ผีมีจริง...ตอนสร้างเมรุเผาศพเสร็จเพราะมีเว็บพลังจิตใช้งบเกือบล้าน(ป่าช้าโบราณ)

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย พระจิรวัฒน์ ญาณวโร, 7 กรกฎาคม 2011.

  1. nahpee

    nahpee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    554
    ค่าพลัง:
    +690
    ...อนุโมทนาสาธุครับ พระอาจารย์จิรวัฒน์
    ...เสียดายว่ากำลังปรับปรุงต่อเติมบ้านยังไม่แล้วเสร็จครับ
    ...และอีกอย่างภรรยาผม เขาไม่ชอบอากาศร้อน พอร้อนมากๆแล้วจะปวดหัว
    ...ถ้าไปช่วงหน้าหนาวละก็เขาจะสบายๆหน่อยร่างกายพอจะรับได้

    ****มีน้องเขาถามมาว่า มีผู้บริจาคซื้อที่ดินครบตามที่กำหนดไว้หรือยังครับ
    ...เขาอยากจะร่วมทำบุญซื้อที่ดิน ๑ ไร่ครับ
     
  2. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    พระอาจารย์กล่าวว่า "พระพุทธเจ้าท่านได้บอกว่า เมื่อตถาคตปรินิพพานไปแล้ว สถานที่ ๔ แห่งที่พุทธศาสนิกชนควรจะไปกราบไหว้บูชา ก็คือ สังเวชนียสถาน

    พระอานนท์ก็ทูลถามว่ามีที่ใดบ้าง ? พระพุทธเจ้าตรัสว่า สังเวชนียสถานมี ๔ แห่ง คือ ที่ประสูติ ที่ตรัสรู้ ที่แสดงปฐมเทศนา และที่ปรินิพพาน

    จริง ๆ แล้วก็คือ พลังงานของพระองค์ท่านหลงเหลืออยู่บริเวณนั้นเยอะมาก ถ้าใครไปแล้วแทบจะไม่ต้องภาวนากำลังใจก็ทรงตัว พูดง่าย ๆ ว่ากระแสของพระองค์ท่านแรง ถึงเวลากระแสนั้นก็ดึงเราไปเลย"
    กระดานสนทนาวัดท่าขนุน เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๔
     
  3. พระจิรวัฒน์ ญาณวโร

    พระจิรวัฒน์ ญาณวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    5,029
    ค่าพลัง:
    +17,452
    ตอบคุณโยม nahpee ปัจจัยในส่วนซื้อที่ดินถวายวัด ครบเเล้วคุณโยม ปิดยอดบริจาค โดยคุณโยม ที่ไม่ประสงค์ออกนาม จากประเทศ สหรัฐอเมริกาคุณโยม ครบ36 ไร่ 900,000บาท( ครบเก้าเเสนบาทบาท)
     
  4. พระจิรวัฒน์ ญาณวโร

    พระจิรวัฒน์ ญาณวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    5,029
    ค่าพลัง:
    +17,452
    ขออำนาจพระศรีรัตนตรัย
    เเละบุญกุศลที่บำเพ็ญนี้ จงดลบันดาลให้
    คุณโยม...เเละครอบครัว
    เจริญด้วยอายุ วรรณะ
    สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ
    เเละประสบสิ่งอันพึง

    ปรารถนาทุกทิพาราตรีกาลเทอญ สาธุ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  5. nahpee

    nahpee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    554
    ค่าพลัง:
    +690
    ...อนุโมทนาสาธุครับ จะได้แจ้งน้องเขาต่อไปครับ
     
  6. พระจิรวัฒน์ ญาณวโร

    พระจิรวัฒน์ ญาณวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    5,029
    ค่าพลัง:
    +17,452
    เจริญพรคุณโยม nahpee อาตมาขอให้คุณโยม ช่วยออกเเบบโรงครัว ที่ประกอบอาหารประจำวัดป่าบ้านหนองผักเเว่นด้วยคุณโยม ตั้งใจจะสร้างใกล้ กุฏิเเม่ชีน้อย อาจจะเป็นตรงที่ว่าง หน้ากุฏิเเม่ชีกาว คุณโยม ลองช่วยออกเเบบให้ด้วย อนุโมทนาสาธุ
     
  7. nahpee

    nahpee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    554
    ค่าพลัง:
    +690
    ...ยินดีครับ ท่านพระอาจารย์
    ...ส่วนพื้นที่เหมาะสมลองถามภรรยาแล้วครับ
    ...เพราะเธอเป็นผู้ทำกับข้าวประจำตอนอยู่ที่วัด
    ...เธอแนะนำว่าตรงหน้าบ้านแม่ชีน้อยที่ตอนนี้เทปูนไว้เหมาะสมที่สุด
    ...แถวๆที่วางเตาแก๊สนั่นแหละครับ

