จิตสำนึกใหม่ที่ต้องการเปลี่ยนโลกของ Indigoในประเทศไทย (New Consciousness)

จิตสำนึกใหม่ ซีรี่ส์ 1 ตอนที่ 3 " เพราะเหตุ4ประการที่ไม่อาจปิดกั้นกรรมได้"




แม้กว่ามนุษย์แต่ละคนจะมีหนทางอยู่ถึง 2 ช่องทางแต่มนุษย์ก็มิอาจปิดกั้นการก่อกรรมทำเข็ญให้เกิดความผิดบาปทั้งต่อตนเองและผู้อื่นได้ เพราะเหตุผล 4 ประการคือ

1.จิตวิญญาณนั้น ผ่านการเกิดเป็นรู้ธรรมมนุษย์มามากมายหลายภพชาติแล้ว จิตหยาบหนามากเพราะเต็มไปด้วยอนุภาคประจุไฟฟ้าลบที่สั่งสมไว้

2.มนุษย์โดยจิตหยาบนั้นเหลวไหล ไม่ใส่ใจในการชำระจิตตนเองให้รู้สำนึกในบาปบุญคุณโทษ ด้วยการหมั่นศึกษาสัจธรรม เพื่อสร้างความมีคุณธรรมมโนธรรมแห่งตนแต่อย่างใด

3.จิตหยาบไม่อาจรับรู้แรงสั่นสะเทือนจากภายใน อันเป็นสำนึกที่ถูกต้องของจิตวิญญาณตนเองได้ ขาดสติการยั้งคิด ฉุกคิด และบ้างก็ไม่เชื่อว่าตนเองนั้นยังมีจิตวิญญาณเป็นตัวตนแก่นแท้อยู่ข้างใน


อาการหนาวสะท้าน ขนหัวลุกซู่ซ่า ฯลฯ อันเป็นอาการที่เกิดจากตาที่สามเปิดกว้างเหล่านี้ ล้วนเป็นการสั่นสะเทือนจากการสำนึกของจิตวิญญาณที่อยู่ข้างในทั้งสิ้น นี่คือการสื่อสารความหมายของจิตวิญญาณซี่งเป็นอาการสั่นสะเทือนในทิศทางเดียวกันกับจิตหยาบ
เป็นความปีติที่เกิดจากข้างในโดยแปลความหมายได้ว่า
เห็นด้วย ยินดี หรือเบิกบานยิ่ง
แต่ถ้าครั้งใดที่มนุษย์เกิดความรู้สึกเหมือนใจหาย วูบวาบอยูาข้างในก็ให้สำนึกรู้เอาไว้ว่าถ้าตนไม่ได้กำลังคิดผิด ก็ต้องกระทำบางสิ่งผิดๆเป็นแน่แท้ ซึ่งจิตวิญญาที่อยู่ข้างในเครื่องยนต์แห่งกรรมของตนนั้นไม่เห็นด้วย หรือไม่ประสงค์จะให้คิดหรือกระำทำ จึงส่งเป็นสัญญาณเตือนให้สำนึกรู้

4.จิตหยาบไม่อาจรับรู้แรงสั่นสะเทือนจากจิตวิญญาณของตนเองจากภายใน ที่ส่งสัญญาณเตือนให้สำนึกผิดบาปในสิ่งที่จิตหยาบกำลังคิดหรือกระทำที่ไม่ถูกต้องอยู่นั้นได้ เพราะจิิตหยาบถูกปิดกั้นมิติการรับรู้จากภายในไว้อย่างแน่นหนาโดย ''เจ้ากรรมนายเวร'' ของตนนั่นเอง

ติดตามต่อใน จิตสำนึกใหม่ ซีรี่ส์ 1 ตอนที่ 4 "เจ้ากรรมนายเวร "

 

จิตสำนึกใหม่ ซีรี่ส์ 1 ตอนที่ 4 "เจ้ากรรมนายเวร (1)"



