รวมกระทู้การบำเพ็ญเพียรของข้าพเจ้า และประสบการณ์สัมผัสสิ่งลี้ลับ

ขอชี้แจงวัตถุประสงค์ว่า มิได้ต้องการอวดตน หรือแสดงตนว่าเป็นผู้ใด
และไม่ต้องการให้ผู้ใดสืบหา เพราะไม่ต้องการให้ใครมาชมหรือเยินยอ
ที่รวบรวมไว้นี้ เพื่อเป็นแนวทางเลือกหนึ่ง ที่ผู้บำเพ็ญเพียรด้วยกันจะได้
มานำไปใช้ดู เป็นตัวอย่างของการบำเพ็ญเพียรเท่านั้น


อนึ่ง ปัจจุบัน เรานั้นยากที่จะบำเพ็ญเพียรในโลกยุคนี้ หลายๆ อย่างจึง
นำมาโพสไว้เพื่อเป็นทางออกสำหรับบางท่านที่กำลังหาทางออก ดัง
จะได้อธิบายต่อไป

 

๑ ละทิ้งลาภยศตำแหน่งทางโลกเข้าสู่การบำเพ็ญเพียร

อดีต ข้าพเจ้าก็ต้องการได้ลาภยศชื่อเสียงเงินทอง
ข้าพเจ้าแข่งขันกับเพื่อนในรุ่นเดียวกัน เพื่อให้ได้เป็น
ผู้จัดการเร็วที่สุดในรุ่น ซึ่งข้าพเจ้าสามารถสอบผ่าน
และจะได้เป็นแล้ว แต่ก็ได้มีเหตุให้ไปทำงานนั้นไม่ได้
ต่อมาเมื่อตั้งใจทำงานที่ทำงานเดิมในตำแหน่งผู้ช่วย
ผู้จัดการ และมีผลงานเป็นที่ชื่นชมของเจ้านายชาวต่าง
ชาติที่มาตรวจงานมาก กลับถูกเพื่อนร่วมงานรุมกลั่น
แกล้ง เมื่อมากถึงจุดหนึ่ง ข้าพเจ้าเห็นความวุ่นวาย
และความน่ารังเกีจยจของความอยากและริษยา

เหตุการณ์นั้น ทำให้ข้าพเจ้าต้องตัดสินใจอีกครั้ง
ข้าพเจ้าจะลาออก เจ้านายเรียกไปคุยเพื่อให้อยู่ต่อ
แต่แล้ว ข้าพเจ้าก็ขอสละ เพื่อให้คนที่อยากได้ ได้ไป
เจ้านายรู้สึกเสียใจมาก ข้าพเจ้าก็รู้ดี และยังรู้ด้วยว่า
ต่อไปนี้จะไม่มีเงินเดือนอีกแล้ว พ่อแม่ก็ยากจน จะต้อง
บำเพ็ญเพียรแสวงหาธรรม โดยละทิ้งทุกอย่างทางโลก


และนี่คือจุดเริ่มต้นแห่งการบำเพ็ญเพียรที่จะเล่าต่อไป

 

๒ หลวงปู่ครูบาไชยวงศา ช่วยพูดกับร่างทรงเพื่อให้ข้าพเจ้าบำเพ็ญเพียร

แม่ของข้าพเจ้ากลุ้มใจที่ข้าพเจ้าลาออก และอยากให้ทำงานช่วยทางบ้าน
บางคนก็บอกว่าเมื่อสนใจทางธรรมแล้วก็ห่มเหลืองบวชเลย แต่ข้าพเจ้ารู้
ตัวว่าชาตินี้ไม่ได้ห่มเหลือง เพราะช่วงบำเพ็ญเพียรมีหลายอย่างได้บ่งบอก
เช่นนั้น เช่น พระอาจารย์มั่นบอกให้เดินตามแม่ทา (ฆราวาสไม่ห่มเหลือง)
หรือตอนที่ไปกราบหลวงปู่ครูบา และได้ไปกราบครูบาขาวปี (ท่านห่มขาว)
ตอนนั้นก็รู้สึกแปลกๆ แล้ว และก่อนหน้าที่จะหนีไปบวชก็มีเหตุให้ไม่ได้บวช

