ทำอย่างไรถึงจะว่างเฉยกับเรื่องที่มากระทบใจได้บ้าง

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย satu_satu, 15 พฤศจิกายน 2011.

  1. satu_satu

    satu_satu สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +5
    อุเบกขานี่ต้องรู้สึกประมาณไหนคะ จะวางเฉยอย่างไรดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2011
  2. itipizo

    itipizo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +86
    เอาความรู้สึกตัวไปเกาะไว้กับลมหายใจ เข้า -- ออก
    หายใจเข้ารู้---หายใจออกรู้..
    จะนั่งจะเดิน จะนอน อย่าทิ้งลมหายใจ..
    ตราบใดเราหายใจอยู่ ให้เรารู้สึกถึงลมหายใจให้ตลอดต่อเนื่อง..
    ตั้งใจไว้อย่างนี้ เธอจะเป็นผู้มีอุเบกขารมย์..วางเฉย
    จิตไม่เกาะ ไม่เกียวข้องกับสภาวะภายนอกที่มากระทบจิต
    จิตจะไม่หวั่นไหวไปกับอะไร ๆ ที่ผ่านเข้ามาทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
    ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาจะจืด ความคิดจะจืดลง ไม่มีอำนาจเหนือเธออีก
    ภาวนา รู้สึกตัวต่อเนื่องอย่างนี้เนือง ๆ จิตเธอจะถอดถอนอาสวะออกเสียได้..
    แต่อย่าคิดว่าจะวางเฉย ..เพราะแค่คิดก็ผิดแล้ว..
    เราไม่สามารถจะวางเฉยได้ ด้วยการคิด
    แต่จะวางเฉย ได้ด้วยการรู้สึกตัวทั่วพร้อม..
    เมื่อรู้อยู่ หลงจะไม่มี..

    ขอให้เจริญในธรรม
     
  3. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    การจะวางเฉยกับเรื่องที่มากระทบใจเราต้องรู้ก่อนว่ามันกระทบใจเพราะอะไร
    มันต้องมีปัญญาประกอบเพราะอุเบกขาถ้าแปลตรงๆ ก็คือปัญญาที่เฝ้าดูอย่าง
    ใกล้ชิด ถึงจะเป็นการวางเฉยมันก้ต้องเป็นการวางเฉยที่เกิดจากปัญญาด้วย
    คือ
    พอมีเรื่องมากระทบใจเราก็ต้องมองไปถึงเหตุว่ามันกระทบเพราะอะไร แล้วค่อย
    ดับที่เหตุ บางทีเราอาจจะคาดหวังกับอะไรมากแล้วไม่ได้ในสิ่งที่หวัง บางทีเรา
    อาจจะต้องการความสงบแต่รอบตัวมีแต่ความวุ่นวาย ถ้าเป็นอย่างนี้เหตุก็คือความ
    คาดหวัง เราก็ดับที่ตัวความคาดหวังของเราเพราะคนอื่นเราไปแก้เขาไม่ได้ แต่
    เรา
    สามารถจะเลิกคาดหวังได้
     
  4. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    อนุโมทนา สาธุ
    ในการเผยแพร่พระธรรมด้วยครับ
    นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
     
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    แรกๆ พอกระทบปุ๊บ มันยังวางปั๊บไม่ได้หรอก มันจะฟุ้งก่อน จิตก็เหมือนกับน้ำ ธรรมชาติมันจะนิ่ง แต่พอมีสิ่งของหล่นมากระทบมันก็จะกระเพื่อม ยิ่งจิตที่ไม่เคยฝึกมาก่อน ก็กระเพื่อมตามทันที

    ดังนั้น ต้องหยุดแล้วก้าวถอยออกมาก่อน เืพื่อดู พิจารณาให้เห็นเหตุและผล เมื่อรู้แล้วเห็นแล้ว จึงค่อยวางลง ฝึกไปเรื่อยๆ ต่อไปมันก็จะวางเองอัตโนมัติเมื่อมีสิ่งต่างๆ มากระทบใจ ที่ต้องถอยเพราะถ้ามันใกล้ตาเราจะไม่เห็น จึงต้องถอยให้ได้ระยะจึงจะเห็นชัดเจน พิจารณาได้อย่างถูกต้อง

