เจาะข่าวเด่น 25 มกราคม 2555 - หลวงพ่อเกษม พระอยากดัง หรืออยากดับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 26 มกราคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. เพชรพญาธร

    เพชรพญาธร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +24
    อันที่ 2 ครับผม เหตุผลนะครับ เห็นอยู่แต่ยอมรับเลยว่าไม่มีความสามารถครับ...ไม่มีความรู้เรื่องธรรมะเลยแค่จะสวดมนต์ยังนึกแล้วนึกอีก...
     
  2. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    มนุษย์นอกโลก อ่านคำว่า "พระพุทธรูป" ไม่ออก เมื่ออ่านไม่ออกก็ไม่รู้ เฉยๆ วางทิ้งไป
    มนุษย์ต่างชาติ อ่านคำว่า "พระพุทธรูป" ไม่ออก เมื่ออ่านไม่ออกก็ไม่รู้ เฉยๆ วางทิ้งไป

    มนุษย์เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย นับถือศาสนาพุทธ ศึกษาธรรม รู้เหตุเกิดแห่งทุกข์ เมื่อท่านอ่านคำว่า "พระพุทธรูป" ท่านอ่านออก ท่านก็เพลินคิดไปกับตัวอักษร คิดถึง "รูปหล่อ รูปปั้น" คิดเพลินต่อว่าเป็นพระพุทธเจ้า ต้องหาดอกไม้ธูปเทียน มากราบไหว้ ต้องถวายข้าวถวายน้ำพระพุทธ ขอให้คุ้มครองรักษาตน เมื่อพระพุทธรูปแตกสลายก็เป็นทุกข์ อาลัยในพระพุทธรูป รำพัน ทุบอก ร้องไห้ เสียใจ พระพุทธรูปหนอทำไมจากเราไปเร็วนัก ทำไมไม่อยู่คุ้มครองเราหนอ แล้วเราจะยึดสิ่งใดเป็นที่พึ่ง บางคนเสียใจอยู่ หนึ่งวันบ้าง สิบวันบ้าง ร้อยวันบ้าง ฯลฯ

    มนุษย์เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย นับถือศาสนาพุทธ ศึกษาธรรม รู้เหตุเกิดแห่งทุกข์ รู้หนทางดับทุกข์ เมื่อท่านอ่านคำว่า "พระพุทธรูป" ท่านอ่านออก ท่านก็มองว่ามันก็เป็นธาตุที่ช่างปั้นสร้างขึ้น เมื่อมีพระพุทธรูปก็ไม่มีพระพุทธรูปได้ ทุกสิ่งเป็นอนัตตา เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ไม่ยึดว่าพระพุทธรูปเป็นของเราเป็นเรา มองมันเป็นแค่ธาตุ เมื่อมันแตกสลายไปก็ปลงในสังขาร ไม่ทุกข์ใจ มันก็เป็นเช่นนั้นเอง แม้แต่ร่างกายท่าน ท่านยังไม่ยึดว่าเป็นเราของเรา

    ท่านอ่านมาถึงตรงนี้จงรู้ไว้ว่าท่านเพลินมีอยู่ ท่านหลงตัวอักษรอยู่ ที่ท่านอ่านมาทั้งหมดมันไม่มีคำว่า "พระพุทธรูป" ไม่มีอะไรเลยมันเป็นแค่เลข 0 กับเลข 1 เท่านั้น(ใครไม่รู้ไปถามวิศวคอมฯ)
     
  3. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    -------------------------------

    นี่กำลังบ่นอะไรอยู่ครับ ขอเนื้อๆ สรุปให้ชัดเจนลงไป
    ประเดี๋ยวจะคุยกันไม่รู้เรื่องอีก
     
  4. liqht working

    liqht working สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +3
    คนเราล้วนแล้ว ต้องตายความทุกข์ทั้งหลายหลุดพ้นด้วยใจ
     
