สึกพระเกษมและคลิป

ผู้รอบรู้ทั้งหลายในกระทู้นี้ ช่วยตอบ ข้าพเจ้าด้วย(เฉพาะ goldtop ที่บอกว่าตัวเองบวชมาแล้วและเคร่งในพระธรรมวินัยอย่างมาก แต่ข้าพเจ้าข้องใจท่านนิดหนึ่ง เวลาตอบกระทู้ท่าน จะเอาความโมโห เดินขึ้นหน้า เหตุผล)ข้าพเจ้าจำได้ว่า ข้าพเจ้าตำหนิบุคคลที่มีความรู้อันน้อยนิดแล้วอ้างพระธรรมวินัย แต่ท่านgoldtopเป็นผู้เคร่งวินัย จะเดือดร้อนทำไม กับคำว่า แมลงป่องยกหาง..และคำว่า คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว คนชั่วช้าต่ำกว่าสัตว์เดรัจฉานคือ พวกที่อาศัยผ้าเหลือง หาทรัพย์และอำนาจใส่ตน ข้าพเจ้าก็ตำหนิผู้มีนิสัยเช่นนี้ แต่บุคคลที่ไม่ใช่ ทำไมต้องเดือดร้อนด้วย...จิงหรือไม่ ท่านข้นธ์ และ ท่าน Goldtop
ต่อไปนี้ ข้าพเจ้าจะถามผู้มีปัญญามาก(พวกแมลงป่องที่ มีฤิทธิ์น้อยนิด แล้วชูหาง ไม่สมควรตอบ) คือ
1. วัดอโศการาม มีพระเล่นการพนัน(หวย) มีหลายรูป มารวมตัวกัน เวลาหวยใกล้ออกพักอยู่กฎิ แบบบ้านเดี่ยวราคาหน้าจะประมาณ 1-2 ล้าน ปลูกในเขตวัด อยู่ตรงข้ามกันหอพระไตร
2.วัดดอกไม้ พระราม3 มีพระอยู่รับดูดวง ในกฎิมี ทีวี ตู้เย็น ติดแอร์ด้วย คือ อะไร
3.วัดสร้อยทอง ที่มีการทำสังฆทาน แบบเวียนเทียน คือ ให้ถวายเงิน แล้วใช้สังฆทาน อันเดิมได้ พระท่านบอกว่า สังฆทานมีเยอะมากแล้วใช้ไม่ทัน ถวายปัจจัยดีกว่า คือ อะไร
4 วัดธรรมกาย บริจาค 10000 มีเข็มติดยศให้ และ บรรลุโสดาบรรณด้วย คือ อะไร

ข้าพเจ้าสงสัยในพฤติกรรมแบบนี้ แต่ข้าพเจ้าเป็น คนทำธรรมดา และเห็นแบบนี้ ก็ข้องใจ เป็นธรรมดา

 

ไม่ใช่กิจการอันใดของฆราวาสที่จะไปยุ่งในกิจการของพระศาสนา ผิดถูกให้มหาเถรฯ ท่านวินิจฉัยเถิดด

 

ผมบวชแค่ 15 วัน คุณจะเอาอะไรกับผม คุณอยากรู้คุณก็ถามผู้รู้ ผมบอกคุณในขณะที่ผมบวชผมประพฤติตนอย่างไร อย่ามาลองภูมิอะไรกับผม ผมไม่ใช่อิดคิว บ้าหรือเปล่า บอกอีกด้วยผมจะให้เกียรติกับคนที่สมควรได้รับเกียรติ แต่ถ้าเป็นพวกเลวๆผมจะไม่ให้ ยิ่งกระทำการอันวิบัติต่อพระพุทธศาสนายิ่งไม่สมควรได้รับ ถ้าจะบ้า ถ้าอยากหาเรื่องกับผมเชิญ รูปแบบไหนดีล่ะ แล้วก็ไม่ต้องมายกตัวอย่างที่ไหน ตัวคุณเองคิดดีทำดีหรือยัง เป็นสิ่งที่น่าจะถามตัวเองก่อนที่ถามปัญหาใครต่อใคร หากคุณแตกฉานในพระธรรมจริงก็คงไม่ตกในสภาพเช่นนี้หรอก คืนนี้ลองเอามือก่ายหน้าผากแล้วคิด ถ้าเอามือก่ายหน้าผากแล้วยังคิดไม่ออก ก็ลองเปลื่ยนจากมือเป็น...ก่ายดูแล้วคิด อาจจะทำให้สมอง คิดอะไรได้ดีขึ้น อยากจะเทิดทูลอะไรก็เชิญในสิ่งที่อยากเถอะ สิ่งใดก็ตามที่ ไอ้ อีคนไหนมันหมิ่นเบื้องสูง และทำลายพระพุทธศาสนามันต้องเจอกับผมแน่ แล้วนี่ถ้า เกษมสามแยกไม่โพลส ตลิป จุดจบก็คงไม่เร็วเช่นนี้ มันเป็นผลของกรรม การกระทำที่เลว ก็ผมถามว่าใครล่ะที่ยกหาง เริ่มต้นกระทู้นี้ก็เห็นมีแต่คนเข้ามาแก้ตัวแทนเกษม สามแยก พูดเองไม่ใช่หรือว่าคนดีชอบแก้ไขคนจัญไรชอบแก้ตัว ถามอีกทีเป็นแบบไหน บอกอีกนิด มหาเถระ เขาตัดเกษมออกจากความเป็นพระแล้วนะ ติดตามข่าวกันหน่อย ต่อไปได้เจอคดีอาญาต่อ

