อุปสรรคของการภาวนา (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 6 พฤศจิกายน 2011.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]


    <HR>หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี


    ฝึกหัดทำสมาธิภาวนา จงทำเหมือนชาวนาเขาทำนา เขาไม่รีบร้อน เขาหว่านกล้า ไถคราด ปักดำ โดยลำดับ ไม่ข้ามขั้นตอน แล้วรอให้ต้นข้าวแก่ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่เห็นเมล็ดไม่เห็นรวงข้าวเลย แต่เขาก็มีความเชื่อมั่นของเขาว่าจะมีเมล็ดมีรวงวันหนึ่งข้างหน้าแน่ๆ เมื่อต้นข้าวแก่แล้วออกรวงมาจึงเชื่อแน่ว่าจะได้รับผลแน่แล้ว เขาไม่ไปชักดึงต้นข้าวให้ออกรวงเอาตามชอบใจ ผู้กระทำเช่นนั้นย่อมไร้ผลโดยแท้

    การฝึกหัดสมาธิภาวนาก็เช่นเดียวกัน จะรีบร้อนข้ามขั้นตอนย่อมไม่ได้ ต้องตั้งจิตให้เลื่อมใสศรัทธาแน่วแน่ว่าอันนี้ละเป็นคำบริกรรมที่จะทำให้จิตของเราเป็นสมาธิได้อย่างแท้จริง แล้วอย่าไปลังเลสงสัยว่า คำบริกรรมนี้จะถูกจริตนิสัยของเราหรือไม่หนอ คำบริกรรมอันนั้น คนนั้นทำแล้วมันเป็นไปอย่างนั้นอย่างนี้ เราทำแล้วจิตไม่ตั้งมั่น อย่างนี้ใช้ไม่ได้

    ถ้าจิตตั้งมั่นแน่วแน่ในคำบริกรรมที่ตนภาวนาอยู่นั้นแล้วเป็นใช้ได้ทั้งนั้น เพราะภาวนาก็เพื่อต้องการทำจิตให้แน่วแน่เท่านั้น ส่วนนอกนั้นมันเป็นตามบุญวาสนาของแต่ละบุคคล

    ครั้งพุทธกาล มีพระรูปหนึ่งไปภาวนาอยู่ใกล้สระแห่งหนึ่ง เห็นนกกระยางตัวหนึ่งโฉบปลากินเป็นอาหาร ท่านเลยถือเอาเป็นคำบริกรรมภาวนาจนได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ นกกระยางกินปลาไม่เคยเห็นมีในกัมมัฏฐานบทใด ท่านเอามาภาวนาจนได้สำเร็จ นี้เป็นตัวอย่าง

    จิตที่ตั้งใจอบรมให้อยู่ในขอบเขตของคำบริกรรม พุทโธๆๆ ซึ่งมีสติเป็นผู้ควบคุมแล้วย่อมจะละพยศตัวเองได้ แต่เราก็ต้องฝึกฝนอบรมเพราะต้องการความสุขสงบของจิต ธรรมดาของจิตย่อมมีอารมณ์ส่งส่ายหาความฟุ้งซ่านเป็นวิสัยอยู่แล้ว ดังอธิบายมาแล้ว โดยมากมันจะส่งส่ายไปในอารมณ์เหล่านี้คือ

    พอเริ่มบริกรรมพุทโธๆๆ เอาจิตไปตั้งไว้ที่พุทโธๆๆ เท่านั้นแหละ มันจะไม่อยู่ในพุทโธ มันจะวิ่งไปหาการงานที่เราเริ่มจะทำหรือกำลังทำอยู่ ปรุงแต่งทำนั้นทำนี้วุ่นวายกันไปหมด กลัวมันจะไม่ดีไม่งาม กลัวมันจะไม่สำเร็จ การงานที่เรารับจากคนอื่นหรือเรารับเฉพาะส่วนตัวมันจะเสียผลประโยชน์ หรือขายขี้หน้าเขาเมื่อเรารับแล้วไม่ทำตาม ฯลฯ นี่เป็นเรื่องรบกวนใจไม่ให้เป็นสมาธิของผู้อบรมใหม่อย่างหนึ่ง

