ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

มีข้อความต่างมิติสั้นๆ มาฝากครับ

"จิตวิญญาณในจักรวาลนี้
แต่ละคนจะเล่นเกมของขั้วกระแสไฟฟ้าที่อยู่ในด้านตรงกันข้าม
เพื่อให้เกิดบูรณาการและการบรรลุวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณ
ในท้ายที่สุด ก็เพื่อการกลับคืนสู่แหล่งที่มาของทั้งหมด-ของพลังงานต้นกำเนิด

หนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของ "เกมรวมขั้ว"นี้ ก็คือ การหาค่าในความมืด
ความมืดคือโรงเรียน เป็นชั้นเรียน และเป็นบทเรียนที่เราปรารถนาที่จะเรียนรู้
เพื่อที่จะให้บรรลุความสมดุลของทั้งสองสิ่งที่อยู่ภายในตัวเอง..."

 

รูปไม่ขึ้นเลยค่ะคุณ mead

 

เมื่อผมรู้สึกว่ารับมือกับปัญหาไม่ได้ ผมจะนึกถึงประโยคนี้ครับ"ไม่มีเหตุใดเป็นความบังเอิญ" ทุกอย่างดำเนินไป เพื่อให้เราเรียนรู้ บนเส้นทางที่เราเลือกไว้ก่อนแล้ว เพียงแต่เราไม่รู้เท่านั้นเอง

ชีวิตที่สุขสบายเิกินไป อันตรายนะครับ ชีวิตผมพลิกขั้วอย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อน ทำให้นึกถึงบทความบทนึงที่บอกว่า..."ก่อนที่จะถูกหมายเรียกตัวให้กลับมาทำงาน..ผู้ทำงานแห่งแสงสว่าง..ผู้ที่มีชีวิตสมบูรณ์แบบจะได้รับการฝึกอย่างหนัก โดยการเข้าไปอยู่ในสถานการณ์แห่งการเปลี่ยนแปลง ครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของตนเองขนาดทีี่ทำให้วิถีชีวิต และโชคชะตาพลิกผันอย่างมโหฬาร พวกเขาจะสูญเสีย ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาครอบครองเพราะนั่นคือ..บทเรียนที่มีค่าที่สุด.."

"ก่อนที่จะเข้าไปช่วยผู้อื่นที่กำลังทุกข์ คณจะต้องเข้าใจความทุกข์อย่างที่เขาเป็น"

ผมกำลังจะบอกว่า.. จากที่เคยมีรายได้เดือนละ50,000กว่าบาท จู่ๆบริษัทปรับเปลี่ยนระบบโดยไม่แจ้งล่วงหน้า มันไม่น่าเป็นไปได้ แต่เป็นไปแล้ว..ผมทำใจไม่ได้ ในช่วงแรกๆ..ผมทุกข์มาก (ตะก่อนเพื่อนๆเรียกผมว่า..เทวดาเดินดิน)

ผมเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นกับผม ผมกำลังโดนสั่งสอนจากบทเรียนที่ผมเป็นผู้เลือกไว้ และผมก็ยินดีครับ)
ปล. ตอนนี้ผมได้งานใหม่แล้ว.. แม้รายได้ไม่งดงามเท่าเดิม แต่ผมก็มีความสุข เพราะความคิดผมเปลี่ยนไป ขอบคุณความทุกข์ที่ทำให้ผมเข้าใจตัวเอง และรู้จักที่จะเข้าใจคนอื่น ขอบคุณกระทู้นี้และทีมงานทุกๆท่านครับ)

 

ขอบคุณมากครับ......สำหรับความเมตตา

 

โมทนาด้วยนะครับ..กับชีวิตใหม่..กับความเข้าใจใหม่ๆ
ผมเองก็เช่นกันครับ..พลิกผันมาไม่รู้กี่ตลบแล้ว

แต่ก็ยังมีพลิกอยู่เรื่อยๆไม่เลิกครับ..แต่เป็นด้านอื่นๆบ้าง
เพราะว่าด้านการเงินโดนมาตั้งแต่ 11 ปีที่แล้วครับ

แต่เมื่อแต่ละบทเรียนมันได้ผ่านไปแล้ว จนเรายอมรับและได้ประโยชน์จากมันเรียบร้อยไปแล้ว
หลายๆคน ก้จะพูดตรงกันหมดว่า..

"ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณครูบาอาจารย์-เทพผู้นำทาง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
ที่ได้ช่วยให้ข้าพเจ้าได้พบกับบทเรียนๆนี้ เพราะถ้าไม่ได้บทเรียนนี้ ข้าพเจ้าก็คงไม่ได้มาถึง ณ.จุดนี้ได้"

อะไรทำนองนั้นหนะครับ..

แล้วมีอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว ที่ผมกราบพระทีไร ผมก็จะนึกขอบพระคุณท่านเสมอๆ
ขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่ได้คอยช่วยเหลือผมมาตลอด แบบไม่เคยห่างไปไหนเลย
เพราะผมรู้สึกอยู่ลึกๆตลอดเวลาว่า พวกท่านคอยช่วยเหลือผม คอยประคับประคองผม
ให้เดินไปตามทางที่ได้เลือกไว้ ให้ผมเดินไปถึงจุดหมายปลายทางให้ได้ อยู่ตลอดเวลา
และพอผมนึกแบบนี้ทีไร ก็จะรู้สึกจุกขึ้นมาที่หน้าอก น้ำตาจะร่วงซะให้ได้ทุกทีเลยครับ

เล่าสู่กันฟังครับ..

และขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆท่าน ที่กำลังอยู่ระหว่างบทเรียน และอยู่ระหว่างบททดสอบด้วยนะครับ



ปล.

มีใครรู้สึก หรือ เริ่มรู้สึกเหมือนผมบ้างหรือยังครับว่า..
ความเป็นไปในชีวิตของตัวเอง เริ่มจะแปลกประหลาดเหมือนละครน้ำเน่า
หรือเหมือนหนังแฟนตาซีเข้าไปทุกทีๆแล้วนะเนี่ย!!

คือ..บางเรื่องมันเล่าให้ฟังในที่สาธารณะไม่ได้หนะครับ
มันก็เลยได้แต่เก็บเอาไว้ขำๆ หรือ รู้สึกประหลาดใจอยู่คนเดียวหนะครับ

มันก็ไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่อะไรหรอกนะครับ..
แต่มันก็ไม่น่าที่จะเกิดขึ้นกับเราได้..อะไรแบบนั้นหนะครับ..

............................................................

 

ข้อความจากต่างมิติใช่ว่าจะดีเสมอไป อาจจทำให้คนตายถ้าไม่สามารถผ่านเกมรวมขั้ว และไม่สามารถหาสมดุลให้ตัวเองได้
รหัสรับ
-3 พระเจ้าผู้สร้างทุกสิ่ง
z+2 จิตวิญญารแห่งการผสมผสาน กลมเกลี่ยวเป็นหนึ่งเดียว สมัครสมานรักใคร่ กลมเกลียว
z-1 จิตวิญญาณ ธรรมชาติ
1 higer self จิตวิญญาณที่สูงกว่า ภายนอกตนเอง
z (แซด หรือ ซี ) หรือ วางในทุกสิ่ง สูญญตในทุกสิ่ง
1 จิตวิญญาณพระบิดา
1 จิตวิญญาณของตัวตนเอง
2 จิตวิญญาณแห่งสภาวะคู่ หรือ ขาว คู่ ดำ , มืด คู่ สว่าง ,อื่นๆ
3 จิตวิญญาณแห่งการรวมจิตวิญญาณตัวเอง โดยไม่เข้าไปตัดสินใจในสิ่งใดๆ
5 จิตวิญญาณแห่งการเรียนรู้
x
y
x+y=t
ถ้าจิตวิญญาณแห่งการปล่อยวางในทุกสิ่ง และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ชีวิตของเราเรียนรู้มาช้านาน และติดอยู่ในโลกของเราเอง
ตัวเลขนั้นคือค่าของ แรงดัน หรือ แรงขับเคลือน หรือ Volatage
สุดท้ายจิตวิญญาณเราต้องหา 0 ให้เจอ (t-x-y)

 

