สำหรับท่านที่ต้องการพระที่แรงแรงบูชาแล้วชีวิตและการงานเจริญก้าวหน้า ต้องลอง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย INAUTTHAYA, 7 ธันวาคม 2011.

  1. INAUTTHAYA

    INAUTTHAYA สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +21
    อินทร์ อยุธยา


    นายอินทร์ อ่อนนิ่ม in onnim 574-2-65139-5 ออมทรัพย์
    ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
    สาขาบางปะอิน

    รับประกันแท้ตามมาตรฐานสากล


    จองได้ ปิดได้ ขอไม่เกิน 2 วัน โอนเร็ว ส่งเร็วด่วนจี๋

    ทุกรายการที่ท่าน เช่าบูชาพระเครื่องหรือ เครื่องรางของเรา เงินของท่าน ส่วนหนึ่ง ท่านได้ร่วม ทำบุญกับเรา จึงขออนุโมทนากับท่านด้วย ขอบุญนี้จงสำเร็จแก่ เทวดาประจำตัวเจ้ากรรมนายเวร เชื้อโรคไวรัส และญาติของท่าน ด้วยกันทุกผู้ทุกคนเทอญ เม สัมมุขา สัพพาหะระติ เต สัมมุขา ผู้ใดมีจิตคิดร้าย จงสะท้อนกลับร้อยเท่า พันเท่า ศึกษา สะสม แบ่งปัน พระแท้กัน ฉันท์พี่น้อง สงสัยสนใจ โทร ปรึกษา (AIS) 081-253-4483 อินทร์ inonnim@gmail.com
    [​IMG]

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2011
  2. ณัฐพล16

    ณัฐพล16 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +70
    จะรอติดตามชมนะครับพี่....
     
  3. INAUTTHAYA

    INAUTTHAYA สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +21
    รายการที่1สุดยอดพระปิดตาหลวงพ่อสารันต์ รุ่นแรก พิมพ์เล็ก เมตตาแรงแรง หายาก สุดสุด

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]



    หลวงพ่อสารันต์ วัดดงน้อย ลพบุรี ได้สร้างพระปิดตา รุ่นแรกผสมผงหลวงพ่อแก้วขึ้นเมื่อปี ๒๕๒๖ โดยระบุว่าได้ผสมผงพุทธคุณ ของหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์ลงไปด้วย ทำให้มีพุทธคุณทางด้านเมตตาเป็นยอด มีผู้นำไปใช้แล้วพบประสพการณ์ดีๆ เป็นที่โจษขานกันมาก ทำให้พระปิดตารุ่นนี้หมดไปจากวัดอย่างรวดเร็ว แม้ในเวลานี้กลายเป็นที่หวงแหนของผู้ครอบครองยิ่งนัก เพราะพระหลวงพ่อแก้วแพงมากจนหมดหวังที่คนทั่วไปจะเป็นเจ้าของได้สักองค์ แต่ปิดตาหลวงพ่อสารันต์ ที่มีพุทธคุณขนาดใช้แทนกันได้ ยังมีราคาไม่แพงไม่ต้องไปหาเช่าพระราคาหลักล้านที่ไหนมาใช้อีก จนทำให้เราไม่เห็นพระหมุนเวียนในตลาดอีกเลย(หายาก) รุ่นนี้ถือเป็นรุ่นที่สองของท่าน คนลพบุรีหวงแหนกันมาก นำมาเผยแพร่ให้วงการรู้จักกันครับ

    หลวงพ่อสารันต์ ท่านไปได้ผงหลวงพ่อแก้วมาจากไหน ? จากปากคำที่ได้สอบถามโดยตรงจากหลวงพ่อ ซึ่งเชื่อถือได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
    เพราะ ท่านเป็นพระนักปฏิบัติ นักเทศน์ และนักเผยแพร่พระธรรม มีวัตถุมงคลน้อย นับรุ่นและจำนวนได้ถ้วนทั่วชัดเจนครับ ท่านได้ผสมผงเก่าของหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ แท้ๆ ลงไปจริงๆ!!!! พร้อมตะไบทองคำแท่งลงไปอีกน้ำหนักรวมกัน ๔๐ บาทพอดี ได้พระปิดตาสองรุ่นคือรุ่นแรก(ใหญ่) และรุ่นสอง(เล็ก)ของท่าน

    ความ จริงมีอยู่ว่า เศรษฐีผู้ครอบครองผงฯ ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ได้นำมาถวาย เพราะทราบว่าหลวงพ่อสารันต์เป็นพระดี
    ไม่ทำมาค้าขาย และมีบารมี วิชาอาคมพอที่จะทำและสร้างชื่อเสียงได้ไม่แพ้ต้นตำรับ
    ถึง กระทั้นในครั้งแรกผู้ครอบครองก็ยังหวงแหนไม่ยินยอมพร้อมใจ แต่หลังจากมีนิมิตร(ฝัน) จนประสบเพชภัยมาแล้วอย่างสาหัส ถึงสองครั้งสองครา ก็จำยอมต้องนำผงฯ มาสร้างพระ เพื่อเผยแพร่เกียรติคุณชื่อเสียงของท่านผู้สร้างผงศักสิทธิ์นี้
    หลวงพ่อ ท่านได้รับผงฯมา เป็นแท่งเหมือนดินสอสีขาวสองกำ ๗ แท่งกำนึง และอีกกำมีสามแท่ง รวมเป็นสิบแท่ง
    ท่านก็เหมือนเราแหละครับ ใครจะเชื่อง่ายๆ ว่าผงฯสุดยอดแห่งยุคจะมาหาง่ายๆ แล้วที่ได้มากับแค่คำบอกเล่า ท่านจะเชื่อไหมครับ ????
    ท่าน ใช้เวลาพิสูจน์อยู่นาน ตระเวณหาสุดยอดเกจิแห่งยุคที่ยังมีชีวิตอยู่ในขณะนั้น ทุกที่ที่ไป ทุกท่านที่ปรึกษา ทั้งหมดลงความเห็นตรงกันว่า เป็นผงฯของหลวงพ่อแก้ว แน่นอน !!!!!
    หลังจากนั้นจึงเริ่มดำเนินการสร้างพระโดยประสานกับวัดเครือวัลย์ ตลอดทุกขั้นตอน ทั้งการแกะแม่พิมพ์ ไปจนถึงมอบพระปิดตารุ่นนี้ให้วัดเครือวัลย์ไปจำนวนหนึ่งด้วย

    สุดยอด เมตตาแห่งยุค หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ เมื่อเอ่ยถึงหลวงพ่อแก้วแล้วทุกคนก็ระลึกถึงคุณธรรมความดีและความขลังความ ศักดิ์สิทธิ์ของท่านไปต่างๆนานา ถึงแม้ท่านจะล่วงลับไปเป็นเวลานานแล้วก็ตามแต่คุณงามความดี ความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ยังดังก้องอยุ่ในโสตประสาทของสาธุชนทั้งหลายดุจท่านยังมีชีวิตอยู่ฉะนั้น
    หลวง พ่อแก้ว ชอบสร้างพระเป็นรูปพระปิดตา เพราะพระปิดตาแบบนี้เป็นสัญญาลักษณ์แห่งการไม่ดูไม่มองอะไร คือไม่เพ่งโทษ และหาโทษผู้อื่น ตั้งความเมตตาและกรุณาเที่ยงตรงต่อมนุษย์และสัตว์อื่นเสมอกันหมด ดุจดังพื้นแผ่นดินที่มั่นคงไม่ยินดียินร้ายในของหอมและของเหม็น ที่พวกมนุษย์ ทิ้งลงแผ่นดิน
    ฉะนั้นหลวงพ่อแก้ว ท่านวางจิตเป็นกลาง ไม่รักคนนี้ เกลียดคนนั้น หรือชังคนโน้น ไม่ปรารถนาให้ใครเดือดร้อนเพราะท่าน ท่านถือหลักว่า ใครใคร่ลาภ จงได้ลาภ ใครใคร่บุญ จงได้บุญ ดังนี้
    วิธีสร้างผง ในการสร้างพระปิดตาของหลวงพ่อแก้วนั้น ก็ไม่มีอะไรมากนัก โดยปกติแล้ว หลวงพ่อแก้ว ท่านเป็นผู้มีอุปนิสัยละเอียดรอบคอบเป็นปกติ ท่านเป็นผู้เห็นการณ์ไกล คือในขณะที่ท่านสอนบาลีไวยากรณ์อยู่นั้น ท่านก็ได้เก็บเอาผงที่ลบจากอักขระเอาไว้ เพราะการสอนหนังสือในสมัยนั้นจะ ต้องเขียนต้องลบตัวอักขระบนกระดานชนวนจริงๆ และนิยมกันว่า ผงอักขระที่ลบจากการเรียนภาษาบาลี ซึ่งเขียนเป็นอักษรขอมที่มีความขลังและศักดิ์สิทธิ์ แล้วท่านก็จะนำมาผสมกับผงพระพุทธคุณ หรือผงมหาราช เป็นต้น เมื่อเอาผงดินสอ และผงพุทธคุณรวมกันเข้าแล้ว ท่านก็เอาเกษรดอกไม้ต่างๆ ใบไม้ เปลือกไม้ และเนื้อไม้ มาบดให้ละเอียดเป็นผง แล้วจึงนำมาผสมกับผงอักขระ การผสมผงเพื่อสร้างเป็นรูปพระหลวงพ่อแก้วนั้น ท่านเอาผงคุณพระกับผงดินสอที่ท่านเขียนอักขระบนกระดานชนวน เอาผงทั้งสองอย่างนั้นมาผสม

    อิธะเจ หรือ อิทธิเจ เป็นวิชาทางไสยศาสตร์ว่าด้วยการทำผงตามคัมภีร์อิธะเจ ซึ่งเป็นหนึ่งในคัมภีร์หลักของระบบไสยศาสตร์ไทยโบราณ อันประกอบด้วยคัมภีร์ปถมัง อิธะเจ ตรีนิสิงเห และมหาราช นอกจากนั้นชื่อวิชาอิธะเจยังปรากฏอยู่ในเสภาขุนช้างขุนแผนตอนพลายงามเรียน วิชาด้วย เนื้อหาของวิชาอิธะเจคือการทำผงด้วยการตั้งตัวตามสูตรบาลีมูลกัจจายน์ ซึ่งเป็นระบบบาลีไวยากรณ์ใหญ่ที่ปัจจุบันได้ล้มเลิกไป อิธะเจมีหลายตำรับด้วยกัน แต่ที่เป็นหลักสำคัญจะตั้งตัวด้วย อิทะ อิติ อิติ อัสสา อุทัง อะหัง อัคคัง อะหัง อะหัง อิถัง อัมมะ อัสสา จากนั้นจึงกระทำตามสูตรสนธิโดยอ้างสูตรตามคัมภี์บาลีไวยากรณ์จนสำเร็จเป็น อิธเจตโสทฬฺหํคณฺหาหิถามสา เป็นอันขาดตัวในสูตรสนธิ ผงที่ได้จากการเขียนและลบอักขระตามคัมภีร์อิธะเจ เรียกว่าผงอิธะเจ เชื่อว่ามีอานุภาพทางเมตตามหานิยม เป็นเสน่ห์โดยเฉพาะแก่สตรีเพศ ผงอิธะเจ เป็นวิชาไสยศาสตร์ไทยโบราณอย่างหนึ่ง วิธีทำเริ่มต้นจากจัดเครื่องบูชาคำนับครูมีดอกไม้ธูปเทียนอย่างละ ๕ หัวหมู บายศรีปากชาม เครื่องกระยาบวช มีขนมต้มขาว ขนมต้มแดง มะพร้าวอ่อน กล้วยน้ำไท เป็นต้น และเงินบูชาครู จากนั้นผู้กระทำกล่าวคำนมัสการตามตำรา เมื่อสักการบูชาครูเรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มทำผง การทำผงอย่างโบราณคือใช้ดินสอพองปั้นเป็นแท่งขนาดพอจับได้ แล้วบริกรรมเขียนอักขระลงบนกระดานชนวน ขณะที่เขียนอักขระแต่ละตัวให้บังเกิดขึ้น ผู้ทำจะต้องบริกรรมคาถา (เรียกสูตร) ตามที่บังคับไว้ในตำราทุกครั้งไป สำหรับแท่งดินสอที่ใช้เขียนผงนี้บางสำนักอาจระบุส่วนผสมต่างกันไปก็ได้ เช่น อาจผสมไคลโบสถ์ ไคลเสมา ไคลพระศรีมหาโพธิ์ ดินเจ็ดโป่ง เจ็ดป่า ดอกรักซ้อน ยอดสวาด กาหลง หรือเครื่องหอมอื่น ๆ บางชนิดผสมลงไปในดินสอพองอีกด้วยก็ได้ การทำผงอิธะเจจะอ้างสูตรพระบาลีในคัมภีร์มูลกัจจายนะ ซึ่งเป็นสูตรตามคัมภีร์ไวยากรณ์ใหญ่ซึ่งปัจจุบันหลักสูตรปริยัติธรรมแผนก บาลีได้ยกเลิกไป สูตรมูลกัจจายนะนี้ทางไสยศาสตร์นับถือว่ามีอานุภาพศักดิสิทธิ์มาก ผงอิธะเจดำเนิดตามแนวสูตรดังกล่าว เมื่ออ้างสูตรเขียนและลบจนขาดตัวในสูตรสนธิ กล่าวคือเขียนและบริกรรมคาถาและเสกจนสำเร็จดีแล้ว จึงลบอักขระบนกระดานชนวนออกมา ผงดินสอพองที่ได้จากการเขียนและลบตามสูตรคาถาอาคมในคัมภีร์อิธะเจนี้ เรียกว่า ผงอิธะเจ มีอานุภาพทางเสน่ห์แก่สตรีเพศยิ่งนัก ตามตำรากล่าวว่าหากใส่ลงในอาหารให้หญิงกินย่อมรักชายผู้นั้นจนวันตาย ผงนี้เพียงทิ้งให้ถูกตัวผู้ใด ผู้นั้นก็เกิดงงงวยหลงตามเรามา เป็นที่สุดของวิชาเสน่ห์โบราณ คาถาอิธะเจ ๑๓ ตัวคือ อิธะเจตะโสทัฬหังคัณหาหิถามะสาฯ ผงอิธะเจนี้เมื่อทำสำเร็จแล้วจะต้องผสมเครื่องยาและปั้นเป็นแท่งเก็บไว้

    แบ่งให้บูชา 2,250 บาท
    รับประกันแท้ตามมาตรฐานสากล
    จองได้ ปิดได้ ขอไม่เกิน 2 วัน โอนเร็ว ส่งเร็วด่วนจี๋
    ทุกรายการที่ท่าน เช่าบูชาพระเครื่องหรือ เครื่องรางของเรา เงินของท่าน ส่วนหนึ่ง ท่านได้ร่วม ทำบุญกับเรา จึงขออนุโมทนากับท่านด้วย ขอบุญนี้จงสำเร็จแก่ เทวดาประจำตัวเจ้ากรรมนายเวร เชื้อโรคไวรัส และญาติของท่าน ด้วยกันทุกผู้ทุกคนเทอญ เม สัมมุขา สัพพาหะระติ เต สัมมุขา ผู้ใดมีจิตคิดร้าย จงสะท้อนกลับร้อยเท่า พันเท่า ศึกษา สะสม แบ่งปัน พระแท้กัน ฉันท์พี่น้อง สงสัยสนใจ โทร ปรึกษา (AIS) 081-253-4483 อินทร์ inonnim@gmail.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2011
  4. INAUTTHAYA

    INAUTTHAYA สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +21
    รายการที่2 สุดยอดพระผงยันต์เกราะเพชร หลวงพ่อเล็ก วัดบางนมโค(ผงล้วน)หายาก

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    หลวงพ่อเล็ก เกสโร เกิดปีระกา พ.ศ. ๒๔๒๘( ชาตะ พ.ศ. ๒๔๒๘ มรณะ พ.ศ. ๒๕๐๗) ตำบลสาลี หมู่ที่ ๒ อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี บิดาชื่อ อ่อน มารดาชื่อ บุญมี มีพี่น้องร่วมท้องด้วยกัน ๙ คน คือ
    ๑. นางคล้าม
    ๒. นายเทศ
    ๓. นายไทย
    ๔. นายเล่
    ๕. หลวงพ่อเล็ก
    ๖. นางสมบุญ (โยมแม่ของหลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร - ผู้พิมพ์เพิ่มเติมไปเอง)
    ๗. นางพลอย
    ๘ .นายช่วง
    ๙ .นางศาลา

