ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. apichan

    apichan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    825
    ค่าพลัง:
    +4,424
    ผมก็หมายถึงแถวกทม.นี่แหละครับ
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    มังกรก็คือพญานาค พญานาคก็คือมังกร !!!

    [​IMG]

    ถาม : ถามเรื่องพญานาคเจ้าค่ะ พญานาคนี่ตัวตนจริงที่เขาแสดงให้เราเห็น กับรูปลักษณ์ที่เขาเปลี่ยนไป อันไหนเป็นตัวตนจริง ?

    ตอบ : เขาต้องการให้เห็นเป็นแบบใดก็ได้ พญานาคมี ๒ ประเภท ประเภทหนึ่ง คือเทวดาชั้นจาตุมหาราช จะเป็นบริวารของท้าววิรูปักษ์ ร่างที่แท้จริงของท่านก็คือเทวดา...สวยงามเป็นปกติ แต่เวลาทำงานจะแสดงออกในลักษณะของงูใหญ่ นั่นก็ถือว่าเป็นเครื่องแบบในการทำงานของท่าน

    แบบเดียวกัน ถ้าหากว่าเป็นลูกน้องของท้าวเวสสุวรรณปกติจะสวย แต่ถ้าหากออกไปทำงานก็จะแสดงออกในร่างของยักษ์ นั่นเป็นเครื่องแบบที่ท่านแต่งในเวลาทำงาน

    พญานาคที่เราพูดถึงส่วนใหญ่จะหมายถึง เดรัจฉานกึ่งทิพย์ที่มีความสามารถพิเศษ มีเขตอยู่เฉพาะของเขา แต่ถ้าหากเข้าไปในเขตนั้นเขาจะกลับร่างเป็นมนุษย์ที่มีรูปร่างหน้าตาผ่องใสสวยงาม แต่ว่าถ้าหากว่าออกนอกเขตของเขามา ถ้าตั้งใจให้คนเห็นก็จะแสดงออกในร่างของงูใหญ่ แต่ว่าขณะเดียวกัน เขาจะแสดงให้เห็นเป็นอะไรก็ได้

    พญานาคในความหมายของเราว่าเป็นงู แต่อยู่ ๆ อาจจะเป็นช้างมาทั้งตัวก็ได้ อาจจะเป็นคนเดินมาทั้งกลุ่มก็ได้ เดี่ยวก็ได้ แล้วแต่ว่าเขาตั้งใจให้เห็นเป็นอย่างไร นั่นเป็นฤทธิ์ที่เกิดจากกรรมวิบากของเขา ทำให้เขาสามารถทำได้ เรียกว่ากรรมวิปากะชาฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดจากวิบากกรรม

    ถาม :แล้วทำไมถึงเรียกว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานละครับ ?
    ตอบ :ก็เพราะยังอยู่ในภูมิของเดรัจฉาน แต่มีความเป็นทิพย์อยู่ ถ้าหากต้องการที่จะให้เราเห็นก็เห็นได้ เห็นในลักษณะไหนก็ได้

    ถาม : แต่ว่ากลับเข้าที่แล้วสภาพก็...?
    ตอบ : เขาจะคืนกลับเป็นร่างของคน แต่ว่าในลักษณะนั้นเขาก็พร้อมที่จะเปลี่ยนร่างเมื่อไรก็ได้ ลองไปดูไหม ?

    เมืองพญานาคต้องมีฝีมือดีหน่อย ไม่อย่างนั้นพอเข้าเขตก็ชักตายแล้ว เพราะว่าเขามีพิษเป็นปกติ ผ่านไปที่ไหนก็ตาม เขาจะทิ้งพิษเอาไว้ สภาพพิษของเขาร่างกายของเราทนไม่ได้ พิษบางอย่างร้ายแรงมาก เราเข้าไปในเขตนี่ ถ้าหากว่าเป็นร่างกายมนุษย์ธรรมดาจะกลายเป็นเถ้าถ่านไปเลย เพราะมันร้อนและเผาไหม้ได้ขนาดนั้น

    ถาม : มังกรก็พวกเดียวกัน ?
    ตอบ : พวกเดียวกัน มังกรกับพญานาคก็พวกเดียวกัน แต่ว่าคนที่เห็นเป็นคนละเชื้อชาติกัน ในเมื่อคนละเชื้อชาติกัน สิ่งที่ยึดถือมาเดิม ๆ ลักษณะต้องเป็นอย่างนั้น ๆ ของเขาเอง พอถึงเวลาวาดให้คนอื่นเห็น ก็เลยออกไปคนละทิศคนละทางกัน แต่ว่าก็แบบเดียวกัน ก็คือเป็นงูใหญ่ที่มีฤทธิ์เหมือนกัน

    ถาม : เสวยอายุเท่าไรครับ ?
    ตอบ : อายุขัยเป็นอย่างไรแล้วแต่เขา ทำกรรมเอาไว้เยอะก็อยู่นานหน่อย ทำบุญเอาไว้เยอะก็อยู่สั้นหน่อย

    ถาม : ทำไมต้องนอนเยอะขนาดนั้นด้วยละครับ ?
    ตอบ : มีตัวเดียวที่ชอบนอน ส่วนใหญ่แล้วงูเวลาจำศีลก็จะมีลักษณะนั้นแหละ คือว่าจะจมอยู่กับห้วง...ใช้คำว่าฌานก็ได้นะ...ของเขาอยู่อย่างนั้น

    คราวนี้พญากาลนาคราชนี่ แหม...แสดงว่าฌานลึกมาก ได้ยินเสียงกริ๊กหนึ่งลืมตา อ้าว...พระพุทธเจ้าตรัสรู้อีกองค์แล้วหรือเพิ่งงีบได้ครู่เดียวเอง

    ถาม : ระหว่างที่หลับไปก็ไม่รู้สึกตัวอะไรเลยหรือครับ ?
    ตอบ : กำลังใจของเขาดำเนินอยู่ในสมาธิอยู่ หรือไม่ก็อาจจะหลับยาวก็ได้ แล้วแต่ว่าเขาจะรู้ไหม ถ้ากำลังสมาธิกำลังฌานของเขาสูงก็รู้ตัวอยู่ ถ้ากำลังต่ำหยาบไปหน่อยก็อาจจะไม่รู้ต้วก็ได้

    ถาม : ...(ไม่ชัด)...
    ตอบ :พญากาลนาคราชนี่ พระพุทธเจ้า ๔ องค์ผ่านไปแล้วเขารู้ตลอด รู้แค่ว่าตอนถาดลอยไปถึงหน้าถ้ำ อ้าว...มาองค์หนึ่งแล้ว ยังไม่ทันไรเลย หลับยังไม่ทันจะเต็มอิ่มเลย เอ้า ! อีกองค์หนึ่งแล้ว แหม...พ่อหลับได้ยาวจริง ๆ น่าอิจฉา

    ถาม :แล้วที่ทหารอเมริกาเขาจับได้นั่นไม่ใช่หรือครับ ?
    ตอบ :นั่นเป็นปลา ไม่ใช่พญานาค ปลาทะเลลึกมีลักษณะรูปกายยาว ๆ เหมือนกับงู คราวนี้บางอย่างอาจจะมีพิษของเขาอยู่ คนที่โดนไปตอนนั้นอาจจะยังไม่เป็นไร แต่ว่าพอพิษแทรกซึมเข้าไปถึงระดับหนึ่งก็อาจจะตายได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ถ้าหากบอกว่าคณะนั้นเขาตายด้วยอำนาจของพญานาค ก็ใช่นาคในแบบของเรา

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๔

    ที่มาhttp://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1601

    ลูกแก้วพญานาค

    [​IMG]

    แก้วมณีนาคราช หรือ "ลูกแก้วพญานาค" หรือบางตำราที่เรียกว่า "แก้วจันทรกาล" เป็นดวงแก้วประจำกายของพญานาค และเกิดขึ้นด้วยบุญญฤทธิ์ของพญานาคนั้นๆ การปรากฏของดวงแก้วประจำกาย มิได้เกิดขึ้นพร้อมการจุติแบบโอปปาติกะของพญานาค แต่จะบังเกิดขึ้นในวัยอันควร เมื่อถึงเวลาที่พญานาคนั้นโตเต็มที่ก็จะต้องไปจำศีลเข้าฌาณสมาบัติ เพื่อชำระกายใจให้บริสุทธิ์เตรียมรองรับการปรากฏของดวงแก้วมณีประจำกายแห่งตน คล้ายกับการปรากฏขึ้นของดวงแก้วมณีแห่งพระเจ้าจักรพรรดิ

    ครั้นถึงคืนวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ ผลของบุญกุศลที่เคยสั่งสมมาตั้งแต่ในอดีตจะรวมตัวกัน ดลบันดาลให้ดวงแก้วมณีของพญานาคบังเกิดขึ้น ดวงแก้วมณีจะเปล่งประกายรัศมีสว่างไสวทั่วทั้งภพบาดาล และบันดาลให้เกิดทิพยสมบัติต่าง ๆ ขึ้นตามกำลังบุญของพญานาค หากเป็นพญานาคองค์นั้นผู้มีบุญญาธิการมาเกิด จะเกิดทิพยสมบัติมากมายกว่าพญานาคอื่นๆที่อยู่เดิม คล้ายการจุติของเทวดาเหล่าอื่นๆ พญานาคผู้เป็นเจ้าครองนครองค์เดิมจะต้องสละสมบัติ เพื่อให้ท่านผู้ที่มีบุญญาธิการมากกว่าเพื่อครองนครบาดาลแห่งนั้นสืบต่อไป

    การปกครองในภพบาดาลนั้นถือหลักบุญญาธิปไตย คือผู้มีบุญญาธิการมากกว่าปกครองผู้ที่มีบุญน้อยกว่า สำหรับอานุภาพของแก้วมณีพญานาค จะคล้ายกับดวงแก้วมณีซึ่งเป็น ๑ ในรัตนะทั้ง ๗ แห่งพระเจ้าจักรพรรดิ สามารถบันดาลข้าวปลาอาหารทิพย์ ทิพยวิมาน และทิพยสมบัติอื่น ๆ เช่นแก้ว แหวน เงิน ทองต่าง ๆ ตามกำลังบุญ ดวงแก้วมณีนาคราชจึงเป็นของที่รักและหวงแหนของพญานาคมากเนื่องจากเป็นเครื่องบันดาลเกิดทรัพย์อย่างอื่น เช่น อาหารทิพย์ ทิพย์วิมาน และทิพย์สมบัติต่างๆแก่พญานาค

    นอกจากนี้แก้วมณีนาคราชยังมีความสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ใช้ในการจำศีล ทุกๆ ปี พญานาคที่เคยเกิดทันในสมัยพุทธกาลในวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กลับมาจากการโปรดพระพุทธมารดาในวันออกพรรษา และเสด็จลงมาจากดาวดึงส์ พญานาคได้เห็นพุทธานุภาพนั้นก็จะมีการถ่ายทอดประสบการณ์ให้แก่พญานาครุ่นหลัง ให้ทำใจน้อมระลึกถึงคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ระยะเวลาการถือศีลนั้นพญานาค จะนับตามวันเดือนเกิดและเดือนดับตามจันทรคติของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา

    ที่มา http://www.payanak.com/newsandevent.asp-GID=7.htm
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2011
  3. ธานะ

    ธานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +113
    อยากทราบว่าตามพุทธพยากรณ์ที่ว่า "จะเกิดรบราฆ่าฟัน สมณะชีพราหมณ์จะล้มตาย จะตายฝ่ายละครึ่งจึงจะหยุดยั้งรบกัน" อยากทราบผู้รู้ว่าฝ่ายละครึ่งหมายถึงทหารหรือประชาชนบนโลกครับ:cool:
     
  4. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    18 ธ.ค. 54

    ร่วมกัน ไม่ทัน หม้อดำ
    กระทำ ให้เกิด แตกแยก
    พรรคร่วม ตัว...บอ มาแปลก
    ขอแยก ออกไป ไม่ทำ

    องค์อินทร์ ๙๗

    ทำการแทน
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "เวลานั้นพลโลกยังเหลือน้อยเต็มที"

    [​IMG]

    หมายถึงทั้งทหารและประชาชนเกือบทั้งโลกครับ เพราะสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นสงครามระเบิดนิวเคลียร์ ผลของระเบิดนิวเคลียร์มันร้ายแรงขนาดไหน ทุกคนคงจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว อีกทั้งพุทธทำนายก็บอกเอาไว้แจ้งชัดอยู่แล้วว่า "เวลานั้นพลโลกยังเหลือน้อยเต็มที"

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2011
  6. izeberry

    izeberry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2010
    โพสต์:
    340
    ค่าพลัง:
    +1,482
    ............