    ***ก่อด้วยอิฐแดงจะฉาบปูนหรือไม่ฉาบก็ได้ครับ วัสดุปูพื้นด้านบนอาจเป็นกระเบื้องเคลือบ เช็ดทำความสะอาดง่าย ส่วนเตาแก๊ส รางผึ่งชามจาน ซิงค์อ่างล้างจัดเข้าที่เท่านั้น สิ่งจำเป็นสำหรับที่เตรียมอาหารแบบพอเพียงสำหรับวัดป่า ก็โอเคแล้วครับ ส่วนที่เก็บอาหารก็แค่ทำทางเดินเชื่อมต่อกับโรงเก็บตู้เย็นและเครื่องมือในปัจจุบันที่วัดมีอยู่แล้ว ส่วนตรงเรือนเตรียมอาหารมีพื้นที่หน่อยปูหลังคาก็ใช้ประโยชน์ได้แล้วครับ

    ...ส่วนรายละเอียดขนาดของพื้นที่ กว้าง ยาว สูง คงต้องพิจารณาตามความเหมาะสมของพื้นที่บริเวณนั้นครับ ซึ่งช่างคงพอจะเข้าใจ นี่แค่แบบร่างตามความคิดสะดวกต่อการใช้สอยเพราะถามจากแม่บ้านควรวางตำแหน่งต่างๆในลักษณะนี้จะสะดวกสำหรับผู้เตรียมอาหารครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2012
  8. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    <hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1"> พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องเหล็กไหลให้ฟังว่า "มี คนถามหลวงปู่บุดดาเกี่ยวกับเรื่องเหล็กไหลว่า "หลวงปู่เคยเห็นเหล็กไหลไหม ?" หลวงปู่บอกว่า "เคยสิ" "เคยเห็นที่ไหนครับ ?" "ที่หัวลำโพง เดี๋ยวมันก็ไหลไปเหนือ เดี๋ยวมันก็ไหลไปใต้"

    ส่วนอีกรายหนึ่งถาม หลวง พ่อวัดปากคลองมะขามเฒ่า ตอนนั้นท่านยังเป็นพระครูวิชาญไชยคุณอยู่ ยังไม่ได้เป็นท่านเจ้าคุณพระมงคลชัยสิทธิ์ พอไปถามท่านเรื่องเหล็กไหล ท่านบอกว่า "ไอ้เรื่องที่ทำให้ยึดติดไม่หลุดพ้น เอ็งจะถามไปทำไมวะ..?"

    แต่ตอนที่อาตมาถามหลวง พ่อวัดท่าซุง ท่านกลับบอกให้ฟัง สรุปว่า เหล็กไหลทั้งหมดในปัจจุบันไม่ใช่เหล็กไหลของแท้ เหล็กไหลของแท้ดูง่ายมาก เพราะจะมีรัศมีสว่างเป็นของตัวเอง อยู่ในที่มืดก็สว่าง

    วิธี ทดสอบ ก็คือ เอาน้ำเดือด ๆ ใส่แก้ว หย่อนเหล็กไหลลงไป น้ำร้อนจะกลายเป็นน้ำเย็นเหมือนมาจากตู้เย็น แต่อย่าให้เหล็กไหลตกดินนะ ตกดินเมื่อไร จะหายไปต่อหน้าต่อตาเลย..!

    เหล็กไหลมีหลายสีด้วยกัน จะมีสี น้ำตาลอ่อนออกเหลือง(สีท้องปลาไหล) สีเข้มแบบเมฆพัตร(เหมือนสีปีกแมลงภู่) สีเขียวเหลืองแบบเมฆสิทธิ์(เหมือนสีปีกแมลงทับ) มีหลายต่อหลายท่านเอาเมฆสิทธิ์เมฆพัตรมา แล้วคิดว่าเป็นเหล็กไหล เพราะสีตรงตำรา ส่วนชนิดที่มีพลังงานสูงสุดจะเป็นสีเงินเหมือนปรอทหรือตะกั่ว

    ถ้า เจอเหล็กไหล ให้ตั้งใจขออนุญาตเจ้าที่ที่เฝ้าอยู่ ขอพิสูจน์ว่าเป็นของแท้หรือเปล่า ? แล้วจุดเทียนลนดู ถ้าเป็นของแท้ พอเหล็กไหลโดนไฟจะยืดลงมาเหมือนน้ำตาเทียน แต่จะไม่ขาดหรอก ยืดเท่าเส้นด้ายก็ไม่ขาด พอเราเลิกลน เอานิ้วแตะ เหล็กไหลจะหดกลับไปเหมือนเดิม หน้าตาเดิมเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น