 

มีเบาะแสแล้ว ก็ไปแอบถ่าย หรือแจ้งรายการเรืองจริงผ่านจอสิครับ
มารศาสนาจะได้ออกไปจากศาสนาซะที ปล่อยไว้ทำไม
เป็นผม ถ้ารู้ขนาดนี้ ผมหากล้องแอบถ่ายแล้วเข้าไปเนียนผสมโรงเพื่อเอาหลักฐานแล้ว

1.แจงรายการที่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้เลย
2.ตรงนี้ก็ต้องไปถามพระเอาเองว่าใครถวาย ถ้ามีโยมถวาย ทำให้ อันนี้เราก็ไม่มีสิทธ์อะไรไปว่า
3.หลาย ๆ วัดก็ทำกัน สังฆทานเวียนวน แล้วเคยคิดบ้างมั้ยว่า ไอ้ที่ซื้อถังเหลือง ๆ ไปถวายพระ มันใช่สังฆทานหรือเปล่า?
และของในสังฆทาน ก็เป็นของคุณภาพต่ำ เอามาจัดชุด ถ่วงด้วยน้ำโพลาลิส บางทีเอาของออกจากกล่อง แล้วก็แพคกล่องเปล่าให้มันดูเยอะ ๆ ด้วย ที่พระใช้ประโยชน์ได้จริง ๆ มีกี่อัน???? ลองไปซื้อสังฆทานแล้ว Unpack ดูเองนะครับ
4.วัดนี้จัดการยาก เส้นสายเยอะ เงินเยอะ เราต้องเป็นผู้ให้ข้อมูลว่าอะไรจริง ไม่จริง ถึงจะต่อกรได้ แจ้งไปยังไงก็เงียบ เชื่อผมเถอะ ตอนนี้ก็ทำหน้าที่แค่บอกว่ามันชั่วยังไง มันสอนผิดยังไง (เช่น บอกว่า อริยสัจ ๔ เป็นดวงกลม ๆ มันจะบ้าไปกันใหญ่ละ)

ก็ลองพิจารณาดูเอานะครับ

 

การบวชนานใช่ว่าจะทำให้มีสภาวะจิตที่สูงเพราะคน คนนั้น จิตคิดแต่ใฝ่ต่ำ คนธรรมดายังน่าเคารพมากกว่าพวกที่ห่มจีวร อ้างตัวเป็นอรหัน รู้เห็นวิญญาณ วิเศษเหนือคนอื่น หลอกได้ ก็พวกที่ไม่รู้จักคิดพิจรณา คิดว่าเอาพระไตปิฏกมายกมาอ้างมันก็ถูกต้องแล้ว แตกฉานในพระไตรปิฏกขนาดไหนหรือ จะอวดอ้างที ก็เห็นเปิดหนังสือพระไตรปิฏกกัน หลอกผมไม่ได้หรอก เพราะผมกินข้าว ไม่ได้กินหญ้า

 

โทษทีนะครับ ผมไม่ได้แก้ตัว เพราะผมไม่ได้มาทำผิดอะไรถึงจะต้องมาแก้ตัว
ผมพูดตามจริง!
แยกแยะออกหรือเปล่าครับ? คำว่าแก้ตัวใช้กับอะไร?
แล้วการแก้ไข ก็ต้องเป็นมติของสงฆ์ในการจัดการ
สงฆ์หันหน้าไปทางไหน ภิกษุก็หันหน้าไปตามนั้น
ไม่ใช่ทำตัวเป็นเกล็ดย้อน แล้วเที่ยวว่าภิกษุอื่น ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ทำไม่ได้
หรือเรียกว่า ขว้างงูไม่พ้นคอ
ไม่จับเงิน? แต่มีไวยาวัจจกรณ์ แล้วมันจะต่างอะไรกับการจับเงินโดยให้ผู้อื่นถือ?
หืม? มันต่างกันแค่ว่าไม่จับเอง แต่ใช้คนอื่นจับ
เอ้า แล้วลองคิดดูว่า ใครมันจะว่างมาดูแลรับใช้พระตลอด ๒๔ ชั่วโมง
มีฆราวาสที่ว่างมากขนาดนั้นอยู่มากแค่ไหน?
จะดูแลการเงินของพระได้ดีจริงหรือไม่?
เกิดชิ่งเอาเงินหนีไป พระเรียนทำไง? พระจะไปบรรยายธรรมทำไง?
แต่ยกเว้นพวกพระโลภมาก อันนี้ด่าได้ ด่าไปเถอะ
แต่อย่าไปด่าเหมารวมถึงพระเรียน หรือพระทำประโยชน์ ไม่เหมาะสมเลย
ที่ผมพูดนี่ ผมพูดออกมาตามจริงที่ปรากฏ และไม่ได้มาแก้ตัว
เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด
อะไรไม่ดี ก็ต้องว่ากันไปตามนั้น ยิ่งส่งผลต่อส่วนรวมด้วยแล้ว
ก็ต้องรีบจัดการให้เร็ว
อย่างน้อย แม้ทำอะไรได้ไม่มาก ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
ปล่อยปะ ละเลยทิ้งไป ทอดทิ้งธุระ แบบนั้นชื่อว่าชาวพุทธที่ดีไม่

