ฝึกจิตเพ่งกึ่งกลางระหว่างคิ้วสงบเร็ว

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย jamessss1234, 27 ธันวาคม 2005.

  1. jamessss1234

    jamessss1234 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +25
    วิธีมองกึ่งกลางระหว่างคิ้ว
    ค่อย ๆ หลับตาลง มองไปที่กึ่งกลางระหว่างคิ้วด้วยความรู้สึก คล้ายมองด้วยตาเนื้อ แต่จริง ๆ แล้วตาเนื้อไม่ได้มอง ไม่ได้เคลื่อนที่เลย ตาเนื้อยังคงอยู่ในลักษณะอาการปกตินั่นเอง การมองนี้มองด้วยอาการธรรมดาโดยไม่เคร่งเครียดรีบเร่งบีบรัด
    สรุป
    การมองกึ่งกลางระหว่างคิ้วก็คือ การใช้ลูกตาทั้งสองข้างมองวัตถุชิ้นเดียวกัน(สมมุติว่าลูกแก้วสีขาวดวงกลม)แล้วก็หลับตาลง ตอนหลับตาลงนั้น หนังตาปิดลูกตาทำให้ลูกตาไม่สามารถรับภาพจากภายนอกเข้ามาได้อีก แต่ในความนึกคิดนั้น จิตใจเหมือนยังใช้สายตามองภาพลูกแก้วสีขาวดวงกลม ๆ นั้นอยู่ โดยสมมุติว่า ภาพนั้นตั้งอยู่ที่กึ่งกลางระหว่างคิ้ว

    การมองกึ่งกลางระหว่างคิ้วนี้
    จึงชี้แน่ชัดว่ามองด้วยความรู้สึก
    ไม่ใช่มองด้วยลูกตาเรา

    ประโยชน์จากการมองกึ่งกลางระหว่างคิ้ว
    การที่เริ่มต้นเจริญสมาธิก็มองไปกึ่งกลางระหว่างคิ้วนั้น เป็นการดึงความสนใจความนึกคิดทั้งหมดมาจดจ่อฝากไว้เฉพาะที่กึ่งกลางระหว่างคิ้วเกิดประโยชน์ 6 ประการดังต่อไปนี้