    อุปสมบท

    อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดปากคลองบางยี่หน ใครเป็นอุปัชฌาย์นั้นจำไม่ได้ถนัด เคยได้ยินพูดว่าชื่อ "ทอง" หรืออย่างไรไม่ชัดเจน เมื่ออุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาอยู่ที่ วัดสาลี อันเป็นวัดบ้านเกิดเมืองนอน ๑ พรรษา แล้วย้ายมาอยู่ วัดช่องลม ตำบลไผ่กองดิน ๑ พรรษา ในระยะ ๒ พรรษานี้มีความขยันหมั่นเพียรในการท่องหนังสือสวดมนต์เป็นอย่างดี พรรษาต้นได้ท่องจบเจ็ดตำนาน พรรษาที่ ๒ ท่องจบ "มหาสมัย" และ "ปาฏิโมกข์"

    ใน สมัยนั้นหาสถานศึกษายาก เมื่อท่องหนังสือสวดมนต์จบแล้วก็ไม่มีกิจอื่นอยู่กันเฉย ๆ เมื่อถึงเวลากลางคืนก็ซ้อมสวดมนต์แก้ว่างกันไป แบบทหารเมื่อฝึกวิชารบเป็นแล้ว ก็ซักซ้อมไว้เพื่อความชำนาญ ต่อมาได้คิดว่าถ้าอยู่เป็นพระแค่สวดมนต์อย่างนี้ คงไม่มีอะไรจะดีขึ้น ไม่สมกับบิดามารดาได้อุปถัมภ์เลี้ยงดูมา ได้ลงทุนลงแรงและสิ้นเปลืองทั้งทรัพย์และเวลา ควรจะหาสถานศึกษาเพื่อหาความรู้ใส่ตัว แล้วปฏิบัติให้ครบถ้วนตามพระธรรมวินัย เพราะพระนั้นถ้ารู้เพียงแค่สวดมนต์แล้ว อาจจะขาดจากความเป็นพระได้ไม่ยาก เพราะการที่ไม่ได้ศึกษาย่อมไม่รู้จักศีล

    คำว่าพระมีศีล ๒๒๗ นั้น ถ้าไม่ได้ศึกษาแล้วจะรู้ไม่ได้ เมื่อไม่รู้ว่าศีลคืออะไรก็ปฏิบัติไม่ถูก เมื่อปฏิบัติไม่ถูกศีลแล้วก็ไม่เป็นพระ ในปัจจุบันนี้พระประเภทหัวหลักหัวตอก็มีมาก ประเภทลิงหลอกจ้าวก็มีไม่น้อย ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะบวชไม่ได้เรียน พอบวชเข้ามาแล้วก็คิดว่าเมื่อไรจะออกพรรษา จะได้สึกออกจากพระ พระอย่างนี้เรียกว่าพระปลวก เป็นพวกเจาะไชพระศาสนาให้ทรุดโทรม ขอท่านผู้ปกครอง หรือบิดามารดาของกุลบุตรผู้จะบวช โปรดสังวรไว้ด้วย

    ถ้า ลูกของท่านบวชแล้วเป็นอย่างนั้น ท่านเองจะกลายเป็นผู้ลงทุนให้ลูกทำลายพระศาสนา แล้วผลที่ได้ก็คือลูกตกนรก พ่อแม่เสียเงินเสียทองเปล่า ๆ ดีไม่ดีก็พลอยตกนรกกับลูกไปด้วย เพราะเมื่อลูกทำผิดสมภารก็ต้องว่า เมื่อถูกสมภารว่าก็จะมาฟ้องพ่อแม่ ถ้าพ่อแม่ญาติพี่น้องพลอยโกรธเคืองสมภารผู้ทำถูกทำดีเพราะลูกไปฟ้องแล้ว พวกของท่านทั้งพวกก็จะกลายเป็นเหยื่อนรกทั้งหมดจงอย่าเกณฑ์ให้ลูกบวชตาม ประเพณี รอให้เขามีศรัทธาเสียก่อน แล้วคอยช่วยสมภารปราบด้วย จึงจะได้บุญ

    พบหลวงพ่อปาน

    เมื่อ ออกพรรษาที่ ๒ นั่นเอง ก็ได้พบหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เลื่อมใสในปฏิปทาของท่าน ได้ติดตามมาอยู่วัดบางนมโค เรียนปริยัติธรรม สมัยนั้นหลวงพ่อปาน กับ อาจารย์เกี้ยวร่วมกันสอนบาลี ตามแบบสูตรและสนธิอยู่ท่านเรียนบาลีได้ดี เคยแปลหนังสือร่วมกับข้าพเจ้า ท่านแปลได้ไม่แพ้ข้าพเจ้าและดูเหมือนจะดีกว่าเสียด้วยซ้ำ

    ในด้านการ ค้นคว้าในความรู้ทางพระศาสนามีความขยันค้นคว้ามาก ทุกวันเมื่อถึงเวลาบ่าง ๒ โมง เป็นต้องเข้าห้องดูหนังสือตลอดไปจนเย็น ต่อเมื่อถึง ๕ หรือ ๖ โมงเย็นแล้วจึงจะเลิก มีความชำนาญในวิสุทธิมรรคและอภิธรรมมาก จนกระทั่งเมื่อใกล้จะมรณภาพ เคยถามอภิธรรมแก่ท่าน ท่านว่าแบบอภิธรรมให้ฟัง ท่านจำได้ขึ้นใจคล้ายกับข้าพเจ้าจำยะถาสัพพี

    จริยาวัตร

    ๑. ได้ปฏิญาณตนตั้งแต่วันแรกของวันบวช ว่าจะไม่ยอมด่าใคร ท่านรักษาสัจจะสำนึกนี้ไว้ได้ดีจนถึงมรณภาพ

    ๒. เคร่งครัดในพระวินัยมาก ไม่ยอมล่วงแม้แต่อาบัติเล็กน้อย

    ๓. มีพรหมวิหาร ๔ เป็นปุเรจาริก ห่วงหมาห่วงแมว ท่านเคยพูดว่าก็มันไม่มีไร่มีนากับเขา ถ้าเราไม่ให้ มันจะกินอะไร เรากับมันก็มีชีวิตเหมือนกัน เมื่อให้อาหารสัตว์ต้องหากับผสมจนพอใจ

    ๔. มีขันติธรรมเป็นอย่างเลิศ เคยถูกพวกเดียรถีย์ประนามให้อย่างหนักได้เคยออกปากชักชวนท่านให้ไปอยู่เสีย ที่อื่น ท่านพูดว่า เราดีเสียแล้ว ในโลกนี้ไม่มีใครเลว ท่านทนอยู่ได้ แต่ข้าพเจ้าเองกลับทนไม่ไหว ท่านดีกว่าข้าพเจ้าอย่างเทียบกันไม่ได้เลย

    ๕ มีสมณะธรรมสูงมาก เมื่ออยู่กันตามลำพัง เคยทดสอบสมณะธรรมร่วมกัน ปรากฏว่าญาณในสมณะหลายอย่าง เช่น เจโตปริยญาณ จุตูปปาตญาณ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ อตีตังสญาณ อนาคตังสญาณ ยะถากรรมมุตาญาณ ท่านคล่องแคล่วมาก
    ส่วนวิปัสสนาญาณนั้น ได้ถึงขั้นมีอารมณ์ไม่หวั่นไหวใน "โลกธรรม" พูดตามอาการที่ปรากฏ แต่ส่วนแท้นั้นเป็นปัจจัตตัง ยากที่จะพูดให้ฟังตรง ๆ ได้ ขอให้เปรียบเทียบเอาเอง ฌานนั้นได้จบจตุถฌาน ส่วนอรูปฌานเจริญด้วยหรือไม่นั้นไม่เคยถาม

    ท่านเป็นพระที่บัณฑิต สรรเสริญ แต่ไม่ถูกใจของคนพาล เพราะท่านไม่ยอมรับข้อเสนอเลว ๆ ของเหล่าพาล ฉะนั้นพวกเหล่าพาลจึงไม่รักและคอยนินทาว่าร้ายอยู่เสมอ ขณะนี้ท่านมรณภาพแล้ว ท่านพบความสุขอันแท้จริงอันเป็นผลเนื่องจากการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของท่าน แล้ว เหลือแต่พวกเราเดินดินที่มีความรักความอาลัยในท่าน รักด้วยความจริงใจบ้าง ทำเป็นรักต่อหน้าทาระกำนันบ้าง จะไปทางไหนกัน สวรรค์หรือนรกก็รู้ได้ยาก

    หลวง พ่อปาน วัดบางนมโค และ ผงยันต์เกราะเพชร
    หลวง พ่อปาน โสนันโท แห่งวัดบางนมโค อ.เสนา จ.อยุธยา เป็นพระเถระผู้มากด้วยบารมีทั้งอภิญญาและด้านอิทธิพลังจิต ด้านการรักษาโรค ท่านเป็นศิษย์เอกของหลวงปู่สุ่น วัดบางปลาหมอ และหลวงพ่อปั้น วัดพิกุลโสคันธ์ และเป็นศิษย์ร่วมอุปัชฌาย์กับหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก มีอาวุโสอ่อนกว่าหลวงพ่อจงหนึ่งพรรษา ท่านเรียกหลวงพ่อจงว่าหลวงพี่เสมอมา

    หลวง พ่อปานท่านได้ตำราวิเศษพระร่วงเจ้าจากสุโขทัยและได้นิมิตจากป่าช้าท้ายวัด บางนมโคให้สร้างพระประทับนั่งอยู่เหนือสัตว์พาหนหกอย่างอันได้แก่ นก ครุฑ เม่น ไก่ ปลา และ หนุมาน นอกจากจะได้สร้างพระเนื้อดินเผาแล้ว ท่านยังได้ตำรายันต์เกราะเพชรอันเป็นการชักยันต์พระอิติปิโสบทแรกเต็มบทเดิน ทะแยงไปมาเป็นตาหมากรุกจนครบการเดินยันต์ พระอิติปิโสบทต้นเป็นยันต์ทะแยงคล้ายกับเกราะนี้ ตำราพระร่วงเจ้าเรียกว่า ชักยันต์เกราะเพชร

    อานุภาพของยันต์เกราะเพชร มีดังนี้

    ก. เขียนลงบนกระดาษหรือผ้าเอาติดตัวไปเข้ารณรงค์สงคราม แม้ลูกปืนมาเป็นห่าฝนก็ไม่ตกต้องร่างกาย แม้ถูกก็ไม่เข้า

    ข. เขียนบนกระดานชนวนแล้วลบเอาผงมาใช้ จะแก้โรคได้สารพัดเป็นมหานิยม มหาอำนาจ คงกระพัน เป็นที่คร้ามเกรงของปิศาจทั้งหลายทั้งปวง

    ค. เป่าให้ติดกระหม่อมของผู้คน จะเกิดความคงกระพันและเมตตามหานิยมไปจนถึงแคล้วคลาด และถ้าเป็นชายลูกคนโตออกมาเป็นผู้ชายยันต์นั้นจะติดไปจนปรากฏอยู่ในกระหม่อม เมื่อแรกเกิด

    หลวงพ่อปานได้ลบผงยันต์เกราะเพชรเอามาบรรจุในองค์พระ เนื้อดินเผาด้านบน โดยผสมกับซีเมนต์อุดไว้ในรูที่เจาะไว้เพื่อเพิ่มพลังให้แก่องค์พระ ท่านกล่าวไว้ว่า พระนี้ปกติแล้วก็มีอานุภาพเหมือนพระเครื่องทั่วไป แต่เมื่อเสริมด้วยยันต์เกราะเพชรแล้วจะยิ่งมีอำนาจทางรักษาโรคและการไล่ภูต ผีปีศาจ

    หลวงพ่อปานได้นำยันต์เกราะเพชรพิมพ์เป็นผ้ายันต์ กระดาษยันต์ และประทับไว้เหนือศรีษะของท่านในภาพทุกชุดไป นอกจากนี้ท่านได้เป่ายันต์เกราะเพชรใส่ในกระหม่อมของคนทั่วไปเป็นคราว ๆ ไป เรียกว่าเป่ายันต์เกราะเพชร ท่านได้กล่าวว่าเกราะเพชรเป็นของสูงมีเทวดารักษา ไปหนใดเทวดาเห็นยันต์นี้เข้าก็รู้ได้ทันทีว่าในการสร้างยันต์นี้ได้มีการ ชุมนุมเทวดาและเทวดาทุกชั้นฟ้าก็มาร่วมรับรู้ จึงได้เข้ารักษาให้แคล้วคลาดอันตรายต่อเนื่องกันไปทุกหนแห่ง

    พระผง ยันต์เกราะเพชร หลวงพ่อเล็ก วัดบางนมโค
    หลวง พ่อฤาษีลิงดำได้เล่าไว้ว่า ครั้งหนึ่งหลวงพ่อเล็กศิษย์ของหลวงพ่อปานที่หลวงพ่อปานให้อยู่รักษาคนไข้ เวลาที่หลวงพ่อไม่อยู่ได้ทำพิธีปลุกเสกพระของหลวงพ่อปานเพื่อเป็นการทดลอง ครั้นทำแล้วหลวงพ่อปานก็ตรวจดูท่านได้ถามเป็นเชิงเย้าว่า ปลุกเสกเดี่ยวเลยสิท่า ไม่ได้ชุมนุมเทวดามาด้วยใช่ไหมล่ะ ทำไมล่ะเทวดาน่ะท่านมีทุกหนทุกแห่ง เรียกท่านมารับรู้ท่านก็จะตามไปคุ้มครองต่อเนื่องกันไป ลำพังพลังจิตเราน่ะคุ้มได้ไม่ทั่วหรอกต้องให้เทวดาท่านช่วยบ้าง

    หลวง พ่อเล็ก วัดบางนมโค เป็นพระที่ค่อนข้างจะอาภัพ เพราะว่าพระกิตติคุณของหลวงพ่อปานคลุมเอาไว้หมด มีคนรู้จักท่านเพียงเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบางนมโคสมัยหลวงพ่อปานเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ท่านรักษาโรคได้แบบเดียวกับหลวงพ่อปานและหลวงพ่อปานท่านก็ไว้ใจให้ทำงาน แทนท่านอยู่ตลอด

    หลวงพ่อเล็กเป็นพระที่มีความกตัญญูและรู้ประมาณ ไม่เคยสร้างพระเลียนแบบหลวงพ่อปานเลย เมื่อหลวงพ่อปานท่านมรณภาพแล้วก็ดำรงตำแหน่งสืบแทนและเป็นผู้ครอบครองอ งผงยันต์เกราะเพชรที่หลวงพ่อปานลบเอาไว้ถึงหนึ่งปีเต็ม ๆ หากหลวงพ่อเล็กจะสร้างพระเนื้อดินเลียนแบบหลวงพ่อปานแล้วบรรจุผงยันต์เกราะ เพชรก็ย่อมทำได้ แต่หลวงพ่อเล็กก็ไม่ทำ ท่านกลับนำมาสร้างเป็นพระพิมพ์ที่เป็นเนื้อผงเกราะเพชรโดยใช้ยันต์เกราะเพชร ผสมกับปูนเปลือกหอยพิมพ์ออกมาเป็นรูปห้าเหลี่ยมปลายแหลม ด้านหน้าเป็นพระพุทธนั่งสมาธิอยู่บนอาสนะฐานชุกชีแบบพระประธานในพระอุโบสถ วัดบางนมโค ด้านหลังเรียบ

    พระชุดนี้หลวงพ่อเล็กได้แจกให้ผู้คนนำไป ติดตัว ท่านสั่งว่าผงเกราะเพชรที่อยู่ในองค์พระสามารถแช่น้ำทำน้ำมนต์ อาบกินรักษาโรค กำจัดเสนียดจัญไรและยังรดไล่ปีศาจที่สิงในตัวคนได้ เวลาใช้ให้อาราธนาถึงหลวงพ่อปานวัดบางนมโคเป็นที่ตั้ง เพราะท่านเป็นเพียงผู้สร้าง แต่เจ้าของผงเกราะเพชรก็คือหลวงพ่อปานนั่นเอง


    แบ่งให้บูชา 2,850 บาท
    รับประกันแท้ตามมาตรฐานสากล
    จองได้ ปิดได้ ขอไม่เกิน 2 วัน โอนเร็ว ส่งเร็วด่วนจี๋
    ทุกรายการที่ท่าน เช่าบูชาพระเครื่องหรือ เครื่องรางของเรา เงินของท่าน ส่วนหนึ่ง ท่านได้ร่วม ทำบุญกับเรา จึงขออนุโมทนากับท่านด้วย ขอบุญนี้จงสำเร็จแก่ เทวดาประจำตัวเจ้ากรรมนายเวร เชื้อโรคไวรัส และญาติของท่าน ด้วยกันทุกผู้ทุกคนเทอญ เม สัมมุขา สัพพาหะระติ เต สัมมุขา ผู้ใดมีจิตคิดร้าย จงสะท้อนกลับร้อยเท่า พันเท่า ศึกษา สะสม แบ่งปัน พระแท้กัน ฉันท์พี่น้อง สงสัยสนใจ โทร ปรึกษา (AIS) 081-253-4483 อินทร์ inonnim@gmail.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2011
  5. bordintu

    bordintu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    673
    ค่าพลัง:
    +951
    รอติดตามชมรายการอื่นๆครับ
     
