ความศักดิ์สิทธิ์พระคาถาชินบัญชร

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย พนมกุเลน, 19 พฤศจิกายน 2011.

  1. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถาชินบัญชร

    พระคาถาชินบัญชร ( สำหรับสวด )

    บทนำ


    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ


    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ


    ปุตตะ กาโม ละเภปุตตัง ธะนะกาโม ละเภ ธะนัง

    อัตถิ กาเย กายะ ญายะ เทวานัง ปิยะตัง สุตตะวา

    อิติปิโส ภะคะวา ยะมะ ราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ


    มรณัง สุขัง อะระหัง สุคะโต นะโม พุทธายะ

    [​IMG]

    ๑. ชะยา สะนา คะตา พุทธา เชตะวา มารัง สะวา หะนัง
    จะตุสัจจา สะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะรา สะภา.


    ๒. ตัณหัง กะรา ทะโย พุทธา อัฏฐะ วีสะติ นายะกา

    สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเก เต มุนิส สะรา.


    ๓. สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโล จะเน

    สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะ คุณากะโร.


    ๔. หะทะเย เม อะนุรุทโธ สารีปุตโต จะ ทักขิเณ

    โกณฑัญโญ ปิฏฐิภา คัสมิง โมคคัลลาโน จะวามะเก.


    ๕. ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะ ราหุโล

    กัสสะโป จะ มะหานาโม อุภาสุง วามะ โสตะเก.


    ๖. เกสะโต ปิฏฐิภา คัสมิง สุริโย วะ ปะภัง กะโร

    นิสินโน สิริ สัมปันโน โสภิโต มุนิปุง คะโว.


    ๗. กุมาระ กัสสะโป เถโร มะเหสี จิตตะ วาทะโก

    โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง ปะติฏ ฐาสิ คุณากะโร.


    ๘. ปุณโณ อังคุลิมาโล จะ อุปาลี นันทะ สีวะลี

    เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา นะลาเฏ ตีละกา มะมะ.


    ๙. เสสาสีติ มะหา เถรา วิชิตา ชินะ สาวะกา

    เอตาสีติ มะหาเถรา ชิตะวันโต ชิโนระสา


    ชะลันตา สีละเต เชนะ อังคะ มังเคสุ สัณฐิตา.


    ๑๐. ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกัง

    ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคุลิมา ละกัง.


    ๑๑. ขันทะโม ระปะริตตัญจะ อาฏา นาฏิยะ สุตตะกัง

    อากาเส ฉะทะนัง อาสิ เสสา ปาการะ สัณฐิตา.


    ๑๒. ชินาณา วะระสัง ยุตตา สัตตะ ปาการะลัง กะตา

    วาตะ ปิตตา ทิสัญชาตา พาหิรัช ณัตตุ ปัททะวา.


    ๑๓. อะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะ ชินะ เตชะสา

    วะสะโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะ ปัญชะเร.


    ๑๔. ชินะปัญชะระ มัชฌัมหิ วิหะรันตัง มะฮี ตะเล

    สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ เต มะหา ปุริสา สะภา.


    ๑๕. อิจเจวะมันโต สุคุโต สุรักโข

    ชินา นุภาเวนะ ชิตู ปัททะโว


    ธัมมา นุภาเวนะ ชิตาริ สังโฆ

    สังฆา นุภาเวนะ ชิตัน ตะราโย


    สัทธัมมา นุภาวะ ปาลิโต จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ.


    พระคาถาชินบัญชร ( ความหมาย )


    ๑.พระพุทธเจ้าและพระนราสภาทั้งหลาย ผู้ประทับนั่งแล้วบนชัยบัลลังก์ ทรงพิชิตพระยามาราธิราชผู้พรั่งพร้อมด้วยเสนาราชพาหนะแล้ว เสวยอมตรส คืออริยสัจธรรมทั้งสี่ประการ เป็นผู้นำสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นจากกิเลสและกองทุกข์


    ๒. มี ๒๘ พระองค์ คือ พระผู้ทรงพระนามว่าตัณหังกรเป็นอาทิ พระพุทธเจ้าผู้จอมมุนีทั้งหมดนั้น


    ๓.ข้าพระพุทธเจ้า ขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่บนศีรษะ พระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง พระสงฆ์ผู้เป็นอากร บ่อเกิดแห่งสรรพคุณ อยู่ที่อก


    ๔.พระอนุรุทธะอยู่ที่ใจ พระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา พระโมคคัลลาน์อยู่เบื้องซ้าย พระอัญญาโกณทัญญะอยู่เบื้องหลัง


    ๕. พระอานนท์กับพระราหุลอยู่หูขวา พระกัสสปะกับพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย


    ๖. มุนีผู้ประเสริฐ คือ พระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริ ดังพระอาทิตย์ส่องแสงอยู่ที่ทุกเส้นขน ตลอดร่างทั้งข้างหน้าและข้างหลัง


    ๗. พระเถระกุมารกัสสปะ ผู้แสวงบุญทรงคุณอันวิเศษ มีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยู่ปากเป็นประจำ


    ๘. พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสีวลี พระเถระทั้ง ๕ นี้ จงปรากฎเกิดเป็นกระแจะจุณเจิมที่หน้าผาก


    ๙. ส่วนพระอสีติมหาเถระที่เหลือ ผู้มีชัยและเป็นพระโอรส เป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย แต่ละองค์ล้วนรุ่งเรืองไพโรจน์ ด้วย
    เดชแห่งศีล ให้ดำรงอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ่


    ๑๐. พระรัตนสูตรอยู่เบื้องหน้า พระเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวา พระอังคุลิมาลปริตรอยู่เบื้องซ้าย พระธชัคคะสูตร อยู่เบื้องหลัง


    ๑๑. พระขันธปริตร พระโมรปริตร และพระอาฏานาฏิยสูตร เป็นเครื่องกางกั้นดุจหลังคาอยู่บนนภากาศ


    ๑๒. อนึ่งพระชินพุทธเจ้าทั้งหลาย นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ ผู้ประกอบพร้อมด้วยกำลังนานาชนิดมีศีลาทิคุณอันมั่นคง คือสัตตะปราการเป็นอาภรณ์มาตั้งล้อมเป็นกำแพงคุ้มครองเจ็ดชั้น


