สถานที่โบราณที่มีอายุเก่าแก่ประมาณ 17,000 ปีที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการตัดหิน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ทูต, 3 มีนาคม 2011.

  1. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    เขียนเองคิดได้เอง ^^
    หลักฐานแวดล้อมหนึ่ง ที่สนับสนุนทฤษฎีนี้คือ..

    ไม่มีหลักฐานหลงเหลือว่า สิ่งก่อสร้างพวกนี้ สร้างได้อย่างไร??? ประมาณว่า ประวัติศาสตร์ได้ขาดหายไปช่วงหนึ่ง!

    บางที ในอดีตอาจมีการสูญพันธุ์ของอารยธรรม อาจเกิดภัยพิบัติร้ายแรง ผู้คนล้มตายหลายคน คนที่ยังรอดชีวิต อาจเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่วิศวกร และด้วยความที่เพิ่งพ้นจากภัยพิบัติ ชีวิตที่เหลือ คือการเอาตัวรอด..

    ส่วนมนุษย์ที่เป็นวิศวะกร คนที่เก่งและฉลาดเหนือคนทั่วไป ก็ล้มตายหมด อาจเป็นเพราะภัยพิบัติหรือโรคภัยไข้เจ็บก็ได้


    ในยุคปัจจุบันนี้ มีการบันทึกความรู้ และถ่ายทอดกันไปทั่วทุกมุมโลก มีการปฏิสัมพันธุ์กันทุกหมู่เหล่าทั่วโลก

    ถ้าเกิดวันหนึ่ง เกิดภัยพิบัติที่ทำลายชีวิตมนุษย์ไปเกือบค่อนโลก ตึกลานบ้านช่องและสิ่งก่อสร้างพังทะลายหมด มนุษย์ที่รอดชีวิต(สมมติว่า)ไม่มีนักวิทยาศาสตร์เลย ไม่มีวิศวะกรเลย ไม่มีนายแพทย์เลย หนังสือทุกเล่มจมลงในมหาสมุทร

    ถ้ามนุษย์ที่ยังรอดชีวิต เป็นคนธรรมดา เป็นนักบัญชี เป็นชาวนา เป็นพ่อบ้านแม่บ้านธรรมดา .. ถามหน่อยว่า.. การวิวัฒนาการของมนุษย์(ด้านความฉลาด) จะเป็นอย่างไร???

    ตอบได้เลยว่า... "เริ่มจาก 0 อีกครั้ง"

    พอเริ่มวิวัฒนาการจาก 0 ก็เริ่มคิดค้น ค้นหาความจริงจากธรรมชาติใหม่ ผ่านไป 10,000 กว่าปี ไปเจอหลักฐานสิ่งก่อสร้าง เจอหนังสือที่ไม่จมมหาสมุทร.. ก็เกิดคำถามอีก O.O

    "เป็นไปได้อย่างไร ?? >< มนุษย์เมื่อ 10,000 ปีที่แล้ว จะทำได้แบบนี้ ??? "
    นี่เหมือนเรื่อง Pyramid และ Baalbek เลยนะ ><

    ประวัติศาสตร์ที่ขาดหายไป..

    ลูกหลานของอารยธรรมที่ขาดหายไป...

    มันเป็นการวิวัฒนาการที่ไม่ต่อเนื่อง

    และเมื่อก่อน ชนเผ่า และอารยธรรมยังไม่เชื่อมต่อกันทั่วโลก.. ดังนั้น ภัยพิบัติที่จะทำลายประวัติศาสตร์ ไม่ต้องเป็นภัยพิบัติระดับโลก แค่เป็นภัยพิบัติระดับชนเผ่า.. ก็ทำให้การวิวัฒนาการ(ด้านความฉลาด)ไม่ต่อเนื่องได้เหมือนกัน

    สมมติว่า มนุษย์ในสมัย EgyptหรือBaalbek วิวัฒนาการ มาจนถึงขั้นที่สามารถสร้างเครื่องไม้เครื่องมือ สามารถหลอมมีด รู้จักรูปทรงเรขาคณิตอย่างง่าย ..

