ขอชีวิตฉันคืนได้ไหม

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย อำพราง, 11 กรกฎาคม 2011.

  1. อำพราง

    อำพราง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอปรึกษาหน่อยค่ะ คือว่าดิฉันอยากเลิกกับแฟน แต่ยังกลัวๆกล้าๆ ไม่รู้จะบอกเค้าอย่างไร ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจอยู่ๆไปอย่างนั้น หรือตัดสินใจขอใช้ชีวิตที่เหลือในแบบที่เราต้องการ เลยอยากสอบถามทุกท่านที่เข้ามาอ่านว่า ถ้าเป็นคุณจะทำอย่างไร คุณคิดว่าดิฉันเห็นแก่ตัวหรือไม่ และถ้าบอกเลิกแล้วจะบาปหรือไม่

    ขอเล่าเรื่องของดิฉันเลยนะคะ ดิฉันอยู่กับแฟนมาเกือบสิบปีแล้ว ไม่ได้แต่ง ไม่ได้จดทะเบียน ไม่มีลูกค่ะ สาเหตุทั้งหมดเพราะความไม่แน่ใจตั้งแต่แรกเริ่มที่ตัดสินใจจะอยู่กับเค้า แต่ทางครอบครัวทั้งสองฝ่ายรู้เรื่องนะคะ และไม่ได้ว่าอะไร คงเพราะตอนนั้นดิฉันก็เกือบๆ 30 แล้ว ทำไมถึงตัดสินใจอยู่ทั้งที่ไม่แน่ใจ เพราะว่าไปมีอะไรกับเค้าแล้ว แต่ไม่ได้รักนะคะ อารมณ์มันพาไป คงไม่ต้องให้อธิบายนะคะ ดิฉันไม่ขอแก้ตัวค่ะ ในการไม่ยับยั้งชั่งใจ ถึงจะผ่านมาเกือบสิบปีก็ยังนึกเสียใจ แต่เวลามันย้อนกลับคืนไม่ได้ ทำได้ตอนนี้คือให้อภัยตัวเอง

    ช่วงที่อยู่ด้วยกัน เราทั้งคู่แทบจะเอาตัวไม่รอด แต่โชคดีที่ครอบครัวดิฉันได้ช่วยเหลือดิฉันมาตลอด ทั้งให้บ้านของพี่ชายที่ไม่มีคนอยู่ให้ได้ซุกหัวนอน หยิบยื่นเงินให้บ้างในเวลาขัดสน คงเพราะดิฉันเป็นน้องคนเล็ก พี่ๆเลยสงสารมั้งคะ ส่วนครอบครัวเค้าไม่เคยได้ช่วยเหลืออะไรหรอกค่ะ เพราะยากจน และดิฉันก็ไม่คิดจะเรียกร้อง ดิฉันไม่รังเกียจที่ครอบครัวเค้ายากจนนะคะ แต่ที่ดิฉันรังเกียจคือความเกียจคร้าน ความเฉื่อยชา ไม่มีความกระตือรือร้น อยู่ไปวันๆ เงินที่เค้าหาได้ก็น้อยจนแทบจะไม่พอใช้ แต่อย่างที่บอกน่ะค่ะ ว่าที่อยู่ได้เพราะมีบ้านพี่ชายดิฉันให้อยู่ฟรี แถมรถเก่าๆให้ใช้อีกคัน บางเดือนพี่ชายดิฉันก็แถมเงินให้ใช้อีกต่างหาก

    ไอ้ความขี้เกียจนอนตื่นสาย บางวันไม่มีอะไรทำ ก็นอนมันทั้งวัน ตื่นมาก็เปิดคอมแชตกับผู้หญิง ดิฉันเห็นกับตาำได้ยินกับหูค่ะ พูดกันทำนองชู้สาว ดิฉันเคยด่าไปสองสามครั้ง แต่ก็ยังเหมือนเดิมค่ะ คราวนี้ดิฉันเลยเลิกสนใจค่ะ แถมอยากให้เค้ามีกิ๊กเป็นตัวเป็นตัวเลย จะได้ไปจากชีวิตดิฉันเสียที

