ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    แผนที่บริเวณ สีเหลือง สีส้ม และสีแดง

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "ฤดูหนาวนิวเคลียร์"คนจะเป็นตะคริวตายกันมาก

    [​IMG]

    "ฤดูหนาวนิวเคลียร์" คนจะเป็นตะคริวตายกันมากเพราะอากาศที่หนาวจัด ถึงขนาดมีหิมะตกในประเทศไทย จึงควรเรียนรู้และป้องกันการเป็นตะคริวกันเอาไว้ด้วยครับ​

    เป็นตะคริวทำอย่างไรดี

    เมื่อเอ่ยถึงตะคริว ท่านผู้อ่านหลายท่านคงจะรู้จักดี บางท่านก็ถึงกับเข็ดขยาด เพราะตะคริวทำให้เกิดความเจ็บปวดเหมือนกับกล้ามเนื้อถูกทุบอย่างแรง แต่ก็มีอยู่ไม่น้อยที่ยังไม่รู้จักตะคริวและไม่เคยเป็นตะคริว ผู้เขียนในฐานะที่เคยเป็นตะคริว เคยรักษาคนที่เป็นตะคริว และมีความรู้เรื่องตะคริวบ้าง ขอนำเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง หวังว่าจะมีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ นักกีฬา นักวิ่ง และประชาชนทั่วไป

    ⇒ ตะคริว คืออะไร?

    ตะคริว หมายถึง การหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างรุนแรงเป็นเวลาต่อเนื่องกันนาน ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจทำอาจเป็นกล้ามเนื้อกลุ่มเดียวหรือหลาย ๆ กลุ่มก็ได้

    ⇒ ตะคริวอาจเกิดได้จากหลายๆ สาเหตุ ดังนี้.-


    1.ภาวะที่ร่างกายขาดน้ำและเกลือ
    2.กล้ามเนื้ออ่อนแอและเกร็งตัวจากการทำงานหรือออกแรงอย่างมากและเร็วเกินไป (ขาดการอุ่นเครื่อง) เช่นวิ่งเร็ว หรือแข่งกีฬาหนัก ๆ โดยไม่มีการอุ่นเครื่องก่อน
    3.ระบบไหลเวียนของเลือด ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อไม่เพียงพอ เช่น อากาศหนาวมาก ใส่ถุงเท้ารัดแน่นมาก ทำให้เลือดไปเลี้ยงปลายเท้าไม่พอ เกิดเป็นตะคริวที่น่อง หรือที่ฝ่าเท้าได้
    4.ภาวะเครียดทางจิตใจมีผลทำให้กล้ามเนื้อเครียดหรือตึงตัวมากเกินไปก็ทำให้เกิดเป็นตะคริวได้ง่าย

    ⇒ อาการของคนเป็นตะคริว

    มีการเกร็งของกล้ามเนื้อบางมัดหรือหลาย ๆ มัดอย่างแรงโดยบังคับไม่ได้ ถ้าคลำดูจะพบว่ากล้ามเนื้อแข็งเป็นลำปวดกล้ามเนื้อที่เกร็งนั้น เหมือนกับว่ากล้ามเนื้อถูกทุบอย่างแรง หรือเหมือนกับว่ากล้ามเนื้อถูกขยุ้มแรง ๆ เคลื่อนไหวข้อต่อที่ใกล้กับกล้ามเนื้อที่เป็นตะคริวได้ลำบาก

    [​IMG]

    ⇒การป้องกัน

    1.ควรมีการฝึกซ้อมกีฬาหรือออกกำลังกายอยู่สม่ำเสมอ
    2.ดื่มน้ำ (หรือน้ำหวาน) ผสมเกลือเล็กน้อย ก่อนการออกำลังกายหรือก่อนการแข่งขันกีฬา
    3.ควรมีการอุ่นเครื่อง (Warm-up) เช่นการวิ่งเหยาะ กายบริหารก่อนการแข่งขันกีฬาทุกครั้ง
    4.นวดกล้ามเนื้อเบา ๆ ก่อนและหลังการเล่น หรือแข่งขันกีฬา
    5. ตัดความกังวลใจล่วงหน้าก่อนการแข่งขัน

    ⇒ถ้าเป็นตะคริวโดยกระทันหันจะทำอย่างไร?

    เนื่องจากการเป็นตะคริวทำให้กล้ามเนื้อนั้นหดเกร็ง เจ็บปวด และเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานกล้ามเนื้อนั้นอาจขาดคุณสมบัติในการยืดหดได้ และส่งผลให้เป็นตะคริวได้บ่อย ๆอีก ดังนั้นจึงต้องรีบแก้ไขทันทีที่เป็นตะคริว ดังนี้

    1.จัดท่าทาง (Positioning) เพื่อยืดกล้ามเนื้อที่เป็นตะคริว อาจยืดเองหรือให้ผู้อื่นทำให้ก็ได้ ตัวอย่างเช่น การยืดกล้ามเนื้อต้องทำอย่างนิ่มนวลก่อนแล้วจึงค่อย ๆ เพิ่มแรงยืดทีละน้อยจนสุดการเคลื่อนไหวของข้อและยืดค้างไว้สักครู่ เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัวแล้วจึงค่อยๆ คลายแรงยืดนั้นลงการยืดแรง ๆ และเร็วแบบกระตุกจะทำให้เกร็งมากขึ้นกว่าเดิมได้ง่ายจึงไม่ควรทำ

    2.การนวดที่กล้ามเนื้อ ในระยะที่เริ่มเป็นตะคริวนี้ ควรจะนวดเบาสลับกับการยืดกล้ามเนื้อก็ได้ เช่น การคลึงเบา ๆ ที่กล้ามเนื้อนั้นประมาณ 1-2 นาที สลับกับการยืดกล้ามเนื้อ 1-2 นาที จะทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวเร็วขึ้น การบีบนวดอย่างแรง ๆ เป็นการกระตุ้นให้กล้ามเนื้อเกร็งมากยิ่งขึ้น ดังนั้นไม่ควรทำ

    3.การให้ความอบอุ่น หรือ ความร้อนแก่กล้ามเนื้อที่เป็นตะคริว มีความสำคัญมากในการลดอาการเกร็งเนื่องจากตะคริว และช่วยป้องกันการเป็นซ้ำ ๆ อีกได้เป็นอย่างดี ในระยะกระทันหันการช่วยเหลือ 2 อย่างแรกน่าจะเพียงพอ นอกจากจะเป็นซ้ำ ๆ กันบ่อยครั้ง จึงควรใช้ความร้อนช่วย อาจให้ในรูปของผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น แล้วบิดให้พอหมาด ๆ แล้วนำมาประคบบริเวณที่เป็นตะคริวหรือจะใช้กระเป๋าน้ำร้อนห่อด้วยผ้าขนหนู 2 ชั้น มาประคบก็ได้ จะทำให้เลือดมาเลี้ยงกล้ามเนื้อได้มากขึ้นและลดอาการเกร็ง การประคบใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ถ้าเป็นผ้าชุบน้ำอุ่นก็ควรนำมาชุบน้ำอุ่นบ่อย ๆ เพื่อรักษาความร้อนได้นาน

    เมื่อกล้ามเนื้อหายเกร็งแล้ว (หายจากการเป็นตะคริว ) ก็ควรหาทางป้องกันดังกล่าวต่อไป

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 021.jpg
      021.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.5 KB
      เปิดดู:
      2,947
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2011
  3. นูร์

    นูร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +36

    แผน(บาง)ที่


    บางสีก็กลายเป็น .. ลับตา
    บางสีก็กลายเป็น .. ลับๆ ล่อๆ
    บางสีก็กลายเป็น .. "ลับแล"


    อยู่ที่ "รู้" ดูที่ "ใจ"

    ความไหวเกิดจากกระทบ
    ความสงบเกิดจากตั้งมั่น

    ทางเลือกอยู่ที่ "ตัวกระทำ"
    ทางรอดอยู่ที่ "สัจธรรม"
     
  4. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,729
    ค่าพลัง:
    +77,793
    แผนที่และคำบรรยาย ได้มาจากลป.เครา ที่เพชรบูรณ์ :cool:
     
  5. 1stdec

    1stdec เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2010
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +112
    ขอขอบพระคุณทุกๆท่านที่ช่วยให้ข้อมูลทั้งวิธีเตรียมการต่างๆไม่ว่่าจะเป็นความพร้อมทางร่างกาย และทางจิต ไม่ว่าจะเป็น คุณหนุมาน คุณLazaza คุณเกษม คุณFalkman คุณนัท คุณนูร์ คุณดาบหัก คุณK_97 คุณคนานันท์ และอีกหลายๆท่านที่ไม่อาจเอ่ยนามได้หมด รวมทั้งครูบาอาจารย์ทุกท่านและท่านๆที่ช่วยอยู่เบื้องบน

    โมทนาบุญของทุกๆท่านค่ะ สาธุ
     
  6. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,375
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,652
    จาก.... เปิดคำทำนายปี′55 "โสรัสจะ นวลอยู่" การเมืองร้อนฉ่า สุขภาพบุคคลสำคัญ และเขื่อนใหญ่ยักษ์แตก


    16 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 21:59:06 น. <table align="center" bgcolor="#FFFFFF" border="0" cellpadding="0" cellspacing="10" width="1000"> <tbody><tr> <td class="b-left" align="left" valign="top" width="630"> เปิดคำทำนายปี′55 "โสรัสจะ นวลอยู่" การเมืองร้อนฉ่า สุขภาพบุคคลสำคัญ และเขื่อนใหญ่ยักษ์แตก ?!!


    Share260

    [​IMG]
    <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="630"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="100">

    </td> <td align="left" valign="top" width="530">
    โสรัจจะ นวลอยู่

    แม้จะไม่เคยยอมรับว่าตัวเองเป็นหมอดูอาชีพ แต่ชื่อเสียงของ “โสรัจจะ นวลอยู่” กลับโด่งดังในฐานะนักพยากรณ์ชื่อดังมากกว่าอาชีพวิศวกรและข้าราชการกรมชล ประทานที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

    จากคอลัมน์ “ส่องราศี” ในหนังสือ นรี เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ได้ทำให้เจ้าของนาม “หมอโส” โลดแล่นเข้าสู่ยุทธจักรของการทำนายโชคชะตาราศี มาจนถึง “โสรัจ” แห่งแพรวพยากรณ์ และ “โสรัจจะ “ แห่งดวงและดาว ในนิตยสารสกุลไทย ที่ผู้คนโดยเฉพาะทั้งวัยรุ่นและผู้หลักผู้ใหญ่ติดกันงอมแงม

    [​IMG]


    <table align="left" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"> <tbody> <tr> <td>
    </td></tr></tbody></table> ผูกขาดเป็นนักพยากรณ์ในหนังสือทายประจำปี “ศาสตร์แห่งโหร” ของสำนักพิมพ์ “มติชน” มาหลายปี แต่ละปีมักจะมีคำทำนายที่สร้างความฮือฮา เพราะแม่นราวจับวาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจตกต่ำ อุทกภัย อัคคีภัย ไปจนถึงการสูญเสียบุคคลสำคัญ

    ล่าสุดคำทำนายล่วงหน้าเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ “มหาภิบัติภัยสึนามิ” ที่ญี่ปุ่นในปี 2554 ได้ใกล้เคียง มีผู้คนเสียชีวิตและบ้านเรือนเสียหายจำนวนมาก

    เช่นเดียวกับ พยากรณ์ประจำปีมะโรง พ.ศ. 2555 ของเขาในศาสตร์แห่งโหรครั้งนี้ ซึ่งเขาตั้งคำถามไว้ว่า “โลกจะถึงกาลแตกดับฤา”

    โสรัสจะทำนายว่า โลกจะสิ้นสุดก็เพราะไฟ ไฟจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างให้พินาศ สูญไป แต่ที่เราเห็นอยู่ในขณะนี้ก็คือไฟจากกิเลสตัณหาของมนุษย์ที่กำลังแผดเผาผู้ คนให้ย่อยยับไปทุก ๆ ขณะ อยู่แล้ว เพราะบัดนี้ ผู้ปกครองประเทศ และประชาชนไม่ตั้งมั่นในศีลธรรมและกุศลจิตของชนทั้งหลายเสื่อมคลายลง ก็จะเกิดความเดือดร้อนกันไปทั่ว ข้าวยากหมากแพง เกิดการรบราฆ่าฟันกันและเกิดภัยพิบัติจากธรรมชาติครั้งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์ ไม่สามารถจะดำรงเผ่าพันธุ์ต่อไปได้

    “ตั้งแต่ต้นปี “พระอังคาร” หัวหน้าใหญ่บาปเคราะห์เดินขบวนอยู่ราศีสิงห์ , ราศีกันย์เกตุ, ราศีตุลย์ดาวเสาร์, ราศีพิจิกราหูล้วนเป็นขบวนดาวบาปเคราะห์ทั้งสิ้น นับเป็นขบวนผีห่าซาตานเข้ามาคร่าผลาญชีวิตชาวโลก”

    “ดาวพฤหัสบดี ดาวฝ่ายคุณธรรมความดี ย้ายเข้าสู่ราศีพฤษภ ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2555 เล็งพระราหู ฝ่ายอธรรม ซึ่งสถิตราศีพิจิก แบบนี้คงได้เห็นลางว่าจะมีการสัปยุทธใหญ่เกิดขึ้น”

    “พระราหูสถิตอยู่ราศีพิจิก จนกระทั่งวันที่ 10 ธันวาคม 2555 ย้ายเข้าสู่ราศีตุลย์ เล็งลัคนาดวงเมืองราศีเมษ เข้าร่วมพระเสาร์ดาวคู่มิตร จึงช่วยกันเข้าถล่มเมืองไทยอย่างแท้จริง”

    แต่ดวงดาวของโลกในปีมะโรง 2555 ที่น่าเอาใจใส่และเป็นห่วงที่สุดก็คือ ประเทศไทยเรานี่แหละ ไม่ต้องไปดูอะไรให้ไกลตัว