    นี่แหละ ใจ...มนุษย์ ควรเข้าใจ...

    วันนี้ได้ฟังคำสอน ของ อจ.หมอสมศักดิ์ ดีมาก จึงเอามาฝาก ว่า...

    ให้ดูแล..ใจ.ตัวเอง อย่าไปยุ่งกับ ใจ...ผู้อื่น...


     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พายุโซนร้อน"วาชิ"ถล่มฟิลิปปินส์ เสียชีวิตกว่า 500 คน

    [​IMG]

    [​IMG]

    ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุโซนร้อนวาชิ พัดถล่มฟิลิปปินส์พุ่งทะลุ 500 คนแล้ว ขณะที่ผู้สูญหายมี 370 คน

    เจ้าหน้าที่กู้ภัยฟิลิปปินส์ยังคงทุ่มเทความพยายามเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตจากน้ำท่วมฉับพลันในเขตมินดาเนา โดยพื้นที่ประสบภัยที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุดคือที่ เมืองคากายัน เด โอโร่ และเมืองอีลีกัน เมืองชายฝั่ง หมู่บ้านหลายแห่งพังราบเป็นหน้ากลองจากน้ำท่วมและดินถล่มเมื่อวานนี้

    สภากาชาดฟิลิปปินส์ยืนยันว่า ยอดผู้เสียชีวิตมี 521 คนแล้ว ขณะที่ยอดผู้สูญหายเพิ่มเป็นสองเท่าอยู่ที่ 370 คน ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใคร และบางส่วนก็เสียชีวิตทั้งครอบครัว ส่วนสาเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากเช่นนี้ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวไม่เคยเจอกับพายุที่รุนแรงมาก่อน และไม่มีการเตือนภัยล่วงหน้า นอกจากนี้ช่วงเวลาที่โซนร้อนวาชิพัดถล่มเป็นช่วงกลางคืน ประชาชนกำลังหลับไหล และอิทธิพลของพายุทำให้เกิดฝนตกติดต่อกันนานถึง 12 ชั่วโมง ทำให้บางพื้นที่เผชิญกับน้ำท่วมฉับพลัน และในช่วงเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง น้ำก็ท่วมสูงถึง 3.3 เมตร ผู้ประสบภัยหลายคนต้องปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้าน รายงานยังระบุด้วยว่า ตอนนี้มีผู้ประสบภัยมากกว่า 3 หมื่น 5 พันคนไร้ที่อยู่อาศัยและต้องมาอาศัยศูนย์พักพิงชั่วคราว

    ทางการฟิลิปปินส์ได้ระดมทหารหลายพันนายเข้ามาช่วยผู้ประสบภัย แต่ดินโคลนจากภูเขาที่ถล่มลงมาในฟื้นที่ประสบภัยทำให้ความช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลำบาก ทั้งนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถช่วยชีวิตผู้ประสบภัยได้ 437 คน และยังส่งเรือช่วยค้นหาผู้รอดชีวิตในทะเล ซึ่งก็สามารถช่วยขึ้นมาได้ 60 คนนอกจากชายฝั่งเมืองเอล ซัลาดอร์ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองคากายัน เด โอโร่ไป 10 กิโลเมตร

    ล่าสุดโซนร้อนวาชิได้เคลื่อนตัวมาอยู่เหนือทะเลซูลู ในตอนสายวันนี้และจะมุ่งหน้าไปยังจังหวัดปาลาวัน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงมะนิลา คาดว่าจะพัดออกสู่ทะเลจีนใต้ในวันนี้


    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอาทิตย์ ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1324199955.jpg
      1324199955.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.7 KB
      เปิดดู:
      1,510
    • 1324178802.jpg
      1324178802.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.7 KB
      เปิดดู:
      1,510
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    หลักฐานชิ้นสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า"มังกร"ของจีนก็คือ"พญานาค"ของไทย

    [​IMG]
    12 นักษัตรของจีน ปี พ.ศ.2555 เป็นปีมังกรน้ำ ยิ่มซิ้ง

    [​IMG]
    12 นักษัตรของไทย ปี พ.ศ.2555 เป็นปีมะโรง (พญานาค)

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. ยัย fame

    ยัย fame เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2011
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +104
    การคัดคน........คัดยากกว่า คัดขยะ......ขอให้ลุง k-97 เจอแต่แนวร่วมที่ดีนะคะ.....ดีดูดดี .....ชั่วดูดชั่ว........คนดีก็ต้องเจอคนดี.......ให้กำลังใจ
     
  10. Vatairat

    Vatairat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,294
    วันนี้ข้าพเจ้าไปพบท่านผู้มีอภิญญามาแต่ไม่ขอเอ่ยนาม ท่านได้บอกว่า ปี2557-2558 ไม่เหลือไปหมดเลยกับน้ำ จะเหลือรอดแต่คนดีมีศีลธรรม เหลือเวลาอีกไม่มาก ให้เร่งความเพียรในการปฎิบัติกันค่ะ ให้ใช้ชีวิตอยู่ในความไม่ประมาท ท่านที่ข้าพเจ้าไปพบท่านได้สร้างแหล่งรองรับภัยพิบัติไว้ค่ะ ถ้าถึงเวลามีบุญเกื้อหนุนกัน ตามวาระตามโอกาส คงได้พบเจอท่านค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2011
  11. code13

    code13 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +84
    ๒ อภิมหาภัย ที่ไทยต้องเผชิญ

    ๑. ภัยจากเหตุ (ธรรมชาติแปรปรวน) ที่ทำให้เมืองหลวงของไทย กลายเป็น ป่ากระต่ายขี้

    ๒. ภัยจากเหตุ (เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๓ ประเทศในเอเซียที่เป็นอริต่อกัน.....ตามพุทธทำนาย) ส่วนพ่อแม่ครูบาอาจารย์ องค์อริยะสงฆ์กล่าวไว้แล้ว สงครามนิวเคลียร์หรือสงครามโลกครั้งที่สามเกิดแน่นอน องค์ท่านฯว่าไว้ หัวแดงจะรุมจีน
    ------------------------------------------------------------

    องค์ท่านฯ ยังเมตตาต่อสรรพสัตว์โลกที่ยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของโลกธรรม ๘

    ดังคำพยากรณ์ไว้แล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2011
  12. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ต่อไปน้ำทะเล อาจจะขึ้นมาถึงจังหวัดหนึ่งใกล้ภาคกลาง ซึ่งมีความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 40 เมตร ?


    ตอนนี้ พศ. 2554 เห็นแนวโน้มทางภาคตะวันออก สมุทรสาคร สมุทรปราการ ชลบุรี ชายฝั่งถูกกัดเซาะหนัก แผ่นดินหดหายไปเรื่อยๆ รองลงมาก็ระยอง

    คงจะสัก 50 ปี ที่เข้าขั้นวิกฤติ อะไรก็เอาไม่อยู่ จนต้องถอดใจกัน

    [​IMG]


    [​IMG]

    www.ngthai.com/ngm/0909/feature.asp?featureno=5

    ชายฝั่งคือพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญของโลก เป็นรอยต่อระหว่างแผ่นดินและท้องทะเล เป็นระบบนิเวศสำคัญ และเป็นกันชนภัยพิบัติธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพ แต่ทุกวันนี้เรากำลังสูญเสียพื้นที่แสนสำคัญนี้ไปจากการถูกทะเลกัดเซาะ

    ตลอดกว่า 30 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยสูญเสียพื้นที่ชายฝั่งจากการกัดเซาะไปแล้วกว่าหนึ่งแสนไร่ ทะเลค่อยๆรุกคืบเข้ามาหาเราอย่างเชื่องช้าทว่าเกรี้ยวกราด ชุมชนหนึ่งที่ได้รับเคราะห์กรรมนี้อย่างแสนสาหัสคือ ชุมชนขุนสมุทรจีน จังหวัดสมุทรปราการ ที่นี่ถูกกัดเซาะด้วยอัตรา 30 เมตรต่อปี

    สมร เข่งสมุทร ผู้ใหญ่บ้านชาวขุนสมุทรจีนเล่าให้ฟังทั้งน้ำตาว่า ชุมชนบ้านเกิดของเธอถูกทะเลรุกคืบจนหายไปร่วมห้ากิโลเมตรแล้ว แม้ว่าเธอได้พยายามต่อกรอย่างถึงที่สุด ตั้งแต่ทิ้งเขื่อนหิน สร้างกำแพง ไปจนถึงปักเสาไฟฟ้า แต่ก็ไม่สามารถทานพละกำลังของธรรมชาติได้เลย

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทางการจะกำหนดให้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเป็นวาระระดับชาติ แต่ปัญหาที่น่ารำคาญใจมากกว่าคือหน่วยงานที่มีอำนาจทับซ้อน ไม่เบ็ดเสร็จ และงบประมาณขยักขย่อน เวลาที่ผ่านไปพร้อมกับธรรมชาติรุกคืบ ยิ่งประทับความเจ็บปวดให้ชาวบ้านอย่างสมร “ถามว่านี่ประเทศไทยหรือเปล่า ไม่ตกใจกันบ้างหรือ หมู่บ้านหายไปขนาดนี้แล้ว สมรตัดพ้อ

    เมื่อมองในภาพรวม ประเทศไทยมีชายฝั่งรวมทั้งสิ้นประมาณ 2,600 กิโลเมตร แยกเป็นฝั่งอ่าวไทยประมาณ 1,650 กิโลเมตร และฝั่งอันดามันประมาณ ffice:smarttags" /><?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]950 กิโลเมตร </st1:metricconverter>มีพื้นที่เสี่ยงภัยระดับวิกฤติมากมายหลายจุด อัตราการกัดเซา และสูญเสียพื้นที่มีตั้งแต่ <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="5 เมตร">5 เมตร </st1:metricconverter>ไปจนถึง 30 เมตรต่อปี
    ประเมินมูลค่าความเสียหายเป็นตัวเงินมากกว่าแสนล้านบาท

    ตัวเลขความเสียหายระดับนี้ ทำให้การกัดเซาะชายฝั่งถูกนิยามว่าเป็น “ภัย” เงียบ แต่แท้จริงแล้วภาวะดังกล่าวเป็นเพียงการวิ่งกลับสู่จุดสมดุลของธรรมชาติ แต่ปัญหาคือภาวะคืนสมดุลเหล่านั้นบังเอิญไปกระทบกับมนุษย์ จิระพงศ์ จีวรงคกุลนักนิเวศวิทยาทางทะเลกล่าวว่า ที่เดือดร้อนก็เพราะมนุษย์เข้าไปอาศัยอยู่นั่นแหละครับ

    มีปัจจัยมากมายที่ก่อให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่ง ในหาดโคลนซึ่งสมดุลด้วยตะกอนปากแม่น้ำและการกัดเซาะทุกวันนี้เสียสมดุลไปเนื่องจากตะกอนปากแม่น้ำที่ลดลงอย่างน่าวิตก ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ผู้เฝ้าวิจัยติดตามการกัดเซาะชายฝั่งมากว่า 20 ปี

    ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยค้นพบว่า ตะกอนปากแม่น้ำจากลุ่มเจ้าพระยาลดลงกว่าร้อยละ 70 สืบเนื่องจากการสร้างเขื่อนต้นน้ำและการชลประทาน ส่งผลให้ปริมาณตะกอนปากแม่น้ำพอกพูนน้อยลง ปัจจัยนี้ทำให้สมดุลตะกอนผิดเพี้ยนและนำไปสู่การกัดเซาะในที่สุด

    นอกจากนั้นแล้ว การทรุดตัวของแผ่นดินบนพื้นที่ชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน ยังทำให้ปัจจัยการกัดเซาะรุนแรงมากขึ้น สาเหตุเนื่องมาจากการระดมสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้เพื่อการเกษตรและอุตสาหกรรมในทศวรรษที่ผ่านมา ไม่ต้องรอน้ำขึ้นหรอกครับ เพราะแผ่นดินทรุดนี่ไม่ต่างอะไรกับการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลแล้ว ดร.ธนวัฒน์ชี้

    ส่วนในหาดทราย ปัญหาการกัดเซาะแตกต่างออกไป สัณฐานชายฝั่งดังกล่าวสมดุลอยู่ด้วยตะกอนทรายซึ่งถูกพัดพาด้วยกระแสน้ำและลมมรสุมประจำฤดูกาลขนานไปกับชายฝั่งกลับไปกลับมาอย่างสมดุล

    ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา นักสมุทรศาสตร์และผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าจริงๆแล้วชายฝั่งแต่ละที่ยืดหดตามฤดูกาลเป็นปกติครับ เพียงแต่ถ้าหดแล้วยืดกลับไม่เท่าเดิม นั่นแหละคือปัญหา

    ปัจจัยที่ทำให้เกิดการกัดเซาะในหาดทราย คือการที่ตะกอนถูกรบกวนด้วยโครงสร้างซึ่งรุกล้ำลงไปในทะเล และเป็นตัวดักตะกอนไปโดยปริยาย หนึ่งในโครงสร้างที่เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาอยู่บ่อยครั้งคือ เขื่อนกันทรายปากแม่น้ำ ที่สร้างขึ้นสำหรับป้องกันตะกอนทรายพัดมาปิดปากคลองหรือแม่น้ำ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่เรือประมงขนาดใหญ่ให้สามารถเข้าออกปากแม่น้ำได้สะดวกทั้งปี มีที่จอดหลบคลื่นลมในฤดูมรสุมได้อย่างปลอดภัย

    หากมองเผินๆ นี่คือการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ แต่หารู้ไม่ว่า ผลกระทบจากการรุกล้ำทะเลทำให้ตะกอนที่พัดพาในฤดูกาลถูกกักไว้บริเวณสันเขื่อน ส่งผลให้ชายหาดที่อยู่ใกล้เคียงได้รับตะกอนทรายลดลงและถูกทะเลกัดเซาะชายฝั่งลึกเข้ามาเรื่อยๆ เพื่อทวงคืนตะกอนทรายส่วนที่หายไป จนวันหนึ่งลามมาถึงถนนหนทางและบ้านเรือน

    ทางการท้องถิ่นหลายแห่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการสร้างโครงสร้างป้องกันการกัดเซาะ อย่างเขื่อนหินทิ้ง รอดักทราย และกำแพงกันคลื่น นั่นเพราะพวกเขาเชื่อว่า การกัดเซาะเกิดจากคลื่นลมในทะเล แต่ความเข้าใจเพียงครึ่งๆกลางๆ เช่นนั้นทำให้โครงสร้างที่เกิดใหม่กลายเป็นตัวเร่งทำลายมากกว่าการป้องกันที่ถูกวิธี

    อย่างไรก็ตาม โครงสร้างวิศวกรรมป้องกันชายฝั่ง หาใช่จะเป็นการทำลายเสียทั้งหมด งานวิจัยของ ผศ.พยอม รัตนมณี จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทำให้แวดวงวิชาการฮือฮา เมื่อแนวคิดโครงสร้าง “ปะการังเทียม” ที่เขาและทีมงานออกแบบ ค่อนข้างได้ผลดีในห้องปฏิบัติการ

    ความคิดบรรเจิดของเขาเกิดขึ้นอย่างเรียบง่ายด้วยการสังเกตปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ชายฝั่งแห่งหนึ่งบนเกาะสมุย ซึ่งอุดมไปด้วยปะการังธรรมชาติและปลอดภัยจากการกัดเซาะ เขาเชื่อว่าปะการังคือโครงสร้างวิศวกรรมธรรมชาติที่ช่วยซับแรงกัดเซาะแต่ไม่รบกวนกระแสน้ำชายฝั่ง

    แม้จะยังเร็วไปหากจะบอกว่า ปะการังเทียมของเขาสลายคลื่นได้ในสมรภูมิจริง เพราะนั่นเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาเป็นมาตรวัด “พลังธรรมชาติมหาศาลมากครับ เราสลายเขาไม่ได้หรอก ทำเพียงแต่เพียงร้องขอให้เราอยู่ร่วมกันให้ได้” ผศ.พยอม ทิ้งท้าย

    ขณะที่นักวิจัยเลือดสะตออย่างพยอม กำลังหาทางช่วยกอบกู้หาดทราย แต่หากนำวิธีการดังกล่าวมาใช้ในหาดโคลน ปะการังเทียมของเขาคงต้องยกธงขาวอย่างไร้ทางสู้ เพราะในระยะยาวปราการทางวิศวกรรมจะถูกกัดเซาะไปถึง ฐานรากจนพังทลาย ปัญหาในหาดโคลนดูจะซับซ้อนกว่ามาก นอกจากต้องลดความแรงของคลื่นแล้ว ยังอยู่ที่การดักจับตะกอนเลน ซึ่งมีน้ำหนักเบา และใช้เวลาพอกพูนนานกว่าในหาดทราย

    แม้จะดูเหมือนว่าไม่มีโครงสร้างใดช่วยเหลือหาดโคลนในระยะยาวได้ แต่หนึ่งในโครงสร้างอัจฉริยะที่ช่วยป้องกันการกัดเซาะและดักจับตะกอนได้อย่างชาญฉลาด เรารู้จักกันมานานแล้วในนาม “ป่าชายเลน”

    แต่การฟื้นฟูป่าชายเลนซึ่งลดจำนวนลงมหาศาลไม่ใช่งานง่าย นักวิทยาศาสตร์อย่าง ดร.ธนวัฒน์ จารุงพงษ์สกุล เล่าว่า ความลำบากส่วนหนึ่งเกิดจากการสูญเสียตะกอนเลนหน้าหาดจากการกัดเซาะ วิธีฟื้นฟูที่ดีที่สุด ต้องคืนตะกอนเลนหน้าหาดกลับมาให้ได้เสียก่อน

    หลังจากทดลองในสมการบนหน้ากระดาษ แบบจำลองคอมพิวเตอร์ ไปจนถึงแล็บจำลองคลื่น สุดท้ายธนวัฒน์ ก็ได้โครงสร้างเรียบง่ายมาชุดหนึ่ง เขาตั้งชื่อให้ว่า เขื่อนขุนสมุทรจีน 49A2 ซึ่งสามารถสลายกำลังคลื่นได้ตามหลักฟิสิกส์ และทำให้พื้นที่หลังเขื่อนเป็นที่ทับถมของตะกอนเลนหน้าหาด
    แม้ขั้นตอนต่อไปคือการฟื้นฟูป่าชายเลน แต่ ดร.สมศักดิ์ บรมธนรัตน์ ประธานมูลนิธิสถาบันทรัพยากรชายฝั่ง แห่งเอเชีย ก็เตือนว่า

    นอกจากการปลูกแล้ว เราต้องดูเรื่องความหลากหลายของพรรณพืชด้วยครับ ทุกวันนี้เราเลือกแต่โกงกางเพราะปลูกง่าย ซึ่งไม่ถูกต้องนัก นอกจากนี้ เรายังต้องระวังเรื่องการปลูกป่าในพื้นที่ดินเลนงอกใหม่ซึ่งอาจมีผลต่อกระแสน้ำ และทำให้เกิดการกัดเซาะในพื้นที่อื่นได้อีกครับ

    แม้หลายฝ่ายกำลังตื่นตัวกับภัยเงียบนี้ แต่ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งกลับไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องของโครงสร้างทางวิศวกรรมหรือระบบนิเวศเท่านั้น เพราะยังมีประเด็นเกี่ยวเนื่องอีกมากมาย ตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างชุมชน ข้อกฎหมาย วิถีชีวิต ปากท้องและความเป็นอยู่ของผู้คน ไปจนถึงการเมือง

    ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยาเชื่อว่า แม้เราจะแก้ปัญหาทางด้านวิศวกรรมหรือระบบนิเวศได้ แต่ถ้ายังแก้ปัญหาทางสังคมไม่ได้ ละครก็ยังไม่จบ เราเพิ่งทำการบ้านเสร็จไปครึ่งเดียวเองครับ

    ทุกวันนี้ แม้เราจะเห็นภาพการสูญเสียพื้นที่จากการกัดเซาะชายฝั่ง และรับรู้ถึงคำพยากรณ์ที่น่าสะพรึงกลัวบ่อยๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

    แต่ตราบใดที่ภัยพิบัติไม่มาเคาะเรียกที่ประตูบ้าน เราก็คงยังไม่ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่นักวิชาการวงในอย่างดร.ธนวัฒน์มองว่า คงไม่ต้องรอให้ถึงวันนั้น เพราะผลกระทบค่อยๆคืบคลานมาเป็นปัญหาในทางอ้อม

    ผมยกตัวอย่างง่ายๆ คนที่มีอาชีพประมงประมาณหนึ่งล้านคนที่อยู่ปากแม่น้ำ ถ้าหาดหาย แผ่นดินหาย ไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีอาชีพ พวกเขาอาจต้องย้ายเข้ามาในเมือง ถ้าไม่มีงานทำ หลายคนอาจลงเอยด้วยการลักเล็กขโมยน้อย และอาจถึงขั้นอาชญากรรม กระทบกับคุณแน่นอน วันนี้อาจยังไม่กระทบกับคุณ แต่ลูกหลานคุณล่ะ

    [​IMG]

    <TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%"><TBODY><TR><TD class=topicHead align=center>โลกร้อนเสริมเหตุกระทบชายฝั่งทะเลทั่วโลก</TD></TR><TR><TD class=detailFont>
    มติชน : คอลัมน์ จับกระแสโลกร้อน


    หลายองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก กล่าวถึงความรุนแรงของปัญหาภาวะโลกร้อนว่า อาจมีความรุนแรงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ณ เวลานี้ทุกคนไม่ควรละเลยความสำคัญของปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะผลกระทบโลกร้อนอาจเพิ่มปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล ซึ่งมีสาเหตุจากการกระทำของมนุษย์ และจากธรรมชาติ อาจมีความรุนแรงและเกิดขึ้นรวดเร็วมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

    ภาวะโลกร้อนสามารถเป็นปัจจัยเสริมความรุนแรงของสาเหตุจากธรรมชาติที่ก่อให้เกิดปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล เนื่องจากผลกระทบทำให้เกิดความแปรปรวนของสภาพอากาศโลก และการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล ส่งผลให้พายุและคลื่นที่พัดเข้าหาชายฝั่งทะเล มีความถี่และความรุนแรงเพิ่มขึ้นและมีการเปลี่ยนทิศทาง จนเกิดการกัดเซาะรุนแรงจนสูญเสียเนื้อที่ชายฝั่งและเกิดแผ่นดินทรุดตัวตามแนวชายฝั่งเพิ่มขึ้น ทำให้ชุมชนต้องอพยพย้ายที่อยู่อาศัย และรัฐต้องเสียงบประมาณป้องกันปัญหาดังกล่าวเพิ่มขึ้น

    หลายประเทศมีสภาพปัญหาที่ใกล้เคียงกันเกี่ยวกับปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลดังกล่าว เช่น ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา มีการสูงขึ้นของระดับน้ำทะเลลุกล้ำเข้าสู่ปากแม่น้ำและท่วมชายฝั่ง รวมทั้งการลดลงของชายหาดในหลายแห่ง ดังนั้น สถาบัน Institute of Science and Public Affairs แห่งมหาวิทยาลัยมลรัฐฟลอริดา ได้ทำการการศึกษาในปี 2007 เพื่อคาดการณ์การสูงขึ้นของระดับน้ำทะเล ตั้งแต่ปี 2006-2080 ในบริเวณรอบฟลอริดา เพนนินซูลา พบว่าแนวโน้มความสัมพันธ์ของช่วงเวลาและการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเป็นเส้นตรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของระดับก๊าซเรือนกระจก การศึกษานี้ทำให้ทราบแนวทางการวางแผนทางเศรษฐศาสตร์และการป้องกันในอนาคต

    และจากการรายงานของ Intergovernmental Panel on Climate Change (IPCC) ปี 2007 เช่นกัน พบว่าประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ มีระดับน้ำทะเลสูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยระดับน้ำทะเลทั่วโลกประมาณ 25% หมายถึงระดับน้ำในมหาสมุทรอาจเพิ่มขึ้นถึงระดับ 80 เซนติเมตร ในปี 2100 ข้างหน้า ทั้งพบว่ามีความถี่และความรุนแรงของพายุเพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้งชายฝั่งถูกน้ำท่วมในหลายแห่ง โดยเฉพาะทางแถบเมือง Cairn และแถบตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐควีนแลนด์ ของออสเตรเลีย

    ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่มีความยาวค่อนข้างมาก กล่าวคือ ฝั่งอ่าวไทย มีความยาวชายฝั่งตลอดแนว 1,878 กิโลเมตร และชายฝั่งทะเลอันดามัน 937 กิโลเมตร (จากข้อมูลกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง) ตลอดทั้งสองแนวชายฝั่งมีทรัพยากรทางทะเลหลากหลายชนิดทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ มากมาย อาทิ การท่องเที่ยว การทำประมงชายฝั่ง การคมนาคมทางน้ำ หากเกิดปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเพิ่มขึ้นก็อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจตามมา

    เมืองไทยและทุกประเทศต้องร่วมมือกันวางแผนป้องกันทั้งในระยะสั้น และระยะยาว เพราะการไหลเวียนของกระแสน้ำทะเลและมวลอากาศของโลกมีการเชื่อมโยงถึงกันอยู่ตลอดเวลา


    </TD></TR><TR><TD align=center>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2011
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ข่าวภัยพิบัติ แจ้งเตือนภัยก่อนปี 2555

    [​IMG]

    องค์เทพทำนายภัยพิบัติโลกผ่าน อ.จตุพร ซึ่งร้ายแรงกว่าที่มนุษย์คิดไว้มากมายนัก (2555-2558)....บทความนี้เขียนไว้เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2553

    คำทำนาย ในประเทศไทย

    ทุกวันนี้โลกเราผิดปกติไปมากขึ้นทุกที แกนโลกเริ่มขยับตัวเคลื่อนที่อย่างมาก รอวันที่มันจะผลิกคว่ำ เมื่อคนไม่ดีมีเยอะมากขึ้น ศีลธรรมเสื่อมทรามลง แกนโลกจะคว่ำ เมื่อมันคว่ำแล้ว อะไรทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหมด บางจุดน้ำจะเป็นดิน ดินจะเป็นน้ำ

    หนาวจะร้อน ร้อนจะหนาว สภาวะขาดอาหารและน้ำ จะเกิดขึ้นไปทุกหย่อมหญ้า เงินจะไม่มีความหมาย อาหาร ยา เท่านั้นที่มีความหมาย คนไม่ดีจะเหลือน้อย คนดีจะเป็นใหญ่ ความสามัคคีจะเกิด ผู้คนจะช่วยกัน เริ่มเห็นใจกัน จะมีการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ อะไรก็ตามที่ใช้ไฟฟ้า แทบจะไม่มีความหมาย คนไทยจะเริ่มอพยพ ไปทิศใหม่ เมืองใหม่จะถูกสร้างขึ้น อารยธรรมใหม่จะเกิดขึ้นที่นั้น ทรัพย์พยากรใหม่ๆ จะออกมาตามรอยแยกแผ่นดินไหว จะมีแต่คนดีที่ครอบครอง ...สมาธิ จะเป็นบทนำที่อารยธรรมใหม่แห่งนี้

    คำทำนาย ในกรุงเทพมหานคร

    วันนั้นฟ้าจะเปลียน พระอาทิตย์จะปรากฎให้เห็นเป็น 2 ดวง ทางทิศตะวันตกในเวลาเดียวกัน ท้องฟ้าจะเป็นสีแสด อากาศผิดปกติ เป็นแบบนี้ไม่กี่วัน "คนมีบุญจะรวมกลุ่มกันหนี คนบาปจะอยู่กับบ้าน" เข้ายามราตรี ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง พายุขนาดใหญ่จะมา

    (ดวงอาทิตย์ที่เห็นเคียงคู่นั้น คือดาวหาง นิบิรุซึ่งเป็นดาวฤกษ์ กำลังโคจรเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์ของสุริยจักรวาลมากขึ้น เพื่อวนรอบดวงอาทิตย์ ทุกๆ 13,000 ปี สีจะออกแดง)

    ไฟจะดับ น้ำจะเริ่มท่วม รถยนต์จะเริ่มลอย เสาไฟจะล้ม คลื่นยักษ์สูง 50 เมตร จะมากวาดทุกอย่างไปในพริบตา "คนมีบุญที่หนีได้ทัน จะไปอยู่บนยอดตึก บุญจะส่งให้เขามีเหตุให้ต้องไปอยู่บนยอดตึกในเวลานั้น" ตกเช้าน้ำจะไป ทิ้งไว้แต่โคลนสีส้มไปทั่วเมือง "กรุงเทพฯ ไม่เหมาะที่จะสร้างเป็นเมืองหลวงอีกต่อไป" ส่วนต่างจังหวัดอื่นๆ จะเกิดหนักเหมือนกัน แต่น้ำจะไปไม่เท่ากัน

    (นัยว่าก่อนโลกจะย้ายขั้ว โลกจะหยุดหมุนรอบตัวเอง เช่นเดียวกับสุริยจักรวาล ที่โคจรรอบดาวหลุมดำ แกนกลางของกาแลกซี่ทางช้างเผือก กำลังโคจรเข้ามาสู่แรงดึงดูดของกาแลกซี่ไตรแองกุลัม ทางด้านทิศตะวันออก และเริ่มชลอตัวหยุดการหมุนรอบตนเอง มาตั้งแต่ 2 เม.ย. 2552 และเริ่มเดินเป็นปรกติ เมื่อ 1 ก.พ. 2554 ที่พระอาจารย์รัตน์ พบในสมาธิ สุริยจักรวาลใช้เวลาปรับตัว หมุนสวนทิศทางเดิมอยู่ประมาณ 22 เดือน

    ถ้าโลกจะย้ายแกนปลายปี 2555 ตามปฏิทินของชาวมายา และสโตนเฮนซ์ เตือนภัยอนาคตไว้กับคนรุ่นหลัง ก็จะใช้เวลาปรับตัวย้ายแกนโลกใหม่เป็นช่วงเวลาใกล้ๆกัน แต่ในขณะที่สุริยจักรวาลเปลี่ยนทิศทางการหมุนรอบตนเองแล้ว โลกเริ่มมีผลกระทบทั้งคลื่นกัดเซาะชายฝั่งมากขึ้น แมกม่าเปลี่ยนทิศทางเดิน จะเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟปะทุขึ้นทั่วโลก

    แต่เมื่อโลกย้ายแกน ของเหลวบนเปลือกโลก และแมกม่าใต้โลก จะเปลี่ยนทางเดินขนานใหญ่ รวมทั้งอากาศแปรปรวน เกิดภัยพิบัติต่างๆตามมาทั่วโลก แต่ของเหลวที่อยู่รอบผิวโลก เช่นน้ำในมหาสมุทรต่างๆ ไม่สามารถหยุดพร้อมกับโลกได้ ด้วยแรงเฉื่อยของน้ำในมหาสมุทรต่างๆ จึงพากันวิ่งขึ้นบนบก บริเวณริมทะเลต้องรับคลื่นสูงกว่าในแผ่นดินที่อยู่ลึกเข้าไป แต่ก็จะมีภัยจากน้ำท่วมกระทันหันเกิดขึ้นได้....ผู้ที่ไม่ประมาทจึงควรติดตามความเคลื่อนไหวของสิ่งแวดล้อมโลกอย่างใกล้ชิด และลองนำมาตรวจสอบกับ การคาดการณ์ที่กล่าวมาแล้วหรือไม่

    ถึงอย่างไรก็ดี ผลการติดตามการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมโลกนี้ จะค่อยๆต่อภาพความเป็นจริงให้ทุกท่านประจักษ์ได้ด้วยตนเอง เป็นระยะๆไปแล้วเมื่อนั้นท่านจะเข้าใจ สิ่งที่พระพิฆเนศร์ ท่านเมตตามาเตือนภัยล่วงหน้า

    และชาวดาวอังคารก็มาทำ Crop Circle ที่ประเทศอินโดนีเซียเมื่อเร็วๆนี้ เตือนเหตุก่อนวิบัติกาลของโลกเช่นเดียวกับชาวมายา ในอดีต 5 พันปีได้รับการเตือนมาแล้ว ในลักษณะคล้ายๆกัน ผลสุดท้ายชาวมายาก็สูญพันธุ์ไปจากโลกใบนี้ แม้จะได้รับสัญญานเตือนล่วงหน้าแล้วก็ตาม

    ยังไม่ทราบว่าผลการชลอความเสียหายในวิบัติกาลของโลก คราวนี้จะสามารถลดความรุนแรง ลดความเสียหายได้น้อยลงได้มากสักเพียงใด โดยแทนที่จะปล่อยให้โลกสลับขั้วเหนือใต้ เช่นในคราวที่อาณาจักรแอตแลนตีสล่มจมทะเลเมื่อ 13,000 ปีก่อน รอบนี้เขาจะช่วยให้โลกย้ายแกนมาที่สฟิงซ์ หรือย้ายที่เพียง 90 องศา แทนที่จะเป็น 180 องศา การเตรียมการตรงนี้ได้เตรียมมาแล้ว 5 พันกว่าปี ก่อนลงมือสร้างสฟิงซ์ และพีระมิด ที่อียิปต์ โดยใช้เทคโนโลยี่ของชาวดาวอังคาร ในการเคลื่อนย้ายหินก้อนใหญ่ๆหนักหลายๆตัน โดยวิชชาอภิญญาใหญ่

    (ในกรณีที่โลกหยุดหมุนรอบตัวเอง และแรงดึงดูดของโลกจะเหลือน้อยเกือบศูนย์ ผู้คนจะลอยเคว้งคว้างในอากาศ เหมือนมนุษย์แหวกว่ายในอวกาศ พระอาจารย์รัตน์ ท่านเล่าให้บรรดาศิษย์ที่ไปฝึกวิปัสสนาที่วัดดอยเกิ้งฟังในวันหนึ่ง หลายเดือนมาแล้ว)

    คำทำนาย เกิดเมื่อไร

    "บอกแล้วอาจเคลื่อน เพราะเวลาจะล้างคนไม่ดี เขาไม่บอกให้ทราบล่วงหน้า ถ้าทราบล่วงหน้า คนไม่ดี หนีกันไปหมด ก็ไม่เกิดแน่นอน ก็จะผลักออกไป ให้มาเร็ว หรือช้า จนคนบนโลกประมาท เมื่อนั้น ก็จะล้างทันทีไม่ให้ตั้งตัว"

    ปัจจุบันมีผู้มีอภิญญาหลายท่านก็ทราบกันแล้ว และก็เตรียมพร้อมกันแล้ว แผนกดาราศาสตร์ขององค์การนาซ่า คำนวณว่า ดาวหางนิบิรุ จะโคจร มาเรียงแถวกับโลกและดาวต่างๆ ในเพลนของกาแลกซี่ทางช้างเผือก ในปลายปี 2555 หรือต้นๆปี 2556 แรงโน้มถ่วงของดาวนิบิรุ ที่มีขนาดใหญ่กว่าโลก และโคจรเฉียดกับโลกสวนทางกัน ตอนที่ดาวนิบิรุกำลังโคจรอ้อมดวงอาทิตย์ ช่วงเวลานั้นจะมีผลต่อโลกสูงที่สุด และที่น่าตื่นเต้นมากขึ้นไปอีกก็คือ ดาวหางดวงนี้เป็นดาวฤกษ์ที่มีดาวบริวารขนาดเท่าๆกับโลกอีก 5 ดวง ติดตามมาด้วย

    สนามแม่เหล็กโดยรวมของดาวนิบิรุ จึงมีอิทธิพลมากขึ้น จากดาวเดี่ยวๆ และสิ่งที่จะตกลงมาบนโลกจากส่วนหางของดาวดวงนี้ กลางๆปี 2555 ก็น่าจะได้สัมผัสกันบนโลก พร้อมอันตรายที่มันมีขนาดใหญ่นั่นเอง

    เวลาที่ดาวดวงนี้ใกล้เข้ามา ทุกคนน่าจะได้ยินข่าวคราวของมันอย่างใกล้ชิดเพิ่มขึ้น ก่อนที่จะปรากฏเคียงคู่กับดวงอาทิตย์ ส่งสัญญาณขั้นสุดท้าย ให้แก่ผู้ไม่ประมาทจะเคลื่อนย้ายสู่ทีกำบังที่ปลอดภัย....แล้วท่านมองๆหาทำเล และเตรียมการอย่างไรบ้างแล้ว?

