เดจาวู ฝันบอกเหตุ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สิกขิม, 22 มกราคม 2007.

  1. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    เดจาวู เป็นภาษาฝรั่งเศส (déjà vu) แปลว่า เคยได้พบเห็นมาแล้ว

    เดจาวู ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นปรากฏการณ์ที่มนุษยชาติพบพาน ทุกเพศวัย ทุกชนชาติแห่งหน คำอธิบายที่มักอ้างให้ตัวเองคือ "คิดไปเองน่า"

    คิดไปเองจริงหรือ ?

    เคยบ้างไหมที่อยู่ๆ ก็มีความรู้สึกแวบเข้าขึ้นมาว่า เหมือนเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว แต่จำไม่ได้ว่าในฝันหรือในอดีต

    มาฟังคำอธิบาย หรือประสบการณ์ของคนที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ เช่น ไปเที่ยวต่างจังหวัดที่ไม่เคยไปมาก่อน เดินไปยืนที่ระเบียง แล้วรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าระเบียงนี้ มุมนี้ ตนเองได้ยืนแบบนี้..

    หรือมีคนเล่าว่า เขานั่งรถทัวร์กลับต่างจังหวัดตอนดึก ระหว่างทางเห็นอุบัติเหตุข้างทาง แล้วก็ผ่านไป สักพักก็เห็นอีก เห็นอยู่เรื่อย ที่สำคัญเป็นคันเดิม คนเดิม บางทีกำลังหันมามองเขาด้วย โดนที่ไม่ใช่ฝันแน่นอน พอรู้สึกตัวอีกที รถจอด ปรากฏว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเหมือนดังนั้นไม่ผิดเพี้ยน

    เดจาวู คืออย่างเดียวกับฝันบอกเหตุหรือไม่ ?


    บ้างก็บอกว่า เดจาวู ต่างจากฝันบอกเหตุ

    แต่บ้างก็ว่า ฝันบอกเหตุเป็นเดจาวูชนิดหนึ่ง

    ที่แน่นอนคือ ฝันบอกเหตุ เกิดตอนฝันเท่านั้น เป็นฝันพยากรณ์ แต่เดจาวู เกิดตอนตื่นก็ได้ และส่วนใหญ่มักจะหมายถึงตอนตื่น และถ้าเกิดตอนฝัน มักจะไม่เรียก เดจาวู

    เดจาวู เป็นประสบการณ์ทางจิต ที่เกิดได้กับทุกคน และทุกเวลา อาจเป็นอดีตชาติ อาจเป็นโลกคู่ขนาน อาจเป็นพลังจิต หรืออาจเป็นแค่ภาพลวงตาทางสมอง

    ทฤษฎีแรก อดีตชาติ

    สิ่งใดก็ตามที่เคยเกิดไปแล้วในอดีต จะย้อนกลับมาเกิดซํ้าอีก เหมือนกับการที่เรากลับชาติมาหลายชาติ นั่นแหละ เราจะผ่านประสบการณ์มากมาย และบางสิ่งอาจหลงเหลือในความทรงจำ แล้วย้อนกลับมาเกิดอีก ทำให้รู้สึกว่าเคยเห็นมาก่อน

    เดจาวู เป็นประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ

    ศัพท์ทางวิทยาศาสตร์ เรียกว่า เดจาวู มันเกิดจากการที่ขณะหลับ จะมีการหลับอยู่หลายขั้น (ประมาณ 5ขั้น) ถ้าเห็นอนาคตที่เคยทำ ก็จะอยู่ประมาณขั้นที่ 3 ยิ่งขั้นมากขึ้น ความสัมพันธ์กับร่างกายและวิญญาณ จะยิ่งห่างไกลกันออกไป


    ถ้าหลับลึกถึงขั้นที่ 5 ก่อนหลับจะรู้สึกชาตามร่างกายทั้งตัว ขยับตัวเองไม่ได้ พูดไม่ได้ (ลักษณะที่คนทั่วไปเรียกว่าถูกผีอำ)

    ถ้าหลับในสภาพนี้ อัตราค่าซิงโครกับร่างกายจะลดต่ำ ลงจนเหลือ 0 แล้ววิญญาณก็จะหลุดออกจากร่างกาย

    ทฤษฎีที่สอง พลังจิต

    บ้างว่า เดจาวู เป็นพลังจิตรูปหนึ่ง บ้างเรียกว่า ตาทิพย์ หรือ กสิณ ในตำราพราหมณ์ แบ่งเป็น 10 แบบ เช่น เพ่งในเปลวเทียน หรือ เตโชกสิณ หรือเพ่งไปในน้ำ อย่างที่เราเรียกว่า อาโปกสิณ ฯลฯ