    ประเทศไทยในปี 2555 นี้ มีสิ่งที่น่าจะเพ่งเล็ง คือ ประเทศไทย เดือน มกราคม, กุมภาพันธ์, มีนาคม เริ่มเกิดความวิบัติทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยพายุโซนร้อนหลายระลอก เป็นสิ่งวิปริตอาเพศเพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นเลย น้ำท่วมจังหวัดในภาคเหนืออย่างรุนแรงเป็นแรมเดือน แล้วก็ลามลงมาภาคกลางไปจนทั่วประเทศ และรวมทั้งภาคใต้ด้วย สูญเสียผู้คนจำนวนมากและเสียหายเงินเหลือคณานับ ไร่นา ปศุสัตว์ล่ม กรุงเทพฯ ก็จมอยู่ในน้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวฝั่งธนบุรี

    และเหตุการณ์เช่นเดิมนี้ก็เกิดขึ้นอีกครั้งในเดือน มิถุนายน, กรกฎาคม, สิงหาคม, กันยายน, ตุลาคม, พฤศจิกายน และธันวาคม ประชาชนชาวไทยที่ยากจนจำต้องเผชิญกับความทุกข์ยากที่หนักและรุนแรงกว่าปี ก่อน ๆ เสียหายยับเยินไปทั่วทุกจังหวัด และทั่วทั้งประเทศเฉลี่ยไปโดยทั่วถึงกัน เป็นทุกขภิกภัยโดยแท้

    อาถรรพ์ของดวงดาวบาปเคราะห์เสาร์อริอย่างเต็มที่ บ่งถึงว่าสภาวะของประเทศเกิดความแตกร้าวอย่างรุนแรง ไม่อาจจะผสานกันได้ แสดงให้เห็นจุดยุ่งยากของหัวหน้ารัฐบาลจะต้องเผชิญ


    ดวงเมือง แห่งยุคการคลั่งไคล้ประชาธิปไตยครึ่งใบนี้ ในเดือนมีนาคม 2555 ดาวอาทิตย์ (คือประมุขของรัฐบาล) กำลังโคจรเข้าสู่ภพวินาศนะของราศีเมษพอดี และถูกบาปเคราะห์ทำมุมกากบาด แล้วยังโดนดาวเสาร์เล็งแบบหัวไม่วางหางไม่เว้น เท่านี้จะมีอะไรเหลือ

    และขณะเดียวกัน ความยุ่งยากทางการเมืองภายใน จะก่อความร้าวฉานทวีขึ้นอย่างไม่มีจบสิ้น แล้วยังมีเหตุอันร้ายแรงแก่พรรคการเมืองที่ยิ่งใหญ่เก่าแก่พรรคหนึ่งของ ประเทศไทย ซึ่งมีลัคนาของดวงพรรคอยู่ราศีกันย์ กำลังโดนเกตุบาปเคราะห์ทับและโดนดาวบาปเคราะห์เสาร์กับอังคารบีบข้างหน้า และข้างหลัง ก็ย่ำแย่เฉกเช่นกัน อาจถึงขั้นพรรคแตก, ล่มสลายไปหมดทางแก้ไข เป็นระยะของการปลอดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคยยึดเหนี่ยว เพราะความเสื่อมของผู้คนในพรรคนี้ก็เป็นได้ ที่ไม่จริงใจต่อประเทศชาติซ่อนเร้นมาตลอด

    เดือนเมษายน ประชาธิปไตยของไทย จะพบความประหลาดใจว่าดาวเจ้าเรือนภพที่ 11 (คือประมุขของรัฐบาล) อันเป็นดาวเสาร์ ซึ่งดาวเสาร์ประมุขรัฐบาลกำลังเดินถอยหลังกรูด ซ้ำร้ายดาวมฤตยูดาวแห่งการปฏิวัติรัฐประหารยังคงเดินโคจรอยู่ในภพวินาศนะต่อ ราศีเมษแห่งไทยสยาม เป็นการยืนยันให้เห็นความเชื่อมโยงถึงการเสื่อมอำนาจของผู้นำโดยแท้ ทุกอย่างสอดคล้องกันอย่างซับซ้อนให้เห็นเช่นนี้ จึงสำแดงให้เห็นถึงสภาวะการตึงเครียด และการเดินขบวนต่อต้านหัวหน้ารัฐบาลกับปรากฎการณ์ที่ส่อเค้าแห่งการเสื่อม อำนาจวาสนาของผู้ปกครองประเทศในระยะนี้ ประมุขรัฐบาลจึงต้องออกจากประเทศไป เหตุการณ์ทุกอย่างจึงสงบและทุเลาลง

    แม้จะมีรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้ง มีคณะรัฐมนตรี มีสภาผู้แทนราษฎร มีศาล และมีพรรคการเมือง ล้วนมีขึ้นเพียงรูปแบบของระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาเท่านั้น แต่จิตวิญญาณยังมิได้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงเลย

    อำนาจทางการเมืองผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันอยู่ในกำมือ ของทหารกลุ่มต่าง ๆ ในระบบอำนาจนิยม และได้พัฒนาต่อ


    “ตามดวงเมืองต้องปกครองด้วยทหาร”

    ตามโบราณของการก่อตั้งดวงเมือง ท่านโหราจารย์ผูกดวงบ้านเมืองไว้กับผู้มีอำนาจในสมัยนั้น เพื่อปกป้องบ้านเมืองให้รอดพ้นจากศัตรู ผู้มีอำนาจใจสมัยโบราณก็คือ ทหารนั่นเอง เพราะฉะนั้นประเทศไทย คงหนีไม่พ้นสิ่งนี้ไปได้ นี่คือข้อเท็จจริง ดังนั้นไม่ต้องมาอ้างว่า เราเป็นประชาธิปไตย เลิกหลอกตัวเองซะทีและเชื่อไปตามที่ตัวเองหลอก เป็นความบ้าคลั่งประชาธิปไตยโดยแบบผิด ๆ ปีนี้ควรจะหันมามองความจริงและเผชิญกับมัน


    แต่อย่างไรเสียประเทศก็มีดวงดาวที่แข็งกว่า ที่มีอะไรที่หนือกว่าดวงนักการเมืองชั่วเหล่านี้ ประเทศไทยก็จะมีการพัฒนาไปตามขบวนการหรือจะเรียกว่า การเดินทางของดวงดาว ที่จะมาช่วยบ้านเมืองเอาไว้ได้ เราไม่ “สิ้นชาติ” หรอก แต่เราก็บอบช้ำจากน้ำมือผู้นำชั่วเหล่านั้นไปมากเหมือนกัน เราจะไม่ขอให้ใครหยุดทำเพื่อประเทศอีกต่อไปแล้ว ให้มันเป็นไปตามดวงดาวลิขิตไว้เช่นนี้ละ !!

    ดาวของผู้นำประเทศในปี 2555 จะเป็นดวงที่แตกไม่สามารถที่จะเข้ามาประสานต่อไปได้แล้ว ผู้คนทั้งประเทศสิ้นศรัทธาและเกลียดชัง เพราะฉะนั้นผู้นำที่เลวและไม่หวังดีต่อประเทศคิดแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง และพวกพ้องก็ต้องเป็นไป ดวงดาวที่โคจรเข้ามาบรรจบกันพอดี

    อีกตำราหนึ่งกล่าวว่า ปีมะโรง 2555 นี้ ปรากฎว่าบาปเคราะห์ใหญ่ยังคงเล็งกันอยู่ในราศีทวารล้วนเป็นบาปเคราะห์เบิ้ม ๆ ด้วยกันทั้งนั้น เราก็ยังคงจะต้องได้ฟังปัญหาของประเทศไทย อันขัดแย้งกันอย่างน่ากลัวต่อไป ส่วนดาวในฝ่ายคุณธรรมคือ ดาวพฤหัสบดี ก็คงโคจรเล็งกับดาวเสาร์ บาปเคราะห์อันมีสภาพตรงกันข้ามกับดาวพฤหัสบดีทุกอย่าง การผสานกลมกลืนกันย่อมจะเป็นไปได้ยาก อีกประการหนึ่ง คู่พฤหัสบดีกับเสาร์ที่เปรียบเสมือนคู่ขัดแย้งกันโดยธรรมชาติ ได้ทำมุมอับกับดาวอังคาร (ดาวเลือดสีแดงกล่ำ) อยู่ด้วย เห็นเค้าของความรุนแรงปรากฎให้เห็นทุกแง่ทุกมุม อาการประนีประนอมกันคงมองไม่เห็น การทำสงครามระหว่างสีต่าง ๆ อาจจะลามปามกลายเป็นสงครามชนชั้น กลายเป็นคนจนจะลุกขึ้นฆ่าคนรวย เพราะความกดดันความคับแค้นที่สั่งสมมานานในช่วงที่นักการเมืองชั่วสลับสับ เปลี่ยนกันขึ้นมาปกครองประเทศตลอดมาอย่างไร้คุณธรรม สงครามกลางเมือง เป็นสงครามต่อเนื่องกันไปโดยไม่มีวันจบสิ้น ปี 2555 นี้ นับเป็นปีของอะไรต่อมิอะไรผยองขึ้นมาโดยขาดคุณธรรมเป็นเครื่องนำทาง จะไปหวังอะไรที่เป็นของดีงามเข้ามาช่วยเหลือหรือคุ้มครองมิได้เลย

    บุคคลในเครื่องแบบใช้อำนาจไม่เป็นธรรมร่วมมือกับสมุนทำการย่ำยี ประชาชนอย่างโหดเหี้ยมทารุณ เป็นที่ครหาไปทั่วโลก ตรงนี้เป็นจุดเปราะบาง เพราะองค์กรของโลก เช่น สหประชาชาติ ทนต่อพฤติกรรมเลวร้ายและรุนแรงเช่นนี้ไม่ไหว ต้องส่งกำลังทหารจากทั่วโลก เข้ามากวาดล้าง ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมหาศาล และบ้านเมืองที่สวยงามของเราก็พังพินาศลงไปดูแล้วน่าเอนจอนาถเป็นที่ยิ่ง

    ประเทศไทยซึ่งหวังกันว่าจะเริ่มสันติสุขปรองดองกันเสียที ก็ดูจะเลวร้ายยิ่งไปกว่าเดิม ดาวพฤหัสบดีอยู่ในมุมบังคับเป็นกากบาท ซึ่งอังคารทับเสาร์ เป็นเรื่องที่มิอาจมีการออมชอมกันได้ง่าย ๆ ฝ่ายรัฐบาลก็มีแต่การทะเลาะเบาะแว้งกันภายใน และรวมทั้งกับพรรคที่มาร่วมรัฐบาลด้วย

    ปี 2555 นี้ ประเทศไทยระวังสุขภาพของบุคคลสำคัญต่าง ๆ เกิดการเจ็บไข้อย่างรุนแรงเกิดขึ้นแก่ผู้เป็นใหญ่ในประเทศและเกิดการสูญเสีย

    เกิด “เขื่อนยักษ์ใหญ่แตก” ทั้งหมด 2 เขื่อนใหญ่ เป็นคลื่นยักษ์เข้าถล่มสู่เบื้องล่าง ท่วมไร่นา ที่อยู่อาศัย สิ่งก่อสร้างทั้งเล็กและใหญ่ และประชาชนที่อยู่ใต้เขื่อนแบบไม่รู้ตัว จมน้ำหายไปหลายหมู่บ้าน ตำบล และหลายจังหวัด เสียหายต่อเนื่องมาถึงกรุงเทพมหานคร มีผู้คนล้มตายหลายหมื่นคน

    พื้นดินถล่มและทรุดตัวไปทั่วประเทศ รวมทั้งกรุงเทพมหานคร เราอาจจะต้องสูญเสียแผ่นดินแถบชายฝั่งทะเลอันดามัน ตั้งแต่จังหวัดระนองลงมาและจมลงสู่ใต้ทะเล

    แถบชายฝั่งทะเลอันดามันตั้งแต่เกาะภูเก็ต กระบี่ พังงา ถูกคลื่นยักษ์สึนามิพุ่งเข้าถล่มครั้งใหญ่กว่าปี 2547 กวาดผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติรวมทั้งบ้านเรือน ยานพาหนะ ลงทะเลเกือบหมดสิ้น


    นี่คือส่วนหนึ่งของคำทำนาย อยากรู้มากกว่านี้ต้องไปหาอ่านในศาสตร์แห่งโหรปี2555 ที่วางแผงแล้ว

    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  7. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>อุตุฯฉบับที่ 8 เตือนปชช.ลาดเชิงเขา-ลุ่มริมน้ำ 8 จว.ภาคใต้ระวังท่วมฉับพลัน -น้ำล้นตลิ่ง </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ประกาศเตือนภัย ฉบับที่ 8 ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2554เวลา 05.30 น.