    ๑๓. ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตะชินเจ้า ไม่ว่าจะทำกิจการใด ๆ เมื่อข้าพระพุทธเจ้า เข้าอาศัยอยู่ในพระบัญชร แวดวงกรงล้อมแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอโรคอุปัทวะทุกข์ ทั้งภายนอกและภายใน อันเกิดแต่โรคร้าย คือ โรคลมและโรคดีเป็นต้น เป็นสมุฏฐานจงกำจัดให้พินาศไปอย่าได้เหลือ


    ๑๔. ขอพระมหาบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้น จงอภิบาลข้าพระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในภาคพื้นท่ามกลางพระชินบัญชร ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาภายในเป็นอันดีฉะนี้แล


    ๑๕. ข้าพระพุทธเจ้า ได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรม จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวันตรายใดๆ ด้วยอานุภาพแห่งพระชินะพุทธเจ้า ชนะข้าศึกศัตรูด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ชนะอันตรายทั้งปวง ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฏิบัติและรักษาดำเนินไปโดยสวัสดีเป็นนิจนิรันดรเทอญ ฯ

    [​IMG]


    พระคาถาชินบัญชร (ข้อมูล) (อ่านว่า ชินะ- ชินนะบันชอน)เป็นหนึ่งในบทสวดมนต์ที่พุทธศาสนิกชน ชาวไทยนิยมสวดมากที่สุด สันนิษฐานว่าพระเถระชาวล้านนาเป็นผู้แต่งขึ้น และเป็นพระคาถาสำคัญในพิธีกรรมตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา


    ดังปรากฏหลักฐาน ในพระราชพิธีจักรพรรดิราชาธิราช ต่อมาได้ปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ขึ้นโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี วัดระฆังโฆสิตาราม สมเด็จพระพุฒาจารย์องค์ที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (สมัยรัชกาลที่ 4) บทสวดชินบัญชรนี้ยังพบในประเทศพม่าและศรีลังกาอีกด้วย


    การหัดสวดคาถาชินบัญชร ควรจะเริ่มสวดในวันพฤหัสบดีข้างขึ้น (ยิ่งขึ้นมากยิ่งดี) ให้เตรียมดอกไม้ 3 สี หรือดอกบัว 9 ดอก และดอกมะลิร่วง (เด็ดก้านดอก) 1 กำ ธูปหอมอย่างดี 9 ดอก เทียน (เล่มหนัก1บาท ถ้าไม่มีใช้ 2 บาท แต่ควรใช้1บาทเพื่อเป็นสิริมงคล) จำนวน 9 เล่ม

    จากนั้น ให้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย โดยการ ตั้งนะโม 3 จบ ต่อด้วยบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ จากนั้นตั้งจิตนึกถึงสมเด็จโต


    ชินบัญชร แปลว่า กรง ซี่กรงของพระชินเจ้า


    ชินบัญชร มาจากคำว่า ชิน ซึ่งแปลว่า ผู้ชนะ อันหมายถึงพระชินเจ้าหรือพระพุทธเจ้า และคำว่า บัญชร ซึ่งแปลว่า กรง ลูกกรง ซี่กรง รวมกันเป็นชินบัญชร ซึ่งเป็นประดุจแผงเหล็ก


    หรือเกราะเพชรที่แข็งแรง สามารถปกป้องคุ้มกันอุบัติภัย อันตรายและศัตรูหมู่มารทั้งปวงได้


    ชินบัญชร ปัจจุบัน ใช้เรียกพระคาถาภาษามคธชุดหนึ่ง นัยว่าเป็นนิพนธ์ของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

    วัดระฆังโฆสิตาราม เรียกว่า พระคาถาชินบัญชร ซึ่งเชื่อกันว่า สามารถป้องกันสรรพอันตรายทั้งหลายได้ เหมือนเกราะเพชร และให้โชคให้ลาภ ตามที่ปรารถนาได้


    [​IMG]


    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=900><TBODY><TR><TD bgColor=#cccc00 height=29 vAlign=top colSpan=7>
    ท่านท้าวมหาพรหมชินนะบัญชะระ
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#cccc00 height=45 vAlign=top colSpan=7><!--DWLayoutEmptyCell--></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccc00 vAlign=top rowSpan=16><!--DWLayoutEmptyCell--></TD><TD height=580 vAlign=top colSpan=5>
    ในอดีตกาล ครั้งองค์สมณะโคดมเจ้า ทรงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ครานั้นอัครสาวกเบื้องซ้ายและเบื้องขวาของพระพุทธองค์ คือ พระโมคคัลลานะ ผู้เลิศในอิทธิฤทธิ์ และพระสารีบุตรผู้เลิศในปัญญา ณ แคว้นพาราณสี ปรากฏเด็กน้อยนามว่า ชินนะ บุตรของมะติโตพราหมณ์ และนางยะถานาพราหมณ์ โคตรบัญจะระ


    เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาแห่งองค์พระศาสดา แต่ครั้งเยาว์วัย ได้บวชเป็นสามเณร และเป็นศิษย์ของพระโมคคัลลานะ สามเณรชินนะ ทรงภูมิปัญญาเป็นที่เฉลียดฉลาดเป็นยิ่ง ศรัทธาในการบิณฑบาตอย่างสงบขยันหมั่นเพียรเป็นนิจ ครั้นอายุได้เพียง 7 ขวบก็สำเร็จอรหันต์

    สามเณร ชินนะ บัญชะระ นับว่ามีรูปงาม เสียงไพเราะ รู้พิธี เจ้าระเบียบ รอบคอบด้วยความสะอาด ตั้งอยู่ในศีลาจาวัตรอันงดงาม

    ครั้นย่างเข้าสู่วัยหนุ่ม รูปร่างของท่านชินนะ บัญจะระ ยิ่งสวยสดงดงาม ผิวขาวละเอียดประดุจหยก หน้าแดงระเรื่อสีชมพู คิ้วโก่งดังคันศร