    1 . เป็นการปูพื้นฐานไปสู่การถอดจิต
    2 . เป็นการสร้างจุดสนใจอยู่ในตำแหน่งที่จำง่าย
    3 . เป็นตำแหน่งใกล้ชิดกับสมองสถานที่ปรุงแต่งความนึกคิด
    4 . ต่อมนำลายในปากจะไม่มีนำลายออกมา
    5 . อาการขาเหน็บชา
    โดยทั่วไปแล้ว พอเข้านั่งสมาธิไปได้ครู่หนึ่ง ขาข้างขวา
    หรือข้างซ้ายจะเริ่มเหน็บชาโดยเริ่มต้นจากที่ปลายเท้า เจ็บ
    แปลบปลาบเคลื่อนขึ้นมาตลอดจนถึงสะโพกเลยขึ้นมาถึง
    ลำตัว บางครั้งจะมีอาการปวดเกร็งทนได้ยาก ตอนนี้ถ้าเรา
    เอาใจใส่กับอาการเหน็บชา อาการปวดก็จะยิ่งทวีคูณขึ้นมา
    กวนกระแสความสงบในสมาธิทำให้หลายท่านต้องคลายออก
    จากการฝึกสมาธิไปได้
    ในขณะเดียวกัน ถ้าจิตใจแม้ว่าจะรู้อยู่ว่า ขากำลังเหน็บ
    ชาอยู่ แต่เราไม่ไปสนใจ ไม่เอาใจไปจับรับรู้อาการเหน็บชา
    ด้วยจิตใจที่คลายจากการยึดมั่นถือมั่นในอาการนั้น สุดท้าย
    อาการปวดเกร็งนั้นก็จะไม่ขึ้นมากวนความสงบของสมาธิ ซึ่ง
    ที่จริงอาการเหน็บชายังคงมีอยู่นั้นเอง ภาวะเช่นนี้จิตใจเราก็
    สามารถเพิ่มความจดจ่ออยู่ที่กึ่งกลางระหว่างคิ้วมากขึ้นจนทำ
    ให้เราสามารถเข้าสมาธิได้นาน จิตสงบระงับมากขึ้นเป็น
    ลำดับก็จะค่อย ๆรู้สึกว่าจิตใจได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ
    มากขึ้น จนไม่มีความต้องการและต้องรับผิดชอบต่อเรือน
    สังขารอีก เพราะขณะนั้นไม่มีตัวไม่มีตน ก็ไม่ต้องตื่อนตก
    ใจรีบลืมตาขึ้นมาดูว่าร่างกายยังมีอยู่หรือไม่ ที่จริงกายนี้ยัง
    อยู่ เพียงแต่เหตุการณ์ขณะนั้นเรามีสติรู้พร้อมพิจารณาได้
    ว่า กายนี้สักแต่ว่ากาย ไม่ใช่บุคคล ตัวตน เราเขา เราย่อม
    สามารถอยู่อย่างสงบสุขเจริญสมาธิต่อไปได้อีกนานเท่าที่
    สังขารและจิตใจเราอำนวยให้
    6 . ไม่ต้องพะวงกัลมหายใจที่ละเอียดลง
    เมื่อได้เจริญสมาธิต่อไปอีกวาระหนึ่ง
    จิตใจที่คิดฟุ้งซ่านจะค่อย ๆ สงบลง สมองก็ไม่ต้องใช้ความ
    คิดมากสิ้นเปลืองพลังงานน้อยลง ยิ่งสงบมากเพียงใด ส่วน
    ต่าง ๆ ของร่างกายก็ใช้พลังงานน้อยลงเพียงนั้น หัวใจจึงได้
    รับการสูบฉีดโลหิตที่ต้องไปหล่อเลี้ยงร่างกายน้อยลง เมื่อ
    หัวใจทำงานน้อยลง จึงจะสังเกตเห็นได้ชัดว่าคนยิ่งเข้าสมา
    ธิขั้นสงบสูง ๆ แล้ว ปอดหายใจละเอียดมาก ๆ จนเกือบจะ
    มองไม่เห็นว่าหายใจเลย คนที่ไม่เคยกับอาการเช่นนี้ ก็จะ
    ต้องหันมาตั้งตนหายใจแรงและลึก เพราะกลัวว่าเดี๋ยวจะ
    ไม่หายใจซึ่งเป็นเพียงอุปทานจากความไม่เคยชินกับอาการ
    ใหม่ที่เกิดขึ้นเท่านั้น อุปทานนี้ทำให้รู้สึกว่าอึดอัดแน่นหน้า
    อกมากก็เลยต้องถอนหายใจลึก ๆ จึงจะรู้สึกว่าสบายเหมือน
    ร่างกายในเวลาปกติที่ไม่ได้เข้าสมาธิ ถอนหายใจครั้งใดก็
    ต้องตั้งต้นฝึกสมาธิใหม่อีกครั้งทำให้จิตไม่สงบซักที

    ที่จริงแล้ว ถ้าเราไม่สนใจลมหายใจที่เข้าออกแล้วพิจาร
    ณาได้ว่า กายนี้ซักแต่ว่ากาย ไม่ใช่บุคลตัวตนเราเขาจะหาย
    ใจเป็นอย่างไร เราก็ไม่สนใจ แน่ใจว่าตราบใดที่เรายังมีชีวิ
    ตอยู่ ปอดยังคงทำหน้าที่หายใจอย่างแน่นอน จิตใจก็จะ
    คลายออกจากความกังวลได้ และจิตใจจะได้รัษาอารมณ์
    ความสงบสืบเนื่องต่อไปได้อีกนาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2005
  2. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,803
    ค่าพลัง:
    +18,982
    ..ดูแต่จิต กายไม่เกี่ยว...ประมาณนี้ป่าวครับ
     