  5. liqht working

    liqht working สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +3
    ค่ำคืนแม้นมืดมิด
    ก็ใช่จะไร้ซึ่งแสงสว่าง
    ชอกช้ำแทบเจียนตาย
    ก็ใช่จะหายไม่ได้
    พระสงฆ์ ที่เรารัก
    ก็ใช่จะอยู่กับเราทุกชั่วยาม
    ทุกข์ใดที่แบกอยู่
    หากรู้ก็ควรปล่อยวาง
    ชิวิตใช่ไร้ค่า
    ถึงต้องทำร้ายตัวเอง
    ในมือข้าถือพู่กัน
    วาดเขียนรำพันทุกสรรพสิ่ง
    ระบายออกมาเป็นอาจิณ
    คลายทุกข์ทั้งปวงสิ้น
    ชีวิตจะทุกข์สุขเพียงใด
    สุดท้ายก็ต้องฝังกายใต้ผืนดิน
    วันนี้ได้พานพบสหายทั้งหลายนับเป็นสิ่งดี ผู้น้อยมินิยมดื่มสุรา
    จึงขอใช้น้ำชาต่างสุรา คารวะทุกท่าน เชิญ............
     
  6. วันเบาๆ

    วันเบาๆ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2012
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +2
    นิสัยเสีย
    สมาชิก
    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jan 2012
    ข้อความ: 3
    พลังการให้คะแนน: 0



    ว่าไงขจรศักดิ์
     
  7. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    บุรุษโยนหินก้อนหนาใหญ่ลงในห้วงน้ำลึก
    หมู่มหาชนพึงมาประชุมกันแล้วสวดวิงวอน
    สรรเสริญ ประนมมือเดินเวียนรอบหินนั้นว่า
    ขอจงโผล่ขึ้นเถิดท่านก้อนหิน
    ขอจงลอยขึ้นเถิดท่านก้อนหิน
    ขอจงขึ้นบกเถิดท่านก้อนหิน
    ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
    ก้อนหินนั้นพึงโผล่ขึ้น พึงลอยขึ้น
    หรือพึงขึ้นบก เพราะเหตุการสวดวิงวอน
    สรรเสริญประนมมือเดินเวียนรอบของหมู่มหาชนบ้างหรือ ฯ

    บุรุษคนใดฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม
    พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ มากไปด้วยอภิชฌา มีจิตพยาบาท
    มีความเห็นผิด หมู่มหาชนพึงมาประชุมกันแล้วสวดวิงวอน สรรเสริญ ประนมมือเดินเวียน
    รอบบุรุษนั้นว่า ขอบุรุษนี้เมื่อตายไป จงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ก็จริง แต่บุรุษนั้น
    เมื่อตาย พึงเข้าถึงอบาย ทุคติวินิบาต นรก ฯ
     
  8. takabb

    takabb สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +3
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=3PeJF1aoxqk]หลวงปู่เกษม ประกาศให้สละสมณะเพศ 1/2 - YouTube[/ame]

    ที่ว่า "ไม่หนี ไม่ถอย ใครแน่จิงมา" แล้วเปนไง พอเขามาจิงๆแล้วเปนไง

    ใหนว่าแน่นักไง หางจุกตรูด ไม่รู้กลัวจนตัวสั่นหลบหลังศาลาด้วยเปล่า

    นี้แหละความจิง เหนๆกันอยู่ แถวบ้านนะเขาเรียกนักเลงขี้หมา พวกจิ๊กโก๊กิโลเดียว

    ดีแต่ปาก แน่แต่ท้าเขา เอาเข้าจิง ก้อไม่กล้าสมปากว่า ยังมาโกหกตอแหลเขาอีก

    ว่าไม่มี ใครมาหาเราเลย พระไม่มาเลย ดูตามคลิปแล้วกันว่ากลัวขนาดใหน
     
  9. liqht working

    liqht working สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +3
    ว่าไงขจรศักดิ์

    อ่านมาถึง สี่หน้า หาไม่พบ
    ใครโดนลบ ใครหลบ ใครกลบฝัง
    ทุกกระทู้ ที่ลง ทำงงจัง
    คนใหม่ยัง ซื่ออยู่ ไม่รู้ความ

    ใครเป็นใคร ใคร่รู้ ดูไม่เห็น
    มีแต่เร้น ชื่อแซ่ ได้แต่ถาม
    ยิ่งตัวตน ค้นหา พยายาม
    มีแต่ความ ว่างเปล่า คอยเย้ายวน
     
  10. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม

    “ท่านทั้งหลายไม่เข้าถึงพุทธธรรม ก็เพราะว่า พระพุทธเจ้าตามทัศนะของท่าน ขวางหน้าท่านอยู่”