เจ้ากรรมนายเวร หมายถึง รูปธรรมทางพลังงานซึ่งเป็นจิตวิญญาณ
ของผู้ที่เคยเกิดเป็นมนุษย์หรือสรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่จิตวิยญาณผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ในมนุษย์
แต่ละคนในภพชาติปัจจุบันเคยก่อพันธกรรม หรือ เกี่ยวกรรม กับรูปธรรมจิตวิญญาณนั้นไว้
ทั้งที่เจตนาจงใจกระทำหรือว่ากระทำไปด้วยความประมาทก็ตาม
แต่เนื่องจากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องต่อพวกเขาเหล่านั้น เช่น การฆ่าล่าสัตว์ การกินเลือดกินเนื้อ
การเอาเปรียบ เบียดเบียน การหักหลัง การคดโก้ง การเนรคุณ
หรือการกระทำให้เกิดความเจ็บปวดทุกข์ทรมานเครื่องยนต์แห่งกรรม (ร่างกาย)เป็นต้น
การกระทำใดๆที่ทำให้มนุษย์ด้วยกันและสรรพสัตว์ต่างๆเกิดความเดือดร้อนต่างเกิดความแค้นเคือง
จนจิตผูกอาฆาตพยาบาทเป็นอย่างมากนั้นมันจะทำให้จิตวิญญาณของพวกเขาที่ถูกทำร้าย
จดจ่ออยู่กับจิตวิญญาณของผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ของมนุษย์ที่เคยทำร้ายพวกเขานั้นอย่างมั่นคง
จนทำให้จิตวิญญาณของพวกเขาไม่อาจก้าวไปสู่การเกิดใหม่มีภพชาติใหม่ได้เลย
ได้แต่คอยติดตามทวงหนี้แค้นเอาคืนจากจิตวิญญาณมนุษย์ที่ตนโกรธแค้นนั้นไปทุกหนทุกแห่ง
ไม่ว่าจะไปสู่การเกิดภพชาติใดๆพวกเขาก็จะตามจพคอยติดตามไปเหมือนเงาไม่มีผิด

*** การแก้แค้นของพวกเขาผู้เป็น เจ้ากรรมนายเวร วิธีหนึ่งที่ได้ผลและเป็นที่นิยมกระทำกันก็คือ
การแอบเข้าทับซ้อนตรงตาที่สามของมนุษย์ผู้มีจิตวิญญาณที่ตนเฝ้าตามทวงหนี้แค้นด้วยความอาฆาตมาดร้ายอยู่
เพื่อหาช่องทางทำร้ายเครื่องยนต์แห่งกรรมและจิตวิญญาณมนุษย์ผู้นั้นอยู่อย่างใกล้ชิด

มนุษย์ผู้ที่มักจะถูกเจ้ากรรมนายเวรซึ่งแอบทับซ้อนอยู่ตรงตาที่สามทำร้ายเอาง่ายๆก็คือผู้ที่ ขาดสติ
เพราะกำลังเสียสมดุลทางอารมณ์ไปกับความโกรธ โลภ ลุ่มหลง
หรือความสับสนงมงายอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งเป็น "ทีเผลอ"
เจ้ากรรมนายเวรก็จะฉวยโอกาสสร้างแรงสั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึกนึกคิด
ของตาที่สามให้เป็นด้านลบ เพื่อเบี่ยงเบนให้เกิดการคิดผิดทำผิด
หรือ คิดชั่วทำชั่วโดยไม่รู้ตัว หรือไม่รู้สำนึกใดๆเลย

 

จิตสำนึกใหม่ ซีรี่ส์ 1 ตอนที่ 4 "เจ้ากรรมนายเวร (2จบ)"



เจ้ากรรมนายเวรบางพวกก็อาจมีการยืมมือมนุษย์คนอื่น
ทำร้ายเครื่องยนต์แห่งกรรมมนุษย์ผู้ที่ตนแอบทับซ้อนเพื่อหวังแก้แค้น
ด้วยการคอยสั่นสะเทือน หรือปลุกเร้าให้มนุษย์นั้นแสดงออกหรือกระทำใดๆก็ได้ที่จะยั่วยุ
ให้มนุษย์คนหนึ่งโกรธแค้นอย่างรุนแรง โดยหวังให้ผู้ที่ตนต้องการแก้แค้น
นั้นถูกทำประทุษร้ายร่างกายหมายชีวิตแทนตนให้จงได้
เนื่องจากตนเองเป็นเพียงรูปธรรมทางพลังงานไม่มีเครื่องยนต์แห่งกรรมที่จะทำร้าย
ตอบแทนได้นั่นเอง การยืมมือคนฆ่าคน ทำร้ายคน หรือรังแกคน
เำพื่อการแก้แค้นคืนจึงเกิดขึ้นดังกล่าวทั้งหมดนั้น