    ไว้เกษาเกล้าจุก เยื้องย่างสง่างามประดุจราชสีห์ ด้วยรูปงามเป็นที่ต้องตาต้องใจของสตรีเพศ จึงมีสตรีเพศต่างหลงใหลในตัวของท่านชินนะเป็นอย่างยิ่ง ด้วยท่านชินนะนั้นยึดพรหมจรรย์เป็นสรณะจึงมีแต่ความสงบ

    แล้ววันหนึ่ง ขณะที่ท่านชินนะได้ออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ ได้มีหญิงผู้หนึ่งซึ่งแอบหลงรักท่านชินนะ มิอาจยับยั้งใจเอาไว้ได้จึงได้โผผวาเข้ากอดท่านชินนะอย่างลืมตัว


    ท่านชินนะ เห็นอาการของผู้หญิงคนนั้นกระทำแก่ท่านดังนี้ ก็บังเกิดความสังเวชอย่างใหญ่ หลวง อันพรหมจรรย์ของท่านต้องมาแปดเปื้อนเสียดังนี้ ความยึดมั่นในพรหมจรรย์ของท่านต้องมาสะบั้นลง

    ท่านจึงดำริขึ้นว่า

    "ตัวท่านนี้มีรูปงามเช่นนี้ ย่อมก่อให้เกิดอกุศลกรรมแก่อิตถีเพศ เป็นการสร้างบาปให้เกิดขึ้น ด้วยมีกายรูปนี้เป็นเหตุ จะมีสักเท่าใดกันหนอที่ปรารถนาล่วงพรหมจรรย์ของท่านเช่นผู้หญิงคนนี้.."

    ท่านชินนะ คิดดังนี้ เห็นกายเป็นเหตุ กายทำให้พรหมจรรย์จิตเสื่อมสลาย กายก่ออกุศลจิตให้เกิดเป็นบาปกับอิตถีเพศผู้ยังมัวเมาในรูป ท่านจึงถอดกายทิพย์ออกจากร่าง ทิ้งสังขารไว้เมื่อยังไม่ถึงกาล เมื่ออายุท่านเพียง 23 ปี 6 เดือน กายทิพย์ของท่านจึงไปได้แค่ชั้นพรหมโลก


    ท่านชินนะ

    นับว่าเป็นผู้รอบรู้พิธีการต่างๆ ของโลกวิญญาณ ท่านสามารถสวดพระคาถาคลายพระเวทย์ได้อย่างเยี่ยมยอดยามท่านสวดพระคาถาไม่ว่า บนโลกหรือบนสวรรค์เสียงของท่านจะก้องกังวานไปทั่วนรกภูมิ และสวรรค์สามสิบสามชั้นเทพพรหมได้ยินจะสะเทือนจิตออกจากสมาบัติหมดสิ้น เพื่อรับทราบพิธีการที่ท่านชินนะจัดขึ้น

    ท่านชินนะบัญจะระ มีกายละเอียดอยู่ในชั้นพรหม ขณะนี้เป็นชั้นหัวหน้ารูปพรหม 16 ชั้น ควบคุมทั้งหมด ดังด้วยว่าสตรีเพศเป็นผู้ทำลายความบริสุทธิ์ของท่านเสียก่อนดังนี้ ทำให้ท่านละสังขารก่อนถึงกาลเวลาแห่งอายุดังนี้ จึงทำให้ท่านมีกำลังบุญอยู่ในแค่ชั้นพรหม



    ดังนั้น ท่านจึงต้องสร้างบุญในโลกมนุษย์ เพื่อสร้างบุญบารมีนำท่านขึ้นไปสู่ แดนอรหันต์

    ดังนั้น ชินบัญชรคาถา หากท่านได้ภาวนาเป็นประจำสม่ำเสมอ จักก่อให้เกิดผลดียิ่งแก่ผู้ภาวนา เพราะท่านท้าวมหาพรหม ชินนะบัญจะระ จะทรงแผ่อำนาจลงมาช่วยท่านตลอดเวลา คิดหวังอะไรย่อมสมหวังยิ่ง

    </TD><TD bgColor=#cccc00 vAlign=top rowSpan=16><!--DWLayoutEmptyCell--></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccc00 height=24 vAlign=top colSpan=5><!--DWLayoutEmptyCell--></TD></TR><TR><TD height=1112 vAlign=top colSpan=5>
    คุณลักษณะท้าวมหาพรหมชินะปัญชะระ

    ยิงใหญ่... เทพพรหมนั้น มีมากมายกว่าเมล็ดทรายในท้องมหาสมุทร แต่มีพรหมที่มีตบะแรง พรหมที่มีอวุโส มีตำแหน่งในพหรมโลกนั้นมีไม่กี่องค์


    ในพรหมโลก มีพระพรหม ๔ องค์ ที่เป็นใหญ่ในพรหมโลก มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับพรหมโลก คือ



    1. ท้าวมหาพรหมชินะปัญชะระ

    2. ท้าวอัปราพรหม


    3. ท้าวจตุรพรหม

    4. ท้าวมหาพรหมสามภพ


    พระพรหมชินนะนี้ เป็นผู้พร้อมทุกอย่าง เขาเรียกว่าเป็นผู้สำเร็จสมัยองค์สมณโคดม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นพรหมที่ไม่ขึ้นต่อพรหมโลก เขาเรียกว่า เป็นพรหมเอกเทศในพรหมโลก และมีบารมีแห่งฌานสมาบัติอันแก่กล้า


    พรหมองค์นี้ ไม่ใช่พรหมที่จะติดสินบนกับมนุษย์ ทรงไว้ด้วยความยุติธรรม และเป็นผู้รอบรู้สรรพสิ่ง เรียกว่า เจ้าพิธีการของโลกทิพย์ เป็นหัวหน้ารูปพรหมทั้ง ๑๖ ชั้น

    ท้าวมหาพรหมชินนะ ท่านเป็นพระพรหมที่มีฤทธิ์เดช ที่เรียกว่า พญามารหรือมารทั้งหลายกลัว ในด้านของมารโลเก โลกของมารของพวกวิญญาณ

    ดังนั้น หากผู้ใด บูชาภาพของท่านไว้ภายในบ้านเรือน ทั้ง เทวดา โอปปาติกะฝ่ายมาร หรือ อมนุษย์ เปรต อสุรกาย และสัมภเวสีทั้งหลาย ย่อมไม่กล้าย่างกรายเข้ามารังควาน