 

แรก ๆ ผมก็เห็นด้วยกับคำสอนของพระเกษมหรอกนะครับ
แต่พอเจอศิษย์วัดนี้เที่ยวว่าพระไปทั่ว พระเรียน พระทำประโยชน์ ก็ไปว่าเขาเลวหมด
พวกมันมีสิทธิ์อะไร? พวกมันทำประโยชน์อะไรบ้าง? (ทำห่าอะไรบ้างแต่ละวัน)
ไหนจะเรื่องเหยียบย่ำพระพุทธรูป รวมไปถึงคำสอนแปลก ๆ
หลัง ๆ มาผม Anti สำนักนี้มาก ๆ เลย

 

ผมมาเกลียดพวกนี้มากๆตอน ทำลายพระพุทธรูป ใช้เท้าเหยียบพระพุทธรูป เท่ากับหมิ่นเบื้องสูง ผมสาบานกับตัวเองเลยว่าจะไม่ยอมพวกนี้เด็ดขาด ตายเป็นตาย

 

ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามวิถีแห่งปัจจัยนั้น
ท่านอาจิณภิกษุ ตามวิถีแห่งพระนักปฎิบัติวัดป่านะเขาไม่หลงจิตออกมาแสดงแบบนี้หรอกครับ ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นนะพระท่านนักปฎิบัติจะไม่มาหลงยุ่งตอบโต้ด้วยถ้อยความรุนแรงนะ ดูหลวงพ่อปราโมทย์เมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับท่านก็ไม่ไปยุ่งกับมันไม่เห็นท่านแสดงออกอะไรเลยนี้คือพระนักปฎิบัติที่แท้จริง
และที่ท่านพูดถึงการแสวงจิตนะ ไม่รู้นะท่านทำไมไม่รู้เท่าทันจิตมีสติตั้งแต่คิดจะทำอะไรจนถึงเรื่องบานปลายนะ กำลังของการปฎิบัติความดีของท่านก็มีเยอะนะแต่ทำไมจึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น..................
ท่านทั้งหลายที่ได้อ่านบทความนี้ก็ดีขอจงวางจิตที่เป็นกลางอ่านนะครับ

 

ผลิผลที่ต้นเหตุ
คือขอบเขตแห่งเหตุผล
แยกแยะอย่างแยบยล
ยิ่งชี้ชัด สัจธรรม

 

***พระที่นั่งฟอทูนเนอร์ พระที่นั่งรถหรูๆ กับพระที่เล่นคอมพิวเตอร์ นั้นแตกต่างกันอย่างไรหรือขอรับ...

 

หรือ ฉันเองที่ผิด..ที่คิด มี "กรรม".. กับเขา..!
หรือ เธอหูเบา..จึงทำ ..ให้ "กรรม" แตก..ร้าว' คิด แยกทาง..กันไป.ฮึอ..ฮือ''
อยากบอกให้เธอได้รู้..อีกครั้ง..อยากแกล้งให้เธอ ได้ "ธรรม".. อีกซักหน..
ชีวิต..ของ ผู้ มี "ธรรม" ไม่อับจน..ที่สับสน เพราะ "ใจ" เธอแปรเปลี่ยน.
ที่สับสบ เพราะ เธอ มา.."ประมาท".

สวัสดีครับ ! คุณผู้อ่าน ทุกรูป,ทุกนามครับ !
วันนี้ ทุกท่าน อารมณ์ ดี กันทุกคน มั้ยครับ,รู้สึกว่า ตำรวจ เขาจะจับโจรได้แล้ว มั๊ง ครับ
เอ้..แต่ยังมี อีก หลายรายที่ยัง ซ่อนตัวอยู่,หรือ อาจ กบดาร อยู่ใกล้ๆบ้านท่าน ก็ ได้นะครับ..อย่างไง ก็ฝากชาวพุทธแท้ ช่วยกันเป็น หู เป็น ตา ด้วยครับ.วัดวา อาราม ของเราจะได้เป็นที่พึ่ง ยึดเหนี่ยวจิตใจ ของเราชาวพุทธ กันต่อไปไงละครับ..โจร เดียวนี้ มีความสามารถในการ ปล้น สูงมากครับ..ยิ่งช่วงนี้หลายพื้นที่ น้ำท่วม ข้าว คงมี ราคาแพง'

