินแล้ว
     
  5. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    สาระ (แน) เรื่องที่ ๒ วันนี้... คุณมองดูตัวเองกันหรือยัง?

    ... มีสามีภรรยาคู่หนึ่งอาศัยอยู่บ้านหลังหนึ่ง ทุก ๆ เช้า ภรรยาจะแอบมองดูเพื่อนบ้านจากหน้าต่างชั้นบนบ้านและวิ่<wbr>งกลับมารายงานให้สามีฟัง “เพื่อนบ้านเรานี่ซักผ้าไม่เป็นเลย เสื้อผ้าสกปรกเหลือเกิน ไม่รู้เขาใช้ผงซักฟอกยี่ห้ออะไร หรือใช้วิธีซักอย่างไร"

    สามีก็ตอบว่า “อย่าไปสนใจคนอื่นเขาเลย เราซักผ้าของเราให้สะอาดก็แล้<wbr>วกัน ”

    แต่ภรรยาก็ยังไปแอบดูเพื่อนบ้<wbr>านอยู่ทุกเช้าจากหน้าต่างข้<wbr>างบนบ้าน และวิ่งกลับมารายงานสามีทุกเช้า<wbr> “เสื้อผ้าของเขาสกปรกอีกแล้ว…”


    ต่อมาวันหนึ่ง ภรรยาวิ่งลงมารายงานสามีด้<wbr>วยความแปลกประหลาดใจ “ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น เสื้อผ้าของเขาขาวสะอาด อยากจะรู้เหลือเกินว่า เขาเปลี่ยนมาใช้ผงซักฟอกยี่ห้<wbr>ออะไร หรือทำอย่างไร...”

    สามีหัวเราะและกล่าวว่า “นี่...ฉันรำคาญเธอเหลือเกิน เมื่อเช้าฉันตื่นแต่เช้ามืด และไปเช็ดกระจกหน้าต่างให้<wbr>ใสสะอาด เพราะก่อนหน้านี้กระจกมันสกปรก เธอมองออกไป ก็เห็นแต่ความสกปรก... "


    ”มนุษย์เราชอบมองคนอื่น โดยผ่านจิตใจของเราออกไป เมื่อจิตใจของเราสะอาด เราก็จะเห็นแต่ความดีงามรอบ ๆ ตัว แต่ถ้าจิตใจของเราสกปรก เราก็จะเห็นแต่ความสกปรกรอบตัว การที่เราเห็นแต่ความเลวรอบ ๆ ตัวเรา เราต้องเข้าใจว่า แท้ที่จริงแล้ว... สิ่งที่เราเห็น มันเกิดขึ้นในจิตใจของเรา และเราจะต้องหาทางฝึกจิตใจให้<wbr>สะอาดบริสุทธิ์ ถ้าเราเห็นแต่สิ่งที่เลวจิตใจก็<wbr>ไม่สงบ เราก็จะกลุ้มอกกลุ้มใจ มีความทุกข์ แต่ถ้าเราหัดมองในแง่ดี เราก็จะคิดแต่สิ่งที่ดี จิตใจก็จะเบิกบาน และมีความสุข..."


    ขอบคุณที่มา: ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา จากหนังสือชีวิตงาม
     
  6. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    สาระ (แน) เรื่องที่ ๓ บทสนทนาของพ่อกับลูก ตอน...ทำไมน้ำตกถึงสวย?

    [​IMG]

    พ่อ : "รู้ไหมลูก...ทำไมน้ำตกถึงสวย"

    ลูก : "ก็เพราะมันเป็นน้ำตกค่ะ"

    พ่อ : "ไม่ใช่หรอกลูก ที่น้ำตกสวยน่ะ เพราะน้ำตกไม่ยอมเก็บน้ำไว้ในชั้น
    ของตัวเองต่างหาก"

    ลูก : "หมายความว่าอย่างไรคะพ่อ"

    พ่อ : "ลูกสังเกตไหมล่ะว่าเวลาน้ำ
    ำตกตกลงมาจากชั้นหนึ่งแล้ว น้ำนั้นก็จะถูกส่งต่อลงไปอีกชั้<wbr>นหนึ่งทันที เพราะวิธีนี้ที่น้ำตกไม่เห็นแก่<wbr>ตัว แต่ยอมส่งน้ำที่ตกมาจากชั้นอื่<wbr>นแล้วส่งต่อกันไปเรื่อยๆ อย่างนี้ น้ำ้ำตกถึงสวยและน้ำตกจึงยั<wbr>งคงเป็นน้ำตกที่มีเสน่ห์ไงละ"

    ลูก : ?

    "คนเรา์เราถ้าอยากให้ตัวเองเป็<wbr>นคนที่น่ารัก ควรจะเป็นอย่างน้ำตก หากมีสิ่งดีๆ ตกมาถึงตัวเรา อย่าเก็บสิ่งดี ๆ นั้นไว้คนเดียว ควรต้องเรียนรู้ที่จะแบ่งปั<wbr>นออกไปให้มากที่สุด มีก็แต่คนที่ "ให้" ออกไปเท่านั้นแหละ... จึงจะเป็นคนที่ "ได้รับ" อย่างแท้จริง..."