    อันนี้ไม่เท่าไหร่ แต่ที่ดิฉันทนไม่ได้คือเค้าไม่คิดจะทำอะไรที่จะให้ชีวิตเราทั้งคู่ดีขึ้นบ้างรีไง อย่างวันนี้ ดิฉันพูดถึงรถคันเก่าของพี่ชาย ที่สภาพดีกว่าคันที่ดิฉันใช้ แต่กินน้ำมันมาก พี่ชายเคยเปรยๆว่าจะให้ดิฉันใช้ พอพูดกัน เค้ากลับพูดว่า ถ้าให้ก็ยกเครื่องให้ใหม่ด้วยละกัน ดิฉันเลยสวนเค้าว่า นี่ไม่คิดจะทำอะไรเองบ้างเลยหรือ เค้าสวนกลับ ไม่คิด ก็นี่แหล่ะค่ะทำให้ดิฉันต้องกลับมาพิจารณา ว่าดิฉันจะอยู่กับคนแบบนี้ต่อไป หรือจะมาใช้ชีวิตตัวคนเดียวดี ทั้งที่พยายามจะไม่คิดอะไรแล้วนะคะ พยายามลืมๆ ที่จริงถ้าให้อยู่กันต่อก็อยู่ได้ค่ะ แต่ดิฉันรู้ใจตัวเองว่าดิฉันอยู่ไปแบบคนซังกะตายไร้ชีวิตชีวาอยู่ไปวันๆ แล้วช่วงนี้เราทั้งคู่ก็แบบต่างคนต่างอยู่น่ะค่ะ นอนแยกที่นอนกัน กินข้าวยังต่างคนต่างกินเลยค่ะ วันๆก็แทบไม่ค่อยคุยกันเลย ต่างคนต่างทำงานหรือทำกิจกรรมที่ชอบกันไป คงเพราะเรารสนิยมต่างกันด้วยค่ะ เราดูหนังคนละประเภท ฟังเพลงคนละสไตล์ ดิฉันชอบอ่านหนังสือ ส่วนเค้าแทบไม่จับเลย แต่เรื่องนี้ไม่ใช้ประเด็นหลักค่ะ

    แต่ข้อดีเค้าก็มีนะคะ เค้าไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยว (น่าจะเพราะไม่มีเงินด้วยมั้งคะ) บอกให้ทำอะไรก็พอจะทำให้อยู่ แม้จะผลัดวันประกันพรุ่งไปบ้าง ไม่เคยต่อล้อต่อเถียงกับดิฉัน เราทั้งคู่แทบไม่ทะเลาะกันเลยค่ะ เห็นมั้ยคะว่าดิฉันก็พยายามมองส่วนดีของเค้าอยู่ไม่ได้มองแต่ส่วนเสีย อ้อ ขอเพิ่มข้อเสียอีกข้อ เค้าขี้โกหกค่ะ แรกเริ่มที่เค้ามาจีบดิฉัน ก็เริ่มโกหกเรืื่้่องครอบครัวของเค้าเลยค่ะ แต่ดิฉันให้อภัยเค้าแล้วในข้อนี้ แต่มันก็มีติดใจเล็กๆ ระแวงว่าที่อยู่กันทุกวันนี้ ไม่รู้ยังโกหกเรื่องอะไรบ้าง

