ความเชื่อ ความจริง มีหลักฐานอ้างอิง

• ผู้หวังดี: เพราะว่าความ เชื่อ เราจึงได้ไปสวรรค์ และเพราะความไม่เชื่อเลย เลือกไปนรก ง่ายๆ คิดทำไมให้อยากหว่าเน่ พระเจ้ามีอยู่ถ้าเชื่อ ทำเป็นไหมหว่าเน่
  
  
  A:ที่เรารอดนั้น..ก็รอดโดยพระคุณ...เพราะ ความเชื่อ!!!!
• B:เห่อะๆ ก็ช่ายไง ต้องเชื่อสุดจิตสุดกำลังเรา พระเจ้าของเราสุดยอดเสมอ (
• ผู้หวังดี: วันนี้สอบพุทธ ลักษณะเด่นคือ ศาสนาพุทธคือคนไม่ใช่ทูต เทวดา. พุทธไม่เชื่อว่ามีคนสร้างสิ่งมหัศจรรย์ พุทธใครๆก็อเป็นนิรพานได้ พุทธไม่งมงาย เหมือนจะเป็นพื้นฐานแห่งความจริงมาก ใช่ไหมๆๆๆๆๆ
• 
  B:เห่อะๆ ดูเอาเองๆ
• 
  A: ตาม...นั้น...T^T<abbr title="9 ตุลาคม 2010 เวลา 12:41 น." class="timestamp"></abbr>
• ผู้หวังดี: ใช่ก้อช่วยไปบอกคนที่งมงายหน่อยสิ๊ๆๆๆ. ทำเป็นไหมพุทธมามะกะ ประกาศอะประกาศ ๆๆๆๆๆ
• 
  A: ‎55555555 แร๊งงงง
• 
  B: เห่อะๆๆๆ ใจเยนท่านน
• 
  ผู้หวังดี : ฟื้นฟูจิตวิญญาณ อะ ไม่ใช่ ฟื้นฟูวัด จิตวิญญาณไม่ได้อยู่บนกระเบื้องหลังคาวัด. งมงายป่าว ประกาศดิประกาศ
• 
  B: Yeah !! ถูกเลยๆ
• 
  A: John 3:17 เพราะว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงใช้พระบุตรของพระองค์เข้ามาในโลกเพื่อจะพิพากษาโลก แต่เพื่อช่วยโลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น (พระเยซูคริสต์ )
• 
  A: แรงกว่านั้น John 3 :36
• 
  B: ‎1:26 พี่น้องทั้งหลาย จงพิจารณาดูว่า พวกท่านที่พระเจ้าได้ทรงเรียกมานั้นเป็นคนพวกไหน มีน้อยคนที่โลกนิยมว่ามีปัญญา มีน้อยคนที่มีอำนาจ มีน้อยคนที่มีตระกูลสูง
  1:27 แต่พระเจ้าได้ทรงเลือกสิ่งที่โลกถือว่าโง่เขลา เพื่อจะทำให้คนมีปัญญาอับอาย และพระเจ...้าได้ทรงเลือกสิ่งที่โลกถือว่าอ่อนแอ เพื่อทำให้คนที่แข็งแรงอับอาย
  1:28 พระเจ้าได้ทรงเลือกสิ่งที่โลกถือว่าต่ำต้อย และสิ่งที่ถูกดูหมิ่น ทั้งทรงเลือกสิ่งเหล่านั้นซึ่งยังมิได้เกิดเป็นตัวจริงด้วย เพื่อจะได้ทำลายสิ่งซึ่งเป็นตัวจริงอยู่แล้ว
  1:29 เพื่อมิให้เนื้อหนังใดๆอวดต่อพระพักตร์พระองค์ได้
  1:30 โดยพระองค์ท่านจึงอยู่ในพระเยซูคริสต์ เพราะพระเจ้าทรงตั้งพระองค์ให้เป็นปัญญา ความชอบธรรม การแยกตั้งไว้ และการไถ่โทษ สำหรับเราทั้งหลาย
  1:31 เพื่อให้เป็นไปตามที่เขียนว่า `ให้ผู้โอ้อวด อวดองค์พระผู้เป็นเจ้า'
  
  1 โครินธ์ 1:26-31

 

ถ้าพระเจ้าองค์ใดสร้างโลกสร้างสรรพสิ่ง ก็คงจะสร้างให้ทุกสิ่งสมบูรณ์สวยงามร้ำรวยด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ดังนั้นแล้วการทำดีทำชั่วคงจะไม่จำเป็น เพราะ การทำนั้นไม่ให้ผล แล้วโลกนี้จักรวาลนี้จะยุติธรรมที่ไหน?