    ขอบคุณที่มา : หนังสือธรรมะสวัสดี

     
  7. หมั่นเพียร

    หมั่นเพียร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +708
    "คนเรา์เราถ้าอยากให้ตัวเองเป็<WBR>นคนที่น่ารัก ควรจะเป็นอย่างน้ำตก หากมีสิ่งดีๆ ตกมาถึงตัวเรา อย่าเก็บสิ่งดี ๆ นั้นไว้คนเดียว ควรต้องเรียนรู้ที่จะแบ่งปั<WBR>นออกไปให้มากที่สุด มีก็แต่คนที่ "ให้" ออกไปเท่านั้นแหละ... จึงจะเป็นคนที่ "ได้รับ" อย่างแท้จริง..."

    อนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  8. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    สาระ (แน) เรื่องที่ ๔ ข้อคิดคำคมจากขงเบ้ง

    ถ้าคุณคิดจะเป็นใหญ่ คุณก็จะได้เป็นใหญ่
    ถ้าคุณคิดอยากเป็นอะไร คุณก็จะได้เป็นสิ่งนั้น
    เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย
    เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส
    เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย
    ดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"


    นกทำรังให้ดูไม้ ข้าเลือกนายให้ดูน้ำใจ
    ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด
    ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู<wbr>้ที่ใหญ่ที่สุด
    ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น


    ถ้าสติไม่มา ปัญญาก็ไม่มี
    ไม้คดใช้ทำขอ เหล็กงอใช้ทำเคียว แต่ คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย
    เล่นหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดียว
    เดินหมากรุกยังต้องคิด เดินหมากชีวิต จะไม่คิดได้อย่างไร
    เมื่อใครสักคนหนึ่งทำผิด ท่านอย่าเพิ่งตำหนิหรือต่อว่<wbr>าเขา
    เพราะถ้าท่านเป็นเขาและตกอยู่<wbr>ในสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกับเขา
    ท่านอาจจะตัดสินใจทำเช่นเดียวกั<wbr>บเขาก็ได้


    การบริหาร คือการทำงานให้สำเร็จโดยอาศัยมื<wbr>อผู้อื่น
    ผู้ปกครองระดับธรรมดา ใช้ความสามารถของตนอย่างเต็มที่
    ผู้ปกครองระดับกลาง ใช้กำลังของคนอื่นอย่างเต็มที่
    ผู้ปกครองระดับสูง ใช้ปัญญาของคนอื่นอย่างเต็มที่
    อ่านคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น


    เมื่อนักการทูตพูดว่า "ใช่ หรือ อาจจะ" เขามีความหมายว่า "อาจจะ"
    เมื่อนักการทููตพูดว่า "อาจจะ" เขามีความหมายว่า "ไม่"
    เมื่อนักการทูตพูดว่า "ไม่" เขาไม่ใช่นักการฑูต
    (เพราะนักการทูตที่ดีจะไม่ปฏิ<wbr>เสธใคร)


    เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "ไม่" หล่อนมีความหมายว่า "อาจจะ"
    เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "อาจจะ" หล่อนมีความหมายว่า "ใช่ หรือ ได้"
    เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "ใช่ หรือ ได้" หล่อนไม่ใช่สุภาพสตรี
    (เพราะสุภาพสตรีจะไม่ตอบรั<wbr>บใครง่ายๆ)


    คิดทำการใหญ่ อย่าสนใจเรื่องเล็กน้อย
    ตาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไกลได้ แต่ไม่สามารถมองเห็นคิ้วของตน
    คนส่วนใหญ่ใส่ใจกับผลได้ระยะสั้<wbr>นเท่านั้น
    แต่คนฉลาดอย่างแท้จริงจะมองไปยั<wbr>งอนาคต



    ขอบคุณที่มา : หนังสือข้อคิดคำคม
     
  9. liquidpaper

    liquidpaper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,423
    ขอบคุณที่นำมาให้อ่านกันค่ะ......[​IMG]
     
  10. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    สาระ (แน) เรื่องที่ ๕ ก้าวไปให้ถึงดาว...

    [​IMG]


    ไม่มีสิ่งใดในโลก...

    ที่สำเร็จได้โดยไม่เริ่<wbr>มจากการทำทีละน้อย...ทีละน้อย
    หรือเริ่มจากการทำทีละอย่าง...<wbr>ทีละอย่าง...

    หากเราเริ่มจะนับให้ถึงร้อย...<wbr>เราต้องเริ่มนับที่หนึ่ง...
    นับจากหนึ่งไป สอง สาม สี่ จนไปถึงร้อย...

