หลวงพ่อทรงอภิญญา

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย อุทยัพ, 15 สิงหาคม 2011.

  1. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    [​IMG]

    คัดลอกจากหนังสือ สู่แสงธรรม ตามคำสอนของหลวงพ่อ
    โดย พล.อ.ต มนูญ ชมภูทีป ตอนที่1 เหตุการณ์อันน่าพิศวง
    หน้า19-20
    หลวงพ่อทรงอภิญญา

    เมื่อประมาณปีพ.ศ.๒๕๑๓ ตอนต้นๆปี ญาติของพ.อ.อ.ชลอ ผาสุข ได้เสียชีวิตลง และ พ.อ.อ.ชลอ ผาสุข ก็ได้ตัดสินใจนำศพของญาติ(ข้าพเจ้าต้องขอภัยที่จำได้ว่าญาติที่ตายมีศักดิ์เป็นอะไรกับ พ.อ.อ.ชลอ)ไปเผาที่เมรุเผาศพของวัดท่าซุง อุทัยธานี โดยเชิญข้าพเจ้าซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาไปร่วมเป็นเกียรติในพิธีเผาศพนี้ด้วย
    เมรุเผาศพของวัดท่าซุงนั้นเป็นเมรุแบบโบราณ เผาศพด้วยฝืนตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ(ในปัจจุบันทางวัดยังคงอนุรักษ์ไว้ หากท่านผู้อ่านได้ไปวัดท่าซุงก็คงจะได้เห็น)พิธีเผาศพก็ทำกันแบบพื้นบ้านง่ายๆโดยยกศพลงไปวางในเมรุเหนือกองฟืนแล้วก็จุดไฟเผา โดยมีหลวงพ่อเป็นประธานในพิธี ส่วนข้าพเจ้า พ.อ.อ.ชลอ ผาสุข และญาติๆของผู้ตายก็ยืนกันอยู่ด้วยอาการสงบข้างๆเมรุ

    ในขณะที่ไฟกำลังลุกไหม้ศพ และทุกคนกำลังยืนสงบอยู่นั้น ก็มีคนมาบอกหลวงพ่อว่า มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่จากกรุงเทพฯ เดินทางมาหาและรอหลวงพ่ออยู่ที่กุฎิหลวงพ่อพยักหน้ารับทราบ แล้วก็หันมาสั่งข้าพเจ้าว่า"คุณมนูญ ช่วยไปรับแขกแทนฉันก่อนนะเดี่ยวฉันจะตามไป"

    ข้าพเจ้าเมื่อรับคำสั่งจากหลวงพ่อก็เดินจากเมรุ ผ่านศาลาเก่าๆที่เสาโย้เย้ริมแม่น้ำ ลัดเลาะไปตามทางที่เดินสองข้างทางมีแต่ต้นหญ้าสูงๆปกคลุม ผ่านโบสถ์ วิหารที่ชำรุดทรุดโทรมปราศจากหลังคา แล้วก็หยุดหันกลับมองไปที่เมรุ เห็นหลวงพ่อยังยืนเด่นเหลืองอร่ามปลงอสุภอย่างสงบ ก็มีความหนักใจเพราะความจริงแล้วข้าพเจ้าไม่ชอบที่จะไปพูดคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่นัก โดยเฉพาะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่มาจากกรุงเทพฯ และก็ไม่ทราบว่า จะต้องคุยรับหน้าแทนหลวงพ่ออีกนานสักเท่าใด เพราะมองดูรูปการณ์แล้ว หลวงพ่อยังไม่มีท่าทีจะละจากเมรุไปง่ายๆเลย อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าก็ค่อยๆเดินไปจนถึงกุฎิเล็กๆของหลวงพ่อริมแม่น้ำจนได้
    และแล้วสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่เคยคิดฝันมาก่อนก็เกิดขึ้น จนทำให้ข้าพเจ้าตกใจเพราะข้าพเจ้าได้เห็นหลวงพ่อกำลังนั่งพูดคุยกับนายทหารผู้ใหญ่ท่านนั้นอยู่แล้วในกุฎิ