โจรมี หลาย ประเภทครับ..!
1.ประเภทหน้าด้าน 2.ประเภทหน้าทน 3.ประเภทหน้ามึน
4.ประเภทหน้างง 5.ประเภทหน้าไม่อาย ฯลฯ

นี้เอา เฉพาะ รูป หน้า นะครับ ที่ว่ามีความ สามารถ สูง เพราะเขาอาศัย ธรรม ของพระพุทธองค์ เป็น เครื่องเลี้ยงชีพผิด
อาศัยความเจริญทางวัตถุมากกว่า' อาศัยวัตถุให้เกิด ความเจริญทางจิตใจ' อาศัยเกราะกำบัง คือ ผ้ากาสาวพัสตร์ ' อาศัย บาตร เพื่อ เป็นเครื่องมือในการปล้น ศรัทธา ญาติโยม'
อาศัย กุฎิ วิหาร เป็นที่ซ่อนตัวทำความชั่ว แทนการทำความเพียร,อาศัย ยารักษาโรค
จากญาติโยมเวลาป่วยไข้ ,แต่เวลาหาย กลับไม่คิดตอบแทน ฯลฯ

เป็นอย่างไร บ้างครับ อ่าน ดูแล้ว ต้องพิจารณา ให้ดีๆนะครับ
ดูยากครับ ดูยาก พระของแท้ๆ ราคาแพงมีคุณค่ามาก แต่ เก๊ เยอะ หมายถึง พระพิมพ์สมเด็จครับ ขนาด เซียนๆ ในเว็บบอร์ด ยังหลงประเด็นกันตั้งหลายคน

ผมเป็นแค่ เด็ก เหลือน้อย, ท่านผู้ มาก ทั้งหลายโปรดอย่าได้ ถือสา เลยนะครับ.

 

ผมเห็นด้วยกับบทความของท่านบางอย่างครับ เเต่บางอย่างผมไม่เห็นด้วย ที่ท่านว่า อยู่สบาย มีโยมมารับมาส่ง ประทานโทษนะครับ นั่นมันพระผู้ไหญ่ครับผม ส่วนพระผู้น้อยหรือสามเณร ไปไหนมาไหนลำบากครับ ไม่เชื่อลองไปถามดูเลยครับ ผมประสบมากับตัวเองเพราะผมก็บวชเรียนมา เดินทางไปเรียน ต้องใช้เงินค่ารถครับ ถ้าท่านจะเเย้งว่า เอ้ารถเมลฟรีก็มี นั่นล่ะครับตัวปัญหาเลย รถเมลกับพระ ไม่ถูกกันครับ เเล้วถ้าจะเเย้งว่า เเล้วเรือล่ะ เห็นประกาศไว้ว่าฟรีนี่ ใช่ครับฟรี มันเเออัด ผู้หญิงผู้ชาย ที่ลงเรือเดินผ่านพระเณรเเค่ไม่กี่เซ็น บางครั้ง ถูกต้องกันก็มี พอพระ สามเณรลงไป โยมเค้าขึ้นลำบาก โดนด่าครับ ผมนี่เเหละโดนด่ามาเต็มๆ (ตอนขึ้นเรือไปเรียนที่ มจร.ที่วัดศรีสุดา ) พระขึ้นมาทำ เหี้ ย อะไร คนยิ่งเเน่นๆอยู่ หลังจากเลิกเรียนก็ค่ำเเล้ว วันไหนมาไม่ทันเรือ ซึ่งปรกติก็ยิ่งเเน่นๆอยู่เเล้ว ก็ต้องขึ้นเรือข้ามฟากจากวังหลังมาท่าพระจันทร์ ช่วงค่ำๆก็ทราบกันอยู่เเล้วคนมันเยอะ ไม่มีเงิน ก็ต้องเดินเอาต้องผ่านปากครองตลาต สะพานพุทธเป็นประจำ คนมันเยอะเดินมาก็โดนด่าอีก ดึกๆดื่นๆอย่างนี้มาเดนเเบบนี้ ไปเที่ยวไหนมาหรือเปล่าหลวงพี่ จากเเม่ค้าเเถวๆนั้น อย่างนี้มันสะดวกสบายหรือครับ การรับเงินท่านจะกล่าวติเตียนเลยไม่ก็ไม่ใช่เสมอไปนะครับ ต้องดูว่า พระที่รับเอาไปใช้อะไรเป็นประโยชน์หรือเปล่า หรือเอาไปใช้ในทางที่ผิด ต้องดูที่จุดนี้ครับ ท่านอย่าเหมารวม ซึ่งมันเป็นการบ่อนทำลาย พระพุทธศาสนาที่ท่านว่ารักโดยทางอ้อม อีกอย่างท่านไปถวายสังฆทานที่ไหน ที่มีคนบอกว่า ต้องใส่ปัจจัยด้วย ที่ที่ผมเคยอยู่ไม่มีอย่างนี้ครับ ผมก็เป็นผู้เป็นคนมาได้ก็เพราะพระพุทธศาสนานี่เเหละครับ

