บทความชวนวิเคราะห์ ทำบุญโดยไม่เดือดร้อนตนเอง หมายถึงอะไรกันแน่?

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย วงบุญพิเศษ, 31 กรกฎาคม 2011.

  1. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649
    ผมขอเชิญชวนเพื่อนๆ พี่ๆมาวิเคราะห์กันว่า

    "ทำบุญโดยไม่เดือดร้อนตนเองและผู้อื่น"

    หมายถึงอะไรกันแน่?


    ข้อความที่ว่า ไม่เดือดร้อนผู้อื่นคงเป็นที่เข้าใจง่ายและเข้าใจกันดี

    แต่กรณีที่ ไม่เดือดร้อนตนเองยังคงเป็นที่ถกเถียงในสังคมชาวพุทธ

    เป็นระยะ โดยเฉพาะเมื่อปรากฎมีผู้ศรัทธาในอารามวัดวาใด แล้ว

    ถวายปัจจัยนับแสนนับล้านบาท ทั้งๆที่ผู้ศรัทธาคนนั้นไม่ได้มีฐานะร่ำ

    รวย นอกจากมีเสียงสาธุการแล้ว ยังคงมีเสียงวิจารณ์ว่า "ทำบุญ

    อะไรอ่ะ ก็อย่าทำให้เดือดร้อนตนเอง หาไม่แล้วจะไม่ได้บุญ แต่ได้

    บาป" ผมจึงอยากชวนท่านผู้อ่านมาพิจารณากรณีที่เกิดขึ้นในอดีต

    ตามพระไตรปิฎก ดังนี้


    1. เมื่อคราวพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันทรงบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ ภพชาตินั้นทรงเป็นพระพรหมดาบส เห็นอาการ "อาหารสัญญา" ของแม่เสือที่กำลังจะกินลูก ทรงสละอุทิศร่างกายของท่านให้แม่เสือกินแทน

    2. ในสมัยพุทธกาล อนาถบิณฑิกเศรษฐีถวายทาน จนเมื่อเหลือแต่ปลายข้าวกับน้ำผักดอง เข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว พระองค์ยังทรงแนะนำให้ทำทานต่อไป

    3. ในสมัยพุทธกาล นายสุมนมาลาการมีหน้าที่นำดอกไม้เข้าวังวันละ8 ทะนานทุกวัน แต่เมื่อเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จออกบิณฑบาตอยู่ จึงเสื่อมใสศรัทธา ถวายดอกไม้นั้นเป็นพุทธบูชาโดยไม่เกรงกลัวพระอาญาของราชสำนักที่ตนไม่มีดอกไม้เข้าถวาย เมื่อกลับพระอารามพระพุทธองค์ทรงตรัสแก่พระอานนท์ว่า นายสุมนมาลาการถวายอย่างสละชีวิตเป็นพุทธบูชาจะไม่ตกนรกตลอดแสนกัป

    4. ในสมัยพุทธกาล จุเฬกสาฎกพราหมณ์และภรรยายากจนมาก มีผ้าห่มเพียง1ผืนที่ต้องสลับกับภรรยาเวลาออกจากบ้าน วันหนึ่งจุเฬกสาฎกไปฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงตรวจสอบข่ายพระญาณที่จะโปรดจุเฬกสาฎกให้พ้นจากความยากจน ทรงแสดงธรรมเรื่อง "ทานบารมี" เพื่อให้จุเฬกสาฎกถวายผ้าเพียงผืนหนึ่งนั้น ในที่สุดท่านก็ถวาย พระพุทธองค์ยังทรงตรัสว่า "ตุลิตะ ตุลิตัง สีฆะสีฆัง"(ถวายให้เร็วๆไวๆ เพราะท่านถวายช้าไป2กาล)

    5. ในสมัยพระสิริมัตตะพุทธเจ้า พระศรีอาริยเมตไตรยทรงบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ ครั้งนั้นท่านเสวยพระชาติเป็นพระราชาปกครองเมืองอินทปัตต์ เมื่อทราบว่าบังเกิดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นข้างๆเมืองอินทปัตต์ ทรงรีบเสด็จด้วยพระบาทเปล่า หนึ่งวันพระบาททั้งสองก็แตกช้ำ วันที่สามพระชงฆ์ก็แตกยับพระโลหิตนอง วันที่สี่ไม่สามารถเสด็จต่อไปได้แต่ด้วยพระวิริยะที่จะเข้า เฝ้าจึงกระเถิบไปด้วยพระอุระ เมื่อพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปีติยิ่ง ทรงตัดพระเศียรด้วยนขา(เล็บ) ถวายเป็นพุทธบูชา


    ทั้งหมดนี้ที่ท่านทั้งหลายในอดีตทำ เป็นการกระทำที่เดือดร้อนตนเองหรือไม่??