    ท่านผู้อ่านที่รัก ทางเดินจากเมรุเผาศพมายังกุฎิหลวงพ่อนั้น มีเส้นทางเดียวที่ลัดตรงที่สุดและไม่มีหญ้าคาปกคลุม ซ่งก็เป็นเส้นทางที่ข้าพเจ้าเดินและข้าพเจ้าก็ได้เดินมาแล้วเกินกว่าครึ่งทาง ในขณะที่หลวงพ่อยังยืนอยู่ที่เมรุ ดังนั้นจู่ๆ หลวงพ่อมาถึงกุฎิก่อนข้าพเจ้าได้เช่นนี้หากข้าพเจ้าจะคิดว่า หลวงพ่อทรงอภิญญาก็น่าจะได้จริงไหมครับ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 ตุลาคม 2011
  2. ปุถุชน

    ปุถุชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +715
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานฯ
    พระคุณท่าน เกิน อภิญญาหก ครับ
    ผมเกิดมาโชคดีมีบุญวาสนา บารมีท่านคุ้มกะลาหัว
    จากรายละเอียดอันน้อยนิด ที่ได้รับทราบนั้น
    ไม่มีอะไรใน ปฏิสัมภิทาญาณ ที่พระเดชพระคุณท่านทำไม่ได้
    และไม่ใช่ ปฏิสัมภิทาญาณ เท่านั้น แต่เป็น ปฏิสัมภิทาญาณพิเศษ
     
  3. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 4999269" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>ปุถุชน</TD><TD class=alt1>พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานฯ
    พระคุณท่าน เกิน อภิญญาหก ครับ
    ผมเกิดมาโชคดีมีบุญวาสนา บารมีท่านคุ้มกะลาหัว
    จากรายละเอียดอันน้อยนิด ที่ได้รับทราบนั้น
    ไม่มีอะไรใน ปฏิสัมภิทาญาณ ที่พระเดชพระคุณท่านทำไม่ได้
    และไม่ใช่ ปฏิสัมภิทาญาณ เท่านั้น แต่เป็น ปฏิสัมภิทาญาณพิเศษ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ใช่อย่างที่คุณปุถุชนเขียนไว้ ผมก็มีความรู้สึกว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อนั้น
    มีความเป็นพิเศษในทุกๆเรื่องเท่าที่ผมได้สัมผัสกับท่านตลอดเวลาที่ผ่านมา
    ก็ถือว่าเป็นบุญเป็นวาสนาของผมยิ่งนักที่เกิดมาทันได้พบท่าน
     
  4. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ

    เชิญแวะอ่านธรรมะของหลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง ที่
    เฟสบุ๊ค ศูนย์พุทธศรัทธา
    และร่วมกันแบ่งปันธรรมะของหลวงพ่อฯ ไปยังกระดานของท่านเพื่อเป็นธรรมทาน

    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่www.tangnipparn.com<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    <O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา

    [​IMG]</O:p>
     
  5. Chay 4

    Chay 4 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    292
    ค่าพลัง:
    +94
    พระเดชพระคุณท่านหลวงพ่อฤาษีมีมากเหลือเกินครับ ลูกศิษย์ที่เคารพท่านจึงมีจำนวนมาก เเละอนาคตคงเพิ่มมากขึ้นไปอีก

    อนุโมทนาในประสบการณ์ดีๆ ที่นำมาเผยเเพร่

    *พุทธะ พุทธา พุทเธ พุทโธ พุทธัง อะระหังพุทโธ อิติปิโสภะคะวา นะโมพุทธายะ
    ขอบารมีของหลวงพ่อปาน เเละหลวงพ่อฤาษีลิงดำ โปรดคุ้มลูก ผู้ปฏิบัติดี เเละผู้เคารพศรัทธาด้วยเทอญ

    *อุทธัง อุทโธ นะโมพุทธายะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 ตุลาคม 2011
  6. nataphat

    nataphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +246
    แต่หลวงพ่อก็บอกว่าไม่ฝึกกสินให้ครบสิบกองพระท่านสั่งไว้แต่จริงๆก็ สอนเราได้ทุกกองเอ๊ะยังไงอิอิ
     
  7. nicky10210

    nicky10210 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +1,630
    ขอโมทนา สาธุครับ กับทุกความเห็นก่อนหน้านี้ครับ หลวงพ่อท่านเป็นพระปฏิสัมภิทาญาณที่พิเศษมาก จริงๆครับ
     
  8. purit

    purit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +809
    คุณวิเศษส่วนองค์...ความเป็นผู้ได้บำเพ็ญบารมีมามาก

