กสิณน้ำ แบ่งปัน/แนะนำ/เล่าสู่กันฟัง

ว่างๆลองไปที่วัดยานนาวา อาจารย์จรูญ วรรณกสินานนท์ แกใจดี

แต่ที่วัดยานนาวาจะฝึกกสิณสี ถ้าเป็นกสิณดิน น้ำ ลม ไฟ อาจารย์ก็สามารถแนะแนวทางได้

ลองดูนะ

 

ขอบคุณครับ

 

คุณสักอะไรมาที่หลังหรือป่าวครับ

 

คุยกับผมหรือป่าวครับ คุณแจ๊ค?
ป่าวฮะ ผมไม่ได้สักครับ

 

จะแนะนำร้านสักคิ้วถาวรหรือไงครับ ฮี่ๆๆๆๆ

 

อ้อครับผม

 

ป่าวครับถามดูเล่นฮี่ๆๆๆ

 

อนุโมทนาครับ เพิ่งเริ่มฝึกมโนด้วยการภาวนา นะมะพะธะ อยู่ครับ

 

การปฎิบัติ ต้องมีการกระทำอย่างต่อเนื่อง หากเพียงแค่เป็นการทดลอง ผลที่ได้นั้นเป็นสิ่งยาก

การปฎิบัติ ต้องวางใจให้เป็นกลาง ไม่มุ่งหวังในสิ่งใด ในการปฎิบัติ

การปฎิบัติ ต้องเห็นประโยชน์ ว่าเหตุที่ปฎิบัติ เพื่อสิ่งใด ไม่ใช่แค่ความงมงาย

การปฎิบัติ ต้องเห็นตั้งแต่ เริ่มต้น ท่ามกลาง บั่นปลาย ในการปฎิบัติทุกครั้ง

การปฎิบัติ เป็นไปเพื่อการหลุดพ้น ได้จริง

ฉนั้น การปฎิบัติ จึงจำเป็นที่ต้องแลกด้วยชีวิต เพราะต้องปฎิบัติทั้งชีวิต

 

ขอบคุณครับที่มาเตือนสติ "การปฏิบัติต้องวางใจเป็นการ ไม่หวังสิ่งใด"

 

ไม่ครับ มีผมอยู่ด้วยครับ 5555 แต่ผม อย่าว่าแต่กสิณ ครับ สมาธิยังไม่ได้เลยครับ(อุปจาระด้วยซ้ำครับ)

 

เค้าเรียกกสิณโทษหรือป่าวนะ

 

เราคือสองบุรุษผู้หลงเหลือครับ (k)(k)

 

​

พระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ของ พระราหุลเถระเจ้า องค์ต้นสืบพระกรรมฐานมัชฌิมา​

V
V
​

สืบทอดต่อมา โดย สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเถระเจ้า (สุก ไก่เถื่อน)​

พระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ<O></O>
ของสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร มหาเถรเจ้า (สุก ไก่เถื่อน)​

สอนครบ ทั้งสมถกรรมฐานให้ครบทั้ง 40 กอง ​

วิปัสสนากรรมฐาน คือ มหาสติปัฏฐานครบทั้ง 4 หมวด
และยอดวิชาแห่งการเจริญเมตตาธรรม คือ ออกบัวบานพรหมวิหาร ​

โดยมีวิธีการสอนที่เป็นขั้นตอน เป็นไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้นตอน
ตามสภาวะจิตจากหยาบไปละเอียดจนถึงที่สุดแห่งธรรม​

-----------------------------------------------------------​

ขั้นตอนการปฏิบัติพระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ​

<O></O>สมถะกรรมฐาน มัชฌิมาแบบ ลำดับ​

รูปกรรมฐาน ตอน ๑
<O></O>๑.ห้องพระปีติห้า
<O></O>๒.ห้องพระยุคลหก
<O></O>๓.ห้องพระสุขสมาธิ
<O></O>พระกรรมฐาน ๓ ห้องนี้เป็นพระกรรมฐาน สำหรับฝึกตั้งสมาธิ เป็นพระกรรมฐานต่อเนื่องของจิต
จากจิตหยาบ ไปหาจิตที่ละเอียด ถึงขั้นอุปจารสมาธิเต็มขั้น หรือ เรียกว่ารูปเทียมของปฐมฌาน สอบนิมิต เป็นอารมณ์​

<O></O><O>
รูปกรรมฐาน ตอน ๒
<O></O>๔.ห้อง อานาปานสติ ๙ จุด ทำให้จิตละเอียดขึ้น ถึงอัปปนาสมาธิ หรืออัปปนาฌาน<O></O>
๕.ห้อง กายคตาสติกรรมฐาน
<O></O>๖.ห้องกสิณ ๑๐ ประการ
<O></O>๗.ห้องอสุภ ๑๐ ประการ เพื่อละราคะ
<O></O>๘.ห้องปัญจมฌาน
<O></O>ห้องพระอานาปานกรรมฐาน ถึงห้องปัญจมฌาน เป็นรูปกรรมฐาน สอบนิมิต เป็นพระกรรมฐานต่อเนื่องใน<O>กายคตาสติกรรมฐาน และกายานุปัสสนาสติปัฎฐาน </O>
<O></O>พระโยคาวจร ผู้เจริญอานาปานสติ เจริญอาการ ๓๒ เจริญกสิณ ๑๐ ประการ เจริญอสุภะ ๑๐ ประการ <O></O>เจริญปัญจมฌาน
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า เป็นการเจริญกายคตาสติกรรมฐานทั้งสิ้น ย่อมได้รับอานิสงส์<O></O>มากมาย เปรียบเหมือน น้ำเต็มขอบสระ กาบินมาแต่ทิศใดย่อมดื่มกินน้ำได้ทุกทิศ​