    พุทธทาสภิกขุ

    อินทปัญโญได้ บันลือสีหนาท อีกครั้ง เมื่อเขาแสดงปาฐกถาเรื่อง “ภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม” ณ พุทธสมาคม กรุงเทพฯ ในวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) ซึ่งมีเนื้อหาที่ “แรง” ที่สุดกว่าครั้งใดๆ เพราะครั้งนี้เขาได้นำเสนอถึง สิ่งซึ่งกีดขวาง หรือเป็นกำแพงมหึมาอยู่ข้างหน้าซึ่งทำให้คนเราเข้าถึงไม่ได้ ทั้งๆ ที่ผู้นั้นก็มีความภักดีต่อพุทธธรรมอย่างเต็มที่อยู่เสมอ อินทปัญโญสามารถนำเสนอเรื่องนี้ได้อย่างเข้าถึง และอย่างมีพลังมาก เพราะตัวเขาเองก็เพิ่ง ก้าวข้าม ภูเขามหึมาที่เคยขวางตัวเขามาได้เมื่อปีที่แล้วนี่เอง เขาจึงอยากถ่ายทอดสิ่งที่เป็น ประสบการณ์ทางวิญญาณ และ บทเรียนทางวิญญาณ ในการแสวงธรรมของตัวเขาให้แก่คนอื่นโดยเฉพาะคนรุ่นหลัง เพื่อที่พวกเขาจะสามารถก้าวข้ามสิ่งซึ่งกีดขวางไม่ให้เข้าถึงพุทธธรรมได้เหมือนอย่างเขา

    อินทปัญโญบอกว่า ถ้าหากมีการตั้งปัญหาถามขึ้นมาว่า อะไรเป็นเครื่องปิดบังพระนิพพานอันเป็นตัวพุทธธรรมที่ผู้แสวงธรรมประสงค์จะเข้าถึง? เขาจะตอบอย่างฟันธงอย่างไม่ลังเลใจเลยว่า “พระพุทธเจ้า” นั่นเองที่กลับกลายมาเป็นภูเขามหึมาบังพระนิพพาน โดยเฉพาะ พระพุทธเจ้าตามทัศนะของแต่ละคน นี่แหละที่ขวางหน้าคนผู้นั้นไม่ให้เข้าถึงพุทธธรรม

    เพราะคนเราเข้าใจเข้าถึง ความจริง ได้แค่ไหน ก็มีความเข้าใจเข้าถึง “พระพุทธเจ้าของเขา” ได้แค่นั้น ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่ถูกขนานนามว่า พระพุทธเจ้า รวมทั้งการนิยามว่าอะไรเป็นพระพุทธเจ้า จึงมีอยู่ในลักษณะและขนาดมาตรฐานต่างๆ กัน แล้วแต่ ความยึดถือ ของแต่ละคนเป็นชั้นๆ ไป

    คนที่เข้าถึงพระพุทธเจ้า แต่ในทางวัตถุโดยไม่สูงถึงทางจิตย่อมเข้าใจได้แต่เพียงว่า พระพุทธเจ้าคือเลือดเนื้อกลุ่มหนึ่งที่เดินท่องเที่ยวสั่งสอนประชาชนในประเทศอินเดีย เมื่อสองพันกว่าปีก่อน ทั้งๆ ที่พระพุทธองค์ทรงเคยปฏิเสธว่า เลือดเนื้อกลุ่มนั้น ยังไม่ใช่ตถาคต คนที่ไม่เห็นธรรมะของตถาคต คือคนที่ไม่เห็นตถาคต แม้ผู้นั้นจะคอยจับจีวรของพระองค์ดึงเอาไว้ ไปทางไหนไปด้วยกันทั้งกลางวันกลางคืน แต่ถ้าไม่เห็นธรรมะแล้ว ไม่ชื่อว่าเห็นตถาคตเลย

    แม้คนที่มุ่งเข้าถึงพระพุทธเจ้าในทางจิต หากหลงไปยึดว่า พระพุทธเจ้าเป็น อัตตาที่บริสุทธิ์ ไม่เกิดไม่ตาย มีอยู่ในทุกแห่ง พร้อมที่จะปรากฏทุกเมื่อในสมาธิ อินทปัญโญก็ยังบอกว่า วิถีแห่งพุทธธรรมของผู้นั้นจะถึงทางตันและสิ้นสุดลงเพียงนั้น เพราะเป็นการหลงไปยึดถือเอาตามความรู้ ตามการศึกษาและศรัทธาของตนเองอันคับแคบอยู่