อย่าต้านแรงโน้มถ่วง และอย่าตามแรงโน้มถ่วง ไร้สภาวะแรงโน้มถ่วง ใด ใด

 

ใช่ครับคุณจิตฯ ถ้าจะเจาะความหมายนี้ลงไปลึกๆ...
จุดกลางของทั้งสองที่ตรงกันข้าม หมายถึง *0* นั่นล่ะครับ
โดยมี ความรัก+ความเมตตา เป็นจุดรวมหรือเป็นเป้าหมายของเกมนี้
เมื่อใดที่จิตวิญญาณของเราเข้าถึงและรู้สึกความรักที่แท้จริงได้
เราก็จะยอมรับได้ทั้งสองขั้ว ไม่มีการตัดสินว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดี

การบรรลุถึงความรัก+ความเมตตาที่แท้จริง ก็หมายความว่า..
จิตวิญญาณจะมองเห็นคุณค่าทั้งแสงสว่างและความมืด
และเลือกที่จะมีความสมดุลย์ทั้งหมดนั้นในตัวเองให้ได้ครับ

ดาวเคราะห์ดวงนี้ เกิดขึ้นมาเพื่อให้เราช่วยกันระบายสีแห่งประสบการณ์ทั้งหมด
ในการสร้างสรรค์และการเลือกของพวกเราน่ะครับ

หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นในชีวิตเรา
ก็เพียงแต่ถอดรหัส และมองให้เห็นถึงความเป็น ทวิภาวะ นี้ให้ได้เราก็จะเข้าใจ
แสงสว่าง เป็นตัวแทนของความสุข ความเบิกบาน ร่าเริง ... ของจักระที่อยู่ด้านบน
ความมืด เป็นตัวแทนของความเจ็บปวดทางอารมณ์ ความกลัว ความโกรธ.. ของจักระที่อยู่ต่ำกว่า

การบูรณาการเพื่อรวมสองขั้วนี้ เราก็ใช้จักระที่ 4 ตรงกลางหัวใจเป็นตัวเชื่อมให้เกิดความสมดุลย์
ซึ่งก็หมายถึง "ความรัก" ที่เป็นกุญแจดอกสำคัญนั่นเองครับ

 

ผมก็รู้สึกเหมือนคุณชยุตอ่ะครับ.. เล่าให้ใครฟังไม่ได้เด็ดขาด เดี๋ยวเขาจะว่าผมบ้าครับ บางครั้งผมก็ขำๆตัวเองเหมือนกัน ประหลาดใจอยู่คนเดียว(จริงๆ) งงด้วยครับ

 

ผมคิดว่า..ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในสถานการณ์แบบที่คุณ"มีด"กล่าวอ่ะครับ เพราะมีเรื่องที่ไม่คาดคิดทั้งนั้นเลย ที่เกิดขึ้นกับผม โชคดีหน่อยที่มีสติกำกับ ไม่งั้นผมแย่แน่ๆ

 

วันนี้เหมือนจะมีเหตุบังเอิญ ที่ไม่บังเอิญอีกแล้วครับ
ไปพบน้องคนหนึ่งที่เปิดร้านกาแฟสดอยู่ที่อุทัยฯ
เค้ากำลังเปิดดูละครชีวประวัติของท่าน "เว่ยหลาง"พอดี
ก็รู้สึกเลยว่า เขาน่าจะรู้จัก"อนุตรธรรม" และก็จริงๆซะด้วยครับ

ถามไปถามมา ก็ปรากฎว่าเขาเคยรับธรรมะที่เดียวกัน (อิ๋งเซียน ดอนเมือง)
ซึ่งก็ยากแล้วนะครับ ที่เราจะรับธรรมะที่เดียวกัน เพราะมีหลายแห่งเหลือเกินในเมืองไทย
แถมยังรู้จักกับคุณป้าของผมที่เสียไปแล้ว เป็นอย่างดีด้วย เพราะท่านที่เป็นผู้แนะนำรับรองให้มารู้จักที่นี่

พอเขารู้เข้าว่าเป็นหลานของป้า เค้าก็ตาแดงๆ จนน้ำตาไหลออกมาเลย...
บอกว่ายังนึกถึงคุณป้าของผมอยู่เสมอที่ชักชวนเค้าอยู่หลายรอบ แต่เค้าก็ปฎิเสธ
ในที่สุดเขาก็ไป และกลายเป็นคนที่สนใจมุ่งมั่นศรัธธาจริงจัง อย่างถึงที่สุดไปเลย
และน้องคนนี้กับคุณป้าผม ก็ได้พากันไปบุกเบิกสร้างสถานธรรมด้วยกันหลายๆแห่ง
จนเป็นความประทับใจที่เขาไม่เคยลืม...