 

อ่านแล้วเห็นใจมากเลย เห็นเป็นเช่นนั้นจริงๆ พระ เณร จะขึ้นรถ/เรือโดยสารประจำทาง เป็นอะไรที่ลำบากลำบน ทั้งเบียดเสียดยัดเยียด ส่วนที่นั่งที่กันเอาไว้สำหรับให้พระ เณร หรือแม้กระทั่งป้ายบอกขอความกรุณาเือื้ิอเฟื้อให้แก่ เด็ก สตรี และคนชรา นั้น ไม่เคยได้รับการใส่ใจ คนท้องแก่ใกล้คลอด แทบจะไม่มีใครลุกให้นั่ง นี่แหล่ะน้ำใจคนเมืองยุคปัจจุบัน หากเราถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ปัญหาในบ้านในเมือง หรือแม้กระทั่้งความขัดแย้งในเรื่องนี้ คงไม่บานปลายมาจนถึงทุกวันนี้
ความจริง เราทั้งหลาย ยังเป็นผู้ประมาทอยู่มาก พระพุทธองค์ทรงเตือนแล้ว การเกิดเป็นทุกข์อย่างยิ่ง เราไม่รู้ว่าเราจะต้องไปเกิดใหม่เป็นอะไรที่ไหน ภพภูมิไหน การตายนั้นทุกคนตายแน่ จะช้าหรือเร็วในรูปแบบไหน แต่หากไม่รีบเร่งปฏิบัิติให้หลุดพ้น ต้องกลับมาเวียนตายเวียนเกิดเช่นนี้ ไม่แน่ว่า เราอาจไม่โชคดีได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา และได้ปฏิบัติธรรมอีก
ขอท่านทั้งหลายจงรีบเร่งปฏิบัติให้ถึงทีุ่สุดแห่งทุกข์กันเถิด อย่ามัวเสียเวลากับการเพ่งโทษผู้อื่นเลย เสียประโยชน์ในการได้เกิดเป็นมนุษย์ในชาิตินี้เสียเปล่าๆ

 

คนไม่เคยบวช ไม่เคยใกล้ชิดกับชีวิตพระจริง ๆ จะไปเข้าใจพระได้ยังไง
เอาแต่พ่นความเห็นของตัวเองเอาตามใจ เชื่อนายเกษมมากเกินไป
โดยไม่ดูเหตุ-ปัจจัยในปัจจุบัน
พระ-เณร ส่วนใหญ่ ไม่ได้อยู่สบายอย่างที่ว่า ๆ มาหรอกนะ
ไม่ได้อยู่ห้องแอร์กันทุกคน ไม่ได้มีรถไปรับ-ส่งกันทุกคน
ไม่ได้สะดวกสบายอะไรมาก ยังต้องดิ้นรนเพื่อศึกษา เช่น ไปเรียน
หรือดื้นรนเพื่อพออยู่อาศัยในเมือง/ชุมชนได้
บางคนไม่เคยไปช่วยพระทำห่าอะไรเลย แต่กลับไปว่า ๆ ๆ อย่างเดียว
แบบนี้ก็ไม่ไหวนะ ศาสนาจะเสื่อมก็ไอ้พวกนี้ส่วนหนึ่งนี่แหล่ะ
อย่าดีแต่พูดอย่างเดียว ลองไปดูชีวิตพระ-เณร ที่เข้ามาศึกษาเล่าเรียน หรือเผยแพร่ธรรมมั่ง
เอาแต่เสพไอ้ที่นายเกษมมันพูดอยู่ฝ่ายเดียว แล้วก็เอนเอียงไปเข้าข้าง
แล้วหลักชาวพุทธ กาลามสูตร อยู่ที่ไหน?

 

อย่าไปสนใจในเรื่องที่เราไม่รู้ชัด ไปสอดรู้เป็น ปาปารัสซี่ ทำไม เราไม่รู้จริง แค่เขาเล่ามา และถึงแม้จะเป็นเรื่องจริงก็ไม่ได้อยู่ในประเด็นที่จะต้องพิจารณาตอนนี้ เป็นการออกนอกเรื่อง เรื่องที่จะต้องพิจารณาคือ การกระทำของพระเกษมเท่านั้น

เอาเรื่อง พระเกษม นี่แหละ หลักฐานทนโท่ ทั้งออก youtube พิมพ์เอกสารคำสอนบิดเบือน ออกเว็บไซต์
เมื่อ พระเกษมยกเท้า ด่าพ่อล่อแม่ ด่ามติสงฆ์ว่าชาติชั่ว แสดงอาการไม่เคารพมติส่วนใหญ่ ไม่เคารพพระวินัย อ้างว่าจะยกคณะสงฆ์ของตน กล่าวโทษพระรับเงิน บ้างจะทำอย่างไร กล่าววาจาไม่ลดราวาศอกด้วยโทสะ ทั้งๆที่ตนแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม

พฤติกรรมแบบนี้ หากปล่อยไปจะเป็นการสร้าง บรรทัดฐานใหม่ให้วงการสงฆ์ แล้วพระศาสนาจะคลอนแน่นอน
ควรให้สึกสถานเดียว อย่าเมตตา

 

นอกจากจะทำให้สงฆ์แตกแยกแล้วยังทำให้ผู้คนแตกแยกกันอีกหนออนิจจังถ้าเป็นเราบวชคงเข้าป่าไปแล้ว

 

ผมเห็นพระสงฆ์อารมณ์ดุร้ายที่เคยเอาไม้ไล่ตีรถนายกฯอภิสิทธิ์ ที่กระทรวงมหาดไทย ปี 52 ไม่เห็นคณะสงฆ์รีบจัดการอะไรเลย พระหน้าตาดุร้ายไปนั่งร่วมประท้วงกับม๊อบแดงดุ
เวลาพระสงฆ์รอขึ้นรถเมล์ผู้คนให้ท่านขึ้นก่อนหรือเปล่า ที่อนุเสาวรีย์ชัยฯ ผมเห็นประจำพระโดนคนแย่งขึ้นก่อนทุกครั้ง แต่เวลาพระ กรณีพระเกษมความผิดท่านก็มีแต่ไม่ถึงร้ายแรงต้องไปจับสึก ควรให้พระผู้ใหญ่เรียกตัวไปอบรมสั่งสอนสักระยะหนึ่ง ผมคาดว่าท่านอาจไม่ได้เรียนนักธรรมตรีโทเอก จะถูกหรือเปล่าไม่รู้นะ กรณีวัดอื่นโยมจะทำบุญ ถ้าเงินไม่มากพระแทบไม่แลเลย เคยเจอไหมใส่ซองถวายเงิน รีบแกะดูทันทีต่อหน้าเรา ว่าถวายกี่บาทกัน หลายวัดเอาสังฆทานที่เขาถวาย มาขายต่อร้านค้าละแวกนั้น บ้างก็ยืนรอรับอาหารที่โยมตักบาตรหน้าร้านค้า พอโยมไป ก็เอาของคืนแม่ค้าร้านที่ตนเองยืน พอโยมคนใหม่มาซื้อของก็เวียนวนอยู่อย่างนั้น พระท่านยืนรอเลย ไม่ยอมเดินบิณฑบาต

 

วันศุกร์ ที่ 7 ตุลาคม 2554
แจ้งข้อหา"พระเกษม"แต่งกายเลียนแบบสงฆ์ช้ำรอย"โพธิรักษ์"
Posted by สุวิริโย , ผู้อ่าน : 134 , 06:53:10 น.
หมวด : ศาสนา
พิมพ์หน้านี้ โหวต 0 คน

