คนที่มีลักษณะอย่างนี้เขาเป็นคนยังไงคะ คบได้ไหม?

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ใจเอ๋ย, 4 มกราคม 2012.

  1. ใจเอ๋ย

    ใจเอ๋ย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2012
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +0
    1.ไม่ได้ใส่บาตรมานานสี่ห้าปี เนื่องจากพระแถวบ้านนิยมยืนหรือนั่งอยู่กับที่มากกว่าเดินบิณฑบาตร จึงไม่เลื่อมใส

    2.เป็นคนชอบไปวัด....แต่ไม่ชอบไปวัดเชิงพาณิชย์ /ไม่ชอบไปวัดที่คนแห่กันมาเยอะๆ(ดูวุ่นวาย)/ไม่ชอบไปวัดที่มีโฆษกประกาศเชิญชวนให้ทำบุญต่างๆ แบบเสียงดังสนั่น จนฟังพระสวดสังฆทานไม่รู้เรื่อง / ไม่ชอบไปวัดที่บังคับให้ทำบุญบูชาค่าดอกไม้ธูปเทียนตามอัตราที่กำหนด / ไม่ชอบไปวัดที่พระไม่สำรวม
    สรุปแล้ว...ชอบไปวัดเพื่อกราบนมัสการองค์พระในโบสถ์ นั่งสมาธิ ฟังธรรม ฟังเสียงระฆังใบน้อย ฟังเสียงลมเสียงใบไม้

    3.สวดมนต์ภาษาบาลีได้แค่บทพื้นๆ ไม่กี่บท แต่สวดมนต์เพียงไม่กี่บทนั้นทุกๆ วันไม่เคยขาด

    4.ถือสีล 5 แต่บกพร่องข้อ 4 ทุกวัน อย่างโกหกแม่ว่ากับข้าวที่แม่ทำนั้นอร่อย (เพราะถ้าบอกว่าไม่อร่อยแม่จะเสียใจและขาดความมั่นใจมาก เคยลองบอกว่ามันเค็มไป หวานไป แม่ถึงกับป่วย ไข้ขึ้น และเสียใจไปหลายๆ วัน)

    5.ชอบฟังนิทาน นิยาย อิงธรรมะ เพราะเข้าใจง่าย ชอบฟังและเล่าต่อให้คนรอบตัวฟังด้วย

    6.ไม่ชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่นโดยยคิดเสมอว่าทุกคนทำอะไรก็ล้วนมีเหตุผลของตน

    7.เป็นคนกินเก่ง กินจุ แต่ไม่ฟุ่มเืฟือยในเรื่องอื่นๆ ไม่ชอบตามเทคโนโลยีเรื่อยเปื่อย เป็นคนรักษาของใช้ต่างๆ ได้ดี แต่งตัวเรียบง่าย ประหยัดได้ดีในทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่อง กิน

    8.เวลาได้ฟังธรรมะ พุทธวัจนะ ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า(ฟังจากที่พระอาจารย์ท่านต่างๆ นำมาเล่าสู่กันฟังอีกที) ก็สามารถน้ำตาไหลด้วยความปิติ

    9.เป็นคนยิ้มเก่ง ใจเย็น เพื่อนน้อยแต่เพื่อนรัก แต่พอมีอะไรมาเข้าหูเข้าตาเป็นเหตุอันให้ไม่พอใจ ก็กลับเป็นคนขี้โมโหอย่างรุนแรง แต่พอสักพักก็กลับสงบได้ดังเดิมอีก

    10.ไม่เลื่อมใสหรือเชื่อถือในเครื่องลางของขลัง จะทำอะไรก็ไม่เคยหาฤกษ์ยาม คิดแต่ว่า "คิดดีทำดีเมื่อไหร่ ฤกษ์ดีเมื่อนั้น"

    11.มีความละอายใจต่อการทำบาป แต่ยังตบยุงอยู่ในทุกวันนี้

    12.ขอพรพระไม่เป็น อย่างมากสุดก็ขอให้ทุกคนคิดดีทำดี มีความสุข

    13.ไม่ชอบไปงานเลี้ยงทุกประเภท วันเกิดของตัวเองก็ไม่ชอบให้ใครรู้ งานแต่งงานของตัวเองก็ไม่จัด และในเร็ววันนี้ งานบวชของลูกชายก็ไม่คิดจะจัดเหมือนกัน แค่ไปทำพิธีทางศาสนาที่วัดเป็นพอ...ไม่มีงานเลี้ยงงานแห่อะไรทั้งนั้น