    เรื่องฝนตกหนักและคลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้ ระบุว่าในช่วงวันที่ 23-24 พ.ย.54 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป มีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

    จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มริมน้ำ บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล ยังคงต้องระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

    สำหรับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือและภาคะวันออกเฉียงเหนือตอนบน

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.
    ภาคเหนือ ภาคอากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง และมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
    ภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
    ภาคตะวันออก มีเมฆบางส่วน กับมีลมแรง และมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) จังหวัดชุมพรขึ้นมา มีเมฆบางส่วน มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร
    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>




    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>พายุฝนถล่มภาคใต้น้ำท่วมดินสไลด์ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>ภาคใต้ฝนตกหนัก ต่อเนื่องหลายจังหวัดทำน้ำท่วม ดินสไลด์ คลื่นสูง ทุกจังหวัดเตรียมพร้อมรับมือ


    เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.ปัตตานี มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ซัดเข้าชายฝั่งโดยเฉพาะถนนเลียบชายฝั่งจากพื้นที่ อ.ยะหริ่ง อ.ปะนาเระ และ อ.สายบุรี จนพังเสียหายเป็นช่วง ๆ โดยหน่วยงานรัฐได้ทิ้งหินและแท่งคอนกรีตเป็นแนวเพื่อกันคลื่นซัดถนน แต่ไม่สามารถป้องกันได้ ขณะที่เรือประมงท้องถิ่น หรือเรือกอและ ต้องรีบเข้าฝั่ง ทำการประมงไม่ได้ เนื่องจากคลื่นลมแรง เกรงว่าจะได้รับอันตราย

    ส่วนที่ จ.นครศรีธรรมราช กรมอุตุนิยมวิทยา ได้รายงานว่า เมื่อเวลา 04.00 น. วันเดียวกัน ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยทวีกำลังแรงขึ้น

    ทำให้มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่โดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากขึ้นได้ในบริเวณ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 22-24 พ.ย.นี้

    นายธีระ มินทราศักดิ์ ผวจ.นครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้ตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัยและดินถล่ม จ.นครศรีธรรมราช ที่บริเวณชั้น 3 อาคารศาลากลาง โดยเตรียมเรือท้องแบน 70 ลำ ชุดเคลื่อนที่เร็ว 2 ชุด พร้อมกำลังทหารอีก 1 ชุด เพื่อเตรียมความพร้อมไว้รองรับเหตุฉุกเฉิน

    ที่ จ.ตรัง เกิดฝนตกหนักติดต่อกัน 2 วัน ทำให้ระดับน้ำในคลอง ต่างๆมีระดับเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    และไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ราบลุ่มในเขตอำเภอเมืองตรังอย่างรวดเร็ว การสัญจรไปมาค่อนข้างลำบาก เส้นทางจราจรบางแห่งติดขัด ชาวบ้านในหลายพื้นที่เตรียมตัวรับมือสถานการณ์น้ำท่วมกันบ้างแล้ว โดยเฉพาะในแถบเขาปู่เขาย่า เขาบรรทัด โดยทางจังหวัดได้ทำหนังสือแจ้งเวียนไปยังอำเภอที่เป็นจุดเสี่ยง 3 อำเภอ คือ อ.นาโยง อ.ย่านตาขาว อ.ปะเหลียน ให้เฝ้าระวังดินโคลนถล่มเป็นสำคัญ เรือประมงเล็ก ขอให้งดออกจากฝั่ง และฟังประกาศของทางราชการอย่างใกล้ชิด.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติภัยหนาว2จังหวัด 6อำเภอ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติภัยหนาว2จังหวัด 6อำเภอ


    <!--<script type="text/javascript"> google_ad_channel = '3694366847'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </script> <script type="text/javascript" src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js"></script> <script type="text/javascript" src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></script>-->[​IMG]
    <!-- <iframe src="http://www.bangkokbiznews.com/home/banner/all-ad-300-indetail.php" frameborder="0" scrolling="no" width="300" height="250"></iframe> -->
    ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ศภช.) แจ้งว่าปัจจุบันพื้นที่ที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยหนาว) ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2554 – ปัจจุบัน จำนวน 2 จังหวัด 6 อำเภอ 33 ตำบล 393 หมู่บ้าน ดังนี้

    จังหวัดเชียงใหม่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภออมก๋อย และอำเภอสะเมิง

    จังหวัดน่าน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอบ้านหลวง และอำเภอนาน้อย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> น้ำป่าไหลหลาก อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี คอสะพานขาด </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่หมู่ที่ 6-7 ต.ปากหมาก อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี หลังเกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายชั่วโมง

    ส่งผลให้คอสะพานบ้านห้วยตาหมิง หมู่ 6 ต.ปากหมาก ถูกน้ำซัดคอสะพานขาด โดยเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่าง ต.ปากหมาก อ.ไชยา กับ ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ เจ้าหน้าที่จาก อบต.ปากหมาก เข้าตรวจสอบความเสียหาย และประสานงานไปยัง แขวงการทางสุราษฎร์ธานี ให้นำสะพานชั่วคราวมาติดตั้ง เพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรได้ตามปกติ
    นอกจากนี้ ยังได้เกิดลมพายุหมุน พัดบ้านเรือนราษฎร พังเสียหาย คือ บ้านเลขที่ 188/6 และบ้านเลขที่ 120/3 หมู่ 7 ต.ปากหมาก ซึ่งเป็นบ้านของ นายโชคดี จันทร์ถ่อง และนายไชยันต์ จันทร์ถ่อง โดยลมได้พัดพาเอาหลังคาบ้านทั้ง 2 หลัง พังลงมา ขณะที่มีผู้อาศัยอยู่ในบ้าน แต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว สำหรับในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี มีรายงานฝนตกหนักต่อเนื่องหลายพื้นที่ ทั้ง อ.ท่าชนะ อ.ไชยา และ อ.ท่าฉาง

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>พิษน้ำท่วม-ไฟดูดคนตายเดือนเดียวทะลุร้อยศพ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>วันที่ 23 พ.ย. น.พ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยสถานการณ์การเสียชีวิตจากการถูกไฟดูดในช่วงน้ำท่วม ว่า

    ได้รับรายงานตัวเลขที่น่าตกใจว่า ภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นกว่า 100 % โดยขณะนี้ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากไฟดูด เท่าที่ได้รับรายงานจากสำนักระบาดวิทยา อย่างเป็นทางการ สูงถึง 102 ราย ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนมากที่สุด เนื่องจากในหลายพื้นที่ประชาชนระดับน้ำเริ่มลดลง จึงมีประชาชนเข้าไปสำรวจบ้านเรือนของตนเองมากขึ้น ส่วนบางรายน้ำลดลงระดับหนึ่ง ทำให้สามารถเข้าอยู่อาศัยในบ้าน โดยเฉพาะบริเวณชั้นสองของบ้านได้ ซึ่งแม้ว่าชั้นสองจะไม่ถูกน้ำท่วม แต่บางครั้งการที่บ้านถูกน้ำท่วมเป็นเวลานาน อาจเกิดปัญหาระบบไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น มีไฟรั่ว เนื่องจากสายไฟ พิวส์ หรือ เบรคเกอร์ได้รับความเสียหาย เมื่อเปิดกระแสไฟฟ้าใช้ พอไปสัมผัสกับสวิทช์ไฟ หรือ เสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น โทรทัศน์ พัดลม ตู้เย็น โดยไม่ได้ระวังก็ทำให้ถูกไฟดูดได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของปัญหากระแสไฟฟ้ารั่วจากเสาไฟฟ้า ตู้โทรศัพท์ ซึ่งประชาชนที่ไม่รู้เดินเข้าไปใกล้บริเวณที่มีไฟฟ้ารั่วก็อาจจะถูกไฟดูดได้เช่นเดียวกัน

    อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวด้วยว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากไฟดูดที่เพิ่มขึ้นมากขนาดที่ต้องบอกว่าติดอันดับต้นๆของโลกสำหรับผู้เสียชีวิตจากไฟดูดในช่วงอุทกภัย

    ทำให้ต้องมาทบทวนบทเรียนที่เกิดขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นมากไปกว่านี้ และภายหลังน้ำลดแล้ว อาจจะต้องมีการสำรวจเพื่อทำวิจัยทางวิชาการ ในการวางมาตรการตัดกระแสไฟฟ้า หรือให้ความรู้กับประชาชน หรือ มีมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งที่รัดกุม เพื่อป้องกันการเสียชีวิตจากไฟฟ้าดูดต่อไป รวมทั้งอาจจะต้องมีความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้าไปสำรวจ ซ่อมแซมและแก้ไขระบบไฟฟ้าทั้งในบ้านเรือน และในชุมชน เพราะหากมีการฟื้นฟูบ้านที่ถูกน้ำท่วม แค่ทำความสะอาด หรือ ซ่อมแซมบ้าน แต่ไม่มีการตรวจระบบไฟฟ้าก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้อีกในอนาคต



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,375
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,652
    เลื่อนมา 6 ปี....สุดท้ายก็เกิดขึ้นจนได้



    [​IMG]




    <table id="post5370324" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">Falkman
    พลังจิตนานาชาติ

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jul 2006
    ข้อความ: 13,785
    พลังการให้คะแนน: 5343 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_5370324" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เกษม [​IMG]
    แผนที่บริเวณ สีเหลือง สีส้ม และสีแดง
    [​IMG] [​IMG]


    </td> </tr> </tbody></table>
    แผนที่และคำบรรยาย ได้มาจากลป.เครา ที่เพชรบูรณ์ :cool:
    </td></tr></tbody></table>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 000.jpg
      000.jpg
      ขนาดไฟล์:
      138.2 KB
      เปิดดู:
      2,534
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2011
  9. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,375
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,652
    จาก...http://www.oknation.net/blog/WRITE/2011/01/11/entry-1


    วันอังคาร ที่ 11 มกราคม 2554
    คำทำนายอนาคต
    Posted by อ.อัครเมธี , ผู้อ่าน : 2910 , 16:14:05 น.
    หมวด : ศาสนา
    [​IMG] พิมพ์หน้านี้ [​IMG] [​IMG] โหวต 1 คน

    ทำนายอนาคตของโลก (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล)

    (ก่อนสวดพระคาถา ท่องนะโม 3 จบ)

    ผู้นึกถึงตถาคต จะพ้นจากภัยวิบัติให้ภาวนา พระคาถาดังต่อไปนี้


    "ถิตะถิราทะนัง มันทะโรกะสีลา กะระราสะติโส จะถิโหคะหะตะเน"


    ให้ ท่านท่องบ่นไว้ หรือจดใส่ผ้าหรือแผ่นโลหะอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วผูกพัน ศีรษะไว้ สารพัดวินาศ สันติประเสริฐนัก ให้สวดภาวนา ทุกวัน หรีอใล่กรอบบูชาไว้บนหิ้งพระจะดีมาก

    (คัดลอกจากหนังสือ พุทธทำนาย)

    เริ่มเรียบเรียง 2 กันยายน 2536

    เรื่อง ที่ข้าพเจ้าจะเขียนนี้ได้มีการเล่าขานกันมานาน หลายปี โดยมีที่มาจาก อาจารย์สมโชค คงพิทักษ์ โดย เป็นเรื่องเกี่ยวก้บภัยพิบัติของโลกที่จะเกิดขึ้นในอนาคตซึ่งมี เรื่องราวใกล้เคียงกับคำทำนายอันโด่งดังของ นอสตราดามุส ที่เห็นเลข 999 ในปีที่เกิดภัยพิบัติ

    ตั้งแต่ที่ข้าพเจ้าได้บรรจุเข้ามาทำงานที่ฝ่ายร็อกแมค แคนิคส์ในปี พ.ศ. 2530 ข้าพเจ้า ก็ได้พบวิศวกรอุตสาหการ ท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้มีความสนใจศึกษาเรื่องโหราศาสตร์อย่างลึกซึ้ง ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องแปลกที่ผู้มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ จะหันมาให้ความสนใจกับศาสตร์ใบราณลึกลับ ข้าพเจ้าจึงได้ คอยสังเกตก็พบว่าอาจารย์สมโชค คงพิทักษ์ มีการศึกษา โหราศาสตร์อย่างคร่ำเคร่ง โดยใช้ทั้งตำราภาษาไทยและ ต่างประเทศ นอกจากนี้ในระยะหลังยังพบว่ามีการนำเอา เครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้ในการคำนวณทางโหราศาสตร์ด้วย ข้าพเจ้าก็ลองถามอาจารย์ดู ท่านก็ตอบว่า เอามาคำนวณหา ตำแหน่งดวงดาว เมื่อรู้ตำแหน่งดวงดาวแล้วจึงนำมากำหนด ลงบนแผ่นดวงเพื่อทำการพยากรณ์
    จาก การเฝ้าศึกษาดูความแม่นยำในการทำนาย ทายทักของอาจารย์สมโชค พบว่า แปลกจริง ๆ คนภายนอก ฝ่ายแมคแคนิคค์ชอบมาหาอาจารย์ แต่คนในฝ่ายเองกลับ ไม่ค่อยให้อาจารย์ทำนายให้ มีเฉพาะเพื่อนสนิทไม่กี่คน ข้าพเจ้าก็เลยสอบถามดู พบว่า มีความคิดเห็นไปต่าง ๆ นานา บ้างก็ว่าแม่นยำดี บ้างก็ว่าไม่แม่นยำ แต่จากการศึกษาของ ข้าพเจ้าพบว่า ใกล้เคียงความเป็นจริงมากพอสมควร คือ ข้าพเจ้ามั่นใจว่าศาสตร์นี้มีจริง แต่ความแม่นยำขื้นอยู่กับ ประสบการณ์และองค์ประกอบอื่น ๆ เขน ความสามารถ ในการตีความหมาย ความกล้าหาญในการพูดความจริงอย่าง ตรงไปตรงมา ฯลฯ

    ประมาณปี พ.ศ. 2533 อาจารย์ สมโชค ได้มาเล่า ให้ผมฟังถึง หลวงปู่บุดดา รวมทั้งพระอาวุโสต่าง ๆ ซึ่ง ไม่เหมาะสมที่จะกล่าวถึงท่านว่าเป็นเกจิอาจารย์ เพราะ หลาย ๆ ท่านปฏิบัติเพี่อความหลุดพ้นเท่านั้น ในจำนวน พระผู้ใหญ่ มีพระ...... เหล่านี้ อาจารย์สมโชคได้กล่าวถึง หลวงพ่อสมศรี ศิริปัญโญ ด้วยความนับถือเป็นพิเศษ อาจารย์เล่าว่า ได้เคยลองทดสอบหลวงพ่อสมศรี โดยการ นั่งหุบปากถามในใจ ท่านตอบด้วยเสียงทุกคำถามเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ทำให้อาจารย์สมโชคหายสงสัย และเลื่อมใสในตัว ท่านได้

    ตั้งแต่ อาจารย์สมโชคได้พบกับหลวงพ่อสมศรี ศิริปัญโญ ก็ได้เล่าเรื่องความมหัศจรรย์ทางจิตโลกวิญญาณ หลักการนั่งกรรมฐานและฝึกสมาธิ ฯลฯ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ ทำให้ข้าพเจ้าหนักใจ คือ เรื่องสงครามโลกครั้งที่ 3 และ ภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นในช่วงนั้น ซึ่งจะทำให้เกิดความ หายนะขื้นกับโลกอย่างหนัก มีคนเสียชีวิตเป็นจานวนมาก โดยทำนายว่าจะเริ่มเกิดปี พ.ศ. 2540 ถึง พ.ศ. 2542 พอ ฟังแล้ว ข้าพเจ้าก็ลองนำมาเทียบเคียงกับความรู้เดิม ก็คือ คำพยากรณ์ของศาสดากับพยากรณ์นอสตราดามุลว่าจะเกิด สงครามโลกครั้งที่ 3 ปี ค.ศ. 1999 ซึ่งเมื่อ บวก 543 ก็ตรง กับปี พ.ศ. 2542 จึงนับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจติดตามต่อไป