    เราทุกคนมีพลังจิต เพียงแต่จะอ่อนจะเข้ม บางทีเพราะเราไม่ได้ฝึก จะเก็บกดไว้ภายใน วันดีคืนดีก็ล้นออกมา ตามตำรา ถ้าได้ฝึก เราสามารถควบคุมได้

    มีนักพยากรณ์หลายคน พยากรณ์ได้จากการเพ่ง ว่ากันว่า มีผู้หนึ่งมีเดจาวูแรงกล้าหาใครเปรียบ เขาชื่อ นอสตราดามุส

    ทฤษฎีที่สาม จักรวาลคู่ขนาน

    อธิบายเกี่ยวกับ โลกคู่ขนาน หรือ จักรวาลคู่ขนาน ก่อน หมายถึง จักรวาลที่ดำเนินไปพร้อมกับจักรวาลที่เราอยู่นี้ ทฤษฎีนี้นักฟิสิกส์ริเริ่มคิดขึ้นมา

    เคยไหม มีเหตุการณ์ที่เราลังเลอยู่ 2 ทาง แต่เราก็ตัดสินใจไปทางหนึ่ง แล้วคิดไหมว่า ถ้า ณ วันนั้นเราติดสินใจเป็นอย่างอื่น อะไรจะเกิดขึ้น

    ในโลกนี้ที่เรามีตัวตนอยู่ในขณะนี้ ขณะเดียวกันก็มีเราอีกคนหนึ่งในอีกโลกหนึ่ง และมีโลกคู่ขนานมากมายนับไม่ถ้วน

    เช่น ขณะนี้เราได้ตัดสินใจบางสิ่ง ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จ ขณะที่อีกคนของเราได้ตัดสินใจไปอีกทางทำให้ชีวิตตนเอง และผู้อื่นเสียหาย ก็เป็นได้


    อีกตัวอย่าง บางครั้งคนๆ หนึ่งอยากฆ่าตัวตายแต่กลับล้มเลิก บางทีคนอีกคนในโลกคู่ขนานอาจฆ่าตัวตายไปแล้วก็ได้ ดังนี้เป็นต้น

    ตัวอย่าง ปัญหาทางทฤษฎีมิติเวลา สมมติถึงการเดินทางย้อนเวลาได้ อาทิ เมื่อวานได้เก็งหุ้นตัวหนึ่ง วันนี้หุ้นนั้นล้ม จึงเกิดล้มละลาย หากเดินทางย้อนเวลาไปเตือน ผู้เล่นหุ้นในอดีตรู้คำเตือน และยกเลิกหุ้นตัวนั้น


    ส่งผลให้เมื่อวานที่ผ่านมาจึงไม่ได้ถือหุ้นตัวนั้น ถ้าเช่นนั้นวันนี้จึงไม่ได้ล้มละลาย ในเมื่อไม่ได้ล้มละลาย ก็ไม่ได้เดินทางย้อนเวลาไปบอกตัวเองในอดีต

    ตนเองในอดีตก็ไม่รู้ว่า หุ้นตัวนั้นจะล้มและเก็งหุ้นตัวนั้น ทำให้วันนี้มีการล้มละลายหรือเปล่า

    ทฤษฎีเกี่ยวกับโลกคู่ขนาน จึงถูกคิดขึ้นเพื่ออธิบายปรากฏการณ์ความผันผวนของมิติเวลาเหล่านี้ ทุกๆ เหตุการณ์ที่เรามี 2 ตัวเลือก จะเกิดโลกคู่ขนาน 2 โลก และจาก 2 โลก ถ้าเราเจอเหตุการณ์อื่นที่ต้องตัดสินใจ 2 ทาง แต่ละโลก จะเกิดโลกคู่ขนานอีก 2 โลก โลกคู่ขนานจึงมีจำนวน นับไม่ถ้วน

    จากตัวอย่างเรื่องหุ้น ทฤษฎีอธิบายว่า ไม่อาจเปลี่ยนอดีตของตัวได้ เมื่อเดินทางไปบอกตัวเองให้เลิกหุ้นนั้น ตัวตนในอดีต ที่ตัดสินใจไม่เอาหุ้นนั้น จะเกิดอนาคตที่วันนี้ที่ไม่ล้มละลาย จริง แต่เป็นคนละอนาคตกับวันนี้ปัจจุบันนี้ ที่ได้ล้มละลาย