น้องเขาก็เลยชวนผมไปสถานธรรมที่บ้านเค้าในวันศุกร์นี้
ส่วนผมก็เลยแนะนำน้องเค้าให้เข้ามาอ่านกระทู้ต่างมิติด้วยน่ะครับ
เรียกว่าเป็นโอกาสหนึ่งในร้อยครั้ง ที่มันจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆน่ะครับ
พูดไปก็ขนลุกไปครับ..การพบเจอหรือได้รู้จักใครสักคนนึงนี่ เหตุบังเอิญมันไม่มีจริงๆหล่ะครับ

 

รูปกลุ่มมหาปิรามิดกับดาวไถสามดวงนั่น
บ่งบอกถึงความสัมพันธ์กับดวงดาวและจักรวาลอย่างที่เราปฎิเสธไม่ได้เลยนะครับ
ตำแหน่ง ขนาด และองศาตรงกันเป๊ะๆเลย...
แถมช่องภายในห้องพระศพฟาโรห์ยังชี้ตรงไปที่ดาวซิริอุสด้วย
เค้าออกแบบด้วยความตั้งใจมาก ทิ้งปริศนาเอาให้คนรุ่นหลังได้ทึ่งกันนะครับ

 

อ้างอิง ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ
เรอเน่
"ก่อนที่จะเข้าไปช่วยผู้อื่นที่กำลังทุกข์ คณจะต้องเข้าใจความทุกข์อย่างที่เขาเป็น"

ประสบการณ์ทุกอย่างที่ผ่านมาในชีวิต เมื่อมองย้อนกลับไป ช่างเป็นสิ่งที่มีค่า ทำให้เรามีภูมิต้านทานให้กับความรู้สึกของเราค่ะ หากเราไม่เคยทุกข์ ไม่เคยเศร้า เราจะเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้นได้อย่างไร การนำประสบการณ์ต่างๆที่เราเคยประสบมาเพื่อใช้เป็นแรงใจในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีกว่าเพื่อตัวเรา และในท้ายที่สุดก็เพื่อคนอื่นๆรวมทั้งทุกสิ่งในโลกใบนี้ มันก็น่าจะเป็นสิ่งที่มีค่าแสนจะวิเศษ ขอขอบคุณประสบการณ์ทุกอย่าง ที่ผ่านเข้ามาให้ได้เรียนรู้ค่ะ สุดท้ายขอส่งกำลังใจให้กับทีมงานที่เสียสละเวลามาเพื่อสร้างสรรค์บทความทุกบทที่มีคุณค่าในความรู้สึกและสร้างกำลังใจให้กับที่แห่งนี้นะคะ

 

พอจะทราบไหมครับว่า นิมิต ของท่าน kongsin น่าจะบอกอะไรเราบ้าง

 

ภาพนี้คงเป็นการรับรู้เฉพาะตัวของคุณ kongsin นะครับ
รอเจ้าตัวมาขยายความเรื่อง ดวงตาแห่งอียิปต์ ด้วยครับ

พูดถึงเรื่องนี้ก็มีข้อความหนึ่งของ ท่านเมตาตรอนพูดถึง พิระมิดไว้ด้วยครับ ว่าเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อหลายมิติ บนกลไกของรูปทรงเรขาคณิต ที่สามารถรับ-ส่งคลื่นพลังงานที่ต่อเนื่องกันได้ มีการจับคู่และวางตำแหน่งที่สัมพันธ์กันด้วยคลื่นฮาร์โมนิก ไปจนถึงเรื่องการก่อสร้างด้วยเทคนิคทางวิศวกรรมเสียงที่มีความแม่นยำสูง เพื่อสร้างโปรแกรมป้องกันแรงโน้มถ่วงจำลองขึ้นมาน่ะครับ