    [​IMG]


    เรื่อง ประสบการณ์จากพระคาถาชินบัญชรอันศักดิ์สิทธิ์


    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ghost108&month=03-2009&date=31&group=1&gblog=31

    <!-- Main -->
    ตั้งแต่ผมอายุ ๕ ขวบ มาจนถึง ๒๓ ปี พี่สาวผมขอเตี่ยแม่บวชชีไปตลอดชีวิตอยู่หลายครั้ง แต่เตี่ยกลัวว่าจะมีอันตราย เลยไม่ยอมให้บวชมาตลอด

    เจ๊ก็ได้แต่วนเวียนไปตามวัดต่าง ๆ ส่วนผมตอนอายุได้ ๑๘ ปี ก็ขอเตี่ยบวช เพราะอ่านหนังสือธรรมะของเจ๊เยอะ รวมทั้งหนังสือโลกทิพย์ เห็นครูบาอาจารย์ท่านสละโลก ก็อยากทำบ้าง

    มีวันหนึ่งก็เลยขอเตี่ยบวช

    " เตี่ย ๆ อั๊วอยากบวชนะ"เตี่ยหันมามองหน้าแล้วก็ยิ้ม เพราะเตี่ยโดนแม่พาเข้าวัดบ่อย เตี่ยชอบทำบุญ และชอบช่วยเหลือคน

    "เออดีนะ ลื้อจะบวชให้อั๊วเหรอ เอาไว้ลื้ออายุ ๒๐ ก่อนนะ ดีจริง ๆ" เตี่ยยิ้มอย่างมีความสุข แต่พอฟังผมพูดต่อก็ชะงักตาค้าง

    "ไม่ใช่เตี่ย อั๊วจะบวชให้ลื้อตอนนี้เลย และจะขอบวชไปตลอดชีวิตด้วย" ผมพูดออกไป ด้วยคำพูดที่มุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว เตี่ยได้แต่ตกใจ

    "ไอ๊หย่า ลื้อนี่จะทิ้งอั๊วเหมือนพี่สาวลื้ออีกคนแล้ว พี่น้องคู่นี้ ไม่ไหว ตั้งท่าจะบวชตลอดชีวิตลูกเดียวเลย ไม่เอาอั๊วไม่ให้ลื้อบวชแล้ว กลัวใจลื้อเลย"

    ครับ ผลก็เลยอดได้บวชกัน เวลาผ่านมาจนผมอายุได้ ๒๓ ปี เจ๊ผม โดนส่งไปเรียนที่อินเดีย จบโทแล้วและกำลังต่อเอกอยู่

    ตอนนี้ เตี่ยยุให้บวช เจ๊ก็ส่ายหน้าแล้ว เพราะมีความรักเข้าให้

    ส่วนผมก็มาอยู่กลับพี่สาวคนโตอีกคน ทำของกิ๊ฟช็อปส่งขาย เป็นพวกตุ๊กตาเซรามิก

    ตลอดระยะเวลาตั้งแต่เด็กจนโตมา ถึงอายุ ๒๓ ปี ๆ หนึ่ง ผมจะเข้าไปในโลกส่วนตัวของผม ไม่เกิน ๑๐ ครั้ง และในโลกของจิต ทำให้ผมกับต้องเจอสภาวะของวิญญาณที่เป็นเทพ

    และพระภูมิเจ้าที่อยู่เสมอ ไม่ว่าไปนอนที่ไหน เป็นได้เจอในช่วงที่หลับไปพร้อมกับสมาธิ

    บางครั้ง จะได้ยินเป็นเสียงเรียก บางครั้ง ก็เหมือนให้ลืมตาตื่นขึ้นมาดู แต่ละที่เจ้าที่ ไม่เคยเหมือนกันซักเท่าไหร่ บางที่ ก็เป็นชายผิวขาวผิวพรรณดี ใส่ชุดขาว หมวกทรงสูง

    บางที่ ก็เป็นลักษณะพราหมณ์ บางที่ก็ไทยแท้ ๆ เหมือนคนโบราณ แต่ส่วนมากจะมาดี และมายิ้มให้เสมอ

    จะมีก็แต่บ้านเจ๊คนโตนี่หละ มาอยู่ได้หลายเดือนละ ยังไม่เคยได้เจอเลย ช่วงนี้ มีหนังสือพิมพ์ออกข่าวครึกโครม เรื่องของนายทหารท่านหนึ่ง ชื่อพลเอกเสนาะ จินดารัตน์ ท่านมาเล่าเรื่องตาย

    และฟื้นมา ๒ ครั้ง และมาเล่าประสบการณ์ต่าง ๆ รวมทั้งเรื่องพระคาถาชินบัญชรด้วย

    ตัวผมเองเกิดจิตศรัทธา ก็เลยไล่ท่อง ๓ วัน จนคล่องอยู่ในใจ และสวดก่อนนอนเป็นประจำ

    ทุกอย่าง ก็ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่มีอยู่คืนหนึ่ง ก็ได้เรื่อง เวลาตอนนั้น ก็ปาไปประมาณเกือบ ๕ ทุ่มแล้ว ในขณะที่ผมก้ม ๆ เงย ๆ วาดรูป และงานเขียนตุ๊กตาของผมอยู่

    ผมก็ได้เห็นเงาลาง ๆ มาวนรอบตัวของผม บางทีหางตา เห็นเหมือนคนมายืนอยู่ข้าง ๆ แต่มองไป ก็ไม่เจอใครหรอกครับ

    เลยเวลาไป ๕ ทุ่มกว่า ผมต้องไปนอนแล้ว บ้านพี่สาวที่อยู่ เป็นครึ่งตึกครึ่งไม้ ด้านบนเป็นไม้นะครับ ผมเดินขึ้นไปที่บันไดบ้าน และไหว้ไปที่หัวบันไดบ้าน เป็นการให้อนุญาต

    ผมพูดออกไปว่า “ถ้ามีอะไรให้ผมได้ช่วยบ้างก็ยินดี แต่ขอให้มาดี ๆ นะครับ”

    ผมขึ้นไปนอน จน ๖ โมงเช้า เป็นช่วงเวลาที่ผมตื่นแล้ว ช่วงนั้น เป็นช่วงหน้าหนาว อากาศที่พิษณุโลกยังหนาวเย็นอยู่เลย