    ข้าพเจ้ามาพบเรื่องสนใจนี้โดยบังเอิญอีกครั้งใน ระหว่างที่ข้าพเจ้าลาบวชที่จังหวัดพัทลุงในปี พ.ศ. 2536 ซึ่ง ก็ได้พบพระรูปหนึ่งอายุ 26 ปี ท่านบวชเป็นเณรตั้งแต่อายุ 18 ปี ท่านได้เล่าประสบการณ์ของท่านว่า ท่านได้สนใจนั่ง กรรมฐานมาตั้งแต่เมื่อยังเป็นเด็ก ท่านฝึกกรรมูฐานได้เอง โดยธรรมชาติ ท่านเคยนั่งเห็นตัวท่านเองเป็นฤๅษีในอดีตชาติ หลายภพหลายชาติย้อนไปในอดีต แม้แต่ในช่วงก่อนหน้าที่จะ ตัดสินใจบวชมีนิมิตมาเตือนว่า "ถ้าไม่บวชจะติดคุก" ถ้า ข้าพเจ้าจำไม่ผิดคงเป็นเพื่อนฤๅษีด้วยกันมาเตือน หลังจาก นั้นไม่นานก็มีเพื่อน ๆ ของท่านมาชวนท่าน ท่านก็เลยย้อน คิดทบทวนถึงนิมิต ซึ่งมาเตือนว่า "ถ้าไม่บวชจะติดคุก" ก็ บอกทางบ้านว่า ท่านขอบวชเมื่ออายุประมาณ า8 ปี เมื่อ เพื่อนมาชวน มี 2 ทางเลือก คือ ร่วมมือด้วยหรือบวชเณร มิฉะนั้นอาจเป็นอันตราย จากนี้ขอกล่าวนามท่านว่า "หลวงพี่ วาณิช"

    ในระหว่างที่ข้าพเจ้าบวชและจำพรรษาที่พัทลุงได้มี พระอีกรูปหนึ่งจาก เขาวัง ราชบุรี ได้เดินทางไปพัทลุงด้วย ขอกล่าวนามท่านว่า "หลวงพี่ประเสริฐ"
    ในวันหนึ่งของต้นเดือนพฤษภาคม 2536 หมู่ พระ ของวัดถ้ำสุมโนซึ่งข้าพเจ้ามาบวชอยู่กำลังนั่งสนทนาธรรมว่า ท่านผู้ใดนั่งกรรมฐานเป็นอย่างไรบ้าง นั่งแล้วสงบดีหรือฟุ้งซ่าน หรือนั่งหลับ หรือพบนิมิตอะไรบ้าง ก็มีพระหนุ่มรูปหนึ่งชื่อ หลวงพี่วาณิจ เดินทางมาจากระยอง ได้มาจำพรรษาที่วัด ถ้ำสุมโน จ. พัทลุง หลวงพี่ประเสริฐและข้าพเจ้าจึงทำหน้าที่ ต้อนรับพระอาคันตุกะ จากนั้นเราทั้ง 3 รูป ก็สนทนากัน ถึงเรื่องกฎแห่งกรรมสักพักหนึ่ง ขณะหนึ่ง หลวงพี่วาณิก็ เอ่ยถึงเรื่องภัยพิบัติของโลกที่กำลังจะเกิดขึ้นว่า จากการนั่ง กรรมฐานและการออกธุดงค์ปฏิบัติธรรมของท่านตั้งแต่ช่วง ยังเป็นเณรอยู่ ท่านได้เดินทางไปในป่าทางภาคอีสาน ทาง ตะวันออก และชายแดนด้านที่ติดต่อเขมร เช่น สุรินทร์ ฯลฯ ท่านได้นั่งกรรมฐาน เห็นว่าโลกกำลังจะเกิดภัยพิบัติขึ้น โดย จะเริ่มเห็นชัดในปี พ.ศ. 2538 และจะรุนแรงมากในปี พ.ศ 2542 ถึง 2544

    ท่านกล่าว ว่าภัยพิบิตนี้ จะเกิดจากเวรกรรมของ มนุษยชาติ คือ ก่อบาปกอเวรกรรมกันมาก โดยเฉพาะ อย่างยิ่งแรงอาฆาตพยาบาทของผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก เพราะ ถูกฆ่า ถูกทรมาน ถูกเอารัดเอาเปรียบ ฯลฯ พลังความชั่วร้าย ของแรงอาฆาตพยาบาทเหล่านี้มีการสะลมกันมาแต่โบราณ จนถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งผ่านสงครามใหญ่ ๆ และสงครามใลก มา 2 ครั้ง ทำให้บังเกิดเป็นกลุ่มดาวสีดำขนาดมหึมาจำนวน 3 ดวง ขึ้นมา ซึ่งจะกล่าวว่าเป็นหลุมดำก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่ แต่ มีพลังงานมหาศาลมากกว่าดวงอาทิตย์ของระบบสุริยจักรวาล เราเสียอีก วงโคจรของดาวนี้ ดวงแรกอยู่ห่างดวงอาทิตย์เป็น ระยะ 4 เท่าของดาวพลูโต
    (ผู้ เขียน : ดาวดำนี้คงจะอยู่ในมิติโลกวิญญาณเท่านั้น คงจะไม่มี ตัวตนในมิติของโลกมนุษย์ เพราะเกิดจากพลังจิตของคนที่กำลัง จะถูกฆ่าหรือทนทุกข์ทรมาน หลักการคล้ายกันกับพลังจิตของพระ เกจิอาจารย์ที่ปลุกเสกบรรจุลงในเครื่องรางของขลัง)

    ในวันเกิดเหตุจะมีดวงดาวเรียงกันอยู่ 1 0 ดวง ขาวสว่าง 7 ดวง ดำสนิท 3 ดวง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มหมอก สีดำเป็นกลุ่มก้อน พลังงาน 2 กลุ่มต่อท้ายดวงดำทั้ง 3 ดวง นี้ด้วย ดาวทั้ง า0 ดวงและกลุ่มพลังงานสีดำอีก 2 กลุ่ม เรียงตัวกันในแนว า 80 คือ เป็นแนวเส้นตรง สำหรับ กลุ่มดาวที่กล่าวนี้ยังกล่าวไม่ละเอียด ถ้าต้องการให้ละเอียด ต้องคำนึงถึงดวงจันทร์ ดวงดาวนพเคราะห์ในระบบสุริย จ้กรวาลด้วย โดยเฉพาะดวงจันทร์ของโลกจะให้ผลกระทบ รุนแรงที่สุด เพราะอยู่ใกล้โลกที่สุด

    เหตุการณ์ที่สำคัญจะเกิดได้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 เป็นต้นไป โดยในวันเกิดเหตุจะมีดาวจำนวน 10 ดวง และ กลุ่มหมอกอีก 2 กลุ่มเข้ามาเรียงตัวกันในแนว า80 โดย เป็นดาวที่มีแสงสีขาว แต่เป็นดาวขนาดเล็ก 7 ดวง และเป็น ดาวที่มีขนาดใหญ่อีก 3 ดวง ส่วนกลุ่มหมอกอีก 2 กลุ มเป็น สีดำ การเรียงตัวของดาวเช่นนี้ ทำให้เกิดแนวพลังสนาม แม่เหล็กขึ้นอย่างรุนแรง พลังงานของดาวแต่ละดวงจะถูก ตีกลับไปกลับมาจนคนบนโลกมนุษย์ส้มผัสได้ คนจะมีอาการ ขนหัวลุกโดยไม่มีสาเหตุ สารและวัตถุที่มีอำนาจแม่เหล็กจะ เคลื่อนที่ได้เอง ไฟฟ้าตามอาคารบ้านเรือนจะดับ ๆ ติด ๆ หรี่ ๆ ดับ ๆ ประตูมิติจะถูกเปิดขึ้น สสารและวัตถุต่าง ๆ จะถูกเคลี่อนย้ายผ่านประตูมิติได้

    (ผู้ เขียน : ประตูมิตินี้คงจะหมายถึง ระดับของคลื่นพลังงานที่เป็น ตัวสร้างมิติต่าง ๆ เช่นมิติของมนุษยโลกที่อยู่ในระบบสุริยจักรวาลนี้ หรือจักรวาลอื่น ๆ มิติของโลกวิญญาณที่มีมากมายและหลายระดับ เช่น ยักษ์ นาค เทวดา พรหม เป็นต้น ผู้รู้ที่อยู่ริมแม่น้ำโขง กล่าวว่า มิติโลกวิญญาณที่คล้ายกับโลกเรานี้มีเป็นพัน ๆ การที่ คลื่นสนามแม่เหล็กมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากแรงดึงดูดคงจะมี ผลกระทบต่อคลื่นพลังงาน เป็นตัวสร้างมิติหรือในทางกลับกันที่ เราเห็นได้ เช่น การทดลองที่ ฟิลลาเดลเฟีย หรือการไม่สามารถ ใช้เครึ่องคอมพิวเตอร์ภายในปิระมิด หรือใช้วิทยุสื่อสารแถบ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ที่มักมีปัญหา เป็นต้น)

    ใน วันที่เกิดเหตุจะเกิดสุริยุปราคาขึ้นก่อน เมื่อ ดวงจันทร์โคจรเข้ามาในแนวเส้นตรงเดียวกับโลกและดวง อาทิตย์ในเวลาเดียวกัน ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของภัยธรรมชาติ ซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และค่อย ๆ รุนแรงขึ้น แผ่นดิน จะไหวทั่วโลกนานถึง 8-9 ชั่วโมง

    ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นจะมีอยู่ 4 ระดับ คือ

    1. ทำลายทั้งจักรวาล คือ ไม่มีอะไรเหลืออยู่ใน สุริยจักรวาลเลย แม้แต่ดวงอาทิตย์ก็แตกลลายไปด้วย

    2. ดาวพระเคราะห์บางดวงในระบบสุริยจักรวาล แตกสลายไป ซึ่งจะทำให้ระบบสุริยจักรวาลเสียสมดุล วงโคจร ของดวงดาวอาจจะเปลี่ยนไป

    3. ไม่ มีดาวพระเคราะห์ดวงใดแตกสลายไป แต่ว่า จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและเสียหายมาก บนพื้นผิว หรือเปลือกของดาวพระเคราะห์แตละดวง เช่น เกิดแผ่นดินไหว แผ่นดินแยก และภูเขาไฟระเบิดทั่วไปหมดทั้งดวงดาว เท่าที่ ทราบด้วยดวงจิต ขณะนั้นประเมินว่าจะเกิดในระดับที่ 3 นี้

    4. เกิดควานเสียหายขึ้นกับพื้นผิวหรือเปลือกของ ดาวพระเคราะห์แต่ละดวง แต่ว่าระดับความรุนแรงน้อยกว่า ข้อ 3 คือ เกิดความเสียหายเป็นบางจุดบางพื้นที่ ในกรณีนี้ ความเสียหายบนพี้นใลก เช่น เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเป็น บางประเทศ เกิดภูเขาไฟระเบิดเป็นบางจุด ฯลฯ

    (ผู้เขียน : ระดับความรุนแรงที่ท่านเห็นนั้นโลกจะมืดเป็นเวลา 3 วัน ก่อนเกิดภัยอันนี้คงจะเป็นผลของระเบิดนิวเคลยร์ที่เป็นเมฆปกคลุม โลก ส่วนบางประโยคที่ไม่ได้นำมาลง คือการที่ดวงดาวต่าง ๆ ถูก ตรึงจากแรงโน้มถ่วง ทำให้การโคจรสะดุดนั้น ส่วนนี้อาจทำให้ขวัญ ของคนไม่ดี งานส่วนนี้เป็นหน้าที่ของผู้วิเศษรับผิดชอบอยู่แล้ว)

    ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับโลกมนุษย์ สามารถแยก ออกเป็น ภัยที่เกิดขึ้นในรูปของธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ

    1. ดิน ภัยที่เกิดขึ้นในรูปของดิน คือ แผ่นดินแยก แผ่นดินไหว แผ่นดินถล่ม แผ่นดินทลาย เกาะจม ฯลฯ

    2. น้ำ ภัยที่เกิดขึ้นจากน้ำ ได้แก่ ภาระฝนแล้ง ติดต่อกันยาวนานในบางประเทศ และเกิดภาวะน้ำท่วมใน บางประเทศ ในระหว่างที่เกิดการซ้อนกันของดวงดาวต่าง ๆ ทำมุม 180 น้ำแข็งขั้วโลกละลาย น้ำทะเลจะหนุนเนืองท่วม สูงมาก เกิดคลื่นขนาดใหญ่ ความสูง 1 000 - 2,000 เมตร เนื่องจากคลื่นใต้น้ำซึ่งเกิดจากการระเบิดของภูเขาใ ต้ทะเล

    3. ภัย ที่เกิดในรูปของลมก็มี ลมพายุชนิดต่าง ๆ เช่น ทอร์นาโด ลมไต้ฝุ่น เกิดขึ้นในท้องที่ต่าง ๆ ทั่วโลก เมื่อเกิดแผ่นดินไหวและแผ่นดินแยกนี้ก็จะมีอากาศบางชนิดที่ เป็นพิษอย่างร้ายแรงขึ้นมาจากใต้พิภพ ตามที่หลวงพี่วาณิช นั่งกรรมฐานเห็นมาแล้วนั้น เทวดาท่านเรียกว่า "ลมสลาตัน"

    (ผู้เขียน : ลมสลาตันที่ว่านี้ อาจจะเป็นก๊าซ ซึ่งมักพบในการเจาะ น้ำมันมีอันตราย ถ้าสูดดมประมาณ 100 พี จีเอ็ม จะเสียชีวิต ซึ่งจะย่อยสลายทุกสิ่งทุกอ่างที่ลมพัดผ่านไป ให้กลายเป็นผุยผง ไปหมด ลักษณะของลมนี้คล้ายกันหมอกลงในยามเช้า หนาทึบมาก ถ้าได้สัมผัสลมนี้แล้วจะไม่รู้สึกร้อนหรือเย็น ขณะที่เกิดลมนี้ก็ไม่มี การแกว่งไกวของใบไม้ มีความเงียบสงบหรือเสียงค่อย ๆ ลมนี้ จะค่อย ๆ แผ่กระจายออกมาจากรอยแตกของเปลือกโลก ไม่ว่า จะเป็นบนบกหรือใต้ทะเล)