    ถ้าไม่ใช่เจ้าของอนุญาตหรือเขาจะมาด้วย จะเอามาไม่ได้ โยมคนหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดชื่อเลิศ อยู่เพชรบูรณ์ เขาพยายามขายเหล็กไหลมาหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ เพราะเหล็กไหลไม่ยอมไปอยู่กับคนอื่น"

    "เหล็ก ไหลนี้อัศจรรย์ตรงที่ว่า ในรัศมีที่เขาคลุมถึง ไฟฟ้าไม่สามารถทำงานได้ ทำให้กล้องถ่ายรูปทุกชนิดถ่ายภาพเหล็กไหลของแท้ไม่ได้ เครื่องยนต์ทุกชนิดไม่ทำงาน อาวุธปืนทุกชนิดยิงไม่ออก อาวุธมีดทุกชนิดเหมือนกับไม่มีคม เชือดแล้วลื่นไปเฉย ๆ

    แต่ เหล็กไหลของนายเลิศก้อนนี้ไม่เหมือนของชาวบ้านเขา แค่ดูก็รู้แล้ว เพราะฉะนั้น..เทวดาที่เฝ้าเหล็กไหลก็เหมือนกับคน ตรงที่แต่ละองค์มีนิสัยไม่เหมือนกัน สำหรับเหล็กไหลก้อนนี้มีนิสัยแปลก เนื่องจากว่าวันหนึ่งโจรไปปล้นควายบ้านนายเลิศ โจรยิงนายเลิศไม่ออก แต่นายเลิศยิงออก ปกติแล้วในรัศมีที่เหล็กไหลคลุมถึง ไม่ว่าเราหรือเขาจะยิงไม่ออกทั้งนั้น แต่ก้อนนี้ไม่เหมือนชาวบ้านเขา

    จริง ๆ แล้วนายเลิศไม่ใช่เจ้าของเหล็กไหล นายเลิศเขามีเพื่อนเป็นชาวม้ง นายเลิศไปเยี่ยมเพื่อนม้งที่ทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อนกำลังป่วยหนักอยู่ ไปเฝ้าไข้อยู่สองวันกว่า วันที่สามเพื่อนก็เสียชีวิต นายเลิศก็พยายามค้นเผื่อเจอข้อมูลว่าเพื่อนมีญาติพี่น้องที่ไหนบ้าง ค้นไปค้นมาเจอหิ้งไม้ไผ่มีสำลีอยู่ห่อหนึ่ง แล้วห่อนั้นมีแสงสว่าง ๆ เท่าเม็ดถั่วเขียว นายเลิศเห็นว่าน่าจะเป็นของดี ก็เก็บใส่กระเป๋าไป เขาก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร

    คนแรก ที่ติดต่อซื้อเหล็กไหลกับนายเลิศ คือ ฝรั่งที่ฐานบินโคราช ฝรั่งเขารู้ว่าคนไทยมีของดี เขาขออนุญาตว่าใครมีวัตถุมงคลที่ยิงไม่ออก ให้เอาไปขายให้เขาได้ เขารับซื้อราคาหมื่นดอลล่าร์สมัยนั้น คนอื่น ๆ เอาของดีไปให้ฝรั่งทดลองดู ปรากฏว่าเขาฝรั่งยิงพังหมด"

    "พอ นายเลิศได้ยินว่าทหารอเมริกันเขารับซื้อวัตถุพวกนี้อยู่ นายเลิศก็นึกถึงของชิ้นนี้ขึ้นมาได้ จึงทดสอบเองก่อน เอาเหล็กไหลไปวางไว้ที่จอมปลวก แล้วใช้ปืนลูกซองยิงก็ยิงไม่ออก ไม่แน่ใจ..อาจจะเป็นเพราะว่าจอมปลวกขลัง ก็ย้ายที่ใหม่ พอเอาเหล็กไหลไปวางไว้ที่จุดไหนก็ยิงไม่ออกอีก ก็ยังไม่แน่ใจ...กระสุนอาจจะเก่าจนหมดอายุก็ได้ จึงไปยืม .๓๘ ของกำนันมา พอมายิงก็ยิงไม่ออกอีก นายเลิศจึงชวนกำนันไปเป็นเพื่อน เพื่อไปติดต่อกับฝรั่ง