    ความสำเร็จก็เช่นกัน...สุภาษิ<wbr>ตจีนบอกไว้ว่า
    "ความสำเร็จต้องเริ่มที่ก้าวแรก
    ต้องค่อย ๆ ทำ ค่อย ๆ สะสม
    เริ่มจากทีละก้าว ทีละก้าว แล้วจะถึงเส้นชัยเอง
    เพียงแต่ช้าหรือเร็วเท่านั้น...<wbr>"

    เวลาเราจะข้ามภูเขาสูงไปอีกฟาก
    เราไม่สามารถก้าวข้ามเขาทีเดี<wbr>ยวได้...
    โดยการก้าวเพียงก้าวเดียว...
    เราไม่สามารถย่อภูเขาให้เล็กลง
    เราไม่สามารถเสกอะไรได้ดังใจ...
    เพื่อที่จะก้าวข้าม...
    เพราะเราไม่ใช่ผู้วิเศษ...
    แต่กลับจะต้องก้าวข้ามก้อนหิน ดินกรวดทีละก้อน ๆ
    เมื่อก้าวผ่านทีละก้อนจนหมด...
    ก็เท่ากับว่าได้ก้าวข้ามภูเขาที<wbr>่สูงตระหง่านได้...

    ความสำเร็จจึงเป็นการสะสมทีละน้<wbr>อย
    สะสมความสำเร็จปลีกย่อยเล็ก ๆ ...
    ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป ค่อย ๆ สะสมจนยิ่งใหญ่...

    อุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่างทางจึ<wbr>งเปรียบเสมือนก้อนหิน..

    และเป็นการสะดุดก้อนเล็ก ๆ ระหว่างทางเท่านั้น...
    หากมันนำไปเปรียบเทียบกับเป้<wbr>าหมายที่เป็นภูเขา
    อุปสรรคนั้นก็จะดูเล็กไปทันที..<wbr>.
    มันคนละขนาด มันคนละเรื่องกัน...
    และอย่าลืมว่า...
    ก้อนหินระหว่างทางมีเอาไว้ให้ข้<wbr>าม
    ไม่ใช่ให้สะดุด!...

    There's always going to be people that hurt you so what you have to do is
    keep on trusting and just be more careful about who you trust next time around.

    "คนที่ทำให้คุณต้องเจ็บและเสี<wbr>ยใจมีอยู่เสมอ
    เพราะฉะนั้นครั้งต่อไปคุณควรคิ<wbr>ดก่อนที่จะเชื่อใจใครสักคน
    แต่อย่าถึงกับหมดศรั<wbr>ทธาในความเชื่อของคุณ..."



    ขอบคุณที่มา: สีสรรสาระ
     
  11. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    สาระ (แน) เรื่องที่ ๖ สิ่งที่เห็น อาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิด...

    ชายคนหนึ่งวัยกลางคนขึ้นรถเมล์ พอขึ้นมาได้สักพักชายคนนี้ก็ไปแย่งที่นั่งจากเด็ก ทำให้เด็กต้องยืนแทน

    หลังจากที่ชายคนนั้นได้นั่งสั
    <wbr>กพักหนึ่งก็มีหญิงตั้งครรภ์ขึ้<wbr>นมาบนรถ ซึ่งชายคนนี้ก็มองผู้หญิงสักพั<wbr>กแล้วก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่<wbr>านแทน ขณะนั้นคนเก็บเงินค่าโดยสารก็พู<wbr>ดเสียงดังว่า "กรุณาเสียสละให้หญิ<wbr>งมีครรภ์นั่งหน่อยเถอะ" ก็มีชายแก่เสียสละเก้าอี้ให้หญิ<wbr>งมีครรภ์

    ต่อมาหญิงแก่ถือของขึ้นมามากมายแล้วก็ไม่มีที่นั่งอีก หญิงแก่คนนั้นก็เดิ
    <wbr>นมาเกาะราวตรงบริเวณที่ชายวั<wbr>ยกลางคนคนนั้นได้นั่งพอดี แต่ชายคนนั้นก็เหมือนเดิม คือไม่<wbr>ลุก ไม่สนใจหญิงชราคนนั้น

    ทำให้พนักงานเก็บเงินค่
    <wbr>าโดยสารไปคุยกับคนขับ ซึ่งแน่นอนคนขับย่อมหมั่นไส้<wbr>ชายคนนั้น จนถึงป้ายที่ชายคนนั้นจะต้องลงชายคนนั้นก็กดกริ่งตามปกติ

    แต่เมื่อคนขับรถเมล์เห็นชาย
    คนนั้นจะลงจากรถ คนขับรถเมล์ก็เลยเบรกแบบสุ<wbr>ดแรงเกิด ซึ่งแน่นอนชายวัยกลางคนคนนั้นล้<wbr>มลง แต่สิ่งที่คนขับรถเมล์ตกใจยิ่งกว่า คือ.....ขาเทียมของชายคนนั้นที่หลุ<wbr>ดออกจากขาของเขา

    ทำให้คนขับรถเมล์สะเทือนใจว่า.... ทำไมเราถึงมองคนที่ภายนอกและและต้องทำแบบนั้น....
    .