    เท่าที่นายกอร์ดอน สแกลเลียน ผู้ตายแล้วฟื้น ได้มองเห็นแผนที่โลกใหม่ มาตั้งแต่ 1979 -1982 และได้ลงมือวาดแผนที่โลกใหม่ขึ้น มีส่วนสรุปคำทำนายของโซนเอเชียดังต่อไปนี้

    ผลสรุปการทำนายก็คือ ประเทศไทยจะยังเหลืออยู่บางส่วน ตามภาพที่ขยายออกมา ซึ่งคงได้ยินกันมาอยู่บ้างว่า ประเทศไทยจะเหลือมากที่สุด คือภาคเหนือ ส่วนอีสานบางส่วน และภาคใต้จะจมลงไปในทะเลพร้อมกับมาเลเซีย สิงคโปรและอินโดนีเซีย ส่วนชายฝั่งทะเลจะมาอยู่ที่ชัยภูมิ เพรชบูรณ์ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัยและตาก และแม่น้ำโขงจะกลายจากแม่น้ำเป็นทะเล

    เมื่อ 23 ก.พ. -25 ก.พ. 2554 ได้เกิดแผ่นดินไหว ดินยุบ ดินแยก ที่เกาะสุมาตราตะวันออก พร้อมกับมีเสียงระเบิดดังกึกก้องสะท้อนขึ้นมาจากใต้ดินตลอดวันตลอดคืน ทางการได้ส่งเจ้าหน้าที่มาทำการวิจัยหาสาเหตุว่าเสียงดังเกิดมาจากอะไร....ปรากฏการณ์นี้กำลังส่งสัญญาณให้มนุษย์ทราบว่า กำลังจะเกิดแผ่นดินยุบบริเวณกว้างเป็นจังหวัดๆ ไล่ถล่มออกไปเรื่อยๆ เนื่องจากแมกม่ากำลังปรับเปลี่ยนการไหลตลอดเวลา

    แผ่นดินถล่มมีโอกาสเกิดที่เกาะสุมาตราตะวันออก ในบริเวณตรงกันข้ามกับเกาะสิงค์โปร์ก่อน เนื่องจากใต้ดินบริเวณนั้นมีช่องว่างขนาดใหญ่เกิดขึ้น จากการเคลื่อนตัวของแมกม่า ทำให้แผ่นดินตั้งอยู่บนอากาศ เพดานถ้ำขนาดใหญ่จะไม่สามารถรับน้ำหนักตัวเองได้ และมวลของดินยังขาดการยึดเกาะไม่เหมือนเก่า เนื่องจากที่ผ่านมา 10 กว่าปี เปลือกโลกได้ถูกเกลียวพลังงานเส้นแรงแม่เหล็กชอนไช ทำให้ดินเสียแรงยึดเกาะระหว่างโมเลกุล ดินจึงถล่มง่ายกว่าในอดีต

    จึงต้องคอยติดตามข่าวต่อไปว่า เสียงระเบิดใต้ดินที่ดังกึกก้องตลอดเวลา นั้นหยุดลงหรือยังและยังจะมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นตามมาถี่ขึ้นหรือไม่ และสุดท้ายยังไม่ทราบแน่ว่าแผ่นเปลือกโลกในโซนนี้จะถล่มลงในเวลาไล่ๆกันทั้งหมด เหมือนที่นายกอร์ดอน สแกลเลี่ยน ได้รับภาพหรือไม่...


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2011
  14. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    19 ธ.ค.54

    อาพูดถึงนักการเมืองครับหลาน ส่วนแนวร่วมอามีหน้าที่แจ้งเตือน หน่วยเหนือท่านจะคัดสรรเองว่าใครจะได้ไปไม่ได้ไปอยู่

    อาเค
     
  15. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    10 สุดยอด สิ่งประดิษฐ์ แห่งปี 2011



    [​IMG]
    Mthainews: ความก้าวหน้าในเรื่องวิทยาศาสตร์ของมวลมนุษยชาติยังคงก้าวดำเนินต่อไป ในหลายปีที่ผ่านมากระทั่งปัจจุบัน เรามักจะเห็นสิ่งประดิษฐ์ต่างๆที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ บางอย่างเกิดจากอุปกรณ์ที่ได้จากอู่รถเก่าของพวกเขา บางคนมีความสุขที่ได้ประดิษฐ์ต่างๆ แต่ไม่ว่าจะเพื่อจุดประสงค์ใด นักประดิษฐ์เหล่านี้แสดงให้เห็นอย่างหนึ่งก็คือ พวกเขามีแรงบันดาลใจ
    เว็บไซต์ mnbc.com ได้เผยแพร่ภาพสิ่งประดิษฐ์ แห่งปี 2011 ซึ่งในปีนี้ 10 ผลงานถูกจัดอันดับไว้ดังนี้
    [​IMG]
    1.มืออัจริยะ ของมาร์ค สตาร์ค เขาได้ประดิษฐ์มือเทียม ที่มีโครงสร้าง การทำงานได้เหมือนมือมนุษย์ สามารถหยิบจับแก้วน้ำ จับลูกบอลได้ ด้วยต้นทุนการผลิตที่ไม่มาก
    [​IMG]
    เขาได้แรงบันดาลใจมาจาก เดวิด วอกท์ เพื่อนของเขาที่พิการแขนซ้ายมาแต่กำเนิด จึงเป็นที่มาของมือเทียมอัจริยะ ช่วยให้เขามีความสามารถในการทำกิจกรรมต่างๆอย่างเช่นตนอื่นๆได้อย่างสมบูรณ์
    [​IMG]
    2.ถุงมือบอดี้การ์ด ป้องกันศัตรู เดวิด บราวน์ ได้ทำการประดิษฐ์ถุงมือที่ใช้ต่อสู้กับอาชญากร และสามารถจับกุมตัวผู้ร้ายได้ ซึ่งเขาได้แรงบันดาลใจมาจากการสนนทนากับเพื่อนของเขาจากข่าวที่มีผู้ถูกสิงโตภูเขาโจมตี ทำร้ายกัดร่างกายจนเสียชีวิต
    [​IMG]
    เขาจึงนึกขึ้นได้ว่าหากเรามีมีด หรืออาวุธที่ใช้ต่อสู้กับสิ่งเหล่านี้ได้ ก็จะดีไม่น้อยทีเดียว ถุงมือชิ้นนี้ มีน้ำหนักเบาไม่ถึง 3 ปอนด์ ห่อหุ้มด้วยวัสดุที่พัฒนาให้มีความแข็งแรงบริเวณข้อศอก ไม่เพียงแต่ใช้ป้องกันศัตรูเท่านั้น แต่ยังมีไฟฟ้าแรงดันสูง กล้องวีดิโอ แสงเลเซอร์ และไฟฉายรวมอยู่ด้วย เพื่อให้ถุงมือชิ้นนี้ทำงานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น
    [​IMG]
    3.เครื่องปรินท์ อเนกประสงค์ พัฒนาโดยนายอเล็กซ์ เบรตัน ผู้ซึ่งต้องการความสะดวกสบาย สามารถปรินท์เอกสาร หรือพิมพ์ข้อมูลต่างๆบนวัสดุที่แบนราบ เช่นไม้ พลาสติก
    <IFRAME height=225 src="http://www.youtube.com/embed/fSM5z5vL-Qo" frameBorder=0 width=399></IFRAME>
    จุดเด่นของมันก็คือมีขนาดเล็ก น้ำหนักไม่ถึง 1 ปอนด์ พกพาได้ง่าย สะดวกสบาย
    [​IMG]
    4.The Katal Landing Pad แผ่นป้องกันการเกิดอุบัติเหตุสำหรับนักเล่นสกี หลังจากที่แอรอน โคเรท นักเล่นสกีผาดโผน ประสบอุบัติเหตุระหว่างเล่นสกีหิมะเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา จนคอเป็นอัมพาต ทำให้เขาและ สตีเฟน เสลน ได้คิดค้นทำแผ่นขนาดใหญ่ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
    <IFRAME height=222 src="http://www.youtube.com/embed/Bz4LcT_3jEM" frameBorder=0 width=393></IFRAME>
    โดยมันทำมาจากวัสดุที่เป็นไวนิล บรรจุลมที่มีความนุ่มและยืดหยุ่น และยังทำให้การเล่นสกีหิมะได้สนุกมากยิ่งขึ้น สิ่งประดิษฐ์ของพวกเขายังได้รับรางวัล Popular Science Invention Award in 2011 ด้วย
    [​IMG]
    5.สุดยอดแว่นตากันแดด ไดนามิค อาย คริส มูลลิน ทำการคิดค้นประดิษฐ์แว่นตากันแดดแบบไดนามิก ประกอบด้วยเลนส์ “Dynamic Eye” สามารถป้องกันแสงแดดจ้าได้โดยที่ไม่ทำให้วัตถุที่มองเห็นมีสีหมองลง
    [​IMG][​IMG]
    ซึ่งแรงบันดาลใจในการประดิษฐ์เนื่องจาก แว่นกันแดดสว่นใหญ่ยังขาดฟังก์ชันการใช้งานอื่นๆ ที่เพียงแค่กันแสงรังสีต่างๆเท่านั้น
    [​IMG]
    6.อุปกรณ์ป้องกันตัวเรือด ตัวเรือดที่ซุกซ่อนอยู่ตามเบาะที่นั่ง ที่นอน เป็นอันตรายสำหรับมนุษย์ โดยมันมักจะชอบดูดกินเลือดสัตว์และคนเป็นอาหาร ทำให้คริส กอกลิน คิดค้นประดิษฐ์เครื่องตรวจจับตัวดังกล่าว ซึ่งปกติจะหาตัวมันได้ยาก
    <IFRAME height=252 src="http://www.youtube.com/embed/zsNUOZD5lAg" frameBorder=0 width=336></IFRAME>
    เครื่องตัวนี้จะส่งสัญญาณหลังจากที่ตรวจพบกลิ่น ฟีโรโมนของมัน ทำหน้าที่คล้ายกับจมูกสุนัขดมกลิ่น ทั้งยังสามารถตรวจจับแมลงสาป และหนูได้ด้วยเช่นกัน
    [​IMG]
    7.ปากกาตรวจภาวะการตั้งครรภ์ นักศึกษาจากวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ได้เห็นถึงข้อด้อยที่ว่า การตั้งครรภ์ใช้เวลานานกว่าจะรู้ผลว่า การตั้งครรภ์มีความผิดปกติหรือไม่ จะมีภาวะแทรกซ้อนอะไรขึ้น
    [​IMG]
    ซึ่งพวกเขาได้ทำการประดิษฐ์ปากกาตรวจวัดการตั้งครรภ์ขั้นต้น ที่มีราคาถูก สามารถนำมาใช้ได้จริงตามสถานพยาบาลต่างๆ โดยการทำงานผู้ใช้จะขีดปลายปากกาลงบนหยดปัสสาวะ สีต่างๆจะสามารถบ่งบอกถึงความผิดปกติได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เพื่อให้คุณแม่สามารถรู้ความผิดปกติ และรักษาได้อย่างเนิ่นๆ
    [​IMG]
    8.เครื่องเปลี่ยนสิ่งปฏิกูลในยานพาหนะ ( Zero Liquid Discharge ) ด้วยการอ๊อกซิไดซ์ และการระเหยสิ่งปฏิกูลออกไป ให้กลายเป็นละอองของเหลว
    [​IMG]
    เป็นประโยชน์สำหรับเครื่องยนต์อย่างเรือสำราญ ที่มีสิ่งปฏิกูลจำนวนมาก โดยไม่ต้องปล่อยลงสู่ทะเล
    [​IMG]
    9.บอดี้บอร์ด ไฟฟ้า (body board) เจสัน วูดส์ ผู้ประดิษฐ์บอดี้บอร์ด ที่มีมอเตอร์ ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้รวดเร็ว ขณะโลดแล่นอยู่บนผิวน้ำ
    <IFRAME height=315 src="http://www.youtube.com/embed/npMwGbm96Do" frameBorder=0 width=420></IFRAME>
    โดยสามารถบังคับ ควบคุม โดยแฮนด์จับ
    [​IMG]
    10.กระจกวิเศษ บอกอัตราการเต้นของหัวใจ หมิง เซีย ป้อ นักศึกษาด้านเทคโนโลยี ในแมสซาชูเซตส์ คิดค้นวิธีการวัดอัตราการเต้นของหัวใจด้วยการใช้กระจกสองด้าน แล้วใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ และเว็บแคม ตรวจจับการสะท้อนของใบหน้า แปรผลออกมาผ่านกระจกด้านที่มีคนยืนอยู่
    [​IMG]
     
  16. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    MThai News : สำนักข่าวต่างประเทศได้ลงข่าวการถึงแก่อสัญกรรมของนายคิม จองอิล ผู้นำ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) ขณะเดินทางด้วยรถไฟจากเมืองเปียงยาง คาดสาเหตุของการเสียชีวิตเพราะหัวใจล้มเหลวเนื่องจากการทำงานหนัก

