อวสานแห่งศาสนาทั้งปวง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย มีผู้ส่งมาให้, 5 กุมภาพันธ์ 2005.

  1. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,045
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ทุกอย่าง เกิดขึ้น คงอยู่ และดับสูญ เป็นวัฏจักร หนุนไปเหมือน กงล้อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มีนาคม 2007
  2. อธิมุตโต

    อธิมุตโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    4,741
    ค่าพลัง:
    +13,087
    ศักราชป่า (พุทธทำนาย)


    <!--coloro:#FFFFFF--><!--/coloro-->...........<!--colorc--><!--/colorc-->อุกาสะ ศิริสุ ศักยะมุนี โคดมบรมโลกนารถ ศาสดาจารย์ ญาณสัพพัญูญู อันเป็นสั่งสอน แก่ฝูงเทพนิกร อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ ทั่วอนันตระจักรวาล

    พระพุทธองค์ผู้ทรงญาณ ทรงสงสารแก่ฝูงเทพา ประชาชน คนทั้งหลาย อยู่ภายหลัง จึงเสด็จยับยั้ง ตั้งพระพุทธศาสนา ไว้ให้ถ้วน ๕ พันพระพรรษาอติกกันตา

    ถ้าจะคณะนานับเดือน ได้ ๖๐,๐๐๐ (หกหมื่นเดือน) ครามครัน ถ้าจะคณะนานับวันได้ ๑,๘๐๐,๐๐๐ (หนึ่งล้านแปดแสนวัน) เป็นกำหนด ถ้าจะคณะนานับพระอุโบสถได้ ๑๒๐,๐๐๐ (หนึ่งแสนสองหมื่นพระอุโบสถ) ถ้าจะกำหนดฤดูได้ ๑๕,๐๐๐ (หนึ่งหมื่นห้าพันตฤดู) มิได้คลาด สมเด็จมุนีนารถ จึงประทานพระสัทธรรมเทศนาให้ไว้กับพระอานนท์ และสาวกเจ้าทั้งหลาย

    <!--coloro:#FFFFFF--><!--/coloro-->...........<!--colorc--><!--/colorc-->จึงมี<!--coloro:#CC0000--><!--/coloro-->พระพุทธทำนายให้ไว้เป็นกำหนด จึงตรัสว่า ภิกฺขเว ดูกร พุทธาสงฆ์ผู้ทรงศีล จตุปาริสุทธิสิกขา ที่จะสืบสร้างไปในระหว่างพระพุทธศาสนาของพระตถาคต ที่ล่วงลับไปแล้วนั้นบ่มิทันนาน ประมาณห้าร้อยปี จะหานางภิกษุณีก็หาบ่มิได้

    ครั้นล่วงถึงพันปีหนึ่งนั้นไซร้ ก็จะไม่มีพระอรหันต์ที่จะมาเหาะเหิรเดินนภาลัยอากาศนั้นได้

    ถึงล่วงถึงสองพันปีหนึ่งนั้นไซร้ ก็จะไม่มีนักปราชญ์ ที่จะมาเล่าเรียนให้จบพระไตรปิฎกบริบูรณ์นั้นได้

    ครั้นล่วงถึงสามพันปี ก็จะไม่มีภิกษุสงฆ์ที่จะลงมาปกปักกะตักมั่วสุมประชุมกันกระทำอุโบสถ ปฏิบัติพรตตามธรรมเนียม

    ครั้นล่วงถึงสี่พันปี บาตรไตรจีวรก็จะสูญสิ้น

    ครั้นล่วงถึงห้าพันปี ประชาชี ก็จะพากันดูหมิ่นพระศาสนา จะมีแต่ผ้าเหลืองน้อยห้อยหู จึงรู้สำคัญ สัญญากัน่าตนนั้นบวชเป็นชีศาสนาของพระชินศรี เมื่อจะสิ้นก็สิ้นในปีชวดนักษัตร อรรถศกเพ็ญเดือนหก คิมหันตฤดูวันอังคาร ยามอังคารยังอีกสี่นาฬิกา จะรุ่งขึ้นเป็นวันพุธ คราทีนั้น ก็จะสิ้นสุดพระพุทธศาสนา ขององค์สมเด็จโคดม

    ครานั้นสารีริกธาตุทั่วสกลไร้คนสักการะ จะเสด็จมารวมปรากฏพระชินสีห์ พระองค์ก็จะเปล่งช่อ ฉัพพรรณรังสี แผ่รัศมี ๖ ประการ งามเรืองรองประดุจดั่งสีทองธรรมชาติ

    ผู้ใดได้ฟังพระพุทธศักราช ก็จะรำลึกชาติได้ดังใจจิตร จะนึกเอาชั้นอินทร์และชั้นพรหม ก็จะสมความคิด จะเนรมิตวิมานสวรรค์ ไว้คอยท่า