    สิ่งที่ฟุ้งขึ้นไม่ได้เกิดจากสิ่งอื่นที่มากระทบ หากเกิดขึ้นจากจิตที่ไม่หนักแน่นเพียงพอกับสิ่งเร้าเท่านั้นเอง
     
  6. satu_satu

    satu_satu สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +5
    ขอบคุณมากครับ เป็นประโยชน์มากเลย
     
  7. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
    [​IMG]
    ลักษณะ
    จะเล่าฝัน เมื่อคืนวาน ให้ท่านฟัง
    ในฝันยัง มีหนูตะ เภาหนึ่งครัว
    แม่ขนสี น้ำตาลอ่อน พ่อเข้มมัว
    ส่วนลูกตัว ใหญ่กว่าแม่ แต่ไร้ขน( ข้อสงสัย...ลูกหนูตัวใหญ่ แต่ทำไมไร้ขน?)
    สภาพ
    ครอบครัวหนู นั้นพ่อหา กินถิ่นไกล
    เหลือลูกไว้ ในแม่เลี้ยง ให้นมตน( ข้อสงสัย...ลูกหนูตัวใหญ่ แต่ทำไมแม่ยังต้องดูแลป้อนนม?)
    ดูพ่อหนู ไม่ค่อยสน ให้มายล
    แม้แยกคง ดำรงอยู่ เป็นคู่กัน
    สงสาร
    ในฝันนั้น ยังจิตให้ ความสงสาร
    ครอบครัวสาม หนูนั้นให้ อยากเลี้ยงเตรียม
    แต่ตนยัง ดำรงอยู่ ไม่พอเพียง
    ทั้งเสบียง กังวลห่วง เมื่อตนไกล
    ตัดใจ
    จึงตัดใจ วางใจกลาง อุเบกขา
    ไม่นำพา เลี้ยงสามหนู จึงวางจาก
    แต่จิตยัง อาวรให้ ด้วยเลี้ยงอยาก
    แต่ว่าหาก จำรับใน สภาพตน
    ทำใจ
    ครั้นตื่นฝัน นำเหตุมา พิจารณา
    นี่และนา อาจเรียก อุเบกขา
    เพราะตนไร้ ความสามารถ จักนำพา
    ตัดใจลา จำใจจาก หนูตะเภา
    สรุป-ข้อสงสัย
    นี่แหละฝัน ที่เล่า ตรองดูเถิด
    ถูกผิดเกิด ปัญญา แนวแก้ไข
    ประโยชน์มี ประโยชน์ไร้ ยังสงสัย
    เหตุไฉน ลูกหนูใหญ่ ไร้ขนเอย.

    ( ข้อสงสัย...ลูกหนูตัวใหญ่ แต่ทำไมไร้ขน?)
    ( ข้อสงสัย...ลูกหนูตัวใหญ่ แต่ทำไมแม่ยังต้องดูแลป้อนนม?)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2011
  8. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
    <TABLE id=post1409 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175>ขอขอบคุณท่าน
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->chingchamp<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1409", true); </SCRIPT>

    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Sep 2008
    ข้อความ: 797
    พลังการให้คะแนน: 144 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]

    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_1409 class=alt1><!-- google_ad_section_start --><TABLE id=post1148 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_1148 class=alt1>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE id=post1392 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175>





    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_1392 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->[​IMG]พระดู่ พรหมปัญโญ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ๒๓. อุเบกขาธรรม

    เรามักจะเห็นการกระทำที่เป็นคำพูดและการแสดงออกอยู่บ่อยๆ ส่วนการกระทำที่เป็นการนิ่ง ที่เรียกว่ามีอุเบกขานั้น มักไม่ค่อยได้เห็นกัน

    ในเรื่องการสร้างอุเบกขาธรรมขึ้นในใจนั้น ผู้ปฏิบัติใหม่เมื่อได้เข้ามารู้ธรรม เห็นธรรม ได้พบเห็นสิ่งแปลกๆ และคุณค่าของพุทธศาสนา มันเกิดอารมณ์ความรู้สึกว่าอยากชวนคนมาวัด มาปฏิบัติให้มากๆ โดยลืมดูพื้นฐานจิตใจของบุคคลที่กำลังจะชวนว่าเขามีความสนใจมากน้อยเพียงใด