ร่างทรงเดิมเป็นอาจารย์สมัยมัธยมของข้าพเจ้าเอง แต่วันหนึ่งก็มีเหตุเกิด
คือ มีจิตสื่อดวงจิตอื่นๆ ร่างทรงก็เคยเจอดวงจิตที่ไม่ดีเข้ามาเหมือนกัน
จนต้องรับขันธ์และถือศีล บวชพราหมณ์ปีละครั้ง จากนั้นมาก็ต้องทำหน้า
ที่นี้ช่วยคนเรื่อยมา ร่างทรงได้บอกเรื่องราวของข้าพเจ้าให้แม่ฟังเป็นระยะ
ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าไม่เคยเล่าเลย เช่น ที่ไปวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ร่างทรง
ก็สามารถบอกได้ พอแม่มาถามข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็บอกว่าจริงดังนั้น ทั้งๆ
ที่ข้าพเจ้าจะไม่บอกแม่เลยว่าไปที่ไหนบ้าง (ทำให้แม่เป็นห่วงและอยากรู้)
เพราะข้าพเจ้าจะฝึกไม่ให้แม่มีจิตกังวัลและตัดความอาลัยในตัวลูกให้ได้

ร่างทรงต้องการสื่อกับหลวงปู่ที่มาคุ้มครองดูแลข้าพเจ้า จึงนัดแนะให้แม่
พาข้าพเจ้าไปหา (ดวงจิตหลวงปู่อยู่กับข้าพเจ้า หากข้าพเจ้าเดินทางไป
ร่างทรงจะสื่อได้ชัดเจนง่ายกว่า) และได้พูดคุยกับดวงจิตหลวงปู่ ซึ่งข้าพเจ้า
เองสื่อสารกับหลวงปู่ไม่ได้ มีเพียงความรู้สึกบางช่วงเท่านั้นว่า รู้สึกเหมือน
ไม่ได้อยู่คนเดียว และรู้สึกเหมือนมีใครทำอะไรบางอย่าง ให้เราต้องเดินตรง
ทาง (เคยลองทำผิด แล้วไม่สามารถทำได้ มีเหตุให้ไม่สามารถทำอยู่บ่อยๆ)

ข้าพเจ้าไม่เคยพบหลวงปู่ตอนท่านยังมีชีวิต แต่จากการสื่อสารกับร่างทรง
ข้าพเจ้ารู้สึกได้ว่าหลวงปู่จริงๆ ซึ่ง ท่านได้สื่อสารมาดังนี้

1. ท่านจะใช้ร่างข้าพเจ้าเพื่อบำเพ็ญเพียรตลอดชีวิต (จริงๆ ท่านไม่ได้ใช้ร่าง
ข้าพเจ้า แต่พูดแบบนี้เพื่อให้แม่ยอมรับ ให้ข้าพเจ้าบำเพ็ญเพียรได้เต็มที่
ซึ่งข้าพเจ้าเข้าใจดี และรู้ว่าหลวงปู่ฉลาดล้ำลึก เพราะเคยไปเจอตำนาน
พระพุทธบาทกบ --- ท่านเปรียบเปรยเหมือนคนที่ไม่ยอมปรารถนาพุทธ
ภูมิ ทั้งๆ ที่มีบุญบารมีมาก ว่าเป็นกบ --- เรียกว่าพูดแรงแต่ได้ผลตรงจุด
ซึ่งเรื่องนี้ ท่านไม่เคยบอกใครตรงๆ แต่ข้าพเจ้าเข้าใจความหมายโดยนัยนี้เอง)

2. ท่านว่าข้าพเจ้าจะมาสร้างปณิธานที่ยังไม่สำเร็จของหลวงปู่ให้สำเร็จ
ซึ่งข้าพเจ้าเคยไปวัดของหลวงปู่ และตรวจดูพุทธบริษัทสี่และถาวรวัตถุ
ก็เห็นว่าหลวงปู่สร้างชุมชนนี้จากป่าเปล่า เอาคนสองเชื้อชาติ คือ ปากะญอ
และชาวไทย มาอยู่ร่วมกันอย่างสงบ โดยมีพระศาสนาอยู่เป็นเสาหลัก
ข้าพเจ้าจึงเข้าใจอุดมการณ์ของหลวงปู่โดยทันที