    แม้แต่ความรักในองค์พระพุทธเจ้าของบุคคลบางคนที่เป็นอริยบุคคลขั้นต่ำยังไม่ถึงพระอรหันต์ เช่น พระอานนท์ ในสมัยที่พระศาสดายังทรงพระชนม์อยู่ ทั้งๆที่พระอานนท์รู้จัก ลู่ทางแห่งพุทธธรรมอย่างถูกต้อง วิถีแห่งพุทธธรรมของท่านก็ยังไม่วายถูกสกัดได้ด้วยภูเขาหรือองค์พระพุทธเจ้าที่ท่านยึดถือไว้ด้วยความรักของท่านเอง

    อินทปัญโญจึงบอกว่า ไม่มีภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรมอะไรอื่น นอกไปจาก ความยึดถือเกี่ยวกับตัวตน และ ไม่มีความยึดถือเกี่ยวกับตัวตนอะไรอื่น ยิ่งไปกว่า ความยึดถือในสิ่งที่ตนถือเอาเป็นที่พึ่งของตน เพราะฉะนั้น นอกไปจาก “พระพุทธเจ้า” ตามทัศนะของเขาแล้ว แม้ “พระธรรม” ของเขา ก็ยังอาจเป็นภูเขาขวางวิถีแห่งพุทธธรรมของผู้นั้นได้ เพราะอาศัยความยึดถือทำนองเดียวกัน ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึง “พระสงฆ์ที่เป็นอาจารย์หรือคุรุ” ของเขา ซึ่งกลับเป็นภูเขาขวางวิถีแห่งพุทธธรรมของเขาได้ เพราะอาศัยความยึดถือเช่นเดียวกัน

    บางคนได้ยึดถือเอาเครื่องมือหรือหนทางที่จะปฏิบัติเพื่อเข้าถึงพุทธธรรมมาเป็นตัวพุทธธรรมเสียเอง

    บางคนก็ถือเอาเล่มหนังสือหรือพระคัมภีร์เป็นตัวพระธรรมเสียเลยก็มี

    บางคนกลับต้องการให้พระนิพพานหรือพุทธธรรมเป็นบ้านเมือง เป็นโลกอันแสนสุข สำหรับตนจะไปจุติไปเกิดที่นั่น แล้วก็ตั้งบำเพ็ญสมาธิเพื่อความเป็นอย่างนั้น ด้วยอำนาจความยึดถือในด้านวัตถุอันแรงกล้า

    บางคนยึดถือในศีลของตนจนดูหมิ่นผู้อื่น ก่อการแตกร้าวทะเลาะวิวาทกันด้วยเรื่องศีล เพราะความยึดมั่นถือมั่นในศีลด้วยความสำคัญผิด ยึดมั่นทุกตัวอักษรอย่างงมงาย

    ศีล จึงอาจกลายเป็นภูเขาขึ้นมาขวางวิถีแห่งพุทธธรรมก็ได้ เมื่อมีผู้ยึดถือว่ามันต้องเป็นอย่างนี้ ซึ่งมันก็เป็นแค่ความจริงของบุคคลผู้นั้น ซึ่งไม่สามารถจะเห็นเป็นอื่นไปได้ ผลก็คือ ความเนิ่นช้ากว่าจะปีนป่ายภูเขาลูกนี้ข้ามพ้นไปได้

    สมาธิ ก็อาจกลายเป็นภูเขาสกัดทางตัวเองในการเข้าถึงพุทธธรรมของผู้ปฏิบัติ หากเป็นที่ตั้งของความยึดถือโอ่อวด พอใจ หลงใหลในสมาธิของตนตามที่ตนปฏิบัติได้ เพราะความจริงของใคร ก็เป็นความจริงของคนนั้น เท่าที่เขารู้และพอใจยึดถือ จึงยากที่จะยอมเชื่อกันด้วยใจจริง เมื่อยังหลงผิดอยู่ด้วยความยึดถือเช่นนี้ ภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรมก็ยังตั้งสูงตระหง่านขวางหน้าอยู่เพียงนั้น