การยืมมือผู้อื่นเพื่อชำระแค้นแทนตนของเจ้ากรรมนายเวรนั้น
ยีงมีอีกช่องทางหนึ่งคือ แทนที่จะแอบทับซ้อนตรงตาที่สามของมนุษย์
ผู้เป็นเป้าหมายที่ตนต้องการแก้แค้นโดยตรงดังกล่าวมาแล้วนั้น
พวกเขากลับเข้าไปแอบแฝงอยู่กับคนที่ใกล้ชิดเป้าหมายของตนแทนก็มี
เช่น เป็นเจ้ากรรมนายเวรที่ต้องการแก้แค้นบิดา แต่กลับไปแฝงตัวอยู่กับ
จิตหยาบของลูหลานหรืือมารดาคนใดคนหนึ่ง
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่ามีความใกลิชิดเป้าหมายที่ตนวางไว้

ถ้ามนุษย์โดยจิตหยาบก่อกรรมทำเข็ญอย่างใดอย่างหนึ่งที่ผิดบาปชั้น มันก็จะก่อให้เกิด
ผลกรรมด้านลบ ขึ้นในมิติทางพลังงานของจิตวิญญาณด้วยเช่นกัน
มิใช่จะเกิดแค่ผลกรรมในมิติโลกด้านกายภาพที่มนุษย์ผู้กระทำ
จะต้องรับผิดชอบแค่เพียงด้านเดียวอย่างที่คิด

ผลกรรมด้านลบ อันเกิดจากการกระทำของจิตหยาบที่่แก่นแท้ของตนเองต้อง
รับผิดชอบมันก็คือ บรรดาอนุภาคประจุไฟฟ้าลบทั้งหลายที่จิตหยาบสร้างขึ้นมาใหม่
ด้วยอารมณ์รู้สึกนึกคิดด้านลบที่เกิดขึ้นตรงตาที่สามนั้นนั่นเอง

 

สาธุครับ ขอบพระคุณยิ่งครับเป็นประโยชน์กับผมมาก ณ. ขณะนี้ครับ

 

อ่านแล้วชอบมากค่ะ

 

อ่านแล้วได้ความรู้ดีค่ะ

 

ชอบกระทู้นี้นะ ..จิตสำนึกใหม่ที่ต้องการเปลี่ยนโลก..ขอบคุณจขกท.ที่นำมาถ่ายเทให้

 

คำสอนเหมือนที่เคยอ่านจากของอ.ปริญญา ตันสกุล เลยครับ

 

ความรู้น่าสนใจมากครับ ผมจะติดตามครับ

 

อ่าครับใช่ๆเพราะข้อมูลนี้ได้รับมาจากองค์จิตจักรวาลเช่นเดียวกันครับ ^^

 

จิตสำนึกใหม่ ซีรี่ส์ 1 ตอนที่ 5 "จิตเราควรอยู่ที่ไหน"




สมาธิเป็นการรวมจิตให้อยู่ที่ใดที่หนึ่ง
ในตอนทำสมาธิก็ให้รวมจิตอยู่กับตัวเราเอง
การคิดฟุ้งซ่านมันทำให้จิตเราไปอยู่ตามเรื่องที่เราคิด
ดึงจิตกลับมาอยู่ที่ตัวเองให้มากทที่สุด สติทำให้รู้ทั้งตัวเรา
และรู้สภาพเเวดล้องภายนอก สมาธิจริงๆ
แล้วเป็นเรื่องธรรมชาติใกล้ตัวทุกคนมากๆ
เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเรามาแล้วทั้งนั้น
แต่เราอาจจะยังสังเกตไม่ชัด
ยกตัวอย่าง การล้างจานก็ถือเป็นการทำสมาธิ
เพราะในขณะที่ล้างจานจิตก็จะไปอยู่ที่จาน
ถ้าจิตคิดอย่างอื่นจานใบนั้นอาจแตกได้
จิตอยู่ที่จานคือจิตคุณสงบอยู่ที่จาน
แล้วขณะล้างจานคุณก็รู้ว่าภายนอกเกิดอะไรขึ้นบ้าง
และคุณก็ยังมีสติในตัวคือ รู้ว่าคุณกำลังล้างจานอยู่