3. หลวงปู่ให้ข้าพเจ้ากินเจ ท่านว่าข้าพเจ้าจะสามารถทำได้อีกไม่นานนี้
ร่างทรงเลยขอต่อรองแทนข้าพเจ้า แต่หลวงปู่ก็ยืนยันว่าข้าพเจ้าต้องกินเจ
และไม่ห่มเหลือง ให้ข้าพเจ้าห่มขาว ซึ่งอีกประมาณ เลข 4 (ไม่รู้เดือน/ปี)
ท่านว่าข้าพเจ้าจะขึ้นเหนือ และมีคนบริจาคสร้างศูนย์ปฏิบัติธรมให้ และ
ข้าพเจ้าจะสอนธรรมอยู่ที่นั่น ท่านพูดชัดเจนว่าจะต้องทำแบบนี้ อย่างอื่นไม่ได้
และไม่ให้ข้าพเจ้าไปเรียนต่อ, ทำงานอย่างอื่น หรือเรียนกรรมฐานใดๆ อีกแล้ว

4. หลวงปู่บอกว่าข้าพเจ้าฝึกพระธรรมสามสาย ตอนนี้ยังอยู่สายที่หนึ่งกับสอง
เมื่อสองอย่างได้ก็จะได้อย่างที่สามเอง (ซึ่งสายที่สาม ข้าพเจ้าทราบว่ามี
ที่ทิเบต หากไปเรียนกับพระลามะอาจจะได้สายที่สามนี้ แต่หลวงปู่ไม่ให้ไป)
หลวงปู่ว่าข้าพเจ้าจะได้เอง และหลวงปู่จะช่วยเอง ไม่ต้องไปหาใครที่ไหน

5. หลวงปู่บอกว่าประมาณอีกไม่นาน ตาที่สามถึงจะเปิด ตอนนี้ยังไม่เปิด
เมื่อเปิดแล้วก็จะเห็นอะไรที่คนทั่วไปมองไม่เห็น ท่านก็ห้ามไม่ให้ไปพูดให้
ใครฟังมาก ท่านว่ากลางคืนบางครั้งข้าพเจ้านอนสมาธิ ด้วย (หลวงปู่พูด
เพื่อแสดงให้ข้าพเจ้ารู้ว่า หลวงปู่ดูข้าพเจ้าละเอียดเลย แม้นกระทั่งตอน
ก่อนนอนทำสมาธิหลวงปู่ก็รู้)

6. ข้าพเจ้าถามถึงภัยพิบัติ หลวงปู่บอกได้เพียงบางส่วนเพราะเป็นลิขิต
กรรม ที่จะไม่บอกใครอีกแล้ว ใครทำกรรมต้องได้รับ จึงห้ามแพร่งพราย
หลวงปู่บอกว่า กรุงเทพ คือ เดือน "ตุลาคม" เป็นเดือนตัดสินผล ส่วน
ภัยพิบัติโลก ท่านบอกไม่ได้ (เทพองค์ก่อน ที่มาสื่อกับร่างทรงถูกเรียก
ตัวกลับด้วยเหตุนี้ เพราะไม่ให้บอกเรื่องนี้กับคนบนโลก) ท่านบอกเพียง
ว่าเมื่อเกิดขึ้นพร้อมกันสามจุดก็เมื่อนั้น ได้แก่ อาหรับ, เอเชีย ส่วนอีก
ที่หนึ่งท่านไม่บอก

7. หลวงปู่รู้ว่าข้าพเจ้าคิดอะไร ท่านว่า ข้าพเจ้าต้องการมาเพื่อจะให้
ชัดเจน และมั่นใจ และต้องการชมบารมีองค์เทพของร่างทรงด้วย
(จุดนี้เองที่ข้าพเจ้าแน่ใจว่าใช่ชัวร์ เพราะวิสัยหลวงปู่ และพระอรหันต์
โพธิสัตว์ ทั้งหลาย ท่านจะให้เกียรติ์แก่เหล่าเทพมาก ท่านจะพูดกัน
แบบนี้) ซึ่งตอนข้าพเจ้าถึงบ้านร่างทรง ก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้
ทันที แล้วก็จางหายไป (คิดว่าเป็นการต้อนรับของเทพชั้นสูง จะทำแบบนี้)