    ขอบคุณที่มา : นานาสาระ
     
  12. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    สาระ (แน) เรื่องที่ ๗ เด็กชายกับต้นแอ๊ปเปิ้ล

    านมาแล้วมีต้นแอ๊ปเปิ้ลใหญ่ต้<wbr>นหนึ่ง มีเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งชอบเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ และเล่นรอบ ๆ ต้นไม้นี้ทุกวัน เขาปีนขึ้นไปบนยอดของต้นไม้<wbr>และกินผลแอ๊ปเปิ้ล นอนหลับภายใต้ร่มเงาของต้<wbr>นแอ๊ปเปิ้ล เขารักต้นไม้และต้นไม้ก็รักเขา เวลาผ่านไป... เด็กน้อยโตขึ้นและเขาไม่มาวิ่<wbr>งเล่นรอบ ๆ ต้นไม้ทุกวันอีกแล้ว วันหนึ่งเด็กน้อยกลับมาหาต้นไม้ เด็กน้อยดูเศร้า

    "มาหาฉันแล้วมาเล่นกับฉันหรือ? " ต<wbr>้นไม้ถาม
    "
    ฉันไม่ใช่เด็กเล็ก ๆ แล้วนะ ฉันไม่อยากเล่นรอบ ๆ ต้นไม้อีกแล้ว ฉันต้องการของเล่น ฉันอยากได้เงินไปซื้อของเล่น" เด็กน้อยตอบ
    "แต่ฉันไม่มีเงินจะให้...เก็บลูกแอ๊ปเปิ้ลของฉันไปขายสิ เพื่อเอาเงินไปซื้อของเล่น" ต้นไม้ตอบ เด็กน้อยตื่นเต้นมากเขาเก็บลู<wbr>กแอ๊ปเปิ้ลไปจนหมดและจากไปอย่<wbr>างมีความสุข

    หลังจากเขาเก็บแอ๊ปเปิ้<wbr>ลไปหมดแล้ว เขาไม่ได้มาหาต้นไม้อีกเป็<wbr>นเวลานาน ต้นไม้ดูเศร้า...แต่แล้ววั<wbr>นหนึ่งเด็กน้อยกลับมา เขาดูโตขึ้นต้นไม้รู้สึกตื่นเต้<wbr>นมาก

    "มาหาฉันแล้วมาเล่นกับฉันหรือ?" ต้นไม้ถาม
    "ฉันไม่มีเวลามาเล่นหรอกฉันมีครอบครัวแล้ว ฉันต้<wbr>องทำงานเพื่อครอบครัวของฉัน เราต้องการบ้านเธอจะช่วยฉันได้<wbr>ไหม"
    "แต่ฉันไม่มีบ้าน... ตัดกิ่งก้านของฉันไปสิ...เอาไปสร้างบ้าน"

    ดังนั้น เด็กน้อยจึงตัดกิ่งก้านทั้<wbr>งหมดของต้นไม้ไป และเดินจากไปอย่างมีความสุข อีกครั้งที่ต้นไม้ถูกทิ้งให้เดี<wbr>ยวดายและเศร้า...

    วันหนึ่งในฤดูร้อน เด็กน้อยกลับมาต้นไม้ดีใจมาก

    "มาหาฉันแล้วมาเล่นกับฉันหรือ?" ต้นไม้ถาม
    "เปล่า... ฉันรู้สึกผิดหวังกับชีวิตและเริ<wbr>่มแก่ขึ้น ฉันอยากแล่นเรือไปพักผ่อนไกล ๆ ให้เรือฉันได้ไหม"
    "ใช้ลำต้นของฉันก็ได้เอาไปสร้างเรือเพื่อหนูจะได้แล่<wbr>นเรือไปและมีความสุข" ต้นไม้ตอบ

    ดังนั้น เด็กน้อยจึงตัดลำต้นของต้นไม้<wbr>และนำไปสร้างเรือ เขาล่องเรือไป
    อีกครั้งที่ต้นไม้ถูกทอดทิ้งให้<wbr>เดียวดาย...

    หลายปีผ่านไป ในที่สุดเด็กน้อยก็กลับมา

    "ฉันเสียใจเด็กน้อย ฉันไม่เหลืออะไรจะให้อีกแล้ว ไม่มีผลแอ๊ปเปิ้ลให้..."
    "ฉันไม่มีฟันจะกินแล้ว" เด็กน้อยตอบ
    "ฉันไม่มีลำต้นให้ปีนอีกแล้ว"
    "ฉันปีนไม่ไหวแล้ว ฉันแก่แล้ว" เด็กน้อยตอบ
    "ฉันไม่เหลืออะไรให้อีกแล้ว...สิ่งเดียวที่เหลือ มีเพียงรากที่กำลังจะตาย"
    "ตอนนี้ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้<wbr>ว แค่อยากได้ที่พักพิง ฉันเหนื่อยมาหลายปีแล้ว"
    "รากของต้นไม้แก่ ๆ จะเป็นที่พักพิงของหนูได้... มาสินั่งลงข้าง ๆ ฉัน ...หลับให้สบาย..."
    เด็กน้อยนั่งลงข้าง ๆ.....ต้นไม้ดีใจ....ยิ้ม .... และน้ำตาไหล ...