 

จิตสำนึกใหม่ ซีรี่ส์ 1 ตอนที่ 6 "นั่งสมาธิควรหลับตาหรือเปล่า"



สมาธิคุณจะหลับตาหรือลืมตาก็ได้แล้วแต่สะดวก
บางคนไม่กล้าหลับตาเพราะมันมืด กลัวว่าจะเห็นนู้นเห็นนี่ ก็ลืมตาทำได้
หาวัตถุมา 1 ชิ้น แล้วมองไปที่วัตถุนั้นจิตคุณก็จะสงบได้เพราะมีวัตถุเป็นตัวล่อจิต
จิตคุณก็พุ่งไปที่วัตถุนั้น
และในขณะที่มองก็มีสติรู้ตัวว่ามองอยู่ ได้ยินเสียงภายนอก(ลอบข้าง)
ขณะที่มองรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แค่นี้ก็ทำสมาธิได้เช่นกัน

 

เข้ามาหาแสงสว่างครับบ.. ช่วงนี้มนต์ดำข้างนอกเยอะเกินไป
สู้ไม่ไหว..(ติดตามอ่านอยู่ตลอดครับ)

 

ขอบคุณค่ะ กับสิ่งดีดี...ที่นำมามอบให้...

 

จิตสำนึกใหม่ ซีรี่ส์ 1 ตอนที่ 7 ผลกรรมในมิติของจิตวิญญาณ (1)



ในบรรพกาล องค์จิตจักรวาลผู้ทรงเป็นจิตแห่งจักรวาล
จึงได้กำหนดสร้างสัตว์ดููดเลือดจำพวกปลิง ทาก เห็บ หมัด เหา ยุง ริ้น และไร
ขึ้นมาในระบบโลก เพื่อช่วยชำระเครื่องยนต์แห่งกรรม
รูปธรรมมนุษย์ให้บริสุทธิ์สะอาดปราศจากอนุภาคประจุลบ
ที่จะเป็นตัวเปลี่ยนแปลงความสมดุล หรือทำลายความเป็นสุญญตา
ของกายและจิตมนุษย์แต่เดิมให้เสื่อมลง

เหตุที่ทรงกำหนดสร้างสัตว์ดูดเลือดเพียงตัวเล็กๆก็เพราะ
ในอดีตนั้นมนุษย์โลกส่วนใหญ่จะมีความเป็นสุญญตาอย่างสมบูรณ์เป็นที่สุด
แต่ละคนจะผลิตสร้างอนุภาคประจุลบขึ้นมาบ้างก็ตอนประมาท หรือ
เผอเรอเท่านั้นเอง ในกระแสเลือดจึงมีอนุภาคประจุลบอยู่น้อยมาก
เพียงแค่ให้สัตว์ตัวน้อยเหล่านี้สูบออกเพียงเล็กน้อย
ก็คืนสู่สุญญตาอย่างเดิมกันได้แล้ว

ปัจจุบันนี้สภาวะแห่งสุญญตาของมนุษย์เสื่อมลงจนหมดสิ้น
ภายในกระแสเลือดแต่ละคนเต็มไปด้วยอนุภาคประจุไฟฟ้าลบ
ที่จิตหยาบผลิตสร้างขึ้นมาใหม่แทบทุกวินาที
ต่อให้ขนเอาสัตว์ตัวน้อยเหล่านั้นทั้งฝูงจนทุกเผ่าพันธุ์มา
ช่วยเหลือเพื่อสูบเอาเลือดออกก็ยากที่จะได้ผล

มนุษย์แต่ละคนคงต้องตายก่อนกลับคืนสู่สภาวะสุญญตาดังเดิม
ได้เพราะต้องเสียเลือดจดหมดตัวเป็นแน่แท้