    ก็นี่แหล่ะค่ะ ขออภัยที่พล่ามยาวไปหน่อย เหมือนได้ระบายความอัดอั้นตั้นใจไปในตัว คุณเห็นว่าอย่างไรคะ เป็นคุณจะทนอยู่ต่อไปหรือว่าขอต่างคนต่างไปดี และถ้าดิฉันขอเลิกจะบาปหรือไม่ ดิฉันคิดว่าเค้าก็ยังรักดิฉันอยู่บ้าง แต่มากหรือน้อยดิฉันไม่ทราบ ส่วนดิฉันไม่ได้รักเค้ามาแต่เริ่มแรกจนถึงวันนี้ ที่มีให้เค้าน่าจะเป็นความผูกพันหรือรักแบบเพื่อนแบบญาติมากกว่าเพราะยังเห็นในส่วนดีๆที่เค้าเคยทำให้บ้างน่ะค่ะ
     
  2. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    คุณต้องถามตัวเองให้มากนะว่า "เราเป็นใคร เราอยากทำอะไร" ถ้าถามตัวเองดี
    แล้วคำตอบจะมาเอง การที่เราจะเลือกอะไรเราไม่จำเป็นที่จะปฏิเสธทางเลือกที่
    เหลือหรอกครับ เหมือนอย่างเด็กจะมีวันที่เขาเบื่อของเล่น นั่นเพราะเขารู้ว่าของ
    เล่นนั้นมันไม่เหมาะกับเขาต่อไปแล้ว เพราะเขาเริ่มโตและความสนใจในสิ่งอื่น
    แต่เขาก็ไม่ได้เกลียดของเล่นใช่ไหม แต่คนเราจะคิดว่าการที่เราจะเลือกทาง
    ไหนต้องเห็นทางอื่นเลวหมด มันไม่จำเป็นหรอกครับ การจะเลือกอะไรเราจะมอง
    มันดีหมดก็ได้ แล้วเลือกอันที่มันบ่งบอกถึงตัวตนของเราจริงๆ เหมือนอย่างคุณ
    จะไปซื้อเสื้อซักตัว มันอาจจะเป็นแบบที่คุณชอบหมดแต่เมื่อคุณลองได้ใส่ดูแล้ว
    คุณก็คงจะรู้ว่าตัวไหนที่เหมาะกับคุณ ตัวไหนที่บ่งบอกความเป็นตัวคุณมากกว่า
    โดยที่คุณไม่จำเป็นจะต้องไปเกลียดเสื้อตัวอื่นเลยด้วยซ้ำ มันเป็นเพราะคนเรา
    ชอบให้คุณค่ากับความต่างมากกว่าความเหมือน คนอื่นเขาเหมือนเราเป็นเรื่องที่
    น้อยมาก แต่ถ้าต่างกับเรานี่เรื่องใหญ่เลย ผมอยากแนะนำให้คุณลองพิจารณา
    อย่างรอบคอบถึงทุกทางที่คุณจะเลือก ว่าความเป็นไปได้มันเป็นอย่างไร ผลเป็น
    อย่างไรได้บ้าง แล้วเกิดประโยชน์โทษอะไรกับตัวเรา คือใช้สัมปชัญญะ 4 แต่
    ก่อนที่คุณจะพิจารณาพวกนี้คุณต้องรู้จักตัวเองก่อนใช่ไหม ว่าคุณเป็นใคร คุณ
    อยากทำอะไร ถามตัวเองให้ดีคุณก็จะรู้คำตอบว่าควรทำอย่างไร อะไรที่
    เหมาะกับคุณ โดยคุณไม่จำเป็นที่จะต้องหาข้อดี-ข้อเสียของแฟนเลยก็ได้ แต่
    ทางเดียวที่คุณจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองก็ต่อเมื่อคุณเห็นทุกทางดี
    หมด แล้วทางที่คุณจะเลือกคุณเห็นว่ามันเหมาะกับตัวคุณที่สุดแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2011
  3. อำพราง

