บทสัมภาษณ์ริชชี่ในเรื่องของสัมผัสที่ 6

ขอบคุณครับ...คุณใบไม้นอกกำมือ...นับเป็นสิ่งที่ดี...มุมมองคุณน่าสนใจอีกแบบหนึ่ง...เหรียญย่อมมี 2 ด้านเสมอมันจึงอยู่ร่วมกันได้...

ผมเป็นชาวพุทธนับถือพุทธเหมือนกับคุณ มีการทำบุญตักบาต เวียนเทียนเข้าพรรษา นำข้าวนำน้ำไปตั้งตามสี่แยกสามแยกก็เคยทำมาแล้ว วันเกิดที่เพิ่งผ่านมาผมก็ทำสังฆทาน ปล่อยเต่า ปล่อยปลา และอธิษฐานจิตให้กับเทวดาประจำตัว เจ้ากรรมนายเวรด้วยเช่นกัน... และวันเกิดปีนี้ในขณะที่ผมกำลังปล่อยปลาอยู่นั้นก็มีนิมิตหมายอันดี พระอาทิตย์ก็เกิดการทรงกลดครอบหนองน้ำที่ผมกำลังทำพิธีอยู่พอดี ณ เวลานั้น( ทรงกลดเฉพาะบริเวณนั้น ) อันนี้เป็นการบอกให้รู้ว่าเทพเบื้องบนได้รับทราบแล้ว... ผมก็ยกมือพนมไหว้และเคารพนับถือเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหมือนเดิมมิได้เคยลบหลู่ สิ่งเหล่านี้มีจริง...ทำแล้วชีวิตผมก็ดีขึ้นจริงๆๆอย่างปาฎิหาริย์...และผมก็จะทำต่อไป...( แต่ไม่งมงายมีสติรู้ว่าตนเองทำอะไรอยู่ )

ผมเชื่อเรื่องภพภูมิ...มีคนเคยระลึกชาติภพก่อนให้ผมและเขาพบว่าผมเคยเป็นทหารระดับแม่ทัพ และพยายามโน้มน้าวให้ผมไประลึกชาติให้ได้...ผมคิดว่าไปทำไม...รู้ไปก็แค่นั้น...ชาตินี้ก็ทำให้ดีได้ด้วยความรู้และสติปัญญาที่มีอยู่ก็เพียงพอแล้ว...ผมมีของศักดิ์สิทธิ์ระดับคู่บ้านคู่เมืองอายุนับ 1,000 ปีมีดวงจิตวิญญาณนำมาให้ผมเอง เพราะท่านเมตตาจึงให้มา... เป็นสิ่งที่หลายคนตามหากันมาเพื่อนำไปห้อยคอให้ท่านช่วยคุ้มครอง...ผมก็ไม่ได้เอามาสวมใส่แต่ท่านก็ยังคอยตามปกปักษ์รักษาอยู่ตลอดเวลา...อันนี้ผมสัมผัสได้...วิญญาณคนตายก็เคยเห็นมาแล้ว...แบบมากันทั้งป่าช้าก็มี...เพื่อมาขอส่วนบุญ...แบบที่ติดตามจะมาเอาชีวิตก็มี( สิ่งศักดิ์เขาก็มาช่วยผมไว้ )...ก็ไม่เห็นจาต่างอารายกับคนเป็นๆที่เราเห็น.. ..ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นแค่ภาพลวงตาเกิดแล้วเดี๋ยวมันก็ดับไป...

ปาฎิหาริย์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ เคยเกิดขึ้นกับผมหลายๆครั้ง มิได้เป็นในรูปของนิมิตความฝันหรือการนั่งสมาธิ แต่เกิดขึ้นกลางวันแสกๆ...ผมมีจิตที่สื่อกับสิ่งเหล่านี้ได้...แต่ผมไม่พยายามฝึกฝนเปิดรับและปฎิเสธอำนาจเหล่านี้มาตลอด...เพราะมันไม่ใช่ทางหลุดพ้นที่แท้จริง...สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายท่านก็มาแสดงปาฎิหาริย์ให้ผมเห็นอยู่เรื่อยมา...ไม่ใช่เป็นเพราะผมมีบารมี มีบุญ มีวาสนา แต่ผมเป็นคนที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นสงสารเอ็นดูผมมากกว่าและรู้สึกว่าพวกท่านจะชอบในความคิดที่ผมไม่หลงงมงายในอำนาจของท่าน...ใช้สติปัญญามากกว่าความเชื่อ... ไม่เหมือนคนอื่นๆ...ประสบการณ์เหล่านี้ผมมีเยอะ...ครับ...ไม่ได้โม้ครับ อันนี้นำมาเล่าสู่กันฟัง...ฟังดูเรื่องราวประสบการณ์ของผมแล้วมันน่าจะเป็นคนงมงายสุดๆๆๆ...

