ลั้นลาที่ “ลับแล” ชิมผลไม้-ไหว้พระ-พบปะแม่ม่าย

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 21 กรกฎาคม 2012.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="headline" align="left" valign="baseline">ลั้นลาที่ “ลับแล” ชิมผลไม้-ไหว้พระ-พบปะแม่ม่าย </td> <td align="right" valign="baseline" width="102">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">18 กรกฎาคม 2555 16:59 น.</td> <td align="left" valign="middle">


    </td></tr></tbody></table>

    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="500"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">บรรยากาศเมืองลับแล</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ทุกครั้งที่ได้ออกเดินทางท่องเที่ยว “ตะลอนเที่ยว” เชื่อว่าทุกคนคงมีอาการคล้ายกัน คืออาการลั้นลา ดี๊ด๊า เพราะการไปเที่ยวก็คือการไปสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ ไม่ซ้ำซากจำเจเหมือนตารางชีวิตที่เราพบเจออยู่ทุกวัน

    และในครั้งนี้ “ตะลอนเที่ยว” ก็ลั้นลาเหมือนทุกครั้ง เมื่อได้ร่วมเดินทางไปกับคาราวานท่องเที่ยวทางรถยนต์กับโครงการ “เที่ยวเมืองลับแล แอ่วเมืองแป้ม่วนใจ๋” ที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานจังหวัดแพร่ (รับผิดชอบจังหวัดแพร่ น่าน อุตรดิตถ์) ร่วมกับบริษัท สานฝันฮอลิเดย์ จำกัด และเว็บไซต์ตองหนึ่งไทยแลนด์ดอทคอม จัดขึ้น เป็นการเที่ยวสองจังหวัดที่ได้พบเจอสิ่งที่น่าสนใจมากมาย แต่ในวันนี้จะขอนำเสนอเฉพาะเรื่องราวของการไปลั้นลาที่เมืองลับแลกันก่อน

    “เมืองลับแล” ฟังชื่อแล้วดูลึกๆ ลับๆ อย่างไรชอบกล ว่ากันว่าดินแดนลับแลเป็นสถานที่ลี้ลับ ใครหลงเข้าไปแล้วจะกลับออกมาไม่ได้ ซึ่งหากใช้เหตุผลอย่างธรรมดาที่สุดก็อธิบายได้ว่า ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นป่าเขาสลับซับซ้อน ใครไม่คุ้นชินทางผ่านเข้ามาก็มักหลงหายสาบสูญหาทางกลับบ้านไม่เจอ จนเรียกพื้นที่บริเวณนี้ว่าเป็นเมืองลับแล

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="375"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="375"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">อนุสาวรีย์แม่ม่าย</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> แต่หากจะเล่าให้สนุกก็ต้องพูดถึงตำนานเมืองลับแลที่มักถูกเรียกคู่กันว่า “เมืองลับแล-แม่ม่าย” ที่ เล่าต่อกันมาว่า คนเมืองลับแลถือเรื่องสัจจะวาจาเป็นอย่างยิ่ง ใครไม่มีความสัตย์จะอยู่ร่วมกับคนลับแลไม่ได้ อยู่มาวันหนึ่งมีชายหนุ่มคนหนึ่งหลงเข้าไปในเมืองลับแลและพบรักกับหญิงชาว ลับแล ทั้งคู่อยู่ร่วมกันและมีบุตรด้วยกัน 1 คน วันหนึ่งหญิงลับแลออกไปหาผักหาปลาตามปกติ ฝ่ายสามีดูแลลูกอยู่ที่บ้านตามลำพัง แต่วันนั้นลูกน้อยเอาแต่ร้องไห้โยเย พ่อทั้งปลอบทั้งขู่อย่างไรก็ไม่หยุดร้อง จึงโกหกลูกไปว่า “หยุดร้องเสียเถิด แม่มานั่นแล้ว” ทั้งที่ความจริงแม่ยังไม่กลับ