    นายเลิศ เขารอบคอบมาก เขาขอให้ฝรั่งวางเงินค่ายิงสามหมื่นบาท ถ้ายิงพังจะไม่เอาเรื่อง ถ้ายิงไม่ออกขอค่ามัดจำสามหมื่น ปรากฏว่าฝรั่งใช้ปืนอะไรก็ยิงไม่ออก ฝรั่งจึงมอบเงินให้สามหมื่น แล้วตกลงซื้อขายกันสองล้านบาท ให้นายเลิศไปรออยู่ที่โรงแรม เขาเปิดโรงแรมชั้นหนึ่งให้เลย พรุ่งนี้จะพาไปเปิดบัญชีธนาคารแล้วโอนเงินให้

    พอรุ่งเช้า เหล็กไหลหายไปไหนไม่รู้ เขาไม่ยอมไปด้วย ฝรั่งก็หาว่านายเลิศเล่นแง่ ทางนายเลิศก็สาบานว่าเปล่า ทีนี้นายเลิศเขาให้เมียถักเชือกหุ้มเหล็กไหลให้ เวลาถักเชือกก็จะมีห่วงคล้องให้ด้วย ปรากฏว่าห่วงก็ยังอยู่ดี ด้ายถักที่หุ้มก็ยังเป็นห่ออยู่ตามปกติ แต่เหล็กไหลไม่มีแล้ว ฝรั่งจึงยอมเชื่อจริง ๆ

    เวลา ผ่านไปอาทิตย์กว่า ๆ เหล็กไหลก็กลับมาอยู่ที่เดิม ที่บ้านนายเลิศ คือ ถ้าเหล็กไหลมาก็จะเห็น เพราะมีแสงสว่างเรือง ๆ ตั้งแต่นั้นมา ใครไปขอซื้อนายเลิศขายทั้งนั้น เขาบอกว่าใครมีวิชาดีไปเอาได้เลย เขาอยากขายมาก เพราะฐานะตัวเองก็ไม่ได้ร่ำรวย แต่ขายไม่ออกสักที"
    กระดานสนทนาวัดท่าขนุน เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
     
  9. ณิช

    ณิช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,391
    ยินดีและดีใจค่ะ ที่ได้ทราบว่ามีผู้ใจบุญปิดยอดบริจาคที่ดิน ไม่ว่าบุคคลท่านนั้นจะเป็นใคร ณิชขออนุโมทนาบุญกับบุญใหญ่ครั้งนี้ด้วยใจจริงค่ะ สาธุค่ะ

    เรื่องโรงทาน หากเริ่มทำเมื่อไรแล้ว ณิชขอมีส่วนร่วมในบุญตามกำลังที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆด้วยค่ะ สาธุค่ะ
     
  10. nahpee

    nahpee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    554
    ค่าพลัง:
    +690
    ...อนุโมทนาสาธุครับ คุณณิช
    ...บุญที่แท้จริงอยู่ที่ความตั้งใจในจิตแรกเริ่ม
    ...ซึ่งสำคัญยิ่งกว่าจำนวนปัจจัยที่ตั้งใจจะบริจาคเสียอีกครับ
     
  11. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    [​IMG]

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ มีใจประกอบด้วย
    เมตตาแผ่ไปตลอดทิศหนึ่งอยู่ ทิศที่สอง ที่สาม ที่สี่ก็เหมือนกัน ตามนัยนี้ ทั้งเบื้อง
    บน เบื้องล่าง เบื้องขวาง แผ่ไปตลอดโลก ทั่วสัตว์ทุกเหล่าในที่ทุกสถาน ด้วยใจ
    ประกอบด้วยเมตตาอันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มี
    ความเบียดเบียนอยู่ บุคคลนั้นพอใจ ชอบใจเมตตาฌานและถึงความปลื้มใจ<wbr>ด้วย
    เมตตาฌานนั้น ยับยั้งอยู่ในเมตตาฌานนั้น น้อมใจไปในเมตตาฌานนั้น อยู่จนคุ้น
    ด้วยเมตตาฌานนั้น ไม่เสื่อม เมื่อกระทำกาละ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของ
    เทวดาเหล่าพรหมกายิกา ดูกรภิกษุทั้งหลาย กัปหนึ่งเป็นประมาณอายุของเทวดา
    เหล่าพรหมกายิกา ปุถุชนดำรงอยู่ในชั้นพรหมกายิกา<wbr>นั้น ตราบเท่าตลอดอายุ ยัง
    ประมาณอายุทั้งหมดของเทวดาเหล่า<wbr>นั้นให้สิ้นไปแล้ว ย่อมเข้าถึงนรกบ้าง กำเนิด
    ดิรัจฉานบ้าง เปรตวิสัยบ้าง ส่วนสาวกของพระผู้มีพระภาค ดำรงอยู่ในชั้นพรหม
    กายิกานั้นตราบเท่าตลอดอายุ ยังประมาณอายุทั้งหมดของเทวดาเห<wbr>ล่านั้นให้สิ้น
    ไปแล้ว ย่อมปรินิพพานในภพนั้นเอง ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นความพิเศษผิดแผก
    แตกต่างกัน ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับกับปุ<wbr>ถุชนผู้ไม่ได้สดับ คือ ในเมื่อคติ
    อุบัติมีอยู่ ฯ