    ถ้าการวิวัฒนาการไม่หยุดชะงัก ในอนาคต ก็อาจจะมีการคิดค้น อะตอม ค้นหาสิ่งที่ใหญ่ที่สุด(จักรวาล)และสิ่งที่เล็กที่สุด(อะตอม)

    แต่ยังไม่ถึงขั้นนั้น.. มนุษย์เพิ่งจะวิวัฒนาการมาถึงการคิดเรื่องรูปทรงเรขาคณิต และการก่อสร้าง การใช้เครื่องมือ การหลอมเหล็ก ก็ดันมาเกิดภัยพิบัติ หรือโรคภัยไข้เจ็บ เสียก่อน จนทำให้ผู้คนล้มตายไปเกือบหมด ไม่เว้นแม้แต่ ชนชั้นผู้ปกครอง และ นักคิด/นักประดิษฐ์/นักวิทยาศาสตร์ ทั้งหลาย

    เมื่อชนชั้นปกครองต่างก็ล้มตาย นักก่อสร้างล้มตาย กษัตริย์ก็ล้มตาย

    แล้วประชาชนที่ยากจน ผู้เหลือชีวิตเพียงน้อยนิด จะทำอะไร ?? >< ก็ต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด อาจจะอพยพออกจากถิ่นฐานเดิมไปตั้งรกรากที่แห่งใหม่ และเนื่องจากคนที่รอดชีวิตไม่ใช่นักคิด ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ เขาจึงไม่ได้เห็นความสำคัญ ที่จะต้องไปนั่งจดบันทึกเรื่องราวการก่อสร้างของสิ่งก่อสร้างเหล่านั้น เมื่อมีลูกมีหลาน เขาอาจจะเล่าให้ลูกหลานฟัง แต่ลูกหลานไม่เคยเห็น ก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง

    เมื่อลูกมีลูก(หลาน)อีกที ก็อาจเหล่าสิ่งที่ปู่เล่าให้ฟัง แต่มันก็ต้องเพี้ยนๆ และเมื่อหลานมีลูก(เหลน) ก็อาจเล่า(บ้าง)แต่ไม่มาก เพราะไม่เคยเห็น และเมื่อเหลนมีลูก(โหลน) ก็อาจจะเล่าหรือไม่เล่าเลยก็ได้ เพราะไม่เคยเห็น

    และในที่สุด ประวัติศาสตร์ของอารยธรรมนั้นๆ ก็หายไป ไม่มีการสืบทอด วิชาความรู้ที่คิดค้นขึ้นมา ก็พลอยขาดช่วง หายไป ไม่มีการสืบทอด

    และแล้ว การวิวัฒนาการของเผ่าพันธุ์นั้นๆ ก็ต้องเริ่มต้นใหม่ จาก 0(ศูนย์)

    ชนเผ่าอื่นๆทั่วโลกเช่นเดียวกัน.. ในสมัยก่อน มีทั้งภัยพิบัติ โรคระบาด และศึกสงคราม

    แต่ละอารยธรรม ไม่ได้ถูกเชื่อมโยงเข้าหากัน ต่างคนต่างอยู่ เผ่าใครเผ่ามัน เมื่อเผ่าใดเผ่าหนึ่งศูนย์พันธุ์ ความรู้ก็หายไปด้วย ไม่มีการถ่ายทอดความรู้ไปสู่รุ่นหลัง แล้วประวัติศาสตร์ในช่วงเวลานั้น ก็หายไป ><

    หลังการสูญสิ้นของแต่ละอารยธรรม มนุษย์ก็เริ่มการคิดค้นใหม่อีกครั้ง.. มันเป็นแบบนี้ ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า.. จนมีช่วงเวลาหนึ่ง.. ที่ภัยพิบัติ หรือโรคระบาด ไม่สามารถคร่าชีวิตของผู้คนจนถึงกับทำให้สูญสิ้นอารยธรรมได้

    ความรู้ต่างๆ ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ไม่มีการขาดช่วง และยิ่งถ่ายทอดนานเท่าไหร่ ผ่านไปหลายสิบปี คนรุ่นหลังก็เริ่มเห็นคุณค่าของกาลเวลา เรื่องเล่าที่ไม่เพี้ยนไปจากเรื่องเดิม แต่เป็นเรื่องเล่าที่ผ่านมาแล้วเป็นเวลานาน ก็เริ่มถูกจดบันทึก

    ความรู้จากคนหนึ่ง ถูกถ่ายทอดสู่คนหนึ่ง จนในที่สุด ผ่านไป 20,000 ปี ก็กลายมาเป็น โลกปัจจุบันนี้ ที่เต็มไปด้วย เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า

    พอหันกลับไปมองเมื่อ 20,000 ปีที่แล้ว แทบไม่อยากเชื่อว่า.. มนุษย์เมื่อ 20,000 ปีที่แล้ว จะสามารถสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ได้แบบนี้ >< เหลือเชื่อจริงๆ เพราะคนเมื่อ 500 ปีก่อน ยังทำไม่ได้เลย O.O แล้วทำไมคนเมื่อ 20,000 ปีก่อนถึงทำได้ ?? o_O???