    แม้แต่ ปัญญา เอง หากเป็นปัญญาที่ไม่รู้จักตัวเอง ยังมีมูลฐานตั้งอยู่บนความจริงของความเชื่อ ความคาดคะเน ก็ย่อมเกิดเป็นภูเขาขวางวิถีทางแห่งพุทธธรรมขึ้นเหมือนกัน ปัญญาของผู้ใดสิ้นสุดหยุดลงตรงไหน ก็บัญญัติเอาเพียงแต่ตรงนั้นว่าเป็นความจริงด้วยบริสุทธิ์ใจของตนและยึดมั่น จนเกิดเป็นลัทธินิกาย ปรัชญาต่างๆ ต่อให้เฉียบแหลมแค่ไหน ก็ไม่วายที่จะเป็นภูเขากั้นขวางทางอยู่ระหว่างตัวเขากับนิพพานจนได้ ด้วยความยึดถืออีกเช่นกัน

    ปัญญาคือแสงสว่างก็จริง แต่คนเราจะรับรู้ได้เท่าที่ปัญญาหรือแสงสว่างของเขาจะอำนวยให้ว่านั่นคือ ความจริง แต่หากผู้นั้นมีปัญญามากขึ้น เขาจะมองต่างไปจากเดิม สิ่งที่เรียกว่าความจริงของเขา ย่อมเปลี่ยนไปตามแสงสว่างหรือปัญญาที่เพิ่มขึ้นของเขา ความแตกต่างจึงขึ้นอยู่กับแสงสว่างหรือปัญญาที่ส่องไปยังวัตถุเรื่องราวนั้น จึงเห็นได้ว่า แสงสว่างนั้นเองที่เป็นผู้บังความจริง ทั้งในด้านจิตและด้านวัตถุ เพราะแสงสว่างชนิดหนึ่งๆ ย่อมให้ความจริงแก่เขาในการเห็นเป็นอย่างหนึ่ง นอกนั้นคือส่วนที่แสงสว่างนั้นบังเอาไว้

    อินทปัญโญได้พูดออกมาจาก ประสบการณ์โดยตรง ของเขาเองที่เพิ่งผ่านมาไม่นานว่า ความจริงที่จริงไปกว่านั้น หรือนอกเหนือไปจากนั้น ซึ่งเขายังไม่เห็นในตอนนั้น คือส่วนที่ปัญญาเพียงขนาดนั้นของเขา แม้จะล้ำเลิศเพียงใดได้ “บัง” เอาไว้ ทั้งๆ ที่ในตอนนั้นตัวเขารู้สึกว่า ตัวเขาได้มองดูอย่างทั่วถึงอย่างหมดความสามารถของเขาแล้วอย่างคิดว่า ไม่มีอะไรเหลือซ่อนเร้นอีกแล้ว เพราะเขาเคยรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เขาจึงยึดถือเอาสิ่งที่เขาเห็นว่าเป็นความจริงอันเด็ดขาด ด้วยความสำคัญผิด ซึ่งมันก็ยังเป็นภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรมของเขาอยู่

    ทั้งๆที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ และตัวอินทปัญโญเองก็ถึงกับตะลึง เมื่อตระหนักได้ว่า มันเป็นการ “บัง” ของแสงสว่างเสียเอง เพราะแม้ตัวเขาจะได้พยายามตีความพระพุทธวจนะ หรือขบคิดข้อความที่ยากๆ เรื่องอนัตตาอย่างสุดความสามารถเท่าที่ปัญญาของเขามี ซึ่งอาจแตกต่างไปจากคนอื่นบ้างไม่มากก็น้อย ขณะที่ยังไม่ถึงที่สุด เขาก็ย่อมต้องยึดถือเอาส่วนที่ตัวเขาคิดได้จนแจ่มแจ้งด้วยตนเองว่า นี่เป็นความจริงอันเด็ดขาดของตัวเขา ซึ่งตัวเขาเองเพิ่งมาตระหนักได้ทีหลังว่า

    “นี่ก็ยังเป็นความยึดมั่นในความคิด และความเห็นแจ้งของตัวเราเอง และความยึดมั่นอันนี้ คือภูเขาที่ขวางอยู่ในวิถีแห่งการเข้าถึงพุทธธรรมของตัวเรา ซึ่งเราเพิ่งทลายมันลงไปได้ด้วย เซน”