การพัฒนาจิตให้สูงขึ้นปราศจากเครื่องเศร้าหมองนั้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย เป็นไปตามลำดับ เป็นไปด้วยความเพียรพยายามของความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่การเสกการดลบันดาล

ถ้าการดลบันดาลแล้วให้ผล และแค่ศรัทธาแล้วได้ผลโดยพลัน มนุษย์และสัตว์ทั้งสามโลกคงทำตามใจ คือ ไหลลงที่ต่ำ แต่ให้ผู้วิเศษมาเสกให้ใจขึ้นสูง มันเป็นไปไม่ได้สำหรับคนที่มีปัญญาพอควรเขาย่อมพอรู้เห็นสิ่งต่าง ๆ ทั้งรูปและนามในจักวาลนี้ไม่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง

ใครก็ตาม เจ้าลัทธิ หรือ ศาสดาใด ที่ยังไม่หมดกิเลสแล้วแจกแจงธรรมสั่งสอน ย่อมคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง

 

หลวงตามหาบัว เทศน์บ่อยๆว่า

" มหาวิมุตติ มหานิพพาน หรือธรรมธาตุนะ ...เป็นธรรมแท้ ธรรมธาตุ เป็นหนึ่งเดียวกัน.... พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ยังไง ก็มันเป็นแล้วนั่นน่ะ มันมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน..."


พุทธทาสภิกขุ จากหนังสือ ไกวัลยธรรม

สิ่งที่เรียกว่า "ไกวัลย์" ไม่มีจุดเริ่มต้น และไม่มีความสิ้นสุด จึงอยู่ในฐานะที่เป็น สิ่งมีอยู่ก่อนสิ่งทั้งปวง และอยู่ภายหลังสิ่งทั้งปวง หมายความว่า สิ่งทั้งปวง มีความหมุนเวียน เปลี่ยนแปลง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป ท่ามกลาง อาณาจักรแห่งความไม่เปลี่ยนแปลงของ "ไกวัลย์" นั้น. .........

ในความหมายที่กล่าวถึง "พระเจ้า" ในฐานะเป็นผู้สร้างสิ่งทั้งปวง ก็ควรหมายถึง "ไกวัลย์" เพราะว่า เป็นสิ่งที่มีอยู่ก่อนสิ่งทั้งปวง และสิ่งทั้งปวงก็ออกมาจาก "ไกวัลย์" อาศัยไกวัลย์ตั้งอยู่ ในลักษณะอย่างนี้ ย่อมกล่าวได้ว่า ไกวัลย์ เป็นมารดา ของสิ่งทั้งปวง สิ่งทั้งหลายทั้งปวง เป็นลูก ที่คลอดออกมาจากไกวัลย์ เปรียบด้วย ฟองน้ำ อันเกิดจากน้ำ ฉันใด ก็ฉันนั้น. (๑๑) .........

ครั้นมาถึง สมัยศาสนาคริสเตียน เกิดหลังพระพุทธศาสนา ประมาณ ๕๐๐ ปี ก็มีการรับรองว่า God หรือพระเจ้า เป็นสิ่งที่ "มีอยู่ก่อนสิ่งทั้งปวง" คือ มีอยู่ตลอดอนันตกาล สิ่งทั้งปวงนั้น ถูกสร้างขึ้น ด้วยน้ำมือของพระเจ้าทั้งสิ้น อันมีลักษณะ ที่ตรงกันกับ สิ่งที่เรียกว่า "ไกวัลยธรรม". (๒๙)

บางสิ่งซึ่งตะบะบารมีเราอ่อน ยังไม่แกร่งกล้าในญาณสมาบัติ

ยังมิหาญกล้ากล่าวล่วงเกิน ศาสดาองค์ใดในโลก

เพราะนั้นไม่ได้เป็นประโยชน์กับอัฏฐังคิกมรรคแห่งพุทธองค์

หากเห็นว่าอริยมรรค8 ของพระพุทธองค์ประเสริฐแล้วดีแล้ว

ใยจึงเสียเวลากับเรื่องเล่านี้.