    คำโกหกเพียงเท่านี้ชาวลับแลก็ไม่อาจยอมรับได้ หญิงลับแลยอมเป็นแม่ม่าย ขอให้สามีออกไปจากเมืองเสีย โดยมอบของให้สามีถุงหนึ่งและสั่งว่าห้ามเปิดจนกว่าจะออกไปพ้นเมืองลับแล เมื่อฝ่ายชายเดินทางออกไปก็รู้สึกว่าถุงนั้นหนักขึ้นเรื่อยๆ จึงเกิดความสงสัยและตัดสินใจเปิดถุงออกดูก็เห็นว่าเป็นเพียงขมิ้น จึงได้ทิ้งไปบ้างและเก็บเอาไว้เพียงไม่กี่อัน เมื่อกลับมาถึงบ้านได้เปิดถุงนั้นดูอีกที ปรากฏว่าขมิ้นได้กลายเป็นทองคำทั้งหมด

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="500"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ทุเรียนเป็นผลไม้ที่ปลูกกันมากที่อุตรดิตถ์</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ดังนั้นหากเดินทางไปถึงเขตอำเภอลับแลแล้วเห็นซุ้มประตูเมืองลับแล ขนาดใหญ่ ก็อย่าลืมมองไปทางด้านขวามือของซุ้มประตูก็จะได้เห็นอนุสาวรีย์แม่ม่ายยืน อุ้มลูก และข้างๆ มีชายหนุ่มนั่งคอตกทำท่าเซ็งๆ มือถือถุงใส่ขมิ้นทองคำ และอย่าแปลกใจหากได้เห็นป้ายในเมืองลับแลเขียนไว้ตัวโตชัดเจนว่า “เมืองลับแล เขตห้ามพูดโกหก”

    แต่ที่แน่ๆ ปัจจุบัน ลับแลถือเป็นเมืองผลไม้ เพราะสภาพพื้นที่อุดมสมบูรณ์มีฝนตกชุกเหมาะแก่การปลูกพืชผล ซึ่งวิธีการทำสวนของชาวลับแลก็ถือว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตรงที่สามารถทำสวน ได้ทั้งในที่ราบและบนภูเขา รวมไปถึงสวนหลังบ้าน โดยจะปลูกควบคู่ไปกับต้นไม้ใหญ่ในป่าที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ให้ไม้ผลและไม้ป่าพึ่งพาอาศัยกัน

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="377"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="377"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">รถขนส่งทุเรียนวิ่งกันขวักไขว่</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ผลไม้เมืองลับแลจึงมีทั้งมังคุด สับปะรด มะม่วงหิมพานต์ ลองกอง ลางสาด และลางกอง ซึ่งเป็นพันธุ์ผสมของลองกองและลางสาด ให้รสชาติหวานอร่อย แต่ผลไม้ขึ้นชื่อของลับแลอีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือทุเรียนที่ชาว ลับแลแทบทุกบ้านต่างนิยมปลูก ซึ่งมีทั้งทุเรียนพันธุ์ยอดนิยมอย่างหมอนทอง ชะนี แล้วก็ยังมีพันธุ์พื้นเมืองแต่อร่อยเด็ดแถมราคาสูงอย่างพันธุ์หลงลับแลและ หลินลับแลอีกด้วย และที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือวิธีการเก็บผลไม้บนภูเขา ซึ่งชาวสวนเมืองลับแลใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านคิดค้นวิธีย่นระยะทางและเวลาในการ ขนส่งทุเรียนด้วยการโยงลวดสลิงข้ามเขาและใช้วิธีชักรอกตะกร้าบรรทุกทุเรียน จากเขาหนึ่งข้ามมาอีกเขาหนึ่งได้อย่างสะดวกง่ายดาย และใช้รถมอเตอร์ไซค์ติดตะกร้าท้ายรถขนทุเรียนลงจากเขาอีกทีหนึ่ง