    4. ไฟ ภูเขาไฟระเบิดเกิดขึ้นทั่วไป อากาศจะร้อน อบอ้าวผิดปกติ แผ่นดินจะแยกมีไฟพุ่งขึ้นจากใต้พิภพ บาง ครั้งจะมีสัตว์นรกหลบหนีขึ้นมาเพ่นพ่านด้วย
    ข้อ สังเกต ก่อนเกิดเหตุจะเกิดเหตุจะเกิดปรากฏการณ์ขึ้น คือ จะมีสงครามนิวเคลียร์เกิดขื้น ท้องฟ้าจะ มีเม็ดดำขนาดใหญ่แผ่ปกคลุมไปทั่ว มีฝนตก ตลอดเวลาผสมกับลมพายุ และฟ้าจะผ่าในพื้นที่ นั้นตลอดเวลาต่อเนื่องเป็นเวลาหลาย ๆ วัน

    (ผู้ เขียน : กำหนดที่จะเกิดภัยพิบัตินั้น ยังไม่มีใครทราบช่วงเวลา ที่แท้จริงได้ เนื่องจากเป็นหน้าที่ของฝ่ายมาร นอกจากฝ่ายขาวจะ ไม่รู้ถึงการตัดสินใจของพวกเขา เขาสามารถจะเปลี่ยนได้ ฝ่ายขาว ทำได้แค่กำจัดคนชั่วออกจากระบบหรือเร่งเตือนให้คนทำความดี หรือชี้จุดที่ปลอดภัยให้เท่า

    ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในแต่ละสถานที่จากคำบอกเล่า ของหลวงพี่วาณิช ตามที่ท่านเห็นในกรรมฐานและคำกล่าว ของเทวดาแก่ท่านเป็นดังนี้

    ภาค ใต้โดยเฉพาะทางตอนล่างจะพบกับพายุ น้ำท่วม แผ่นดินไหวและคลื่นขนาดยักษ์พัดเข้ามา ทุกสิ่ง ทุกอย่างจะสูญสิ้นไปหมด แผ่นดินจะหายไปเหลือเพียงเกาะ เพียงไม่กี่เกาะ คนที่อาศัยอยู่เสียชีวิตเกือบหมด

    ภาคกลาง จะพบกับพายุฝนอย่างหนัก แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียงจะจมลง ไปหมด เนื่องจากแผ่นดินไหวและทรุดตัวลงกลายเป็นทะเล

    ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ จะพบภัยพิบัติน้อยกว่า ภาคอื่น ๆ เพราะว่าภาคนี้ประสบเคราะห์กรรมอยู่เสมอ เป็น การใช้หนี้กรรมอยู่เป็นประจำแล้ว โดยภาคนี้จะพบลมพายุ และแผ่นดินไหวบ้างเล็กน้อย จังหวัดที่ปลอดภัยก็มี อุดรธานี ขอนแก่น และชัยภูมิ เป็นต้น แต่ปัญหาสำหรับภาคนี้ก็คือ ผู้คนที่รอดตายจะต้องพบกับโรคระบาด และอดอยาก เพราะ พืชพันธุ์ธัญญาหารถูกภัยธรรมชาติทำลายหมด

    ภาค เหนือ จะพบภัยธรรมชาติก็คือ แผ่นดินไหว และแผ่นดินแยก มีไฟพุ่งขื้นมาจากใต้พิภพ มีผู้คนล้มตาย จำนวนมากเช่นเดียวกับภาคใต้และภาคกลาง พื้นที่ริมทะเล จะถูกน้ำท่วมเข้ามา

    สรุปว่าหลังจากเกิดภัยพิบัติแล้ว ประเทศไทยจะต้อง ทำแผนที่ใหม่ เพราะดินแดนบางส่วนจะจมลงใต้ทะเล


    สำหรับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เป็นดังนี้

    ประเทศที่เป็นเกาะ เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไต้หว้น ฯลฯ จะจมหายไปเกือบหมด

    ประเทศ ที่เคยเป็นผู้ก่อสร้างสงครามในสมัยสงคราม โลกครั้งที่หนึ่งหรือครั้งที่สอง ก็จะต้องใช้หนี้กรรมที่ตามมา เนื่องด้วยแรงคำสาปแช่งของผู้ได้รับเคราะห์ เนื่องจากสงคราม ทั้งสองทำให้ประเทศเหล่านั้นประสบภัยพิบัติที่เกิดจากแรง อาฆาตจนพังพินาศไปหมด

    ประเทศที่เคยล่าอาณานิคม ประเทศที่เคยค้าทาส และใช้แรงงานทาสมาก่อน จะต้องประสบกับภัยพิบัติจากคำ สาปแช่งของผู้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานในอดีต และกลุ่มประเทศ ที่เคยล่าอาณานิคมมาก่อนจะหันมาทำสงครามกันเอง

    อันที่จริงภัยพิบัติอันเนื่องมาจากแรงบาปกรรมและ แรงสาปแช่งเริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ค. 2530 แล้ว แต่ที่เกิดน้อย ทำให้สังเกตเห็นไม่ชัด เนื่องจากผู้มีฤทธิ์ ใช้ฤทธิ์ต้านแรงคำ สาปแช่งเหล่านั้นไว้ แต่ในปี พ.ศ. 2538 - 2539 ผู้มีฤทธิ์ ทั้งหลายจะเริ่มอ่อนแอลงและต้านแรงคำสาปแช่งไว้ไม่อยู่ พอปี พ.ค. 2540 ภัยพิบัติจะเริ่มเกิดขึ้นต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ แต่ยัง ไม่รุนแรงมากนัก และจะรุนแรงที่สุดประมาณ พ.ศ. 2542

    ภาย หลังจากการเกิดภัยพิบัติ อันเนื่องมาจากแรง อาฆาตพยาบาทและสาปแช่งของเหล่ามนุษย์โลกที่ต้องทนทุกข์ ทรมาน เนื่องจากถูกเอารัดเอาเปรียบและข่มเหง ประชากร ทั่วโลกจะมีชีวิตรอดเหลือเพียงไม่เกิน 1 00 ล้านคนจาก ปัจจุบันที่มีประชากรทั้งโลกมากกว่า 5,000 ล้านคน

    คนที่รอดชีวิตภายหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ จำแนกได้เป็น 3 ประเภท คือ

    1. พวก ที่รอดชีวิตแต่สูญเสียตติสัมปชัญญะอย่าง สมบูรณ์ ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากมีจิตใจและสติที่ไม่เข้มแข็งพอ ไม่ได้ฝึกเจริญกรรมฐานมาก่อน ไม่สามารถทนเห็นสภาพของ เหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ เช่นคนตายจำนวนมาก แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก ฯลฯ

    2. พวก ที่รอดชีวิตแต่สูญเสียสติสัมปชัญญะไปชั่วขณะ หรือบางส่วน ที่เรียกว่า "กึ่งดี-กึ่งบ้า" พวกนี้ได้แก่ ผู้ที่ฝึกหัด กรรมฐานมาบ้างจนมีพื้นฐานพอสมควร แต่ยังไม่แข็งแกร่งพอ

    3. พวก ที่รอดชีวตและมีสติสัมปชัญญะอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะมีจำนวนน้อยมากได้แก่ผู้ที่เจริญกรรมฐานมานานหลายปี จนมีจิตใจเข้มแข็งมองเห็นการเกิด แก่ เจ็บ และตายเป็น ธรรมดาของมนุษย์โลก หรืออาจกล่าวว่าได้แก่ผู้ที่เคยเจริญ มรณานุสติมาเป็นประจำแล้วจนไม่กลัวความตายและมอง เห็นความตายเป็นเรื่องธรรมดานั่นเอง

    ตามที่หลวง พี่วาณิชท่านเห็นทางกรรมฐานมาท่าน กล่าวต่อไปอีกว่า ประเทศไทยจะมีผู้รอดชีวิตมากที่สุด เมื่อ เทียบกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก คือ ประเทศไทยจะเสียหาย เพียง 700% ขณะที่ประเทศอื่น ๆ เสียหายเกินกว่า 90% ภายหลังภัยพิบัติ ใหญ่ครั้งนี้ มนุษย์โลกที่รอดชีวิตมาได้ ยังต้อง ประสบกับภัยโรคระบาดตายไปอีกไม่น้อย

    หลัง จากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ผ่านพ้นไปแล้ว โลก มนุษย์คงเหลือแต่ผู้มีศีลธรรม คนชั่วทั้งหลายจะเสียชีวิต ไปหมดหรือกลายเป็นคนบ้า สูญเสียสติสัมปชัญญะ เพชรนิล จินดาและทรัพย์สมบัติทั้งหลายจะผุดขื้นมาเกลื่อนพื้นโลก พรรณไม้ต่าง ๆ แปลก ๆ จะออกดอกออกผลเต็มไปหมด อาหารการกินจะอุดมสมบูรณ์มากแตาใช้เวลาอีกหลายร้อยปี

    โลก มนุษย์จะค่อย ๆ วิวัฒนาการขึ้นมาใหม่อีก ครั้งหนึ่ง ภายหลังจากที่ถาวรวัตถุทั้งหลายถูกทำลายลงไปหมด ทัศนคติและค่านิยมของคนในยุคนี้จะตรงกันข้ามกับในยุค ก่อนเกิดภัยพิบัติ คือมีความเจริญทางจิตใจและมีคุณธรรม สูงขึ้น แต่ความเจริญทางวัตถุจะมีน้อยมาก เพราะจะต้อง ก่อสร้างกันใหม่หมด เพชรนิลจินดาทั้งหลายที่กองเกลื่อน พื้นดินจะไม่มีค่า อาหารการกินจะมีค่ามากกว่า ประเทศไทย ซึ่งมีคนรอดชีวิตมากกว่าประเทศอื่น ๆ จะค่อย ๆ เจริญ ขื้นมาจนภาษาไทยจะกลายเป็นภาษาหลักของโลกในที่สุด เนื่องจากคนในประเทศอื่น ๆ ถึงแม้ว่าจะรอดชีวิตก็จะมีสติ วิปลาสไปหมด และการเจริญกรรมฐานนั้นก็มีปฏิบัติกันเฉพาะ ในเมืองพุทธเท่านั้นเป็นส่วนมาก เมืองนอกก็มีแต่น้อยและ จิตสมาธิไม่สูงเหมือนคนไทย ชาวไทยผู้มีศีลธรรมซึ่งเหลือรอด จากภัยพิบิตนี้จะได้ทำบันทึกเหตุการณ์ครั้งนี้เอาไว้ และหลัง จากนี้ไปอีก 300 ปี ถึง 400 ปี วิชาการ ลิ่งก่อสร้าง ฯลฯ จะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งควบคู่กับจิตใจของมนุษย์โลก ซึ่งเจริญ เข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ คือมีชีวิตงดงาม หลวงพี่วาณิท่านเล่าว่า ผู้ที่ จะไปเกิดในยุคนี้ได้จะต้องเป็นผู้มีศีลธรรม รู้จักทำบุญทำทาน มากพอสมควร

    เมื่อ ท่านได้เล่าถึงภัยพิบัติต่าง ๆ แล้ว ท่านได้เล่า ต่อไปว่า ท่านได้เอ่ยถามเทวดาผู้มาแจ้งข่าวท่านในกรรมฐาน ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นจะสามารถแก้ไขหรือบรรเทาได้อย่างไร แค่ไหน เทวดาตอบว่าไม่สามารถจะระงับภัยพิบัติได้ซึ่งกล่าวได้ แต่สามารถบรรเทาให้เบาบางลงไปได้ตามแต่การปฏิบัติดี ปฏิบัติชั่วของชาวโลกทั้งหมด เพราะว่าสาเหตุของภัยพิบัติ นั้น เกิดจากความชั่วร้ายต่าง ๆ ที่ละสมมาในจักรวาลนี้นับหมื่น ๆ ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการทำชั่วบนโลกมนุษย์นี้เองทุกครั้งที่ มีการทำชั่วเกิดขื้น คือ ผิดศีลขั้นพื้นฐานหรือศีลห้า จะต้องมี ผู้เดือดร้อนหรือเจ้ากรรมนายเวรนั้นเอง เช่น

    1. ปาณาติปาต คือ การฆ่าสัตว์หรือมนุษย์ วิญญาณของสัตว์หรือมนุษย์ นั้นย่อมอาฆาต พยาบาท จองเวร และเกิดเป็นพลังงานแห่งความชั่วร้ายขึ้น

    2. อทินนาทาน คือ การลักทรัพย์ เจ้าของทรัพย์ ย่อมเสียหายและมีจิตผูกพยาบาทเช่นกัน

    3. กาเมสุมิจฉาจาร คือ การประพฤติผิดทางเพศ ผู้เป็นบิดามารดา หรือสามีภรรยาย่อมโกรธแค้นที่ผู้ที่รักถูก ล่วงเกินหรือถูกแย่งสิทธิ์

    4. มุสา วาทา คือ การกล่าวปดมดเท็จ ผรุสวาท หยาบคาย เพ้อเจ้อ ใส่ร้ายป้ายสี ผู้ที่ถูกกระทำย่อมได้รับ ความเสียหายและมีจิตใจผูกพยาบาทอาฆาต

    ดัง นั้นจะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่มีการรังแกกันหรือล่วงเกิน กัน ถ้าหากเจ้าทุกข์ยังไม่อโหสิกรรมให้หรือ ยังไม่ให้อภัยแก่ผู้ ล่วงเกินแล้ว เจ้าทุกข์จะกลายเป็นเจ้าหนี้หรือเจ้ากรรมนายเวร คอยตามทวงหนี้แก่ผู้ล่วงเกินไปทุกภพทุกชาติจนกว่าจะสำเร็จ และยังมีพลังงานอีกล่วนหนึ่งซึ่งเป็นความอาฆาตพยาบาท หรือพลังงานความชั่วร้ายที่ล่องลอยไปสะสมกันในจักรวาล ซึ่งเมื่อละสมกันมาเป็นเวลานาน ๆ หลายหมื่นหลายแสนปี จึงกลายเป็นดาวสีดำขนาดใหญ่ มีพลังงานความชั่วร้ายที่มี เป้าหมาย เพื่อทำลายสุริยจักรวาลนั้นเอง เมื่อเล่าถึงสาเหตุ จบแล้ว ท่านก็กล่าวต่อไปว่า การบรรเทาความรุนแรงของ ปัญหาจะต้องทำดังต่อไป