 

จิตสำนึกใหม่ ซีรี่ส์ 1 ตอนที่ 8 ผลกรรมในมิติของจิตวิญญาณ (2 จบ)



กระแสธารเม็ดเลือดแดงที่มีคุณสมบัติเป็บลบเพราะมีประจุลบ
เป็นคุณสมบัติทางไฟฟ้าที่จิตหยาบผลิตสร้างมันขึ้นมา
ถ้าหากมีปริมาณมากๆ มันก็จะส่งผลลบให้เกิดขึ้นทางกายภาพของมนุษย์
ได้อีกอย่างหนึ่ง คือความดันในหลอดเลือดจะเพิ่มขึ้นจากปกติ
ซึ่งมนุษย์ทั่วไปเรียกว่า " ความดันโลหิตสูง " นั่นเอง



นี่ก็เป็นผลกรรมอีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์เอง
จากการแสดงออกทางอารมณ์รู้สึกนึกคิดด้านลบต่อผู้อื่น
ในชีวิตประจำวันอย่างขาดสติและไร้สำนึกทางวิญญาณ

ที่กล่าวมานี้เป็น ผลกรรมในมิติของจิตวิญญาณที่เกิดขึ้นภายใน
เครื่องยนต์แห่งกรรมของมนุษย์แต่ละคน
ในทุกขณะที่จิตหยาบสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่
ทางอารมณ์รู้สึกนึกคิดที่ไม่ถูกต้อง คือ เป็นคลื่น
ความถี่ที่ไม่สอดคล้องตรงกับค่าความถี่ในการสั่นสะเทือน
ของจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของตนเองโดยเฉพาะ

แต่มนุษย์ควรรู้ไว้ว่า ผลกรรมในมิติของจิตวิญญาณนั้น
มันมิได้เกิดขึ้นและดงรงอยู่ภายในเครื่องยนต์แห่งกรรม
รูปธรรมมนุษย์ขงอตนเองแค่เพียงที่กล่าวมาแล้วเท่านั้น
ผลลัพธ์ของการสั่นสะเทือนด้านลบของจิตหยาบ
ในแต่ละเรื่องราว มันยังก่อให้เกิดผลกรรมในรูปของ
"ขยะพลังงาน "
ที่จะบัังเกิดขึ้ในสนามพลังงานจักรวาลภายนอก
เครื่องยนต์แห่งกรรมของมนุษย์แต่ละคนอีกด้วย


ติดตามต่อใน จิตสำนึกใหม่ ซีรี่ส์ 1 ตอนที่ 9 "ขยะพลังงาน ".....เร็วๆนี้

 

จิตสำนึกใหม่ ซีรี่ส์ 1 ตอนที่ 9 "ขยะพลังงาน - คลื่นพลังจิตด้านลบ(1)"



ขยะพลังงาน อันเกิดจากการกระทำผิดบาปของจิตหยาบ
ของมนุษย์ที่ว่านี้ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ส่วนด้วยกันคือ

1 คลื่นพลังจิตด้านลบ

คลื่นพลังจิตด้านลบก็คือ คลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กที่มีอนุภาค
ของรหัสบุรรพกรรมไฟฟ้าแม่เหล็กด้านลบเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัว
ซึ่งเป็นผลจากการสั่นสะเทืือนด้านลบของจิตหยาบ
ในชีวิตประจำวันนั่นเอง

คลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านลบอันเกิดจากจิตหยาบดังกล่าวนี้
เมื่อถูกถ่ายทอดสัญญาณไปยังกลไกพิทูอิทารีก็จะเหวี่ยงเอาคลื่นสัญญาณ
ดังกล่าวส่วนหนึ่งสะท้อนกลับออกมาสู่ภายนอกผ่านช่องทางตาที่สามอย่าง
ต่อเนื่องด้วย การเหวี่ยงออกมานี้ทั้งทิศทางและเป้าหมายของคลื่น
จะมีจิตมนุษย์ผู้เป็นเจ้าของมันเป็นผู้กำหนดทั้งสิ้น เช่น
ถ้าโกรธเกลียดเคียดแค้นใคร คลื่นจิตด้านลบดังกล่าวก็จะถูก
เหวี่ยงออกมาเพื่อส่งไปยังมนุษย์ผู้นั้นโดยตรง ไม่ว่าจะอยู่ไกลกัน
แค่ไหนก็สามารถจะเหวี่ยงให้กันได้ในชั่วพริบตาเดียวทั้งสิ้น