  3. jamessss1234

    jamessss1234 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +25
    การมองระหว่างคิ้วนี้ มีตัวอย่างที่แสดงออกมาให้เห็นว่า เป็นการผิดจากความถูกต้องตามลักษณะธรรมชาติดั้งนี้

    1 . หัวคิ้วย่นห่อขมวดเป็นก้อน
    2 . หนังตาเปิดเผยอขึ้น
    3 . ลูกตากลิ้งมาติดสันจมูก(ตาเข)
     
  4. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    หน้าตา อย่างนี้น่าจะ บวชพระนะครับคิดบ้างหรือเปล่าครับ ดูแล้วมีฤทธิ์มากดี อนุโมทนาในธรรมที่เกิดขึ้นครับ
     
  5. jamessss1234

    jamessss1234 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +25
    สรุป

    ถ้าจะต้องการสร้างศรัทธาเบื้องต้น
    ควรจะเลือกฝึก ด้วยการเพ่งกึ่งกลางระหว่างคิ้วก่อน แล้วค่อยไปฝึกตามแนวการจับลมหายใจเข้าออก

    ซึ่งทั้งสองแนวทาง สุดท้ายต่างก็ลงสู่รูปวงกลมนิมิตอุคหนิมิต
    ทั้งสิ้น อันจะนำไปสู่สมาธิระดับสูงขึ้นไปอีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2005
  6. โยคี

    โยคี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +7
    คุณ คิดว่า การ เพ่ง ระหว่างคิ้ว นี้ ดี หรือ ?
    แต่ สำหรับ ผม ตึงมากๆๆๆ วิธีนี้ ผม ไม่ทำแน่นอน
    แถม คน ทำไม่เป็น จิต หลุด ออกไป ทาง หน้าผาก ระหว่างคิ้ว
    จะเข้า ร่างยากมาก
     
  7. singkaew_k

    singkaew_k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +159
    ฝึกจิตเพ่งกึ่งกลางระหว่างคิ้วจิตสงบเร็ว

    ผมเคยลองแล้วนะ คือเริ่มนั่งสมาธิโดยใช้อานาปานสติแล้วจะเกิดแสงสว่างตรงหน้าผาก หลังจากนั้นมาเพ่งแสงสว่างที่หน้าผากเหมือนการเพ่งกสิณ วันต่อมาจะมึนศรีษะ วิธีนี้ผมว่าจะมีผลข้างเคียงมากนะต้องระวังด้วย เหมือนยาที่ออกฤทธิ์เร็วและแรงก็ย่อมมีผลข้างเคียงมากเช่นกัน แต่ที่ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์เวลาฝึกจิตให้เอาความรู้สึกไว้ที่หน้าอกหรือตรงลิ้นปี่จะสบาย ไม่มีอันตรายและปลอดภัยมากกว่านะ เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวนะ บางคนอาจจะถูกกับจริตก็ได้ ขอให้เจริญในธรรม
     
  8. nakoruru

    nakoruru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2005
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +1,119
    ที่ผมทำจะเป็น เหนือหว่างคิ้วไปสัก 1ซม. กว่าๆ ครับ ทำแล้วรู้สึกว่า จิตสงบ
    เร็ว กว่า กำหนดลมหายใจ แต่จะปวดๆ เล็กน้อย(หรืออาจจะเป็นเพราะผมถนัดแบบนี้ก็ไม่รู้น่ะครับ)บางทีก็ใช้ฝ่ามือ ทั้งสอง เกือบจะประกบเข้าหากัน รู้สึกสงบ ทีแรก ที่ลองทำ ก็ นึกเอาว่ามี ลูกแก้วอยู่ระหว่างฝ่ามือทั้งสอง ผมเองก็ใช้คำไม่ถูกน่ะครับ ว่าเรียกว่ากำหนดจิตรึเปล่า แล้วสักพักจะเริ่มกำหนดจิตทั้งตัว รู้สึกสบายตัวครับบางทีเป็นหวัดก็ ไม่ถนัดจะกำหนดลมหายใจเหมือนกัน ครับ อยากทราบจังเลยครับ ว่าอย่างนี้เรียกถูกกับจริต ของผมไหม ผมเองก็เป็นผู้รู้น้อย ครับ ใครทราบช่วยตอบข้อสงสัย ของผมทีนะครับ ขอบพระคุณครับ
     