    จากประสบการณ์แห่ง ซาโตริ ของตัวเขา อินทปัญโญจึงมองได้อย่างทะลุปรุโปร่งว่า อัตตวา ทุปาทาน หรือ ความยึดมั่นว่ามีตัวตน นี่แหละที่เป็นมูลฐานของภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม ทำให้ ความว่างจากตัวตน ถูกปิดบังอย่างมิดชิด เพราะ ตัวเองที่บังตัวเองที่เป็นความว่าง เป็นสิ่งกีดขวางอันเร้นลับที่สุด

    เพราะไม่มีการรู้จักตัวเองอย่างถูกต้อง จึงเกิดความต้องการพระพุทธเจ้า และสร้างพระพุทธเจ้าขึ้นมาด้วยตัณหาของตัวเอง ตามทัศนะของตัวเอง หุ้มห่อตนเอง จนเหลียวไปทางไหนก็พบแต่สิ่งนี้ จนกระทั่งเป็นสัญญาความทรงจำอันเหนียวแน่น เหลือที่จะปัดเป่าออกไปได้

    เมื่อใดที่สามารถรู้จักตัวเองอย่างถูกต้อง คือรู้จักความว่างจากตัวตน เมื่อนั้นก็ไม่มีพระพุทธเจ้า ไม่มีผู้บังและไม่มีผู้ที่ถูกบัง ไม่มีการแสวงหาเพราะไม่มีผู้ที่มีความอยาก ไม่มีผู้แสวงที่พึ่งและไม่มีผู้ที่จะเป็นที่พึ่ง

    เพราะ ผู้นั้นมีความว่างจากตัวตนแล้ว “พระพุทธเจ้า” ของเขา ก็เป็นความว่างจากตัวตนด้วยเช่นกัน ตราบใดที่คนเรายังคลำตัวเองไม่พบว่าเป็นอะไรกันแน่ ตราบนั้นก็ต้องมีการยึดถือ เที่ยววิ่งตะครุบนั่นนี่ไปตามความยึดถือเป็นธรรมดา จึงไม่อาจพบและเข้าถึงพุทธธรรมได้

    อินทปัญโญได้ทำลายภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรมของเขาลงไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว!
     
  11. liqht working

    liqht working สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +3
    วันเบา ๆ

    ดอกท้อซ่อนเงา
    กระบี่เหิน
    ท้องทะเลเกลียวคลื่น
    รับเสียงขลุ่ย
    ข้า แซ่อึ้ง
     
  12. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ผมฝาก "ภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม" ไว้ให้ท่านทั้งหลายอ่านและพิจารณาด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าจะทะเลาะกันต่อก็เชิญ


    ---- --------
    ขอให้เจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรม
     
  13. maxgatod

    maxgatod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +228

    ด่าไปทั่ว ไช้คำหยาบตลอดเวลา ทะเลาะกะเค้าปทั่ว

    โฮดี่เจมส์ อายพระท่านบ้าง ที่นี่มีแต่รูปพระ หลวงปู่ หลวงพ่อเต็มไปหมด

    (เขมร และก็แขก ที่ AVATAR อวตารมาทังหลายแหล่

    โพสคำ ไห้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์หน่อยครับ)
     
  14. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ท่าน ms 13 เป็นใครจึงคิดเป็นกรรมการ ท่าน satunon เขาไม่เข้าใจผมมานานแล้วก็เป็นเรื่องของเขา เมื่อเขาศรัทธาพระพุทธรูปเขาย่อมปกป้อง เมื่อก่อนผมก็ศรัทธาพระพุทธรูป มีพระเครื่องเต็มคอ ปู่ผมไม่ธรรมดาตาผมก็ไม่ธรรมดา สวดมนต์ทีเป็นชั่วโมงเทวดากี่องค์เรียกมาหมด สืบทอดมาถึงผมด้วยนะแต่คงจบที่รุ่นผมนี่แหละ ท่าน satunon ศรัทธาพระพุทธรูป แต่ผมศรัทธาพระธรรม มันคนละทางกันครับ
     