    ก. การเตรียมตัวในขณะนี้

    1. ให้ ชาวโลกทุก ๆ คนต้องเร่งรีบทำจิตใจให้สงบ และเข้มแข็ง คือ ให้บำเพ็ญภาวนานั่นเอง ให้ทุกคนพยายาม หาเวลาฝึกกรรมฐานอย่างเข้มแข็ง รวมทั้งพากเพียรเจริญ มรณานุสติไว้ว่าการตายเป็นธรรมดาของคนทุกคน ไม่มีใคร สามารถหลีกเลี่ยงได้เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมไว้ หากแม้น ต้องเสียชีวิตในภัยพิบัติ จิตใจจะได้สงบ เวลาตายวิญญาณ จะได้ไปจุติในภพภูมิที่ดี

    2. ให้ชาวใลกทุกคนรักษาศีล 5 ให้ ได้ เพื่อลด การเบียดเบียนกัน ทำให้มีความสงบเย็นและสันติสุขเกิดขึ้น ในใลก อย่าได้ทำสงครามหรือแม้แต่ทะเลาะวิวาทกัน ซึ่งจะได้ ไม่ไปเพิ่มพลังแห่งความชั่วร้ายให้สูงขึ้น เพราะจะเร่งให้ภัย พิบัติเกิดเร็วขื้นและรุนแรงขึ้น นอกจากนี้เทวดายังกล่าวแก่ พระวาณิชว่า ถ้าแม้นผู้ใดสามารถรักษาคีล 5 ให้บริสุทธิ์ ได้จริงและไม่มีกรรมเก่าอันหนักหนาแล้ว ย่อมจะสามารถ รอดชีวิตจากภัยครั้งนี้ได้ แต่จะสติวิปลาสหรือไม่ขึ้นอยู่กับ ระดับขั้นในการเจริญกรรมูฐาน

    3. ให้ชาวโลกทุกคน มีความเมตตากรุณาแก่กัน ทำบุญทำทานช่วยเหลือกัน ผู้ที่มีเหลือช่วยเหลือแบ่งปันกัน ให้แก่ผู้ที่ขาดแคลน เพึ่อไม่ให้มีผู้ทุกข์ใจร้อนใจ ก่อให้เกิด ความร่มเย็นขึ้นในโลกมนุษย์


    ข. การเตรียมตัวในระยะที่ภัยพิบัติใกล้จะเกิด

    จะ ต้องหาบทสวดมนต์บทหนึ่งซึ่งใช้ในการสวด เพื่อระงับหรือบรรเทาภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก ภูเขาไฟระเบิด ฯลฯ บทสวดมนต์นี้พระวาณิช ท่านเล่าว่าเคยพบในคัมภีร์เก่า ท่านจำชื่อของมนต์บทนี้ไม่ได้ แล้ว เทวดาได้กล่าวแก่ท่านว่าให้ไปค้นหาบทสวดมนต์บทนี้ ซึ่งองค์สมเด็จพระลัมมาสัมพุทธเจ้าได้ให้ไว้เพื่อใช้สวดบรรเทา ภัยพิบัติ ซึ่งท่านได้เล็งเห็นด้วยทิพยจักษุว่าจะบังเกิดขึ้นใน ชมพูทวีป ภายหลังจากท่านเสด็จนิพพานแล้ว

    การทำพิธีนี้จะต้องให้ผู้มีศีลธรรมอันบริสุทธิ์มานั่ง สวดมนต์กลางแจ้ง โดยเรียงตามลำดับ ดังนี้

    1. พระผู้มีญาณระดับสูงหรือพระอรหันต์นั่งสวดมนต์ ณ จุดศูนย์กลางเป็นประธาน

    2. พระภิกษุซึ่งมีศีลบริสุทธิ์มานั่งสวดมนต์ล้อมวง พระอรหันต์องค์ประธาน

    3. สามเณรผู้มีศีลบริสุทธิ์มานั่งล้อมวงถัดจากผู้มีศีล บริสุทธิ์

    4. แม่ชีผู้มีศีลบริสุทธิ์มานั่งสวดมนต์ล้อมวงถัดออก มาจากเหล่าสามเณร

    5. อุบาสก อุบาลิกา ผู้ถือศีลแปดนั่งสวดมนต์อยู่วง นอกสุด

    6. ให้ประชาชนอื่น ๆ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย นุ่งขาว ห่มขาวรักษาศีลให้บริสุทธิ์

    (เป็นสาเหตุที่เรียกประเทศไทยว่า ถิ่นกาขาว) และ ช่วยกันสวดมนต์บทนี้เพื่อบรรเทาภัยพิบัตินี้ ณ บ้านเรือน ของตนในวันที่เกิดสูรย์


    ค. การปฏิบิตตัวในขณะที่เกิดภัยพิบัติ

    1. เข้าญาณแล้วหนีไปอยู่พรหมโลก

    2. ขึ้นยานอวกาศแล้วหนีไปอยู่นอกโลก

    การหนีจากภัยพิบิตทั้ง 2 วิธี ข้างต้นจะปลอดภัย ในกรณีที่ถึงขั้นโลกแตกทำลายเป็นจุณ แต่ถ้าหากว่ายัง ไม่รุนแรงถึงระดับที่กล่าวนี้ คือ เพียงแ ต่เปลือกโลกได้รับ ความบอบช้ำมากหรือน้อย แต่ไม่ถึงกับแตกทำลายก็อาจ หลบหนีได้ใดยวิธีต่อไปนี้

    3. หนีไปอยูในเขตพื้นที่ชึ่งไม่เกิดภัยพิบัติ ผู้ที่มี ความสามารถจะหยั่งรู้ได้ด้วยญาณ

    4. ผู้ที่รักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ก็อาจรอดชีวิตได้ ถ้าไม่มีกรรมเก่าอันหนักหนาจริง ๆ

    5. ผู้ที่ฝึกกรรมฐานมาบ้างและสามารถทำจิตใจ สงบได้แต่ยังไม่ถึงขั้นฌานก็อาจจะรอดชีวิต แต่ถ้าหากตาย วิญญาณจะไปจุติในภพภูมิที่ดี

    6. ในขณะที่เกิดสูรย์ คือ เกิดจันทรุปราคาหรือ สุริยุปราคาให้ทำพิธีสวดมนต์กลางแจ้งตามที่กล่าวแล้วนี้

    7. ให้ทุก ๆ คนในโลกหยุดการใช้เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้า และหยุดการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ให้หมด

    แม้ แต่มีการเคลื่อนที่ของมนุษย์และสัตว์คือ ให้ทุกคน นั่งเฉย ๆ ถ้านั่งกรรมฐานได้ก็ให้นั่งกรรมูฐาน เนื่องจากว่า การเคลื่อนไหวและการใช้พลังงานไฟฟ้าหรือแม่เหล็กต่าง ๆ จะเป็นการซ้ำเติมให้เกิดความสับสนของสนามพลังงานใน ระบบสุริยจักรวาลมากขึ้น อาหารจะขาดแคลนตลอดจนถึง ปัจจัยสี่ด้วย ดังนั้นจึงควรมีการเตรียมตัวดังต่อไปนี้

    อุปกรณ์การดำรงชีวิตในป่า (แล้วแต่จะคิดหาได้)

    - เชือกอย่างเดียว 10 เมตรต่อคนตามปัญญาของ แต่ละคน
    - จักรยานวิบาก 1 คันต่อคน พร้อมทั้งอาหลั่ย เช่น ยางใน ลูกปืน ฯลฯ (ถนนหนทางจะพังพินาศหมดในเวลานั้น)
    - ผ้าร่ม ผ้าปูที่นอน มุ้งธุดงค์ และกลด
    -มีด หม้อสนาม กระติกน้ำ แก้วพลาสติก
    - เรือไฟเบอร์กลาส 1 ลำต่อคน 30 คน
    - ที่สำคัญมากคืออาหารและแหล่งเสบียงอาหาร
    - ยารักษาโรค เช่น ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้อ้กเสบ ยาหม่อง ฯลฯ
    - เชื้อเพลิงและอุปกรณ์ให้แสงสว่าง เช่น เทียน ไฟแช็ก น้ำมันก๊าซ ไฟฉาย ฯลฯ

    นอก จากนั้นช่วงภัยพิบัตินั้น ขอให้ผู้ที่มีปัจจัยสี่ แบ่งปันช่วยเหลือผู้ที่อดอยากขาดแคลน ในเวลาเช่นนั้น ทรัพย์สมบัติและทองไม่มีค่าแล้ว หลวงพี่วาณิชท่านเล่าต่อไป ว่า ทางเบี้องบนสั่งต่อไปอีก ในลักษณะของคำกลอนซึ่งท่าน จำไม่ค่อยได้ว่า

    กินครึ่งแบ่งครึ่งพึงอภัย ถ้าเป็นหนี้สินใครใช้ให้หมด สิ่งของที่จำเป็นต่าง ๆ ถ้ามีมากให้แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ ห้ามขายเด็ดขาด

    (ผู้ เขียน : ท้ายนี้เรื่องทั้งหมดที่เล่ามานี้มาจากคำบอกเล่าของพระ วาณิช ซึ่งท่านมีความประสงค์ดี ต้องการให้ชาวโลกได้รับรู้ การให้ ชาวโลกได้รับรู้ถึงภัยพิบัติ ซึ่งท่านเก็บมาจากเทวดาที่มากล่าวให้ ท่านทราบในขณะนั่งกรรมฐาน ข้าพเจ้าเห็นว่า เรื่องนี้อาจเป็น ความจริงได้จึงได้ทำตามความปรารถนาของหลวงพี่วาณิช โดยนำ ข่าวมาแจ้งให้ชาวโลกไต้เตรียมตัวทำทาน รักษาศีลและบำเพ็ญ ภาวนา เพื่อให้พร้อมรับเหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งถ้าหากเกิดขึ้น ท่านก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้พร้อมแล้ว แต่ถ้าหากไม่เกิดขึ้นท่านก็ จะเป็นอีกท่านหนึ่งซึ่งทำให้สังคมโลกสงบและร่มเย็นขึ้น ตามหลัก พุทธศาสนาเรา คือ "ให้ทำปัจจุบันให้ดี")

    หมาย เหตุ หลวงพี่วาณิชท่านยังบอกวิธีพิสูจน์ให้ด้วย คือ ให้นั่งกรรมฐานจนจิตสงบแล้วให้ภาวนาคำว่า "จิตต่อธาตุ ธาตุต่อธาตุ" ไปเรื่อย ๆ ผู้ที่ปฏิบัติ นี้อาจจะเห็นเหตุการณ์ตามแต่บุญวาสนาของ ตนเอง ซึ่งต้องอาจให้เวลาหลายชั่วโมง (ธาตุที่ ว่านี้ คือธาตุทั้ง 4 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ เมื่อ ภาวนาแล้วให้กำหนดจิตว่า แผ่ต่อธาตุทั้ง 4 คลุมไปทั่วทั้งพิภพ)

    เรื่อง ที่เขียนมานี้หลวงพี่วาณิชท่านว่าเป็นเพียงหนึ่ง ในสาม ยังมีข้อมูลอื่นไม่ได้ลงเช่น ตำราสมุนไพร บทสวดมนต์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้บรรเทาภัย เรื่องราวที่เทวดาพาท่านชมสวรรค์ ระบบการทำงานของบัญชีบาปบุญของยมบาล ฯลฯ
    (ผู้ เขียน : ข้อเขียนทั้งหมดนี้ไม่ต้องการให้ท่านเชื่อ เพราะบุคคลที่ รับรู้เรื่องนี้มา ยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ อาจมีความคลาดเคลื่อนได้ หรืออาจสร้างภาพลวงโดยผู้มีสมาธิจิตสูงกว่า เป็นต้น แต่ต้องการ หาบุคคลที่มีความสามารถสูง ช่วยค้นหาความจริงเหล่านี้ อันจะ เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นนำไปใช้หลีกเลี่ยงภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้น

    ถ้าเรื่องนี้เป็นจริง การเชื่อจากคำบอกเล่าเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ต้อง เชื่อจากการใช้ปัญญาหาเหตุผลความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนข้อมูลจากผู้ปฏิบัติธรรมขั้นสูงหลาย ๆ ท่านนำมาประกอบ การประเมิน ข้าพเจ้ารู้สึกลำบากใจที่ว่าดาวเคียงกัน 7 ดวง ในปี พ.ศ. 2540 นั้นก็มีจริงตามปฏิทินคราสของสมาคมโหราศาสตร์ แห่งประเทศไทย ออกขายเมื่อกลางปี 2536 หลวง พี่วาณิชท่านรู้ เรื่องนี้มาได้อย่างไร ท่านคงไม่มีปฏิทินนี้เพราะพิมพ์น้อยมาก อีก อย่างหนึ่งเรื่องแรงดึงดูดของดาวที่มีผลต่อน้ำขึ้นน้ำลงและแผ่นดินไหว นั้นในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์เชื่อแล้วว่าจริง จำนวนดาวที่เรียงกัน จำนวนมากแบบนี้ยังไม่เคยมีมาก่อน ยิ่งในปี 2542 นั้น ก็มากขึ้นอีก ไม่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร ตรงส่วนนี้ถือว่าเป็นวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่อง เพ้อฝันที่จะมาหัวเราะหรือเหยียดหยามกัน แต่ในทางกลับกันการ ค้านแบบไม่คิดนั้นก็มีประโยชน์ เพราะเป็นการสร้างความสบายใจ)

    สาร์นจากปู่ใหญ่ (หลวงปู่เทพโลกอุดร)

    ผ่านทางทิพย์นิมิต พระอาจารย์เพลิน นนทโก ให้แจ้งต่อผู้ศรัทธาในปู่ใหญ่ หลวงปุ่เทพโลกอุดร ว่าในอีก ประมาณ 2 ปี ข้างหน้านี้ จักเกิดภัยพิบัติอันใหญ่หลวงต่อมวล มนุษยชาติทั่วโลก ขอให้ลูกหลานทุกคนจงพากันเตรียมตัว ร้บสถานการณ์ให้ดี โดยให้มีสติอันมั่นคงอย่าวิตกกังวล จงพา กันเร่งบำเพ็ญภาวนาทำสมาธิฝึกฝนพลังจิตให้เข้มแข็ง และ ให้พากันหาสถานที่อันสงบในป่าเขาแหล่งที่ห่างไกลความเจริญ ปลูกต้นไม้ให้มาก ๆ ล้อมรอบที่พักอาศัย แล้วบำเพ็ญภาวนา เก็บกักตุนเสบียงไว้ใช้ในยามขัดสนอันมีปัจจัยสี่ เช่น เครื่อง นุ่งห่ม อาหารแห้ง ยารักษาโรค หากผู้ใดมีเงินขอให้เปลี่ยน เป็นของมีค่าอย่างอื่น เช่น ทองคำเป็นต้น อย่าฝากธนาคาร อย่าซื้อหุ้นให้ฝังดินไว้ทำแผนที่ลายแทงไว้ในพื้นที่ที่ห่างไกล กรุงเทพฯ เชื้อเพลิงให้พากันกักตุนแบตเตอรี่แห้งเป็น อย่า ห่วงทรัพย์ในเมืองหลวง จงพากันไปหาที่ปลูกสร้างที่พักไว้ ตามวัดป่า วัดเขาในชนบท ตามถ้ำต่าง ๆ จึงจะพากันรอด จากภัยพิบัติ จงเร่งบำเพ็ญภาวนา

