บุญใหญ่!!!เชิญร่วมถวายสีรองพื้นทาพระประธานใหญ่108องค์!!!ขาดอีก 37 ถังเจ้าภาพถังละ1313บ.

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย เก๋ณัฐา, 30 มกราคม 2013.

  1. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เก๋ขอฝากไว้้ด้วยนะคะยังขาดสีอีกเพียง155ถังพวกเราก็จะได้สีรองพืั้นทาพระพุทธรูปองค์ปฐม108องค์แล้วคะขอร่วมอนุโมทนาสาธุการทุกๆท่านด้วยนะคะ ปรารถนาสิ่งใดขอให้ได้สำเร็จสมปรารถโดยฉับพลันนะคะ จริงอยู่ที่สัตว์โลกมนุษย์ทุกคนล้วนเป็นไปตามกรรม อดีตเราอาจจะแก้ไขไม้ได้ก็จริง เมื่อการกระทำเกิดขึ้นแล้วผลย่อมตามมา และหากสิ่งที่เราทำในอดีตส่งผลให้เราเป็นหรือได้รับสิ่งต่างๆในปัจจุบันอนาคตย่อมเกิดจากผลแห่งการกระทำในปัจจุบัน ถ้าคนๆนึงไม่เคยล้มเลยเราจะเรียนรู้ที่จะลุกขึ้นยืนได้อย่างไรจริงไหมคะ ทุกอย่างมีสองด้านเสมอนะคะ จริงอยู่ที่ความสุขหล่อเลี้ยงจิตใจมนุษย์ แต่ความผิดพลาดและอุปสรรคปัญหานีีแหละคะที่จะย่อมหล่อหลอมให้คนๆนึงเป็นคนเข้มแข็งสามารถผ่าฟันอุปสรรคต่างๆไปถึงเส้นชัย ดังนั้นญาติธรรมที่ส่งอีเมลมาหาเก๋รวมทั้งหลายๆท่านที่กำลังประสบปัญหาต่างๆ อย่าท้อนะคะ เหนึ่อยเราก็พัก แต่อย่าหยุดเดินต่อไปแล้วอย่างไรวันนึงต้องถึงจุดหมายปลายทางอย่างแน่นอนคะ
     
  2. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    ขาดสีรองพื้นสีขาวเพื่อทาพระประธาน 108 องค์
    อีกเพียง 155 ถังเท่านั้นคะ
    เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสีรองพื้นทาองค์
    พระประธานถังละ1313บาท
     
  3. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
  4. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    ผลแห่งการชักชวนให้คนสร้างกุศล...(มาลาวชิโร)

    ในทางพุทธศาสนา การชักชวนผู้อื่นทำความดีนั้น
    ผู้ชักชวนก็ได้บุญ และทำให้เป็นผู้มีบริวารมาก
    หากทำด้วยตัวเองด้วยก็ยิ่งจะได้ทั้งทรัพย์สมบัติและบริวาร
    ดังเรื่องที่มีมาแต่ครั้งพุทธกาลว่า

    กาลครั้งหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศลได้รับสั่งให้สันตติมหาอำมาตย์
    ไปปราบปรามโจรที่กำลังฮึกเหิมอย่างหนัก
    เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลได้ทรงทราบว่า
    มหาอำมาตย์ปราบโจรได้อย่างราบคาบแล้ว
    ทรงพอพระราชหฤทัยมาก จึงพระราชทานทรัพย์สมบัติให้เป็นจำนวนมาก
    รวมทั้งหญิงสาวที่เก่งในการร้องเพลงและฟ้อนรำนางหนึ่ง
    อำมาตย์ได้ดื่มเหล้าฉลองชัยชนะจนเมามายถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน
    ในวันที่ เจ็ดเขาจัดแจงแต่งตัวด้วยอาภรณ์อย่างดี
    แล้วขี่ช้างตัวที่ดีที่สุดไปยังท่าอาบน้ำ
    เมื่อไปถึงก็เห็นพระศาสดากำลังเสด็จเข้าไปบิณฑบาตในเมือง
    เขาจึงผงกศีรษะถวายบังคมด้วยความเคารพ
    ในขณะที่นั่งอยู่บนคอช้างนั่นเอง

    เมื่อพระศาสดาทรงเห็น จึงทรงแย้มพระโอษฐ์
    พระอานนท์จึงทูลถามถึงสาเหตุที่พระองค์ทรงแสดงกิริยาเช่นนั้น
    พระพุทธองค์ตรัสว่า “อานนท์ เธอจงดูสันตติมหาอำมาตย์
    วันนี้เขาประดับด้วยอาภรณ์อย่างดี มาสู่สำนักเรา
    เขาจะบรรลุพระอรหัตเพียงเพราะไดัฟังธรรมเพียงนิดเดียวเท่านั้นเอง
    และจะปรินิพพานในอากาศ”

    บรรดาชาวบ้านที่ได้ฟังคำของพระศาสดา
    บางพวกที่เป็นมิจฉาทิฏฐิคิดว่า “ท่านทั้งหลาย จงดูกิริยาของพระสมณโคดม
    พระองค์ย่อมพูดสักแต่ปากเท่านั้น ในวันนี้สันตติมหาอำมาตย์นั้นเมาสุราอย่างหนัก
    จะได้ไปฟังเทศน์ฟังธรรมที่ไหน พวกเราจักจับผิดพระสมณโคดมที่กล่าวมุสาวาท”

    ส่วนพวกที่เป็นสัมมาทิฏฐิคิดกันว่า
    “น่าอัศจรรย์ พระพุทธเจ้าทั้งหลายมีอานุภาพมาก
    ในวันนี้ เราทั้งหลาย จักได้ดูการเยื้องกรายของพระพุทธเจ้า
    และการเยื้องกรายของสันตติมหาอำมาตย์”