    ผมเองตอนนี้กำลังนอนขดตัวในผ้าห่ม ในขณะที่ฟ้าข้างนอกก็ยังครึ้มอยู่

    ผมนอนห้องด้านหน้า ติดริมหน้าต่างหน้าบ้าน เตียงของผมเป็นเตียงใหญ่ แต่ตอนนี้ ผมนอนอยู่ที่ริมเตียง ห่างจากหน้าต่างออกมาหน่อย เพราะช่วงนี้อากาศค่อนข้างจะเย็น ผมคิดในใจว่า

    “เออ ไม่มีอะไรแฮะ หลับสบายเลย” จากท่านอนตะแคง ผมหันมานอนหงาย ทันใดนั้นเอง ผมมีความรู้สึกว่า มีคนมาทับหน้าอกผมอย่างแรงจนแน่น หายใจไม่ออกเอาเลย


    แล้วเขาก็ใช้จิต กดผมจนกระดิกตัวไม่ได้เลย เวลานี้ ผมไม่ได้ฝันแน่นอน ผมตื่นอยู่แล้ว ผมคิดในใจว่า

    "เอาเข้าแล้ว เจอเข้าจนได้ ก็บอกให้มาหาดี ๆ นี่นา ไม่ใช่แล้ว" แค่คิดในใจ แค่นี้เอง สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นมา จนแทบตั้งตัวไม่ทัน


    บทสวดของพระคาถาชินบัญชร บทที่ ๑ ออกมาจากปลายนิ้วชี้ของผม

    "ชะยา สะนา กะตา พุทธา เชตะวา มารัง สะวา หะนัง จะตุสัจจา สะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะรา สะภา"

    แต่ไม่ใช่เป็นการท่องออกมา เป็นเหมือนพระคาถาทำการปกป้อง โดยผมไม่ได้ไปนึกถึงเลย ผมรู้แต่ว่า จิตมันสัมผัสได้ นี่คือ คาถาชินบัญชร

    ในขณะที่นิ้วชี้ของผม ยกชูขึ้นมา ผมก็ได้เห็น ความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถาชินบัญชร บทที่ ๑ ครับ

    ผมเห็นเป็นเม็ดแสง พรูออกมาจากปลายนิ้วชี้ เป็นสีสันต่าง ๆ กัน ไปกระทบเอากับจิต ที่กดผมอยู่

    สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ อทิสสมานกายของผม โดนผลักออกมาจากกายเนื้อ เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ที่ไม่ได้ไปภูมิอื่น แต่นี่คือห้องของผมเลยทีเดียว


    ตัวผมโดนผลัก เลื่อนมาอยู่ติดกับริมหน้าต่าง เวลานั้น ผมมีสติเต็มร้อยแน่นอน เพราะผมเห็นตัวผม กายเนื้อ นอนห่างออกไปไม่เกินเมตร และที่บนหน้าอกของกายเนื้อของผม ๆ เห็นสภาพของกายวิญญาณ

    ที่พร่า ๆ เลือน ๆ เป็นลักษณะโปร่ง ๆ ใส ๆ และด้วยเพราะโดนพระคาถาปัดออกไปเต็มแรง กำลังบิดกายด้วยความเจ็บปวด อยู่ตรงหน้าของผมนั้นเอง

    ผมได้แต่ตะลึง เมื่อมองเห็นจิตวิญญาณนั้นชัดเจนขึ้น ครับของจริงเลยทีนี้ ตัวผอมกระหร่องจนเห็นซี่โครงเลย


    หัวก็โตกว่าคนปกติซักเท่าหนึ่ง ผมบนหัวแทบมองไม่เห็นเลย ผิวกายก็ดำคล้ำ

    เวลานั้น ผมขนหัวลุกตั้งชันเลย คาถาชินบัญชรบทที่ ๒ ออกมา โดยไม่ได้นึกถึงอีกแล้ว

    "ตัณหัง กะราทะโย พุทธา อัฏฐะวี สะตินา ยะกา สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเก เต มุนิสสะรา"

    คราวนี้ไม่ใช่การท่องอีกแล้ว แต่ผมมีความรู้สึก ถึงแรงดันที่ท้อง จนต้องเป่าเป็นลมออกมา เหมือนหมอผีเลยผมตอนนั้น


    เป่าพรวด ผีตนนั้นร้องอย่างเจ็บปวดเลย จะว่าใจร้ายก็ใจร้ายละ ความตกใจ ขอให้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้หายไปซะก่อนเถอะ


    เรื่องอื่นค่อยว่าทีหลัง คาถาชินบัญชรบทที่ ๓ ออกมาอีกจนได้

    "สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะ คุณากะโร"


    ครับได้เรื่องเลย บทนี้เป็นอัญเชิญ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มาที่ศรีษะ ดวงตาทั้งสอง และหน้าอก ครับ ผลก็คือ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับผีตนนั้นเลย


    แต่ตัวผมเองซิ มันหายกลัวและเกิดเมตตาขึ้นมาทันที จิตบอกว่า เขามาขอร้องให้ช่วยนะ ผมเลื่อนตัว

    เข้าไปจับมือที่ซูบกรังทันที

    "ขอโทษ ผมขอโทษจริง ๆ ผมตกใจ และไม่คิดว่า พระคาถาชินบัญชร จะออกมาปกป้องผมเช่นนี้"


    ผมมองไปที่หน้าเขา เหมือนคนที่สำนึกในสิ่งที่ผิดพลาดอย่างแรง

    "เป็นไรมากไหมครับ"ผมมองไปที่หน้าของเขา ตาที่ลึกดวงตาที่ขาวขุ่น จมูกบี้แทบจะมองไม่เห็นรูจมูก

    ผิวกายก็หยาบกระด้างและแข็ง หน้าตาเต็มไปด้วยคราบน้ำตา จนผมรู้สึกผิดมาก ๆ จริง ๆ

    "ผมขอโทษอีกที เป็นเพราะผมตกใจ และผมก็บอกพระภูมิเจ้าบ้านแล้ว ให้มาดี ๆ คุณเข้าหาผมไม่เป็น ก็เลยกลายเป็นเรื่องเลย" ผมจำได้ ตอนที่ไหว้หัวบันไดเมื่อคืน