  6. INAUTTHAYA

    INAUTTHAYA สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +21
    ขอบคุณครับcatt11
     
  7. INAUTTHAYA

    INAUTTHAYA สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +21
    ขอบคุณครับ:z6
     
  8. INAUTTHAYA

    INAUTTHAYA สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +21
    รายการที่3พระพิมพ์กลีบบัวพระครูใบฎีกาเกลี้ยงวัดสุทัศน์

    [​IMG]

    [​IMG]


    พระพิมพ์กลีบบัว พระครูใบฎีกาเกลี้ยง วัดสุทัศน์ ยุคต้น ปี247..กว่า ตัวจริงเสียงจริง

    ท่าน เป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดสังฆราชแพองค์หนึ่ง พระที่ท่านสร้างมีพุทธคุณด้านเมตตาค้าขายเป็นที่เลื่องลือ แม่ค้านิยมมาก มีเรื่องเล่าว่าท่านนำไปแจกแม่ค้า ที่บ้านเกิดท่าน ปรากฏว่าแม่ค้าคนนั้นขายของดีหมดเกลี้ยงทุกวัน อุปมาดั่งชื่อผู้สร้างพระนั่นเอง "ขายหมดเกลี้ยง"

    พระผงกลีบบัว พระครูใบฎีกาเกลี่ยง วัดสุทัศน์ ปี 247…. กว่า สวย พุทธคุณล้นเหลือ พระที่จะนำมากล่าวในที่นี้คือ พระผงรูปกลีบบัว ของพระครูใบฎีกาเกลี้ยง วัดสุทัศน์ เป็นพระพิมพ์รูปกลีบบัวประกอบเส้นรัศมีขนาดเล็ก สร้างด้วยเนื้อผงขาวหรือเนื้อตระกูลพระสมเด็จฯ นอกจากเนื้อผงขาวแล้ว มี สีแดง, เขียว และดำ เป็นอาทิ พระผงอย่างพิมพ์นี้ในแวดวงนักนิยมสมสมพระเครื่อง เคยเล่นหากันไปต่าง ๆ นานา เช่น พระกลีบบัวหลวงปู่ภู วัดอินทร์ บางขุนพรหม กรุงเทพฯ เพราะถ้าย้ายไปเข้าวัดนี้แล้วย่อมมีศักดิ์ศรีและมีกลิ่นไอของ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จ หอมอบอวลขจรขจายเป็นหลักชัยหรือเป็นเครื่องการันตีอยู่ จักขายได้ราคางามกว่าจะย้ายไปเข้าวัดอื่น หรือวัดของเขาอย่างแท้จริง ในกรณีนี้เรียกว่าพุทธพานิชย์ ย้ายท่านไปจำวัดเพราะผลประโยชน์ ฉะนั้นพระกลีบบัว หลวงปู่ภู วัดอินทร์ จึงเกิดขึ้นเพราะลมปากพุทธพานิชย์เท่านั้น ความจริงพระกลีบบัวพิมพ์นี้งดงามและเด่นชัดทางรูปแบบ อีกทั้งยังมีขนาดเล็กกระทัดรัด ในด้านมวลสารและเนื้อหาแล้ว มีความหนึกนุ่มไม่แพ้พระเครื่องตระกูลสมเด็จวัดที่เด่น ๆ อีกหลายวัดเหมือนกัน หรือจะเรียกว่าเนื้อตัน มิฉะนั้นบรรดาพุทธพานิชย์คงจะไม่ลากท่านไปขึ้นทะเบียนสัมมะโนครัวเป็น หลวงปู่ภู วัดอินทร์ บางขุนพรหม ซึ่งอบอวลไปด้วยไอแห่งพระสมเด็จได้หรอก ใครเป็นผู้สร้างพระกลีบบัวพิมพ์นี้ เมื่อไต่ถามคุณนิรันดร์ แดงวิจิตร (ท่านพระครูหนู) แห่งสำนักวัดสุทัศน์ฯ ได้ถูกเปิดเผยออกมาอย่างละเอียดและเป็นที่เชื่อถือได้อย่างสนิทใจ เพราะท่านพระครูหนูเองมีส่วนช่วยในการสร้างพระผงกลีบบัวพิมพ์นี้เป็นอย่าง มากด้วยผู้หนึ่ง ท่านได้กรุณาเล่าให้ฟังว่า ท่านผู้สร้างพระผงกลีบบัวพิมพ์นี้ คือ ท่านพระครูใบฎีกาเกลี้ยง ฐานาใน สมเด็จพระวันรัตน์แดง แห่งสำนักวัดสุทัศน์ เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์ กับ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราชแพ ติสสะเทวะ ปรมาจารย์ทางด้านการสร้างพระกริ่งอันลือกระฉ่อนแห่งยุครัตนโกสินทร์ ชื่อเสียงเกียรติคุณของพระครูใบฎีกาเกลี้ยงโด่งดังขจรขจายในด้านวิทยายุทธพุ ทธาคมเป็นที่กล่าวขานกันมากองค์หนึ่งแห่งสำนักวัดสุทัศน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงประทีปทำผงและการลงยันต์พุทธซ้อน ในด้านการทำผงวิเศษ ซึ่งประกอบด้วยผงปถมัง อิตเจ, มหาราช ตรีนิสิงเหฯ นั้น ผงของพระครูใบฎีกาเกลี้ยงแห่งสำนักวัดสุทัศน์เจ้านี้ได้รับคำยกย่องมากที่ สุด เล่ากันว่า ผงที่ท่านลบอยู่ในกระดานนั้น ขณะที่ท่านบริกรรมปลุกเสกจะเดินได้ประหนึ่งมดปลวกที่มีชีวิต และด้วยผงวิเศษต่าง ๆ ที่ท่านสำเร็จดังกล่าวนี้แหละได้รวบรวม แล้วนำเอามาสร้างเป็นพระพิมพ์รูปกลีบบัวดังกล่าวแล้ว ท่านพระครูหนู กรุณาเล่าในรายละเอียดให้ฟังว่า โดยเนื้อแท้ของพระกลีบบัวพิมพ์นี้สีขาวเป็นพระผงตระกูลสมเด็จฯ คือมีส่วนผสมของปูนเปลือกหอยและน้ำมันตั้งอิ๊ว แต่ที่มีสีต่าง ๆ เช่น เหลือง ทอง เทา เขียว และดำนั้น ได้ตกแต่งสีด้วยสีฝุ่น และเมื่อมีวัดไหนจะทำการบูรณะปฏิสังขรณ์หรือมีการบรรจุพระลงพระเจดีย์มาขอ ท่านจะมอบให้แห่งละเป็นจำนวนมาก ๆ อาจจะเป็นด้วยเหตุนี้กระมัง พระผงกลีบบัวพิมพ์นี้ จึงมีแจกอยู่แพร่หลายและหลายสำนักด้วยกัน เช่นที่ หลวงพ่อท้วม วัดไชยนาวาส, หลวงพ่อครื้น วัดสังโฆ, สุพรรณบุรี วัดบางหัวเสอ วัดยอด และอีกหลาย ๆ วัด ในอำเภอเสนา จังหวัดอยุธยา เป็นต้น จะอย่างไรก็ตาม ถ้าพูดถึงกำเนิดอันแท้จริง พระผงกลีบบัว พิมพ์นี้สร้างที่วัดสุทัศน์ โดย ท่านพระครูใบฎีกาเกลี้ยง ผู้สำเร็จวิชาทำผงเป็นผู้สร้าง แต่ปี พ.ศ. เจ็ดสิบถึงแปดสิบกว่า และเชื่อว่าได้ร่วมเข้าพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดสุทัศน์ครั้งที่สำคัญ ๆ หลายครั้ง เช่น ในคราวสร้างรูปหล่อพระพุทธชินราชของพุทธสมาคม ในด้านคุณวิเศษนั้น ท่านพระครูหนูได้กรุณาเล่าเสริมให้ฟังว่า มีอยู่คราวหนึ่ง ขณะที่ท่านร่วมตำผงเพื่อสร้างพระกลีบบัวพิมพ์นี้อยู่ เมื่อตำผงเสร็จเรียบร้อยแล้วได้เอาน้ำที่ล้างกครกเทสาดลงไปข้างล่างโดยไม่ เจตนาให้ไปถูกใคร และก็เป็นเวลาที่สาวลูกจีนคนหนึ่งกำลังมาเดินเก็บดอกเข็มบริเวณนั้นเข้าพอดี น้ำล้างครกถ้าจะกระเด็นไปถูกเข้า ปรากฏว่าสาวจีนคนนั้นไม่ได้เดินไปไหนได้เลย คงวน ๆ เวียน ๆ เสมือนจะรอใครอยู่ตรงนั้น เสร็จจากฉันเพลแล้ว นางนั้นยังคงอยู่จวบจนเย็นจวนเวลาพลบค่ำ นางไม่สามารถจะเดินไปไหนได้เสมือนนางต้องเสน่ห์เล่ห์กล ท่านพระครูหนูเห็นเป็นที่ผิดสังเกต จึงนึกขึ้นได้ว่า ถ้านางคงจะต้องน้ำล้างครกที่เทสาดไปเมื่อเช้านี้กระมัง จึงวนเวียนอยู่ ณ ที่นั่น คิดได้เช่นนั้นแล้วจึงไปขอน้ำมนต์ถอนจาก พระครูใบฎีกาเกลี้ยง พรมจากบนกุฏิลงไป พอให้กระเซ็นต้องกายนางนั้นแหละ นางจึงเดินกลับบ้านได้เป็นเหตุมหัศจรรย์จริง ๆ ขอปรามไว้ตรงนี้เสียก่อนนะว่า อย่าอุตรีฝนเอาผงไปให้คนอื่นกินเข้าเล่า บาปจะตกแก่ตัวเอง และถ้าคิดในตมุมกลับอย่าง หลวงพ่อท้วม วัดไชยนาวาส และหลวงพ่อครื้น วัดสังโฆ สุพรรณบุรี เจ้าของจิ้งจก ตุ๊กแกปลุกจนร้องได้เหมือนมีชีวิตซึ่งต่างก็มีชื่อเสียงโด่งดังขจรขจายเป็น หนึ่งในยุทธจักรเหมือนกัน และการที่ท่านยินยอมเอา พระผงกลีบบัว ของพระครูใบฎีกาเกลี้ยง แห่งสำนักวัดสุทัศน์ไปแจกแทนพระของท่านนั้น ท่านย่อมจักทราบคุณค่าว่าเหนือกว่าของท่านอย่างแน่นอน


    อิธะเจ หรือ อิทธิเจ เป็นวิชาทางไสยศาสตร์ว่าด้วยการทำผงตามคัมภีร์อิธะเจ ซึ่งเป็นหนึ่งในคัมภีร์หลักของระบบไสยศาสตร์ไทยโบราณ อันประกอบด้วยคัมภีร์ปถมัง อิธะเจ ตรีนิสิงเห และมหาราช นอกจากนั้นชื่อวิชาอิธะเจยังปรากฏอยู่ในเสภาขุนช้างขุนแผนตอนพลายงามเรียน วิชาด้วย เนื้อหาของวิชาอิธะเจคือการทำผงด้วยการตั้งตัวตามสูตรบาลีมูลกัจจายน์ ซึ่งเป็นระบบบาลีไวยากรณ์ใหญ่ที่ปัจจุบันได้ล้มเลิกไป อิธะเจมีหลายตำรับด้วยกัน แต่ที่เป็นหลักสำคัญจะตั้งตัวด้วย อิทะ อิติ อิติ อัสสา อุทัง อะหัง อัคคัง อะหัง อะหัง อิถัง อัมมะ อัสสา จากนั้นจึงกระทำตามสูตรสนธิโดยอ้างสูตรตามคัมภี์บาลีไวยากรณ์จนสำเร็จเป็น อิธเจตโสทฬฺหํคณฺหาหิถามสา เป็นอันขาดตัวในสูตรสนธิ ผงที่ได้จากการเขียนและลบอักขระตามคัมภีร์อิธะเจ เรียกว่าผงอิธะเจ เชื่อว่ามีอานุภาพทางเมตตามหานิยม เป็นเสน่ห์โดยเฉพาะแก่สตรีเพศ ผงอิธะเจ เป็นวิชาไสยศาสตร์ไทยโบราณอย่างหนึ่ง วิธีทำเริ่มต้นจากจัดเครื่องบูชาคำนับครูมีดอกไม้ธูปเทียนอย่างละ ๕ หัวหมู บายศรีปากชาม เครื่องกระยาบวช มีขนมต้มขาว ขนมต้มแดง มะพร้าวอ่อน กล้วยน้ำไท เป็นต้น และเงินบูชาครู จากนั้นผู้กระทำกล่าวคำนมัสการตามตำรา เมื่อสักการบูชาครูเรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มทำผง การทำผงอย่างโบราณคือใช้ดินสอพองปั้นเป็นแท่งขนาดพอจับได้ แล้วบริกรรมเขียนอักขระลงบนกระดานชนวน ขณะที่เขียนอักขระแต่ละตัวให้บังเกิดขึ้น ผู้ทำจะต้องบริกรรมคาถา (เรียกสูตร) ตามที่บังคับไว้ในตำราทุกครั้งไป สำหรับแท่งดินสอที่ใช้เขียนผงนี้บางสำนักอาจระบุส่วนผสมต่างกันไปก็ได้ เช่น อาจผสมไคลโบสถ์ ไคลเสมา ไคลพระศรีมหาโพธิ์ ดินเจ็ดโป่ง เจ็ดป่า ดอกรักซ้อน ยอดสวาด กาหลง หรือเครื่องหอมอื่น ๆ บางชนิดผสมลงไปในดินสอพองอีกด้วยก็ได้ การทำผงอิธะเจจะอ้างสูตรพระบาลีในคัมภีร์มูลกัจจายนะ ซึ่งเป็นสูตรตามคัมภีร์ไวยากรณ์ใหญ่ซึ่งปัจจุบันหลักสูตรปริยัติธรรมแผนก บาลีได้ยกเลิกไป สูตรมูลกัจจายนะนี้ทางไสยศาสตร์นับถือว่ามีอานุภาพศักดิสิทธิ์มาก ผงอิธะเจดำเนิดตามแนวสูตรดังกล่าว เมื่ออ้างสูตรเขียนและลบจนขาดตัวในสูตรสนธิ กล่าวคือเขียนและบริกรรมคาถาและเสกจนสำเร็จดีแล้ว จึงลบอักขระบนกระดานชนวนออกมา ผงดินสอพองที่ได้จากการเขียนและลบตามสูตรคาถาอาคมในคัมภีร์อิธะเจนี้ เรียกว่า ผงอิธะเจ มีอานุภาพทางเสน่ห์แก่สตรีเพศยิ่งนัก ตามตำรากล่าวว่าหากใส่ลงในอาหารให้หญิงกินย่อมรักชายผู้นั้นจนวันตาย ผงนี้เพียงทิ้งให้ถูกตัวผู้ใด ผู้นั้นก็เกิดงงงวยหลงตามเรามา เป็นที่สุดของวิชาเสน่ห์โบราณ คาถาอิธะเจ ๑๓ ตัวคือ อิธะเจตะโสทัฬหังคัณหาหิถามะสาฯ ผงอิธะเจนี้เมื่อทำสำเร็จแล้วจะต้องผสมเครื่องยาและปั้นเป็นแท่งเก็บไว้

    แบ่งให้บูชา 2,550 บาท
    รับประกันแท้ตามมาตรฐานสากล
    จองได้ ปิดได้ ขอไม่เกิน 2 วัน โอนเร็ว ส่งเร็วด่วนจี๋
    ทุกรายการที่ท่าน เช่าบูชาพระเครื่องหรือ เครื่องรางของเรา เงินของท่าน ส่วนหนึ่ง ท่านได้ร่วม ทำบุญกับเรา จึงขออนุโมทนากับท่านด้วย ขอบุญนี้จงสำเร็จแก่ เทวดาประจำตัวเจ้ากรรมนายเวร เชื้อโรคไวรัส และญาติของท่าน ด้วยกันทุกผู้ทุกคนเทอญ เม สัมมุขา สัพพาหะระติ เต สัมมุขา ผู้ใดมีจิตคิดร้าย จงสะท้อนกลับร้อยเท่า พันเท่า ศึกษา สะสม แบ่งปัน พระแท้กัน ฉันท์พี่น้อง สงสัยสนใจ โทร ปรึกษา (AIS) 081-253-4483 อินทร์ inonnim@gmail.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2011
  9. INAUTTHAYA