 

ผมมีข้อสังเกตุนิดหนึ่งครับ
คือข้อความที่คุณเขึยนมานั้น ผมคิดว่ามันไม่เป็นตรรกะ ไม่มีเหตุและผลซึ่งกันและกัน ผมอ่านแล้วยังไม่เข้าใจ

 

ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ศาสดาทุกองค์ในโลก ล้วนมาเพื่อช่วยปลดเปลี้องเราให้เห็น
ถึงสิ่งที่มีมาก่อนพวกท่านศาสดาเกิด และศาสดาทุกองค์ชี้ให้เราเห็นถึงสิ่งนั้น
สิ่งเราเรียกว่า.....พระเจ้า อัลลอฮฺ เต๋า พระธรรม พระเยโฮวา พระบิดา

ศาสดาทุกองค์สอนให้เราทิ้งทุกสิ่งบนโลกแล้วตามพระองค์ไป..สู่ดินแดนอันเป็นนิรันดร
พระศาสดาชี้ให้เราทิ้งเนื้อหนัง ทรัพสมิงคารทั้งปวงในโลก เพื่อเข้าสู่ ดินแดนสวรรค์..

พระธรรม พระเจ้า อัลลอฮฺ เต๋า คือสิ่งเดียวกัน
คนพุทธคริตสอิสลามเต๋าฮินดูยิว
ก็คือพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน
เกิดจากดินก้อนเดียวกัน
และกลับไปสู่บ้านเดียวกัน อันเป็นนิพพานหรือนิรันดร์..

 

ตรรกกะ ของความเชื่อ

ตรรกกะ หรือเหตุผลของความเชื่อ

ที่บอกว่าความเชื่อทำให้เรารอด นึกภาพง่ายๆว่าถ้าเราเป็นผู้ผลิดจานกระเบื้องที่ดีที่สุด เราย่อมต้องการที่อยากจะได้จานที่มีคุณภาพมากที่สุดถ้ามีใบใดออกมาบิดๆเบี้ยวๆ หรือมีตำหนิ เราก็ไม่อย่ากจะเอามาใช้ เราก็ต้องเลือกใบที่คุณภาพที่ดีได้มารตฐาน ส่วนที่ไม่ได้มาตรฐานต้องต้องโยนทิ้งถึงแม้จะเสียดายก็ตาม
เช่นเดียวกัน พระเจ้าเป็นผู้สร้างเราขึ้นมาและถ้าเราไม่เชื่อฟังและไม่ถวายเกียรติพระองค์ พระองค์องค์ก็ย่อมต้องตัดสินให้ถูกทำลายหรือลงนรกถึงแม้ว่าพระองค์จะรักเราก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่ยุติธรรมอยู่แล้ว ดังนั้นก็ไม่แปลกที่พระเจ้าจะทรงประทานความรอดให้กับผู้ที่เชื่อฟัง "เรารู้จักต้นไม้ได้จากผลของมัน
ฉ<WBR>ันใด เราก็สามารถรู้ได้ว่าชีวิตของมน<WBR>ุษย์คนหนึ่งเป็นผลผลิตของใครฉันนั้น" ปฐมกาล 1:27 ดังนั้นพระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ตามแบบพระฉายาของพระองค์ พระองค์ได้ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามแบบพระฉายาของพระเจ้า พระองค์ได้ทรงสร้างพวกเขาให้เป็นชายและหญิง

 

ครั้นมาถึง สมัยศาสนาคริสเตียน เกิดหลังพระพุทธศาสนา ประมาณ ๕๐๐ ปี ก็มีการรับรองว่า God หรือพระเจ้า เป็นสิ่งที่ "มีอยู่ก่อนสิ่งทั้งปวง"