    จริงๆแล้ว.. การวิวัฒนาการ อาจมาถึงจุดหนึ่ง แล้วถูกทำลาย แล้วเริ่มใหม่ ไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่ง แล้วก็ถูกทำลาย แล้วก็ต้องเริ่มใหม่ เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนมีครั้งหนึ่ง ที่การวิวัฒนาการไม่ถูกทำลาย ความรู้ความสามารถถูกถ่ายทอดไปเรื่อยๆและพัฒนาไปเรื่อยๆ จนกลายมาเป็น โลกทุกวันนี้

    ทฤษฎีนี้ ก็อธิบายเรื่อง ทวีป ลามูเรีย ได้ด้วย

    คิดค้นโดย mamboo เอง อิอิ ^^
     
  2. กลอนยอดฟาง

    กลอนยอดฟาง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    โลกใบเก่าแต่เริ่มต้นใหม่ใน ปี 2210

    :cool:
    สารคดีอุทาหรณ์เตือนมนุษย์โลกปัจจุบันล่าสุด คนที่จะรอด อยากทำอะไรก็รีบทำ จะเตรียมอะไรก็รีบเตรียมตอนนี้ยังทัน ดูแล้วก็เข้าใจเลย แต่เราคงไม่อยู่ถึงปี 2210 แน่ๆ ดูไว้ก่อนจะไม่มีโอกาสได้เห็นโลกใบเก่าแต่ในรูปแบบที่ต้องเริ่มต้นใหม่


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=cP_Im795WSI&feature=player_embedded#at=67]YouTube - 2210: The Collapse ?[/ame]
     
  3. singhol

    singhol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +1,940
    เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งนะครับ
     
  4. mantoktoy

    mantoktoy Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2006
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +50
    ฟังไม่ออกแต่ชอบครับ แล้วมีที่ไหนที่แปลเป็นไทยให้ฟังเพื่อให้คนไทยได้เรียนรู้ หรือรับรู้กันบ้างหรือไม่ครับ
     
  5. kannacrub

    kannacrub สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    สิ่งเหล่านี้ย่อมไม่พ้นวิสัยของผู้รู้...

    ผู้ที่ไม่รู้ก็ย่อมถกเถียงกัน .. เป็นธรรมดา

    อะไรเป็นอย่างไร ช่างมัน มันไม่เที่ยง .. วางซะ ๆ

    หรือถ้าอยากรู้... ลองเอาคำถามเหล่านี้ถามปัญญาที่เกิดจากสมาธิดูสิ

    .... มันไม่พ้นจากวิชชาธรรมกายหรอกครับ ...<!-- google_ad_section_end --> :cool:
     
  6. warrrior

    warrrior Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +64
    พระพุทธเจ้า ท่านเคยตรัสไว้ว่า เคยมี พระพุทธเจ้า มาหลายพระองค์แล้ว ก้อไม่แปลกอะไรที่อารยธรรมที่เคยรุ่งเรืองยังคงหลงเหลือในโลกนี้ และผมคิดว่าอารยธรรมที่เคยรุ่งเรืองเหล่านี้ เิคยสูงสุดและดับสูญไปตามกาลเวลาของมันแค่นั้นเอง ไม่มีหรอกพระเจ้าทั้งหลายน่ะ ที่เคยสอนจากศาสนาอื่นว่า พระเจ้าสร้างโลก แต่นักวิทยาศาสน์ที่นับถือศาสนาเหล่านั้นกลับบอกว่า เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มก๊าซใน กาแลคซี่ เกิด ระบบ สุริยะ ทั้งหลาย ผมว่าขัดแย้งกันหลายอย่าง
     
  7. beibei

    beibei Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +26
    พลังพิเศษ อายุ ของมนุษย์ ลดลง เพราะเกิดการกระจัดกระจายของพลังงานและความทรงจำจ๊า ...

    การลดจำนวนการกระจัดกระจายต้องไม่ใช่การทำลาย เพราะจะกลายเป็นทำลายความทรงจำไปด้วย

    เพราะฉะนั้นการควบคุมการกระจัดกระจายของพลังงานต้องทำอย่างถูกวิธี...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มีนาคม 2011
  8. TAMeAngeL

    TAMeAngeL สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    สำหรับผม

    ในความคิดผมนะครับ
    คำตอบง่ายๆคือ มีอะไรบางอย่างหายไป ไม่ว่าสิ่งที่หายไปจะคืออะไร อาจจะเป็น ความคิด อุกปกรณ์ ความเชื่อ มันหายไปกับช่วงเวลาบางอย่าง พูดง่ายๆก็เหมือนเซนเซอร์หนังที่ตัดบางตอนออกไป