ผมจึงไม่รู้สึกแปลกใจอะไรกับปาฎิหาริย์ เรื่องพลังจิต เรื่องเจ้ากรรมนายเวร หรือเรื่องพิธีกรรมต่างๆ...เพราะมันเป็นเรื่องธรรมชาติ...สำหรับเรื่องการปฎิบัตินั้น...ผมยอมรับว่าไม่เคยฝึกแนวทางปฎิบัติตามหลักศาสนาพุทธหรอกครับ...แต่ผมเรียนรู้ฝึกฝนจากปรัชญาสายธรรมชาติมานับสิบปี...จึงเรียนรู้และเข้าถึงธรรมชาติได้อีกรูปแบบหนึ่งโดยตรง... เข้าใจแบบมีสติและใช้ปัญญาไม่มีอิทธิปาฎิหาริย์ และเข้าใจเรื่องราวที่เรากำลังถกกันอยู่นี้ได้ดี...จึงกล้าแสดงความคิดเห็นลงไป...หลายคนในที่นี้อาจจะรู้จักเรื่องราวของพลังจิตในรูปแบบทั่วๆไป...เช่น รักษาโรคได้ ระลึกชาติได้ เคลื่อนย้ายของหักงอช้อนได้ อ่านจิตใจคนได้ สะกดคนให้หลับได้ เห็นจิตวิญญาณได้ ฯลฯ...เหมือนเมื่อก่อนเรารู้จักฟ้าผ่าและคิดว่าเกิดจากอิทธิฤทธิ์ของเทพเจ้า รามสูญขว้างขวาน ..แต่เราไม่รู้จักอิเล็กตรอน...เราอาจจะรู้จักรุ้งกินน้ำแต่ไม่รู้จัก Spectrum ของแสดงแดด จึงทำให้มันดูปาฎิหาริย์อะไรทำนองนั้น...ไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดครับ ไม่รู้ย่อมไม่ผิด

แต่สิ่งที่ผมได้ศึกษามานั้นมันลึกกว่าจิตวิญญาณครับ...มีปรัชญาอยู่ปรัชญาหนึ่งที่เขียนโดยคนไทย...และไม่ได้มีการนำออกมาเผยแพร่เพราะจะมีผลกระทบต่อหลายศาสนาและจะเป็นจุดหักเหของทฤษฎีวิทยาศาสตร์ เป็นทฤษฎีสรรพศาสตร์( Theory Of Everything ) หากใครได้ศึกษาปรัชญานี้ก็จะรู้ว่าพลังจิตเกิดขึ้นมาได้อย่างไร รวมทั้งรู้ว่าสภาวะนิพพานของศาสนาเรานั้นมันคือส่วนไหนของจักรวาล...อาจจะถึงนิพพานเร็วขึ้นหรือไม่มีโอกาสเข้าถึงนิพพานได้เลย...และต่อไปเทคโนโลยีในอนาคตสามารถเชื่อมโยงได้ถึงระดับจิตวิญญาณไม่ใช่อิเล็คตรอนหรือคว๊าก ไม่ใช่แค่นาโนเทคโนโลยี...เอาเป็นว่าตอนนี้อย่าไปสนใจปรัชญาเหล่านั้นก่อนเลยครับ


ผมเพียงแต่อยากชี้ให้เห็นว่าอย่าไปเชื่อหรือยึดถือเรื่องเหล่านี้ให้มากนัก....อาจจะทำให้เราหลงทางได้...เพราะเราไม่รู้จริง...ทุกสิ่งเลยเป็นปาฎิหาริย์...ให้ใช้สติไตร่ตรองให้เยอะ...ผมเข้ามาใน Web พลังจิตนี้เพื่ออยากทำให้ทุกคนรู้ว่า...เรื่องพลังจิตหรือเรื่องปาฎิหาริย์นั้นมันเป็นเรื่องธรรมชาติ...เหมือนกับเรื่องสายฟ้าฝ่ากับอิเล็กตรอนหรือไฟฟ้าสถิตย์นั่นแหล่ะครับ...