    ฝ่ายมหาอำมาตย์หลังลงเล่นน้ำตลอดทั้งวันที่ท่าอาบน้ำแล้ว
    จึงกลับไปสู่อุทยาน และไปนั่งในโรงดื่ม
    ขณะที่หญิงสาวที่พระเจ้าปเสนทิโกศลพระราชทานให้นั้น
    ก็ขึ้นไปยืนอยู่ที่กลางเวทีเตรียมจะฟ้อนรำให้มหาอำมาตย์ดู
    แต่พอเริ่มจะแสดง นางก็กลับมีลมพิษเกิดขึ้นในท้องอย่างหนัก
    ปากอ้า ตาเหลือก และในที่สุดก็ขาดใจตาย
    สาเหตุเพราะกินอาหารน้อยมาตลอด ๗ วัน
    เพื่อให้ร่างกายอ้อนแอ้นน่าชมนั่นเอง

    เมื่อมหาอำมาตย์รู้ว่านางตายแล้ว
    เขาก็เกิดความเศร้าโศกอย่างแรงกล้าขึ้นมา กระทั่งสร่างเมาทันที
    พิษของสุราที่ดื่มมาตลอด ๗ วัน ได้เสื่อมหายไป
    เขาคิดว่าคงไม่มีใครที่จะสามารถระงับความโศกเศร้าของเขาได้
    เขาจึงไปขอเข้าเฝ้า พระศาสดาในตอนเย็นพร้อมกับบริวาร
    และกราบทูลถึงเหตุแห่งความโศกเศร้าที่เกิดขึ้นกับตน
    และเหตุที่มาเฝ้าพระพุทธเจ้า

    ครั้นพระศาสดาได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว จึงตรัสว่า
    “ท่านมาหาเราผู้สามารถที่จะดับความโศกได้แน่นอน
    อันที่จริงน้ำตาที่ไหลออกของท่านผู้ร้องไห้ในเวลาที่หญิงนี้ตายด้วยเหตุอย่างนี้
    มากกว่าน้ำของมหาสมุทรทั้ง ๔ ซะอีก” แล้วจึงตรัสพระคาถา ว่า

    “กิเลสเครื่องกังวลใด มีอยู่ในกาลก่อน เธอจงยังกิเลสเครื่องกังวลนั้น
    ให้เหือดแห้งไป กิเลสเครื่องกังวล จงอย่ามีแก่เธอในภายหลัง
    ถ้าเธอจักไม่ยึดถือขันธ์ ในท่ามกลาง จักเป็นผู้สงบระงับเที่ยวไป”

    หลังจากพระองค์เทศน์จบ สันตติมหาอำมาตย์ก็บรรลุพระอรหัตผล
    แล้วพิจารณาดูอายุสังขารของตน ทราบว่าตัวเองจะหมดอายุขัยแล้ว
    จึงกราบทูลพระศาสดาว่า

    “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์จงทรงอนุญาตการปรินิพพานแก่ข้าพระองค์เถิด”

    พระพุทธองค์จึงตรัสว่า “สันตติมหาอำมาตย์ ถ้าอย่างนั้น
    เธอจงเล่ากรรมที่เธอเคยทำไว้ในอดีตแก่เรา
    แต่ก่อนจะเล่า จงอย่ายืนบนพื้นดิน จงยืนบนอากาศชั่ว ๗ ลำตาล”

    มหาอำมาตย์จึงถวายบังคมพระศาสดา
    จากนั้นก็ขึ้นไปสู่อากาศชั่วลำตาลหนึ่ง แล้วลงมาถวายบังคมพระศาสดาอีก
    และขึ้นไปนั่งโดยบังลังก์บนอากาศ ๗ ชั่วลำตาลแล้ว
    จึงเล่าบุรพกรรมของตนเองว่า

    ในกัลป์ที่ ๙๑ แต่กัลป์นี้ ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
    ตนได้บังเกิดในตระกูลแห่งหนึ่ง ในพันธุมดีนคร คิดอยู่ว่า
    อะไรหนอเป็นกรรมที่ไม่ทำการตัดรอนหรือบีบคั้นชนเหล่าอื่น
    เมื่อใคร่ครวญอยู่อย่างนี้ จึงรู้ว่ากรรมคือ
    การป่าวร้องบอกบุญ ชักชวนคนทำบุญ เป็นสิ่งที่ดี
    จึงชักชวนชาวบ้านทำบุญ เที่ยวเชิญชวนชาวบ้านทำบุญสมาทาน
    อุโบสถศีลในวันอุโบสถ ถวายทาน
    และฟังเทศน์ฟังธรรม เพื่อให้เข้าถึงพระรัตนตรัย

    ผลของการชักชวนชาวบ้านบำเพ็ญบุญบำเพ็ญกุศลนั้นมีมากมายยิ่งนัก
    ดังที่เกิดขึ้นกับตน คือ พระราชาผู้ใหญ่ทรง พระนามว่า ‘พันธุมะ’
    เป็นพระพุทธบิดา เมื่อได้ทรงสดับความดังนั้น
    จึงรับสั่งให้เรียกตนมาเฝ้า แล้วตรัสถามว่า กำลังทำอะไร ตนจึงทูลไปว่า
    ได้เที่ยวประกาศคุณของพระรัตนะตรัย ชักชวนชาวบ้านทำบุญ ทำกุศล

    พระราชาได้ตรัสถามว่า นั่งอะไรไป ตนได้กราบทูลไปว่า เดินไป
    จึงตรัสขึ้นว่าไม่เหมาะที่จะเดินไปอย่างนั้นหรอก
    จงประดับพวงดอกไม้นี้แล้วขี่ม้าไปเถิด ตรัสแล้วก็พระราชทาน
    พวงดอกไม้ และม้าที่ฝึกแล้วให้ ต่อมาพระราชาเห็นว่าม้าก็ไม่สมควร
    จึงได้พระราชทานรถที่เทียมด้วยม้าพันธุ์ดี
    และไม่นานพระราชาก็คิดว่ารถเทียมม้าก็ไม่สมควรอีก
    จึงได้พระราชทานทรัพย์สินเงินทองพร้อมทั้งเครื่องประดับเป็นจำนวนมาก
    นอกจากนั้นยังได้พระราชทานช้างเชือกหนึ่งด้วย
    ตนจึงนั่งบนคอช้าง ออกเที่ยวชักชวนคนทำบุญทำกุศลอยู่อย่างนี้สิ้นแปดหมื่นปี
    กลิ่นจันทน์ฟุ้งออกจากกาย กลิ่นอุบล ฟุ้งออกจากปากตลอดกาลมีประมาณเท่านี้”

    หลังจากสันตติอำมาตย์กราบทูลบุรพกรรมของตนแล้ว
    ท่านก็ปรินิพพานบนอากาศนั่นเอง

    ........