    14.เวลาตัวเองมีความทุกข์ ไม่ชอบเล่าให้ใครฟังมากมาย

    15.เวลาเพื่อนทุกข์ เป็นผู้รับและแบ่งเบาความทุกข์ของเพื่อน จนตัวเองต้องทุกข์ตามไปด้วยบ่อยๆ

    16.ชอบอุทานเป็นคำหยาบ (ไม่มาก) อย่าง...แ่่...งเอ๊ย

    17.รักครอบครัว ชอบหาอุบายต่างๆ มาให้คนในครอบครัวฟังธรรมะโดยไม่รู้ตัว

    ................

    ประมาณนี้น่ะค่ะ เป็นคนแปลกๆ เหมือนมี 2 บุคลิกใน 1 คน
    จะดีหรือร้ายกันแน่
    สรุปแล้ว คบได้ไหมคะ
     
  2. ผีกระติ๊บ

    ผีกระติ๊บ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +51
    คนดีนะแต่ว่าคำว่าคนมีหลายระดับ เอาเป็นว่าดีสำหรับเราหรือเปล่าก็น่าจะพอ
     
  3. prosper

    prosper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    201
    ค่าพลัง:
    +382
    อนุโมทนาค่ะ ใครหนออุปนิสัยช่างคล้ายกับเราเลยในหลายๆเรื่อง
    คนที่มีโลกส่วนตัวสูง อาจจะทำอะไรที่ไม่ตามกระแสเหมือนใครๆ แต่ไม่เดือดร้อนคนภายนอกในสังคมก็ โอเค นะคะ
    ที่อ่านๆมา ก็เรียบง่ายดีค่ะ หายากนะคะ คนที่ไม่ยึดติดอะไรมากมาย
    บุญรักษานะคะ
     
  4. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    คนนี้ดูเป็นคนที่มีสติปัญญามากคนหนึ่งแต่ยังเข้าไม่ถึงด้านมืดในจิตใจของ
    ตัวเอง เลือกที่จะอยู่ในส่วนที่สว่างและปลอดภัย ยังไม่สอดประสานเหมือน
    กับหยิน-หยาง ยังมีคุณภาพในใจตัวเองบางอย่างที่ยอมรับไม่ได้ทำให้ยอม
    รับคนที่มีคุณภาพแบบนั้นไม่ได้เช่นกัน ใจเลยแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายดำ
    และฝ่ายขาว
     
  5. อันตรธาน

    อันตรธาน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +1
    อย่าพยายามหาคนที่ ดีพอ
    แต่ให้หาคนที่ พอดี
     
  6. tuta868248

    tuta868248 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    563
    ค่าพลัง:
    +1,116
    เขาก็เป็นคนดีน่าคบคะ พระพุทธองค์ท่านทรงสอนว่า มันไม่เที่ยงมันเปลี่ยนแปลงได้มันไม่แน่นอนคะ เราต้องพิจารณาอย่างนี้คะ บุญรักษานะคะ
     
  7. ใจเอ๋ย

    ใจเอ๋ย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2012
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +0
    ธรรมสวัสดีทุกๆ ท่านค่ะ

    คุณHashi...เท่าที่รู้จักมาก็ว่าเขาเป็นคนดีนะคะ และอย่างที่คุณHashi กล่าวไว้เลยค่ะ ว่าเขาน่าจะดีในระดับหนึ่ง โดยเขายังสามารถพัฒนาตนเองขึ้นไปได้อีกใช่ไหมคะ

    คุณprosper...แต่ใครหลายๆ คนกลับมองว่าเพื่อนคนนี้น่าหมั่นไส้ค่ะ บ้างก็ว่า..."ถ้ามันดีจริงคงไม่มาอยู่อย่างนี้" หมายถึง เขายังเดินดินกินข้าวแกงและใช้ชีวิตธรรมดาๆ ทำเป็นไม่แต่งตัว ไม่ใส่เครื่องประดับ(นอกจากนาฬิกา) น่าหมั่นไส้ยัยคนนี้จริงๆ เฮ้อ...ฟังแล้วก็น่าหนักใจแทนนะคะ