    หลวงพ่อท่านปราถนาพระโพธิญาณ มาตั้งแต่สมัยพระศาสนาของสมเด็จพระพุทธสิขีทศพล สมเด็จองค์ปฐม
    เคยได้ทำบุญกับพระพุทธเจ้ามานับองค์ไม่ถ้วน ถ้าจะนับเนื่องด้วยท่านลงมาบำเพ็ญบารมีเพื่อพระโพธิญาณแล้ว
    ๑๖ อสงไขยกับแสนกัป ได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้ามาแล้วหลายองค์ รวมทั้งสมเด็จพระพุทธทีปังกร
    สมเด็จพระพุทธกัสสป และสมเด็จองค์ปัจจุบันว่า "ถ้าไม่ลาพุทธภูมิท่านจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๒๑
    ทรงพระนามว่า สมเด็จพระพุทธอริยมุนีสัมพเกสีพุทธเจ้า" แต่สงสัยว่าจะคลายตัวเสียตั้งแต่สมัยสมเด็จพระสมณโคดม
    ขณะนี้ ถ้าตายเหลืออีก ๗ ชาติปรมัตถบารมีจะเต็ม เคยเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิปกครองโลกมาแล้ว ๑๐ ครั้ง
    อาทิเช่นสมัย สมเด็จพระพุทธทีปังกร หลวงพ่อเกิดเป็นพระราชโอรสของพระราชาทรงพระนามว่า ท้าวอินทราชา
    ครองเมืองมหาบรมไตรจักรภพ เป็นพระเจ้าจักรพรรดิเมื่ออายุ ๒๑ ปี ๓ เดือน ทรงพระนามว่า สมเด็จพระนวราชบรมจักรพรรดิ
    และในสมัยสมเด็จพระพุทธกัสสป ท่านก็เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าศรีทรงธรรมบรมจักรพรรดิ
    ตำแหน่งพระเจ้าจักรพรรดินั้น เป็นตำแหน่งผู้ครองโลก มีแก้ว ๙ ประการประกอบพระอิสริยศักดิ์ ซึ่งเทวดานำมาถวาย
    ได้แก่ นางแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว จักรแก้ว พระขรรค์แก้ว เกือกแก้ว และแก้วมณี
    นอกจากนี้ยังเคยเกิดเป็นลูกของพระพุทธเจ้ามาแล้ว ๘๔ พระองค์ องค์ละหลายๆ ชาติเกิดเป็นพระเจ้าแผ่นดินมาแล้ว ๓ พันกว่าชาติฯลฯ
    เกิดเป็นเทวดาและพรหมมานับชาติไม่ถ้วน แต่ชาติที่เสวยสุขเป็นเทวดาและพรหมนั้นท่านไม่นับเนื่องในการบำเพ็ญบารมี
    ดังนั้นถ้าจะนับโดยเวลาเป็นปีทั้งหมดตั้งแต่สมัย สมเด็จพระพุทธสิขีทศพล หลวงพ่อเล่าว่า "จงนับถอยหลังอีกจากนี้ไป
    ขึ้นต้นด้วยเลข "๕" แล้วเพิ่มเลข "ศูนย์" ไปอีก "๕๐ ศูนย์" เป็นจำนวนเท่าไรกันก็นับเอาเอง

    บารมีธรรม ๓๐ ทัศ ที่เป็นส่วนช่วยเหลือเกื้อกูลให้ถึงพระโพธิญาณขององค์ท่าน อันกอร์ปด้วย ทานบารมี สีลบารมี
    เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี และอุเบกขาบารมี
    จึงบริบูรณ์เป็นปรมัตถบารมีเต็มโดยแท้

    ในยามที่ท่านลาพระโพธิญาณ จึงมีสมเด็จองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จมาทรงสอนอริยสัจด้วยพระองค์เอง
    พร้อมทั้งฝากฝังให้ท่านพระสารีบุตร, พระโมคคัลลาน์, พระมหาสังกัจจายนะ และพระอนุรุทธ มาสอนวิชาเฉพาะให้
    นอกจากนี้ยังมีพรหมและเทวดาอีกมากมาย ซึ่งเคยเป็นญาติและมิตร ตามมาสงเคราะห์ตลอดเวลา
    อาทิเช่น ท่านสหัมบดีพรหม ท่านผกาพรหม ท่านท้าวมหาชมภู พระอินทร์ ท้าววิษณุกรรม ท่านมเหสักขา
    ท่านท้าวมหาราชทั้งสี่ และท่านพระยายมราชเป็นต้น