  15. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต หน้าที่ ๒๗๒/๓๗๙
    ปุณณิยสูตร
    [๑๘๘] ครั้งนั้นแล ท่านพระปุณณิยะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ ถวายบังคม
    แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
    อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัย ที่บางครั้งพระธรรมเทศนาแจ่มแจ้ง กะพระตถาคต บางครั้งไม่
    แจ่มแจ้ง ฯ
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรปุณณิยะ ภิกษุเป็นผู้มีศรัทธา แต่ไม่เข้าไปหาเพียงใด
    ธรรมเทศนาของตถาคตย่อมไม่แจ่มแจ้งเพียงนั้น แต่เมื่อใด ภิกษุเป็นผู้มีศรัทธาและเข้าไปหา
    เมื่อนั้นธรรมเทศนาของตถาคตย่อมแจ่มแจ้งดูกรปุณณิยะ ภิกษุผู้มีศรัทธาและเข้าไปหา แต่ไม่
    เข้าไปนั่งใกล้เพียงใด ธรรมเทศนาของตถาคตย่อมไม่แจ่มแจ้งเพียงนั้น แต่เมื่อใด ภิกษุเป็นผู้มี
    ศรัทธา ...และเข้าไปนั่งใกล้ เมื่อนั้น ธรรมเทศนาของตถาคตย่อมแจ่มแจ้ง ดูกรปุณณิยะภิกษุเป็น
    ผู้มีศรัทธา ... และเข้าไปนั่งใกล้ แต่ไม่สอบถามเพียงใด ธรรมเทศนาของตถาคตย่อมไม่แจ่มแจ้ง
    เพียงนั้น แต่เมื่อใด ภิกษุเป็นผู้มีศรัทธา ... และสอบถาม เมื่อนั้น ธรรมเทศนาของตถาคตย่อม
    แจ่มแจ้ง ดูกรปุณณิยะ ภิกษุเป็นผู้มีศรัทธา ... และสอบถาม แต่ไม่เงี่ยโสตลงสดับธรรมเพียงใด
    ธรรมเทศนาของตถาคตย่อมไม่แจ่มแจ้งเพียงนั้น แต่เมื่อใด ภิกษุเป็นผู้มีศรัทธา ... และเงี่ยโสตลง
    สดับธรรม แต่ฟังธรรมแล้วไม่ทรงจำไว้เพียงใด ธรรมเทศนาของตถาคตย่อมไม่แจ่มแจ้งเพียงนั้น
    แต่เมื่อใด ภิกษุเป็นผู้มีศรัทธา ... และฟังแล้วทรงจำไว้ เมื่อนั้น ธรรมเทศนาของตถาคตย่อม
    แจ่มแจ้ง ดูกรปุณณิยะ ภิกษุเป็นผู้มีศรัทธา ... และฟังแล้วทรงจำไว้ แต่ไม่พิจารณาเนื้อความแห่ง
    ธรรมที่ทรงจำไว้เพียงใด ธรรมเทศนาของตถาคตย่อมไม่แจ่มแจ้งเพียงนั้น แต่เมื่อใด ภิกษุเป็น
    ผู้มีศรัทธา ... และพิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้ เมื่อนั้น ธรรมเทศนาของตถาคตย่อม
    แจ่มแจ้ง ดูกรปุณณิยะ ภิกษุเป็นผู้มีศรัทธา ... และพิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้ แต่
    ไม่รู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมเพียงใด ธรรมเทศนาของตถาคตย่อมไม่แจ่มแจ้ง
    เพียงนั้น แต่เมื่อใด ภิกษุเป็นผู้มีศรัทธา ... และรู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
    เมื่อนั้น ธรรมเทศนาของตถาคตย่อมแจ่มแจ้ง ดูกรปุณณิยะ ธรรมเทศนาของตถาคตผู้มีปฏิญาณ
    โดยส่วนเดียว อันประกอบด้วยธรรมเหล่านี้แล ย่อมแจ่มแจ้ง ฯ

    ศรัทธารูปหล่อรูปปั้นก็จงมีศรัทธา อย่าลืมพระพุทธรูป อย่าลืมพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า

    ถ้าจะทะเลาะกันขอเชิญกระทู้อื่นครับ
    ---- --------
    ขอให้เจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรม
     
  16. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ผมขออนุญาตปิดกระทู้ครับ

    ---- --------
    ขอให้เจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรม
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...