    อำพราง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณคุณbluebaby2 มากเลยค่ะสำหรับคำแนะนำ
    ดิฉันนึกอยู่เสมอค่ะ ว่าดิฉันก็สามารถทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำ
    โดยที่ไม่จำเป็นต้องเลิกกับเขา ซึ่งดิฉันก็สามารถจะทำได้ค่ะ
    แต่ปัญหาของดิฉันคือการทนรับสภาพเบื่อหน่ายนี้ไม่ไหว
    ดิฉันจวนเจียนจะเข้าหลักสี่ จะเหลือเวลาอีกสักกี่ปีที่จะมีลมหายใจอยู่ในโลกนี้
    อยากใช้เวลาที่เหลือให้เต็มที่น่ะค่ะ ที่พูดแบบนี้ไม่ได้หมายถึงจะไปมีคนใหม่
    นะคะ ดิฉันชอบอยู่ตัวคนเดียวมากกว่า สังเกตุว่าช่วงเค้าไม่อยู่ ดิฉันอยู่บ้าน
    คนเดียว มีความสุขมากค่ะ

    ส่วนอีกปัญหาหนึ่ง ถ้าเปรียบเทียบกับการซื้อเสื้อ เหมือนที่คุณกล่าว ดิฉันเหมือนคนที่
    หลงไปซื้อเสื้อช่วงเซล พอเห็นถูกใจก็รีบซื้อมา โดยที่ยังไม่ได้ลอง กลับมาลองก็รู้ว่าไม่
    ชอบไม่เหมาะกับตน จะเก็บเสื้อไว้เฉยๆ มันก็คงไม่มีประโยชน์ สู้ขายต่อหรือบริจาค
    เสื้อจะได้ทำประโยชน์ให้กับคนอื่นที่เหมาะกว่า ของอะไรที่ไม่ได้ใช้ ก็ไม่ควรเก็บไว้
    ใช่ไหมคะ

    อ้อ ไม่ได้ว่าเสื้อเซล ไม่ดีนะคะ เผอิญดิฉันมีเงินพอดีที่จะซื้อ
    ถ้าแพงกว่านั้นดิฉันคงไม่มีปัญญา
     
  4. washiravit

    washiravit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    284
    ค่าพลัง:
    +290
    ผมว่าเวลาสิบปีที่อยู่ด้วยกัน ผ่านเหตุการณ์ดีร้ายร่วมกัน
    ในยามที่เราลำบากหรือเดือดร้อน เขาก็ช่วยคุณมากบ้าง
    น้อยบ้าง หรือบางครั้งเราอาจจะแอบมั่นใจลึกๆว่า
    เฮ้ย นี่ตูเหนื่อยคนเดียวนี่หว่า ไม่เห็นมันจะทำอะไรเลย
    บางครั้งหมดแรงที่เราจะวิ่งต่อไป เหมือนวิ่งคนเดียวในทางสายเปลี่ยว
    แต่สิบปีในความคิดของผม ผมว่ามันคงเป็นสิบปีที่มีความหมาย

    มันจะต้องมีความทรงจำดีๆที่ทำให้เราแอบดีใจเล็กๆทุกครั้งที่คิดถึง
    อาจจะเป็นความดีที่เขาเคยทำให้เรา แม้มันจะน้อยนิด แต่ติดในความทรงจำยาวนาน
    แต่เชื่อผมเถอะครับ ยิ่งคุณปล่อยวาง คุณจะยิ่งรู้สึกเสียเวลา
    วันนี้อาจจะยังโลเลๆว่าจะเอายังไงดี แต่ถ้าปล่อยผ่านไปเหมือนไม่มีจุดหมาย
    พอไปถึงสี่สิบคุณก็คงหันหลังกลับมาเสียดายเวลากันบ้างหละ

    เพราะฉะนั้น ผมเห็นด้วยกับคุณ bluebaby2 คำถามตอนนี้ สำคัญกว่าคำตอบ

    ถ้าคุณตัดสินใจไม่ได้ว่าจะหาคำตอบด้วยวิธีไหน เฟ้นหาบีบรัดคั้นหัวใจคุณก็แล้วยังไม่เจอคำตอบ
    ผมมีวิธีดีๆครับ ผมขอเรียกวิธีนี้ว่าเป็นการผลักภาระให้แฟนตัวดีของคุณ
    แทนที่คุณจะตอบเอง ก็ให้เขาหยิบยื่นคำตอบให้กับคุณ