    ผ่านกระแส เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2539
    ณ ธรรมสถานวงษ์จิต
    บ้านนาคำน้อย หมู่ 7
    ตำบลบ้านก้อง อาเภอนายูง
    จ้งหวัดอุดรธานี 41380

    .
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "ความฝัน เทพสังหรณ์"

    [​IMG]

    ฝันของน้องท่านหนึ่งครับ

    สวัสดีครับ พี่คณานันท์
    อดเอามาเล่าให้ฟังไม่ได้

    ในฝัน เช้าที่ 10 ธันวาคม 2550 เวลาตีสองสี่สิบกว่านาที อยู่ๆ ในฝันระหว่างเดินออกไปนอกบ้าน พลันทหารจากฝ่ายชาติต่างๆ ที่ผมไม่รู้จัก ก็กรูเข้า พุ่งรบ ยิงปืนใส่กัน เสียงตะโกนบอกว่า สงครามโลกเกิดขึ้นแล้ว มันเร็ว ลุกลาม รุนแรง แบบไม่ทันตั้งตัว (ประมาทอีกแล้ว เสบียงก็ไม่มี อาหารก็ไม่มี อุปกรณ์ยังชีพก็ไม่มี เพราะอยู่ๆ มันมาแบบปัจจุบันทันด่วน ไม่บอกเวลาล่วงหน้า) เสียงปืน เสียงระเบิด เสียงคนเจ็บร้องระงม หวาดกลัว การเข่นฆ่าฝ่ายตรงข้ามเริ่มทันทีที่เห็นกัน ทุกชนชาติ ทุกภาษา รบราฆ่าฟันกัน หันไปทางไหนก็มีแต่การทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม ประชาชนก็หนีตายอพยพกันไป ทหารก็พุ่งรบกันไป ภาพหนีกันหัวซุกหัวซุนลูกเล็กเด็กแดง (ผมก็หนี) ในฝันผมคิดว่า นี่เราประมาทอีกแล้ว จงอย่าเป็นผู้ประมาทว่าไม่เกิด หรือยังมาไม่ถึง หรือคิดว่าเตรียมการณ์ทัน....... เพราะเมื่อเหตุการณ์มาถึงจริง คุณอาจไม่ได้เป็นผู้โชคดี หนีรอดและอาจไม่มีโอกาสตื่นมาเล่าให้ใครฟังแบบนี้ได้เลย.....

    พลันสดุ้งตื่น เหลือบมองนาฬิกาหัวเตียง 02.48 นาที คิดถึงพี่เป็นคนแรกทันทีกับความฝัน...

    ที่มา "ความฝัน เทพสังหรณ์" สัญญานเตือนจากเบื้องบน

    นายกฯ จีนเตือนกองกำลังภายนอกอย่ายุ่งเกี่ยวกับข้อพิพาทในทะเลจีนใต้

    [​IMG]

    นูซาดัว 18 พ.ย. 2554 นายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่าของจีน กล่าวว่า กองกำลังภายนอกไม่มีข้ออ้างที่จะเข้ามาข้องเกี่ยวกับข้อพิพาทอันซับซ้อนในทะเลจีนใต้ เป็นการเตือนกลาย ๆ ไปยังสหรัฐและหลายฝ่ายไม่ให้เข้ามายุ่งกับประเด็นอ่อนไหวนี้

    สำนักข่าวซินหัวของจีนเผยแพร่สำเนาถ้อยแถลงที่นายกรัฐมนตรีเวินกล่าวกับผู้นำสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ว่า ข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ของประเทศที่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว จึงควรแก้ไขด้วยการหารือฉันมิตรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องโดยตรง กองกำลังภายนอกไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้องโดยอาศัยการบังหน้าใดๆ ด้านนายมาร์ตี นาตาเลกาวา รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียกล่าวว่า จีนได้ส่งสัญญาณเชิงบวกเรื่องการหารือเกี่ยวกับแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ จึงถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ

    จีนอ้างสิทธิเหนือน่านน้ำส่วนใหญ่ในทะเลจีนใต้ ขณะที่เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน มาเลเซีย และบรูไน อ้างสิทธิบางส่วน ด้านทำเนียบขาวเผยว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐ จะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นหารือในการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกวันเสาร์นี้ ส่วนญี่ปุ่นก็แสดงความกังวล และอินเดียเข้ามาเกี่ยวข้องเพราะสำรวจน้ำมันในทะเลจีนใต้ร่วมกับเวียดนาม

    นายกรัฐมนตรีจีนประกาศในถ้อยแถลงด้วยว่า จะให้เงินกู้ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 300,000 ล้านบาท) แก่อาเซียน เพิ่มเติมจากที่รับปากว่าจะให้เงินกู้ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 450,000 ล้านบาท) เมื่อ 2 ปีก่อน นอกจากนี้ ยังจะตั้งกองทุน 473 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 14,190 ล้านบาท) เพื่อขยายความร่วมมือทางทะเลด้วยการส่งเสริมความร่วมมือในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยในการเดินเรือ และการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ผู้นำจีนระบุด้วยว่า จีนและอาเซียนควรเพิ่มความร่วมมือด้านการเงินด้วยการแลกเปลี่ยนสกุลเงินท้องถิ่นให้มากขึ้นและส่งเสริมให้ตลาดปริวรรตเงินตราระหว่างธนาคารอ้างอิงสกุลเงินหยวนและอาเซียนให้มากขึ้น.-สำนักข่าวไทย

    ที่มา http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/295122.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2011
  11. apple_lin

    apple_lin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    584
    ค่าพลัง:
    +704
    ภัยพิบัติเป็นเรื่องน่ากลัวมากจริงๆ ค่ะ
     
  12. JETTO

    JETTO Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +54
    ทุกคำทำนายทุกคำเตือนเป็นไปในทิศทางเดียวกันหมด
    ไม่ว่าจะเกิดเวลาไหนก็ตาม ต้องพยายามมีสติเข้าไว้
     
  13. Thongkerd

    Thongkerd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +152
    ฤดูกาลเปลี่ยนไปแล้ว คนยังยึดติดกับสิ่งเดิม ไม่ยอมเปลี่ยนไปกับธรรมชาติ
    ระวัง !@! อาจสะดุจอารยะธรรมที่แห่งความเจริญที่สะสมมานานนับร้อยปี
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เมื่อพระอภิญญาท่านว่า เขื่อนป่าสักจะกลายเป็นบางแสน

    [​IMG]
    ภาพประมาณการน้ำทะเลสูงขึ้นกว่าปัจจุบัน 20 เมตร

    toplus99 สมาชิก

    ......ประมาณปีกลางๆปี 2550 ระหว่างที่เข้าปฏิบัติธรรมที่วัดสำนักปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง แถบป่าหมวกเหล็กสระบุรี

    ขณะที่สนทนาอยู่กับพระอาจารย์ อยู่ช่วงนอกชานระเบียงบนกุฏิของพระอาจารย์ท่านเห็นท่านมองไปที่ต้นน้ำที่ไหลลงสู่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ลพบุรี (เนื่องจากวัดแห่งนี้อยู่บนเนินเขาสูง สามารถมองเห็นปลายเขื่อนได้)<O:p</O< font>
    <O:p</O< font>
    จู่ๆท่าน ก็เปรยขึ้นมาว่า.... " เอ็งจะว่าไงถ้า เขื่อนป่าสักที่เราเห็นๆกันตอนนี้ต่อไปไม่นานมันจะกลายเป็นเหมือนทะเลบางแสน เชื่อมั๊ย??

    <O:p</O< p>อ้าว...ทำไมท่านว่างั้นล่ะครับ...? ข้าพเจ้าถามปนงงๆ
    <O:p</O< font>
    เออ...คอยดูกันไปก็แล้วกัน..พระอาจารย์ท่านตอบน้ำเสียงเรียบๆ<O:p</O< font>

    <O:p</O< p>หลายๆคนในที่นั่งๆกันอยู่ในวงสนทนาพากันเงียบกริบ..(เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย)

    <O:p</O< p>จากนั้นก็ไม่มีการตอบโต้สนทนาเรื่องนี้กันต่อเนื่องจากว่าคงยังสับสน ปนงงๆว่ามันจะเกิดขึ้นมาได้จากอะไรได้ และมันไม่น่าเกิดขึ้นมาได้ง่ายๆ<O:p</O< font>
    <O:p</O< font>
    แต่จากที่ได้มีประสบการณ์รู้จักท่านพระอาจารย์รูปนี้มาหลายปี ก็ยอมรับเรื่องญาณทัศนะว่าท่านแม่นยำมากทีเดียว ประจักษ์มากับตัวเองก็หลายครั้ง หลายหน (ครูบาอาจารย์ท่านล้วนเป็นสายญาณฤทธิ์อภิญญาที่เรียกว่าพระเหนือโลกทั้งนั้น) แต่ท่านจะไม่แสดงอภิญญาให้บุคลภายนอกรู้ จะรู้กันเฉพาะลูกศิษย์ใกล้ชิดเท่านั้น ไม่แสดงพร่ำเพรื่อ หวังเพียงให้ศิษย์มีกำลังใจในการประพฤติปฏิบัติธรรม เป็นหลักเพื่อให้มั่นใจว่าผลแห่งสมาธิย่อมเกิดขึ้นจริง ฤทธิ์ย่อมมีอยู่จริง ถ้าฝึกฝนอย่างถูกต้องตามแนวทางคำสอนแห่งองค์พระสัมมาพุทธะอกาลิโล เอหิปัสสิโก

    ฟังกันเล่นๆครับ...พอสนุกๆ (แต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริงล่ะก็..มันจะเป็นไงหนอบ้านเมืองนี้...ยุ่งล่ะวุ้ยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเกิดก่อนได้ยินทำนายจากปู่อินทร์ ตาทิพย์ประมาณ 1 ปีณ.สถานที่ที่เดียวกันเป๊ะ!)

    19-11-2011, 05:28 PM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%99.314750/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • yk420.jpg
      yk420.jpg
      ขนาดไฟล์:
      83 KB
      เปิดดู:
      1,790
    • original_bangkok5.jpg
      original_bangkok5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      148.1 KB
      เปิดดู:
      205
    • Lopburi.gif
      Lopburi.gif
      ขนาดไฟล์:
      169.9 KB
      เปิดดู:
      192
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2011
  15. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    17 พ.ย. 54

    ทำความสะอาดตัวจักรนาฬิกา

    หน่วยเหนือ ให้ผม ตรวจสอบ
    รอบคอบ รับคน เข้าอยู่
    เพื่อให้ ที่ฐานฯ น่าดู
    ไม่อู้ รับทราบ รีบทำ

    20 พ.ย. 54

    ชีพจรลงเท้า(นิมิต)

    รถไฟ พาไป วงเวียนใหญ่
    สื่อให้ ต้องขึ้น เชียงคาน
    เป็นใคร พาไป ไม่ถาม
    รอตาม ผมไป ทำงาน

    เที่ยวก่อน ตอนซื้อ ตั๋วรถไฟ
    อดไป ไม่ใช่ เวลา
    เที่ยวนี้ ผมพร้อม ไม่ช้า
    รีบมา พาผม ไปเลย


    23 พ.ย. 54

    น้ำลง ลงช้า ยืดชีวิต
    มิ่งมิตร ขออย่า ใจร้อน
    ให้น้ำ รีบลง สั่นคลอน
    ที่นอน ที่อยู่ ไหวตาม

    ยืดไว้ ยืดตัว ให้อยู่
    เตรียมดู ของใหม่ จะมา
    อาหาร(น้ำดื่ม) ไฟฉาย(นกหวีด) อย่าช้า
    เตรียมมา เอาไว้ ป้องกัน

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน
     
  16. ยัย fame

    ยัย fame เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2011
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +104
    ขอบคุณ k-97 ที่ส่งข้อความดี ๆ ให้เราได้อ่านกัน ของใหม่ที่จะมาเร็ว ๆ นี้หรือเปล่า เพราะจะได้ไม่ต้องยกของลงจากที่สูง
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เตือนคนกรุงเทพมหานคร เตรียมรับมือแผ่นดินไหว !!!