ธรรมชาติไม่เคยให้ใครได้กำไร และธรรมชาติก็ไม่เคยทำให้ใครต้องขาดทุน...ของฟรีไม่มีในจักรวาลนี้ครับ...

ฝากไว้เป็นข้อคิดสะกิดใจ...อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ...

 

ขอบคุณครับ

 

คุณ ใบไม้นอกกำมือคะ การตั้งกระทู้มีดังนี้
เข้าไปที่ เวปบอร์ด
จากนั้น เข้าไปใน ห้องที่คุณจะเข้าไปตั้งกระทู้ เช่น อภิญญา-กรรมฐาน จักรวาลคู่ขนาน วิทยาศาสตร์ทางจิต-ลึกลับ ฯลฯ
จากนั้น คลิกที่ปุ่ม ตั้งกระทู้ใหม่ สีเขียว ที่อยู่ทางซ้ายมือ ในห้องนั้น ๆ
แล้วก็พิมพ์ ได้เลยค่ะ

 

ขอบอกนิดนึงครับ ว่าการแก้กรรมบางอย่างต้องแก้ในยามวิกาลนะครับ แต่ว่าก็ขึ้นอยู่กับกรรมนะครับ กรรมของแต่ละคนไม่แน่นอน ไม่เที่ยง จึงไม่สามารถกำหนดได้

 

อนุโมทนาทุกท่าน ทุกเรื่อง ทุกกระทู้ คือว่า.....ส่งครั้งเดียวได้บุญเยอะๆๆๆๆๆ และนับจากนี้เป็นต้นไปถ้าใครทำความดีก็ให้ถือว่าเราอนุโมทนาด้วย และคนที่อนุโมทนาก็ขอให้ได้บุญเยอะๆเหมือนกัน

 

คุณ ใบไม้นอกกำมือ
ไม่เป็นไรค่ะ ด้วยความยินดี
ดิฉันได้อ่านงานเขียนของคุณ จากหนังสือ ทั้ง 2 เล่ม เล่ม 1 และ 2
บังเอิญไปเจอในร้านเช่าหนังสือหลัง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เลยเช่ามาอ่าน เมื่อประมาณ 2 ปีมาแล้วค่ะ

 

เรียน คุณใบไม้นอกกำมือ

ความคิดที่ถูกย้อมแล้วย่อมจะหาความบริสุทธิ์ได้ยากอีกต่อไป...เพราะเราถูกความเชื่อ...ความศรัทธาครอบงำเรา... ยากที่จะเห็นแก่นแท้ของความจริงได้...ผมดีใจที่คุณไม่งมงายไปด้วยเรื่องพลังจิต...เรื่องราวของจิตวิญญาณมีมากมาย...จิตเหมือนเด็กต้องมีหลักการคอยช่วยเหลือ...ปล่อยให้จิตนำโดยขาดหลักการนั้น...มันจะคอยหลอกหลอนเราไปเรื่อยๆๆ...จิตวิญญาณมันจะนำเรื่องราวต่างๆ...มาสู่การรับรู้ของเรา...จนในที่สุดเรื่องราวเหล่านั้นทำให้ชีวิตของเราเสียโอกาสไปหลายอย่าง..อย่างน่าเสียดาย...โปรดจำเอาไว้ว่าจิตวิญญาณมิใช่ของเรา...ผ่านการใช้งานมานานแล้ว...ชีวิต( ร่างกาย + จิตวิญญาณ )ต่างหากเป็นของเราในชาตินี้...ซึ่งก็ คือ สติ ปัญญานั่นเอง...

 

ขออนุโมนาสาธุเป็นอย่างสูงครับ โดยเฉพาะไม่คิดค่าบริการแล้วยังช่วยด้านการเงินแก่เขาด้วย

 

อ่านแล้วสงสารน้องจัง

คุณใบไม้นอกกำมือหรือท่านอื่นพอมีข้อแนะนำไหมครับ

ส่วนพี่เสนอให้ลองไปหาหลวงพี่เอกวัดเขาแร่ ท่านเมตตามาก ปกติท่านจะมาพักที่บ้านย่าน ถ.ศรีนครินทร์เพื่อโปรดญาติโยม กทม. ทุกต้นเดือน สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมก็ pm เข้ามาหาพี่นะครับ

 

ขอบคุณคุณใบไม้นอกกำมือครับสำหรับความรู้
ผมจะพยายามต่อไปครับ จนกว่าจะเห็นผล
ของการปฏิบัติกรรมฐานอย่างเป็นรูปธรรม...ขอบคุณจริงๆ