    เราดึงเอาจิตมาไว้ที่พุทโธๆๆนั้นอีก บอกว่านั้นไม่ใช่หนทางแห่งความสงบ ทางสงบแท้จริงต้องเอาจิตมาตั้งไว้ที่พุทโธแห่งเดียว แล้วบริกรรมพุทโธๆๆ เรื่อยไป ฯลฯ

    เดี๋ยวส่งไปอีกแล้ว โน่นคราวนี้ไปถึงครอบครัว ส่งไปหาลูกไปหาภรรยาไปหาสามี เขาจะอยู่อย่างไร เขามีสุขภาพพลานามัยดีหรือไม่หนอ ได้บริโภคอาหารดีมีรสหรือไม่หนอ ถ้าอยู่ห่างไกลกันก็คิดถึงที่อยู่ที่นอน จะอยู่จะกินอย่างไร ผู้จากไปก็คิดถึงผู้อยู่ทางบ้าน ผู้อยู่ทางบ้านก็คิดถึงผู้ไปไกล กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย กลัวคนอื่นจะมาข่มเหง ไม่มีผู้อยู่เป็นเพื่อน กลัวจะเหงาหงอย ฯลฯ คิดไปร้อยแปดพันเก้า สุดแท้แต่จิตจะปรุงแต่งไป ซึ่งเกินกว่าเหตุทั้งนั้น

    หรือถ้ายังเป็นโสด ยังเป็นหนุ่มเป็นสาวอยู่ ก็จะปรุงแต่งไปในทางสนุกสนานเพลิดเพลินอยู่กับหมู่เพื่อนที่เคยเที่ยวสนุกเฮฮาไปในที่ต่างๆ บางคนถึงกับอุทานออกมาเป็นเสียงดังหัวเราะก๊ากก็มี กิเลสตัวนี้มันร้ายยิ่งกว่าเพื่อน

    เมื่อภาวนาพุทโธๆๆ มันเห็นว่าไม่ได้การแล้ว เขาจะหนีจากเราไปแล้ว มันก็สรรหาสิ่งที่จะผูกมัดให้เราติดมั่นเข้าทุกที เราเกิดมาตั้งแต่เด็กจนโต เราก็ไม่เคยมาฝึกหัดสมาธิภาวนาเลย มีแต่ปล่อยให้จิตไปตามอารมณ์ของกิเลส เพิ่งมาฝึกหัดเดี๋ยวนี้เอง เมื่อภาวนาพุทโธๆๆเข้า จิตมันจะมารวมอยู่ที่พุทโธๆๆ จิตมันจึงดิ้นเหมือนกับบุคคลโยนปลาขึ้นจากน้ำไปบนหาดทราย ปลาย่อมดิ้นหาน้ำเป็นธรรมดา เราดึงเอาจิตให้เข้ามาหาพุทโธๆๆอีก
    พุทโธๆๆ เป็นของเย็น เป็นทางที่ให้เกิดสันติสุข มีทางเดียวเท่านั้นที่ทำให้พ้นจากทุกข์ในโลกนี้ได้

    เราดึงเอาจิตเข้ามาอยู่ในพุทโธๆๆอีก หากคราวนี้พอสงบลงไปได้บ้าง พอรู้สึกว่าจิตมันอยู่ พอเห็นลางๆว่าจิตมันอยู่ มีความสุขสบาย จิตสงบ ไม่มีความเดือดร้อน ตั้งใจระวังเอาสติประคองอารมณ์นั้นไว้ เอ้า.....ไปอีกแล้ว โน้น......คราวนี้ไปยึดเอาผลประโยชน์มาเป็นเครื่องอ้าง ถ้าสิ่งนั้นเราไม่ทำหรือเราไม่แสวงหาก็จะเสียโอกาสอันมีค่ามหาศาล แล้วก็เอาจิตไปจดจ่ออยู่เฉพาะสิ่งนั้นแทนคำบริกรรมพุทโธ ส่วนพุทโธมันเลยหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ กว่าจะรู้ว่าพุทโธหายไปแล้ว มันก็สายเสียแล้ว จิตนี้เป็นของดิ้นรนกระเสือกกระสน รักษาได้ยากเหมือนกับลิงอยู่ไม่เป็นสุข