    คุณbluebaby2...ใช่เลยค่ะ เขาเคยบอกว่าเขาไม่เข้าใจตัวเองในหลายๆ เรื่อง อย่างในตอนเด็กๆ และตอนวัยรุ่น เขาเคยติดเพื่อนจนเรียนไม่จบ แต่ทุกวันนี้กลับเป็นที่พึ่งของคนในครอบครัวได้อย่างดี เขามักจะบอกว่าเสมอๆ ค่ะว่า ในใจเขาคิดชั่วได้มากกว่าคนชั่วตามข่าวซะอีก เพียงแต่เขาไม่ทำ ตัวเขาว่าเขาจะดีก็ไม่ดี จะเลวก็ไม่เลวน่ะค่ะ

    คุณอันตรธาน...เพื่อนคนนี้พอดีสำหรับเรานะคะ แต่ไม่พอดีสำหรับเพื่อนคนอื่นๆ เลย ทำให้เกิดความสงสัยค่ะ ว่าตัวเราแปลกหรือเปล่าที่มองว่าเขาดีอยู่คนเดียว

    คุณtuta_868...ขอบพระคุณสำหรับแนวทางการพิจารณานะคะ

    และขอขอบคุณคำตอบจากทุกๆ ท่าน ขอให้บุญรักษาทุกท่านด้วยเช่นกันค่ะ

    ขอบคุณค่ะ^_^
     
  8. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    บางครั้งการเป็นคนดีก็เหมือนกับว่าเป็นศตรูของคนไม่ดี เวลาคนที่ติดดีมองคนไม่
    ดีเขามองด้วยสายตาดูถูกดูแคลนโดยไม่รู้ตัว แค่สายตาที่เขามองคนอื่นก็ทำให้
    คนอื่นอึดอัดได้แล้ว เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึงเลย เป็นคนดีแล้วจะดีมากขึ้นเมื่อวาง
    ความดีไม่ติดดี
     