    โดย เมื่อปี 2010 คิมได้เปิดตัวคิมจองอุน ลูกชายคนที่ 3 เพื่อสืบทอดตำแหน่งผู้นำเกาหลีเหนือคนต่อไป
    ทั้งนี้ นายคิมนั้นต่อสู้กับโรคภาวะเส้นเลือดอุดตันในสมองมาตั้งแต่ปี 2008 นอกจากนี้ยังเป็นโรคหัวใจและเบาหวาน
    อย่างไรก็ตาม คิม จองอิลได้ชื่อว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดของเกาหลีเหนือ ที่สามารถสร้างความปั่นป่วนให้เกาหลีใต้ได้พอสมควร
    Mthai News

    [​IMG]
    สำนักข่าวต่างประเทศ เผยภาพเมืองคากายันเดโอโร และเมืองอิลิแกน บนเกาะมินดาเนา ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ กลายสภาพเป็นเมืองที่จมอยู่ใต้น้ำ มีแต่ซากปรักหักพัง หลังพายุโซนร้อนวาชิ พัดเข้าถล่ม ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และดินถล่ม
    โดยตัวเลขล่าสุด มีผู้เสียชีวิต สูงถึง 652 คน และผู้สูญหายเพิ่มขึ้นเป็น 808 คน
    Mthai News
    [​IMG]
    เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย
    ติดต่อทีมข่าว MThai News : news@mthai.com
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    Photograph: Dennis M. Sabangan/EPA , Reuters , Erwin Mascarinas/AP , Froilan Gallardo/AP , Cherryl Vergeire / AFP/Getty Images
    แท็ก : น้ำท่วม, พายุวาชิ, ฟิลิปปินส์
     
  17. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข่าว
    พล.ร.ท.พงษ์ศักดิ์ ภูุรีโรจน์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนายวิกโยธิน เปิดเผยถึงผลการประชุมเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยและกัมพูชา จากกรณีที่ทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนยิงเฮลิคอปเตอร์ ของกองทัพเรือ โดยทางฝ่ายกัมพูชาได้ส่ง ผู้บัญชาการทหารประจำจังหวัดเกาะกง ซึ่งดูแลและควบคุมทหารที่อยู่ติดเขตแดนของไทย
    โดยการหารือมีการพูดถึง 3 เรื่อง คือ
    1.ความผิดพลาดที่เกิดจากแผนที่ที่ใช้ไม่ตรงกัน ทำให้มีพื้นที่ทับซ้อนอยู่ประมาณ 500 เมตร
    2.การติดต่อของฝ่ายกัมพูชา โดยหน่วยเหนือกับหน่วยรองจนไปถึงผู้ปฏิบัติ ไม่มีเครื่องมือในการติดต่อสื่อสาร เช่น เมื่อฝ่ายเราติดต่อไปว่าตอนบ่ายจะนำเฮลิคอปเตอร์บินปฏิบัติภารกิจ เขาสื่อสารไปถึงลูกน้องของเขาไม่ทันเวลา และ
    3.ฝ่ายกัมพูชา ตั้งแต่ที่มีการปะทะกันบริเวณปราสาทพระวิหาร เขาได้สั่งกำชับว่าหากมีการรุกล้ำทางอากาศยานให้ใช้อาวุธได้ทันที เขาก็ยึดถือคำสั่งนั้น และเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เกิดความเข้าใจผิดกัน
    “พล. ต. ยอนมิน ยอมรับและขอโทษที่ทหารฝ่ายกัมพูชาประมาทจนทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยเห็นว่า ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เป็นเพื่อนบ้านกัน หากเราล้ำแดนก็ให้ประท้วง ทำไมต้องยิงกัน ซึ่งจะนำเรื่องทั้งหมดไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกัมพูชาให้รับทราบเพื่อจะได้พูดคุยกับผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของไทยอีกครั้งหนึ่ง” พล.ร.ท.พงษ์ศักดิ์ ระบุ
    Mthai News


    [​IMG]
    สำนักข่าวต่างประเทศเผยภาพ แม่น้ำเจี้ยนเหอ ในเมืองลั่วหยาง มณฑลเหอหนัน ประเทศจีน ที่น้ำกลายเป็นสีแดงเลือด
    ทั้งนี้ สำนักข่าวท้องถิ่นรายงานว่า สาเหตุที่น้ำในแม่น้ำเจี้ยนเหอกลายเป็นสีเลือดนี้ เกิดจากสารพิษที่ถูกปล่อยออกมาจากการย้อมสีของโรงงานเถื่อน 2 แห่ง
    โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้นำน้ำไปวิเคราะห์เพื่อหาทางบำบัดและฟ้องร้องโรงงานเถื่อนทั้ง 2 แห่งแล้ว
    Mthai News
    [​IMG]
    เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย
    ติดต่อทีมข่าว MThai News : news@mthai.com
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    แท็ก : แม่น้ำสีเลือด
     
  18. sirathep

    sirathep Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +67
    มีผู้ทรงปัญญา แจ้งข่าวมาว่า ในช่วงเทศกาลคริสต์มาศ และปีใหม่ ถ้ามีทุกคนเวลา ขอเชิญชวนช่วยกันสวดมนต์และแผ่เมตตากันเถิด เพราะสถานการณ์ของภัยพิบัติที่ร้ายแรงมีแนวโน้มว่าอาจจะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลที่ใกล้จะมาถึงนี้ (มีโอกาส 50-50) โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เพิ่งได้รับภัยพิบัติมา ก็อาจเกิดภัยพิบัติซ้ำซ้อนได้ ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพสนามแม่เหล็กของโลก ในขณะนี้สนามแม่เหล็กของโลกอยู่ในสถานภาพที่ไม่สมดุล อันเป็นผลเนื่องจากกรรมไม่ดีของชาวโลกรวมถึงท่านทั้งหลาย ได้ส่งพลังงานที่ไม่ดีไปกระทบทำให้พลังงานแห่งสนามแม่เหล็กโลกอยู่ในสภาพควบคุมสมดุลไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่างๆ ที่มีการรื่นเริง มนุษย์ก็จะเฉลิมฉลองซึ่งเต็มไปด้วยกิเลส ยิ่งส่งผลให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง การรักษาจิตให้อยู่ในความสงบ และการสวดมนต์ก็เป็นทางหนึ่งที่ช่วยส่งพลังงานแห่งความเมตตาแผ่ออกไป ซึ่งพลังงานที่ดีสามารถเสริมสร้าง morphic field ให้เกิดปรับตัวสู่สมดุลได้

    บางท่านอาจไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ท่านที่มีความเข้าใจว่าภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดเร็วๆ นี้ หรือในอนาคตข้างหน้านั้น เหตุของการเกิดก็หาใช่ใคร ก็พวกเราทั้งหลายนั่นเองที่สร้างกรรมไม่ดี อกุศลจิตหรือจิตที่ไม่สะอาดเต็มไปด้วยอำนาจด้านมืดก็เป็นเครื่องทำลายให้โลกนี้เต็มไปด้วยภัยพิบัติจากทั้งธรรมชาติและมนุษย์ด้วยกัน มนุษย์นั้นทำลายโอกาสของตัวเองด้วยความเห็นแก่ตัวของตัวเอง ดังที่ท่านพุทธาสได้เคยกล่าวไว้ว่า "ศีลธรรมไม่กลับมาโลกาจะวินาศ" ขอความเมตตาจากท่าน ได้ช่วยค้ำจุนสรรพชีวิตในดินแดนแห่งนี้ได้มีโอกาสต่อไปอีกสักเพลา โดยการร่วมกันสวดมนต์แผ่เมตตา แต่ละศาสนา ก็สวดด้วยวิธีการของตน เวลาที่เหมาะ น่าจะเป็นช่วง 2-3 ทุ่ม ของทุกวัน ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงคืนวันปีใหม่ ยิ่งสวดกันมากๆ ยิ่งลดโอกาสความเสี่ยงที่จะเกิดภัยพิบัติในช่วงนี้ ให้เลื่อนออกไปตามเหตุผลสมควรที่จะเกิด หากสนใจสวดมนต์ ไม่รู้จะสวดบทไหนดี ก็อาจเลือกบทสวดบูชาพระมหาโพธิสัตว์ "โอม มณี เป เม ฮง" หรือบทมหาเมตตาใหญ่ เข้าไปดูได้ที่
     
  19. นายสุริยา

    นายสุริยา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +94
    อนิจัง ทุกขัง อนัตตา
    อะไรจะเกิดให้มันเกิดทำจิตใจให้ผ่องแผ้วรักษาศีลให้บริสุทธิ์เคารพนับถือพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์เป็นที่สุดทำบุญแผ่เมตตาเชื่อมั่นในบารมีและสิ่งที่เราเคารพสูงสุดคือพระรัตนไตรและปฎิหารจะเกิดแก่ท่าน แต่ทางที่ดีทำบุญเตรียมตัวตายดีกว่าได้ไปสวรรค์ไม่ต้องมาเจอเรื่องวุ่นวายในสังคมโลกอีกแล้วแต่พวกท่านจะปราถนาเทอญ ถ้าพ้นปี2560ไปแล้วยังมีชีวิตอยู่ของให้พวกเราได้เจอกันและมาสร้างบุญด้วยกันนะครับพี่น้องร่วมโลก สาธุขอบารมีรวมตั้งแต่องค์ปฐมจนถึงพระบรมมหาจักพรรดิ์บารมีพระปัจเจกพุทธเจ้าพระโพธิสัตย์พระอริยสาวกทุกพระองค์พระธรรมพระสงฆ์ตั้งแต่อดีตปัจจุบันอนาคตบารมีครูบาอาจาร์บารมีหลวงปู๋ทวดบารมีหลวงปู่ดู่หลวงตาม้าให้ปกปักรักษาพวกพี่น้องชาวไทยของข้าพพุทธเจ้าด้วยเทอญของให้ท่านทั้งหลายมีความสุขความเจริญสาธุ
    ปล.พิมคำได้ผิดพลาดหรือประมาดพลาดต่อพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ขอขมา อโหสิแก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ
    มีไรpmมาแลกเปลี่ยนกันนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2011
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อารมณ์พระโสดาบัน

    [​IMG]
    พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

    เนื่องจากในขณะนี้ ครูบาอาจารย์หลายๆสำนัก พยายามเน้นสอนลูกศิษย์ในเรื่องการละวางอัตตาตัวตน หรือความยึดมั่นถือมั่นในร่างกายนี้ว่าเป็นตัวเราของเราให้ได้ เพื่อให้ทันกับภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดในอนาคตอันใกล้นี้ ผมจึงขออนุญาต นำคำสอนเรื่องการละวางอัตตาตัวตน(สักกายทิฏฐิ) ในระดับพระโสดาบัน ซึ่งแสดงธรรมโดยพระราชพรหมยาน มาให้ท่านทั้งหลายได้พิจารณากันดังนี้ครับ