  9. GenerationXXX

    GenerationXXX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +2,161
    ผมก็ถนัดวิธีนี้เหมือนกัน ทำตอนไหนก็ได้ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ขี้อยู่ก็ยังได้ ที่ว่าอันตรายคงเพราะจุดตำแหน่งระหว่างคิ้วเป็นตำแหน่งที่ประสาทรับรู้ความรู้สึกไวมากๆ ถ้าคนที่พยายามจะแยกจิตออกจากกายจะต้องใช้กำลังสูง เพราะประสาทไวมากถ้าออกไปได้แล้ว จะมีกำลังมาก กำลังฝึกเหมือนกันก้าวหน้าที่ละน้อยๆ เอาแค่ฌาณ 4 ให้คล่องก่อนดีกว่าผม
     
  10. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,803
    ค่าพลัง:
    +18,982
    เพื่อนผมหลายคน ที่ชอบฝึกจิตเพ่งกึ่งกลางคิ้วว...

    ..แต่ผมเปลี่ยนมาฝึกจับลมหายใจ(อานาปานสติ) รู้สึกจะถนัดกว่า... ลองๆมาเทียบกะเพื่อนผมแล้ว ก็พอๆกัน อิอิ
     
  11. jamessss1234

    jamessss1234 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +25
    กสิณ

    การฝึกสมาธิเป็นวิธีการที่จะยังจิตให้สงบ รวมเป็นอารามณ์เดียว ที่ไม่คิดฟุ้งซ่าน
    ในการฝึกสมาธินั้น มีวิธีหนึ่งเรียกว่า "กสิณ"
    กสิณ
    เป็นการฝึกด้วยวิธีการ เพ่งจ้องมองวัตถุ จากภายนอกกาย เข้ามาเป็นเครื่องหมายจูงใจให้ยึดจับอยู่กับเครื่องหมายนั้นเป็นอารมณ์ จนจิตใจสงบรวมเป็นหนึ่งฝากอยู่กับนิมิตหมายนั้น
     
  12. ศิษย์น้อย

    ศิษย์น้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    427
    ค่าพลัง:
    +3,047
    ถ้าเน้นการฝึก แล้วเป็นพื้นฐานเข้าสู่อภิญญา..หรือพวกตาทิพย์ อะไรเทือกนั้น... พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ สอนว่า.. ให้ฝึกหมวดกสิณ... ยืนยันตามที่หลวงพ่อสอนไว้ครับ...

    ผมไม่จับอย่างอื่นเลย.. นอกจากอาณาปานสติ + พุทธานุสติ(จับภาพพระ) หรือ สังฆานุสติ(จับภาพหลวงพ่อฯ) ....

    มีเพิ่มบ้างก็ อสุภฯ มรณานุสติ.... เพราะผมเป็นคนราคะจริต และติดจะโทสะสจิตอยู่ด้วย...

    ผมฝึกแค่นี้จริงๆ ส่วนมโนมยิทธิ หลังจากฝึกกับอาจารย์ครั้งแรก ก็ไม่ฝึกต่ออีกเลย....
     