อันที่จริงแล้ว เราเชื่อพระเจ้าตั้งแต่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาแต่แรก คริสต์และอิสลามมีต้นกำเนิดจาก ศาสนายูดายห์ เชื่อเรื่องพระเจ้าองค์เดียว มาเปลี่ยนเป็นคริสต์ตอนที่พระเยซูคริสต์มาประกาศข่าวประเสริฐและมาตายไถ่บาปแทนเรา
ดังนั้นความเชื่อเรื่องพระเจ้าจึงดำรงอยู่ก่อนทุกศาสนา ฟันธง

 

ปรัชญาเทวนิยมมีมาก่อนจริงๆครับ ยุคแรกๆมนุษย์เชื่อว่าพระอาทิตย์เป็นผู้สร้าง และพัฒนาแนวคิดไปเรื่อยๆ แนวคิดแบบอเทวนิยมเกิดขึ้นทีหลัง เมื่อมนุษย์อาศัยความเป็นเหตุเป็นผล แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธผู้สร้าง เพียงแต่ไม่ได้กล่าวถึงในรูปแบบเป็นบุคคล แต่เป็นสภาวะของเหตุปัจจัย และหลักแห่งการอิงอาศัยของสรรพสิ่ง สิ่งที่ดูจะควบคุมสรรพสิ่งได้ ก็คือสิ่งที่เราเรียกว่า"กฎ" ความแสดงสภาวะของสิ่งนั้นๆ ที่เรียกว่า "ธาตุ" หรือความทรงสภาพของสิ่งนั้นเองที่เราเรียกว่า"ธรรม"...

เราไม่อาจสรุปได้ว่า ความส่องสว่างทางจิตวิญญาณของมนุษย์นั้นเริ่มมาจากด้านใด เราเพียงอ้างอิงตามหลักฐานที่รวบรวมได้เท่านั้น ในส่วนที่เป็นข้อมูลสาบสูญ เราก็ไม่สามารถเอามาอ้างอิงเป็นหลักฐาน โดยแท้จริงนั้นความเป็นมาของเผ่าพันธุ์มนุษย์เอง ก็ยังสรุปอย่างแน่ชัดไม่ได้ เราเพียงสันนิษฐานว่าเราพัฒนามาจากพวกลิง และพบหลักฐานโครงกระดูกลิงที่คล้ายมนุษย์อยู่มาก แต่ทฤษฎีนี้ยังมีช่องโหว่ รอคนรุ่นใหม่มาทำลายก็เท่านั้น ฉะนั้นเราจงเปิดกว้างทางทัศนะมากกว่าการปิดกั้นการรับรู้ของตนเองนะครับ

 

บางทีการเชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า ก็คือการเคารพมโนธรรมในใจตนก็เป็นได้
"อาณาจักรพระเจ้าอยู่ในตัวท่าน"... "จงเข้าทางประตูแคบ"... "ความยากจนฝ่ายจิตวิญญาณ"...

พระเจ้าไม่ทรงสร้างโดยไม่เท่าเทียม หากแต่เพราะเหตุปัจจัยรังสรรค์
ถ้าพระองค์คือความรัก ผู้ที่ไม่มีความเมตตานั่นแหละ ผู้ที่ถูกทำลาย
มิใช่ผู้ที่ไม่เชื่อ หรือไม่รู้จักพระเจ้าในแบบบุคคล เพราะเหตุไร...
ต่างคนก็เกิดต่างที่ ทั้งที่ไม่รับรู้โลกภายนอก ทั้งรวย ทั้งจน ทั้งดี ทั้งพิการ
ถ้าความเชื่อไม่เชื่อในพระเจ้าที่เป็นบุคคล มันไม่ยุติธรรมด้วยประการทั้งปวง
คนนึงเกิดในครอบครัวร่ำรวยและเชื่อในพระเจ้าที่เป็นบุคคล กับ...
อีกคนที่เกิดในครอบครัวแร้นแค้น ไม่รู้จักพระเจ้าที่เป็นบุคคล เขาจะถูกทำลาย
โอ้ นี่หรือความเที่ยงธรรม... ไม่เลย ความดีงามจะคงอยู่ พระเจ้าไม่ทรงสุ่มสร้าง มันมีความเป็นเหตุและปัจจัยเชื่อมโยงกัน