ลักษณะของคลื่นพลังจิตซึ่งเป็นคลื่นความถี่ที่สะท้อนออกมา
หรือเหวี่ยงออกมาจะคล้ายกับการขว้างบูมเมอแรง
คือจะถูกเหวี่ยงออกมาเรื่อยๆเป็นระลอก
โดยมีเป้าหมายอยู่ตรงตาที่สามของบุคคลเป้าหมายนั้นนึกอยู่

เมื่อถึงเป้าหมายก็จะถ่ายทอดประจุไฟฟ้าลบที่ถูกเหวี่ยงออกไป
ให้แก่ตาที่สามของผู้รับคลื่นนั้นไว้มากที่สุดเท่าที่
ตาที่สามของผู้นั้นจะรับเอาไว้ได้

 

จิตสำนึกใหม่ ซีรี่ส์ 1 ตอนที่ 10 "ขยะพลังงาน - คลื่นพลังจิตด้านลบ(2)"



มนุษย์ผู้มีตาที่สามเป็นเป้าหมายจะสามารถรับเอาประจุลบ
จากจิตหยาบของผู้อื่นไว้ได้มากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า
ถ้าหากเป็นมนุษย์ที่มีจิตบริสุทธิ์เปี่ยมด้วยความรักความเมตตาเป็นอารมณ์
เนื่องจากเป็นผู้ที่ตาที่สามเต็มไปด้วยประจุบวกจำนวนมาก
เมื่อประจุลบที่ผู้อื่นเหวี่ยงมา ก็จะเกิดความเป็นกลางทางไฟฟ้า
หรือสุญญตาได้มากกว่าคนอื่นทั่วไป ซึ่งจะช่วยให้คู่กรณีเสียสมดุล
ทางอารมณ์อยู่ในขณะนั้นสามารถสงบลง
ได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าอัศจรรย์อีกด้วย

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ?

เหตุผลก็คือ คลื่นพลังจิตด้านลบที่มนุษย์คนอื่นหวี่ยงมาให้นั้น
เมื่อมีการปฏิสัมพันธ์กันกับตาที่สามของผู้รับแล้ว คลื่นสัญญาณ
ดังกล่าวก็จะวกกลับมาคืนสู่เจ้าของอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน

ทำไมเขาถึงหายโมโห หายโกรธเร็ว ทำไมเขาจึงสงบอารมณ์ลง
ได้เร็วปานนั้น ?

เหตุผลก็คือ คลื่นพลังจิตของเขาเมื่อเหวี่ยงมาให้ผู้รับนั้นมันยังเต็ม
ไปด้วยอนุภาคประจุลบก็จริงอยู่
แต่เมื่อตกกระทบตรงตาที่สามของผู้รับซึ่งเต็มไปด้วยอนุภาคประจุบวก
เพราะไม่เอาความ และมีแต่เมตตาแล้วประจุบวกก็จะทำให้อนุภาคประจุลบ
ของเขาเป็นกลางทางไฟฟ้าไปจนหมดสิ้น
ผลก็คือคลื่นพลัังจิตที่จะวกกลับคืนสู่เจ้ากรรมนายเวรของผู้ที่เหวี่ยงมัน
ออกมา จึงมีความเป็นลบลดลงเรื่อยๆ ทำให้อารมณ์แบบขยะของเราพลอย
ลดลงตามไปด้วยจนสงบไปในไม่ช้า แม้ว่าจิตหยาบของผู้ใช้ตาที่สาม
รับคลื่นพลังจิตด้านลบนั้น จะไม่รู้กระบวนการที่เกิดเบื้องหลังมิติโลกก็ตาม