    INAUTTHAYA สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +21
    รายการที่4สุดยอดสมเด็จเล็บมืออาจารย์ผ่อง วัดคูหาสวรรค์หายา สุดสุด

    [​IMG]

    [​IMG]


    สุดยอด สมเด็จเล็บมืออาจารย์ผ่อง วัดคูหาสวรรค์ หายาก สุดสุด


    นักเล่นพระสมัยก่อนนิยมห้อยพระเครื่องของอาจารย์ผ่อง กันเป็นอย่างมาก เพราะมีประสบการณ์เยอะจริงๆครับ แต่ประสบการณ์ส่วนใหญ่เป็นทางด้านเมตตา ค้าขาย จึงไม่โด่งดังเหมือนหลวงพ่อท่านอื่นๆ เพราะในยุคสงครามคนขวัญเสีย ต้องการพระประเภทคุ้มครอง คงกระพันชาตรี ไว้แองกันตัว พระของท่านจึงไม่แพร่หลายมากนัก หากไม่ใช้ผู้มีประสบการณ์สูงจริงๆ นักเล่นพระสมัยนี้ยากนักที่จะรู้จักท่านและพระเครื่องของท่าน สร้างประมาณปี ๒๔๖ กว่าๆ ของแท้หายากมากครับ

    พระอาจารย์ผ่อง วัดคูหาสวรรค์ เป็นพระอาจารย์ของรัชกาลที่ ๕ เป็นพระเถระที่จริยาวัตรน่าเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง เป็นพระเถระ ๑ ใน ๔ องค์ที่ได้ "พัดงาสาน" สมัยรัชกาลที่ ๕ คือ ๑. หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ๒. สังวราชุ่ม วัดราชสิทธิฯ (วัดพลับ) ๓. อาจารย์ผ่อง วัดคูหาสวรรค์ ๔.หลวงปู่ปั้น วัดสะพานสูง
    ซึ่งวัดคูหาสวรรค์นี้ สมัยก่อนเป็นสำนักปฏิบัติกรรมฐาน เก่งเรื่องเกี่ยวกับสอนวิปัสสนากัมมัฏฐานเป็นอย่างยิ่ง

    พระเดชพระคุณ พระวิสุทธิสารเถร นามเดิมชื่อว่า ผ่อง เป็นบุตรของนายสุด นางอ่ำ เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๔ ต้นรัชกาลที่ ๕ ที่บ้านตำบลบางสีทอง อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี

    เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๕ ท่านได้ทำการอุปสมบทที่วัดรวก ในคลองบางสีทอง โดยมีพระปรีชาเฉลิม (แก้ว สงขสุวณโณ) ป.ธ. ๖ (ภายหลังเลื่อนเป็น พระเทพโมลี เจ้าอาวาสวัดมหรรณพาราม) วัดเฉลิมพระเกียรติเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการแก้ว วัดไฟไหม้ เป็นกรรมวาจาจารย์ พระอธิการลบ วัดรวก เป็นอนุสาวนาจารย์

    ครั้น อุปสมบทแล้วได้เรียนวิปัสสนาธุระในสำนักอาจารย์แก้ว วัดไฟไหม้ ๓ พรรษา ในพรรษาที่ ๔ ย้ายมาอยู่ที่วัดนางชี คลองด่าน ในสมัยพระครูศีลขันธ์สุนทร เป็นเจ้าอาวาส ในพรรษาที่ ๑๑ ย้ายจากวัดนางชี มาอยู่วัดนาคปรก อีก ๑๐ พรรษา จนถึง พ.ศ. ๒๔๕๕

    วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๕ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘ ปีชวด เจ้าประคุณสมเด็จวันรัต (เผื่อน ติสสทตต ป.ธ. ๙) วัดพระเชตุพน ฯ (ในขณะที่ดำรงสมณศักดิ์ที่ พระศากยบุตติยวงศ์) กับท่านเจ้าคุณพระพุทธพยากรณ์ (ในขณะที่ดำรงสมณศักดิ์ที่ พระครูพุทธพยากรณ์) ได้อาราธนาให้พระเดชพระคุณหลวงปู่มาเป็นเจ้าอาวาส วัดคูหาสวรรค์ วรวิหาร ในขณะที่เป็นพระปลัดฐานานุกรมอยู่

    วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๔๕๘ ได้เป็นพระครูสัญญาบัตร ที่พระครูสังวรสมาธิวัตร เนื่องในงานพระราชพิธีฉัตรมงคล ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ต้นรัชกาลที่ ๖ ในขณะที่หลวงปู่มีอายุได้ ๔๔ ปี

    วันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ และเป็นเจ้าคณะหมวดคลองบางจาก อำเภอภาษีเจริญ ธนบุรี

    วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๔๖๔ ได้รับเลื่อนเป็นพระราชาคณะฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่พระวิสุทธิสารเถร ถือพัดงาสาน

    วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๔๗๑ ท่านได้ถึงแก่มรณภาพด้วยโรคลม ในขณะที่ท่านมีอายุได้ ๕๗ ปี พรรษา ๓๕ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดคูหาสวรรค์ ฯ ได้ ๑๖ ปี

    พระเดช พระคุณ พระวิสุทธิสารเถร ท่านผู้มั่นคงในพระพุทธศาสนาพอใจในทางวิปัสสนาธุระ ตั้งแต่แรกเข้ามาอุปสมบท จนเกิดความชำนิชำนาญเป็นอย่างมาก ท่านมีอัธยาศัยเยือกเย็น มีอุปนิสัยอ่อนโยนสุภาพเรียบร้อย ด้วยคุณสมบัติของท่าน ผู้ใดได้พบเห็นท่านแล้ว ก็จะเกิดศรัทธาเลื่อมใสในตัวท่านเป็นอย่างมากและท่านยังเป็นผู้เอาใจใส่ใน การบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอารามเป็นอย่างดี พอท่านเข้ามาอยู่วัดคูหาสวรรค์ ท่านก็ได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุ เช่น พระอุโบสถ กุฏิสงฆ์ หอสวดมนต์ พระประธานในพระอุโบสถ และศาลาสี่หน้า ที่ปรักหักพังนั้น ๆ ให้คืนดีเกือบทั่วทั้งวัดดังได้ปรากฏอยู่


    อิธะเจ หรือ อิทธิเจ เป็นวิชาทางไสยศาสตร์ว่าด้วยการทำผงตามคัมภีร์อิธะเจ ซึ่งเป็นหนึ่งในคัมภีร์หลักของระบบไสยศาสตร์ไทยโบราณ อันประกอบด้วยคัมภีร์ปถมัง อิธะเจ ตรีนิสิงเห และมหาราช นอกจากนั้นชื่อวิชาอิธะเจยังปรากฏอยู่ในเสภาขุนช้างขุนแผนตอนพลายงามเรียน วิชาด้วย เนื้อหาของวิชาอิธะเจคือการทำผงด้วยการตั้งตัวตามสูตรบาลีมูลกัจจายน์ ซึ่งเป็นระบบบาลีไวยากรณ์ใหญ่ที่ปัจจุบันได้ล้มเลิกไป อิธะเจมีหลายตำรับด้วยกัน แต่ที่เป็นหลักสำคัญจะตั้งตัวด้วย อิทะ อิติ อิติ อัสสา อุทัง อะหัง อัคคัง อะหัง อะหัง อิถัง อัมมะ อัสสา จากนั้นจึงกระทำตามสูตรสนธิโดยอ้างสูตรตามคัมภี์บาลีไวยากรณ์จนสำเร็จเป็น อิธเจตโสทฬฺหํคณฺหาหิถามสา เป็นอันขาดตัวในสูตรสนธิ ผงที่ได้จากการเขียนและลบอักขระตามคัมภีร์อิธะเจ เรียกว่าผงอิธะเจ เชื่อว่ามีอานุภาพทางเมตตามหานิยม เป็นเสน่ห์โดยเฉพาะแก่สตรีเพศ ผงอิธะเจ เป็นวิชาไสยศาสตร์ไทยโบราณอย่างหนึ่ง วิธีทำเริ่มต้นจากจัดเครื่องบูชาคำนับครูมีดอกไม้ธูปเทียนอย่างละ ๕ หัวหมู บายศรีปากชาม เครื่องกระยาบวช มีขนมต้มขาว ขนมต้มแดง มะพร้าวอ่อน กล้วยน้ำไท เป็นต้น และเงินบูชาครู จากนั้นผู้กระทำกล่าวคำนมัสการตามตำรา เมื่อสักการบูชาครูเรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มทำผง การทำผงอย่างโบราณคือใช้ดินสอพองปั้นเป็นแท่งขนาดพอจับได้ แล้วบริกรรมเขียนอักขระลงบนกระดานชนวน ขณะที่เขียนอักขระแต่ละตัวให้บังเกิดขึ้น ผู้ทำจะต้องบริกรรมคาถา (เรียกสูตร) ตามที่บังคับไว้ในตำราทุกครั้งไป สำหรับแท่งดินสอที่ใช้เขียนผงนี้บางสำนักอาจระบุส่วนผสมต่างกันไปก็ได้ เช่น อาจผสมไคลโบสถ์ ไคลเสมา ไคลพระศรีมหาโพธิ์ ดินเจ็ดโป่ง เจ็ดป่า ดอกรักซ้อน ยอดสวาด กาหลง หรือเครื่องหอมอื่น ๆ บางชนิดผสมลงไปในดินสอพองอีกด้วยก็ได้ การทำผงอิธะเจจะอ้างสูตรพระบาลีในคัมภีร์มูลกัจจายนะ ซึ่งเป็นสูตรตามคัมภีร์ไวยากรณ์ใหญ่ซึ่งปัจจุบันหลักสูตรปริยัติธรรมแผนก บาลีได้ยกเลิกไป สูตรมูลกัจจายนะนี้ทางไสยศาสตร์นับถือว่ามีอานุภาพศักดิสิทธิ์มาก ผงอิธะเจดำเนิดตามแนวสูตรดังกล่าว เมื่ออ้างสูตรเขียนและลบจนขาดตัวในสูตรสนธิ กล่าวคือเขียนและบริกรรมคาถาและเสกจนสำเร็จดีแล้ว จึงลบอักขระบนกระดานชนวนออกมา ผงดินสอพองที่ได้จากการเขียนและลบตามสูตรคาถาอาคมในคัมภีร์อิธะเจนี้ เรียกว่า ผงอิธะเจ มีอานุภาพทางเสน่ห์แก่สตรีเพศยิ่งนัก ตามตำรากล่าวว่าหากใส่ลงในอาหารให้หญิงกินย่อมรักชายผู้นั้นจนวันตาย ผงนี้เพียงทิ้งให้ถูกตัวผู้ใด ผู้นั้นก็เกิดงงงวยหลงตามเรามา เป็นที่สุดของวิชาเสน่ห์โบราณ คาถาอิธะเจ ๑๓ ตัวคือ อิธะเจตะโสทัฬหังคัณหาหิถามะสาฯ ผงอิธะเจนี้เมื่อทำสำเร็จแล้วจะต้องผสมเครื่องยาและปั้นเป็นแท่งเก็บไว้
    แบ่งให้บูชา 2,550 บาท
    รับประกันแท้ตามมาตรฐานสากล
    จองได้ ปิดได้ ขอไม่เกิน 2 วัน โอนเร็ว ส่งเร็วด่วนจี๋
    ทุกรายการที่ท่าน เช่าบูชาพระเครื่องหรือ เครื่องรางของเรา เงินของท่าน ส่วนหนึ่ง ท่านได้ร่วม ทำบุญกับเรา จึงขออนุโมทนากับท่านด้วย ขอบุญนี้จงสำเร็จแก่ เทวดาประจำตัวเจ้ากรรมนายเวร เชื้อโรคไวรัส และญาติของท่าน ด้วยกันทุกผู้ทุกคนเทอญ เม สัมมุขา สัพพาหะระติ เต สัมมุขา ผู้ใดมีจิตคิดร้าย จงสะท้อนกลับร้อยเท่า พันเท่า ศึกษา สะสม แบ่งปัน พระแท้กัน ฉันท์พี่น้อง สงสัยสนใจ โทร ปรึกษา (AIS) 081-253-4483 อินทร์ inonnim@gmail.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. INAUTTHAYA

    INAUTTHAYA สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +21
    รายการที่5พระสมเด็จอะระหัง(หลังพรหม)ลพ.พรหม วัดขนอนเหนือ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]




    พระสมเด็จอรหังมีความเด่นมาก เรื่องเนื้อหามวลสาร เพราะมีส่วนผสมของเศษพระชำรุดแตกหักตลอดจนวัสดุอาถรรพณ์และผงศักดิ์สิทธิ์ มากมาย อาทิ ผงสมเด็จวัดระฆัง ผงสมเด็จหลวงปู่ภู ผงพระปิลันทร์ ผงพระวัดท้ายตลาด ผงวัดสามปลื้ม ผงพระวัดเงิน ผงพระวัดปากน้ำ ผงพระทิพย์โกษาสังฆราชแพ ผงชัยวัฒน์เจ้าคุณศรี ผงพระหลวงตาเกลี้ยง ผงลูกอมหลวงพ่อพริ้ง ผงพระหลวงพ่อทวดนวลผสมว่าน๑๒๐ชนิด ผงปถมังหลวงปู่สี วัดสะแก ผงพระสมเด็จนายพลเผ่า ผงพระหลวงปู่นาค หลวงปู่หิน วัดระฆัง ผงพระสมเด็จเกษมงคล ผงลูกอมยาวาสนาจินดามณีหลวงปู่บุญ ผงตะใบพระกริ่งพระพุทธชินราช๒๔๘๕
    การปลุกเสก หลวงพ่อพรหมได้ทำพิธีการปลุกเสกเดี่ยวทุกคืนเป็นระยะเวลา ๑ เดือนเต็ม จำนวนการสร้าง ๕๐๐๐ องค์ ออกให้ทำบุญเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๒๘


    พระเกจิอาจารย์แห่ง อำเภอบางประอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ ท่านเป็นพระที่เก่งมาก ท่านดังในพื้นที่ เก่งเวทวิทยาคมเป็นอย่างมาก
    วัตถุ มงคลของหลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือนั้น มีมากมายหลายรุ่น ซึ่งทุกรุ่นที่ได้รับการประจุพลังจากท่านล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์มากมายโดย เฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านคงกระพันชาตรีแล้วเรียกได้ว่าไม่เป็นสองรองใคร...
    เนื่อง จากท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ร่ำเรียนวิชาอาคมที่ถ่ายทอดมาจากสายวัดประดู่ ทรงธรรม สถานที่รวบรวมวิชาทางพระพุทธศาสนา
    พระคาถาอาคม และตำราพิชัยสงคราม ที่สืบทอดมาจากสมัยกรุงศรีอยุธยา ในสมัยนั้น และเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อขันธ์ วัดนกกระจาบ
    อำนาจจิตของหลวงพ่อพรหม ท่านกล้าแข็งมาก ขนาดหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอกยังเอ่ย ชมท่านว่าเป็นพระหนุ่มที่อำนาจจิตกล้าแข็ง
    ถ้าหลวงพ่อจงเอ่ยชมใคร คนนั้นไม่ธรรมดาแน่นอน ด้วยอำนาจจิตที่สูงนี้ท่านเคยเสกผ้ายังให้บินดุจดังผีเสื้อมาแล้วจนเป็นที่ โจษจันจน
    ถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังได้รับคำรับรองสำทับจากหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีอีกด้วย กระทั่งหลวงปู่สี วัดสะแก ยังกล่าวว่า ...ใน
    อยุธยา ...ที่ว่าเหนียวว่าคงจริงๆ นั้น เห็นมีแต่ท่านพรหมรูปเดียว... จึงทำให้มั่นใจได้ว่าพระเครื่องของหลวงพ่อพรหมบรรจุ
    พลัง พุทธคุณอย่างเต็มที่ซึ่งวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังที่ท่านได้ปลุกเศก แต่ละรุ่นจะได้รับพลังคงกระพันชาตรี มหาอุด แคล้วคลาด ปลอดภัย
    จึงมีประ สปการณ์ให้เหล่าลูกศิษย์ลูกหาที่เคารพศรัทธาเฝ้าตามเก็บ จนไม่ค่อยมีให้พบเห็นตามสนามเท่าไร ถึงชื่อเสียงท่าน
    ไม่ดังทะลุฟ้า แต่ก็มาแบบเงียบๆ ค่อยมาค่อยไป ซึ่งเหรียญ รุ่นแรก และเหรียญนารายณ์1 ปี 2509 ราคาเล่นหาแบบพื้นๆก็ทะลุ
    หลักหมื่นไปแล้ว.