    หากจู่ๆคุณคิดจะทำอย่างท่านเหล่านี้หรือชักชวนใครกระทำตาม จะมีใครนินทาท่านว่าทำแล้วเดือดร้อนตนเอง จะไม่ได้บุญ หรือไม่??



    คำว่า "ทำบุญแล้วอย่าให้เดือดร้อนตนเอง"

    สังเกตชาวพุทธปัจจุบันที่การใช้คำว่า "ตนเอง" หมายถึง "ตนเอง" หรือ "กิเลส" กันแน่ ยกตัวอย่างท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ทำ

    ทานจนเกือบหมดตัวนั้น ท่านเดือดร้อนตนเอง หรือเดือดร้อนกิเลสภายในใจกันแน่ที่ไม่สามารถใช้ทรัพย์ตามใจตนเพื่อเสวยสุข


    พุทธบริษัทบางกลุ่ม จึงใช้ประโยคนี้ ปกป้องกิเลสของตนจากการเสียสละ โดยอ้างว่าทำแล้วเดือดร้อนตนเอง จะไม่ได้บุญ แท้จริง

    คือ ทำแล้วจะเดือดร้อนกิเลสของตนเองต่างหาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2011
  2. หน้าใส

    หน้าใส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +128
    อนุโมทนาบุญกับพี่วงบุญพิเศษครับ


    พี่ตั้งกระทู้สะกิดใจคนบางคนได้ดีเลยนะครับ
     
  3. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,189
    ค่าพลัง:
    +20,861
    ทานบารมีนั้นมี ๓ ระดับ คือ

    -ทาน บารมี
    -ทาน อุปบารมี
    -ทาน ปรมัตถะบารมี

    ท่านที่ได้สละแม้ชีวิตของตนเองนั้น บริจาคทานในระดับ ปรมัตถะบารมี ครับ
     
  4. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682
    ทานบารมีนั้นมี ๓ ระดับ คือ

    -ทาน บารมี
    -ทาน อุปบารมี
    -ทาน ปรมัตถะบารมี

    ท่านที่ได้สละแม้ชีวิตของตนเองนั้น บริจาคทานในระดับ ปรมัตถะบาร
    _____________________________________________

    เห็นด้วยกับด้านบนครับ

    เขาจะทำมาก ทำน้อยมันก็เรื่องของเขาครับผม

    เงินของเขา สตางค์ของเขา

    คนบางคนไม่เคยทำเลยก็มี

    จิตใจคนเราไมเหมือนกัน

    ทำน้อย ทำมมากได้บุญทั้งนั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 กรกฎาคม 2011
  5. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    หึหึ จริงๆแล้วเรื่องทำบุญอย่างไรไม่ให้เดือดร้อนเนี่ยนะ มันจะวางเป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับคนทุกคนไม่ได้
    เข้าใจนิยาม "เดือดร้อน" อย่างไร บางคนทำแค่นี้ เค้าอาจรู้สึกเดือดร้อน แต่บางคนอย่าว่าแต่สละทรัพย์เลย แม้กระทั่งยอมให้ตนเองลำบาก หรือยอมสละชีวิต เค้าก็ยังไม่เดือดร้อน

    เพราะฉะนั้น ช้างกับมด เนี่ย มันต่างกัน
     
  6. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +452
    พูดแบบนี้ เดี๋ยวผมก็หลงคารมหรอกคัฟผม

    ถ้าผมเผลอผ่านไปสำนักแถวๆประทุมธานี

    เจอใครพูดแบบนี้เข้า เดี๋ยวผมเผลอนะ

    เผลอทำจนหมดตัว แก้ผ้ากลับบ้านก็ยอม เอ้าสิเอ้า!!

    สรุปแล้ว คนรับได้บุญ หรือคนทำได้บุญ????