    และโดยนิสัยคนแล้ว ผมไม่ยอมให้ใครมาสร้างยิ่งใหญ่กว่าหรอก ยกตัวอย่าง ปิรามิด ปิรามิดที่อิยิปถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุด แต่ก็ยังมีอีกลายที่ ที่สร้างคล้ายๆกัน แต่ทำไม มันไม่ยิ่งใหญ่เท่าปิรามิด ทั้งที่นิสัยคนในตอนนี้ มักจะสร้างตึกราบ้านช่อง ให้ใหญ่กว่าใครๆ แต่ทำไม ปิรามิด กับมีแค่ช่วงยุคของฟาโรเท่านั้น แล้วช่วงเวลาต่อมาล่ะ เขาไม่สร้างหรอ ? คนเหล่านั้นหันไปทำไรกัน ? ทำไมไม่มีปีรามิดที่ใหญ่กว่าล่ะ ?

    สรุปแล้ว นี่ก็แค่ความคิดผม อะไรจะเกิดก็เกิดขึ้นได้ บางอย่างเราไม่อาจรับรู้ได้ แต่เชื่อว่าสักวันความจริงต้องปรากฏ

    ^^ TAMeAngeL ^^
     
  9. reverse

    reverse สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    อืม ก็มีส่วน

    แต่เราคิดว่า มนุษย์น่าจะมีมาเป็นล้านปีแล้วและก็มีเทคโนโลยีเหมือนเราด้วย

    และก็คงจะตายเกิดมาหลายครั้ง ทำให้โลกมาเริ่มต้นใหม่ในยุคต่างๆ เพราะ

    มนุษย์สมัยก่อนคงจะไม่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่จะมาทำให้หินเป็นทรวดทรงที่

    สวยงามขนาดนี้หรอก และก็ไม่สามารถที่จะยกหินที่หนักเป็นตันได้ เพราะ

    ฉนั้นมนุษย์น่าจะเกิดมานานแล้ว ส่วนพลังจิตก็มีส่วนในการยกหินมาเรียงได้

    เหมือนกันนะ แต่ถ้าจะมาสลักหินเป็นรูปนี่ก็แปลกๆอยู่ แต่ก็มีส่วน และเป็นความ

    คิดที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
     
  10. whimsicle

    whimsicle Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +36
    มนุษย์นี้แหละคะเป็นผู้สร้าง หากแต่ผู้สร้างเหล่านั้นมีความสามารถมากด้านคณิตศาสตร์และวิศวกรรม ความจริงแล้วในโลกเรานี้ไม่ได้มีแค่ พิระมิด หินสโตนเฮนจ์ และ โคลอซเซี่ยม เท่านั้นนะคะ ที่น่าทึ่ง ที่อินเดียก็มีสถานที่น่าทึ่งมากมายก่อนประวัติสาตร์เช่นกันคะ แถมยังมีที่ที่ดูคล้ายๆสโตนเฮนจ์อีกด้วย ผู้สร้างเล่านั้นเป็นชาวอารยันคะ เป็นกลุ่มชนที่เจริญที่สุด น่าตาดีที่สุด และฉลาดมีมันสมองใหญ่ที่สุด อันเกิดมาจากบุญบารมีที่สะสมมาจากหลายพบชาติ และพวกเค้าก็มีศาสตร์ด้านการนั่งสมาธิมานานแล้วด้วย คนเหล่านี้สามารถหยั่งรู้ศาสตร์ต่างๆ เช่น คณิตศาสตร์ วิศวกรรม ดาราศาสตร์ จากการที่พวกเค้ามีฌานอันเกิดจากสมาธิ เราชาวพุทธได้รับศาสตร์การนั่งสมาธิมาจากศาสนาพราหมณ์ซึ่งถ่ายทอดจากคำภีร์พระเวทย์ของชาวอินเดียอารยันที่เดินทางมาจากเอเชีย กลาง (ทางตอนใต้ของเทือกเขา คอร์เคซัส หรือ ทางเหนือของ อิหร่าน) เป็นที่น่าสังเกตก็คือ ชาวอิหร่านและอิรัก ตลอดจนรัสเซีย เองก็มีศาสตร์การเข้าฌานเช่นเดียวกับ พุทธ ฮินดู และพรามณ์ แต่เป็นไปในทางอวิชชา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2011
  11. กินข้าวยัง

    กินข้าวยัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +27
    ผมว่าเราไม่ได้กำลังฉลาดขึ้นนะ แต่เรากำลังโง่ลงต่างหาก ผมว่าเราได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แล้วเรากำลังถอยกลับลงที่เดิม
     
  12. mr.khajit

    mr.khajit สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +27
    ใช่.........................
     