กฎมหาเถรสมาคม
ฉบับที่ ๒๑ (พ.ศ. ๒๕๓๘)
ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศ
๑. ประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์ เล่ม ๘๓ ตอนพิเศษ วันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๓๘
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ ตรี และมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ มหาเถรสมาคมตรากฎมหาเถรสมาคมไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กฎมหาเถรสมาคมนี้ เรียกว่า "กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๑ (พ.ศ. ๒๕๓๘) ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศ"
ข้อ ๒ กฎมหาเถรสมาคมนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์เป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในกรณีพระภิกษุรูปใด
(๑) ประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเรื่องเดียวกันหรือหลายเรื่องเป็นอาจิณ ให้เจ้า อาวาสวัดซึ่งพระภิกษุรูปนั้นสังกัดหรือพำนักอาศัยมีอำนาจหน้าที่ แนะนำ ชี้แจง ตักเตือน ให้พระภิกษุรูปนั้นประพฤติตามพระธรรมวินัยเป็นลายลักษณ์อักษร โดยกำหนดเวลาให้ปฏิบัติ หากพระภิกษุรูปนั้นไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ ชี้แจง ตักเตือน ภายในเวลาที่กำหนด ให้เจ้าอาวาสซึ่งพระภิกษุรูปนั้นสังกัดหรือพำนักอาศัย รานงานโดยลำดับ จนถึงเจ้าคณะอำเภอเจ้าสังกัด เพื่อวินิจฉัยให้สละสมณเพศต่อไป
(๒) ไม่สังกัดอยู่ในวัดใดวัดหนึ่ง หรือไม่มีวัดเป็นที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ให้พระภิกษุผู้ดำรงตำแหน่งปกครองวัดหรือพระภิกษุผู้ดำรงตำแหน่งปกครองคณะ สงฆ์ในเขตท้องที่ที่พบพระภิกษุรูปนั้น มีอำนาจหน้าที่วินิจฉัยให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศเสียได้
ข้อ ๔ ในกรณีที่มีการฟ้องร้องว่าพระภิกษุรูปใดกระทำความผิดอันเป็นครุกาบัติ เมื่อคณะผู้พิจารณาชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๒๑) ว่าด้วยการลงนิคหกรรมแล้ว มีคำสั่งประทับฟ้องเพื่อดินการพิจารณาวินิจฉัยต่อไปก็ดี คณะผู้พิจารณาชั้นต้นวินิจฉัยแล้วไม่ว่าจะลงนิคหกรรมหรือไม่ก็ตาม และเรื่องยังอยู่ภายในกำหนดเวลาอุทธรณ์ก็ดี หรือมีการอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาแล้วไม่ว่าคณะผู้พิจารณาชั้นอุทธรณ์แล้วแต่ กรณี รายงานข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และพระธรรมวินัยที่เกี่ยวข้องต่อมหาเถรสมาคม
ในกรณีที่การพิจารณาวินิจฉัยการลงนิคหกรรมอยู่ในชั้นฎีกา กรรมการมหาเถรสมาคมรูปใดรูปหนึ่งอาจรายงานต่อมหาเถรสมาคมเพื่อให้ดำเนินการ ตามข้อนี้ นอกเหนือจากการพิจารณาวินิจฉัยการลงนิคหกรรมก็ได้
ในกรณีที่มหาเถรสมาคมพิจารณาจากรายงานดังกล่าวและพยานหลักฐานอื่นประกอบกัน แล้ว เห็นว่าพระภิกษุผู้เป็นจำเลยประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเรื่องเดียวกัน หรือหลายเรื่องอันเป็นโลกวัชชะเป็นอาจิณ ทั้งความประพฤตินั้นเมื่อพิจารณาจากพฤติการณ์ที่ล่วงมาแล้ว หากให้ดำรงเพศบรรพชิตต่อไปจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่พระศาสนาและการปกครอง คณะสงฆ์ มหาเถรสมาคมมีอำนาจวินิจฉัยให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศได้ ทั้งนี้ไม่กระทบต่อการพิจารณาวินิจฉัยการลงนิคหกรรมที่กำลังดำเนินการอยู่ ไม่ว่าในชั้นใด ๆ
ข้อ ๕ คำวินิจฉัยให้พระภิกษุสละสมณเพศตามข้อ ๓ หรือข้อ ๔ ให้เป็นอันถึงที่สุด
ข้อ ๖ เมื่อคำวินิจฉัยให้พระภิกษุรูปใดสละสมณเพศตามข้อ ๓ หรือ ๔ แล้ว ให้เจ้าอาวาสซึ่งพระภิกษุรูปนั้นสังกัดหรือพำนักอาศัย หรือพระภิกษุผู้ดำรงตำแหน่งปกครองวัด หรือพระภิกษุผู้ดำรงตำแหน่งปกครองคณะสงฆ์ในเขตท้องที่ที่พบพระภิกษุรูปนั้น แล้วแต่กรณี แจ้งผลคำวินิจฉัยให้พระภิกษุรูปนั้นทราบ และจัดการให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศ
ในกรณีที่ไม่อาจพบพระภิกษุรูปนั้น หรือพระภิกษุรูปนั้นไม่ยอมรับทราบคำวินิจฉัยเมื่อปิดประกาศคำวินิจฉัยไว้ ณ ที่พำนักอาศัยของพระภิกษุรูปนั้น ถือว่าพระภิกษุรูปนั้นทราบคำวินิจฉัยดังกล่าวแล้ว
ข้อ ๗ พระภิกษุผู้ต้องคำวินิจฉัยให้สละสมณเพศต้องสึกภายในสามวัน นับแต่วันทราบหรือถือว่าทราบคำวินิจฉัยนั้น
ในกรณีที่พระภิกษุรูปนั้นไม่สึกภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้พระภิกษุผู้มีหน้าที่จัดการให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณะเพศอารักขาต่อเจ้า หน้าที่ฝ่ายราชอาณาจักร เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำวินิจฉัย
ข้อ ๘ ให้คณะผู้พิจารณาชั้นต้นหรือชั้นอุทธรณ์แล้วแต่กรณี ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณา วินิจฉัยการลงนิคหกรรมตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๒๑) ว่าด้วยการลงนิคหกรรมและการพิจารณานั้นยังไม่ถึงที่สุด ปฏิบัติตามกฎมหาเถรสมาคมนี้ และกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๒๑) ต่อไป
ตราไว้ ณ วันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๓๘
(สมเด็จพระญาณสังวร)
สมเด็จพระสังฆราช สกลสังฆปริณายก
ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม
<hr>จุดที่น่าสังเกตุจุดแรกต่อ "กฎมหาเถรสมาคม" ฉบับนี้ที่มีผลบังคับให้หลวงพ่อเกษมสละสมณเพศคือ ข้อที่ ๓ วงเล็บ ๑

"ให้ เจ้าอาวาสวัดซึ่งพระภิกษุรูปนั้นสังกัดหรือพำนักอาศัยมีอำนาจหน้าที่ แนะนำ ชี้แจง ตักเตือน ให้พระภิกษุรูปนั้นประพฤติตามพระธรรมวินัยเป็นลายลักษณ์อักษร"