    นี่เป็นเรื่องสำหรับทุก ๆ คน

    ต้นไม้ในเรื่องคือพ่อแม่

    เมื่อเราเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ เรารักที่จะเล่นกับพ่อแม่...เมื่อเราโตขึ้นเราทอดทิ้งพ่อแม่ และกลับมาหาท่านเมื่อเราต้<wbr>องการบางสิ่งบางอย่างหรือเมื่<wbr>อเรามีปัญหา
    ไม่ว่าอย่างไร พ่อแม่ของเราก็จะอยู่และให้ทุ<wbr>กสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำให้ได้ หวังเพียงเรามีความสุข

    คุณอาจจะคิดว่า "เด็กน้อย" ในเรื่องโหดร้าย
    แต่นั่นคือความจริงที่สะท้อนให้<wbr>เห็นว่าพวกเราทำกับท่านอย่างไร

    แล้วต้นไม้ของคุณล่ะ... เด็กน้อย?

    ขอบคุณที่มา : นานาสาระ
     
  13. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    สาระ (แน) เรื่องที่ ๘ ข้อคิดของคนกับวงกลม

    คน ก็เป็นเหมือนวงกลม
    มีหลายด้านให้มอง
    มี ๓๖๐ องศาให้เดินค้นหามองเห็น
    แต่คนเรามักจะหยุดอยู่แค่
    องศาแรกที่มองเห็น
    และยึดติดว่าสิ่งที่เห็น สิ่งที่รู้ในด้านนั้น
    เป็นทุกอย่างของคน ๆ นั้นไปเสียทั้งหมด

    แต่เมื่อคน ๆ นั้นเริ่มหมุน
    เปลี่ยนมุมมองทิศทางให้ได้ดูได้เห็นได้รับรู้บ้าง
    กลับหาว่าเขาเปลี่ยนไป

    ฉะนั้น
    การจะรู้จักคบหากับใครสักคน
    ต้องเดินวนให้ครบ ๓๖๐ องศาก่อนใช่มั้ย
    ถึงจะสามารถรู้ได้ว่าคน ๆ นั้นมีกี่มุม... ให้ได้มอง​


    ขอบคุณที่มา : สีสรรสาระ

     
  14. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    นานาสาระ (แน) เรื่องที่ ๙ ของดีที่ไม่มีใครอยากขอ...

    “ขอ” เป็นกิริยาที่หลายคนถนัดนัก เพราะไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรมาก

    เรามักจะขอเพราะอยากได้ และสิ่งที่เราอยากได้นั้นเพียงแค่นึกถึงก็เป็นสุขแล้ว เรารู้จักเอ่ยปากขอตั้งแต่ยังเล็ก
    เริ่มด้วยขอจากพ่อและแม่ ต่อมาก็ขอจากครู โตขึ้นก็ยังขอ แต่อาจเปลี่ยนจากขอเงินหรื<wbr>อขอคะแนนมาเป็นขอความรักแทน แต่ถึงจะได้มาสมใจ ก็ยังมิวายที่จะขอต่อไป

    ใคร ๆ ก็ชอบขอ แต่มีอย่างหนึ่งที่เราไม่ค่อย
    อยากขอเท่าไหร่

    นั่นคือ “ขอโทษ” ขอโทษเป็นคำที่กว่าจะหลุดปากแต่
    <wbr>ละครั้ง ช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ใช่เจ้<wbr>านายหรือมีอำนาจให้คุณให้โทษกั<wbr>บเรา ยิ่งกับเพื่อน ลูกน้อง ลูกศิษย์ หรือลูกของเราเองด้วยแล้ว การขอโทษเท่ากับเป็นการเสียหน้<wbr>าอย่างแรง

    แต่เคยสังเกตไหมว่า ยิ่งเห็นแก่หน้าของตัวเองมากเท่
    <wbr>าไหร่ หน้าก็จะบางลงเรื่อย ๆ ขณะที่ใจกลับแข็งกระด้างมากขึ้น จนแม้แต่จะขอโทษพ่อแม่ ก็กลายเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง เพราะกลัวหน้าจะระคายยิ่งกว่าที่จะนึกถึงความรู้สึ<wbr>กของท่าน เวลามีปากเสียงกับท่าน แล้วเผลอพูดหรือแสดงอากัปกิริ<wbr>ยาที่ไม่เหมาะสมออกมา มีกี่ครั้งที่เราเอ่ยปากขอโทษท่<wbr>าน แม้จะรู้ตัวว่าผิดก็ตาม แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะทำเช่นนั้น

    การขอโทษนั้นมิใช่การแสดงความอ่
    <wbr>อนแอ ตรงกันข้าม เป็นการกระทำที่ต้องอาศั<wbr>ยความกล้าทีเดียว

    อย่างน้อยก็ต้องกล้าพอที่จะขัด
    ขืนอำนาจของ “หน้าตา” ใช่หรือไม่ว่าทุกวันนี้เราเห็<wbr>นแก่หน้าตาจนมันกลายมาเป็นใหญ่<wbr>เหนือชีวิตจิตใจของเรา ใครมาแนะนำตักเตือนก็รู้สึกเสี<wbr>ยหน้า ใส่เสื้อไม่มียี่ห้อก็รู้สึกเสี<wbr>ยหน้า จนแม้กระทั่งเด็ก ๆ ที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือก็รู้สึ<wbr>กเสียหน้าไปกับเขาด้วย สุดท้ายกลายเป็นว่า ผิดถูกไม่ว่าแต่อย่าเสียหน้าแล้<wbr>วกัน