    วิธีการทำบุญที่สันตติอำมาตย์ได้ชวนผู้อื่นทำนั้น
    มีทั้งการให้ทาน รักษาศีล และฟังธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายๆ
    ไม่มีทรัพย์สินเงินทองก็สามารถทำได้
    เพราะวิธีการทำบุญมีมากมายหลายวิธี เราสามารถทำบุญด้วยการรักษาศีล
    ฟังธรรม และเจริญภาวนา เป็นต้น ซึ่งสิ่งต่างๆ
    เหล่านี้ล้วนแต่ให้อานิสงส์มากมายยิ่งนักแก่ผู้ปฏิบัติ
    ไม่ได้น้อยไปกว่าการทำบุญด้วยวัตถุสิ่งของเลย

    จะเห็นว่าสันตติอำมาตย์ได้ทำบุญอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน
    แสดงให้เห็นถึงการมีจิตใจแน่วแน่เด็ดเดี่ยวในการทำความดี
    ดังนั้น หากเราคิดอยากจะได้บุญที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้
    ก็จงแน่วแน่ในการสร้างความดีต่างๆ อย่าท้อแท้หมดกำลังใจเมื่อมีมารมาขัดขวาง
    นอกจากนั้นจงใช้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวเป็นปัจจัยในการเข้าถึงสัจธรรม
    เพราะทุกอย่างที่อยู่รอบตัว สามารถเป็นบทเรียนให้เราได้
    หากเรารู้จักใช้สติปัญญาพิจารณาอย่างจริงจัง
    และน้อมเข้ามาเปรียบเทียบกับตัวเอง และเมื่อเรามีปัญญาเห็นความจริงแล้ว
    ก็จงพยายามถ่ายทอดต่อไปยังคนอื่นๆ การชี้ทางให้แก่คนอื่น ก็เป็นบุญอันยิ่งใหญ่
    เป็นธรรมทาน มีอานิสงส์มากมาย


    (จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 90 พ.ค. 51 โดย มาลาวชิโร)

    คัดลอกจาก...ผู้จัดการออนไลน์
     
  5. สร้อยกัทลี

    สร้อยกัทลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +1,272
    ร่วมบุญทาสีพระประธานค่ะ อนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
    สาธุ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0002.jpg
      scan0002.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.7 KB
      เปิดดู:
      20
  6. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    อนุโมทนาสาธุการคร่าน้องสร้อยกัทลีขอให้เจริญนะจ๊ะปรารถนาสิ่งใดขอให้สำเร็จสมปรารถนาจ๊ะสาธุสาธุสาธุ
     
  7. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    อนุโมทนาบุญครับ สาธุ
     
  8. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    ขาดสีรองพื้นสีขาวเพื่อทาพระประธาน 108 องค์
    อีกเพียง 155 ถังเท่านั้นคะ
    เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสีรองพื้นทาองค์
    พระประธานถังละ1313บาท
     
  9. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    อำนาจของบุญของกรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

    อำนาจของบุญของกรรม

    เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

    เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๘


    วันนี้คุณแม่องุ่นพร้อมลูก ๆ หลาน ๆ ญาติมิตรทั้งหลายมาทำบุญครบรอบวันเกิดของตนวันนี้ ในรอบปีหนึ่งทำบุญอายุครบรอบเป็นที่ระลึกเสียทีหนึ่ง ๆ ส่วนการทำบุญประจำวันประจำเวลานั้นเป็นอีกอย่างหนึ่ง นี่ขอให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายได้ทราบเอาไว้ว่า นี่เป็นคติตัวอย่างอันดีงามสำหรับชาวพุทธเรา ซึ่งเดินทางถูกต้องตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้า เพราะชีวิตจิตใจของเรานี้ส่วนร่างกายเป็นของไม่แน่นอน ผันแปรอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายก็ถึงความล้มความตายนั้นเป็นที่สุด ส่วนจิตใจนั้นไม่อยู่ ออกจากร่างนี้ก็เข้าสู่ร่างนั้น ออกจากร่างนั้นเข้าสู่ร่างนั้นอยู่เรื่อย ๆ ตลอดมาเป็นกัปเป็นกัลป์แล้วนานแสนนาน

    ชีวิตนี้ท่องเที่ยวอยู่ในวัฏวนนี้หาทางออกไม่ได้ ทางออกของจิตนี้ที่จะให้หลุดพ้นจากทุกข์ไปได้นั้น คือการสร้างบุญสร้างกุศล นี่เป็นทางออกของจิตที่จะออกจากวัฏทุกข์ทั้งหลายได้ นอกจากนั้นไม่มีทาง เพราะฉะนั้นโลกกับธรรมจึงแยกกันไม่ออก ศาสนากับโลกเป็นสิ่งจำเป็นมากที่สุด เพราะวัฏวนคือเรื่องของกิเลสนี้พาสัตว์ให้หมุนเวียนอยู่อย่างนี้เป็นประจำ เรียกว่าเป็นคติธรรมชาติของกิเลส มีแต่พาสัตว์ให้หมุนเวียนเกิดแก่เจ็บตายอยู่อย่างนี้ไม่หยุดไม่ถอย ธรรมชาติของสัตว์นำสัตว์ให้หลุดพ้น คลี่คลายออกจากความผูกมัดทั้งหลายให้หลุดพ้นไปโดยลำดับลำดา ด้วยการสร้างคุณงามความดี ตามหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นธรรมกับโลกจึงแยกกันไม่ออก