    เอาหละ วิธีไหนที่จะใช้กับเขาได้ผล พรุ่งนี้จะเอามาเขียนครับ

    คืนนี้ง่วงจนตาดำ ราตรีสวัสดิ์ครับ
     
  5. อำพราง

    อำพราง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณค่ะ คุณ washiravit
    อ่านคำแนะนำของคุณแล้วทำให้ดิฉันตื่นเต้นอยากรู้ตอนสำคัญแล้วสิ

    ดิฉันคิดเสมอค่ะกับเวลาที่เสียไปตลอดเกือบสิบปีนี้ แต่เวลาที่ดิฉันคิดว่าเสียนี่
    กลับให้อะไรกลับมามากมายเช่นกันค่ะ คนเราถ้ามันไม่ทุกข์มันคงไม่คิด
    ดิ้นรนหาวิธีพ้นจากทุึกข์ใช่ไหมคะ ดิฉันเลยอยากขอบคุณเค้าด้วยซ้ำ
    ไม่ใช่ขอบคุณเค้าเฉพาะสิ่งที่เค้าทำให้ดิฉันทุกข์นะคะ ซึ่งมันดูจะไม่ยุติธรรมสำหรับเค้า แต่รวมถึงสิ่งดีๆที่เค้าทำให้ดิฉันด้วย
    เค้าเป็นคนดีค่ะ ดิฉันยอมรับ และชีวิตดิฉันมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก
    แต่เวลาคนเรามันสั้น เราควรได้ใช้มันให้คุ้มกับที่เกิดมา
    เพราะมันยากนะคะที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี่
    ใครว่าง่ายคงต้องไปศึกษากันใหม่
     
  6. poopenๆ

    poopenๆ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +86
    คุณจะให้ 10 ปีที่ผ่านมา กับ 10 หรือ 20 ปีหรืออาจจะตลอดชีวิตของคุณ แตกต่างกันหรือไม่ ทุกสิ่งทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวคุณ ความทุกข์เกิดขึ้นเพราะการยึดมั่นถือมั่นด้วยกันทั้งนั้น ในเวปนี้มีสิ่งดีๆที่จะเป็นแสงสว่างให้คุณ ลองค้นหาดูครับ เป็นกำลังใจให้
     
  7. ชาล้นถ้วย

    ชาล้นถ้วย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +7
    ถ้าอยากได้คำตอบที่หลากหลายกว่านี้แนะนำไปโพสที่เว็บ Pantip ห้อง ศาลาประชาคมครับ
    อีกอย่างเผื่อได้ศึกษาเคสของคนอื่นและอาจนำมาปรับใช้กับตัวเองด้วยไปในตัวครับผม :)
     
  8. SP2517

    SP2517 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2009
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +24
    ถ้าคุณเข้าใจกฏแห่งกรรม คุณจะรู้ว่ามันเป็นเหตุจากอดีต ทำให้เกิดเหตุปัจจุบัน
    ผมก็พอๆกับคุณ แต่ปัญหาคนละอย่างกัน วิธีแก้ปัญหาของผมคือ เจริญเมตตาภาวนา เจริญวิปัสสนา แผ่เมตตา มันก็ช่วยได้เยอะ

    เมื่อหมดเวรหมดกรรมของเก่าที่ก่อใว้ ก็คงหลุดเมื่อนั้นแหละ
    ....แต่ ถ้ามันเยอะจนไม่หมด ก็ต้องอยู่กับทุกข์ ให้มีความสุข
     