ได้ มีการตักเตือนให้หยุดพฤติกรรมนั้นเป็นลายลักษณ์อักษรแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่ได้ตักเตือนให้หยุดพฤติกรรมนั้นเป็นลายลักษณ์อักษรถือว่าคำสั่ง นั้นไม่ชอบ...เป็นการข้ามขั้นตอน
ข้อ ๕ คำวินิจฉัยให้พระภิกษุสละสมณเพศตามข้อ ๓ หรือข้อ ๔ ให้เป็นอันถึงที่สุด
ให้เป็นอันถึงที่สุด...ในที่นี้หมายถึงต้องเป็นไปตามลำดับขั้นตอนจึงจะนับว่า"ให้เป็นอันถึงที่สุด"
หาก เจ้าคณะอำเภอได้แจ้งทำเลิกพฤติกรรมนั้นเป็นลายลักษณ์อักษรต่อพระเกษมแล้ว ยังไม่หยุดพฤติกรรมนั้น คำสั่งให้สละสมณะเพศที่ตามมาภายหลังจึงจะชอบด้วย พรบ คณะสงฆ์
<hr>สิ่งที่ทางคณะสงฆ์จะดำเนินการต่อคือ แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ข้อหาแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ เพื่อดำเนินคดีในทางกฏหมาย เมื่อหลวงพ่อเกษมถูกจับกุมแล้วมีการต่อสู้คดี ถ้าชนะก็กลับมาห่มจีวรเหมือนเดิม หากแพ้ก็เป็นแบบเดียวกันกับท่านโพธิรักษ์สันติอโศก
ย้อนความหลังคดีนายรักษ์ รักพงษ์
ที่ ประชุมมหาเถรสมาคม มีมติเอกฉันท์ ขอให้สมเด็จพระสังฆราช ในฐานะประธานกรรมการมหาเถรสมาคม ทรงลงพระนามในพระบัญชาให้สึก \"โพธิรักษ์\" จากสมณเพศภายใน 7 วัน นับแต่ 10 มิถุนายน 2532
แต่ ครบกำหนด "โพธิรักษ์" ก็ยังไม่เปล่งวาจาสึก ตำรวจนำกำลังไปควบคุมตัวไปที่ สน.ดุสิต ก็ไม่เปล่งวาจาสึก จึงทำได้แค่ให้เปลี่ยนชุด เป็นสีขาว และโดนฟ้องอีก 78 คดี โพะรักษ์และสาวกถูกฟ้องแต่งกายเลียนแบบพระ
ศาล แขวงพระนครเหนือ มีคำพิพากษาเมื่อ 29 ธ.ค.2538 หลังสืบพยานนานถึง 6 ปีเต็ม ให้จำเลยทั้งหมดมีความผิดตามโจทก์ฟ้อง จำคุกโพธิรักษ์ รวม 66 เดือนโทษจำรอลงอาญา 2 ปี คนอื่นๆ ก็เช่นกัน 3 เดือนรอลงอาญา ทั้งหมดยืนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษา เมื่อ 19 มี.ค.2540 ยืนตามชั้นต้น
โพธิ รักษ์ ไม่ยื่นฎีกา ส่วนคนอื่นๆ ยื่นฎีกา ศาลฎีกาพิพากษา 15 มิ.ย.2541 และกว่าจะส่งไปศาลขั้นต้นล่วงมา 16 ก.ย.2541 ให้ยืนตามศาลอุทธรณ์ รวมเกือบ 9 ปีที่ต่อสู้ในชั้นศาล
ที่มาของ "ย้อนความหลังคดีนายรักษ์ รักพงษ์" จาก http://www.phrathai.net/node/1235
กฏมหาเถระสมาคมในเรื่องคำสั้งให้สละสมณะเพศนี้ ไม่มีผลให้ภิกษุขาดจากความเป็นภิกษุแต่อย่างใด แต่เป็นการบังคับให้ลาสึกขาเพื่อให้ออกจากคณะสงฆ์ ภิกษุจะขาดจากความเป็นภิกษุก็ต่อเมื่อต้องอาบัติปาราชิกเท่านั้น
กรณี หลวงพ่อเกษมนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจยิ่งเพราะยังไม่เคยมีภิกษุรูปใดในประเทศ ไทยที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีแต่งกายเลียนแบบสงฆ์แล้วสามารถรักษาสมณะเพศเป็น ภิกษุต่อไปได้


ที่มา

 

แน่ใจหรอครับว่าไม่ร้ายแรง บุกรุกพื้นที่ป่าโดยไม่มีเอกสารถูกต้อง
จัดเข้าข่ายอทินนาทาน คล่ายเครื่องพระเจ้าพิมพิสาร และภิกษุที่เอาไม้ไปใช้

อีกอย่าง ถ้าเจอเบาะแสการเวียนของกับร้านค้า แจ้งรายการที่เข้าไปตรวจสอบได้ทันทีเลยครับ เช่น เรื่องจริงผ่านจอ อย่าปล่อยไว้ครับ
เป็นผม ผมไม่ปล่อยหรอก ต้องแจ้ง!