    เพราะบุญแปลว่า ความสุข สุขกาย สุขใจ ใจเบา ใจสบาย

    ฟันธงคราบบ
     
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,647
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    อนุโมทนาสาธุๆๆๆๆ น่านน่ะซิ 100% ค่ะ สํานักแบบนั้น มีทั่วโลกแล้วค่ะ ที่อเมริกามีเกือบทุกรัฐ
     
  8. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ถ้าใช้คำว่า "เผลอ" กับคำว่า "ทำบุญ" ก็แสดงว่าไม่เข้าใจความหมายของคำว่าทำบุญ ขาดความปราณีตในการทำบุญ เป็นการทำบุญโดยขาดปัญญากำกับ

    ทำบุญต้องประกอบด้วยปัญญาและศรัทธา การที่บอกว่าคำว่า "เดือดร้อน" เนี่ย มันเป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับคนทุกคนไม่ได้ ตรงนี้ก็ขอให้เปิดปัญญาให้ดี

    หลักง่ายๆก็คือว่า เราปฏิบัติต่อบิดามารดาอย่างหนึ่ง แล้วถามต่อไปว่า เราจะปฏิบัติต่อเพื่อนเรา เหมือนที่เราปฏิบัติต่อบิดามารดามั้ย

    เพราะฉะนั้น ผมถึงบอกว่า จริงๆแล้วเรื่องทำบุญอย่างไรไม่ให้เดือดร้อนเนี่ยนะ มันจะวางเป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับคนทุกคนไม่ได้

    ถ้าเราทำบุญทั้งศรัทธาและปัญญา เราจะรู้ว่าการทำบุญจะเป็นการทำให้เราปล่อยวาง ไม่เพียงปล่อยวางจากความโลภ หากแต่เป็นการปล่อยวางจากความยึดมั่นถือมั่น ปล่อยวางจากความเป็นตัวตน

    ให้เพราะใจบริสุทธิ์ นั่นแหละเป็นหัวใจของผู้ให้อย่างแท้จริง
     
  9. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +452
    เผลอในที่นี้ ก็คือมีความศรัทธา ในพระพุทธศาสนา แต่ความเข้าใจยังมีไม่มาก

    ก็อาจจะโดนหลอก โดนชักชวน ว่าเอาเลย การทำบุญ ต้องทำกันขนาดนี้

    ทำเลย ทำไห้หมดเนื้อหมดตัว เป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่ เป็นการชนะกิเลส

    แล้วถ้าเกิดผมบ้าจี้!!ตาม ทำแบบ ตัวอย่างที่ท่าน จขกท ยกมาไห้ดู ยกมาเป็นตัวอย่าง

    ที่ยกมานั่น ปรมัตบารีมีทั้ง และไม่ไช่ปารมัตบารมีธรรมดาสะด้วย

    ล่อ พระโพธิสัตว์พระศรีอริยเมตรัย บารมี16อสงไขยกว่า ซึ้งพระพุทธเจ้า องค์ปัจจุบัน

    บารมีพระองค์ท่าน 4 อสงไขยกว่า ห่างกันเยอะไหม??

    เห็นช้างขี้ จะไห้ขี้ตามช้าง ตูดบานสิท่าน!!

    ดูเอามาเป็นตัวอย่าง เป็นกำลังใจ น่ะได้อยู่ (เผื่อไว้ในอนาต)

    อย่างผม มีตังค์ ในกระเป๋า 1000บาท

    ผมทำบุญ 50 บาท ผมมีความสุขและ จิตใจเบา อิ่มเอม

    ทำเส็จ อุทิศส่วนกุศลพร้อม สบายใจเฉิบ!!