    ถ้าธรรมขาดเสียเมื่อไรโลกนี้ก็หมดความหมายไปทันที มีแต่ความล่มจมอย่างเดียวหาความสุขความเจริญไม่ได้ หาความปลอดภัยไร้กังวลไม่ได้ ถ้ามีธรรมก็เหมือนกับโรคมีหมอและยาเป็นเครื่องรักษา ย่อมมีทางบรรเทาเบาทุกข์ไปได้โดยลำดับ ถึงกับหายขาดได้เพราะอำนาจแห่งยาและหมอเยียวยา นี่ก็ธรรมกับพระพุทธเจ้า ธรรมเป็นเหมือนยา พระพุทธเจ้าเป็นเหมือนหมอ หมอเอก จากนั้นมาก็พระสาวกอรหัตอรหันต์ครูบาอาจารย์เป็นหมอมาโดยลำดับลำดา นำธรรมะซึ่งเป็นยานี้มาแนะนำสั่งสอนสัตว์โลก เท่ากับมาเยียวยาโรคภายในจิตใจ โรคกิเลสตัณหา

    ความโลภก็เป็นโรคชนิดหนึ่ง ความโกรธก็เป็นโรคชนิดหนึ่ง ราคะตัณหาแต่ละประเภท ๆ เป็นโรคชนิดสำคัญ ๆ ที่เสียดแทงจิตใจของสัตว์โลกให้หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาอยู่เป็นสุขไม่ได้ คนเราอยู่เฉย ๆ ไม่ได้นอกจากเวลาหลับสนิทเท่านั้น ก็นอนนิ่งสบายเลยในระยะนั้น ถ้าตื่นจากหลับแล้วก็ดีดดิ้นกันไม่ว่าใครชาติชั้นวรรณะใดเหมือนกันหมด เพราะมีธรรมชาติอันหนึ่งพาให้หมุนให้ดีดดิ้นอยู่ภายในจิตใจ โลกทั้งหลายจึงได้ไหวไปไหวมาอยู่ตลอด ส่วนมากไหวไปทางความชั่วช้าลามกซึ่งเป็นการเพิ่มวัฏวนให้ยืดยาวไปเรื่อย ๆ ไม่ให้สิ้นสุดวิมุตติหลุดพ้นไปได้

    แต่ธรรมของพระพุทธเจ้านั้น ใครสร้างมากสร้างน้อยเท่าไรก็เป็นเครื่องหมุนออก ๆ หมุนให้หลุดให้พ้นไปโดยลำดับ ผู้ที่มีคุณงามความดีบุญกุศลมากภายในจิตใจแล้วย่อมหลุดพ้นไปได้โดยลำดับเพราะอำนาจแห่งธรรม จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายยึดหลักธรรมที่สอนในวันนี้เอาไว้ด้วยดี ประพฤติปฏิบัติ ความเป็นอยู่ปูวายของเราก็ให้ชุ่มเย็น ทรัพย์สมบัติเงินทองข้าวของให้มีพอจับจ่ายใช้สอยไม่อดอยากขาดแคลน นี่ก็เป็นความชุ่มเย็นอันหนึ่งสำหรับร่างกายจิตใจชีวิตของเรา

    แต่ทางคุณงามความดีเราก็สร้างเป็นประจำวันของเรา นี้เป็นอาหารหล่อเลี้ยงจิตใจ เรียกว่าสมบัติของใจ ก็ให้มีเป็นประจำวัน ๆ ก็เรียกว่ายิ้มแย้มแจ่มใสหรือแช่มชื่นเบิกบาน ทั้งภายในได้แก่จิตใจ ทั้งภายนอกได้แก่ทรัพย์สมบัติเงินทองเพื่อสังขารร่างกายเรา สมบูรณ์พูนผลทั้งสองอย่างแล้วไปไหนไม่อดอยากขาดแคลน ไปโลกหน้าก็ไม่อดอยากขาดแคลน คนมีบุญไปเกิดที่ไหนเกิดแต่สถานที่ได้รับความสุขความเจริญทั้งนั้น โลกเขามีความทุกข์มาก แต่คนมีบุญมีความทุกข์น้อยและมีความสุขมากเป็นลำดับ นี่อำนาจแห่งบุญแห่งกุศลจงพากันสร้างอย่านอนใจ

    เรื่องใจสำคัญมากที่สุด ใจไม่เคยตาย ตายแต่ร่างกาย นี่ที่เรามีร่างกายอยู่เวลานี้ก็เพราะจิตใจเข้าสิงสถิตอยู่ในนี้ เป็นเจ้าตัวการเป็นเจ้าของ ทีนี้เมื่อสภาพนี้หมดกำลังลงไปแล้วก็เรียกว่าคนตาย จิตใจก็ดีดออกอีกแล้วไปสู่อัตภาพใหม่ อัตภาพนั้นก็ขึ้นอยู่กับบุญกับกุศลเหมือนกัน ถ้ามีบุญมีกุศลก็ได้สังขารร่างกายหรืออัตภาพอันดีงามขึ้นไปเรื่อย ๆ เจริญรุ่งเรืองขึ้นไปเรื่อย ๆ ถ้าจิตใจไม่มีบุญมีแต่บาปหาบแต่กรรมก็ไปจมลงในนรกได้รับความทุกข์ความทรมาน

    ไม่หยุดเรื่องใจนี้ ยังไงก็ไม่หยุด หมุนไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ เกิดแก่เจ็บตาย ๆ สูง ๆ ต่ำ ๆ ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไปอย่างนี้เรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาดจึงต้องได้สร้างคุณงามความดีพร้อมกันกับการครองชีพ การทำมาหาเลี้ยงชีพเพื่อการครองชีพเราก็วิ่งเต้นขวนขวาย การเสาะแสวงหาคุณงามความดีเข้าสู่ใจเพื่อเป็นอาหารของใจเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจเป็นเสบียงของใจ เราก็ไม่ประมาท ทำกันทั้งสองด้าน