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • buddaglo.jpg
      buddaglo.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.9 KB
      เปิดดู:
      212
  12. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    [​IMG]


    อาจาริโยวาทเกี่ยวกับความตาย
    ๑. ผู้มีโภคทรัพย์ภายนอก มัวแต่หวงไว้ ไม่ใช้เพื่อประโยชน์แก่ตนและแก่<wbr>ผู้อื่นตามสมควร ก็ทำทรัพย์ให้ไม่มีประโยชน์เหมื<wbr>อนเศษดิน ในที่สุดก็ต้องละทรัพย์นั้นไปด้<wbr>วยความตาย
    (สมเด็จพระสังฆราช กรมหลวงวชิรญาณวงศ์)

    ๒. ถ้าใครกลัวตายเสียดายทุกข์ ชอบถือเอาความสนุกในการเกิดว่าเ<wbr>ลิศเลอ ผู้นั้นต้องจัดว่าลืมตัวมัวประม<wbr>าท และชอบผัดเพี้ยนเลื่อนเวลา ว่า เช้า สาย บ่าย เย็น ไม่อยากบำเพ็ญความดีสำหรับตน ในเวลาที่มีฐานะพอทำได้อยู่ ความประมาทยังจะพาให้หลั่งน้ำตา<wbr>ด้วยความทุกข์ในสงสาร ไม่อาจประมาณได้ว่า ยังอีกนานเท่าไหร่จึงจะผ่านพ้นแ<wbr>หล่งกันดารอันเป็นที่ทรมานไปได้
    (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)

    ๓. คนเราเวลาตาย ทำให้คนร้องไห้เศร้าใจ
    แต่เวลาเกิด ทำให้คนหัวเราะชอบใจ ดีใจ
    คนที่หัวเราะก็หลง คนที่ร้องไห้ก็หลง ไม่รู้อะไรเป็นเหตุเป็นผล
    ความจริง “ ตายและเกิด ” ก็อันเดียวกันนั่นเอง
    เพียงแต่ว่าเขาเปลี่ยนกันทำหน้า<wbr>ที่เท่านั้นเอง
    (หลวงปู่ตื้อ อาจลธมฺโม)

    ๔. “ ความเกิดมีแล้ว ความแก่ ความตายมันก็มีอยู่ ไม่มีใครพ้นตาย ตายก็ตายเต็มแผ่นดินอยู่ เกิดก็เกิดเต็มแผ่นดิน เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดอยู่นี้แหละ สัจจธรรมข้อนี้ใคร ๆ ก็พ้นไปไม่ได้ นั่งอยู่ก็ตาย นอนอยู่ก็ตาย กินอยู่ก็ตาย ไม่กินก็ตาย เจ็บป่วยก็ตายได้ ไม่เจ็บป่วยก็ตายได้ ความตายมีอยู่ทุกฐานะสถานที่ ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย มันครอบงำเราอยู่ทุกเมื่อ
    เรา ต้องหาที่พึ่งอันประเสริฐไว้เสี<wbr>ยแต่ บัดนี้ แต่ยังมีชีวิตอยู่อย่างนี้ ยังแข็งแรงอยู่อย่างนี้ ถ้าร่างกาย จิตใจมันไม่อำนวย แล้วจะไม่คิดถึงอะไร จะไปยึดไปถือเอาอะไร เป็นที่พึ่งมันยาก ”
    (หลวงปู่แหวน สุจิณโณ)

    ๕. แท้ที่จริง จิต วิญญาณ มันมิใช่ของแตกของทำลาย แลไม่ใช่ของสูญหาย .. ดังนั้น ใครอยากสวย ให้รักษาศีล อยากรวยให้ทำทาน อยากปัญญาชาญให้ภาวนา
    (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