  9. itsun

    itsun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2006
    โพสต์:
    370
    ค่าพลัง:
    +373
    คุณลองถามเขาสิครับว่าเขารักคุณไหม? มากไหม? แล้วจะทำอะไรให้ชีวิตเขาเรา(หมายถึงคุณกับเขา) ดีขึ้นกว่านี้ได้ไหม ถ้าสมมุติว่าพี่ชายไม่ให้เงินทอง ที่อยู่ที่อาศัยแล้วเราสองคนจะต่อสู้กับชีวิตต่อไปอย่างไรถ้าหากเขายังไม่ทำงานปล่อยให้คุณทำงานคนเดียวแล้วถามเขาว่าอายไหมที่ปล่อยให้ผู้หญิงและครอบครัวผู้หญิงทำงานหาเงินมาเลี้ยงถ้าหากเขายังทำอย่างนี้อีกก็บอกเขาว่า เราแยกกันอยู่สักพักดีไหมเผื่ออะไรอาจจะดีกว่านี้ ถ้ายังไม่เปลี่ยนนิสัยก็ถึงเวลาที่ต้องตัดขาดจากกันโดยให้เห๖ผลว่าคุณสุดทนหรือทนจนทนไม่ไหวแล้ว นี่แหละครับ ข้อเสนอของผม อาจจะไม่ดีเท่าไหร่แต่ก็ไม่อยากให้คุณด่วนตัดสินใจเร็วเกินไปเดี๋ยวเขาอาจจะทำร้ายคุณหรือญาติพี่น้องของคุณก็ได้นะครับแต่ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ การเลิกก็คือหนทางสุดท้าย ครับ
     
  10. sabainang

    sabainang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +139
    ลองสมมติว่าเป็นคนอื่นนะคะ แล้วนั่งอ่านช้าๆ ไปเรื่อยๆ

    ยกให้มันเป็นเรื่องของคนอื่น แล้วคำตอบมันจะชัดยิ่งกว่าชัดซะอีกคะ

    (ตั้งแต่เริ่มจนจบ คุณอาจจะชอบชีวิตแบบนี้ก็ได้มั้งแค่ไม่สมใจในบางเรื่อง:) ตรงนี้เป็นความเห็นส่วนตัวไม่ต้องสนใจก็ได้จ้า)
     
  11. naiy.p

    naiy.p Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +35
    ???

    ไม่แนะนำให้เลิกกันนะครับมันบาป ถ้าส่วนตัวผม ผมจะทำอะไรก็ได้ที่ผมสบายใจ ไม่ขึ้นกับอิทธิพลของใคร ไม่ทนต่อพฤติกรรมของใคร แต่.. ไม่ผิดศีลธรรม ไม่ให้ใครเดือดร้อน และไม่เดือนร้อนตนเอง ตัวของผมจะไปจมกับความทุกข์ทำไม แก้ไขได้ก็แก้ไขไป แก้ไขไม่ได้ก็ไม่ต้องไปแก้ไขมัน เสียเวลา สวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิ ภาวนา อย่างคุณ SP2517 ว่าก็ได้ คนอื่นไม่รู้นะ เป็นผม ไปนานแล้ว ..(ไม่แนะนำให้ทำอย่างผม แค่แสดงความคิดเห็น)
     
  12. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    เคสพี่ไม่ใช่เคสแรก มันเป็นแบบนี้มานานมากแล้ว ผมก็เจอกรณีนี้มาเยอะมาก เยอะมากๆ ผู้หญิงเลือกผู้ชาย แต่ไม่ได้รักหรือถูกใจอะไรทั้งนั้น นี่ยังดีไม่มีลูก แต่ผมเห็น หลายคนมีลูกแล้ว และก็เป็นแบบนี้แหละ
    ผู้ชาย เฉื่อยชา ไม่กระตือรือล้น แต่ไม่มีปากเสียง ผู้หญิงอยู่ไปนานๆก็เริ่มคิดว่าไม่ไหว
    ผู้ชาย ทะเยอทะยาน ปากร้าย ดุ และดูเหมือนไม่ค่อยให้เกียรติผู้หญิง อยู่แรกๆก็อึดอัดทนไม่ไหว(นิสัยผู้หญิงไทยสมัยนี้)