    สำหรับช่วงที่ “ตะลอนเที่ยว” ไปเยือนเมืองลับแล กำลังเป็นหน้าทุเรียน จึงได้ลิ้มรสทุเรียนเมืองเหนือและเห็นมอเตอร์ไซค์บรรทุกทุเรียนวิ่งกันขวัก ไขว่ แต่หากใครไปเที่ยวในช่วงนี้ก็คงจะได้ลิ้มรสลางกองแสนอร่อยกันแล้ว ซึ่งหากอยากรู้ว่าช่วงนี้ผลไม้อะไรกำลังมา ก็สามารถไปดูได้ที่ “ตลาดหัวดง” ตลาดผลไม้แหล่งใหญ่ที่สุดของอำเภอลับแล มีให้เลือกซื้อได้หลายร้าน ต่อรองราคากันได้ตามชอบใจ

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="500"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">หมี่พัน หรือผัดหมี่ห่อด้วยข้าวแคบ อาหารพื้นถิ่นของลับแล</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> นอกจากผลไม้สารพัดของเมืองลับแลแล้ว ที่นี่ก็ยังมีของกินพื้นถิ่นขึ้นชื่อที่ไม่ควรพลาดอย่าง ข้าวแคบ หมี่พัน และข้าวพันผัก ที่ ฟังชื่อแล้วหลายคนอาจนึกไม่ออกว่าเป็นอย่างไร มาว่ากันทีละอย่าง เริ่มตั้งแต่ข้าวแคบ ซึ่งเป็นแผ่นแป้งกลมๆ ทำจากแป้งข้าวเจ้าที่หมักปรุงรสเค็มนิดๆ ตามสูตรของชาวบ้าน แล้วนำมานึ่งบนปากหม้อที่ตรึงด้วยผ้าขาวบาง ลักษณะเหมือนกับการทำข้าวเกรียบปากหม้อ เมื่อแป้งสุกแล้วก็แซะออกเป็นแผ่นกลมๆ แล้วนำไปตากแดดจนแห้งให้เก็บไว้กินได้นานๆ เวลากินก็สามารถกินได้หลายแบบ ทั้งเอาไปห่อข้าวเหนียวแล้วกินได้เลย หรือจะนำเอาแผ่นข้าวแคบนั้นมาห่อกับผัดหมี่ เรียกว่าหมี่พัน หรือถ้าใส่ไส้เป็นผักต่างๆ กินกับน้ำจิ้ม ก็จะเรียกว่าข้าวพันผัก หรือหากเอาไปปิ้ง ก็จะคล้ายกับข้าวเกรียบว่าว ที่ออกรสเค็มเล็กน้อย มักจะทำกันในงานบุญต่างๆ ของทางภาคเหนือ

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="500"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">พระวิหารวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> กินทั้งผลไม้ทั้งอาหารพื้นบ้านอร่อยๆ จนอิ่มท้องแล้วก็ได้ อย่าลืมมาไหว้พระเป็นสิริมงคลที่วัดสำคัญของเมืองลับแลอย่าง “วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง” วัด เก่าแก่ที่สร้างตั้งแต่สมัยสุโขทัยตอนปลาย ในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาลิไท โบราณสถานสำคัญภายในวัดก็คือพระเจดีย์ทรงลังกาที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ องค์เจดีย์เป็นทรงลังกาสูงราว 20 วา หรือ 40 เมตร ตั้งอยู่ด้านหลังพระวิหารหลวงซึ่งประดิษฐานหลวงพ่อพระประธานเฒ่า หรือหลวงพ่อโต อันเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวเมืองลับแล อีกทั้งวัดแห่งนี้ยังใช้เป็นสถานที่ถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของขุนนางในสมัย อยุธยา และเป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยเสด็จประพาสเมื่อปี 2444 อีกด้วย