    ๖. เราเกิดขึ้นมากี่ภพกี่ชาติ ก็มาหัดสติตัวเดียวนี้ แต่ไม่สมบูรณ์กันสักที เหตุนั้นควรที่พวกเราจะพากันรีบ<wbr>ฝึกหัดสติแต่บัดนี้ เราจวนจะตายอยู่แล้ว ไม่ทราบว่าจะตายวันไหน ควรที่จะฝึกหัดสติให้อยู่ในเงื้<wbr>อมมือของตนให้ได้ อย่าให้จิตไปอยู่ในเงื้อมมือของ<wbr>ความหลงมัวเมา ผู้ใดจิตไม่อยู่ในอำนาจของตนก็ไ<wbr>ด้ชื่อว่า เราเกิดมาเสียเปล่า ได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าเสียเ<wbr>ปล่า ตายไปก็เปล่าจากประโยชน์
    (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)

    ๗. โลก คือ รูป นาม กาย ใจ ของเรา ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้แน่นอน ความไม่เที่ยง มีอยู่ที่ไหน ความเป็นทุกข์ ก็มีอยู่ที่นั้น และความตายก็ไม่มียกเว้นแก่คนใด<wbr> คนหนึ่ง เรามีสิทธิ์ตายได้ทุกเวลา
    (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)

    ๘. เมื่อเราเกิดมา ก็คือ เราตาย นั่นเอง ความแก่กับความตายมันก็คืออันเด<wbr>ียว กันนั่นแหละเหมือนกับต้นไม้ เมื่อมีโคน มันก็มีปลาย เมื่อมีปลายมันก็มีโคน ไม่มีโคน ปลายก็ไม่มี มีแต่ปลาย โคนก็มีไม่ได้ ดังนั้น เกิดนั่นแหละคือตาย ตายนั้นละคือเกิด
    (หลวงพ่อชา สุภทฺโท)
    ๙. เวลามีชีวิตอยู่ เราพึ่งอะไร เวลาตายไปเราจะพึ่งอะไร เวลาตายไปโลกหน้าไม่มีการทำไร่ ทำนา หรือว่าทำไร่ ทำสวน ซื้อถูก ขายแพง แต่อาศัยคุณงามความดีที่สร้างไว<wbr>้ เป็นอาหารทิพย์ เป็นเครื่องเสวย นั่นแหละให้เราสร้างเอาไว้ นั่นแหละเป็นแก้วสารพัดนึกอย่าง<wbr>หนึ่ง และเป็นคู่พึ่งเป็นพึ่งตนหนึ่งพ<wbr>ึ่งไปตลอดจนถึงอวสาน ได้ถึงนิพพาน ก็เป็นอันว่าหมดปัญหา เป็นผู้พึ่งตัวเองได้โดยสมบูรณ์
    (หลวงปู่มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน)

    ๑๐. ความตายนี้ ใครจะเสียใจก็ตาม ไม่เสียใจก็ตาม ใครจะชอบก็ตาม ไม่ชอบก็ตาม ใครจะยินดีก็ตาม ไม่ยินดีก็ตาม เมื่อถึงวาระมีอันเป็นไป ก็จะต้องเป็นไปตามกฎธรรมชาติ ตราบใดที่เรายังปฏิเสธความจริงห<wbr>รือกฎธรรมชาติ เราก็เป็นทุกข์ตราบนั้น
    (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    [FONT=&quot]เรื่องการก่อสร้าง
    (จากหนังสือลูกศิษย์บันทึก หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่ม 3 หน้า 1-2
    บันทึกโดย พระปลัดวิรัช โอภาโส)

    หลวงพ่อ เคยปรารภไว้ว่า….

    การก่อสร้าง การเลี้ยงคน ต้องต่อสู้กับอารมณ์ทุกอย่าง ต้องใช้ปัญญา
    ใคร่ครวญ ทำให้บารมีเต็มเร็ว
    หลวงพ่อ พูดว่า “มาคิดว่าสมัยหนุ่ม ๆ บวชแล้ว มัวแต่สร้างวัดมากมาย
    คิดแล้วเสียเวลา มาคิดว่า รู้อย่างนี้ไม่สร้างก็ดี เสียเวลา เอาเวลามานั่ง
    ชำระจิต ตัดกิเลสอย่างเดียว ให้จบ ๆ ไป จะดีกว่า”
    ปรากฏว่า….

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมา ตรัสกับองค์หลวงพ่อว่า

    “ไม่มีทาง…. ถ้าไม่ทำอย่างนี้ บารมีไม่เต็ม เมื่อบารมีไม่เต็ม การตัด
    กิเลสก็ไม่มีผล”
    ดังนั้น..