    ผ่านมาแล้ว 18 ปี ร่างหลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ ไม่เน่าเปื่อย

    เมื่อ วันที่ 21 ต.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดขนอนเหนือ ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ตามคำร่ำลือของชาวบ้านว่ามีพระเกจิอาจารย์ที่มรณภาพแล้วร่างกายไม่เน่า เปื่อย จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบที่กุฏิทรงไทยเรือนไม้สักทองยกใต้ถุนสูง ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าพระอุโบสถ ด้านบนพบโลงแก้วบรรจุร่างของหลวงพ่อพรหม ติสสเทโว หรือพระครูปลัดพรหม ที่มรณภาพเป็นเวลา 18 ปีแต่ร่างกายไม่เน่าไม่เปื่อย มีผ้าแพรสีเหลืองห่มร่างเอาไว้ โดยทางวัดได้ปิดทองที่บริเวณศีรษะ โดยมีเครื่องอัฐบริขารตั้งอยู่ รวมทั้งสิ่งของเครื่องใช้ ใกล้กันมีภาพถ่ายหลวงพ่อพรหมสมัยมีชีวิตที่ถ่ายให้ประชาชนได้กราบไหว้
    แบ่งให้บูชา 1,550 บาท
    รับประกันแท้ตามมาตรฐานสากล
    จองได้ ปิดได้ ขอไม่เกิน 2 วัน โอนเร็ว ส่งเร็วด่วนจี๋
    ทุกรายการที่ท่าน เช่าบูชาพระเครื่องหรือ เครื่องรางของเรา เงินของท่าน ส่วนหนึ่ง ท่านได้ร่วม ทำบุญกับเรา จึงขออนุโมทนากับท่านด้วย ขอบุญนี้จงสำเร็จแก่ เทวดาประจำตัวเจ้ากรรมนายเวร เชื้อโรคไวรัส และญาติของท่าน ด้วยกันทุกผู้ทุกคนเทอญ เม สัมมุขา สัพพาหะระติ เต สัมมุขา ผู้ใดมีจิตคิดร้าย จงสะท้อนกลับร้อยเท่า พันเท่า ศึกษา สะสม แบ่งปัน พระแท้กัน ฉันท์พี่น้อง สงสัยสนใจ โทร ปรึกษา (AIS) 081-253-4483 อินทร์ inonnim@gmail.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 224551-1501b.jpg
      224551-1501b.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66.5 KB
      เปิดดู:
      272
    • 224551-2c2bc.jpg
      224551-2c2bc.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66.8 KB
      เปิดดู:
      156
    • 2594618.jpg
      2594618.jpg
      ขนาดไฟล์:
      114.9 KB
      เปิดดู:
      208
    • 2594665.jpg
      2594665.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60.5 KB
      เปิดดู:
      464
    • 2594681.jpg
      2594681.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.9 KB
      เปิดดู:
      364
  11. INAUTTHAYA

    INAUTTHAYA สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +21
    รายการที่6หลวงปู่ทวด เนื้อว่าน พิมพ์ใหญ่ บรรจุ กรุวัดโพธิ์ กทม 2502

    [​IMG]

    [​IMG]


    ลป.ทวดเนื้อว่านพิมพ์ใหญ่บรรจุกรุวัดโพธิ์กรุงเทพปี2502ถอดพิมพ์และใส่เนื้อ ลป.ทวดปี2497อาจารย์ทิมวัดช้างไห้มาปลุกเสก

    พิมพ์ใหญ่ วัดโพธิ์ ปี2502

    ยอด พระเครื่องเมืองใต้ในกรุงเทพ...ลป.ทวด พิมพ์ใหญ่ วัดโพธิ์ ปี2502 เนื้อว่าน รายละเอียดยอดพระเครื่องเมืองใต้ในกรุงเทพ...ลป.ทวด พิมพ์ใหญ่ วัดโพธิ์ ปี2502 เนื้อว่าน
    เป็นพระที่น่ามีไว้ครอบครองมาก เพราะเป็นพระหายากในขณะนี้ คณาจารย์ดังปลุกเสกเพียบจริงๆค๊าบบบ พระรุ่นนี้สร้างพิมพ์ใกล้เคียงกันกับพิมพ์ลป.ทวดวัดช้างไห้2497ที่สุดที่มี อายุการสร้างใกล้เคียงกับปี2497มากที่สุด
    โดยปกติพระเครื่องลป.ทวดในยุค ต้นๆต่างๆวัด มักจะสร้างจากพระคุณเจ้าที่เคยถูกนิมนต์เข้าร่วมปลุกเสก พระเครื่องลป.ทวดในปี2497 วัดช้างไห้ ปัตตานี เช่นอ.นอง วัดทรายขาว พ่อท่านฉิ้น ยะลา ในส่วนที่เป็นสหธรรมมิกหรือเพื่อนกันกับอ.ทิม เช่น ลพ.สงัด วัดโพธิ์นี่หละค๊าบบบ ที่ได้สร้างลป.ทวด วัดโพธิ์ในปี 2502 ซึ่งห่างจากปี2497 เป็นเวลาแค่6 ปี มาปัจจุบันตอนนี้ก็มีอายุการสร้าง 47 ปีแล้วค๊าบบบ
    มวลสารที่ใช้ในการจัดสร้าง ว่านรุ่น108แบบเดียวกันกับที่ใช้สร้างพระลป.ทวด รุ่น2497ที่วัดช้างไห้ปัตตานี ดินกากยากยักษ์ ผสมด้วยใบลานที่ใช้จารึกตำราพิชัยสงคราม เนื้อเก่าบางส่วนของพระลป.รุ่น2497ที่ได้จากอ.ทิม วัดช้างไห้ จากปัตตานีมาถวายให้
    ในการจัดสร้างนิมนต์ สมเด็จพระวันรัต ปุ่น เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
    อ.ทิม จากวัดช้างไห้ ปัตตานี มาร่วมในพิธีปลุกเสกร่วมกับคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงอีกรวม108รูป เช่น
    ลพ.สอน วัดเสิงสาง
    ลพ.เงิน ดอนยายหอม
    ลพ.สุดวัดกาหลง
    ลพ.ทบ วัดชนแดน
    ลป.เทียน วัดโบสถ์
    ลพ.คง วัดสรรพรส
    ลพ.อั้นวัดพระญาติ
    ลพ.ทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง
    ลป.ดู่ วัดสะแก
    ลป.สี วัดสะแก
    ลพ.แก้ว วัดช่องลม
    ลพ.แทน วัดธรรมเสน
    ลป.เทียม วัดกษัตราธิราช
    ลป.โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    ลพ.กี๋ วัดหูช้าง
    ลป.นาค วัดระฆัง
    ลพ.เส็ง วัดกัลยาณมิตร
    ลพ.จง วัดหน้าต่างนอก
    ลพ.มุ่ย วัดดอนไร่
    ลพ.ถิร วัดป่าเลยไลย์
    ลพ. นอ วัดกลางท่าเรือ
    ลพ. สุด วัดกาหลง
    ลพ.หวล วัดพิกุล
    ลพ.เต๋ วัดสามง่าม
    ลพ.แพ วัดพิกุลทอง
    ลพ.ผล วัดหนัง บางขุนเทียน
    ลพ. เทียน วัดโบสถ์
    ลพ.หน่าย วัดบ้างแจ้ง
    ลพ.จวน วัดหนองสุ่ม
    ลพ.อุตตมะ กาญจนบุรี
    ลป. ธูป วัดแคนางเลิ้ง
    ลป.บุดดา วัดกลางชูศรี
    หลวง พ่อทวดซึ่งเป็นที่เคารพของชาวไทยและชาวต่างประเทศ เปี่ยมด้วยพุทธคุณ บารมีเข้ม ขลัง ควรค่าแก่การสะสม และสักการะบูชาให้ประชาชนชาวไทย มีไว้ประจำตัวคุ้มครองป้องกันภัย เพื่อความเป็นสิริมงคล แกตนเอง และครอบครัวค๊าบบบ^^
    ...เมื่อกล่าวถึงพระยอดนิยมอันดับหนึ่งของทางภาคใต้ เห็นจะได้แก่ พระเครื่องลป.ทวด ซึ่งตามประวัติ ท่านเป็นพระที่มีอายุพรรษาอยู่ในช่วงสมัยอยุธยา ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นพระโพธิสัตว์ ที่จะช่วยคุ้มครอง ปัดเป่า ภัยร้ายแก่มนุษย์ และสิ่งมีชีวิต และ แม้ท่านจะถึงแก่มรณะกาลไปแล้วเมื่อประมาณ 400 กว่าปีมาแล้ว แต่สังฆบารมีของท่านหาได้หายไปไม่ แต่กลับช่วยคุ้มครองชีวิต ผู้คนที่บูชาและนับถือเคารพในองค์สมเด็จเจ้าพระโคะอย่างไม่เคยได้ขาดตก ประการใดเลย ยิ่งนานวันก็ยิ่งพิสูจน์ได้ว่า ท่านเป็นพระของมหาชน ที่คอยช่วยคุ้มครองชาวไทย หรือแม้แต่ชาวต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง ก็ยังให้ความเคารพบูชาท่าน มีเรื่องราวอภินิหารเกี่ยวกับลป.ทวด มากมายที่เกิดแก่ผู้นำพระเครื่องลป.ทวดไปสักการ หรือ ห้อยบูชา
    "นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา"
    ...ขอ อาราธนา บารมีแห่งองค์พระโพธิสัตว์ลป.ทวด โปรดอภิบาล รักษา คุ้มครอง ช่วยเหลือ ดลใจให้ทุกท่านที่ประพฤติอยู่ในศีลธรรม มีความเคารพในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จงมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ตลอดกาลนานเทอญ.....
    การขอ บารมีอันศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวด : ด้วยการจุดธูป 16 ดอก บูชาวัตถุมงคลของท่านรุ่นใดก็ได้ หรือ ระลึกถึงท่าน ตั้งจิตให้เป็นสมาธิแน่วแน่และศรัทธา ท่อง " นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา " 16 จบ เท่านี้ท่านก็รับรู้แล้วค๊าบบบ

    แบ่งให้บูชา 2,250 บาท
    รับประกันแท้ตามมาตรฐานสากล
    จองได้ ปิดได้ ขอไม่เกิน 2 วัน โอนเร็ว ส่งเร็วด่วนจี๋
    ทุกรายการที่ท่าน เช่าบูชาพระเครื่องหรือ เครื่องรางของเรา เงินของท่าน ส่วนหนึ่ง ท่านได้ร่วม ทำบุญกับเรา จึงขออนุโมทนากับท่านด้วย ขอบุญนี้จงสำเร็จแก่ เทวดาประจำตัวเจ้ากรรมนายเวร เชื้อโรคไวรัส และญาติของท่าน ด้วยกันทุกผู้ทุกคนเทอญ เม สัมมุขา สัพพาหะระติ เต สัมมุขา ผู้ใดมีจิตคิดร้าย จงสะท้อนกลับร้อยเท่า พันเท่า ศึกษา สะสม แบ่งปัน พระแท้กัน ฉันท์พี่น้อง สงสัยสนใจ โทร ปรึกษา (AIS) 081-253-4483 อินทร์ inonnim@gmail.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. INAUTTHAYA

    INAUTTHAYA สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +21
    รายการที่7เหรียญนั่งพาน หลวงพ่อเมี้ยน อยุธยา เนื้อทองเหลือง 2537

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]





    เหรียญนั่งพาน หลวงพ่อเมี้ยน พุทธสิริ วัดโพธิ์กบเจา จ.อยุธยา เนื้อทองเหลือง 2537

    มึงมีของกูติดตัวไว้ไม่ตายโหง แคล้วคลาด ร้ายกลายเป็นดี หนักเป็นเบา เบาเป็นหาย จากตายแต่ก็ไม่ตาย ดีก็จะดียิ่งๆขึ้น

    พระ ครู พุทธสิ ริวัฒน์ (หลวงพ่อเมี้ยน พุทฺธสิริ) เจ้าตำรับ 5 ม. (น้ำมัน น้ำมนต์ มีดหมอ ไม้ครู ชานหมาก) อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ ตำบลกบเจา อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีนามเดิมว่า เมี้ยน เกิดโภคทรัพย์ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี เดือนยี่ ปีมะเส็ง ตรงกับ พศ. 2460 ที่บ้านหาดทราย หมู่ 9 ตำบลกบเจาอำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรของนายแก้วนางทองม้วน เกิดโภคทรัพย์ มีพี่น้องร่วมท้องจำนวน 8 คน
    เนื่อง จากตระกูลของหลวงพ่อเมี้ยนมีอาชีพทำนา ในวัยต้นของชีวิตหลวงพ่อจึงช่วยพ่อแม่ทำนา ต่อมามีโอกาสได้บรรพชาเป็นสามเณร โดยได้รับการศึกษาภาษาบาลีที่วัดดาวดึงษาราม ฝั่งธนบุรี สอบได้ชั้นมูล 2 และสอบได้นักธรรมชั้นตรี ต่อมาท่านได้สึกมาเพื่อช่วยทางบ้านทำนาอยู่พักหนึ่งจนกระทั่งอายุครบบวชจึง ได้ทำการอุปสมบทที่ วัดโพธิ์ ตำบลกบเจา อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในปี พศ. 2481 โดยมีพระครูปุ้ย วัดธรรมโชติการาม (วัดขวิด) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการหลิ่ว วัดพิกุลโสคันธ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์, พระครู หลิ่ม วัดโพธิ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า “พุทฺธสิริ”

    การ ศึกษาพุทธาคม

    เมื่อ บวชเป็นพระแล้ว หลวงพ่อก็ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยและปฏิบัติในทางพระกรรมฐานจนมีจิตใจมั่นคง ต่อพระพุทธศาสนา หลังจากบวชได้ 7 พรรษา หลวงพ่อก็ได้รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์แทนเจ้าอาวาส องค์ก่อนที่มรณภาพลง ในด้านการศึกษา หลวงพ่อสนใจในการศึกษาทุกอย่าง ตลอดจนเวทย์มนต์คาถาและวิชาแพทย์แผนโบราณ ครูบาอาจารย์ที่หลวงพ่อฝากตัวเป็นศิษย์ก็ล้วนแต่เป็นพระเถระที่ทรง เกียรติคุณเป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชน เช่น หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก, หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ, หลวงพ่อเลียบ วัดเลา, หลวงพ่ออิน วัดเกาะหงษ์ เป็นต้น

    วาระสุดท้ายแห่งชีวิต

    หลวงพ่อเมี้ยน ดำรงอยู่ในสมณเพศและบำเพ็ญกรณียกิจอันเป็นคุณประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาและพระ พุทธศาสนิกชนเป็นเวลายาวนาน ถึง 60 พรรษา จนถึงวันที่ 19 ตุลาคม 2541 จึงได้มรณภาพลงด้วยโรคมะเร็งที่แก้มด้านขวา หลังจากอาพาธมาประมาณ 1 ปี สิริรวมอายุได้ 80 ปี 8 เดือน

    วัตถุมงคลของหลวง พ่อเมี้ยนนั้นสร้างขึ้นมาหลายรุ่นหลายคราวด้วยกัน คราวละมากบ้าง น้อยบ้าง ที่ทางวัดสร้างเองก็มี คณะศิษย์วัดสุทัศน์ฯ สร้างถวายก็มี วัดอื่นสร้างแล้วนำมาให้ปลุกเสกก็มี ฉะนั้นจึงมากมายหลายรุ่น แต่ทุกรุ่นที่ได้รับการปลุกเสกจากหลวงพ่อก็ล้วนแล้วแต่มีพุทธคุณ ประสบการณ์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมหาอุด ปืนยิงไม่ออก, ยิงไม่เข้า, หนามปลาปักเป้าทิ่มแต่ไม่เข้า, รวมถึงใช้ไล่ผีได้อีกด้วย

    หลวง พ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจาท่านเก่งมากครับ ท่านเป็นพระที่คงแก่เรียนมากครับ เพราะเป็นศิษย์ของ หลวงพ่อปาน หลวงพ่อจง หลวงพ่อห่วง วัดบางยี่โถ (ศิษย์หลวงพ่อปั้น วัดพิกุล) หลวงพ่อเลียบ วัดเลา หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ หลวงพ่ออินทร์ วัดเกาะหงส์ นครสวรรค์ และหลวงพ่อ วัดโบสถ์ เสนาฯ มอบตำราของวัดประดู่ทรงธรรมให้กับท่าน

    หลวงปู่เมี้ยน พุทธสิริ หรือท่านพระครูพุทธสิริวัฒน์ อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ (กบเจา) ตำบลกบเจา อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่านเป็นพระที่สมควรเคารพกราบไหว้องค์หนึ่ง…หลวง ปู่บวชเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี ลาสึกเมื่ออายุ ๒๐ ปีเพื่อสมัครเข้ารับราชการทหาร..