  13. blackblackwi

    blackblackwi สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2011
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +1

    เห็นด้วยครับ.........................
     
  14. เทพเมรัย

    เทพเมรัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +81
    ขอคาระวะสักหนึ่งจอกต่อความคิดเห็นของคุณ mamboo
    เอะอะเรื่องอะไรก็จะโบ้ยไปให้มนุษย์ต่างดาวกันอยู่เรื่อยเลย หรือบางคนก็ช่างหัวมันเถอะ อย่าไปคิดมาก ก็แหม ช่วยคิดกันหน่อย เดี๋ยวปู่ๆๆๆๆๆ ย่าๆๆๆๆๆ ตาๆๆๆๆๆ ยายๆๆๆๆ ของเราจะน้อยใจ
    ลองคิดกันดูเล่นๆ สมัยเรียนประถม ห้องหนึ่งๆอาจจะมีนักเรียนสัก 40 คน จะมีเด็กเรียนเก่งมากๆ ยังไงก็คงไม่เกิน 2 คน(5%) นี่เรียกว่าหัวกระทิ
    อีก 80% ฉลาดปานกลาง ก็คนปกติทั่วๆไปนี่แหละ และสุดท้ายคนที่เรียนย่ำแย่ที่สุด อีก 15%
    สัดส่วนนี้น่าจะมีมาแต่สมัยโบราณกาล คนฉลาดมากๆเมื่อสมัยหมื่นปีที่แล้ว ยังไงก็คงจะฉลาดกว่าคน 80 และ 15 % ของยุคปัจจุบัน
    ถ้าจะว่าไปแล้ว การตัดหิน เคลื่อนย้ายหิน และก่อหิน ไม่ใช่จะเกินความสามารถของมนุษย์ไปได้ ไม่ว่าจะสมัยใด เพียงแต่เราในยุคนี้ยังนึกไม่ค่อยจะออกเท่านั้นเอง ต่างยุคก็ต่างความคิด เทคโนโลยีหรือวิชาการก็แตกต่างกันไป เราถูกครอบด้วยวิธีคิดจากวิทยาการในสมัยของเรา ดังนั้นกรอบวิทยาการอื่นๆ เราจึงยากจะเข้าใจ
    เอาเป็นว่า ปู่ย่าตายายเราทำได้ก็แล้วกันน่า ส่วนมนุษย์ต่างดาวที่อุตส่ามุดมิติหรือรูตัวหนอน ชอนไชไปทั่วจักรวาล คงไม่คิดพิเรนท์เอาหินมากองไว้บนโลกแน่ๆ น่าจะทำอะไรที่มันดูศิวิไลกว่านั้นมากๆ ขึ้นชื่อว่าถึงขั้นข้ามจักรวาลได้ ย่อมแสดงว่าควบคุมเวลา สสาร และพลังงานได้เป็นอย่างดี ถ้าพวกเขาสนใจโลกอย่างจริงจัง คงช่วยบรรพบุรุษเราให้เจริญกว่าที่ควรจะเป็นมิใช่หรือ
     
  15. Stormtrooper

    Stormtrooper สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2011
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +1
    ผมไม่แน่ใจว่าสมัยก่อน เขาใช้อะไรตัดหินและขนขึ้นมายังไง แต่ที่ผมสงสัยคือ เขาสร้างเพื่ออะไร หรือไว้ทำอะไร?
     
  16. ooghost

    ooghost เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2010
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +119
    สมัยนี้มนุษย์เห็นแก่ตัวมากขึ้นครับ ที่จริงเท๕โนโลยีของโลกเราตอนนี้ผมว่า

    น่าจะไปไกลกว่านี้ติดตรงที่ว่าความเห็นแก่ได้ของมนุษย์คิดเป็นการค้าเกินไป

    ดูจากเชื้อเพลิงหรือสิ่งที่ให้พลังงานในการขับเคลื่อนส่วนใหญ่ยังเป็นน้ำมันครับ

    ซึ่งน่าจะได้จากพลังงานอื่น ๆ แล้ว และพวกพลังฟรีต่าง ( free energy )

    ก็ไม่ได้นำมาใช้อย่างจริงจัง เพราะหากถูกนำมาใช้แล้วกลุ่มนายทุนต่าง ๆ ที่ทำ

    ธุรกิจเกี่ยวกับพวกนี้ต้องล้มแน่นอน กลุ่มนี้ก็เลยใช้เงินปิดเทคโนโลยีพวกนี้เป็นอันว่า

    จบกันเพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเรานั่นเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...