    แต่ถ้าผมทำ100บาท รู้สึกเครียด กังวลเรื่อค่าใช้จ่าย ในกิจต่างๆ

    อันนี้ ทำเยอะ แต่บุญน้อย เพราะทำแล้วใจไมผ่องใส ใจมีกังวล

    กุศลเข้าใจได้ไม่เต็มที่

    กำลังใจคนเราไม่เท่า ไม่เสมอกัน ผู้ที่ยกตัวอย่างมาไห้ได้ดูชม

    ต้องกำกับด้วยว่า

    เงินเท่าไหร่ ไม่สำคัญ สำคัญที่ 1เงินนั้นได้มาบริสุทธิ์หรือเปล่า

    2 ตั้งใจไห้ หรือถวายด้วยควมจริงใจหรือเปล่า หรือทำบุญแค่เอาหน้า

    เอาชื่อ เอาป้าย แบบนี้ได้อยู่ แต่ผลน้อยมากนะครับ

    3 ผู้รับบริสุทธิ์ไหม ถ้าสามองค์นี่ครบกุศลได้เต็ม100

    คนที่เขาตระหนี่ขี้เหนียว ต้องค่อยๆ แกะ ค่อยๆชี้ ค่อยๆ ชักชวน

    ไห้หัดทำทีละเล็ก ทีละน้อย ไปเอาโครมทีเดียว เขาทำไม่ได้หรอก

    แทนที่จะสร้างศรัทธา กลายเป็นเสื่อมศรัทธาไป

    แสดงควมคิดเห็นไว้นะครับผม

    ไงคุยกันต่อได้ครับ

    ฟันธงครับ
     
  10. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,800
    ทำบุญน่ะดี แต่ถ้าเอาเงินไปให้โจรที่ทำลายศาสนามันไม่ดี

    เลี้ยงมารศาสนา เลี้ยงหมาดีกว่า
     
  11. NuJulie

    NuJulie Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +64

    เจตนาเจ้าของกระทู้ ดูเหมือนกำลังจะบอกว่า

    ก็นั้นน่ะซิ ในเมื่อเราไม่ทราบว่าใครเขาบำเพ็ญแบบไหนอยู่

    ก็อย่าไปขัดขวาง

    การขัดขวางการให้ทาน เท่ากับทุกข์ 3บุคคล คือ ผู้รับ ผู้ให้ และผู้ขัดขวาง


    และในสังคมปัจจุบันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ คนเราชอบใช้ประโยคนี้ บดบังปกปิดกิเลสตน

    ไม่ยอมทำ เพราะมีสิ่งที่กำลังโลภ อยากได้
    ไม่ยอมบำเพ็ญแบบเดิมพันชีวิต เพราะอยากเสพสุขอยู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2011
  12. ออร์แกนิค

    ออร์แกนิค สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +11
    "กำลังใจ" คำนี้คำเดียว

    ถ้ากำลังใจมันเต็มเสียอย่าง อุปสรรคข้างหน้าไม่ใช่ปัญหา

    ทำเท่าไหร่ก็โมทนาครับ ทำหมดตัว เราก็คิดว่า เขาคนนี้กำลังใจสูง

    คนไหนทำน้อย เราก็คิดว่า เขาคนนี้กำลังใจยังไม่มาก
     
  13. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +452

    ไปว่าคนนั้น คนนี้ อยากเสพสุข

    อย่าเลยคุณ ส่งเสริมกำัลังใจกัน ไห้เร่งปฏิบัติดีกว่า

    การทำบุญอยู่ที่ศรัทธา

    คนที่ปรมัติบารมี หรือบารมีเต็มแล้วนี่ เท่าใด เท่ากันนะ

    คนพวกบรมีต้น ต้องค่อยเป็นค่อยไป

    ไม่ไช่ปุปปัปไดเลย

    คุณรู้หรือป่าว ในพระไตรปิฏกบอกไว้

    การที่จะสำเร็จเป็นนพระอรหันต์ ไช้เวลา 1อสงไขยกว่านะ

    นับเป็นล้านล้านชาติ

    บางทีคนงงนะ ว่าเอ้ แล้วทำไมพุทธกาล

    คนสำเร็จง่ายจัง ฟังธรรม เดี๋ยวคนนั้นสำเร็จ

    เดี๋ยวคนนี้สำเร็จ ทำไมมันง่ายอย่างนั้น

    พวกท่านเหล่านั้น บารมีเต็มกันหมดแล้ว บารมีเต็มปี่ ถึงได้เกิดทันพระพุทธเจ้าไง อยู่ร่วมสมัยเดียวกันเลย

    (อย่างคุณ อย่างผมนี่ยัง ยังห่างอีกเยอะ)

    อย่างพวกท่านเหล่านั้น เปรียบได้กับน้ำเต็มตุ่มอยู่แล้ว พระพุทธเจ้า มาสกิดนิดเดียวได้เลย เทศน์นิดเดียว

    ท่านก็สำเร็จกันเป็นแถว เป้นพระอริยเจ้า อย่างต่ำพระโสดา แต่ส่วนมาก พระอรหันต์ทั้งนั้น