    "ไม่เป็นไรครับ ผมขอร้องท่านเองเมื่อคืน ว่าให้อนุเคราะห์ผมด้วย เพราะมีแต่ท่าน ที่จะช่วยให้ผมพ้นทุกข์จากตรงนี้ได้ และผมกับพระภูมิ เคยเป็นญาติกันมาแต่อดีต ท่านก็เลยอนุเคราะห์ผม แต่ไม่ให้รบกวนคุณตอนนอน ให้มาช่วงเช้า เวลาที่คุณตื่นนะครับ"เสียงของผีเปรตตนนี้

    ทั้งแหบพร่าและสั่น

    "คุณชื่ออะไรล่ะ แล้วเพราะกรรมอะไร จึงได้มาทุกข์ทรมานอย่างนี้"ผมถามเขาไปเพราะอยากจะรู้

    "ผมชื่อ ณัฐพล ครับ ผมเป็นคนขี้เหล้า ตลอดชีวิต ไม่เคยเชื่อเรื่องบุญกุศล แถมไปขโมยของวัด

    ทั้งเงินและข้าวของใช้ เลยทำให้ผมเจอวิบากหนัก ผมตายมานานมากแล้ว

    ไปตกนรกมาอยู่ช่วงหนึ่ง และกรรมก็ซัดให้มาเป็นเปรต เที่ยวขอส่วนบุญ แต่ไม่มีใครเห็นผม และช่วยผมได้เลย ผมได้แต่กินน้ำหนองของตัวเอง หิวเหลือเกิน ไม่มีอะไรกินเลย

    ไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าของใช้ นั่นเพราะกรรมชั่วของผมเองแท้ ๆ”

    ผมมองเขาด้วยความรู้สึกที่ประกอบไปด้วยเมตตา ก็เลยตัดสินใจจะทำอะไรให้เขาบ้างเลยพูดออกไปว่า

    "เอาอย่างนี้นะคุณณัฐพล เช้านี้ ผมจะไปทำสังฆทานที่วัดใหญ่ ให้แก่คุณเลย อานิสงส์คงมากพอ ที่จะทำให้คุณพ้นจากสภาวะทุกข์ไปได้ และบุญที่ผมได้ปฏิบัติ ขอจงบังเกิดกับคุณโดยบัดนี้เถิด"

    ผมอธิษฐานและจับมือเขาไปด้วย สิ่งที่ผมเห็นก็คือ ประกายตาเขาเกิดแจ่มใสขึ้นมาทันที ผมรู้ว่า เขาได้บุญในขณะนั้นแล้วรอที่จะถวายให้พระสงฆ์ และกรวดน้ำให้เท่านั้น

    "ขอบคุณมากครับ ผมจะไม่มารบกวนให้คุณตกใจอีก ผมขอบคุณ ในน้ำใจของคุณด้วยนะครับ"

    เขายกมือจบหัว และหายไปต่อหน้าของผม ส่วนตัวผมเองกะว่า จะดูอะไรที่มากกว่านี้ ไม่ได้แล้วครับ ไม่ได้ออกมาด้วยสมาธิ ออกมาด้วยฤทธิ์คุณอันศักดิ์สิทธิ์

    ตัวผมโดนใยเล็ก ๆ เหมือนเส้นผม (สายใยของตัณหาที่ยึดติดกายนะครับ) ดึงกลับเข้าไปที่ร่างกายทันที ในขณะที่ผมก็กระเด้งตัวลุกขึ้นมา


    ผมเล่าเรื่องที่เจอให้พี่สาวของผม เจ๊ก็จัดอาหาร และให้ผมไปซื้อของมาทำบุญให้แก่เขาครับ

    คาถาชินบัญชรที่ออกมาปกป้องจริง ๆ แล้วคืนนั้นผมไม่ได้สวดเลย เพราะองค์พระคาถาจะคลุมตัวเราไว้ อะไรก็เข้าไม่ได้นะครับ


    แต่จิตที่เต็มไปด้วยศรัทธา เป็นสิ่งที่แนบแน่นไปแล้ว

    และที่สำคัญ ผมว่าใครสวดองค์พระคาถา จะเป็นการเรียกวิญญาณแถวนั้น เพื่อรอจังหวะมาขออานิสงส์ อยากเจออะไรแปลก ๆ ก็ตั้งใจเอาไว้ละกัน ลองทำอย่างผมนะ เชิญเขาเข้ามา

    แต่ให้พระภูมิ เจ้าที่ท่านเลือกมาให้ด้วยนะ ไม่งั้นขืนเจอพวกแสบ ๆ ละก็แย่เลย ไม่ใช่คุณแย่นะ เจ้าพวกแสบ ๆ น่ะ


    เพราะถ้าลองผ่านบทที่ ๓ แล้ว จิตจะบอกเราเองเลยว่า มาดีหรือมาร้าย

    ถ้ามาร้ายบทที่ ๔ สงสัยวิญญาณธรรมดา ก็กระเด็นแน่

    แล้วถ้าคุณลุยแบบไม่บันยะบันยังเลย ผมว่าจิตวิญญาณนั้น ต้องได้รับผลแห่งความร่มเย็น อันเป็นสิ่งตรงข้ามกับจิตของเขา ที่ยังเสวยอยู่กับความคับแคบ อันเป็นสิ่งร้อนอยู่ครับ

    ความทรมานไม่ได้เกิดขึ้นจากพระคาถานะครับ พระคาถาไม่ได้ทำร้ายใครเลย เปรียบเหมือนหม้อต้มน้ำที่ร้อน ๆ ที่อยู่บนเตาไฟเฉย ๆ แต่กลับไปเอามือไปแตะเอง

    เพียงแต่แตกต่าง ในเรื่องของใจที่ร้อนและเย็น จิตที่สวดพระคาถา ประกอบไปด้วยศรัทธา มีศีลรักษาใจ

    ซึ่งเป็นความปกติของจิต ที่ไม่เบียดเบียนผู้ใด

    จิตจึงเป็นลักษณะที่ปลอดโปร่งโล่งเย็น กระจายปกคลุมสภาวะแห่งกายและจิต ด้วยกำลังแห่งคุณของพระรัตนตรัย ที่รักษาในส่วนที่เรานำเอาความดีเป็นที่ตั้ง