    หลวงพ่อท่านบอกว่า

    "ให้ระวังให้ดีจะเป็นบาป เปรียบเสมือนกับการจุดไฟไว้ตรงกลางระหว่างคนสองคน ถ้าเราเอาธรรมะไปชวนเขา เขาไม่เห็นด้วย ปรามาสธรรมนี้ซึ่งเป็นธรรมของพระพุทธเจ้าก็เท่ากับเราเป็นคนก่อ แล้วเขาเป็นคนจุดไฟ... บาปทั้งคู่ เรียกว่า เมตตาจะพาตกเหว"

    แล้วท่านยกอุทาหรณ์สอนต่อว่า

    "เหมือนกับมีชายคนหนึ่งตกอยู่ในเหวลึก มีผู้จะมาช่วยคนที่ ๑ มีเมตตาจะมาช่วย เอาเชือกดึงขึ้นจากเหว ดึงไม่ไหวจึงตกลงไปในเหวเหมือนกัน คนที่ ๒ มีกรุณามาช่วยดึงอีก ก็ตกเหวอีก คนที่ ๓ มีมุทิตามาช่วยดึงอีก ก็พลาดตกเหวอีกเช่นกัน

    คนที่ ๔ สุดท้าย เป็นผู้มีอุเบกขาธรรม เห็นว่าเหวนี้ลึกเกินกว่ากำลังของตนที่จะช่วย ก็มิได้ทำประการใดทั้งๆ ที่จิตใจก็มีเมตตาธรรม ที่จะช่วยเหลืออยู่ คนสุดท้ายนี้จึงรอดชีวิตจากการตกเหวตาม เพราะอุเบกขาธรรมนี้แล"

    ๒๔. ให้รู้จักบุญ

    การทำบุญทำกุศลนั้น โปรดอย่านึกว่าจะต้องหอบข้าวหอบของไปใส่บาตรที่วัดทุกวัน หรือบุญจะเกิดได้ก็ต้องทอดกฐินสร้างโบสถ์ สร้างศาลา และอื่นๆ อย่างที่เขาโฆษณา ขายบุญกัน ทั้งทางวิทยุ หนังสือพิมพ์ และใบเรี่ยไรกันเกลื่อนกลาด จนรู้สึกว่าจะต้องเป็นภาระที่ต้องบริจาคเมื่อไปวัดหรือสำนักนั้นๆ เป็นประจำ

    บทสวดมนต์ชื่อพระพุทธชัยมงคลคาถา ที่ขึ้นต้นด้วย "พาหุง..." มีอยู่ท่อนหนึ่ง ซึ่งกล่าวถึงพระพุทธเจ้าทรงชนะมารคือกิเลสว่า

    "ทานาทิธัมมวิธินา ชิตวา มุนินโท" แปลว่า

    "พระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นจอมปราชญ์ ทรงชนะมารคือกิเลส ด้วยวิธีบำเพ็ญบารมีธรรมคือ ความดี มีการบริจาคทานเป็นต้น"

    พระพุทธเจ้าทรงสอนการทำบุญทำกุศล ด้วยการให้ทานรักษาศีล และสวดมนต์เจริญสมาธิภาวนา ให้ทานทุกครั้ง ให้ทำลายความโลภ คือกิเลสทุกครั้ง รักษาศีล เจริญภาวนาเพื่อทำลายความโกรธ ความเห็นแก่ตัว ให้ใจสะอาด ใจไม่เศร้าหมอง มองเห็นบาปบุญคุณโทษได้ทุกครั้ง ทำได้ดังนี้ จึงชื่อว่าทำตามพระพุทธเจ้า
    *********
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2011
  9. tuta868248

    tuta868248 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    563
    ค่าพลัง:
    +1,116
    โมทนาสาธุคะ อนุโมทนาบุญกับคุณ Chingchamp ด้วยคะ บุญรักษานะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...