    แต่เพราะเป็นคนรูปร่างเล็ก จึงไม่ได้เข้ารับราชการ ท่านจึงได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุและได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ ปฏิบัติกรรมฐานในป่าดงดิบมาโดยตลอด
    จนมีอายุมากขึ้นจึงได้หยุดเดิน ธุดงค์ และด้วยความที่ท่านเป็นพระที่มีความเชี่ยวชาญในด้านคาถาอาคม ส่งผลให้ท่านก้าวขึ้นเป็น “ที่พึ่งทางใจ” ให้กับลูกศิษย์และญาติโยมได้ทุกเรื่อง..

    “ฉันมีความรู้สึกว่า เราเป็นพระใครก็ว่าพระเป็นแต่ผู้รับของจากญาติโยมอย่างเดียว ไม่ได้ให้อะไรตอบแทนเป็นชิ้นเป็นอันที่เป็นรูปธรรมเลย....
    ให้แต่ศีล ให้แต่ธรรม เป็นนามธรรมทั้งนั้น ฉันจึงต้องแสวงหาวิชาเพื่อตอบแทนญาติโยม อย่างเช่นการรักษาโรค การรักษาพวกขาหัก....”

    “พวก ที่เข้าเฝือกปูนมาจากโรงพยาบาล ถ้าให้ฉันรักษา ต้องตัดเฝือกปูนออก..
    เพราะ การเข้าเฝือกปูนจะทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา ที่ร้ายแรงคือแผลเน่าข้างใน ทำให้บางคนกลายเป็นเนื้อร้าย อาจถึงกับต้องตัดขาก็มี..
    ฉัน ต้องตัดเฝือก ปูนออกแล้ว ใช้เฝือกไม้ไผ่ยึดกระดูกแทน มันก็แน่นดีไม่แพ้เฝือกปูนแต่รักษาง่ายกว่า เอาน้ำมันหยอดชโลมได้ แผลก็แห้งเร็ว ไม่อบ ไม่ร้อน จะคันตรงไหน ก็เกาพอให้บรรเทาได้...”

    ครั้ง หนึ่งมีงานพุทธาภิเษกที่วัดบางนมโค ประมาณปี 2536-37 มีพระเกจิอาจารย์ทั่วประเทศมาร่วมพิธีมากมาย วันนั้นมีหลวงพ่อจากประจวบคีรีขันธ์ ผู้เด่นดังทางด้านปลัดขิกที่สุดในช่วงนั้นก็ร่วมพิธีด้วย และมาถึงตอนใกล้จะถึงเวลาฤกษ์เสกพอดี ท่านพูดออกมาว่า " วันนี้ขอลองวิชากับพระอยุธยาหน่อย" ปรากฎว่าหลวงพ่อองค์นั้นท่านใช้กสินไฟในช่วงที่นั่งปลุกในโบสถ์ ทำให้บริเวณพิธีอากาศร้อนมากๆ ทำให้เวลาผ่านไปพระเกจิอาจารย์ที่เข้ามาร่วมพิธีเหงื่อแตกเกือบทุกองค์ บางองค์เริ่มทนอากาศร้อนไม่ไหวก็เริ่มทยอยออกจากโบสถ์ จนกระทั่งเวลผ่านไปประมาณชั่วโมงเหลือพระเกจิอยุธยาไม่กี่องค์ กับหลวงพ่อจากประจวบคีรีขันธ์ และเมื่อเวลาผ่านไปอากาศก็ยิ่งร้อนขึ้น ทำให้บางองค์ต้องลุกออกจากโบสถ์เหลือหลวงพ่อเมี้ยน กับหลวงพ่อจากประจวบคีรีขันธ์ เพียง 2 องค์จนกระทั่งปลุกเสกเสร็จ หลวงพ่อจากประจวบคีรีขันธ์ ยกมือไหว้หลวงพ่อเมี้ยนและกล่าวว่าผมยอมหลวงพ่อแล้วครับ

    มี ศิษย์ของท่านที่ไปด้วยเห็นความผิดปกติ เลยถามหลวงพ่อว่าทำไมหลวงพ่อถึงไม่มีเหงื่อออกเลย หลวงพ่อเมี้ยนท่านตอบว่า ไม่รู้จักเมี้ยนซะแล้ว เมี้ยนลูกศิษย์หลวงพ่อจงนะ (เข้าใจว่าหลวงพ่อจงท่านเก่งอาโปกสินมาก ขนาดพ่อท่านคล้ายยังยอมรับท่านเลยครับ)

    ประสบการณ์
    ตั้งแต่เด็ก ก็รับใช้บ้าง บางครั้งคราวแต่หลวงพ่อชอบเรียกให้ไปหา ให้ของกินบ้าง ให้ของดีบ้าง และตอนโตก็ขับรถยนต์ให้หลวงพ่อบ่อยๆ ผมมีประสบการณ์ด้วยตนเองเลยครับ เหตุเกิดปี ๕๐ ผมขี่รถจักรยานยนต์จะเข้าตัวเมืองอยุธยา เวลา ตี ๕ มาถึงจุดเกิดเหตุ มีคนร้ายวัยรุ่นประมาณ ๕-๘ คนกำลังจี้ปล้นแม่ค้าที่ไปจ่ายตลาด(มันรู้เพราะว่าแม่มีตังไง) ผมกำลังจะผ่านไปพอดี พอผมเห็น มันใกล้มากแล้วทำอะไรไม่ถูก ผมเลยเลี้ยวรถกลับ มันยิงทันทีโดนกลางหลังเต็มๆ ๓-๔นัด ระยะ ๖-๗เมตรเอง ตรงกลางหลังพอดี ความรู้สึกตอนนั้นรู้ว่าถูกยิง และยังมีซุ้มอยู่ข้างทางอีก ๒ ข้างทาง เผอิญมันยังเช้ามืดมองอะไรก็ไม่เห็น ไอ้โจรทางฝั่งซ้ายมันยิงผ่านหน้าหมวกกันน๊อก ๒ นัดมันมีเสียง ฟิ้ว ฟิ้ว รู้เลยลูกปืน แต่ไอ้โจรฝั่งขวามันยิงผมอีก ๓ นัด เข้า ๒ นัด ลำไส้แตก สรุปผมโดนปืน ๓ กระบอกประมาณ ๑๐ นัด(ตำรวจ สารวัตรยังบอกตายแน่ แม้แต่หมอยังบอกว่า "ไม่น่ารอด" แม้แต่แม่ผม ญาติพี่น้อง ชาวบ้านที่มาเยี่ยมกันเยาะมากบอกว่าทำใจไม่น่ารอด) ตัวผมเองผมคิดไปเหมือนกัน มันปวดทรมานมาก เพราะต้องผ่าตัดต่อลำไส้ พอหายดีผมก็มานึกเรียบเรียง มีพระรูปหนึ่งชื่อหลวงพ่อ ล้วน ท่านอยู่ วัดพิกุลโสกัณ บางบาล (ติดกับวัดพระขาว)ท่านทักผมไว้ก่อนถูกยิงว่า ดวงเองไม่ดีเลย ถึงตาย ดวงเองมันตกศูนย์ เดินทางต้องระวังให้จงหนัก และที่เองเดินมาหาหลวงพ่อ(ล้วน) "เองไม่มีหัว" ผมก็ตกใจเหมือนกัน และหลังจากเกิดเหตุแล้วพบหัวลูกปืนคาเสื้อตัวที่ถูกยิงโดนกลางหลัง หัวลูกปืนบี้ และผมก็นึกถึงหลวงพ่อเมี้ยนที่ท่านเคยพูดไว้ว่า มึงมีของกูติดตัวไว้ไม่ตายโหง แคล้วคลาด ร้ายกลายเป็นดี หนักเป็นเบา เบาเป็นหาย จากตายแต่ก็ไม่ตาย ดีก็จะดียิ่งๆขึ้น นี่เป็นคำที่ผมจำไว้เสมอ การรอดตายครั้งนี้ผมมีจุดหนึ่งที่สงสัยว่า ตรงกลางหลังเต็มๆทำไมไม่เข้าเลย แถมลูกคาเสื้ออีกตางหาก



    แบ่งให้บูชา 550 บาท
    รับประกันแท้ตามมาตรฐานสากล
    จองได้ ปิดได้ ขอไม่เกิน 2 วัน โอนเร็ว ส่งเร็วด่วนจี๋
    ทุกรายการที่ท่าน เช่าบูชาพระเครื่องหรือ เครื่องรางของเรา เงินของท่าน ส่วนหนึ่ง ท่านได้ร่วม ทำบุญกับเรา จึงขออนุโมทนากับท่านด้วย ขอบุญนี้จงสำเร็จแก่ เทวดาประจำตัวเจ้ากรรมนายเวร เชื้อโรคไวรัส และญาติของท่าน ด้วยกันทุกผู้ทุกคนเทอญ เม สัมมุขา สัพพาหะระติ เต สัมมุขา ผู้ใดมีจิตคิดร้าย จงสะท้อนกลับร้อยเท่า พันเท่า ศึกษา สะสม แบ่งปัน พระแท้กัน ฉันท์พี่น้อง สงสัยสนใจ โทร ปรึกษา (AIS) 081-253-4483 อินทร์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. INAUTTHAYA

    INAUTTHAYA สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +21
    รายการที่8ขุนแผนหลวงพ่อมี วัดมารวิชัย จ.อยุธยา รุ่นแรก ปั๊มตราวัด

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]

    สุดยอดขุนแผนหลวงพ่อมี วัดมารวิชัย จ.อยุธยา รุ่นแรก พิเศษมีปั๊มตราวัด หายากสุดสุด

    ท่านพระ ครูเกษมคณาภิบาล หรือหลวงพ่อมี เขมธัมโม มีชื่อเดิมเต็ม ๆ ว่า ?บุญมี? ถือกำเนิดในตระกูล ?ธนสนธิ์? ชื่อของท่านโยมบิดามารดาสมมตินามขึ้นเพื่อเรียกขาน อันมีความหมายถึง ?การมีกุศลแห่งความสุข ที่ร่ำรวยมีอันจะกินมิได้ขาด? มาปัจจุบัน ลูกศิษย์ลูกหาต่างเรียกนามองค์ท่านแบบสั้น ๆ ว่า ?หลวงพ่อมี? จนติดปากกันมาจวบปัจจุบัน ถือเป็นมงคลนามอย่างใหญ่หลวง เมื่อองค์ท่านเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ บำเพ็ญบารมีธรรมตามรอยพระบาทองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนนามกระเดื่องประกาศกิตติคุณให้สานุศิษย์และชนชาวไทยทั่วแคว้นได้ประจักษ์ โดยถ้วนทั่วกัน

    โยมบิดานาม นายโหมด

    โยมมารดานาม นางพุฒ

    หลวง พ่อมีถือกำเนิดเมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2454 ตรงกับวันจันทร์แรม 2 ค่ำ เดือน 4 ปีกุน ณ หมู่บ้านขนมจีน ข้างวัดมารวิชัยตอนใต้ หลวงพ่อมีเป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้องท้องเดียวกัน 5 คนดังนี้

    1. หมอแบน

    2. นายจุ่น

    3. นางสำลี

    4. หลวงพ่อมี เขมธัมโม

    5. นายสำแล

    เมื่อปฐมวัย

    ใน วัยเด็ก หลวงพ่อมีเป็นเด็กที่อ่อนแอและขี้โรคมาก ท่านมีโรคประจำตัวเจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆ อยู่เสมอ เรียกว่า สามวันดีสี่วันไข้ไม่ว่าอากาศจะร้อนนิดหนาวหน่อยก็ป่วย ถ้าอากาศร้อนขึ้นก็จะเกิดอาการชักขนาดถูกแมวหรือสุนัขชนถูกตัวเท่านั้นก็ชัก แล้ว

    ดังนั้น หลวงพ่อมีจึงเป็นเด็กที่มีรูปร่างผอมโซ แบบเด็กพุงโรก้นปอด เหมือนเป็นตาลขโมยไม่มีผิด ลักษณะเซื่อง ๆ ซึม ๆ ขี้อาย ไม่ช่างพูดและไม่เล่นหัวเหมือนกับเด็กชาวบ้านโดยทั่วไป คล้าย ๆ กับเป็นเสมือนปัญญาอ่อน เหล่านี้คือบุคลิกของหลวงพ่อมีในวัยเด็ก ซึ่งปราศจากวี่แววแห่งความรุ่งโรจน์ของชีวิตในอนาคต ไม่ว่าจะมองไปในแง่ใด ตามสายตาที่แสดงความเป็นห่วงของญาติผู้ใหญ่และชาวบ้านข้างเคียงทั้งปวง

    คุณสมบัติพิเศษ

    ธรรมชาติ สร้างสรรค์มนุษย์ให้เกิดมา ถ้าจะว่ากันแล้วก็ต้องเป็นไปตามกฎแห่งกรรม มีดีก็มีชั่ว มีขาดต้องมีเกิน เหมือนดังตัวอย่างในวัยเด็กของหลวงพ่อมี ที่ไม่มีผู้ใดสามารถคาดการณ์อนาคตของท่านว่าจะเป็นพระอาจารย์เรืองวิชาที่มี ชื่อเสียงโด่งดังได้กล่าวคือ

    หลวงพ่อมี มีคุณสมบัติพิเศษที่ผิดแปลกไปจากเด็กชาวบ้านธรรมดา ๆ ตรงที่ท่านเป็นเด็กที่มีใจบุญสุนทาน ชอบติดตามบิดามารดาเข้าวัด ถ้าถูกห้ามปรามไม่ให้ตามไปด้วยจะต้องร้องไห้คร่ำครวญจนถึงกับชักตาตั้ง ซึ่งก็เป็นเรื่องอัศจรรย์อยู่ไม่น้อยที่เด็กเซื่องซึมคล้ายปัญญาอ่อนจะมี ความกระตือรือร้นในการไปวัด อันเป็นการส่อแววการเป็นเกจิอาจารย์ของหลวงพ่อมีมาแล้วตั้งแต่ยังเล็ก ๆ

    ดัง นั้น เมื่อพี่ชายคนโต คือ หมอแบนมาอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดมารวิชัย หลวงพ่อมี ขณะนั้นมีอายุเพียง 12 ปี จึงขอบิดามารดาติดตามพระพี่ชายมาอยู่ด้วยทันที (ภายหลัง พระพี่ชายลาสิกขาแล้ว ได้เป็นแพทย์ประจำตำบล ชาวบ้านเรียกท่านว่า ?หมอแบน?) ในตอนแรกบรรดาญาติผู้ใหญ่ไม่มีผู้ใดยอมให้หลวงพ่อมีที่มีลักษณะปัญญาอ่อนไป อยู่ด้วย เพราะเกรงจะเป็นภาระให้กับพระพี่ชายที่เพิ่งอุปสมบทใหม่ ๆ

    หลวงพ่อมีจึงร้องไห้และเกิดชักขึ้น จนทุกคนต้องตามใจให้ไปอยู่กับพระแบนที่วัดมารวิชัย ตั้งแต่อายุเพียง 12 ปี บัดนั้นเป็นต้นมา

    สติปัญญากลับปราดเปรื่อง

    เป็น เรื่องที่น่าอัศจรรย์มากจริง ๆ ตั้งแต่หลวงพ่อมีมาอยู่วัดมารวิชัยแล้ว ลักษณะอาการที่โง่งมประดุจเด็กปัญญาอ่อนและขี้โรค กลับกลายเป็นตรงกันข้าม อาการขี้โรคต่าง ๆ หายดังปลิดทิ้งไม่เคยมีอาการชักอีกเลย สติปัญญาที่ใคร ๆ มองกันว่าทึบ ก็กลับปราดเปรื่องสามารถศึกษาอักขระสมัย ทั้งภาษาไทยและภาษาขอมกับหลวงพี่แบนและได้รับการแนะนำสั่งสอนจากครูเยื้อน ซึ่งเป็นบุตรของอา จึงมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน จนหลวงพ่อมีสามารถอ่านออกเขียนได้อย่างรวดเร็ว นั่นเป็นที่แปลกใจของญาติสนิททั้งปวง และเริ่มมองเห็นแววแห่งอัจฉริยะฉายขึ้นในตัวเด็กชายบุญมีคนนี้

    วัยหนุ่มอันบริสุทธิ์

    ชีวิต ในวัยเด็กจนถึงรุ่นหนุ่มก่อนอุปสมบทของหลวงพ่อมี ก็เป็นไปเหมือนกับชาวบ้านธรรมดา เพราะครอบครัวยากจนและมีอาชีพเป็นชาวนา ต้องคอยช่วยพ่อแม่ทำไร่ไถนาตามประสาไปวัน ๆ โดยไม่มีการผาดโผนอันน่าตื่นเต้นใด ๆ