    [​IMG]
    ( ภาพจากภาพยนต์เรื่อง 2012 ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับบทความนี้นะครับ )

    นักวิชาการด้านแผ่นดินไหวเอไอทีจัดทำโมเดลจำลองสถานการณ์ แผ่นดินไหวที่จะส่งผลกระทบ กทม.และปริมณฑล เพื่อจัดทำแผนป้องกันและบรรเทาความเสียหาย เผยตึกสูงส่วนมากไม่ได้ออกแบบรองรับ เตือนสะพานหลายแห่งในกรุงเทพฯ เสี่ยงพังถล่มหากเกิดแผ่นดินไหวที่เมืองกาญจน์ ส่วนตึกอาคารยังน่าห่วง เพราะสร้างไม่ได้มาตรฐานรอง รับแรงสั่นสะเทือน แนะลงทุนเพิ่มเสริมความมั่นคงแข็งแรง จี้ กทม.เร่งตั้งระบบตรวจสอบคุณภาพอาคารรองรับแผ่นดินไหวด่วน

    เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร จัดเสวนาเรื่องการเตรียมความพร้อมในการรับมือแผ่นดินไหว โดย รศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย นักวิชาการด้านแผ่นดินไหว สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) หัวหน้าโครงการลดภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวในประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการจัดทำโมเดลจำลองสถานการณ์แผ่นดินไหวที่จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อจัดทำแผนแม่บทป้องกันและบรรเทาความเสียหายจากแผ่นดินไหวและอาคารถล่ม

    สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดคือ ตึกอาคารจำนวนมากในพื้นที่เสี่ยง ไม่ได้ออกแบบและก่อสร้างให้สามารถต้านทานแรงสั่นสะเทือน และมีความเสี่ยงที่จะพังถล่มหากเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง แม้จะเพิ่งมีกฎหมายควบคุมอาคารรองรับแผ่นดินไหวตั้งแต่ปี 2550 แต่ล้มเหลวในทางปฏิบัติ ระบบตรวจสอบมีปัญหา ดังนั้นประเทศไทยยังไม่พร้อมที่จะรับมือกับแผ่นดินไหวได้เลย

    รศ.ดร.เป็นหนึ่งกล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้กรุงเทพฯ ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว คือ พื้นที่ตั้งอยู่ใกล้รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ รอยเลื่อนด่านเจดีย์สามองค์ในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 200 กิโลเมตร หากเกิดแรงสั่นสะเทือนรุนแรงระดับ 7-7.5 ริกเตอร์ ก็จะทำให้ตึกพังถล่ม ขณะเดียวกันชั้นใต้ดินกรุงเทพฯ มีสภาพดินอ่อนสามารถขยายความรุนแรงของคลื่นแผ่นดินไหวได้อีก 2-3 เท่า และอาจเปลี่ยนรูปแบบการสั่นไหวของพื้นดินไปสั่นพ้องกับอาคารบางแห่ง ซึ่งทำให้อาคารถล่มลงมาได้ คล้ายกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวห่างจากกรุงเม็กซิโกซิตี 350 กม. แต่กลับทำให้เม็กซิโกซิตีมีอาคารถล่มเสียหายอย่างรุนแรง และมีผู้เสียชีวิตประมาณ 10,000 คน

    "ปัญหาคือ อาคารที่ก่อสร้างก่อนกฎกระทรวงมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2550 อาคารเหล่านี้ไม่ได้ก่อสร้างรองรับแผ่นดินไหว ขณะนี้ก็ยังไม่มีความตื่นตัวที่จะเร่งปรับปรุงแก้ไขโครงสร้างอาคารให้มั่นคงแข็งแรง อีกทั้งยังไม่มีหน่วยงานใดๆ เข้าไปตรวจสอบหรือประเมินคุณภาพอาคารว่าได้มาตรฐานรองรับแผ่นดินไหวหรือไม่ จึงปล่อยให้เป็นหน้าที่เจ้าของอาคารดำเนินการเอง แต่ก็ไม่มีใครยอมสูญเสียค่าใช้จ่ายส่วนนี้" รศ.ดร.เป็นหนึ่งเผย

    เขากล่าวอีกว่า กฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ.2550 มีผลบังคับเฉพาะอาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 15 เมตรขึ้นไป และน่าเป็นห่วงอาคารเก่าที่สูงเกิน 15 ชั้นขึ้นไป มีความเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหายหากเกิดแผ่นดินไหวระดับปานกลางถึงรุนแรง ดังนั้นจึงต้องหามาตรการกระตุ้นเจ้าของอาคารให้ความสำคัญต่อการปรับปรุงแก้ไขอาคารให้ได้มาตรฐานตามกฎหมายใหม่

    "นอกจากกลุ่มรอยเลื่อนแผ่นดินไหวที่ภาคตะวันตกแล้ว แนวรอยต่อแผ่นเปลือกโลกในบริเวณทะเลอันดามัน ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 700 กิโลเมตร หากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 8.5-9 ริกเตอร์ ก็จะทำให้กรุงเทพฯ ได้รับความเสียหายมากเช่นกัน" รศ.ดร.เป็นหนึ่งกล่าว และเสนอว่า ผู้ตรวจสอบวิศวกรรมโครงสร้างอาคารจะต้องมีความรับผิดชอบสูงกว่าที่เป็นอยู่ ดังนั้นอยากให้ กทม.เป็นผู้ควบคุมผู้ตรวจสอบให้เป็นไปตามกฎกติกา และมีอำนาจถอนทะเบียนผู้ตรวจสอบได้ทันที

    รศ.ดร.อมร พิมานมาศ ประธานคณะอนุ กรรมการวิศวกรรมโครงสร้างและสะพาน วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) กล่าวว่า อาคารที่เสี่ยงต่อแผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ มี 3 ประเภท คือ 1.อาคารที่ก่อสร้างแบบไร้คาน ส่วนมากเป็นอาคารจอดรถ อาคารสำนักงาน 2.อาคารสูงที่มีรูปทรงซับซ้อน มีลูกเล่นมากทั้งส่วนโค้ง ส่วนเว้า หรือมีกำแพงยื่นออกจากศูนย์กลางอาคารมากๆ ก็เสี่ยงมาก แต่ถ้าเป็นอาคารสูง แต่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมแข็งแรง ก็ถือว่าปลอดภัย และ 3.อาคารที่ ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานตามหลักวิศวกรรม ส่วนใหญ่เป็นตึกแถวสูงไม่มาก ไม่มีวิศวกรคุมงานหรือออกแบบ

    "นอกจากนี้ สะพานข้ามแยก สะพานยกระดับ และสะพานข้ามแม่น้ำ ก็มีความเสี่ยงที่จะพังถล่มได้เช่นกัน เพราะจากการตรวจสอบประมาณ 20 แห่งแล้วพบว่า ไม่ได้มาตรฐานต้านทานแผ่นดินไหว ถ้าเกิดแผ่นดินไหวที่เมืองกาญจนบุรีประมาณ 6 ริกเตอร์ขึ้นไป ก็อาจทำให้โครงสร้างสะพานเสียหายและพังลงมา ทำให้สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินมหาศาล ขณะนี้เรามีวิธีป้องกันและเสริมความมั่นคงไว้พร้อมแล้ว" รศ.ดร.อมรกล่าว และว่า อยากให้เจ้าของอาคารและผู้รับผิดชอบโครงสร้างสะพานต่างๆ เร่งปรับปรุงแก้ไขเพื่อช่วยลดความรุนแรงของภัยพิบัติ โดยมีค่าใช้จ่ายในการเสริมความมั่นคงเพื่อรองรับแผ่นดินไหวเพียงแค่ 3-5% ของการก่อสร้างอาคาร.

    บรรยายโดย รศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย

    หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ.2554

    ที่มา http://www.ryt9.com/s/tpd/1239642
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2011
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ทำบุญทำไมต้องอธิษฐาน
    โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    [​IMG]


    ถาม : "หลวงพ่อคะ การทำบุญทุกอย่าง แต่ไม่ได้ปรารถนาอะไรเลย จะได้ไหมคะ...?"

    ตอบ : ได้โยม ทำไมจะไม่ได้ คือถ้าไม่ตั้งมโนปณิธานปรารถนา บุญมันก็ต้องเป็นบุญ แต่ว่าอานิสงส์เบื้องปลายมันไม่เหมือนกัน

    ถาม : "เป็นไงคะ...?"

    ตอบ : การปรารถนาจัดเป็นอธิษฐานบารมีนะ ตั้งใจว่าการทำบุญอย่างนี้เพื่อผลอะไร อย่างที่ไม่ปรารถนาพุทธภูมิ ไม่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ไม่ปรารถนาเป็นอัครสาวก แต่ปรารถนาเพื่อการหมดกิเลส ก็ชื่อว่ายังปรารถนาอยู่

    ถาม : "ถ้าหากว่าทำเฉย ๆ เล่าคะ...?"

    ตอบ : ถ้าหากว่าทำเฉย ๆ ไม่ปรารถนาอะไรเลย ตัวอย่างก็มีท่าน อาฬวีเศรษฐี คือว่าท่านอาฬวีเศรษฐีพ่อท่านเป็นมหาเศรษฐี พอพ่อท่านตายลงท่านก็เป็นเศรษฐีแทน เศรษฐีสมัยนั้นพระราชาต้องแต่งตั้ง แล้วต่อมาพวกขี้เมาก็ชวนกินเหล้าเมายา ในที่สุดทรัพย์สินก็หมดไป จนกระทั่งกลายเป็นขอทาน

    วันหนึ่งพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์เสด็จไปที่เมืองอาฬวี เห็นอาฬวีเศรษฐีนั่งขอทานอยู่ข้างฝาเรือนชาวบ้าน พระพุทธเจ้าก็ทรงแย้มพระโอษฐ์ พระพุทธเจ้าตามปกติจะไม่แย้มพระโอษฐ์ ถ้ายิ้มแล้วต้องมีเรื่อง พระอานนท์จึงทูลถามว่า "พระองค์ยิ้มด้วยเรื่องอะไร พระพุทธเจ้าข้า...?"

    พระพุทธเจ้าถามว่า "อานนท์ เธอเห็นอาฬวีเศรษฐีไหม...?"

    พระอานนท์มองไปมองมาไม่เห็น เห็นแต่ขอทาน พระพุทธเจ้าก็บอกว่า "ขอทานนั่นแหล่ะคืออาฬวีเศรษฐี" แล้วพระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า

    "ถ้าอาฬวีเศรษฐีสมัยเมื่อเป็นเศรษฐี ถ้าฟังเทศน์ของเราเพียงจบเดียวจะได้บรรลุพระอนาคามี เมื่อเงินน้อยลงมาเป็นอนุเศรษฐี ถ้าฟังเทศน์จากเราเพียงจบเดียวจะได้เป็นพระสกิทาคามี เมื่อมีฐานะเป็นคหบดี ถ้าฟังเทศน์จากเราเพียงจบเดียวจะได้เป็นพระโสดาบัน แต่ว่านี่อาฬวีเศรษฐีเป็นขอทานเสียแล้ว เราเทศน์จึงไม่มีผล"

    ตอนนี้พระอานนท์ทูลถามว่า "ตามธรรมดาคนจะบรรลุมรรคผล องค์สมเด็จพระทศพลเคยตรัสว่าจะตายก่อนก็ยังไม่ได้ ต้องบรรลุมรรคผลก่อนนี่ พระพุทธเจ้าข้า...?"

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า "นั่นเขามี อธิษฐานบารมี"

    ถาม : เป็นอันว่าอาฬวีเศรษฐี ไม่มีอธิษฐานบารมีใช่ไหมโยม

    ตอบ : "ใช่ค่ะ"

    ตอบ : คนจะได้ดี เลยไม่ได้ดี ต่อไปอธิษฐานเสียนะ

    ที่มา http://www.mettajetovimuti.org/index.php?lay=show&ac=article&Ntype=21&Id=539313505

    หมายเหตุ

    ใครที่ต้องการจะอยู่รอดปลอดภัย จากภัยพิบัติทั้งปวงในกึ่งพุทธกาลนี้ เมื่อทำบุญใดๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน รักษาศีล บำเพ็ญภาวนา แล้วก็อย่าลืมอธิษฐาน ขอให้บุญช่วยด้วยนะครับ เพราะเทวดาที่มีหน้าที่ดูแลรักษาคนดีมีศีลธรรม ให้อยู่รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติในครั้งนี้ ท่านจะรับรู้ได้ถึงคำอธิษฐานของเราครับ ถ้าไม่เกินกฏแห่งกรรมและเรายังไม่หมดอายุขัย ท่านช่วยเราได้แน่นอนครับ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2011
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "เวลา" เป็นของมีค่า

    [​IMG]

    เวลา...ให้โอกาสเราได้วางทุกสิ่งทุกอย่าง
    เวลา...ให้โอกาสเราได้รักและหวังดีกับใครหลายคน
    เวลา...ให้โอกาสเราได้ทำสิ่งต่างๆ ให้มีความสุข

    เวลา...ให้โอกาสเราได้เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
    เวลา...ให้โอกาสเราได้ปรับวิถีชีวิตจากที่ผ่านมา เพื่อเดินไปข้างหน้าได้อย่างภาคภูมิใจ
    เวลา...ให้โอกาสเราได้ใช้ทุกวินาทีด้วยสมาธิ เพื่อเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างแท้จริง

    เวลา...ให้โอกาสเราได้เริ่มต้น...กับสิ่งที่ต้องจบลงและหมดไปในวันหนึ่งข้างหน้า
    เวลา...ให้โอกาสเราได้พบสิ่งดีดี เพื่อมีความทรงจำที่ดี
    เวลา...ให้โอกาสเราเข้าใจชีวิต โลก ธรรมชาติ...อันเป็นทุกสิ่งที่มิมีวันจะอยู่กับเราไปได้โดยตลอด

    เวลา...เป็นของมีค่าเสมอ

    Posted by ปวิภา ,วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 เวลา 13:22:57 น.

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2011
  20. ปกรณ์

    ปกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +3,761
    นครศรีธรรมราชแผ่นดินทรุดลึก 40 ม. (ไอเอ็นเอ็น)
    ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

    อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช พบแผ่นดินทรุด ลึก 40 ม. คาดเกิดจากภัยธรรมชาติ และโรงถลุงแร่ ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว

    นายสกล จันทรักษ์ นายอำเภอฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เดินทางไปยังหมู่ที่ 10 ต.ไม้เรียง อ.ฉวาง หลังจากรับแจ้งเหตุแผ่นดินยุบตัวลงเป็นหลุมขนาดใหญ่โดยไม่ทราบสาเหตุ สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านที่อยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุ ในสวนยางพาราและสวนผลไม้ของชาวบ้าน แผ่นดินได้ยุบตัวลงเป็นหลุมขนาดใหญ่กินเนื้อที่ไปประมาณ 2 ไร่ ลึกประมาณ 40 เมตร

    ขณะนายอำเภอฉวาง ตรวจสอบดูที่เกิดเหตุดังกล่าวพบว่า สาเหตุที่ยุบตัวของแผ่นดินนั้นมาจากภัยธรรมชาติ เนื่องจากอยู่ใกล้ลำคลองและน้ำแทรกซึมเข้าใกล้ดิน ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งคือ ห่างออกจากหลุมที่เกิดเหตุมีเหมืองแร่ยิปซัม 3 เหมืองด้วยกัน และทางเหมืองมีการจุดระเบิดเอาแร่ทุกวัน ซึ่งแรงสั่นสะเทือนของระเบิด อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แผ่นดินแยกและยุบตัวลง ซึ่งตนจะได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ธรณีวิทยา ให้มาตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป พร้อมกันนี้ยังได้ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ
     

แชร์หน้านี้

Loading...