    นั่งสมาธิภาวนานานๆเข้า กลัวโลหิตจะไม่เดินหรือเดินไม่สะดวก เส้นประสาทจะตาย เกิดเป็นเหน็บชา ในที่สุดเป็นอัมพาต ถ้าไปภาวนาไกลบ้านหน่อยหรือในป่าก็ยิ่งกลัวใหญ่ กลัวเสือจะมากิน กลัวงูจะมากัด กลัวผีจะมาหลอกทำท่าทีต่างๆนานาใส่ ความกลัวตายยุบยิบไปหลายอย่างหลายประการ ล้วนแล้วแต่ตัวเองหลอกตัวเองทั้งนั้นแต่เกิดมาจนป่านนี้ยังไม่เห็นเสือกินคนเลยสักคนเดียว ผีก็ไม่เคยเห็นหลอกเลยสักที แม้แต่ตัวผีก็ไม่เคยเห็นเลยสักที ไม่ทราบว่าตัวมันเป็นอย่างไร แต่ก็ปรุงแต่งขึ้นมาหลอกตัวเอง

    อุปสรรคของการภาวนาที่ชักตัวอย่างมาอธิบายนี้พอเป็นบางอย่างเท่านั้น ความจริงแล้วมันมีมากกว่านี้ตั้งหลายเท่า ผู้ภาวนาแล้วจะรู้ด้วยตัวเอง

    แต่เราก็ยึดพุทโธๆๆ มาไว้ที่ใจ แล้วเอาสติควบคุมจิตให้อยู่กับพุทโธอันเดียว ภัยอันตรายทั้งปวงจะไม่มีมาแผ้วพาน

    ขอให้เชื่อมั่นในพุทโธจริงๆเถอะ รับรองว่าไม่มีอันตรายแน่นอน เว้นเสียแต่กรรมเก่าที่เขาเคยได้กระทำไว้ นั่นเป็นของสุดวิสัยแม้พระพุทธเจ้าก็ป้องกันให้ไม่ได้

    ผู้ภาวนาทั้งหลายแรกๆศรัทธายังอ่อน ไม่ว่าจะบริกรรมอะไรก็แล้วแต่เถอะ จะต้องถูกกิเลสเหล่านี้รบกวนด้วยกันทั้งสิ้น เพราะกิเลสเหล่านี้มันเป็นพื้นฐานของโลก เมื่อเรามาทำภาวนาทำจิตให้เป็นอันเดียวเท่านั้นแหละ กิเลสมันเห็นว่าเราจะหนีจากบ้าน กิเลสเหล่านั้นมันมารุมล้อมไม่ให้เราหนีจากโลกนี้ได้

    ผู้มาเห็นโทษของมันว่ามันร้ายแรงอย่างนี้แล้ว ทำใจให้กล้าหาญ ศรัทธาให้หนักแน่นมั่นคง คิดเสียว่าเราได้หลงเชื่อกิเลสมาหลายภพหลายชาติแล้ว คราวนี้เราจะยอมเชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้า เอาพุทโธ ไม่ให้จิตหนีจากพุทโธ เมื่อเราตั้งปณิธานไว้อย่างนั้นแล้ว จิตก็จะดิ่งลงสู่อารมณ์อันเป็นหนึ่งเข้าถึงสมาธิได้

    ด้วยอำนาจจิตตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์อันเดียวนั่นแหละเป็นเหตุนำจิตให้เข้าถึงสมาธิได้