    จิตประกอบไปด้วยคุณธรรมต่าง ๆ ที่รักษา จึงมีสภาพของความเย็น ปลอดโปร่ง ซึ่งตรงข้ามกับจิตวิญญาณที่ยังรับสภาวะกรรม

    จิตประกอบไปด้วยนิวรณ์ และกรรมไม่ดีต่าง ๆ อันเป็นสิ่งคับแคบเปรียบเสมือนของร้อน

    จิตที่ปราศจากคุณธรรม ปราศจากศีล ปราศจากศรัทธา ย่อมเป็นธรรมดาเหลือเกิน ที่กำลังย่อมแตกต่างกันอย่างมากมาย


    ความร้อนที่มีกำลังน้อย เมื่อมากระทบความเย็นแห่งจิต ที่มีกำลังมาก ผลก็คือ ต้องรับกรรมอันที่ตนได้กระทำ นั่นเอง

    ขอให้เข้าใจกันด้วยว่า พระคาถาแห่งพระอริยะเจ้านั้น ทำหน้าที่ปกป้องกายและจิต เท่านั้นนะครับ

    ไม่ได้เอาไว้ใช้ทำลายสรรพสัตว์ให้พินาศ

    ผลของพระคาถาชินบัญชรบทที่ ๑ ทำเอาปลายนิ้วชี้ของผม ร้อนอยู่ช่วงขณะที่ลำแสงปรากฏ และต่อมาปลายนิ้วชี้ ที่ปกติเป็นวงขดธรรมดา เหมือนคนทั่วไป แต่ตรงปลายนิ้วชี้ ตั้งแต่ตอนนั้น

    กลายเป็น เม็ด ๆ เล็ก ๆ ซักครึ่งเซ็นต์ เป็นของจารึกนะครับ ไม่รู้ว่าดีไหม (ดอกพิกุล)

    ฤทธิ์อำนาจเฉพาะบท ผมแจงไว้ที่รู้ และเจอมา แต่ถ้าสวดหมดจะคลุมตัวเราเอง

    ลองอ่านดู อาจจะเข้าใจเพิ่มขึ้นมาได้นะครับ ท่านใดที่สวดพระคาถาชินบัญชร แล้วมีจิตที่ศรัทธา พระคาถา จะแนบกับจิตของเรา ไปทั้งกายเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นการอัญเชิญ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ

    มาประดับไว้ ในฐานของกายทั่วไปหมด


    และที่สำคัญ หากท่านมีจิตที่ตั้งมั่นในการสวด (สมาธิที่ดี) กายของท่านในส่วนที่ประดับด้วยของพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ จะสว่างโพลงออกมา มีแต่ตาของอทิสสมานกาย กายวิญญาณเท่านั้น

    ที่จะสัมผัสและเห็นได้

    หรือคนที่มีทิพย์อำนาจ จะรับรู้ด้วยความรู้สึกของการขนลุก เพราะไปรับพลังที่แปลก ๆ ออกจากกายของคนนั้น ที่สวดองค์พระคาถาเอาไว้


    บางครั้งแม้แต่คนสวดเอง ก็จะรับรู้ถึงสิ่งที่แปลก ๆ มักออกมาจากจิตของเขาเอง

    จึงทำให้ผู้ที่สวดและมีจิตศรัทธา มักจะมีอะไรมาดลใจ แปลก ๆ เพราะไปรับเอาสื่อวิญญาณต่าง ๆ

    ที่ต้องการมาขอความช่วยเหลือนั่นเอง


    จริง ๆ แล้วองค์พระคาถามีประโยชน์ อยู่ที่วิธีที่เราใช้ ฤทธิ์อำนาจความศักดิ์สิทธิ์ก็แปลก ๆ รัศมีของจิตแต่ละบท ก็ไม่เห็นจะเหมือนกัน บางครั้งแสงก็อ่อนโยน บางครั้งก็กระจายออกไปวงกว้าง

    สีต่าง ๆ ที่กระจายและห่อหุ้มอยู่ที่แต่ละบท ตรงบารมีของพระบริสุทธิคุณ แต่ละองค์ แต่ละท่าน ไม่เหมือนกันเลย

    ขอแนะนำเพิ่มอีกนิดนะครับ


    ยามใดที่เกิดความสับสน ให้สวดบทที่ ๑ นะครับ

    ยามใดที่จิตเกิดเมตตาจิต กระจายออก ให้สวดบทที่ ๓ นะครับ


    ยามใดที่ต้องการให้เกิดความยินดี น้อมจิตให้เขาเกิดความสบายใจ ให้สวดบทที่ ๗

    ยามใดต้องการสิริมงคล กันคุณไสย ให้สวดบทที่ ๘

    ยามใดที่เจอภัยต่าง ๆ ที่อยู่ตรงหน้า ให้ตั้งจิตไว้ ที่บทที่ ๙ จะคลาดแคล้วจากอันตรายนะครับ

    ยามใดที่มีโรคภัยแปลก ๆ หาเหตุไม่ได้ มึนหัวมาเฉย ๆ ให้สวดบทที่ ๑๓

    ยามใดต้องการช่วยเหลือใคร เพราะต้องเคราะห์ภัย ให้สวดบทที่ ๑๔ นะครับ แล้วจับที่มือ หรือเป่าไปที่หน้าผากเขา เพราะบทนี้เป็นบทขอให้คุณพระคุ้มครอง จะใช้กับตัวเองก็ได้นะครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. จิตสีฟ้า

    จิตสีฟ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +192
    อนุโมทนาสาธุครับ ผมสวดเเล้วยังไม่เห็นผลทางกายเนื้อครับ
     
  3. thontho

    thontho เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    398
    ค่าพลัง:
    +612
    สวดไปเรื่อยๆ อย่าหวังผล จึงบริสุทธิ์ การไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเท่ากับทำให้ชีวิตเป็นตามปกติ มิฉนั้นอาจลำบากกว่านี้ จะให้เหมือนทุกคนไม่ได้ ต่างกรรมต่างวาระกัน
     