    มาสมัยนี้ มีแต่หันซ้าย และก็หันขวา

    สมัยนี้นะรึ อ่านทั้งหนังสือ ฟังทั้งcd dvd เช้าเย็น กิเลสยังอยู่เท่าเดิม

    อย่าไปว่า คนนั้น คนนี้ ตามใจกิเลส อยากเสพสุขเลย

    มันต้องไช้เวลา คุณสร้างตึกร้อยชั้น วันเดียวเส็จเลยรึไง

    ของทุกอย่างต้องไช้เวลา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2011
  14. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +258

    ไช่นั่นซินะ
    มาลักษณะในแนวที่ว่า คนนั้นเสพสุข แนวออกตำหนิ

    แบบนี้ ออกแนวๆ ลัทธินะครับ ไม่ไช่ศาสนา

    ถ้าพระศานาจริงๆ จะไม่ตำหนิ แต่จะสอน จะสร้างความเข้าใจ

    ชี้ถูก ชี้ผิด ชี้อะไรดี อะไรชั่ว

    สอนเรื่องกรรม เน้นเรื่องกรรม สอนไห้คนกลัวบาป

    สอนไห้ว่าถ้ารู้ตัว กลัวกรรม ก็อย่าทำชั่ว

    ทานบารมี เป็นบารมีต้น

    สูงไปกว่านั้น ก็คือ ศีล สามธิ ปัญญา

    พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามีถึง 84000 พระธรรมขันธ์

    คำสอนแต่ละคำสอนของพระองค์ จะสอนในกลุ่ม ในชน ที่แตกต่างกันไป

    เพราะพระพุทธเจ้า เป็นสัพพัญญู เป็นผู้รู้แจ้งโลก

    อย่างเราๆ ต้องศึกษาไห้รอบ ไห้ครบ

    อย่างการดำรงชีพ พระองค์ ไห้มีสัมมาอาชีโว ก็คือทำมาหากินสุจริต

    เมื่อมีเงิน มีทอง ก็สอนไห้ 1 ฝังดิน ก็คือ เลี้ยงดู บิดา มารดา

    2 ทิ้งลงเหว ก็คือ ไช้จ่าย อยู่กิน 3 ไช้หนี้ ก็คือ ดูแล บุตร และภรรยา

    สอนไห้งดเว้นจากอบายมุขทั้งปวง สอนไห้รักษาศีล แบบนี้เป็นต้น

    ต้องยกตัวอย่าง เอามาหลายๆแง่มุมครับ

    จะได้สร้างความเข้าใจถูก ว่า คนแต่ละคน มีการสั่งสมบุญบารมีมาไม่เท่ากัน

    พวกเขาจะได้รู้ตัวเอง ว่าควรจะทำต่อไปในทิศทางใด

    ยกตัวอย่าง บางคนหนักมาทางสนใจทงด้านสมาธิเป็นพิเศษ

    พอใครพูดถึงเรื่องสามธิ ก็จะสนใจเป็นอย่างยิ่ง เรื่องอื่นไม่สน สนใจแต่เรื่องสมาธิ

    แบบนี้เป็นต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2011
  15. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +258
    การสร้างบารมี หรือการปราถนาของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน

    อย่างสมัยพุทธกาล พระอรหันต์องค์หนึ่ง ซึ้งมีจารึกไว้ในพระไตรปิฏก
    หมวดสุตันตปิฏก หรือพุทธประวัติ
    เพราะถือว่าท่านเป็นเลิศ เป็นพระอรหันต์ที่มีความสำคัญ ที่ต้องจาลึกไว้

    พระอรหันต์ท่านนี้ ท่านเลิศในด้าน ไม่เคยทำทานเลย แต่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้

    ตัวท่านเอง ท่านตั้งจิตมาแบบนั้น อิธิษฐานมาเลยนะ สุดท้ายท่านก็สำเร็จ

    แต่มีแปลกอยู่อย่าง ขนาดออกบิณบาต

    ไปกัน 10องค์ เวลาชาวบ้าน มาใส่บาต ข้าวจะพอไส่แค่เก้าองค์

    บางที เอาไหม่ ไห้ท่านอยู่หน้าเลย แต่ชาวบ้านมองไม่เห็นสะงั้น!!

    ใส่องค์ข้ามท่านไป จนสุดท้าย พระที่ไปด้วยกัน ก็เลยต้องแบ่งอาหารไห้

    ท่านถึงได้ฉัน ก็ทำแบบนี้มาตลอด

    พระอรหันต์ขีณาสพ รูปนี้ ท่านบำเพ็ญบารมี เป็นผู้เลิศ ในด้านไม่ไห้ทาน

    พระสาริบุตร อัคครสาวกเบื้อขวา เป็นผู้เลิศ ในด้านปัญญา แบบนี้เป็นต้นฯล..