    คือเกิดเป็น 2 โลก เมื่อตัวตนกลับมาปัจจุบันของโลกวันนี้ ก็ยังล้มละลายอยู่ดี แต่โลกที่ได้ย้อนไปบอกกล่าว อีกคนนั้นเขาไม่ล้มละลาย

    มีคนผูกทฤษฎีเดจาวู กับทฤษฎีจักรวาลคู่ขนาน กล่าวว่า การที่เรารู้สึกหรือเห็นภาพที่คล้ายว่าเคยทำมาก่อน นั่นแหละ คือการที่ได้เคยทำจริง แต่เป็นตัวตนในอีกโลกหนึ่งต่างหากที่ได้ทำ


    คนเราในทุกๆ โลก ถูกผูกกันด้วยสายใยบางอย่าง อาจเป็นเพราะ สมองมีคลื่นตรงกัน เพราะเป็นคนเดียวกัน

    ในบางจังหวะที่เหมาะสม กระแสประสาทเชื่อมสนิทกัน ก็ได้รับรู้ถึงกระแสความคิดจากอีกคนในอีกโลกหรืออีกมิติหนึ่ง

    ทฤษฎีสุดท้าย คิดไปเอง

    ดูแนวคิดของหลักวิทยาศาสตร์กันบ้าง ทางวิทยาศาสตร์อธิบายว่า เกิดจากสมองแปลข้อมูลผิดพลาด หรือ ไม่ใช่การได้เห็นมาก่อนใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นอาการคิดไปว่า ตนนั้นเห็นมาแล้ว

    ทางการแพทย์เรียกว่า การไหลของคลื่นกระแสไฟฟ้า ในสมองเกิดการผิดปกติ ทำให้การกระทำที่กำลังทำอยู่ ณ ขณะนั้น คลับคล้ายว่าเคยเกิดมาก่อนหน้านี้มาแล้ว แต่ไม่สามารถจำเวลาได้

    สมองคนเราก็เหมือนเครื่องจักรย่อมเกิดข้อผิดพลาดบ้าง อธิบายว่า เดจาวู เกิดจาก เมื่อสมองรับภาพมาจากประสาทตา ก็นำมาแปลความหมาย สมองมี 2 ซีก ตามี 2 ข้าง ประสาทตาซ้ายเข้าสมองซีกขวา ประสาทตาขวาเข้าสมองซีกซ้าย

    ฉะนั้นสมองทั้งสอง ต้องทำงานประสานกันและกันอย่างมาก

    เมื่อเกิดสมองข้างหนึ่ง เกิดส่งข้อมูลมาช้าไปเพียงนิดเดียว ทำให้สมองแปลความหมายของภาพนั้นว่า เป็นภาพจากความจำไม่ใช้ปัจจุบัน ทำให้รู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เจอนั้นเคยเห็นมาก่อน

    มีหลักฐานว่า โดยส่วนมาก คนที่เป็นลมบ้าหมู หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็น จะมีโอกาสเกิดบ่อยกว่า และมีโอกาสเกิดบ่อยมากขึ้น ก่อนที่จะมีอาการชัก


    http://www.saranair.com/article.php?sid=15334
     
  2. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,792
    ค่าพลัง:
    +7,482
    เคยเป็นบ่อยๆ...

    วิธีการบังคับฝัน (Dream Control) มีดังนี้
    1. ฝันเหมือนที่ตาตัวเองเห็น คือเหมือนเรามองเห็นทั่วๆไป ในขั้นตอนนี้ให้ถอยจิตออกมาจากความฝันนั้น
    2. เมื่อถอยจิตออกมา เราก็จะเห็นร่างของตัวเอง อยู่ในเหตุการณ์นั้น
    3. ตอนนี้ฉากที่สำคัญคือ บังคับร่างของตัวเองที่เห็นในขณะนั้น แล้วจะรู้ว่า "ความสนุกแห่งการบังคับฝันเป็นอย่างไร" เหาะก็ได้ บินก็ได้ เนรมิตอะไรเล่นก็ได้ ทำได้ทุกอย่าง จะแกล้งใครก็ได้ เพราะเรารู้ว่าเรากำลังฝันอยู่นั่นเอง ...
     
  3. ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น

    ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +86
    ก่อน 11 ก.ย. ผมก็ฝันเห็นก่อนแล้วครับ แล้วมันก็เกิด ไม่รู้ว่ามาบอกทำไมก็ไม่รู้ น่าจะไปฝันกับประธานาธิปดีมากกว่านะ
     
  4. ผักคะน้า

    ผักคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2007
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +349
    โมทนาด้วยนะคะ มีความรู้ดีๆ มาฝากให้เราได้อ่าน ได้รู้ เสมอค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...