<O></O><O>
อรูปกรรมฐาน (สอบสภาวธรรม)
<O></O>๙.ห้อง อนุสสติ เจ็ดประการ เป็นคุณธรรม ของพระโสดาบัน
<O></O>๑๐.ห้อง อัปปมัญญาพรหมวิหาร
<O></O>๑๑. ห้อง อาหาเรปฎิกูลสัญญา<O></O>
๑๒.ห้อง จตุธาตุววัฏฐาน
<O></O>๑๓.ห้อง อรูปฌาน
<O></O>ตั้งแต่ห้อง อนุสสติ ๗ ประการ ถึงห้องอรูปฌาน เป็นอรูปกรรมฐาน สอบอารมณ์ สอบสภาวธรรม <O></O>จิตได้สภาวธรรมเต็มที่
การเจริญวิปัสสนา ก็แจ่มแจ้งยิ่งขึ้น ​

เมื่อจะขึ้นวิปัสสนาฌาน ให้ทำฌานสมาบัติแปด
ถอยมาถึง ตติยฌาน แล้วเจริญ พระวิปัสสนา ​

</O></O>

(จบสมถะ)

<O></O>
วิปัสสนากรรมฐาน มัชฌิมาแบบ ลำดับ
<O></O>๑.เจริญวิสุทธิเจ็ดประการ เอาองค์ฌาน เป็นบาทฐาน<O></O>
๒.พระไตรลักษณะญาณ ๓<O></O>
๓.พระอนุวิปัสสนา ๓<O></O>
๔.พระวิโมกข์ ๓ ประการ<O></O>
๕.พระอนุวิปัสสนาวิโมกข์ ๓
๖.พระวิปัสสนาญาณ ๑๐<O></O>
๗.พระโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ เป็นบาทรองรับวิปัสสนา<O></O>
๘.สัญโญชน์ ๑๐ เพื่อให้รู้กิเลสที่จะละ<O></O>
๙.ออกบัวบานพรหมวิหาร เจริญเพื่อละพยาบาท เป็นหนทางสู่ มรรค ผล นิพพาน​

(จบ-สมถะ-วิปัสสนามัชฌิมา แบบลำดับ)

---------------------------------------------------------------------------------------------------​

ขอบพระคุณที่มา

เว็บสมเด็จสุก​

Somdechsuk.org | เวทาสากุ​

ยืมข้อมูลมาจาก...

http://palungjit.org/threads/อบรมกรรมฐานมัฌชิมา-เดือนกันยา-54-a.304720/​

​

 

ใช่ครับ กสิณโทษ พอดีผมเรียกไม่ถูก

 

อนุโมทนาสาธุกับทุกๆท่านที่ตอบกระทู้ครับ ^^ ขอบคุณครับ

 

เคยไปเจอมาว่าต้องเลือกกสิณที่จะฝึกให้ใกล้เคียงกับชาติที่แล้ว

ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง ผมควรจะฝึกกสิณอะไรดีครับ

หรือว่าอะไรก็ได้

 

หากว่าชาติก่อนเคยฝึกกสิณมาจริง ในชาตินี้จะมีเหตุให้สามารถรับรู้ได้

หรือหากไม่พบเหตุที่แจ้งถึงการเพ่งกสิณในชาติก่อน

คงต้องปฎิบัติจนถึงฌาณ 4 เพื่อการย้อนดูอดีตชาติ

ด้วยการตรึกดู ในขณะอยู่ที่ฌาณ 4 อารมณ์เดียว พอตรึกถึงอะไร

ก็จะเป็นไปเช่นนั้น ผู้ที่เคยได้จะเข้าใจได้ง่าย แต่หากยังไม่เคย

คงจะอธิบายให้เข้าใจได้ยาก ทางที่ดี ปฎิบัติในชาตินี้ ด้วยความตั้งใจจริง

เพื่อความหลุดพ้น ดีกว่า เรื่องชาติก่อน ไม่ต้องให้ความสนใจมาก

สนใจการปฎิบัติในชาตินี้ดีกว่าครับ เพราะชาติก่อน เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว

 

กระทู้นี้อ่านแล้วได้ความรู้เยอะดีน่ะค่ะ ไม่ใช่เฉพาะแค่กสินอย่างเดียว
ขอบคุณค่ะสำหรับความรู้ทางธรรมดีดีแบบนี้ ^/\^