    ชีวิตที่เห็นแก่หน้ามากเกินไป เป็นชีวิตที่หาความสุขได้
    <wbr>ยากเพราะถูกกระทบได้ง่ายเหลื<wbr>อเกิน ดังนั้นแทนที่จะปล่อยให้มั<wbr>นมาบงการชีวิตเรา เราควรเปลื้องใจให้เป็นอิ<wbr>สระจากมัน วิธีการหนึ่งก็คือการขอโทษนั่<wbr>นเอง

    การขอโทษเป็นเครื่องบ่งบอกว่า
    เรายังมีมโนธรรมสำนึก รู้ถูกรู้ผิด และเห็นว่าความถูกต้องสำคัญกว่<wbr>าหน้าตา ทุกครั้งที่เราขอโทษด้วยความจริ<wbr>งใจ นั่นแสดงว่าเรายังรู้ร้อนรู้<wbr>หนาวกับความทุกข์ของผู้อื่นที่<wbr>เรามีส่วนทำให้เกิดขึ้น ความเป็นมนุษย์อยู่ที่ตรงนี้ ใครที่ไม่รู้สึกอะไรเลย ควรหันมาตรวจดูว่าจิตใจเป็นหิ<wbr>นไปกี่ส่วนแล้ว

    แต่ถ้าใจของคุณยังอ่อนหยุ่น ยังรู้ร้อนรู้หนาวในยามที่ผู้อื่น
    ได้รับความทุกข์จากคุณ การขอโทษจะช่วยเปลื้องความรู้สึ<wbr>กผิดออกไปจากใจคุณ ไม่กดถ่วงหน่วงทับให้คุณหนั<wbr>กอกหนักใจอีกต่อไป ขณะเดียวกันยังช่<wbr>วยสมานบาดแผลในใจของผู้ที่ได้รั<wbr>บความทุกข์จากคุณ เชื่อหรือไม่ว่า เพียงคำไม่กี่คำนี้เท่านั้น มีพลานุภาพที่สามารถเยียวยาจิ<wbr>ตใจของคุณและเขาได้อย่างน่าอั<wbr>ศจรรย์ ผู้ที่กราดเกรี้ยวเพราะเจ็บปวด หลายคนจะรู้สึกสงบลงทันทีที่อี<wbr>กฝ่ายกล่าวคำขอโทษ

    ถ้าคุณรู้จักขอโทษ ไม่นานจะพบว่าจิตใจสามารถจะให้
    <wbr>สิ่งหนึ่งที่ให้ได้ยากมาก นั่นคือ “ให้อภัย” เป็นเพราะทุกวันนี้เราไม่รู้จั<wbr>กการให้อภัย เราจึงเป็นทุกข์กันมาก น่าแปลกก็คือคนที่เราให้อภัยได้<wbr>ยากนั้น ส่วนใหญ่ก็คือคนที่อยู่ใกล้ตั<wbr>วเรานี้เอง อาจเป็นเพื่อน คนรัก ลูก หรือแม้แต่พ่อแม่ ยิ่งรักมากเท่าไหร่ ยามผิดหวังหรือถูกกระทำจะยิ่งเจ็บปวดและเคียดแค้นชิงชั<wbr>งมากเท่านั้น อาการเหล่านั้นเป็นเรื่<wbr>องธรรมดาของมนุษย์ แต่ปัญหาก็คือเรามักจะยึดติดถื<wbr>อมั่น และไม่รู้จักปล่อยวาง มันจึงเผาลนใจเราไม่รู้จบ บางครั้งอาจยืดเยื้อไปจนสิ้นลม

    การขอโทษ เกิดขึ้นได้เมื่อใจไม่ยึดติดถือมั่น
    ในหน้าตา ทุกครั้งที่เราขอโทษด้วยความจริ<wbr>งใจ จิตก็รู้จักการปล่อยวาง ยิ่งปล่อยวางได้เร็วเท่าไหร่ การแบกยึดความโกรธเกลียดก็เกิ<wbr>ดขึ้นได้น้อยลง ทำให้การให้อภัยกลายเป็นเรื่<wbr>องง่ายขึ้นเรื่อย ๆ และยิ่งเราให้อภัยมากเท่าไร บาดแผลในใจเราก็สมานเร็วมากเท่<wbr>านั้น

    ขออะไรก็ไม่ยากเท่าขอโทษ ให้อะไรก็ไม่ยากเท่าให้อภัย แต่ถ้าเราไม่รู้จักขอโทษและให้<wbr>อภัย ชีวิตจะมีความสุขได้อย่างไร


    ขอบคุณที่มา:สีสรรสาระ


     
  15. อบ.