    ผู้เข้าถึงสมาธิทีแรกจะมีอาการอย่างนี้ เราจะไม่ทราบเลยว่าสมาธิหรือจิตเป็นเอกัคคตารมณ์เป็นอย่างไร เราเพียงแต่ตั้งสติให้แน่วแน่อยู่ในอารมณ์อันเดียว ด้วยอำนาจจิตตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์อันเดียวนั่นแหละเป็นเหตุนำจิตให้เข้าถึงสมาธิได้ แล้วก็ไม่ได้นึกว่าอาการของสมาธิเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ และอยากให้มันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่มันเป็นของมันเองโดยอัตโนมัติ ใครๆจะบังคับให้เป็นไม่ได้

    ในขณะนั้นจะมีความรู้สึกเหมือนกับเราอยู่อีกโลกหนึ่ง(โลกจิต) มีความสุขสบายวิเวกหาอะไรเปรียบมิได้ในโลกนี้

    เมื่อจิตถอนออกจากสมาธิแล้ว จะรู้สึกเสียดายอารมณ์อันนั้น แลจำอารมณ์อันนั้นได้แม่นยำ ที่พูดกันอยู่ทุกวันนี้ล้วนแล้วแต่จิตถอนออกมาจากอารมณ์ทั้งนั้น ในขณะที่จิตกำลังรวมอยู่นั้น ใครจะพูดจะทำอะไรไม่รับรู้ทั้งหมด

    เราต้องฝึกหัดจิตให้เข้าถึงสมาธิอย่างนี้อยู่บ่อยๆเพื่อให้ชำนิชำนาญ แต่อย่าไปจำอารมณ์เก่า อย่าอยากให้เป็นอย่างเก่า มันจะไม่เป็นอย่างนั้นซ้ำจะยุ่งใหญ่ เป็นแต่เราคอยบริกรรมพุทโธๆๆให้จิตอยู่ในคำบริกรรมนั้นก็แล้วกัน มันจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน

    จิตเป็นสมาธิใหม่ๆ เมื่อมันเป็นอีกมันจะไม่เป็นอย่างเก่า แต่ก็ช่างมัน มันจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน ขอให้มันเป็นสมาธิก็แล้วกัน ที่มันเป็นหลายอย่าง มันจึงได้ความรู้กว้างขวางและมีอุบายมาก

    ที่อธิบายมาโดยย่อนี้พอเป็นนิทัศน์อุทาหรณ์ ขอผู้ทำตามนี้จงอย่าได้เอามาใส่ใจ มันจะเป็นสัญญา ภาวนาจะไม่เป็นไป เพียงแต่จำไว้เป็นเครื่องเทียบเคียงในเมื่อเราภาวนาเป็นไปแล้ว

    ผู้ภาวนาทั้งหลาย ไม่ว่าจะภาวนาพุทโธ หรือยุบหนอพองหนอ หรือสัมมาอะระหัง อะไรแล้วแต่ เมื่อจิตจะรวมเป็นสมาธิแล้ว ไม่ว่าจิตเราจะรวมหรือกำลังรวมอยู่ หรืออะไรทั้งหมด แต่มันรวมของมันเองโดยอัตโนมัติ แม้ที่สุดแต่คำบริกรรมอยู่นั้นไม่ทราบมันวางแต่เมื่อไหร่ มันจะมีแต่ความสงบสุขอยู่อันหนึ่งต่างหาก ซึ่งมิใช่โลกนี้แลโลกอื่นหรืออะไรทั้งหมด และไม่มีใครหรือสิ่งอะไรทั้งหมด เป็นสภาพของมันต่างหาก (ซึ่งเรียกว่าโลกของจิต)

    ในที่นั้นจะไม่มีคำว่าโลกนี้หรืออื่นใดๆทั้งสิ้น สมมติบัญญัติในโลกอันนี้จะไม่ปรากฏในที่นั้น เพราะฉะนั้น ในที่นั้นมันจะไม่เกิดบัญญัติอะไรทั้งสิ้น เป็นแต่หัดจิตให้เป็นสมาธิไว้เทียบเคียงกับจิตที่ไม่เป็นสมาธิว่าผิดแปลกต่างกันอย่างไร จิตเข้าถึงสมาธิแล้วเมื่อถอนออกมาพิจารณาในทางโลกกับทางธรรม มันต่างกันอย่างไรกับจิตที่ไม่ได้เป็นสมาธิ


    http://www.dhammajak.net
     
  2. Santajitto

    Santajitto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2010
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +455
    กราบอนุโมทนา สาธุ ครับ...