ข้าพเจ้าได้สนทนากับร่างทรง (อจารย์เก่า) และได้สังเกตุภาษาที่ร่างทรง
ใช้สื่อกับเทพ ตลอดจนท่ารวบมือขนานพื้นและแยกออก (ร่างทรงบอกว่า
เทพสอนแบบนี้ ทั้งการไหว้สี่ทิศในท่าต่างๆ ด้วย) ข้าพเจ้าจึงแน่ใจว่าเป็น
วิชาสายพลังจักรวาล ที่ฝึกเพื่อสื่อกับดวงจิตจักรวาลโดยตรง ทั้งนี้ อาจารย์
ก็สัมผัสพลังเครื่องรางของขลังได้ และดึงพลังพวกนั้นได้ด้วย เมื่อก่อนร่าง
ทรง ทรงเทพที่ชั้นไม่สูงมากเท่านี้ แต่ตอนนี้ พระแม่อุมาท่านเสด็จมาอยู่บน
เหนือบ้านเพื่อดูแลให้ พระแม่ลักษมีก็คอยช่วยดูห่างๆ เมื่อก่อนท่านท้าว
เวสสุวัน เคยมาปรากฎกายนั่งข้างๆ ร่างทรง มีคนเห็นเป็นองค์สีดำๆ แต่ง
ยศทรงเครื่องเต็มไปหมด บางคนก็เห็นไม่มาก บางคนก็มาลองวิชากับอาจารย์
หลังๆ เทพเลยมาช่วยดูแลปกป้องให้


ข้าพเจ้าสัมผัสได้คือครั้งแรกที่ไปได้กลิ่นดอกไม้หอมจางๆ เป็นลักษณะของ
เทพชั้นสูง ส่วนความรู้สึกอื่นไม่มี นอกจากโล่งๆ สบายๆ ซึ่งปกติถ้าเจอพลัง
ที่ไหลเวียนอัดแน่นข้าพเจ้าจะรู้สึกแน่นหน้าอก เช่น พวกที่ชอบสะสมเครื่องราง
ของขลัง แต่กรณีกลิ่นไม้หอมนี้ จะพบกับเทพที่ดีเท่านั้น

ปกติวิสัยส่วนตัวข้าพเจ้าก็ชอบไม้หอมจางๆ สีขาวอยู่ หลวงปู่ก็ให้แม่บูชาแบบนี้
แปลกดีที่ไปบางที่แล้วเทพบางองค์ท่านก็ต้อนรับวิธีนี้แบบเดียวกัน ปกติเทพจะ
รู้ประเพณีและเข้าใจพิธีรีตองเยอะสักหน่อย (กรณีบูชาเทพ ถ้าต้องการสื่อความ
ศรัทธาจริงๆ การทำให้ถูกหลักถูกต้องจึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก เรื่องนี้เทพเขาถือ)
แต่กรณีข้าพเจ้าท่านว่าให้ใช้ธูปสามดอกก็พอ (กรณีของพุทธนั่นเอง)

 

อนุโมทนาด้วยนะครับ แต่อยากจะถามว่าเมื่อไหร่จะมีคนมาบริจาคศูนย์ปฏิบัติธรรมครับ ผมจะได้ไปเรียนด้วย คุณโชคดีนะ

 

ท่านอนาคาริกสนใจเอาหนังสือธรรมะฟรี5ล้านเล่มไหมครับ โทร 029132888 เขาแจกฟรีครับชื่อบริษัทเวิล คลาสไลฟ แขวงเขตประชาชื่น ถนนประชาชื่น กทม สาธุครับ

 

<สาธุ....อนุโมทามิ>
[-/_\-]
การให้ธรรมทานชนะการให้ทั้งปวง
ความยินดีในธรรมชนะความยินดีทั้งปวง
รสแห่งธรรมชนะรสทั้งปวง​