    เมื่อทำกันทั้งสองด้านสองฝ่ายนี้แล้ว ส่วนร่างกายชีวิตความเป็นอยู่ของเราก็ชุ่มเย็น ส่วนจิตใจของเราทั้งอยู่ในปัจจุบันนี้ก็ชุ่มเย็นยิ้มแย้มแจ่มใส เวลาละจากโลกนี้ไปแล้วไปสู่โลกหน้าก็ไปโลกคนมีบุญนั่นแหละ เป็นโลกทิพย์ เช่น สวรรค์ พรหมโลก นิพพาน นี่เรียกว่าโลกทิพย์สำหรับคนบุญ ส่วนโลกที่เป็นเปรตเป็นผีนั้นเป็นโลกบาป ใครสร้างบาปมาก ๆ แล้วตายก็จมไปอย่างนั้น นี่ท่านว่าเกิดแก่เจ็บตายไปสูง ๆ ต่ำ ๆ อย่างนี้แหละ มันทำให้เกิดแต่เกิดสูง ๆ ต่ำ ๆ ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไม่แน่นอน เพราะฉะนั้นจึงสร้างความแน่นอนให้จิตใจให้ไปเกิดแต่สถานที่ดี ด้วยอำนาจแห่งการสร้างความดีนี้เป็นสิ่งที่เหมาะสมมากกับเราชาวพุทธ

    วันนี้ท่านทั้งหลายก็ได้มาสร้างบุญสร้างกุศลพร้อมหน้าพร้อมตากัน ก็นับว่าเป็นบุญเป็นกุศลแก่เราทุกคน ๆ ขอความสวัสดีจงมีแก่บรรดาพี่น้องทั้งหลายโดยทั่วกันเทอญ ต่อไปนี้จะให้พร

    เมื่อเช้าบิณฑบาตถ่ายบาตรได้ ๔๗ บาตร นี่ละอาหารของเทวดา พี่น้องทั้งหลายจะเป็นผู้รับส่วนบุญส่วนกุศลนี้ทั้งหมด กี่บาตรก็ตามเป็นของพี่น้องทั้งหลายนะ พระท่านก็เหมือนไร่นาดังที่ท่านว่า ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺส พระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญของโลก คือว่าเหมือนนาข้าวนี้มีมากมีน้อยเขาปักเขาดำลงไปแล้ว ถึงเวลาออกดอกออกผลนี้เจ้าของเขามาเก็บเกี่ยวไปหมด นาได้แต่ฟาง เข้าใจไหมฟาง เจ้าของได้แต่ฟาง นั่นท่านจึงเรียกว่า ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺส

    พระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญ คือว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่บรรดาญาติโยมทั้งหลายมาถวายนี้มากน้อยนี้ เป็นเหมือนกับข้าวที่หว่านลงในนา เมื่อเกิดบุญเกิดกุศลขึ้นมาเจ้าของรับไปหมด พระสงฆ์ก็ได้อาศัยอาหารที่ท่านทั้งหลายถวายนี่ละ นี่เรียกว่าได้แต่ฟาง ส่วนบุญเจ้าของเอาไปหมดเลย พระก็เหมือนนาได้แก่ฟาง พระก็ได้อาศัยชั่วกาลเวลายังชีวิตวันหนึ่ง ๆ ไป นี่เป็นส่วนที่พระได้รับ ส่วนบุญส่วนกุศลเป็นของเจ้าของที่บริจาคมากน้อยได้รับไปหมด แล้วบุญกุศลส่วนนี้แลจะเข้าไปรวมตัวอยู่ภายในจิตใจของเราเป็นเครื่องหนุนจิตใจ หนุนหมุนไป ถึงเวลาจำเป็นแล้วอันนี้จะเข้าใกล้ชิดติดพันกับจิต พันอยู่กับจิตเลย พอขาดใจนี่ก็ดีดผึงหนุนเลยไปเลย นี่บุญเป็นอย่างนั้น

    เพราะฉะนั้นจึงให้พากันสร้างบุญ พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์สอนให้สร้างคุณงามความดีนะ ให้สร้างบุญ ตำหนิติโทษพวกกิเลสตัณหาอาสวะประเภทต่าง ๆ ซึ่งเป็นตัวภัยตัวเวร ก่อกรรมทำเข็ญแก่สัตว์โลกมากมาย ส่วนบุญส่วนกุศลมีแต่คุณมหาคุณโดยถ่ายเดียว ให้พากันสร้างความดีให้ดี นี่เป็นกัณฑ์ที่สองแล้วไม่ใช่เหรอ เอาละพอ สองกัณฑ์แล้วพอแล้ว

    เมื่อวานซืนนี้ก็ไปช่วยคนตาบอด โน่นจังหวัดพิจิตร ไปวานซืนนี้ไปช่วยคนตาบอด จะเอาคนตาบอดเข้ารักษาถ้าหากว่ารักษาได้จะให้รักษาเลย คนตาบอด มีหวังอยู่ข้างหนึ่งคิดว่าจะพอได้ แล้วก็ปลูกบ้านให้หลังหนึ่ง คนตาบอดอยู่กับหลานสองคน ไปดูถึงบ้านเลย เอาของไปเทลงนั้นเลย เครื่องครัวทั้งหมด อาหารการบริโภค ถ้วยชาม หม้อ เสื่อสาด เตรียมพร้อมไปใส่รถไปถึงก็เทให้เลย นั่นละเรียกว่าช่วยกันอย่างนั้น

    นี่แกก็มีวาสนานี่ ไม่มีวาสนาไม่มีใครไปช่วยนะ ถึงจะประกาศโฆษณาลั่นโลกก็ตามเถอะจะไม่มีใครเหลียวแลถ้าไม่มีวาสนาไม่มีบุญเป็นเครื่องรับกัน นี่ก็แสดงว่ามีบุญมีวาสนาเป็นเครื่องรับ พอประกาศถึงไหนจิตใจของคนก็ดูดดื่มพอใจที่จะช่วยสงเคราะห์ ต่างคนก็ต่างคอยช่วย นั่นวาสนาของตัวเอง ถึงจะจนก็ตามแต่วาสนาไม่จน ก็รับได้อย่างนี้แหละ เป็นเครื่องรับกัน