    " ฝึกหัดทำสมาธิภาวนา จงทำเหมือนชาวนาเขาทำนา เขาไม่รีบร้อน เขาหว่านกล้า ไถคราด ปักดำ โดยลำดับ ไม่ข้ามขั้นตอน แล้วรอให้ต้นข้าวแก่ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่เห็นเมล็ดไม่เห็นรวงข้าวเลย แต่เขาก็มีความเชื่อมั่นของเขาว่าจะมีเมล็ดมีรวงวันหนึ่งข้างหน้าแน่ๆ เมื่อต้นข้าวแก่แล้วออกรวงมาจึงเชื่อแน่ว่าจะได้รับผลแน่แล้ว เขาไม่ไปชักดึงต้นข้าวให้ออกรวงเอาตามชอบใจ ผู้กระทำเช่นนั้นย่อมไร้ผลโดยแท้ "
     
  3. baimaingam

    baimaingam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    634
    ค่าพลัง:
    +880
    ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ
    ...หันหลังคืนฝั่ง พ้นจากทะเลทุกข์...
     
  4. choo2521

    choo2521 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2011
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +4
    ขอบคุณมากๆครับ สำหรับบทความดีๆ อนุโมทนาด้วยครับ สาธุๆ
     
  5. beauty cosme'

    beauty cosme' สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +24
    อนุโมทนาสาธุด้วยครับ

    By Beauty cosme
    www.baviphatthailand.com<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
     
  6. ตุ้ม ณ บ้านโป่ง

    ตุ้ม ณ บ้านโป่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +112
    อนุโมทนา สาธุ ฯ แด่ท่านผู้สนใจในพระธรรมคำสอนของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคนทุกท่าน และขอให้ทุกท่านได้ดวงตาเห็นธรรม ตามคำสอนในพระธรรมของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยเทอด สาธุ ฯ
     
  7. preamlit

    preamlit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +40
    ขอบพระคุณสำหรับคำสั่งสอน จะปฏิบัติ เป็นประโยชน์อย่างมาก ขออนุโมทนา สาธุค่ะ
     
  8. phak

    phak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    473
    ค่าพลัง:
    +458
    Anumo...tana ...satu....naka.:cool:
     
  9. somchaiwan

    somchaiwan สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    อนุโมทนาสาธุ

    ขออนุโมทนาสาธุกับบทความนี้ เป็นประโยชน์กับผู้เริ่มฝึกมากๆครับ
     
  10. camrymax

    camrymax นายองครักษ์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +1,257
    อนุโมทนา สาธุ ด้วยนะครับ......
     
  11. namotussa

    namotussa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,470
    ขอกราบอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
    สมาธินั้นอย่างน้อยที่สุดที่เราจะได้รับ นั่นคือความสงบ ซึ่งจะทำให้เราได้คิดพิจารณาถึงปัญหาต่างๆได้อย่างสุขุม และสามารถแก้ไขหรือปรับปรุงในปัญหานั้นๆ นั่นคือปัญญา
    หากว่าเราสามารถปฏิบัติสมาธิได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อมีปัญหาเข้ามาก็สามารถหาทางแก้ไขได้อย่างไม่ยากเย็น ดังนั้นสิ่งที่ดีสำหรับการที่เราได้เกิดมานั้นคือ ทาน ศีล ภาวนา
     
  12. Putra-Jit

    Putra-Jit สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +7
    กราบอนุโมทนากับสาระธรรมที่มีประโยชน์ หลวงปู่ให้คำสอนแนะนำดีมากๆคะจะนำไปปฏิบัติตามคะ