 

ดิฉันเองก็เป็นคนที่มีกิเลสหนาอยู่นะคะ
จะขอพูดตามตรงเลยว่าเวลาศึกษาธรรมมะ
ดิฉันจะศึกษาจากหนังสือที่เขียนโดยพระนักปฏิบัติมากกว่า
เพราะอ่านแล้วเข้าใจง่าย เช่นหลวงพ่อจรัล หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
เหมือนท่านกำลัง เล่าเรื่องอะไรซักอย่าง ให้เราฟัง
อ่านแล้วก็มีกำลังใจปฏิบัติธรรม มากขึ้น
ได้ตัวอย่างและก็เห็นกรณีศึกษามากมาย
เคยหยิบหนังสือที่เขียนโดยพระนักเขียนมาอ่าน

ยอมรับว่าอ่านได้ไม่ถึง 2 หน้า วางเลยค่ะ
เพราะงง ยิ่งอ่านยิ่งซับซ้อนซ่อนเงื่อน

แต่หนังสือแบบ นี้บางทีก็ถูกจริตกับบางคนนะคะ
จึงไม่กล้าวิจารณ์งานเขียนท่านมาก

ฝ่ายฆราวาสนักปฏิบัติธรรมที่ดิฉันนับถือก็มีนะคะ
ท่านปฏิบัติจริงๆ จัง ๆ
ก็คือ ท่าน ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

ท่านนี้เป็นต้นแบบของครูทั่วประเทศค่ะ
เพราะฉีกแนวความเชื่อเดิมของชาติตะวันตกที่ว่า ความรู้จะเกิดขึ้นจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ตา หู จมูก ลิ้น กาย เท่านั้น ซึ่งเกิดจากประสบการณ์และความจำ

แต่ท่านค้นพบว่า ความรู้อีกแบบหนึ่ง (ปัญญา)ที่เกิดจากสัมผัสที่ 6 ก็คือ
จิตที่เกิดจากสมาธิ นั้น แน่นอน และูถุกต้องกว่่า ท่านเรียกมันว่า
จิตเหนือสำนึก การหยั่งรู้ มโนสำนึก และอันนี้เองที่ทำให้ท่านค้นพบวิธีการ
นำยานไวกิ้งลงจอดบนดาวอังคาร โดยยานไม่เสียหาย ซึ่งชาติฝรั่งเองก็ยังคิดไม่ออก ท่านมาคิดวิธีนำยานลงจอดได้จากการนั่งสมาธิค่ะ
ท่านนั่งสมาธิอยู่ที่ยอดเขา บนแคลิฟอเนียร์ อยู่ 5 วัน

หากท่านที่เคยอ่านประวัติของดร. ท่านนี้แล้ว จะเห็นว่าสมาธิ ทำให้ชีวิตของท่านพลิกผัน ในทางที่ดีขึ้น จากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว

ดิฉันเองได้รับฟังการบรรยายของท่านโดยตรงเกี่ยวกับปัญญาที่เกิดจากสมาธิ
ก่อนเข้ารับการบรรจุรับราชการครูค่ะ

จึงนำเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง

 

ทุกคนมีกรรมเป็นของๆตน เป็นประโยชน์ ดีมากจริงๆครับ<!-- / message -->

 

ขออนุโมทนาสาธุ ด้วยค่ะ ได้ดูรายการของ VIP แล้วก็ยังต้องกลับมาอ่านแล้วอ่านอีก ทำให้ตอนนี้ต้องพยายามเรียกสติตัวเองให้พยายามรักษาศีล 5 ให้ครบ ให้ได้มากที่สุด แต่วันนี้ก็ฆ่าแมลงวันไป 1 ตัวแล้วศีลขาดไปหนึ่งข้อแล้ว สาธุ

 

ทำไมเรื่องของผู้ชายคนนี้ผมอ่านแล้วผมไม่เชื่อไม่ศรัทธาก็ไม่รู้ครับ

 

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุ

ทาน ศีล สมาธิ[b-hi]

 

มาตามสัญญา

อดีตเคยทำอะไรมา จะส่งผลมายังชาติปัจจุบัน
ดังนั้นเมื่ออดีตเคยทำดี ปัจจุบันย่อมได้รับกรรมดี
ที่อดีตเคยทำมา ................
(b-no)