    ดังตัวอย่างที่เคยเล่าให้ฟัง พระองค์หนึ่งมาบวชตั้งแต่บวชแล้ว ฟังให้ดี ไม่งั้นไม่ฟังนะ ถ้าฟังกิเลสมันฟังดี ฟังเพลงฟังเขาขับเขาลำระบำรำโป๊ โอ๊ย ฟังทั้งอ้าปากด้วย มันฟังจริงฟังจังขนาดนั้นนะ จนลืมงับปาก ถ้าฟังอรรถฟังธรรมไม่อยากสนใจนะ เพราะฉะนั้นถึงบอก เอ้า ฟังน่ะซิ มีพระองค์หนึ่งตั้งแต่เป็นฆราวาสเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวมาก นี่ท่านบอกไว้ในชาดกชัดเจนมากนะ ตั้งแต่เป็นฆราวาสเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว เป็นพ่อค้าค้าขาย แต่ว่าเรื่องเอารัดเอาเปรียบลูกน้องนี้เก่ง ลูกค้านี้เอารัดเอาเปรียบทั้งนั้นแหละ นี่คนเห็นแก่ตัว แม้ที่สุดขายข้าว ข้าวมันหลุดออกจากปากกระสอบตกลงเรี่ยราดตามดิน พวกมดง่ามมันขนเข้าไปในรูยังไปขุดเอาจากมดง่าม ของกูนี่นะไม่ใช่ของมึงเอาไปทำไม ขุดเอาโกยเอามาจากมดง่าม อู๊ย น่าสงสาร ถ้าเราเป็นมดง่ามจะไล่ตีให้หลงทิศไปเลยนะ ถ้าหลวงตาบัวเป็นมดง่ามจะตีเลยนะ เพียงข้าวตกเรี่ยราดจากปากกระสอบเท่านั้น ตกลงไปในดิน พวกมดง่ามมันขนเข้าไปในรูยังขุดเอาของมันมาได้

    ทีนี้เวลาโผเผมาไม่รู้มาเกิดเป็นมนุษย์ได้บวชเป็นพระ ตั้งแต่วันบวชแล้วไปบิณฑบาตไม่เคยอิ่มท้อง ฉันจังหันไม่เคยอิ่มเป็นประจำอยู่งั้น พอให้ไปก่อนเขาก็ไม่เห็นเสียมันดลบันดาล พอไปตามหลังก็ข้าวหมดเสีย พอไปในย่านกลางของพระ ให้ไปทุกแบบนะ ให้พระองค์นั้นไปทุกแบบ ให้นำหน้าก็ให้ไป ก็ดลบันดาลไม่ให้เขาเห็นเขาก็ใส่องค์ต่อมาเสีย พออยู่กลางก็ไม่เห็นอีกแหละ อยู่สุดท้ายก็อาหารหมดแล้วเสีย เป็นอย่างนั้นมาประจำจนกระทั่งร่ำลือ ๆ ความอดอยากขาดแคลนของภิกษุผู้นั้น จนกระทั่งถึงพระโมคคัลลาน์ สารีบุตร ท่านก็เลยไปทั้ง ๒ องค์

    พระสารีบุตร โมคคัลลาน์ ไปก็ไปถาม ไหนได้ทราบว่าท่านฉันจังหันไม่อิ่มใช่ไหม ใช่ ไม่อิ่มมาเป็นประจำหรือ ไม่อิ่มมาเป็นประจำ เพราะเหตุไร ไม่มีใครใส่บาตรให้หรือ พระไม่ใส่บาตรให้หรือ ใส่ให้เรื่องใส่ เต็มบาตรก็เต็มแต่เวลาเทลงไป เดี๋ยวค่อยหมดค่อยหาย ๆ หายเงียบไปยังไม่อิ่มอาหารหมดแล้ว ๆ อย่างนี้เป็นประจำ วันนั้นพระสารีบุตรก็บิณฑบาตไปพร้อมนี่นะ เตรียมอาหารไปพร้อม พระสารีบุตร โมคคัลลาน์ ใส่อาหารให้เต็มบาตรเลยเทียว พอเต็มบาตรแล้ว เอ้า ท่านฉันที่นี่ พระสารีบุตรต้องจับขอบปากบาตรเอาไว้ไม่งั้นอาหารจะหมด ต้องอาศัยอำนาจพระสารีบุตรจับขอบปากบาตรไว้ เอ้า ฉันวันนี้ฉันให้อิ่ม ท่านก็ฉันเสียจนอิ่ม พออิ่มวันนั้นเลยตายวันนั้นเลย นั่นเป็นยังไง ไม่เคยอิ่ม อิ่มวันนั้นตาย นี่ถ้าวางขอบปากบาตรเมื่อไรอาหารจะหมดในบาตร นั่นละ อำนาจของบุญของกรรม

    ใครอย่าไปคาดนะคาดเรื่องบาปเรื่องบุญเรื่องคุณธรรมทั้งหลาย ทั้งโทษทั้งคุณใครอย่าคาดนะ ไม่มีใครคาดถูก สุดวิสัยของโลกมนุษย์ที่มีกิเลสที่จะไปคาดไปด้นเดาได้ พระพุทธเจ้าบอกว่าอะไรดี ๆ ให้เชื่อตรงนั้นนะ เรื่องกิเลสมันจะตบตา ๆ อันไหนดีมันบอกว่าชั่ว อันไหนชั่วมันบอกว่าดี อันไหนมีมันบอกว่าไม่มี อันไหนไม่มีมันบอกว่ามี อย่างนั้นนะ เรื่องของกิเลสมันจะตลบตะแลงอยู่ตลอดเวลา ธรรมะพระพุทธเจ้าแน่ ตรงแน่ว ๆ เลย เพราะฉะนั้นให้เชื่อธรรมะพระพุทธเจ้า เราอย่าไปคาดอย่าไปด้นไปเดา เรื่องด้น ๆ เดา ๆ เป็นเรื่องของกิเลสหลอกคน พระพุทธเจ้าว่ายังไงให้เชื่อตรงนั้น ให้จับเอาตรงนั้นให้ดีแล้วปฏิบัติตามนั้นจะไม่ขาดทุนสูญดอก นี่เป็นกัณฑ์ที่สามแล้วไม่ใช่เหรอนี่ สามกัณฑ์แล้ว