    แม้ในชาติปัจจุบัน พระเดชพระคุณหลวงพ่อก็บำเพ็ญบารมีถึงขั้นอุกฤษฏ์ ในทุกๆเรื่องดังจะเห็นได้จาก
    ปฏิปาของท่านในทุกๆกาล ๆ สถานและทุกๆ เรื่อง ตัวอย่างเช่น

    ในความเคารพพระรัตนตรัย และพระธรรมวินัยอย่างยิ่ง ท่านว่าพระที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาต้องมีอธิศีลสิกขา
    อธิจิตสิกขา และอธิปัญญาสิกขา ตามความมุ่งหมายของพระพุทธเจ้า ศัพท์ที่ท่านย้ำเสมอก็คือ
    พระบาลีตอนหนึ่งที่เขาอบรมบรรพชากัน ในสมัยนั้น มีความอยู่ว่า "นิพพานัสสะ สัจฉกิริยายะ เอตัง กาสาวัง คเหตวา"
    ซึ่งแปลเป็นใจความว่าข้าพเจ้าขอรับผ้ากาสาวพัสตร์ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน

    ในความเป็นผู้มีกตัญญูกตเวที ต่อผู้มีพระคุณทุกท่าน ถึงแม้จะเป็นใครก็ตามที่เคยสงเคราะห์ท่านแม้แต่น้อยนิด
    ถ้ามีความไม่สะดวกไม่สบายขัดข้องประการใดเกิดขึ้น ท่านจะไปเยี่ยมทันทีที่มีโอกาส ถ้าช่วยเหลือประการใดได้แล้ว
    ท่านจะจัดการทำทันที

    ในความมีเมตตาเป็นสาธารณะ ใครที่เคยเป็นลูกศิษย์ของท่านมาก่อนแต่ชาติใดก็ตาม หรือพุทธบริษัททั่วไป
    ที่มีศรัทธาเลื่อมใสในองค์ท่านก็ดี ถ้ามีทุกข์ท่านจะหาทางสงเคราะห์ในทุกโอกาสที่ทำให้ได้ นอกจากสงเคราะห์ส่วนบุคคลแล้ว
    การสงเคราะห์เป็นสาธารณะในทางโลก ก็คือศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดาร โรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา,
    ศูนย์สงเคราะห์แม่และเด็กอุทัยธานี, มูลนิธิหลวงพ่อปาน พระมหาวีระถาวโร ฯลฯ ในทางธรรมคือการสร้างวัด,
    การสอนกรรมฐาน, การเขียนหนังสือธรรมปฏิบัติ, การบันทึกเทป ฯลฯ

    นอกจากนี้ที่ก็ยังมีความเมตตาเป็นพิเศษสำหรับสัตว์ ไม่ว่าจะเป็น เต่า, ตะพาบ, ปลา, นก ที่มาอาศัยวัดอยู่
    และโดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงคือ สุนัขและแมวที่ท่านเลี้ยงเพราะคนเอามาให้หรือเอามาปล่อยวัด นับร้อยๆ ตัว
    ถ้าใครมาขอลูกสุนัขวัด ท่านจะอนุญาต แต่มีข้อแม้ว่าต้องเอาไปทั้งครอกรวมทั้งแม่สุนัขด้วย
    ท่านว่าการพรากลูกพรากแม่เป็นบาป

    ในการสร้างวิหารทาน ท่านได้สร้างวัดมาแล้วประมาณ ๔๐ วัด โดยท่านไม่ยอมออกฏีกาเรี่ยไร เป็นต้น
    แต่จะใช้วิธีแจ้งให้ศิษยานุศิษย์ทราบ ดังเช่น การก่อสร้างที่ท่านดำเนินการที่วัดท่าซุง เป็นต้น
    ท่านปรารภว่า ที่ท่านสร้างเพราะต้องการเจริญศรัทธาของบรรดาพุทธบริษัทที่สละทุนทรัพย์เข้ามา
    เป็นการสนองคุณความดีของผู้ทำดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านจะดำเนินการก่อสร้างไปก่อนแล้วค่อยใช้หนี้ทีหลัง
     
  9. CHOLPRATAN319

    CHOLPRATAN319 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +2,552
    ข้าพเจ้านนายกุศล แจ้งแสงขออนุโมทนาเป็นอย่างสูง
    รักหลวงพ่อ หาที่สุดมิได้ครับ
    ลูกหลานพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานฯ
     

แชร์หน้านี้

Loading...