    การทุ่มเทกับการก่อสร้างสมัยหนุ่ม ๆ แล้วก็หยุดสร้าง หันมาตัดกิเลส
    จริงจัง นั่นแหละ

    เพราะว่าบารมีเต็มแล้ว จิตใจก็พร้อมจะตัดกิเลส จึงเกิดผลรวดเร็วมาก
    งานคันถธุระ ถ้าไม่เจอปัญหา จะมานั่งปฏิบัติอย่างเดียว บารมีไม่เต็ม
    เจอปัญหามาก ๆ มันตัดของมันเอง แล้วจะเบา

    การสร้างวัด ต้องเอาใจคนหลายประเภท บารมีเต็มเร็ว
    การทำงานในวัด เป็นการตัดหวง ตัดนิวรณ์ เป็นกรรมฐาน
    เป็นสมาธิขั้นฌาน
    การทำงานเป็นพุทธานุสสติ เป็นธัมมานุสสติ เป็นสังฆานุสสติ

    เป็นการทำงานเพื่อพระพุทธเจ้า และเพื่อการสงเคราะห์คนมาพัก
    ฆราวาส ถ้าเขาเข้ามาพักวัด


    เพื่อทาน เรา ก็ได้บุญ 1 ขั้น

    เพื่อศีล เรา ก็ได้บุญ 2 ขั้น

    เพื่อภาวนา เรา ก็ได้บุญ 3 ขั้น
    ถ้าเขามาพักเยอะ เราได้เยอะ เขามาปฏิบัติ 3 อย่าง เราก็ได้ 3 ขั้น

    มาเยอะได้เยอะ
    มาเพื่อศีล สมาธิ ปัญญา ใครมาพักที่วัด บารมีเราก็เต็ม 3 อย่าง

    คนบารมีเต็มจริง มันไม่กลัวอุปสรรค สู้ทุกอย่างไม่ท้อถอย

    คนเบื่อร่างกาย ไม่ตัดกังวล ไปนิพพานไม่ได้

    เบื่อร่างกาย ตัดร่างกาย ไปนิพพานได้
    [/FONT]
     
  14. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    หลวงพี่เล็ก พูดว่า พวกเราส่วนใหญ่ ลงมาเกิดก่อน เวลา
    ดังนั้น ก่อนจะลงก็ต้องไปขออนุญาต ผู้ใหญ่ก่อน

    คือ ท่านปู่พระอินทร์ และท่านย่า

    เมื่อลงมาเกิดก่อน ก็ต้องมีคนคอยคุม

    เช่น อายุ เท่านี้ จะต้องเจอ อย่างนี้ ไปสถานที่นี้ ได้อ่านเจอหนังสือ เล่มนี้ ธรรมะหัวข้อนั้น เจอครูบาอาจารย์คนนั้น
    หรือ มีบางคน ที่ได้รับหน้าที่ให้ลงมาเกิด เช่น พวกที่เก่งอภิญญา มาช่วยงานพระศาสนา
    ช่วยเวลาเกิดภัยพิบัติ
     
  15. พระจิรวัฒน์ ญาณวโร

    พระจิรวัฒน์ ญาณวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    5,029
    ค่าพลัง:
    +17,452
    [​IMG]
     
  16. ณิช

    ณิช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,391
    อนุโมทนาบุญกับคุณแดนนี่ที่ได้นำเอาบทความธรรมะมาให้ได้อ่าน ขนาดพระท่านยังต้องทำงาน ยังต้องเจอปัญหาหลายอย่าง ยังต้องสู้เลย เป็นมาอาทิตย์แล้วณิชก็เครียดเรื่องสัมมาอาชีพซึ่งกระทบกับการดำเนินชีวิต ก็ท้ออยู่ระดับหนึ่งเลยทีเดียว พอมาได้อ่านคำสอนหลวงพ่อฤาษีฯแล้วก็ทำให้มีกำลังใจขึ้นมาบ้างค่ะ
     
  17. พระจิรวัฒน์ ญาณวโร

    พระจิรวัฒน์ ญาณวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    5,029
    ค่าพลัง:
    +17,452
    รักใดเล่า รักแน่เท่าแม่รัก ผูกสมัคร รักลูกมั่น มิหวั่นไหว
    ห่วงใดเล่า เท่าห่วงรัก ดั่งดวงใจ แม่มีให้ กับลูกรัก ทุกครั้งครายามลูกขื่น แม่ขม ตรมแทบวาย ยามลูกเศร้า แม่โศก วิโยคใจยามลูกหาย แม่ห่วง คอยดวงตา

    ยามลูกมา แม่หมด ลดห่วงใย...ลูก ... ปวดหัวตัวร้อนนอนสะอื้น
    แม่ ... ก็ตื่นขึ้นมารักษาให้
    ปรนนิบัติพัดพามากกว่าใคร
    ดังน้ำใสไหลลื่นชื่นชีวา...
     