    เอาละเลิก ๆ ไปอย่าให้ได้ไล่นะ


    คัดลอกจาก Luangta.Com -
    __________________
     
  10. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    ขาดสีรองพื้นสีขาวเพื่อทาพระประธาน 108 องค์
    อีกเพียง 155 ถังเท่านั้นคะ
    เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสีรองพื้นทาองค์
    พระประธานถังละ1313บาท
     
  11. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสีรองพื้นทาพระพุทธรูปองค์ปฐมจำนวน 108 องค์
    เจ้าภาพสีถังละ 1313 บาท

    สามารถร่วมบุญได้ยกถัง
    หรือร่วมบุญตามกำลังศรัทธาคะ
    อนุโมทนาสาธุการ
    ขอให้เจริญๆกันถ้วนหน้านะคะ
    ปรารถนาสิ่งใดขอให้ได้สำเร็จสมปรารถนาคะ
    สาธุสาธุสาธุ
     
  12. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    [​IMG]


    อนุโมทนาสาธุการเป็นอย่างยิ่งคะ ท่านใดปรารถนาร่วมบริจาครองเท้าเพื่อเท้าน้องๆในต่างจังหวัดก็อย่าลืมร่วมบริจาคหรือร่วมกันส่งรองเท้าไปบริจาคกันนะ อาจจะเป็นรองเท้าเก่ง หรือรองเท้าที่ใช้แล้วก็ได้คะ จริงๆอยากให้เป็นรองเท้าใหม่คะ คิดถึงตอนเราสมัยเด็กเวลาคุณพ่อคุณแม่ซื้อรองเท้าให้เราก็ดีใจจริงไหมคะคะ แต่เพราะกำลังแต่ละท่านไม่เหมือนกันดังนั้น หากมีรองเท้าที่ใช้แล้วก็สามารถร่วมบุญบริจาคกันไปได้นะคะ ของบางอย่างที่ไม่มีความหมายแล้วกับคนๆนึงอาจจะมีความหมายกับคนอีกคนนึงก็เป็นได้คะ อนุโมทนาสาธุคะ​
     
  13. bhipattpon

    bhipattpon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2009
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +1,516
    ร่วมเป็นเจ้าภาพสีรองพื้นทาองค์พระประธาน
    โดยได้โอนเงินเข้า ธ.ไทยพาณิชย์ วันที่ 16 มี.ค.56 เวลา 07.43 น.
    จำนวน 2,660 บาท
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ
     
  14. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    อนุโมทนาสาธุการเป็นอย่างยิ่งคะปรารถนาขอให้สำเร็จสมปรารถนาโดยฉับพลันนะคะสาธุคะ
     
  15. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    บุญกุศลเป็นเครื่องสังหารภพชาติ (ธรรมะจากหลวงตามหาบัว)

    บุญกุศลเป็นเครื่องสังหารภพชาติ (ธรรมะจากหลวงตามหาบัว)

    .....ทีนี้โลกมันเป็นโลกอนิจจัง วัฏวนนี้ขึ้นอยู่กับอนิจจังกฏแห่งความแปรปรวน ช้าหรือเร็วต่างกันเท่านั้น ทีนี้มันก็เปลี่ยนแปลงของมันมาได้ เมื่อสิ้นกรรมนั้นแล้วกรรมอื่นกรรมดีที่มีอยู่ก็สวมแทนเข้าไป แล้วบำรุงกรรมดีให้ดีขึ้นไป เมื่อดีขึ้นไปกรรมดีนั้นก็เด่นขึ้นๆ ไปเกิดในภพใดชาติใด เกิดเหมือนโลกทั่วๆ ไปก็ตาม

    แต่เกิดในสถานที่ดีคติที่เหมาะสม ความเป็นอยู่ปูวายไม่ได้รับความทุกข์ความเดือดร้อน เหมือนโลกทั้งหลายที่สร้างแต่กรรมชั่วแล้วเสวยแต่กองทุกข์ล้วนๆ ผิดกันมากในตอนนี้

    เกิดเหมือนกัน วัฏวนนี้หดย่นเข้ามา ต่อไปจะเกิดสักกี่หมื่นกี่แสนกี่ล้านครั้งก็ตาม แต่จะค่อยหดย่นเข้ามาด้วยการสร้างคุณงามความดีของตน ย่นเข้ามา สั้นเข้ามา

    นี่ละการสร้างความดีเป็นการย่นวัฏวน คือการเกิดแก่เจ็บตาย และความทุกข์ทั้งหลายที่ติดตามกันไป ให้ย่นเข้ามา สั้นเข้ามา น้อยเข้ามาเรื่อยๆ ด้วยการสร้างบุญสร้างกุศล

    ท่านจึงสอนให้สร้าง สร้างบุญสร้างกุศลคือบุญกุศลเป็นเครื่องสังหารกองทุกข์ภพชาติของตนให้ลดน้อยลงไป จนกระทั่งภพชาติหมดโดยสิ้นเชิงเมื่อบุญกุศลเต็มภูมิในหัวใจแล้ว ดังพระพุทธเจ้า-พระอรหันต์ท่าน ท่านเต็มภูมิแล้วทีนี้ไม่ต้องมาวกเวียนต่อไปอีก

    : หลวงตา ฯ วัดป่าบ้านตาด เทศ
    : ณ สวนแสงธรรม ๑๗ มิถุนายน ๒๕๔๙
     
  16. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมเป้นเจ้าภาพสีรองพื้นทาพระพุทธรูปองค์ปฐมหน้าตัก 2 เมตร 108 องค์
    เจ้าภาพสีถังละ 1313 บาท
    หรือสามารถร่วมบุญได้ตามกำลังศรัทธาคะ
     
  17. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    อนุโมทนาบุญครับ สาธุ
     
  18. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    อนุโมทนาสาธุการเช่นกันคร่าคุณ ธรรมสถิต
     
  19. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    บุญที่ให้ผลในชาติปัจจุบัน