    อบ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +1,538
    มาแวะเยี่ยมจ้า ^___^
     
  16. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    นานาสาระ (แน) เรื่องที่ ๑๐ วันแรกของวันที่เหลือ

    ปรัชญาเต๋า : บอกว่า "คนเราไม่เคยนึกถึงตีนเมื่อรองเท้าไม่กัด"

    คนเรามักมองไม่เห็นของดีที่ตนมี
    <wbr>อยู่จนเมื่อสูญเสียมันไปแล้ว
    - ไม่เห็นคุณค่าของสองแขน จนกระทั่งมันอยู่ในเฝือก
    - ไม่เห็นคุณค่าของงาน (ที่เราว่าแย่ ๆ) จนกระทั่งตกงาน
    - ไม่เห็นคุณค่าคนรัก (ที่เราว่าไม่ดี) จนกระทั่งเธอหรือเขาไปแต่งงานกั
    <wbr>บคนอื่น
    - ไม่เห็นคุณค่าของพ่อแม่ (ที่เราว่าขี้บ่น) จนกระทั่งไปงานศพของท่าน

    สิ่งที่คนจำนวนมากเลือกทำคือ บ่นว่าตนเองไม่มีความสุข ไม่ประสบความสำเร็จ
    ไม่รวย ไม่ได้เป็นเจ้าของสิ่งนั้นสิ่
    <wbr>งนี้ และเอ่ยประโยคยอดฮิตว่า

    "มันไม่แฟร์เลย"


    บางที ทุกครั้งที่เรารู้สึกว่าโลกไม่
    <wbr>มีความยุติธรรม ก่อนที่เราจะบ่น
    ลองมองตัวเราเองดูดี ๆ เราจะพบว่า เรามีอะไรดี ๆ หลายอย่างที่คนอื่นไม่มี
    เราสามารถทำ "หนึ่งวันเดียวกัน" ของเราให้มีความหมายได้
    ก็ต่อเมื่อเราเห็นคุณค่าของสิ่
    <wbr>งที่เรามี และใช้วันนี้
    วันแรกของวันที่เหลืออย่างคุ้
    <wbr>มค่าที่สุด

    เพราะวันแรกของชีวิตที่เหลือนี้
    <wbr>ช่างสั้นเหลือเกิน
    และเพราะเราไม่มีทางรู้ว่าเรามี "วันแรกของวันที่เหลือ" อยู่อีกสักกี่วัน


    ขอบคุณที่มา : วินทร์ เลียววาริณ
     
  17. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    สาระ (แน) เรื่องที่ ๑๑ สิ่งที่เห็นอาจไม่เป็นอย่างที่คิด (๒)

    .....ฝนตกหนักมาก ตอนที่ผมเริ่มขับรถกลับบ้านในคื<wbr>นวันนั้น ทั้งลม ทั้งฝน กระหน่ำลงที่ตัวรถอย่างไม่ปราณี<wbr>ปราศรัย

    ขณะที่ผมขับมาตามถนนสายเปลี่
    <wbr>ยวสายหนึ่งในชนบท ทันใดนั้น พวงมาลัยรถเกิดอาการสั่นอย่<wbr>างแรงและรถถลาออกข้างทางทันที มีเสียงระเบิดดังปัง ผมรีบประครองรถจอดข้างทางทันที ทำไงดีล่ะ..... ผมงงเป็นไก่ตาแตก จะให้ผมเปลี่ยนยางท่ามกลางพายุฝนคนเดียวรึ เป็นไปไม่ได้ ผมทำไม่ได้หรอก เพราะผมเพิ่งบาดเจ็บจากอาการกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง เดิมเริ่มจากแขนและขาขวา ต่อมาลามไปถึงตัวอีกซีกหนึ่งแม้จะยังป่วยอยู่ ผมก็ยังฝืนมาทำงาน โดยมีไม้เท้าติดมาในรถด้วย

    ตอนนั้น ผมหวังว่าคงมีรถวิ่งผ่านมาสักคั<wbr>นและหยุดช่วยผมเปลี่ยนยาง แต่ผมก็เลิกหวัง.....ใครเขาจะยอมหยุดและทำไมต้องหยุด เพราะถ้าเป็นผม ก็คงไม่หยุด ทันใดนั้น ผมนึกขึ้นได้ว่า มีบ้านหลังหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้นัก..... ผมเริ่มสตาร์ทรถ ค่อย ๆ พยุงรถคลานตามไหล่ถนน จนกระทั่งสามารถกลับเข้าสู่<wbr>ทางลูกรังเดิมอีกครั้ง

    ขอบคุณพระเจ้า แสงที่ลอดออกจากช่องหน้าต่างช่
    <wbr>องนั้นนำทางผมไปจนถึงบ้านหลังนั้น ผมกดแตรรถดังลั่น ประตูบ้านเปิดออก เด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่<wbr>ตรงประตู มองมาที่ผม ผมหมุนกระจกรถลงและตะโกนบอกไปว่า รถของผมยางแตก และต้องการความช่วยเหลือ ตัวผมเองต้องใช้ไม้เท้ายันจึงทำเองไม่ได้ เธอกลับเข้าไปในบ้าน สักครู่.....ก็กลับออกมาพร้อมกับเสื้<wbr>อฝนและหมวก มีผู้ชายอีกคนตามออกมาด้วย พร้อมกับทักทายต้อนรับอย่างใจดี