ในทางตรงกันข้าม ถ้าผู้ที่รับคลื่นพลังจิตด้านลบที่เป็นอารมณ์
ความรู้สึกนึกคิดของผู้อื่น เป็นผู้ที่มีจิตหยาบตรงตาที่สามค่อนข้างหนา
คือเต็มไปด้วยอนุภาคประจุลบซึ่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อได้รับคลื่นพลัง
จิตด้านลบเข้ามาอีกก็จะทำให้ตาที่สามแบกรับประจุลบไว้มาก
จนเสียสมดุลทางอารมณ์ ถ้าหากเผชิญหน้ากันตรงๆ
การทะเลาะเบาะแว้งก็จะยิ่งรุนแรงขั้นเรื่อยๆ

 

จิตสำนึกใหม่ ซีรี่ส์ 1 ตอนที่ 12 "ขยะพลังงาน -นายเวร (1)"

ขยะพลังงานที่เกิดจากจิตหยาบของมนุษย์
ที่ปรากฏในสนามพลังงานจักรวาลประการสุดท้ายก็คือ
รูปธรรมของกลุ่มอนุภาคที่เป็นรหัสบุพกรรมแม่เหล็ก
ซึ่งมีคุณสมบัติทางไฟฟ้าด้านลบหลายๆอนุภาคมารวม
ตัวกันอยู่เป็นกลุ่มก้อนที่เรียกว่า "นายเวร" นั่นเอง

กลุ่มก้อนของอนุภาคที่เป็นรหัสบุพกรรมแม่เหล็กนี้
เป็นชนิดเดียวกับอนุภาคประจุลบอิสระ แต่ต่างกันที่มันจะรวม
ตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนบนระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก
โดยอาศัยแรงดึงดูดเหนี่ยวรั้งของกาแลตซี่ที่สมดุลกันกับ
อำนาจเหนี่ยวรั้งจากจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของมนุษย์
ของตนเองซึ่งเป็นเจ้าของมัน จึงทำให้มันล่องลอย
เคลื่อนไหลไปในสนามพลังงานเพื่อติดตามมนุษย์ผู้เป็นเจ้าของมันไปทุกแห่ง
โดยกลุ่มก้อนนี้จะเป็นรหัสบุพกรรมประกอบด้วยจำนวนอนุภาคทางไฟฟ้า
ด้านลบเป็นคุณสมบัติส่วนตัว
โดยตัวแปรที่สำคัณคือ ความรุนแรงของอารมณ์ขยะนั้นอยู่ในระดับใด
และใช้เวลาในการสั่นสะเทือนจิตหยาบเป็นอารมณ์รู้สึกด้านลบยาวนานแค่ไหน

ถ้าจิตหยาบยิ่งสั่นสะเทือนด้านลบรุนแรงและยาวนานมาเท่าใด
มันจะยิ่งมีผลต่อจำนวนอนุภาคที่มีรหัสบุพกรรมแม่เหล็กด้านลบเป็น
คุณสมบัติอยู่ ในการที่จะมารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนกลุ่มหนึ่งเป็น
รูปธรรมหนึ่งได้มากเท่านั้น

1 รูปธรรม ก็คือ ผลกรรม ที่เกิดขึ้นจริงในมิติทางพลังงานต่อ 1
คดีกรรมที่มนุษย์ก่อขึ้น
ถ้ามองมนุษย์มองเห็นรูปธรรมของ"นายเวร" แต่ละคดีกรรมของตนเองได้
จะพบว่าแต่ละรูปธรรมนั้นจะมีลักษณะคล้ายฟองอากศสีดำรวมตัวกัน
อยู่อย่างหนาแน่น





เพราะมนุษย์แต่ละคนมีนายเวรเป็นผลกรรมที่ตนก่อขึ้นไว้ในอดีต
คอยติดตามไปทุกที่ เหมือนเงาตามตัว จึงช่วยให้บรรดา "เจ้ากรรม"
ทั้งหลาย ซึ่งเป็นจิตวิญญาณของผู้ที่เคยสร้างพันธกรรมทำผิดบาปต่อกัน
ไว้ในอดีต โดยยังผูกใจเจ็บ โกรธแค้น อาฆาต หรือพยาบาทอย่างรุนแรง
เมื่อสิ้นอายุขัยหรือตายจึงไม่สามารถไปผุดไปเกิดยังภพภูมิใหม่
เพื่อมีภพชาติใหม่เหล่านี้ต่อไปได้ เพราะสภาวะจิตก่อนตายได้บันทึก
รหัสความแค้นเอาไว้กับมนุษย์คู่กรณีเป็นแก่นแท้นั้นอย่างมั่นคง
จิตวิญญาณเหล่านี้จึงได้แต่คอยเฝ้าติดตามเพื่อหาโอกาสแก้แค้น หรือ
ทวงหนี้กรรมอยู่เบื้องหลังมิติโลกอย่างเงียบเชียบ