    <CENTER><TABLE id=AutoNumber1 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#111111 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    <CENTER><TABLE id=AutoNumber2 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#111111 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">
    <TABLE cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="90%" border=1><TBODY><TR><TD align=left>อารมณ์พระโสดาบัน
    ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย เวลานี้ท่านทั้งหลายได้สมาทานศีล สมาทานพระกรรมฐานแล้ว ต่อไปนี้ขอได้โปรดฟังคำแนะนำ อารมณ์ของพระโสดาบัน
    สำหรับวันนี้จะได้พูดถึงอารมณ์ของท่านที่ทรงความเป็นพระโสดาบัน ท่านทั้งหลายจะได้ทราบไว้ว่า คนที่เป็นพระโสดาบันแล้วมีอารมณ์เป็นยังไง ส่วนใหญ่คนทั้งหลายมักจะมีความรู้สึกว่า คนที่เข้ามาเจริญพระกรรมฐาน หรือสมถภาวนา หรือ วิปัสสนาญาณ และเริ่มเข้ามาเจริญแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องตัดหมดนั้นเป็นความรู้สึกผิดของท่านผู้มีความคิดอย่างนั้น
    ความจริงการเจริญพระสมณธรรมมีอารมณ์เป็นขั้น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านที่ทรงจิตเป็น ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิหรือ อัปปนาสมาธิ สำหรับอัปปนาสมาธินี้หมายถึงอารมณ์ฌาน ตั้งแต่ฌานที่ 1 ถึงฌานที่ 8 อารมณ์ประเภทนี้จะระงับได้เพียงนิวรณ์ 5 ประการ แต่ก็เป็นเพียงระงับเท่านั้นไม่ใช่ตัด ถ้ายังมีความประมาทจิตคิดชั่ว ฌานก็สลายตัว เป็นอันว่าผู้ทรงฌานโดยเฉพาะอย่างยิ่งฌานโลกีย์ ยังไม่มีความหมาย ในการเจริญสมณธรรมในพระพุทธศาสนา ถึงแม้ว่าท่านผู้นั้นจะได้มโนมยิทธิก็ดี ได้อภิญญา 5 ในอภิญญา 6 ก็ดี ได้ 2 ในวิชชาสามก็ดี ก็ยังไม่มีความหมายในการตัดอบายภูมิ ท่านที่จะตัดอบายภูมิได้จริง ๆ ก็คือ ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป
    คำว่า พระโสดาบัน แปลว่า ผู้เข้าถึงกระแสพระนิพพาน
    ฉะนั้นพระโสดาบันก็ยังตัดอะไรไม่ได้หมด เป็นแต่เพียงว่ามีอารมณ์ชนะสังโยชน์ 3 ประการเบื้องต้น แต่เพียงอย่างอยาบเท่านั้น อารมณ์ชนะสังโยชน์ 3 ประการเบื้องต้นก็คือ
    1. สักกายทิฏฐิที่มีความรู้สึกว่าสภาพร่างกายหรือว่าขันธ์ 5 เป็นเรา เป็นของเรา เรามีในขันธ์ 5 ขันธ์ 5 มีในเรา เฉพาะอย่างยิ่งในด้านสักกายทิฏฐินี้ พระโสดาบันลดลงมาได้เพียงเล็กน้อย ยังมีความรู้สึกว่าร่างกายเป็นเรา เป็นของเราอยู่ แต่ทว่ามีอารมณ์ไม่ประมาท มีความรู้สึกอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย ที่ท่านกล่าวว่าบรรดาพระโสดาบันกับพระสกิทาคามี เป็นผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ มีสมาธิเล็กน้อย คำว่าสมาธิเล็กน้อยคือ อารมณ์สมาธิของท่านผู้เจริญฌานสมาบัติ มีอารมณ์ตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป ยังไม่ถึงฌาน 4 ก็สามารถจะเป็นพระโสดาบันได้
    สำหรับที่ว่ามีปัญญาเล็กน้อย ก็เพราะว่ายังไม่สามารถตัดขันธ์ 5 ได้เด็ดขาดด้วยกำลังของจิต ยังมีความรู้สึกว่าร่างกายเป็นเรา เป็นของเรา แต่ทว่าความรู้สึกของท่านมีความดีอยู่หน่อยหนึ่งว่าเราจะต้องตาย ยังไง ๆ ก็ต้องตายแน่ เหมือนกับที่เปสการีมีอารมณ์คิดถึงคำสั่งสอนของสมเด็จพระธรรมสามิสร ที่ทรงตรัสว่า
    ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง ท่านทั้งหลายจงอย่ามีความประมาทในการสร้างความดี
    นี่ความรู้สึกของพระโสดาบันในด้านสักกายทิฏฐิ มีอยู่จุดนี้เข้าใจไว้ด้วย มีคนพูดกันว่าถ้าเจริญสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน จะต้องสามารถระงับทุกขเวทนาได้หมด ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่ร้อน ไม่หนาว นี่ไม่ใช่ความจริง ร่างกายยังมีความรู้สึก ร่างกายยังมีมีจิตเป็นเครื่องรักษา ร่างกายยังมีวิญญาณรู้การสัมผัส ถึงแม้ว่าพระอรหันต์ก็ดี พระพุทธเจ้าก็ดีก็ยังรู้สึก รู้สึกเจ็บ รู้สึกปวดเหมือนกัน
    นี่ว่ากันถึงอารมณ์ของพระโสดาบัน เมื่อจิตเข้าถึงพระโสดาบันแล้ว มีความไม่ประมาทในชีวิต มีความรู้สึกเสมอว่าเราจะต้องแก่ เราจะต้องตาย แล้วก็ขึ้นชื่อว่าความตายนี้ไม่มีนิมิตเครื่องหมาย ไม่ใช่ว่าจะไปกำหนดอายุการตายว่าต้องตายเท่านั้นเท่านี้ จะตายตั้งแต่ความเป็นเด็ก หรือ ความเป็นหนุ่มเป็นสาว ความเป็นคนแก่ อาการที่จะตาย อาจจะด้วยโรคภัยไข้เจ็บ อาจจะตายด้วยอุบัติเหตุ หรือตายเช้า ตายสาย ตายบ่าย ตายเที่ยง ตายกลางคืน ตายดึก ตายหัวค่ำก็เอาแน่นอนไม่ได้
    ฉะนั้น พระโสดาบันจึงไม่ประมาทในชีวิต คิดว่าถ้าเราจะตายก็เชิญ แต่เราจะตายอยู่กับความดี อารมณ์ของพระโสดาบันที่จะคัดค้านคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระชินศรีนั้นไม่มี คือว่าเป็นคนไม่สงสัยในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า นี่เป็นอันดับที่ 2 ที่เรียกว่าวิจิกิจฉา พระโสดาบันตัดสังโยชน์ตัวที่ 2 ได้ คือ ความสงสัย ที่เรียกว่า วิจิกิจฉา ขึ้นชื่อว่าความสงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่มีในพระโสดาบัน เกิดขึ้นด้วยกำลังของปัญญา ที่พิจารณาหาความจริงว่า
    พระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นปัจจัยให้เกิดความสุข
    และอันดับ 3 สีลัพพตปรามาส พระโสดาบันย่อมทรงศีลบริสุทธิ์ตามฐานะของตัว คำว่า ฐานะของตัวก็หมายความว่า ถ้าเป็นฆราวาสก็มีศีล 5 เป็นปกติ มีศีล 5 บริสุทธิ์อยู่ตลอดเวลา ไม่มีเจตนาในการทำลายศีล รักษาศีลบริสุทธิ์ ไม่ทำลายศีลด้วยตนเอง ไม่ยุให้บุคคลอื่นทำลายศีล แล้วก็ไม่ยินดีเมื่อบุคคลอื่นทำลายศีลแล้ว เป็นอันว่าพระโสดาบันเป็นผู้มีความทรงอารมณ์อยู่ในศีลเป็นสำคัญ หนักหน่วงในเรื่องของศีล ยอมตัวตายดีกว่าศีลขาด
    ที่กล่าวมานี้หมายความว่า สังโยชน์ 3 ประการนี่ พระโสดาบันปฏิบัติมีจิตเข้าถึงตามนี้ นี่ก็พูดกันไปว่าก่อนที่จะเข้าถึงความเป็นพระโสดาบันจากโลกียะเป็นโลกุตตระ ตอนนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเรียกว่า โคตรภูญาณ ขณะเมื่ออารมณ์จิตของท่านผู้ปฏิบัติเข้าถึงโคตรภูญาณ
    คำว่าโคตรภูญาณ นี่ก็หมายความว่า จิตของท่านผู้นั้น ยังอยู่ในระหว่างโลกียะกับโลกุตตระ
    แต่ทว่าอารมณ์ตอนนี้จะไม่ขังอยู่นาน บางท่านจิตจะทรงอยู่เพียงแค่ชั่วโมงหนึ่ง หรือไม่ถึงชั่วโมง และบางท่านก็อยู่ถึงอาทิตย์สองอาทิตย์ถึงเป็นเดือนก็มี สุดแล้วแต่ความเข้มแข็งของจิต ในช่วงที่จิตเข้าถึงโคตรภูญาณ ท่านกล่าวว่า ในขณะนั้นอารมณ์จิตของนักปฏิบัติ จะมีความรักพระนิพพานอย่างยิ่ง คือมีความรู้สึกอยู่เสมอว่ามนุษย์โลกก็ดี เทวโลกก็ดี พรหมโลกก็ดี ไม่เป็นแดนแห่งความสุข ถ้าเราเกิดเป็นมนุษย์ มันก็ทุกข์ตลอดเวลา ถ้าเกิดเป็นเทวดาก็พักทุกข์ชั่วคราว หรือ พรหมก็เช่นเดียวกัน ถ้าหมดบุญวาสนาบารมีแล้วก็จะต้องจากเทวดา จากพรหมมาเกิดเป็นคนบ้าง บางรายก็เกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นอันว่าเขตทั้ง 3 จุด ไม่มีความหมายสำหรับใจ
    จิตใจของท่านที่มีอารมณ์เข้าถึงโคตรภูญาณ ใจมีความต้องการอย่างเดียวคือ พระนิพพานเป็นปกติ
    แต่ทว่าพอจิตพ้นจากโคตรภูญาณไปแล้ว ก้าวเข้าสู่ความเป็นพระโสดาบันเต็มที่ ที่เรียกว่า โสดาปัตติผล ตอนนี้อารมณ์จิตของท่านละเอียดขึ้นมานิดหนึ่ง นอกจากจะรักพระนิพพานเป็นอารมณ์ แล้วก็มีความรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลก มันเป็นของธรรมดา
    การนินทาว่าร้ายที่จะปรากฏขึ้นกับบุคคลผู้ใดกล่าวถึงเรา จิตดวงนี้มีความรู้สึกว่า ธรรมดาของคนที่เกิดมาในโลกมันเป็นอย่างนี้ ความป่วยไข้ไม่สบายเกิดขึ้น การพลัดพรากจากของรักของชอบใจเกิดขึ้น มีความรู้สึกหนักไปในด้านของธรรมดา แต่ทว่าธรรมดาของพระโสดาบัน ยังอ่อนกว่า ธรรมดาของพระอรหันต์มาก
    ฉะนั้น ท่านที่เข้าถึงความเป็นพระโสดาบัน จึงยังมีความรักในระหว่างเพศ ยังมีการแต่งงาน ยังมีความอยากรวย ยังมีความโกรธ ยังมีความหลง ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่า ท่านกล่าวไว้แล้วว่า พระโสดาบันมีสมาธิเล็กน้อย และก็มีปัญญาเล็กน้อย หากว่าท่านทั้งหลายจะถามว่า ถ้าคนยังมีความรักในเพศ ยังมีการแต่งงาน ยังมีการอยากรวย ยังมีความโกรธ ยังมีความหลงก็ดูเหมือนว่าพระโสดาบันก็คือ ชาวบ้านธรรมดา
    แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น ความรักในระหว่างเพศก็ดี ความอยากรวยก็ดี ความโกรธก็ดี ความหลงก็ดี ของพระโสดาบันอยู่ในขอบเขตของศีล เรารักในรูปโฉมโนมพรรณ มีการแต่งงานกันได้ระหว่างสามีภรรยาของตนเอง ยอมเคารพในสิทธิซึ่งกันและกัน จะนอกใจสามีและภรรยา ขึ้นชื่อว่า กาเมสุมิจฉาจาร จะไม่มีสำหรับพระโสดาบัน จะทำให้ครอบครัวนั้นมีอารมณ์เป็นสุข