    ผลของการภาวนาสมาธิเป็นความสุขสงบที่หาสิ่งอื่นมาเปรียบไม่ได้จริงๆคะ
     
  13. กิมเฮง

    กิมเฮง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2011
    โพสต์:
    381
    ค่าพลัง:
    +99
    " ฝึกหัดทำสมาธิภาวนา จงทำเหมือนชาวนาเขาทำนา เขาไม่รีบร้อน เขาหว่านกล้า ไถคราด ปักดำ โดยลำดับ ไม่ข้ามขั้นตอน แล้วรอให้ต้นข้าวแก่ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่เห็นเมล็ดไม่เห็นรวงข้าวเลย แต่เขาก็มีความเชื่อมั่นของเขาว่าจะมีเมล็ดมีรวงวันหนึ่งข้างหน้าแน่ๆ เมื่อต้นข้าวแก่แล้วออกรวงมาจึงเชื่อแน่ว่าจะได้รับผลแน่แล้ว เขาไม่ไปชักดึงต้นข้าวให้ออกรวงเอาตามชอบใจ ผู้กระทำเช่นนั้นย่อมไร้ผลโดยแท้
    (ขออนุโมทนาด้วยครับ)
     
  14. GreenTea32

    GreenTea32 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +12
    ขออนุโมทนากับคำสอนดี ๆ ครับ
    ก็ได้เก็บสะสมแง่มุมจากครูบาอาจารย์ไปทีละน้อย
    และขอบคุณทุกท่านที่ได้นำคำสอนดี ๆ มาลงไว้
     
  15. lkunl

    lkunl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +390
    อนุโมทนา สาธุ ด้วยครับ


    [FONT=AngsanaNew,Bold][FONT=AngsanaNew,Bold][FONT=AngsanaNew,Bold]
    ตั้งหน้าทำก็แล้วกัน (พุทธวัจน์)
    [/FONT]
    [/FONT]
    [/FONT]
    ภิกษุ ทั้งหลาย!
    กิจของคฤหบดีชาวนา ที่เขาจะต้องรีบทำ มีสามอย่างเหล่านี้. สามอย่างอะไรบ้างเล่า ?
    สามอย่างคือ คฤหบดีชาวนา รีบๆไถคราด พื้นที่นาให้ดีเสียก่อน
    , ครั้นแล้ว ก็รีบๆปลูกพืช, ครั้นแล้ว ก็รีบๆไขน้ำเข้าบ้าง ไขน้ำออกบ้าง.

    ภิกษุ ทั้งหลาย!
    กิจของคฤหบดีชาวนา ที่เขาจะต้องรีบทำ มีสามอย่างเหล่านี้แล; แต่ว่าคฤหบดีชาวนานั้น ไม่มีฤทธิ์หรืออานุภาพ ที่จะบันดาลว่า ข้าวของเรา จงงอกในวันนี้, ตั้งท้องพรุ่งนี้, สุกมะรืนนี้ดังนี้ได้เลย, ที่แท้ ย่อมมีเวลาที่ข้าวนั้น เปลี่ยนแปรสภาพไปตามฤดูกาล ย่อมจะงอกบ้าง ตั้งท้องบ้างสุกบ้าง;


    ภิกษุ ทั้งหลาย!
    ฉันใดก็ฉันนั้น: กิจของภิกษุ ที่เธอจะต้องรีบทำ มีสามอย่างเหล่านี้. สามอย่างอะไรบ้าง
    เล่า
    ? สามอย่างคือ การสมาทานการปฏิบัติในศีลอันยิ่ง, การสมาทานการปฏิบัติในจิตอันยิ่ง,
    และการสมาทานการปฏิบัติในปัญญาอันยิ่ง.