    ผู้ชายแบบแรกมีเสน่ห์ ยามแรกรู้จัก
    ผู้ชายแบบสองไม่น่าคบตั้งแต่แรกเห็น

    อย่างผมเป็นต้น ผมมานึกสงสารแฟนตัวเอง ตั้งแต่สมัยก่อน ผมด่าจนไม่ไว้หน้า ไม่ยอมงอยอมง้ออะไรเลย เพราะ ใช้เหตุผลตัวเองแบบตรรกะ แต่ไม่เคยเข้าใจเค้าใจเรา ไม่รู้เค้าทนได้ยังงัย ผมเห็นผู้หญิงคนอื่นๆเค้าไม่ทน ไม่มีใครอยากทน ถึงมีหลายอย่างที่ผมไม่ชอบในตัวแฟน แต่อย่างว่า ผ่านมานานขนาดนี้ 8 ปี เป็นไปได้ยังงัย จะเลิกก็หลายที แต่ก็มามองดู ข้อดี เรื่องความอดทนในตัวผม เรื่องที่ผมสอนเค้าแล้วเค้าก็ฟัง (แต่ไม่ทำตาม) เฮ่อ.............. ตอนนี้วัยผมเปลี่ยน มันทะเลาะกับเค้ามามาก จนทุกวันนี้ไม่อยากจะทะเลาะอะไรแล้ว......นี้คือผู้ชายที่ทะเยอทะยานกระตื้อลือล้น พูดตรงๆ สมัยนั้นคุณก็คงไม่ชอบหลอกถ้าผู้ชายแบบนี้มาจีบคุณ และคงไม่ไปตามอารมณ์แน่นอน...
     
  13. อำพราง

    อำพราง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและำกำลังใจค่ะ ดิฉันเริ่มมองเห็นแสงลอดผ่านม่านหมอก
    ที่บังตามานานเพราะว่าธรรมะนี่แหล่ะค่ะ
    แต่คงต้องใช้เวลาอีกนานที่ละจากซึ่งอุปาทานได้
    อาจจะตลอดชีวิตเลยนะคะ
     
  14. อำพราง

    อำพราง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณค่ะ ดิฉันชอบเข้าไปอ่านแต่ไม่มีโอกาสได้สมัครสมาชิก
    ในนั้นมีเรื่องให้ศึกษาเยอะจริงดั่งที่คุณว่า แต่ที่พลังจิตนี่ก็ไม่น้อยหน้านะคะ
    ไม่เข้ามาแป๊บเดียว มีคนใจดีมาช่วยตอบช่่วยแนะนำหลายท่าน แถมคำตอบ
    ของแต่ละท่านก็น่าสนใจและมีประโยชน์สำหรับดิฉันมาก อีกอย่างที่นี่ทุกคน
    คุยกันและแนะนำกันแบบสุภาพดีค่ะ
     
  15. อำพราง

    อำพราง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +0
    ดิฉันกำลังเริ่มอยากฝึกวิปัสสนาเหมือนกันค่ะ
    อยากให้ใจสงบ ไม่คิดฟุ้งซ่าน คิดโน่นนี่ ซึ่งไม่มีประโยชน์
    แถมบั่นทอนจิตใจไปเปล่าๆ แค่อยากให้ใจสงบ ไม่คาดหวังไปถึงให้
    หมดเวรหมดกรรมหรอกค่ะ ถ้าหวังมันจะยิ่งเครียด
    ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำ
     