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="374"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="374"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">พระเจดีย์ของวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> นอกจากนั้น วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งยังเป็นสถานที่จัดจำลองงานอัฐมีบูชา หรือพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธเจ้า ที่จัดในวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 และจัดต่อเนื่องมานานกว่า 50 ปี และมีเพียงไม่กี่แห่งที่ยังมีการรักษาประเพณีนี้ไว้ จึงถือเป็นวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นที่สำคัญของชาวอุตรดิตถ์ และสำคัญต่อพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="500"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">หลวงพ่อพระประธานเฒ่า พระประธานในพระวิหารวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> อีกหนึ่งวัดสำคัญคือ “วัดพระแท่นศิลาอาสน์” มีตำนานเล่าว่าพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นพระโพธิสัตว์เคยเสด็จมาจำศีลบำเพ็ญ พุทธบารมี ณ ที่แห่งนี้ ต่อมาจึงมีการสร้างพระแท่นศิลาอาสน์ขึ้นเป็นโบราณวัตถุสำคัญของวัด โดยสร้างพระแท่นด้วยศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 8 ฟุต สูง 3 นิ้ว ฐานของพระแท่นโดยรอบประดับด้วยลายกลีบบัว มีพระมณฑปครอบอยู่ภายในพระวิหารพระแท่นศิลาอาสน์

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="500"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">พระแท่นศิลาอาสน์</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> นอกจากนั้นภายในบริเวณวัดมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ โบราณของชาวบ้าน เช่น เครื่องมือจับปลา เรือพายโบราณ เครื่องจักสาน เครื่องมือตีเหล็ก-ก่อสร้าง เครื่องมือปรุงยาสมุนไพรแผนโบราณ เครื่องสังคโลกสมัยสุโขทัย ธรรมาสน์หลวง ธรรมาสน์โบราณฝีมือช่างสมัยอยุธยา พระพุทธรูปที่แกะจากต้นโพธิ์โบราณ และพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย-กรุงศรีอยุธยา ฯลฯ

    สำหรับพระแท่นศิลาอาสน์นั้น เชื่อกันว่าหากใครได้มาสักการบูชาพระแท่นศิลาอาสน์จะได้รับอานิสงส์สูงสุด และหากได้มาไหว้พระแท่นฯ ครบ 3 ครั้ง จะได้ขึ้นสวรรค์ โดยทางวัดจะจัดให้มีงานนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์ในวันเพ็ญเดือน 3 ของทุกปี ปีนี้ “ตะลอนเที่ยว” ได้มาไหว้เป็นครั้งแรก แต่ด้วยเสน่ห์ของเมืองลับแลทำให้เราตั้งใจว่าจะกลับมาที่เมืองแห่งนี้อีก และต้องกลับมาสักการบูชาพระแท่นศิลาอาสน์อีกเป็นครั้งที่ 2 และ 3 ให้ได้

    เผื่อจะได้ขึ้นสวรรค์กับเขาบ้าง

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="375"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="375"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">มณฑปประดิษฐานพระแท่นศิลาอาสน์</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    เมืองลับแลยังมีสถานท่อง เที่ยวน่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วัดพระยืนพุทธบาทยุคล วัดดอนสัก วัดเจดีย์คีรีวิหาร น้ำตกแม่พูล เป็นต้น ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในจังหวัดอุตรดิตถ์ เพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแพร่ โทร. 0-5452-1118, 0-5452-1127
    </td></tr></tbody></table>

    -http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9550000078987-

    Travel - Manager Online - ลั้นลาที่ “ลับแล” ชิมผลไม้-ไหว้พระ-พบปะแม่ม่าย

    .
     
  2. jaya

    jaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,110
    ค่าพลัง:
    +2,183
    ของดีเมืองลับแล อีกอย่างคือ ไม้กวาดลับแล รับรองคุณภาพได้ว่าดีมาก และเสน่ห์อีกอย่างคือ ภาษาพูดของชาวบ้านมีหลายสำเนียง
     
  3. aiiiim

    aiiiim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +197
    จังหวัดหนูเอง อิอิ:cool:
     
  4. Toon Eastern

    Toon Eastern เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +309
    ขอบคุณเจ้าของกระทู้ครับ..
    เข้าเมืองลับแล ห้ามพูดโกหกนะจ๊ะ.
     

แชร์หน้านี้

Loading...