  4. Piagk3

    Piagk3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +1,222
    เราก็สวดทุกครั้ง หลังจากสวดมนต์บทหลัก บทสรรเสริญพระพุทธคุณ บทพาหุงฯ แผ่เมตตา แผ่ส่วนกุศล จบ ตามด้วย ชินบัญชร แล้วกราบพระ จบเสร็จสิ้นการสวดมนต์ อาจนั่งสมาธิ บ้าง
     
  5. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618

    อนุโมทนา

    ก็ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ของเก่าแต่ละคน ทำมาไม่เท่ากัน บางทีก็ต่างกองกัน จะให้เห็นผลเหมือนๆ กัน ไม่ได้หรอก ที่มีใจอยากสวด ก็เพราะมีบุญสัมพันธ์ดั้งเดิมเกี่ยวเนื่องมา ก็เรียกว่า ทำดีแล้ว อย่าท้อ ทำต่อ ผลน่ะเห็นแน่ รออยู่ข้างหน้า อดทนก่อน
     
  6. พระดร

    พระดร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +49
    อนุโมทนาสาธุ

    อนุโมทนาสาธุ
     
  7. phanbuaphet

    phanbuaphet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +2,180
    อนุโมทนาค่ะ
    เชื่อและศัทธาในพระพุทธองค์และท่านครูบาจารย์
     
  8. yindee1917

    yindee1917 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +211
    ชินะ ปัญชะระ ปะริตตัง มังลัค ขะตุ สัพพะทา
     
  9. จิตินันท์

    จิตินันท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +130
    แค่อ่านเรื่องของคุณพนมกุเลน จิตก็ใสอย่างบอกไม่ถูกแล้ว อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
     
  10. chaisit yaisang

    chaisit yaisang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +13
    อนุโมทนา ด้วยครับ :cool:

    <quickprintreadystate style="display: none;"></quickprintreadystate><quickprintreadystate style="display: none;"></quickprintreadystate>
     
  11. หมากพุทธ

    หมากพุทธ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    สวดตอนเข้าพรรษาครับสบายใจดี
     
  12. AUMKUN

    AUMKUN สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2011
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +1
    เราสวดทุกวัน ไม่ได้หวังอะไร รู้อย่างเดียวว่าสวดแล้วสบายใจ ถ้าวันไหนไม่ได้สวดเหมือนขาดอะไรไป และเวลาสวดมนต์ทุกครั้งเวลาสวดชอบยิ้มเองไม่รู้เป็นไง เหมือนมีความสุขใจยังไงไม่รู้ มีอยู่ครั้งนึง นั่งสวดแล้วหลับตา เห็นเป็นพระหนุ่มรูปหนึ่งแต่เห็นแค่ครึ่งตัว มองมาที่เราเราตกใจรีบลืมตาขึ้นมาเลย เอ๊ะ! เราฝันไปหรือเรื่องจริงเนี่ย แต่ปากเรายังสวดมนต์อยู่เลย แสดงว่าเราไม่ได้เผลอหลับแต่เราเห็นจริงๆ แปลกดีเหมือนกัน
     
  13. ประเสริฐ2522

    ประเสริฐ2522 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    658
    ค่าพลัง:
    +409
    บทนี้ผมก็สวดเป็นประจำครับ.....
     
  14. ooghost

    ooghost เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2010
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +119
    กระผมก็เคยสัมผัสมาครับ เมื่อตอนที่หัดท่องใหม่ ๆ นั้นนั่งท่องจากหน้าคอม ช่วงนั้นท่องวัน

    ละ 9 จบ บางท่อนที่จำได้ก็หลับตาท่องบางท่อนที่ยังจำไม่ได้ก็ลืมตามาอ่านตัวหนังสือ

    ช่วงที่ลืมตาขึ้นมาหางตาเห็นเหมือน พระ หรืออะไรนี่แหละครับ มีชุดคลุมเหมือนพระ

    นั่งประนมมืออยู่ข้าง ๆ ตอนนั้นขนลุกครับ แต่ก็ท่องไปเรื่อย ๆ ทำเป็นว่าเหมือนไม่มีอะไร

    เกิดขึ้นทีนี้ช่วงท่องได้ ก็หลับตา ปกติ แล้วลืมตามาก็ไม่เห็นอะไรครับ ...
     
  15. Unlimited Indy

    Unlimited Indy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,228
    ค่าพลัง:
    +803
    แต่ก่อนตอนสวดยังต้องดูในหนังสือสวดมนต์ แต่เดี๋ยวนี้จำได้ขึ้นใจแล้วครับ พยายามสวดบ่อยๆนะครับ
     
  16. พลอยไพริน

    พลอยไพริน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +633
    ประสพการณ์สวดพระคาถา ไปเรื่อย ๆ เสียงจะเริ่มเพี้ยน เหมือนคนแขก โดยเฉพาะ ร ชัดมาก แต่ก็สวดจนจบ พอเปลี่ยนบทอื่นก็เป็นปรกติค่ะ
     
  17. Rikkukung

    Rikkukung สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +22
    ถ้าสวดไม่จบจะเป็นไรมั้ยค่ะเพราะเคยได้ยินมา
     
  18. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    การสวดมนต์ คือการทำสมาธิจิตอย่างหนึ่ง ยิ่งถ้าคนไม่มีเวลาทำกรรมฐาน แต่ต้องการสร้างบุญ ก็ควรสวดให้ได้ดี คือ ให้จิตใจจดจ่ออยู่กับบทสวด หลวงพ่ออุตมะ วัดวังวิเวการาม แห่งเมืองกาญจน์ ท่านว่าไว้

    ส่วนที่สวดไม่จบ จริงๆ ก็ไม่สมควร แต่ก็ต้องดูที่เจตนา เช่น ป่วยขึ้นมาฉับพลันในนาทีนั้น รึเกิดมีธุระด่วนกระทันหัน ชนิดคอขาดบาดตาย ไม่ไปเดี๋ยวนั้นไม่ได้

    แต่ไหนๆ จะสร้างบุญทั้งที ก็ไม่ควรทำครึ่งๆ กลางๆ ถ้าไม่ใช่มีกรณีวิกฤติอะไรจริงๆ
     
  19. jirawans

    jirawans Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +50
    ของพระคุณมากๆค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...