    เนื่องจากท่านเป็นคนใจบุญชอบทำ ทานเข้าวัดวาฟังเทศน์ฟังธรรมแล้ว เหล้ายาปาปิ้ง การพนันขันต่อ หรือการเที่ยวเตร่ต่าง ๆ เยี่ยงหนุ่มลูกทุ่งทั้งหลายนั้นท่านไม่เคยผ่านมาก่อนเลยทั้งสิ้น จากการที่หลวงพ่อมี มีความขยันขันแข็งในการทำงาน จึงมีหญิงมาชอบพอกับท่านคนหนึ่ง แต่ติดที่ท่านเป็นคนขี้อาย ไม่ช่างพูดประกอบกับหญิงนั้นเป็นคนที่งามจึงไม่เคยชวนกันไปเที่ยวไหน 2 ต่อ 2 เหมือนหนุ่มสาวคู่อื่น ๆ เลย

    ภายหลังเมื่อท่านมาอุปสมบทเป็นพระ ภิกษุแล้ว ผัดผ่อนการหมั้นหมายเรื่อยมา สตรีนั้นเห็นว่า ท่านไม่ถึงแน่แล้วก็เลยไม่ได้ติดต่อกันอีก ปัจจุบันก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่ยังครองตัวเป็นโสดมาถึงบัดนี้ นับว่า สตรีท่านนี้เป็นหญิงที่มีความมั่นคงในความรักอันน่ายกย่องสรรเสริญยิ่งที เดียว

    เริ่มเล่นแร่

    ในวัยเด็กนี่เองที่องค์ท่านหลวงพ่อมี เขมธัมโม ได้ไปเยี่ยมหลวงน้าที่วัดบ้านพร้าวนอก ปทุมธานี โดยติดตามโยมคุณแม่ไป

    หลวงน้าคือ ?หลวงพ่อเขียน โชติสโร? ในเวลานั้นกำลังเล่นแร่แปรธาตุ (เหมือนกับหลวงปู่จัน วัดโมลี จังหวัดนนทบุรี) ถือเป็น

    โอกาส ของเด็กชายบุญมี ที่ได้สัมผัสกับสายวิชาเร้นลับนี้ เป็นการหล่อหลอมธาตุต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด โดยมีหน้าที่เติมฟืนช่วยสูบลมให้ไฟร้อนจัดตลอดเวลา

    ถือ ว่าเป็นการเริ่มการศึกษาด้วยตนเองในสายวิชา ?เล่นแร่แปรธาตุ? มาตั้งแต่บัดนั้น หลวงพ่อมีเคยเล่าว่า ?เหนื่อยมากเพราะกว่าจะหลอมธาตุแปรธาตุได้ หลวงพ่อเขียนท่านต้องเหงื่อไหลไคลย้อย ร่างกายสกปรกไปหมด ถูกรมด้วยควันไฟและเถ้าถ่านอยู่เป็นเวลานานกว่าจะเสร็จ?

    ?ส่วนวิชาทำ ตะกั่วให้เป็นเงิน ทำเงินให้เป็นทองคำนั้น หลวงพ่อเขียนท่านหวงมาก ไม่ยอมถ่ายทอดให้ใครง่าย ๆ ในสมัยนั้น เป็นที่เล่าลือกันแพร่หลาย? หลวงพ่อมีท่านเคยถามถึงการที่อยากจะศึกษาสายวิชานี้ แต่หลวงน้าหลวงพ่อเขียน กล่าวว่า ?จะสอนให้เมื่อบวชเป็นพระ? ตั้งแต่วันนั้นเด็กชายมีก็เฝ้ารอเพื่อถึงอายุเวลาอุปสมบท

    บรรพชาอุปสมบท

    หลวง พ่อมี เขมธัมโม มีใจฝักใฝ่ใคร่จะบรรพชาเป็นสามเณรมานานแล้ว แต่ติดขัดที่มีภาระช่วยโยมบิดา มารดา ทำไร่ไถนา จึงต้องคอยให้มีอายุครบบวชเสียก่อนจึงจะได้อุปสมบท เป็นพระภิกษุตามประเพณีนิยม ซึ่งบรรดาชายทั้งหลายกระทำกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล

    ดังนั้นเมื่อ หลวงพ่อมีอายุ 21 ปี อายุครบเกณฑ์ทหารต้องถูกคัดเลือกเข้าประจำการเป็นทหารเพื่อรับใช้ชาติ ท่านจึงตั้งใจไว้ว่า ถ้าไม่ถูกทหารจะบวชทดแทนคุณพ่อแม่ทันที แล้วหลวงพ่อมีก็สมความปรารถนาที่ตั้งใจไว้ เมื่อท่านจับได้สลากใบดำไม่ต้องเข้ารับราชการทหาร จึงได้ทำการอุปสมบทเป็นพระภิกษุสมดังใจ ณ พัทธสีมา วัดมารวิชัย ในวันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 8 ตรงกับ วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2475 โดยมีพระครูอดุลวุฒิกร หลวงพ่อพิน จันทโชโต วัดช่างเหล็ก อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์

    หลวงพ่อเขียน โชติสโร วัดบ้านพร้าวนอก อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลวงน้า คือเป็นน้องโยม มารดาของหลวงพ่อมี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อเกลี้ยง อินทโชติ วัดมารวิชัย ซึ่งภายหลังไปเป็นเจ้าอาวาส วัดสามตุ่ม ในเขตอำเภอเสนา เป็นพระกรรมวาจาจารย์แทน หลวงพ่อคล้าย เจ้าอาวาสวัดมารวิชัยขณะนั้น ซึ่งเกิดอาพาธพอดี

    หลวงพ่อมี ได้รับฉายาเป็นภาษาบาลี จากหลวงพ่อพินผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ว่า ?เขมธัมโม? แปลว่า ?ผู้มีธัมมะอันเกษม?

    การ ศึกษาเล่าเรียนเบื้องต้นขององค์ท่านหลวงพ่อมี ท่านได้เรียนรู้จาก หลวงพี่แบน ซึ่งเป็นพระพี่ชาย ต่อมาได้เข้าศึกษาทั้งภาษาไทยและ ภาษาขอมกับครูเยื้อน บุตรของอา จนพอจะมีพื้นฐานอ่านออกเขียนได้ หลังจากนั้นท่านจึงศึกษาด้วยตนเอง และเมื่อเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ จึงไปศึกษาพระธรรมวินัยกับหลวงปู่คล้าย พลายแก้ว ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดมารวิชัย ในขณะนั้นถือเป็นรากฐานอันมั่นคงในการสืบสานพุทธศาสนาต่อไป ?ในช่วงที่อาตมาบวชอยู่ที่วัดมารวิชัยนั้น เป็นจังหวะที่ได้ศึกษาเล่าเรียนในทางปริยัติธรรมด้วย เพราะขณะนั้นกำลังเจริญอย่างเต็มที่?

    ศึกษาพระธรรมวินัย

    เวลา ส่วนใหญ่หลวงพ่อมีท่านจะศึกษาพระปริยัติธรรมด้วยตนเอง ไม่ได้ไปศึกษาเล่าเรียนจากสำนักใด ๆ แต่ท่านสอบได้นักธรรมตรี นักธรรมโท นักธรรมเอก ไล่มาเป็นลำดับ แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญา ผสานความมีมานะพากเพียรที่มีอยู่ในองค์ท่าน

    ในภายหลังเมื่อท่านอายุ มากขึ้นแล้ว ได้เข้าศึกษาหาความรู้ในโรงเรียนพระสังฆาธิการส่วนภูมิภาค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนสำเร็จการศึกษารุ่นที่ 1 ปี พ.ศ. 2513 หลวงพ่อมี นำความรู้ทางด้านพระปริยัติธรรมที่ท่านร่ำเรียนมาสอนพระภิกษุสามเณรภายในวัด มารวิชัยตั้งแต่ท่านยังไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส และเมื่อเป็นเจ้าอาวาสแล้วก็ทำการสอนนักธรรมด้วยตัวของท่านเอง ในระหว่างเข้าพรรษาตลอด 3 เดือน จนพระภิกษุสามเณรทั้งหลายมีความรู้ความสามารถสอบเปรียญธรรมขั้นสูงได้ปีละ หลายสิบรูป จวบจนปัจจุบันนี้ หลวงพ่อมียังคงทำการสอนนักธรรมด้วยตนเองทุกปี โดยไม่ได้นิมนต์พระภิกษุจากสำนักอื่น ๆ มาทำการสอนเลย

    แบ่งให้บูชา 850 บาท
    รับประกันแท้ตามมาตรฐานสากล
    จองได้ ปิดได้ ขอไม่เกิน 2 วัน โอนเร็ว ส่งเร็วด่วนจี๋
    ทุกรายการที่ท่าน เช่าบูชาพระเครื่องหรือ เครื่องรางของเรา เงินของท่าน ส่วนหนึ่ง ท่านได้ร่วม ทำบุญกับเรา จึงขออนุโมทนากับท่านด้วย ขอบุญนี้จงสำเร็จแก่ เทวดาประจำตัวเจ้ากรรมนายเวร เชื้อโรคไวรัส และญาติของท่าน ด้วยกันทุกผู้ทุกคนเทอญ เม สัมมุขา สัพพาหะระติ เต สัมมุขา ผู้ใดมีจิตคิดร้าย จงสะท้อนกลับร้อยเท่า พันเท่า ศึกษา สะสม แบ่งปัน พระแท้กัน ฉันท์พี่น้อง สงสัยสนใจ โทร ปรึกษา (AIS) 081-253-4483 อินทร์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. INAUTTHAYA

    INAUTTHAYA สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +21
    พระโบราณคณิสสร(หลวงปู่ใหญ่) หลวงปู่ดู่ปลุกเสก 2524

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]

    เหรียญรุ่นสร้างกุฎิวัดโคกมะยม พระโบราณคณิสสร (หลวงปู่ใหญ่) วัดสะแก อยุธยา ปี2524 เนื้อทองแดง หลวงปู่ดู่ปลุกเสก


    พระโบราณคณิสสร (ใหญ่) ติณณสุวัณโณ (คชพิมพ์) นามบิดา กำนันแพ นามมารดา นางเชย คชพิมพ์ เกิดเมื่อวันพุธ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๔ ปีฉลู ตรงกับวันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๓๒ ณ บ้านข้าวเม่า เลขที่ ๒๙ หมู่ที่ ๖ ตำบลข้าวเม่า อำเภออุทัย พระนครศรีอยุธยา
    บรรพชา/อุปสมบท
    เมื่ออายุ ๑๕ ปี บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดขุนทิพย์ อำเภออุทัย พระนครศรีอยุธยา และเมื่ออายุครบ ๒๑ ปี ได้อุปสมบท ณ วัดขุนทิพย์ อำเภออุทัย พระนครศรีอยุธยา ตรงกับวันที่ ๒๗ เมษายน เวลา ๐๗.๕๐ น. หลวงพ่อกลั่นเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์แด่ วัดสะแก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์พัน วัดขุนทิพย์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    การศึกษา
    เมื่ออายุ ๑๐ ปี โยมบิดานำไปฝากให้เรียนหนังสือไทยและขอม สำนักท่านอาจารย์หมอก วัดสะแก เรียนมูลกัจจายนะในสำนักอาจารย์เย็น วัดขุนทิพย์ อาจารย์จัน วัดทอง คลองบางจาก อาจารย์คง วัดพลับ (ราชสิทธาราม) เรียนธรรมบทกับอาจารย์พระมหาปี วัดพระเชตุพน มูลกัจจายนะ กับพระอาจารย์จุ้ย วัดอนงคาราม พอแปลหนังสือบาลีได้แล้ว กลับมาสอนหนังสืออยู่วัดขุนทิพย์ ประมาณ ๑ ปีเศษ แล้วย้ายมาอยู่วัดสะแก เพื่อสอนหนังสือเด็กและสามเณรของพระอาจารย์แด่ วัดสะแก ตรงกับวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๔๕๕
    ความรู้พิเศษ
    ท่านสนใจในวิชาช่างไม้ วิชาแพทย์แผนโบราณ ท่านค้นคว้าสรรพคุณสมุนไพรจนสามารถประกอบยาแก้ลมอัมพาตและยาลมเบื้องสูงได้
    สมณศักดิ์
    พ.ศ. ๒๔๘๑ เป็นพระครูฐานานุกรมของพระญาณไตรโลก (ฉาย) วัดพนัญเชิง ที่ พระครูสังฆรักษ์
    พ.ศ. ๒๔๘๙ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะอำเภอชั้นตรี ที่พระครูอุทัยคณารักษ์
    พ.ศ. ๒๔๙๒ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นเจ้าคณะอำเภอ ชั้นโท
    พ.ศ. ๒๔๙๘ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นเจ้าคณะอำเภอ ชั้นเอก
    พ.ศ. ๒๕๐๘ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นเจ้าคณะอำเภอ ชั้นพิเศษ
    พ.ศ. ๒๕๑๖ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ ที่ พระโบราณคณิสสร
    ตลอดเวลาที่ผ่านมาในชีวิตของท่าน ไม่ปรากฎว่าท่านอาพาธจนถึงล้มหมอนนอนเสื่อ หรือต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลในที่แห่งใด มีบ้างแต่เพียงอาการไม่สบายเพียงเล็กน้อย อาจเป็นเพราะท่านมีความรู้เรื่องสมุนไพร หรือเพราะกุศลเก่าของท่านก็ได้ พออายุท่านได้ ๙๐ ปีผ่านไป เริ่มมีอาการฉันน้อยลงๆ โดยลำดับ อาการอ่อนเพลียปรากฎให้เห็นได้ชัด สติสัมปชัญญะดีตลอดเวลา สัญญาความจำดี เรื่องเก่าแม้นานก็จำได้ไม่คลาดเคลื่อน คำว่า ‘หลง’ ตามที่ชาวบ้านรู้กัน ไม่มีในชีวิตของท่าน แต่ลืมมีบ้างเป็นครั้งคราว การสนทนาปราศรัยกับศิษยานุศิษย์และญาติมิตรที่มากราบคารวะน้อยลง จนกระทั่งถามคำพูดคำ แต่อาการยิ้มแย้มแจ่มใสยังมีอยู่เสมอ เมื่อศิษย์หรือญาติมิตรลากลับ ท่านจะให้ศีลให้พรทุกคน
    พออายุย่าง ๙๓ ปี ไม่ไปในที่อื่น อยู่แต่ภายในวัด ต่อมา อยู่แต่บนกุฏิและบริเวณนอกชาน ต่อมา อยู่แต่ภายในกุฏิและไปทำกิจในห้องน้ำเท่านั้น อาหารหรือยาบำรุงตามสมัยนิยมไม่ปรารถนา ฉันแต่ข้าวต้ม ข้าวสวย ผลไม้เท่านั้น หยุดฉัน ๒ วัน ศิษย์ที่อยู่ใกล้ชิดขอร้องให้ฉัน ท่านตอบว่า ‘ฉันมามากแล้ว’ คงนั่ง-นอนบริกรรมอยู่เท่านั้น
    ครั้นถึงวันเสาร์ที่ ๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕ ตรงกับวันขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๕ เวลา ๑๕.๑๕ น. ท่านมรณภาพอย่างสงบ สิริอายุได้ ๙๓ ปี ๑๔


    แบ่งให้บูชา 1,550 บาท
    รับประกันแท้ตามมาตรฐานสากล
    จองได้ ปิดได้ ขอไม่เกิน 2 วัน โอนเร็ว ส่งเร็วด่วนจี๋
    ทุกรายการที่ท่าน เช่าบูชาพระเครื่องหรือ เครื่องรางของเรา เงินของท่าน ส่วนหนึ่ง ท่านได้ร่วม ทำบุญกับเรา จึงขออนุโมทนากับท่านด้วย ขอบุญนี้จงสำเร็จแก่ เทวดาประจำตัวเจ้ากรรมนายเวร เชื้อโรคไวรัส และญาติของท่าน ด้วยกันทุกผู้ทุกคนเทอญ เม สัมมุขา สัพพาหะระติ เต สัมมุขา ผู้ใดมีจิตคิดร้าย จงสะท้อนกลับร้อยเท่า พันเท่า ศึกษา สะสม แบ่งปัน พระแท้กัน ฉันท์พี่น้อง สงสัยสนใจ โทร ปรึกษา (AIS) 081-253-4483 อินทร์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. INAUTTHAYA

    INAUTTHAYA สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +21
    รายการที่10วัวธนู หลวงพ่อพุฒ วัดกลางบางพระ


    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    สุดยอดวัวธนู หลวงพ่อพุฒ วัดกลางบางพระ สายวิชาหลวงพ่อน้อยวัดศีรษะทอง

    พระครูสุนทรวุฒิคุณ (หลวงพ่อพุฒ สุนทโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ ตำบลบางพระ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม

    นาม เดิมนั้นท่านมีชื่อว่า พุฒ นามสกุล หาญสมัย เกิดเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2453 ตรงกับวันศุกร์ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 12 ปี จอ ณ บ้านเลขที่ 8 หมู่ที่ 4 ตำบลบางพระ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม บิดาของท่านชื่อ นายขำ หาญสมัย มารดาของท่านชื่อนางปาน หาญสมัย ซึ่งท่านมีพี่น้องด้วยกัน 5 คน คือ 1. นางสาวบุญรอด หาญสมัย (ถึงแก่กรรมแล้ว) 2. พระครูสุนทรวุฒิคุณ (หลวงพ่อพุฒ สุนทโร) 3. นางปุ่น นาคละมัย 4. นายปั่น หาญสมัย 5. นางบุญนาค กลั่นสนิท (ถึงแก่กรรมแล้ว)

    การศึกษาเล่าเรียนนั้น หลวงพ่อพุฒ ท่านได้ความรู้ติดตัวและได้เรียนมาจากวัด ซึ่งต่อมาหลวงพ่อพุฒได้จบการศึกษาสายสามัญ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดบางพระ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ครอบครัวของท่านแต่เดิมมีอาชีพทำนา

    เมื่อท่านอายุได้ 20 ปี เข้ารับการคัดเลือกของราชการทหารให้เข้ารับราชการ หรือที่เราเรียกกันว่า “เกณฑ์ทหาร” ในที่สุดท่านก็ต้องเข้ารับใช้ชาติเป็นทหารรักษาพระองค์อยู่ถึง 2 ปี ได้กลับมาช่วยครอบครัว บิดา มารดา ของท่านทำงานอย่างขยันขันแข็งจนผู้คนในหมู่บ้าน และละแวกใกล้เคียง ชื่นชมยินดีส่งเสริมให้การทำงานอย่างจริงจังของท่าน ชีวิตความเป็นอยู่ก็อยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีงามจนชาวบ้านในท้องถิ่นต่างเสนอ ให้ทางราชการแต่งตั้งท่านเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ตำบลวัดละมุด อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม

    ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2489 ผู้ใหญ่พุฒก็ตัดชีวิตทางโลกเข้าสู่ร่มกาสาวพัตรในรูปพระสงฆ์ ณ พัทธสีมา วัดบางพระ ตำบลบางแก้วฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของท่าน โดยมีเจ้าอธิการหิ่ม อินทโชโต เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทองอยู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เปลี่ยน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ โดยได้รับฉายาว่า สุนทโร

    เมื่อ หลวงพ่อพุฒ หรือพระภิกษุพุฒในสมัยนั้น อุปสมบทใหม่ ๆ ท่านก็มีความมุ่งมั่นในการศึกษาพระธรรมวินัย และเมื่อท่านมีโอกาส ท่านก็ศึกษาตำรับตำราต่าง ๆ ซึ่งค่อนข้างจะแปลกกว่าพระรูปอื่น เพราะท่านไม่ชอบปล่อยเวลาให้ล่วงไปอย่างไร้ค่า ซึ่งตำรับตำราในสมัยนั้นก็หายากไม่มีมากมายเหมือนในสมัยปัจจุบัน หนังสือที่ท่านให้ความสนใจเป็นพิเศษส่วนมากก็จะเป็นหนังสือประเภทธรรมะ และตำรายาแผนโบราณ และในปีแรกนั้น พ.ศ. 2489 ท่านก็สามารถสอบนักธรรมชั้นตรีได้ ต่อมาอีก 2 ปี คือในปี พ.ศ. 2491 ท่านก็สามารถสอบนักธรรมชั้นโทและชั้นเอกได้มาโดยลำดับ

    หลังจากที่ หลวงพ่อพุฒได้อุปสมบทและศึกษาพระธรรมวินัย ตลอดจนวิชาคาถาอาคมต่าง ๆ รวมทั้งได้ออกธุดงค์ได้เพียง 6 พรรษา ในปี พ.ศ. 2495 เจ้าอาวาสองค์ที่ 6 แห่ง วัดกลางบางพระได้มรณภาพลงตามสังขาร ทางคณะสงฆ์ ชาวบ้าน ตลอดจนกรรมการได้นิมนต์หลวงพ่อพุฒ ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสของวัดกลางบางพระเป็นองค์ที่ 7 สืบต่อมา ได้รับนามว่า “พระอธิการพุฒ” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา


    วัสดุที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือ "ครั่งพุทรา"ที่เกาะอยู่บนกิ่งพุทราชี้ไปทางทิศตะวันออกอย่างน้อยจาก 3 ต้นขึ้นไป

    ตาม ตำราของสมเด็จพระพนรัตนได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ต้องเป็นกิ่งที่ชี้ไปทางทิศตะวันออกเท่านั้น จึงจะใช้ได้ ถ้าเป็นกิ่งที่ตายพราย ให้ใช้เพียงกิ่งเดียวก็พอ จะเพิ่มอิทธิฤทธิ์มากยิ่งขึ้น มีอยู่ครั้งหนึ่งที่หลวงพ่อพุฒได้เดินทางไปที่อำเภอเถินและได้เข้าไปในป่า พุทราได้พบครั่งเกาะอยู่บนกิ่งพุทราป่าที่ชี้ไปทางทิศตะวันออกตายพรายอยู่ หลายสิบกิ่ง ท่านจึงให้ลูกศิษย์ขึ้นไปตัดและนำมาสร้างเป็น "วัวธนูครู" ตัวใหญ่ไว้ประจำตัว บูชาอยู่บนหิ้งในห้องส่วนตัวของท่าน ท่านบอกว่าวัวครูตัวนี้ไว้ควบคุมวัวธนูทุกตัว ทุกครั้งที่ท่านจะทำการสร้างและปลุกเสกวัวธนูจะต้องนำ "วัวธนู" ร่วมเป็นประธานในการปลุกเสกด้วยทุกครั้ง

    ตอนนี้กลับมาที่วัตถุประกอบ การสร้าง "วัวธนู" ต่อไป เมื่อหาครั่งพุทราเกาะกิ่งชี้ไปทางทิศตะวันออกได้แล้ว สิ่งที่ต้องจัดหาอีกก็คือ ลวดทองแดง และแผ่นทองแดง นำไปตัดทำโครงซึ่งเป็นโครงชั้นในทำง่ายๆ โดยดัดให้เป็นแกนตัว ขา คอ หาง และขา

    โครงตัวช่วงคอบรรจุตะกรุดในพิธีก่อนนำเอาครั่งห่อหุ้ม ตะกรุดดังกล่าวลงอักขระเหล็กจารและม้วนในพิธีนั้น และต้องเตรียมแป้งเจิม แผ่นทองคำเปลวไว้ปิดตรงหน้าผากด้วย ขั้นตอนต่อไปต้องจัดเตรียมโรงพิธี และเครื่องบัดพลี สำหรับโรงพิธีจัดทำในโบสถ์มีราชวัตรฉัตรธง ส่วนภายนอกด้านหน้าโบสถ์ มีการสร้างเป็นชั้นแคร่สูงเพื่อวางเครื่องบัดพลีด้วย มีการชุมนุมเทวดา เครื่องสังเวยประกอบด้วยหัวหมู บายศรี อาหารคาวหวาน ตลอดจนผลไม้ เช่นมะพร้าวอ่อน กล้วยน้ำว้า ปูลาดด้วยผ้าขาว ปักธง 7 สี ขันลงหินใส่น้ำ

    เมื่อ เตรียมการเสร็จ พอได้ฤกษ์ยามตามกำหนด หลวงพ่อจะจัดแจงบูชาครูเข้าสูปะรัมพิธีสร้างวัว ส่วนผู้ที่จะเข้าร่วมพิธีปั้นวัวต้องเป็นพระทั้งหมด พระที่เข้าร่วมพิธีต้องปลงอาบัติก่อน แล้วท่านก็เอาครั่งทั้งหมดหยิบบริกรรมใส่ลงกระทะ ให้พระทำการเคี่ยวครั่ง ส่วนท่านจะนั่งบริกรรมคาถาตลอดเวลา จนกระทั่งครั่งละลายแล้วจึงนำผงพุทธคุณโรยใส่ผสมกวนให้เข้ากัน จากนั้นหลวงพ่อพุฒก็เรื่มจารอักขระในแผ่นทองแดงม้วนเป็นตะกรุด แล้วบรรจุที่ลวดทองแดงตรงช่วงคอ แล้วให้พระช่วยกันหยิบครั่งมาพวกปั้นเป็นรูปวัว ส่วนหลวงพ่อจะนั่งบริกรรมคาถาอยู่ในประรัมพิธี เมื่อปั้นได้ครบตามฤกษ์ ก็นำวัวมาตั้งเรียงกันโดยมี "วัวครู" วางข้างหน้า แล้วหลวงพ่อก็ทำพิธีปลุกเสกเมื่อเสร็จแล้วท่านจะใช้ทองคำเปลวปิดตรงหน้าผาก พร้อมกับเจิมด้วยแป้ง แล้วประพรมน้ำมนต์เป็นอันเสร็จพิธี

    การสร้าง วัวธนูของหลวงพ่อพุฒแต่ละครั้ง ท่านบอกทำยากมาก กว่าจะหาครั่งพุทราได้ บางครั้งเดินทางไปไกลเช่น อุตรดิตถ์ ลำปาง นครราชสีมา ฯลฯ บางคราวเดินทางไปเอาครั่งได้เพียงกิ่งเดียวเท่านั้น กว่าจะรวบรวมสะสมครบตามกำหนดต้องใช้ระยะเวลาแรมปี บางปีไม่ได้เลยก็มี วัวธนูที่หลวงพ่อพุฒได้สร้างขึ้น มี 2 ขนาดคือ ขนาดตัวใหญ่ไว้บูชาอยู่กับบ้าน ขนาดตัวเล็กใช้ห้อยคอติดตัว

    หลวงพ่อ พุฒท่านว่าจะสร้างแต่ละครั้งทำได้ยากมาก ต้องหาฤกษ์หายาม หาครั่งเกาะกิ่งพุทรากิ่งชี้ไปทางทิศตะวันออก บางครั้งจึงให้ลูกศิษย์ที่อยู่ต่างจังหวัดหามาให้ มิฉะนั้นวัวธนูจะไม่ขลัง มีคนจะมาขอเช่าไปบูชาวัวธนูทีละหลายๆตัว หลวงพ่อพุฒบอกไปว่า เอาไว้แงให้คนอื่นเขาบ้าง บางคนเดินทางมาไกล หากไปหาเกิดไม่ได้สงสารเขานะ นับว่าหลวงพ่อท่านเมตตาต่อทุกคนที่เข้าไปหา ไม่ว่าใครก็ตามหากมีโอกาสเดินไปกราบนมัสการ รับประกันได้ไม่มีผิดหวังครับ ปัจจุบันท่านมรภาพแล้วครับ


    ในวันแรกที่นำวัวธนูหรือควายธนูเข้า บ้านให้บอกกล่าวเจ้าที่ของเราก่อนจากนั้น จุดเทียน 1 คู่ ธูป 4 ดอก ว่าโองการวัวธนู 7 จบ คาถาวัวธนู 4 จบ
    โดยอาจทำทุกวันพระหรือวันพระ 15 ค่ำ ตำราท่านว่าถ้าจะให้ขลังให้บูชาทุกวันเสาร์หรืออังคาร วัวจะมีฤทธิ์มากขึ้น โดย2วันนี้ไม่ต้องว่าโองการ ว่าคาถาวัวธนูอย่างเดียว

    พุทธคุณเด่นทางป้องกันคุ้มครองเฝ้าบ้านกันคุณไสยอวิชชา และเป็นเมตตามหานิยมค้าขาย ด้วย คับ

    คาถาโองการวัวธนู [เป็นภาษาลาว จากคัมภีร์หลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง]

    อมโคโน งัวทะนู ผู้หน้ายาว กว้างศอก
    ตาปอก ฮอบเขาเสมน
    กูผาบสาม แผ่นฟ้าก็ตก
    กูผาบหก แผ่นฟ้าก็อ่อนค้อมมา
    สู่สมพานกูทั้งค่าย บ่อทำฮ้ายแก่กูสู
    ชาวเมืองบนแลลุ่มฟ้า ถ้วนหน้าให้มาถวาย
    ตัวกูมาก บ่อให้ยาก หมู่ทาสาทาสี
    ให้กูมีไซทุกค่ำซ้าว ให้กูได้เป็นเจ้า
    ไผจักเจ้าให้มาโลมเลี้ยงกู
    ให้อ่อนอ่อนฮ้อยท่อนท้าวมาถวายกูยียาบ
    กูจักผาบแพ้สับพะหมู่ศัตรู

    งัวทะนูเป็นวัสสุโพลาด
    อาจพาบแพ้เท่าซึงซม
    ภูอมกูจะให้นก นกก็ฮ้อง
    อมกูจะให้ฆ้อง ฆ้องก็ดัง
    อมกูจะให้คน คนก็ฮ้องซักไซ่คิดถึงกู
    ซาวซมภูฮักฮูบกูสู่คน ฮูป
    ปู่กูให้แทนเมืองสมพานเซืองคงขอบพัยฟ้า หมู่มนตรี
    ให้เขาอ่อนหากู ดังซ้างอ่อนขอ
    ให้อ่อนหากู ปานปอแสนน้ำอม
    โฟเฟ้าอมโพเจ้าเข่าสู่โพโซ
    อมเมตตัยยะ มาเป็นครูกู
    กูจักปุกงัวทะนูให้ลุก รักษาลือซา
    อมสวาหะ

    สวด 7 จบ [สำเนียงลาวต้องคงไว้ เพื่อความขลังแบบดั้งเดิม]
    . . . .

    คาถาบูชาวัวธนู

    อมอุดเทตะยัง สะนะทิ
    อมงัวทะนู ลูกแม่เฒ่า รักษาเจ้าจงดี
    ผีสางสะเด็ดหนี ขวักคว้าน
    อมโคโน มะหาโคโน
    อมโคโส มะหาโคโส
    สันทะ สันทิ จันติ
    อมมะหา หิริโอตัปปะมัมปันโน
    สัปปุริสาโลเก เทวะธัมมาติอุจจะเร

    เวทาสากุ กุสาทาเว
    ทายัสสะ ตะทะสา
    ทิกุกุ ทิสาสา
    กุตะกุ ภูตะพุ
    โคสวาหะ โสตถิเต โหนตุ
    ชัยยะ มังคะลานิ

    สวด 4 จบ
    . . . .
    สวดให้น้ำให้หญ้า และก็อธิษฐานขอสิ่งที่ตั้งใจในทางสุจริต จะสำเร็จทุกประการ

    คาถาวัวธนูเฝ้าบ้าน

    นะภาเวนุ นะภาเวนุ
    เวทาสากุ กุสาทาเว
    ทายัสสะ ตะทะสา
    ทิกุกุ ทิสาสา
    กุตะกุ ภูตะพุ
    โคสวาหะ โสตถิเต
    โหนตุ ชัยยะมังคะลานิ

    นุภานะเวนะ นุภานุเวนะ
    เวภานะนุ เวภานะนุ
    ภานะนุเว ภานะนุเว
    นะนุเวภา นะนุเวภา
    นะภาเวนุ นะภาเวนุ

    เสก พระคาถานี้ทำน้ำมนต์รดบนหลังวัวธนู แล้วรองน้ำนั้นเอาไว้ แล้วนำน้ำที่ได้ไปประพรมรอบบริเวณบ้าน จากนั้นเมื่อออกจากบ้าน ก็บอกกล่าวแก่วัวธนูให้เฝ้าบ้าน

    แบ่งให้บูชา 1,250 บาท
    รับประกันแท้ตามมาตรฐานสากล
    จองได้ ปิดได้ ขอไม่เกิน 2 วัน โอนเร็ว ส่งเร็วด่วนจี๋
    ทุกรายการที่ท่าน เช่าบูชาพระเครื่องหรือ เครื่องรางของเรา เงินของท่าน ส่วนหนึ่ง ท่านได้ร่วม ทำบุญกับเรา จึงขออนุโมทนากับท่านด้วย ขอบุญนี้จงสำเร็จแก่ เทวดาประจำตัวเจ้ากรรมนายเวร เชื้อโรคไวรัส และญาติของท่าน ด้วยกันทุกผู้ทุกคนเทอญ เม สัมมุขา สัพพาหะระติ เต สัมมุขา ผู้ใดมีจิตคิดร้าย จงสะท้อนกลับร้อยเท่า พันเท่า ศึกษา สะสม แบ่งปัน พระแท้กัน ฉันท์พี่น้อง สงสัยสนใจ โทร ปรึกษา (AIS) 081-253-4483 อินทร์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...