  9. LungKO

    LungKO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +925
    [FONT=&quot]จริต แปลว่า จิตท่องเที่ยว สถานที่จิตชอบท่องเที่ยว[/FONT]​
    [FONT=&quot]หรืออารมณ์ที่ชอบท่องเที่ยวของจิตนั้น[/FONT]​
    [FONT=&quot]พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ มี 6 ประการคือ[/FONT]
    [FONT=&quot]1.[/FONT][FONT=&quot]ราคจริต จิตท่องเที่ยวไปในอารมณ์ที่รักสวยรักงาม คือ พอใจในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสนิ่มนวล ชอบการมีระเบียบ สะอาด ประณีต พูดจาอ่อนหวาน เกลียดความเลอะเทอะ[/FONT]
    [FONT=&quot]2.[/FONT][FONT=&quot]โทสจริต มีอารมณ์มักโกรธ เป็นคนขี้โมโหโทโส จะเป็นคนที่แก่เร็ว พูดเสียงดัง เดินแรง ทำงานหยาบ แต่งตัวไม่พิถีพิถัน เป็นคนใจเร็ว[/FONT]
    [FONT=&quot]3.[/FONT][FONT=&quot] โมหจริต มีอารมณ์จิตลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติ ชอบสะสมมากกว่าจ่ายออก มีค่าหรือไม่มีค่าก็เก็บหมด นิสัยเห็นแก่ตัว อยากได้ของของคนอื่น แต่ของตนไม่อยากให้ใคร ไม่ชอบบริจาคทานการกุศล เรียกว่า เป็นคนชอบได้ ไม่ชอบให้[/FONT]
    [FONT=&quot]4.[/FONT][FONT=&quot] วิตกจริต มีอารมณ์ชอบคิด ตัดสินใจไม่เด็ดขาด ไม่กล้าตัดสินใจ คนประเภทนี้เป็นโรคประสาทมาก มีหน้าตาไม่ใคร่สดชื่น แก่เกินวัย หาความสุขสบายใจได้ยาก[/FONT]
    [FONT=&quot]5.[/FONT][FONT=&quot] สัทธาจริต มีจิตน้อมไปในความเชื่อเป็นอารมณ์ประจำใจ เชื่อโดยไร้เหตุผล พวกนี้ถูกหลอกได้ง่าย ใครแนะนำก็เชื่อโดยไม่พิจารณา[/FONT]
    [FONT=&quot]6.[/FONT][FONT=&quot] พุทธิจริต เป็นคนเจ้าปัญญาเจ้าความคิด มีความฉลาด มีปฏิภาณไหวพริบ การคิดการอ่าน ความทรงจำดี [/FONT]
    [FONT=&quot] อารมณ์ที่กล่าวมา 6 ประการนี้ บางคนมีอารมณ์ทั้ง 6 อย่างนี้ครบถ้วน บางรายก็มีไม่ครบ มีมากน้อยกว่ากันตามอำนาจวาสนาบารมีที่อบรมมาในชาติอดีต อารมณ์ที่มีอยู่คล้ายคลึงกัน แต่ความเข้มข้นรุนแรงไม่เสมอกันนั้น เพราะบารมีที่อบรมมาไม่เสมอกัน [/FONT]
    [FONT=&quot] นักปฏิบัติควรรู้อาการของจริตที่จิตของตนคบหาสมาคมอยู่ เพราะการรู้อารมณ์จิตเป็นผลกำไรในการปฏิบัติ เพื่อการละด้วยการเจริญสมาธิก็ตาม พิจารณาวิปัสสนาญาณก็ตาม ความสำคัญอยู่ที่การควบคุมความรู้สึกของอารมณ์ ถ้าขณะที่กำลังตั้งใจกำหนดจิตเพื่อเป็นสมาธิ หรือพิจารณาวิปััสสนาญาณอารมณ์จิตเกิดฟุ้งซ่าน ก็จะได้น้อมนำเอาพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้มาประคับประคองใจให้เหมาะสมเพื่อผลในสมาธิ หรือหักล้างด้วยอารมณ์วิปัสสนาญาณเพื่อให้ได้ฌานสมาบัติ หรือมรรคผลนิพพาน พระธรรมเพื่อผลของสมาบัติ ท่านเรียกว่า "สมถกรรมฐาน" มีทั้งหมด 40 อย่าง[/FONT]
    [FONT=&quot] อสุภกรรมฐาน 10[/FONT][FONT=&quot] อนุสสติกรรมฐาน 10[/FONT][FONT=&quot] กสิณ 10[/FONT][FONT=&quot] อาหาเรปฏิกูลสัญญา 1[/FONT][FONT=&quot] จตุธาตุววัฏฐาน 1[/FONT][FONT=&quot] พรหมวิหาร 4[/FONT][FONT=&quot] อรูป 4 [/FONT]
    [FONT=&quot]แบ่งกรรมฐาน 40 ให้เหมาะแก่จริต[/FONT]
    [FONT=&quot] สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบถึง ความเหมาะสมในกรรมฐานต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับอารมณ์จิตที่มีความข้องอยู่ในขณะนั้น ว่า เมื่อใดอารมณ์จิตของท่านผู้ใดข้องอยู่ในอารมณ์ชนิดใด ก็ให้เอากรรมฐานที่พระองค์ทรงประทานไว้ว่าเหมาะสมกันเข้าพิจารณา หรือภาวนาแก้ไขเพื่อความผ่องใสของอารมณ์จิต เพื่อการพิจารณาวิปัสสนาญาณ เพื่อมรรคผลนิพพานต่อไป กรรมฐาน 40 กองที่ท่านได้จำแนกไว้ เพื่อเหมาะสมกับจริตมีดังนี้[/FONT]
    [FONT=&quot]1. ราคจริต[/FONT]​
    [FONT=&quot]ราคจริตนี้ กรรมฐานที่เหมาะคือ อสุภกรรมฐาน 10 กับกายคตนานุสสติ 1 เมื่ออารมณ์รักสวยรักงามเกิดขึ้นแก่อารมณ์จิต จิตข้องอยู่ในกามารมณ์เป็นปกติ ก็เอากรรมฐานนี้พิจารณาเป็นปกติ จนกว่าอารมณ์จะสงัดจากกามารมณ์ เห็นคนและสัตว์และสรรพวัตถุที่ชมชอบว่าสวยงดงาม กลายเป็นของน่าเกลียดโสโครกโดยกฎของธรรมดา จนจิตใจไม่มั่วสุมกับความงามแล้ว ก็พิจารณาวิปัสสนาญาณโดยยกเอาขันธ์ 5 เป็นอารมณ์ ว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในขันธ์ 5 ขันธ์ 5 ไม่มีในเรา[/FONT]​