    ต้องยกมาหลายๆแง่มุมนะครับ

    ดูว่า กำลังใจ หรือฉันทะ ของผู้คนเขามีความพอใจจะปราถนาไปในทิศทางใด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2011
  16. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682

    ครับอันนี้แหละ น่าสนใจมาก สาธุครับ อนุโมทนามิ ที่นำธรรมาเผยแพร่

    ในอีกแง่มุมหนึ่ง ต้องงี้แหละครับ ต้องมีหลากหลาย มุมมอง

    เป็นแง่คิด เป็นแนวทางในการประฏิบัติธรรม
     
  17. ขาล

    ขาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +4,466
    เป็นคำถามที่คาใจมานานเลยค่ะ เมื่อวานก็คิดเรื่องนี้อยู่เลย @^_^@ อนุโมทนาบุญค่ะ
     
  18. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682

    ...กระจ่าง ชัดเจนดีครับ สาธุอนุโมทนาครับ
     
  19. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682
    [

    ....ผมจะพูดถึงคนที่ออกมาแสดงการสนับสนุน สักหน่อย ผมอยากไปดูที่บ้านเขาจัง อยากไปจริงๆ ว่าการทำบุญของเขาไปถึงไหนกันแล้ว

    ว่า ขายบ้านหรือยัง รถขายยัง เงินทองในกระเป๋า ในธนาคาร

    มีเท่าไหร่เวลานี้ เอาไปถวายวัดที่ตัวเองนับถือหมดยัง

    (อย่าไห้รู้น้า ว่ามีบ้าน มีรถคันโก้ มีเงินฝากธนาคารเยอะๆ

    แบบนี้ไม่ไช่แหละ)

    ถ้าไห้ดี ขอเบอร์โทร ขอที่อยู่ ผมเองก็ชอบตรวจสอบ ชอบเจอของจริง

    ผมว่างตลอด24ชั่วโมง พร้อมที่จะไปดูคนที่สละแล้วซึ่งทุกสิ่ง ทุกอย่าง ดีแต่พูดไม่เอานะ ต้องทำตัวอย่างไห้เห็นด้วย


    ผมจะไปดูว่าการทำทาบุญของพวกท่าน เป็นอย่างไร สละกันขนาดไหน

    ไม่ไช่ว่าออกมาแต่ว่า ไห้คนนู้น คนนี้ สละไห้หมดตัว อย่าไปกลัวกิเลส

    จะเศร้าหมอง หรือกลัวว่าจะไม่ได้เสพสุข

    พวกท่านต้งอทำตัวอย่างไห้ดู

    ผมพร้อมที่จะไปพิสูจน์ ค้นหาความจริง

    ทิ้ง เมล ทิ้งเบอร์ ทิ้งที่อยู่ไว้เลยครับ หรือไม่ก็ PM มาหาผมนะครับ
    รออยู่

    เมื่อผมไปสูจน์แล้ว ผมจะได้เอาความดี ของแต่ละท่าน

    มาประกาศ เป็นตัวอย่าง ไห้คนทั้งหลายได้ประจักษ์

    เอาตั้งแต่ เจ้าของกระทู้เลยนะครับ

    ผมพร้อมไปพิสูจ์ทันทีครับผม

    รออยู่นะครับผม (อยากเจอของจริง เบื่อแล้วพวกของปลอม)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2011
  20. ธงสามสี

    ธงสามสี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2011
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +72
    พี่พรานยิ้มเข้าใจอะไรผิดหรือป่าวครับ

    เขาสนับสนุนและปกป้องคนทำทานครับ ไม่ได้หมายความว่าเขาเขียนออกมาสนับสนุนตัวเองที่ทำบุญมาก เพราะสังคมตอนนี้ ชอบใช้คำนี้ปกป้องกิเลสตนเอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเป็นแบบนั้นครับ แต่หมายถึงสังคมส่วนใหญ่ ที่เป็นชาวพุทธตามทะเบียนบ้าน ที่จะออกมายอมรับว่าตนเองเป็นชาวพุทธก็ต่อเมื่อมีข่าวคาวๆของวัด จึงจะออกมาพูดกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...