    ผมนั่งอยู่ในรถ สบายและตัวแห้ง รู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ชายคนนั้นและเด็กผู้หญิงต้องทำงานกันอย่างหนักท่
    <wbr>ามกลางพายุฝน..... ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะจ่ายค่าสินน้ำใจให้<wbr>เอง ระหว่างนั้น ฝนเริ่มซาลงผมหมุนกระจกลงและดู<wbr>การทำงานของพวกเขาตลอดเวลา พวกเขาทำงานช้ามากจนผมเริ่มมีอาการหมดความอดทน ผมได้ยินเสียงโครมครามข้างหลั<wbr>งรถและได้ยินเสียงของเด็กหญิงชั<wbr>ดเจน
    “คุณปู่ นี่ค่ะ คันยกแม่แรง” แล้วคุณปู่ก็ตอบด้วยน้ำเสียงต่ำแต่พึมพำ


    รถค่อย ๆ เอียงขึ้น ขณะที่แม่แรงเริ่มยกรถตามด้วยเสียงดังเป็นระยะ ๆ เสียงกระแทก เขย่าและเสียงพูดคุยจากด้านหลังรถ จนในที่สุด ก็เปลี่ยนยางเสร็จผมรู้สึกถึงตัวรถกระแทกกับพื้น ตอนที่ยกแม่แรงออก

    และแล้ว พวกเขาก็มายืนอยู่ที่ข้างหน้าต่
    <wbr>างรถผม เขาเป็นคนแก่ ก้มหน้าและดูบอบบางในชุดเสื้<wbr>อฝนของเขา เด็กผู้หญิงประมาณ ๘-๑๐ ขวบ ยืนหน้าบานและยิ้มให้ผม ชายผู้นั้นพูดว่า “แย่นะ รถมีปัญหากลางคืนแบบนี้ แต่ซ่อมให้เรียบร้อยแล้วล่ะ” “ขอบคุณมาก” ผมตอบ “ขอบคุณจริง ๆ ผมต้องให้ค่าตอบแทนลุงเท่าไหร่<wbr>ล่ะ” เขาส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอกครับ ซินเธียบอกผมว่า คุณเป็นง่อย ต้องใช้ไม้เท้าพยุง ดีใจที่ได้ช่วยเหลือครับ ผมเชื่อว่า ถ้าคุณเป็นผม คุณก็ต้องช่วยเหลือผมเหมือนกัน"

    ผมยื่นธนบัตรใบละ ๕ เหรียญให้เขา “ขอโทษครับ ผมอยากตอบแทนในแบบของผม” เขาไม่ได้พยายามที่จะรับเงินนั้
    <wbr>นเลย เด็กหญิงเลยก้าวเข้ามาใกล้หน้<wbr>าต่างรถแล้วกระซิบกับผมว่า “คุณปู่มองไม่เห็นค่ะ”

    วินาทีนั้น ความรู้สึกทั้งอับอาย ทั้งสยอง ประดังมาที่ผม ผมรู้สึกเศร้าใจอย่างที่ไม่<wbr>เคยเป็นมาก่อน อะไรกันนี่..... ชายตาบอดกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ต้องใช้เครื่องมือทั้งคลำทั้<wbr>งควาน ทำงานท่ามกลางสายฝนที่เย็<wbr>นหนาวและคืนมืด
    ในความมืดที่อาจไม่มีวันสิ้นสุดสำหรั
    <wbr>บเขาจนกว่าจะตาย พวกเขาเปลี่ยนยางรถให้ผม เปลี่ยนท่ามกลางสายฝนและลมพายุ โดยที่ผมนั่งสบายอย่างอบอุ่นอยู<wbr>่ในรถพร้อมไม้เท้าใครพิการกันแน่

    ผมจำไม่ได้ว่าผมนั่งอึ้งอยู่ในรถนานแค่ไหนหลังจากพวกเขากล่าวอำลาและกลับเข้าบ้านไป แต่มันนานพอที่ทำให้ผมสามารถมองลึกลงไปในตัวผมเองและพบเห็นกมลสันดานบางอย่าง ผมตระหนักดีว่า ผมมีแต่การเข้าข้างตัวเอง เห็นแก่ตัว ไม่สนใจความต้องการของผู้อื่น และสิ้นคิด.....ผมนั่งอยู่ตรงนั้น และเริ่มสวดอ้อนวอนอย่างนอบน้อม.....ขอให้ผมมีพลังด้วยเถิด ขอให้ผมเป็นคนเข้าใจคน มีสติในความโชคร้ายที่ได้รับ และขอให้ผมเชื่อมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอพรเพื่อที่ให้ได้ชนะมันด้วยเทอญ ผมสวดขอพรให้กับคนแก่ตาบอดและหลานสาวของเขาด้วย

    สุดท้่ายผมขับรถจากมาด้วยใจที่สั่นสะท้าน และความรู้สึกที่ถ่อมตนยิ่งขึ้น อย่าเกี่ยงแต่ความเสียเปรียบที่
    <wbr>คุณมีเมื่อยามลำบาก เพราะยังมีผู้คนอีกมากที่ต้<wbr>องการความช่วยเหลือใช่ไหมครับ

    ขอบคุณที่มา :สีสรรสาระ
     
  18. s3515941

    s3515941 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +1,193
    ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆครับ คุณหญิง
     

แชร์หน้านี้

Loading...