 

จิตสำนึกใหม่ ซีรี่ส์ 1 ตอนที่ 11 "ขยะพลังงาน - อนุภาคประจุลบ"



รายรอบตัวมนุษย์ ที่สองตาเปล่าของใครๆมองไม่เห็นนี้
เป็นสนามพลังงานจักรวาลอันไพศาล
ซึ่งเต็มไปด้วยคลื่นพลังงานในย่านความถี่ที่หลากหลาย
โดยต่างลดเลี้ยวเกี่ยวพันกันอยู่อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
และหนึ่งในจำนวนพลังงานเหล่านั้นก็คือ
ความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กซึ่งเป็นคลื่นพลังจิต
ของมนุษย์แต่ละคนที่เหวี่ยงให้แก่กันนั่นเอง

การเหวี่ยงคลื่นพลังจิตที่มีคุณสมบัติทางไฟฟ้าด้านลบ
ให้แก่กันแล้วเหมือนเล่นสาดน้ำ กล่าวคือต่างฝ่ายก็
ต่างเปี้ยกเพราะน้ำที่สาดใส่กัน และมวลน้ำบางส่วน
ก็กระเด็นกระจาย ไปทั่วบริเวณ ดังนั้นนอกจากมนุษย์
แต่ละคนโดยตาีที่สามจะมีโอกาสได้รับอนุภาคประจุลบ
ที่ผู้อื่นเหวี่ยงมาให้ ทั้งๆที่ตนเองรู้ตัวและไม่รู้ตัว
จากบุคคลต่างๆ ในสนามพลังงานจักรวาลรอบตัว
มนุษย์แต่ละคนจะมีอนุภาคประจุไฟฟ้าลบยึดติดอยู่
กับระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกอยู่เต็มไปหมด

แต่ก็มีที่บางที่บนโลกใบนี้ ยังมีมนุษย์อยู่ไม่น้อยที่สามารถ
ผลิตสร้างคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวกให้แก่ระบบ
ดาวเคราะห์โลกของตนได้ แม้แค่บางช่วงเวลาของแต่ละวันก็ตาม
มนุษย์เหล่านี้ก็เป็นผู้ที่ทำให้เกิดประจุบวกอิสระบนระบบโครงข่าย
สนามแม่เหล็กโลกด้วยเช่นกัน แต่เนื่องจากมีปริมาณประจุลบมาก
จึงทำให้สนามพลังงานของจักรวาลโลกมีแต่ประจุลบ
เพราะเกิดประจุบวกอิสระขึ้นมาเมื่อใด
ประจุลบอิสระก็จะวิ่งเข้าหาเพื่อมาจับคู่ให้เป็นกลาง
ทางไฟฟ้ากันเมื่อนั้น ปัจจุบันแม้มีมากเท่าใดก็ยังไม่พอ
ต่อการจับคู่กับประจุลบอิสระที่อยู่มากกว่าได้




ในอดีตท้องฟ้าของโลกมนุษย์เดิมทีเป็นสีทองผ่องอำไพ
และเรืองรอง เพราะเต็มไปด้วยอนุภาคประจุบวกอิสระ
ที่บริสุทธิ์ จึ่งเปลี่ยนสีไปสู่ความ อึมครึม เข้มครึมไม่ผ่องใสอย่าง
ที่เห็นในปัจจุบัน เพราะมนุษย์โลกมีจิตสำนึกตกต่ำจนไม่สามารถ
เป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณของตนเองได้ วันๆได้แต่ใช้อารมณ์
ขยะสาดซัดประจุลบใส่กัน อย่างไร้สติ ฟ้าจึงย่อมเปลี่ยนสีอยู่วันยังค่ำ