    ภิกษุ ทั้งหลาย!
    กิจของภิกษุ ที่เธอจะต้องรีบทำ มีสามอย่างเหล่านี้แล ;[FONT=AngsanaNew,Bold][FONT=AngsanaNew,Bold]แต่ว่าภิกษุนั้น ก็ไม่มีฤทธิ์หรืออานุภาพ ที่จะบันดาลว่า [/FONT][/FONT][FONT=AngsanaNew,Bold][FONT=AngsanaNew,Bold]“[/FONT][/FONT][FONT=AngsanaNew,Bold][FONT=AngsanaNew,Bold]จิตของเรา จงหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลายเพราะไม่มีอุปาทานในวันนี้ หรือพรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้[/FONT][/FONT][FONT=AngsanaNew,Bold][FONT=AngsanaNew,Bold]” [/FONT][/FONT][FONT=AngsanaNew,Bold][FONT=AngsanaNew,Bold]ดังนี้ได้เลย[/FONT][/FONT][FONT=AngsanaNew,Bold][FONT=AngsanaNew,Bold], [/FONT][/FONT][FONT=AngsanaNew,Bold][FONT=AngsanaNew,Bold]ที่แท้ ย่อมมีเวลาที่เหมาะสม เมื่อภิกษุนั้นปฏิบัติไปแม้ในศีลอันยิ่ง[/FONT][/FONT][FONT=AngsanaNew,Bold][FONT=AngsanaNew,Bold],[/FONT][/FONT][FONT=AngsanaNew,Bold][FONT=AngsanaNew,Bold]ปฏิบัติไปแม้ในจิตอันยิ่ง[/FONT][/FONT][FONT=AngsanaNew,Bold][FONT=AngsanaNew,Bold], [/FONT][/FONT][FONT=AngsanaNew,Bold][FONT=AngsanaNew,Bold]และปฏิบัติไปแม้ในปัญญาอันยิ่งจิตก็จะหลุดพ้นจากอาสวะ
    ทั้งหลาย เพราะไม่มีอุปาทานได้เอง[/FONT][/FONT][FONT=AngsanaNew,Bold][FONT=AngsanaNew,Bold].[/FONT][/FONT]
     
  16. mashimo

    mashimo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +246
    อนุโมทนาสาธุค่ะได้ความรู้ในการฝึกนั่งสมาธิด้วยค่ะ
     
  17. tinnakorn1978

    tinnakorn1978 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +28
    อนุโมทนาสาธุครับ ตอนนี้กำลังทำตัวให้เหมือนกับชาวนาทำนาอยู่ครับ ไม่รีบไม่ร้อน ทำไปเรื่อยๆแต่สม่ำเสมอ ไม่ได้คาดหวังว่าต้องสำเร็จโดยเร็วพลัน แต่ก็รู้ว่าต้นข้าวในจิตใจกำลังเจริญงอกงามครับ
     
  18. GUNIOJ

    GUNIOJ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +6
    คำสอนของท่านดีมากๆเลยครับ แถมเข้าใจง่ายด้วย อนุโมทนากับทุกท่านครับ
     
  19. Xiaobao

    Xiaobao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +472
    "..ผู้มาเห็นโทษของมันว่ามันร้ายแรงอย่างนี้แล้ว ทำใจให้กล้าหาญ ศรัทธาให้หนักแน่นมั่นคง คิดเสียว่าเราได้หลงเชื่อกิเลสมาหลายภพหลายชาติแล้ว คราวนี้เราจะยอมเชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้า เอาพุทโธ ไม่ให้จิตหนีจากพุทโธ เมื่อเราตั้งปณิธานไว้อย่างนั้นแล้ว จิตก็จะดิ่งลงสู่อารมณ์อันเป็นหนึ่งเข้าถึงสมาธิได้.."

    ขอร่วมอนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  20. PLE-55

    PLE-55 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +124
    สาธุครับ มีประโยชน์มากมายครับ เข้าใจมากขึ้น ขอบคุณท่านที่เอามาโพสและกราบขอบพระคุณ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ด้วยครับ เคยอ่านบทความต่างๆที่มาจากตัวท่าน
    หลายๆบทความ คิดว่าเข้าใจง่ายและตรงประเด็นมากเลยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...