    และประการที่ 2 พระโสดาบันยังมีความโกรธ ท่านโกรธจริง พูดเป็นที่ไม่ถูกใจท่านก็โกรธ ทำให้ไม่เป็นที่ไม่ถูกใจท่านก็โกรธ แต่ทว่าพระโสดาบันมีแต่อารมณ์โกรธ ไม่ประทุษร้ายให้เขามีการบาดเจ็บ และไม่ฆ่าคนหรือสัตว์ที่ทำให้ตนโกรธ ให้ถึงแก่ความตาย เป็นอันว่าความโกรธหรือความพยาบาทของท่าน อยู่ในขอบเขตของศีล จิตโกรธแต่ว่าไม่ทำร้าย คือ แตกต่างกับคนธรรมดาตรงนี้
    สำหรับด้านความหลงของพระโสดาบัน ที่ขึ้นชื่อว่าหลง เพราะยังมีความรักในเพศ ยังมีความอยากรวย เมื่อสักครู่นี้ข้ามคำว่าอยากรวยไป การอยากรวยของพระโสดาบัน คือ ต้องการความรวยในด้านสุจริตธรรมเท่านั้น เรียกว่า การทุจริตคิดร้ายคดโกงบุคคลอื่นใด ไม่มีในอารมณ์จิตของพระโสดาบัน ประกอบอาชีพด้วยความสุจริต เพราะอาศัยยังรักในความสวยสดงดงาม คือ รูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่าเพศยังมีอยู่ ยังมีความอยากรวย ยังมีความโกรธ ยังมีความหลง เพราะว่ายังคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ยังมีของสวยของงาม การถือตัวถือตนแบบนี้ จึงเชื่อว่ายังมีความหลง แต่ความหลงของพระโสดาบันนั้น ไม่สามารถจะนำบุคลผู้นั้น ในเวลาแล้วไปสู่อบายได้
    จุดนี้ขอบรรดาท่านทั้งหลายผู้รับฟัง จงจำไว้ว่า ความจริงอารมณ์ของพระโสดาบันนั้น ไม่แตกต่างกับชาวบ้านธรรมดาเท่าไรนัก ชาวบ้านธรรมดา ยังมีความรักในเพศ ยังมีสามี ภรรยา แต่ทว่ายังมีการนอกใจภรรยา สำหรับพระโสดาบันไม่มี ชาวบ้านอยากรวยก็ยังมีการคบคิดกันคดโกง การโกงมีการยื้อแย่งฉกชิงวิ่งราวดูทรัพย์ สำหรับพระโสดาบันนี่ ถ้าต้องการรวยก็รวยด้วยการสุจริต หากินด้วยความชอบธรรม ต่างกันตรงนี้
    พระโสดาบันยังมีความโกรธ ชาวบ้านโกรธแล้วก็ปรารถนาจะประทุษร้าย ถ้ามีโอกาสก็ประทุษร้ายบุคคลที่เราโกรธ ถ้าสามารถจะฆ่าได้ก็ฆ่า สำหรับพระโสดาบันมีแต่ความโกรธ การประทุษร้ายไม่มี การฆ่าการประหารไม่มี นี่ต่างกันกับชาวบ้าน
    พระโสดาบันยังมีความหลง ตามที่ได้กล่าวมาด้วยอาการที่ผ่านมาแล้ว แต่ทว่าพระโสดาบันก็ไม่ลืมคิดว่า เราจะต้องตาย เมื่อเราตายแล้ว เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ตอนนี้พระโสดาบันไม่เสียใจ ไม่เสียดาย ถือว่าถ้าตายเราจะมีความสุข นี่ขอท่านทั้งหลายจำอาการอารมณ์จิตที่เข้าถึงพระโสดาบันไว้ด้วย
    ตอนนี้จะขอพูดอีกนิดหนึ่งถึงอารมณ์ความจริงของพระโสดาบัน ที่เรียกกันว่า องค์ของพระโสดาบัน
    คำว่า องค์ ก็ได้แก่ อารมณ์จิตที่ทรงไว้อย่างนั้นอย่างแนบแน่นสนิท นั่นก็คือ
    1.พระโสดาบันมีความเคารพในพระพุทธเจ้าอย่างจริงใจ ไม่คลายในความเคารพในพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะมีเหตุผลใด ๆ เกิดขึ้น ใครจะมาจ้างให้รางวัลมาก ๆ ให้กล่าวว่าพระพุทธเจ้าไม่ใช่พระพุทธเจ้า พระธรรมไม่ใช่พระธรรม พระสงฆ์ไม่ใช่พระสงฆ์ แม้แต่พูดเล่นพระโสดาบันก็ไม่พูด ทั้งนี้เพราะว่าอะไร เพราะว่าท่านมีความเคารพในพระพุทธเจ้า มีความเคารพในพระธรรม มีความเคารพในพระอริยสงฆ์อย่างจริงใจ แต่ทว่าระวังให้ดี ถ้าพระสงฆ์เลว พระโสดาบันไม่ใส่ข้าวให้กิน
    ตัวอย่าง ภิกษุโกสัมพี มีความประพฤติชั่ว ตอนนั้นฆราวาสที่เป็นพระอริยเจ้านับหมื่น ไม่ยอมใส่ข้าวให้กิน เพราะถือว่าเป็นโจรปล้นพระพุทธศาสนา เป็นผู้ทำลายความดี ไม่ใช่ว่าเป็นพระอริยเจ้าแล้วละก็ จะเมตตาไปเสียทุกอย่าง ท่านเมตตาแต่คนดีหรือว่าบุคคลผู้ใดมีความประพฤติชั่วท่าน แนะนำแล้วสามารถจะกลับตัวได้ พระโสดาบันก็เมตตา ถ้าเขาชั่วแนะนำแล้วไม่สามารถจะกลับตัวได้ พระโสดาบันก็ทรงอุเบกขา คือ เฉยไม่สงเคราะห์ โปรดจำอารมณ์ตอนนี้ไว้ให้ดี
    2. ในประการต่อไป พระโสดาบันมีศีลบริสุทธิ์ ขอพูดย่อให้สั้น เพราะองค์ของพระโสดาบันก็คือ
    (1) มีความเคารพในพระพุทธเจ้า
    (2) มีความเคารพในพระธรรม
    (3) มีความเคารพในพระอริยสงฆ์
    นี่จัดเป็นองค์ที่มี 3 ประการ
    (4) และสิ่งที่จะแถมขึ้นมาก็คือรักพระนิพพานเป็นอารมณ์ ทำทุกสิ่งทุกอย่างไม่หวังผลตอบแทน ไม่หวังความดีมีชื่อเสียงในชาติปัจจุบัน มีความรู้สึกต้องการอยู่อย่างเดียวว่าเราทำความดีทุกอย่างเพื่อพระนิพพานเท่านั้น อารมณ์จิตตอนนี้ขอบรรดาท่าพุทธบริษัทภิกษุ สามเณรทุกท่านต้องจำไว้ จงอย่าไปคิดว่าพระโสดาบันเลอเลิศไปถึงอารมณ์อรหันต์โดยมากมักจะคิดว่าอารมณ์ของพระอรหันต์เป็นอารมณ์ของพระโสดาบัน ก็เลยทำกันไม่ถึง นี่เป็นการคิดผิด ความจริงการเป็นพระโสดาบันเป็นง่าย มีอารมณ์ไม่หนักที่หนักจริง ๆ ก็ คือ ศีลอย่างเดียว
    ต่อไปนี้ขอพูดถึงอาการของพระโสดาบันที่จะพึงได้ พระโสดาบันจัดเป็น 3 ขั้น คือ
    1.สัตตักขัตตุง สำหรับที่ท่านเป็นพระโสดาบันมีอารมณ์ยังอ่อน จะต้องเกิดและตายในระหว่างเทวดาหรือพรหมกับมนุษย์อีกอย่างละ 7 ชาติ เป็นมนุษย์ชาติที่ 7 และเข้าถึงความเป็นอรหัตผล
    2. ถ้ามีอารมณ์เข้มแข็งปานกลาง ที่เรียกกันว่า โกลังโกละอย่างนี้จะทรงความเป็นเทวดาหรือมนุษย์อีกอย่างละ 3 ชาติครบเป็นมนุษย์ชาติที่ 3 เป็นพระอรหันต์
    3.สำหรับพระโสดาบันที่มีอารมณ์เข้มแข็งเรียกว่า เอกพิชี นั่นก็จะเกิดเป็นเทวดาอีกครั้งเดียว มาเกิดเป็นมนุษย์แล้วก็เป็นพระอรหันต์
    4.ที่พูดตามนี้ หมายความว่า ท่านผู้นั้นเมื่อเป็นพระโสดาบันแล้วเกิดใหม่ไม่ได้พบพระพุทธศาสนา จะต้องฝึกฝนตนเองอยู่เสมอทุกชาติ แต่ว่าความเป็นมิจฉาทิฏฐิในชาติต่อ ๆไป จะไม่มีแก่พระโสดาบัน เพราะว่า พระโสดาบันไม่มีสิทธิที่จะไปเกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน จะเกิดได้แค่ช่วงแห่งความเป็นมนุษย์กับเทวดาหรือพรหมสลับกันเท่านั้น
    เป็นอันว่าพระโสดาบันนี่ ถ้าท่านทั้งหลายพิจารณาให้ดีแล้ว ก็มีความรู้สึกว่าเป็นของไม่ยาก
    หากว่าท่านจะถามว่า พระโสดาบันทั้งสัตตักขัตตุง โกลังโกละ และเอกพีชี มีอารมณ์ต่างกันอย่างไร
    ก็จะขอตอบว่า พระโสดาบันขั้นสัตตักขัตตุง มีจริยาคล้ายชาวบ้านธรรมดามาก ยังมีอารมณ์รุนแรงในความรัก ยังมีอารมณ์รุนแรงในความโลภ ในความโกรธ ในความหลง แต่ทว่าเป็นผู้มั่นคงในศีล ไม่ละเมิด
    สำหรับพระโสดาบันขั้นโกลังโกละ ขั้นโกลังโกละนี้มีอารมณ์เยือกเย็นมาก หรือว่ามีความมั่นในคุณพระรัตนตรัย มีศีลมั่นคงมาก ความจริงเรื่องศีลนี่มั่นคงเหมือนกัน แต่ว่าจิตท่านเบาบางในด้านความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความคำนึงถึงอารมณ์อย่างนี้มีอยู่แต่ก็น้อย ถ้ามีคู่ครองเขาจะโทษว่า กามคุณท่านจะลดหย่อนลงไป ความสนใจในเพศ ความสนใจในความโลภ อารมณ์แห่งความโกรธ อารมณ์แห่งความหลงมันเบา กระทบไม่ค่อยจะมีความรู้สึก
    สำหรับพระโสดาบันขั้นเอกพีชี ในตอนนี้อารมณ์ของท่านผู้นั้น จะมีอารมณ์ธรรมดาอยู่มาก ขอท่านทั้งหลายโปรดอย่าลืมว่า พระอริยเจ้าจะเป็นฆราวาสก็ดี จะเป็นพระก็ดี จะเป็นเณรก็ดี จะเป็นคนมีจิตละเอียด ไม่ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา และไม่ขัดคำสั่ง ไม่ฝ่าฝืนกฎระเบียบวินัยและกฏหมาย อันนี้เป็นอารมณ์ของพระโสดาบัน ที่ท่านทั้งหลายจะพึงทราบ
    สำหรับเอกพิชีนี่ ความจริงมีอาการจิตใจใกล้พระสกิทาคามี แต่ทว่าสิ่งที่จะระงับไว้ได้นั้น กดด้วยกำลังของศีล มีความรู้สึกว่าเราจะต้องประคับประคองศีลของเราให้แจ่มใสอยู่เสมอ มองดูความรักในระหว่าเพศ หรือว่าความร่ำรวย หรือว่าความโกรธ หรือหลงในระหว่างเพศ หลงในสภาวะต่าง ๆ เห็นว่าเป็นของไร้สาระ มีอารมณ์เบาในความปรารถนาในสิ่งนั้น ๆ แต่ทว่าก็ยังมีความปรารถนาอยู่
    เอาละ บรรดาสาวกขององค์สมเด็จพระบรมครู เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ วันนี้คงไม่ได้อารมณ์แห่งการปฏิบัติ แต่ทว่าอารมณ์แห่งการปฏิบัติ ในความเป็นพระโสดาบันท่านฟังกันมาแล้วสองคืน ผมเองมีความรู้สึกว่า ท่านทั้งหลายคงจะรู้สึกว่าง่ายสำหรับท่าน แต่ถ้าหากว่าเห็นว่าอารมณ์ของพระโสดาบันยากนี่ ถ้าเป็นพระเป็นเณร ผมไม่ถือว่าเป็นพระเป็นเณร ผมถือว่าเป็นเถน เถนในที่นี้หมายความว่ามี สระเอ นำหน้า มีถอถุง และ นอหนู เขาแปลว่าหัวขโมย คือ ขโมยเอาเพศของพระอริยเจ้ามาหลอกลวงชาวบ้าน ตามปกติพระกับเณรนี่ต้องทรงศีลบริสุทธิ์อยู่แล้ว
    เอาละ พุดไปเวลามันเกินไป 1 นาที ก็ขอพอไว้แต่เพียงนี้ หวังว่าท่านทั้งหลายคงจะเข้าใจ ต่อแต่นี้ไปขอท่านทั้งหลายตั้งกายให้ตรง ดำรงจิตให้มั่น จะอยู่ในอิริยาบถใดก็ตาม นั่งก็ได้ ยืนก็ได้ เดินก็ได้ นอนก็ได้ตามอัธยาศัย ทรงกำลังใจควบคุมความเป็นพระโสดาบันของท่านไว้ จนกว่าจะถึงเวลาที่ท่านเห็นว่าสมควร สวัสดี
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    ที่มา http://www.palungjit.org/smati/books/index.php?cat=195
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 108000644.jpg
      108000644.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.2 KB
      เปิดดู:
      4,680

แชร์หน้านี้

Loading...