อันนี้พลาดไม่ได้ ต้องหาเวลาแปลซะหน่อยแล้วครับ

Archangel Metatron – The Pyramid of the Ascension Awakening of the 12th Wave | Atlara's Blog

 

อนุโมทนาครับ
เป็นเหมือนกันครับ เข้าใจเต็มที่
แถมได้สื่อกับรูปธรรมต่างมิติ ที่เป็นพญานาค พญาครุฑ และมนุษยต่างดาวๆ ด้วย ซึ่งที่จริงๆแล้วไม่อยากสื่อได้ เหมือนร่างทรง แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร วิศวกรหนุ่มที่ไม่เคยเชื่อ เลยต้องเชื่อว่ามีจริง ไม่เกิน 2 ปีจะดีขึ้นอย่างชัดเจนทั้งหน้าที่การงาน และทุกสิ่ง

 

ท่านคือ"ท่านศิวะกร" ป่าวครับ? คือ..ผมงงๆอ่ะครับ ท่านหมายถึงอะไร?

 

อ้าว...แหะๆ ว่าจะกลับมาอ่านทวนอีกรอบนอกจากรูปจะไม่ขึ้นแล้ว ข้อความยังโดนลบไปเสียอีก เสียดายนะเนี่ย....

(kiss)

 

ค่ะ...
เมื่อก่อนดูหนังดูละครบ่นเรื่อยทำไมตัวละครมันต้องมาวนเวียนพบเจอเชื่อมโยงกันทั้งเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ

มาตอนนี้รู้แล้วว่าเรื่องราวของชีวิตคนจริงๆนั้น มันยิ่งกว่าละครน้ำเน่าเสียอีก ตอนนี้ก็รับสภาพด้วยจิตแล้วว่าเพราะเหตุใดที่เป็นเช่นนั้น

หลายเดือนก่อนมีน้องคนนึงขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องของจิตวิญญาณที่ต้องต่อสู้มาหลายปี น้องบอกว่า"รบไม่ชนะเลยพี่จะหมดแรงอยู่แล้ว" เล่าไปร้องไห้ไปตลอด หลังจากที่ได้ใช้ความรู้เล็กน้อยที่มีอยู่คอยแนะนำน้องเขาตลอดมา จนตอนนี้น้องเขารับรู้ได้ด้วยตัวเองว่า เขาดีขึ้นมาก และน้องเขาก็เข้าใจชีวิตที่ต้องเป็นจริงๆมาขึ้น ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้น

ด้วยความบังเอิญ(ที่ไม่บังเอิญ)น้องก็ได้พูดถึงบุคคลที่เราเคยเผชิญวิบากกรรมอยู่ด้วยกันอย่างแสนสาหัส (เป็นเพื่อนรักของน้องคนนี้) หลายปีที่ผ่านมาเราได้แต่พยายามอโหสิกรรมต่อกันโดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าช่วงเวลาที่ไม่ได้พูดคุยกันนั้นเราทั้งสองคนต่างตั้งหน้าตั้งตาอโหสิกรรมเมตตาและอภัยให้กันอยู่เสมอ จวบจนครบรอบวาระเรามาพบเจอกันอีกครั้งด้วยกระจิตแห่งความเมตตาและอภัยกัน

เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เราได้ยิ้มให้กัน เขาตรงเข้ามาจับมือบีบแน่นแต่อบอุ่น เป็นความรู้สึกที่ดีอย่างบอกไม่ถูก

ได้พูดคุยนึกย้อน แอบตลกขบขันอยู่ในใจทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นแค่ประสบการณ์ทางวิญญาณแค่ความรู้สึก สุข กับทุกข์แค่นั้นเอง

ก็เลยมาเข้าใจว่า ทำไมครั้งนึงเคยมีเทพเบื้องบนท่านมาบอกว่า "ความเมตตาและอภัย พ่อก็มีเจ้าก็มี เจ้าต้องเก็บไว้กับตัวเจ้าตลอดไป"

ขอบคุณทุกท่านที่แบ่งปันเรื่องราวประสบการณ์ขอบคุณ คุณชยุตค่ะ