    วันนี้อาตมาจะเทศน์เรื่อง “ บุญที่ให้ผลในชาติปัจจุบัน ” คำว่าบุญ แปลแบบไทย ๆ ว่าความดี ความสะอาดแห่งจิต เวลาให้ของแก่พระสงฆ์เรียกว่าทำบุญ ส่วนการทำบุญในพุทธศาสนาเรียกว่าทำบุญ ส่วนการทำบุญในพุทธศาสนามีอยู่ด้วยกันมากมายหลายวิธี แต่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในธรรมะเรียกว่า บุญกริยาวัตถุ 3 ซึ่งประกอบด้วย ทาน ศีล ภาวนา เคยมีคนถามอาตมาว่าเกิดมาเป็นคนยากจนไร้ทรัพย์จะทำบุญอย่างไร

    อาตมาก็ตอบเขาไปว่าการทำบุญ ไม่จำเป็นต้องมีทรัพย์สินเงินทอง ก็สามารถที่จะร่วมทำบุญได้ แถมยังประหยัดอีกด้วยนั่นคือ การรักษาศีลและการเจริญภาวนา ซึ่ง 2 อย่างนี้จะได้อานิสงส์ผลบุญมากกว่าการให้ทานเสียอีกเพียงแต่ญาติโยมมองข้ามกันไป โยมมักจะคิดทำบุญแต่การให้เท่านั้นเพราะว่ามันง่ายดีแต่การรักษาศีลและภาวนา ต้องเสียสละเวลาในการปฏิบัติ จึงรู้สึกว่าทำยากกว่า การทำบุญทุกอย่าง โยมต้องเข้าใจด้วยว่าเพียงแต่เราตั้งใจหรือมีเจตนาที่จะทำบุญเท่านั้น โยมก็ได้กุศลแล้ว แต่บุญที่ได้รับยังเป็นส่วนน้อย ถ้าอยากได้บุญเต็มที่ต้องทำบุญให้ครบ 3 อย่าง

    • ทาน คือ การให้ ถ้ามีเงินทองมากก็ทำมาก มีเงินน้อยก็ทำน้อยตามกำลังตนถ้าไม่มีเงินทองใช้แรงกายก็ให้เป็นทานได้

    • ศีล พวกท่านทั้งหลายสังเกตหรือไม่ว่าเวลาที่ญาติโยมจะมาทำบุญ ทำไมพระท่านถึงให้พวกญาติโยมรับศีลก่อน เพราะท่านต้องการที่จะทำให้ผู้ให้มีจิตใจที่บริสุทธิ์ เมื่อทำบุญขณะนั้นก็จะได้รับผลเต็มกำลัง จริงอยู่ที่บางคนไม่อาจถือศีลได้ตลอดเวลา อาจเป็นเพราะหน้าที่การงาน ทำให้ต้องผิดศีล แต่เราก็สามารถที่จะถือศีลได้ในขณะที่เรานอนในเวลากลางคืน และถือได้ครบทั้ง 5 ข้อด้วยเพียงแต่เราอาราธนารับศีลทั้ง 5 ด้วยตนเองที่หน้าพระพุทธรูปที่บ้าน ซึ่งถือว่าเป็นการทำบุญที่ง่ายมากได้รับผลเต็มกำลัง ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ จิตใจเต็มไปด้วยความเมตตากรุณา แต่ถ้าเกิดเราต้องตายในขณะนั้นก็ส่งผลให้เราไปสู่สุคติทันที

    • ภาวนาหรือการสวดมนต์ คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจกันว่า การภาวนาสวดมนต์มีประโยชน์น้อย และเสียเวลามาก แต่ความจริงแล้วการสวดมนต์ภาวนา มีประโยชน์อย่างมากมาย เพราะการสวดมนต์ภาวนาเป็นการกล่าวถึงคุณงามความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ การสวดมนต์ภาวนาด้วยความตั้งใจจนจิตเป็นสมาธิ และใช้สติพิจารณาเกิดเป็นปัญญา เป็นความรู้ความเข้าใจ ประโยชน์สูงสุดของการสวดมนต์ภาวนา ทำให้บรรลุไปสู่พระนิพพาน

    “ หัวใจของการทำบุญทุกครั้ง ” ขอให้ญาติโยมจงแผ่เมตตา และอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลทุกครั้งตามนี้

    “ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ไปให้ทุกรูปทุกนามทั้ง 20 ชั้นพรหมโลก 6 ชั้นเทวะโลก มนุษย์โลก มารโลก ยมโลก อบายภูมิทั้ง 4 มี นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน และในหมื่นโลกธาตุกับอีกแสนจักรวาลพิภพ ทั้งที่เป็นมนุษย์ อมนุษย์ รูปวิญญาณ อรูปวิญญาณและสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งที่เป็นมิตรและศัตรู ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้า ขอให้ทุกรูปทุกนาม จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย ขอให้ทุกรูปทุกนาม จงโมทนาในส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ความสุขเช่นเดียวกัน ข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ กาลบัดนี้ด้วยเทอญ ”

    บุญที่ทำไปจะส่งผลให้ได้รับบุญในชาติปัจจุบันทันที ไม่ต้องรอไปถึงชาติหน้ากันหรอกนะจ๊ะ ขอเจริญพร


    จากหนังสือ อมตะธรรม สมเด็จโต พรหมรังสี

    ที่มา : http://www.kanlayanatam.com/sara/sara63.htm
    ----------------------------------------------------------------
    เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสีรองพื้นทาพระพุทธรูปองค์ปฐมจำนวน 108 องค์
    เจ้าภาพสีถังละ 1,313 บาท
    สามารถร่วมบุญได้ยกถัง
    หรือร่วมบุญตามกำลังศรัทธาครับ

    ขออนุโมทนาบุญกับคุณเก๋และทุกท่านครับ สาธุ
     
  20. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมเป้นเจ้าภาพสีรองพื้นทาพระพุทธรูปองค์ปฐมหน้าตัก 2 เมตร 108 องค์
    เจ้าภาพสีถังละ 1313 บาท
    หรือสามารถร่วมบุญได้ตามกำลังศรัทธาคะ
    __________________
     

แชร์หน้านี้

Loading...