  13. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    อื่ม ฝึกแล้วสงบ ไม่ฟุ้ง มีสติ มีสมาธิ ก้สมควรฝึกค่ะ เลือกในทางที่ตรงก้เหมาะสมแล้ว
     
  14. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    การฝึกจะแบบไหนก็เหมือนกัน พอเข้าไปเป็นสมาธิแล้วก็ไม่เห็นจะแตกต่างเลย การปฎิบัติจะทำแบบไหนก็ได้ที่เราทำแล้วรู้สึกว่าสบายไม่รู้สึกหนัก หรือ บังคับจนเกินไป
    สมาธิก็คล้ายๆกับการสะสมพลังงาน เพราะเราจะรู้สึกหนาแน่นไปด้วยสติมากๆ รับรู้อะไรได้เร็ว เข้าใจอะไรง่ายขึ้น
    การเพ่งตามที่เจ้าของกระทู้กล่าวก็มีอ้างอิงในเชิงวิทยาศาสตร์ด้วย ที่เขาบอกว่าการนั่งกรรมฐานทำให้สมองมีการเปลี่ยนแปลงน่ะครับ
    ทุกครั้งที่เพ่งกึ่งกลางระหว่างคิ้วส่วนใหญ่จะเห็นดวงกลมๆสีขาวจากใหญ่ไปหาเล็กจนหายไปแล้วก็มีขึ้นมาใหม่ พอเราจดจ่ออยู่กับดวงสีขาวเราก็จะเป็นสมาธิเร็วและสงบง่ายขึ้น
    การทำเช่นนี้ในบางครั้งชอบเห็นสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นบ้างล่ะ เห็นสิ่งที่ไกลออกไปแต่เกิดขึ้นจริงบ้างล่ะ บางครั้งเห็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อหลายสิบปีก่อนบ้างล่ะ
    ข้อเสียในการเห็น หากว่าเราเห็นบ่อยๆก็จะทำให้เราไม่รู้ว่าตอนไหนเป็นปัจจุบันจริงๆ
    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  15. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    ถึงว่าสิ่ ><

    เมื่อก่อนหัดเพ่งกึ่งกลางระหว่างคิ้ว .. เจอเยอะเลยค่ะ อิอิ ^^ (โดยส่วนตัวรู้สึกว่า สนุกค่ะ อิอิ ^_^)
     
  16. topnank

    topnank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,899
    ค่าพลัง:
    +874
    มองกลางคิ้วให้นาน ๆ ทำทุกวัน เวลาให้ใกล้เคียงกันทุกวัน เช่นเคยทำ 4 ทุ่ม ก็เริ่มทำ

    เวลานี้ทุกวัน แล้วคุณจะกลับเข้ามาบอกเพื่อน ๆ ว่า มีอาการแบบ นี้ แบบ นี้ คุณต้องเข้า

    มาถามว่ามีใครเป็นแบบผมบางมั้ย ถ้าเริ่มทำจริงจังนะครับ อย่างให้ปฏิบัติ
     
  17. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,697
    ค่าพลัง:
    +1,559
    เคยทำจนมีตุ่มแข็งขึ้นตรงจุดที่เพ่งนั้นละ มองดูไม่เห็นนะต้องใช้มือกดเอาถึงจะรู้ว่ามีก้อนแข็งขึ้นมาขนาดและรูปทรงคล้ายๆ สีแดงๆที่พวกโยคีเขาแต้มกลางหน้าผากนั้นละ ไม่เจ็บ ไม่รู้สึกผิดปรกติอย่างอื่น สำหรับผมนะรู้สึกว่า ทำจิตรวมได้ง่ายกว่าอย่างอื่น.และ ถอดจิตได้จริง แต่เลิกเล่นไปแล้วเพราะไม่รู้ว่าคืออะไรยังไง ก็เลยกลัว(ตอนนั้นนะ)
     
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ผมมองกรณีนี้เหมาะสำหรับฝึกทิพย์จักขุญานแบบให้บังคับได้นะครับ..
    อนุโมทนาสาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...