  16. อำพราง

    อำพราง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +0
    ดิฉันเชื่อว่าเค้ายังรักดิฉันค่ะ ไม่มากก็น้อย แต่ิดิฉันเชื่อว่าทุกคนเรียนรู้ได้เอง
    วัยและเวลาจะสอนให้เราพัฒนาตัวตนของเราไปข้างหน้า จะไปเร็วไปช้าคงต้อง
    ขึ้นอยู่กับตัวเค้าเองค่ะ ส่วนดิฉันเริ่มมีแผนอยู่ในใจแล้วตอนนี้ ไม่เป็นการด่วน
    ตัดสินใจแบบที่คุณแนะนำค่ะ จะค่อยเป็นค่อยไป ไม่ให้ต้องเสียใจทั้งสองฝ่าย
     
  17. อำพราง

    อำพราง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +0
    น่าสนใจมากค่ะสำหรับคำแนะนำของคุณ ดิฉันชอบอ่านนิยาย แล้วมักสมมุติ
    ว่าถ้าดิฉันเป็นตัวละครนั้น ดิฉันจะทำอย่างไร แต่ดิฉันกลับเห็นว่า ถ้าเป็นเรื่อง
    ของคนอื่น เรามักจะไม่รู้สึกอะไรมากมาย แต่ลองเป็นเรื่องของเรา มันช่าง
    ยิ่งใหญ่ซะเหลือเกิน สงสัยต้องลองเปลี่ยนมุมมองมาค่อยๆพิจารณาช้าๆ
    แบบที่คุณว่าบ้างแล้ว
     
  18. อำพราง

    อำพราง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +0
    สรุปว่าบาป รอคอยคำตอบนี้มานาน แต่ดิฉันกลับชอบที่คุณเลือกที่จะทำจริงๆ
    มากกว่า มันตรงไปตรงมา แค่ไม่ทำให้คนอื่นหรือตัวเองเดือดร้อน
    ดิฉันเห็นด้วยค่ะ เรื่องบางอย่างมันมามันก็ไปของมัน
    บางทีเราไม่ต้องลงมือทำอะไรเลย
     
  19. อำพราง

    อำพราง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +0
    แสดงว่าแฟนคุณต้องรักคุณมากๆ เป็นดิฉันคงไม่ทนเหมือนกันค่ะ แต่วันนี้คุณเข้าใจและคิดได้ แสดงว่าคุณโตขี้นเป็นผู้ใหญ่ทั้งตัวและความคิด
    กลายเป็นคุยเรื่องคุณไปซะงั้น คงเหมือนกับดิฉัน เวลาที่ดิฉันด่าเค้า
    แล้วเค้าเงียบ ไม่เถียงไม่โกรธ มันทำให้เราต้องหันกลับมามองตัวเองเหมือนกัน
    บางทีสิ่งที่เค้าทำ คนที่เรามักมองว่าไม่เข้าท่าไม่เอาไหน กลับสอนอะไรเราได้
    มากกว่าที่คิด จริงมั้ยคะ
     
  20. JibBieable

    JibBieable Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +87
    ตอนนี้ความรู้สึกของหนูเป็นเหมือนพี่เรยแต่จะต่างกันก็ตรงที่ว่า หนูเพิ่งคบเค้าได้แค่ 3 ปี ก่อนหน้านี้รักกันมากจนตัดสินใจออกมาอยู่ด้วยกัน แต่พักหลังเนื่องจากต่างคนต่างทำงานคนละที่ งานของเค้าค่อนข้างวุ่นวย ไม่ค่อยมีเวลาให้ ทำให้เราเจอกันน้อยลง คุยโทรศัพท์กันก็รังแต่จะทะเลาะกัน เหนื่อยใจมากค่ะ และก็เสียใจบ่อยครั้งกับการพูดไม่คิดก่อนของเค้า คำพูดของเค้าทำร้ายควายรู้สึกของหนูมาก แต่ด้วยความที่ยังรักเค้ามากทำให้ไม่อยากจากเค้าไปไหน มันทรมานมากจริงๆค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...