    [FONT=&quot]2. โทสจริต[/FONT]​
    [FONT=&quot]คนมักโกรธ หรือขณะนั้นมีอารมณ์โกรธพยาบาทเกิดขึ้น ท่านให้เอากรรมฐาน 8 อย่าง คือ พรหมวิหาร 4 วัณณกสิณ 4 (วัณณกสิณ 4 ได้แก่ นีลกสิณ เพ่งสีเขียว โลหิตกสิณ เพ่งสีแดง ปีตกสิณ เพ่งสีเหลือง โอทาตกสิณ เพ่งสีขาว) ทั้ง 8 อย่างนี้เป็นกรรมฐานระงับดับโทสะ เลือกที่เหมาะสมมาเพ่งและใคร่ครวญพิจารณา อารมณ์โทสะจะค่อย ๆ คลายตัวระงับไป[/FONT]​

    [FONT=&quot]3. โมหะ และ [/FONT][FONT=&quot]4.[/FONT][FONT=&quot]วิตกจริต[/FONT]​
    [FONT=&quot]อารมณ์ที่ตกอยู่ในอำนาจของความหลง และครุ่นคิดตัดสินใจไม่ค่อยได้นั้น ท่านให้เจริญอานาปานานุสสติกรรมฐานอย่างเดียว อารมณ์ความลุ่มหลงฟุ้งซ่านก็จะสงบระงับไป[/FONT]​

    [FONT=&quot]5[/FONT][FONT=&quot]. สัทธาจริต[/FONT]​
    [FONT=&quot]ท่านที่เกิดสัทธาความเชื่อ ท่านให้เจริญกรรมฐาน 6 อย่าง คือ อนุสสติ 6 ประการ คือ[/FONT]​
    [FONT=&quot]พุทธานุสสติกรรมฐาน[/FONT] [FONT=&quot]ธัมมานุสสติกรรมฐาน[/FONT] [FONT=&quot] สังฆานุสสติกรรมฐาน[/FONT] [FONT=&quot]สีลานุสสติกรรมฐาน[/FONT] [FONT=&quot]จาคานุสสติกรรมฐาน[/FONT]​
    [FONT=&quot]เทวตานุสสติกรรมฐาน ทั้ง 6 อย่างนี้จะทำให้จิตใจของท่านที่ดำรงสัทธาผ่องใส[/FONT]​

    [FONT=&quot]6[/FONT][FONT=&quot]. พุทธิจริต[/FONT]​
    [FONT=&quot]คนเฉลียวฉลาดรู้เท่าทันเหตุการณ์ มีปฏิภาณไหวพริบดี ท่านให้เจริญกรรมฐาน 4 อย่าง[/FONT]​
    [FONT=&quot]มรณานุสสติกรรมฐาน[/FONT] [FONT=&quot]อุปมานุสสติกรรมฐาน[/FONT] [FONT=&quot]อาหาเรปฏิกูลสัญญา[/FONT] [FONT=&quot]จตุธาตุววัฏฐาน[/FONT]​

    [FONT=&quot] กรรมฐานที่เหมาะแก่จริตทั้ง 6 ท่านจัดไว้เป็น 5 หมวด รวมกรรมฐานที่เหมาะแก่จริต โดยเฉพาะจริตนั้น ๆ รวม 30 อย่าง หรือ 30 กอง ที่เหลืออีก 10 กอง คือ อรูป 4 ภูตกสิณ 4(ปฐวีกสิณ เตโชกสิณ วาโยกสิณ อาโปกสิณ) และอาโลกกสิณ 1 อากาสกสิณ 1 รวมเป็น 10 อย่าง ซึ่งเป็นกรรมฐานเหมาะแก่จริตทุกอย่าง แต่สำหรับอรูปนั้น ถ้าใครต้องการเจริญ ท่านให้เจริญฌานในกสิณให้ได้ ฌาน 4 เสียก่อน แล้วจึงเจริญในอรูปได้ มิฉะนั้นแล้วจะไม่เป็นผลสำหรับผู้ฝึกสมาธิใหม่เพราะอรูปละเอียดเกินไป[/FONT]
     
  10. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    เป็นคนไม่ทําให้ใครเดือดร้อนอะดีแล้วครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...