  18. ณิช

    ณิช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,391
    อนุโทนาเจ้าค่ะหลวงพี่ ความรักแม่ เป็นความรักที่บริสุทธิ์จริงๆ พอเป็นแม่แล้ว จึงได้ทราบความรู้สึกว่าเป็นอย่างไรค่ะ

    เล่าเรื่องประสบการณ์เล็กน้อย เมื่อสองคืนที่แล้ว หลังจากกล่อม อิสระ เข้านอนแล้ว ณิชก็เข้าห้องพระสวดมนต์สวดบทสั้นและนั่งสมาธิต่อ นั่งได้สักพักเหนื่อย และ ง่วงมาก จึงเลิกนั่งสมาธิ และขออนุญาติสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในห้องพระขอนอนเหยียดยาวสักครู่ ตอนนอนก็ทำสมาธิไปด้วย นึกถึงหลวงถึงปู่ดู่ หลวงปู่ทวด เสมือนให้ท่านคุมตัวเราทั้งตัว และจิตก็จดอยู่ตรงศูนย์กลางกายแบบหลวงพ่อสดที่ท่านสอน หลังจากทำไปสักครู่แล้ว ในจิตเหมือนเห็นสีจีวรเข้มๆ แว๊บเดียวเร็วมาก แต่จิตรู้ว่านี่คือจีวร แล้วก็ได้กลิ่นหอมมากตามมา ณิชก็เลยออกจากสมาธิเพราะไปสนใจตรงกลิ่นหอม กลิ่นก็หายไป แล้วก็ทำแบบเดิมใหม่ก็ได้กลิ่นหอมอีกจิตก็ออกจากสมาธิอีก คิดว่าเราคิดไปเองหรือเปล่าเนี่ย แต่ก็ได้กลิ่นสองครั้งแล้ว แล้วก็ทำสมาธิต่อไปเรื่อยๆแล้วก็ผลอยหลับเกือบสนิท จนได้ยินลูกร้องเสียงดัง ก็เลยออกจากห้องพระ จบค่ะ shareประสบการณ์ที่พึ่งเจอค่ะ
     
  19. ณิช

    ณิช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,391
    ในห้องพระไม่มีจุดธูป พวงมาลัยก็แห้งแล้วไม่มีกลิ่นหอม ความหอมที่ได้กลิ่นนั้น ลักษณะของกลิ่นจะเป็นกลิ่นที่เข้มข้น ไม่ใช่กลิ่นจางๆ เป็นกลิ่นแบบหอมโบราณๆ ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมฝรั่ง อธิบายไม่ถูกค่ะ


     
  20. ณิช

    ณิช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,391
    มีเรื่องวิญญาณที่จะเล่าสู่กันฟังค่ะ เมื่อไม่ถึงเดือนที่ผ่านมาถ้าได้ดูข่าว นักเรียนผู้หญิงคนไทย โดนคนพม่าวัยรุ่นที่พักห้องใกล้ๆ คนพม่าทำงานโรงขวดฆ่าตาย พอดีพี่เลี้ยงที่ณิชให้ช่วยเลี้ยงลูกนั้น พักอยู่ใกล้ๆซอยโรงขวด ซึ่งไม่ไกลจากที่เกิดเหตุเท่าไรได้เล่าให้ฟังค่ะ ว่าตอนนี้หลังจากน้องเขาตายไปแล้ว หอพักตรงนั้นสามชั้นคนย้ายออกหมดเลย เพราะได้ยินเสียงร้องของเด็กผู้หญิงคนนี้ ร้องแบบที่เขาร้องก่อนตาย อย่าทำหนู และวินมอเตอร์ไซด์ที่ตั้งวินใกล้ที่เกิดเหตุก็เปลี่ยนที่ตั้งวินใหม่ เพราะวินมอเตอร์ไซด์เห็นน้องผุ้หญิงคนนี้ยังใส่ชุดนักเรียนไปเรียนหนังสือ ตอนนี้คราบเลือดที่ติดที่ห้องก็ขัดไม่ออก เจ้าของห้องพักก็นิมนต์พระมาทำพิธีแล้ว แต่ว่าน้องเขายังไม่ไปค่ะ พ่อแม่น้องเขาก็กลับบ้านต่างจังหวัดหลังจากน้องตาย กำลังจะขึ้นมา ไม่รู้ว่าเขาจะจัดการยังไงต่อไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...