    พระองค์ทรงตรัสพระสัทธรรมเทศนา อยู่ถึง ๗ วันแล ๗ คืน พระบรมธาตุเสด็จดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพาน แผ่นดินดานก็จะสูงขึ้นแปดพันวา ด้วยอำนาจพุทธกาปิตาเจ้าของเรานั้น จึงจะถาวรณะบรรจบครบจำนวนถ้วน ๕ พันปี พระพรรษา<!--colorc-->
    <!--/colorc-->


    <!--coloro:#3333FF--><!--/coloro-->สาธุ อนุโมทามิ ฯ <!--colorc--><!--/colorc-->​


    (จากหนังสือสวดมนต์ของพระอาจารย์ฉลาง นิรามโย วัดนิโรธกิจภาวนา เขาสมิง จังหวัดตราด)<!--sizec--><!--/sizec-->

    Attached image(s)
    [​IMG]

    <!-- / message --><!-- sig -->

    ____________________________________________________________
     
  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,672
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** ชะตาฟ้าลิขิต ****
     
  4. อธิมุตโต

    อธิมุตโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    4,741
    ค่าพลัง:
    +13,087
    อนาคตเท่านั้น เป็นตัวตัดสิน

    ใคร ฤๅ จะรู้ได้
     
  5. Akira

    Akira Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +25
    เอ้อ ทำไปได้

    ท่าทางเจ้าของทฤษฎีว่าทุกศาสนาสอนความจริง และเป็นสิ่งเดียวกันนั้นคงคิดเองเออเองซะเยอะ ศาสนาพุทธสอนธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตานะครับ(ไม่เที่ยง เป็นทุกข ไม่มีตัวตน)์ ดังนั้นพระเจ้า พรหม ปรมาตมัน อาตมัน หรือปรมอัตตา นั้นสอนความมีตัวมีตน (อัตตา การบังคับได้ แน่นอน ยิ่งใหญ่ มีตัวตน) ตรงข้ามกับศาสนาพุทธ
    มองยังไงก็ไม่ได้ใกล้เคียงกันเลยย...
    ธรรมนั้นมีสังขตธรรม (ศาสนาอื่น เน้นสอนสวรรค์ นรก ถือเป็นความปรุงแต่งดีและชั่ว) และอสังขตธรรม(นิพพาน ความไม่ปรุงแต่ง)
    เขียนเสนอแนวคิดมนุษย์นั้นมักจะผิด ไม่งั้นคงไม่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้เพื่อสอนคนเขลา ศึกษากันดีๆนะครับแล้วจะได้อะไรเยอะ ไม่หลงทาง หาว่าคนอื่นงมงาย ไม่รู้สึกตัว
     
  6. fa_ri_sah

    fa_ri_sah สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ข้อมูลแน่นดี แต่ จุดประสงค์จะบอกอะไรเหรอ
    จะไห้ทำไงเหรอ?
    ทำแล้วจะรุ้ว่าเป็นผลได้ยังไงเหรอ?
    นั้นล่ะ คำถาม
     
  7. intah

    intah เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    284
    ค่าพลัง:
    +562
    ผมว่าเขามาทำให้แตกแยก = ="
    มาป่วนหรือเปล่า~ !
     
  8. jinnivan

    jinnivan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +250
    ผู้เขียนบทความต้องมีความรู้ด้านอิสลามศึกษาดีทีเดียว เพราะจะเน้นเปรียบเทียบเีพียงคำสอนของอิสลาม และคริสต์เป็นหลัก ซึ่งนั่นเป็นหลักเดียวกันอยู่แล้ว

    บทความนี้ถือเป็นบทความที่ดี หากทุกคนคิดได้เช่นนี้ ลดช่องว่างความเชื่อ ลดทิฐิความศรัทธา สงครามครูเสดก็คงไม่เกิดขึ้น โลกคงน่าอยู่ขึ้นอีกมากมาย
     
  9. userx

    userx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2007
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +1,061
    คิดว่าเจ้าของทฤษฎีและเจ้าของกระทู้คงจะอัพนมเปรี้ยวเกินขนาด ร่างกายจึงได้รับจุลินทรีย์แลคโตบาซิลรัสพันธุ์ที่ยาคูลท์ไม่ต้องการ ทำให้ต่อมอมิตาทาทายังไม่สามารถส่งสารสื่อประสาทออกไปยังสมองซีกซ้ายส่วนบนตอนปลายได้ จึงทำให้มีผลกระทบต่อการทรงตัวและจิ้มคีย์บอร์ด
     
  10. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
    โลกไม่เคยว่างจากพระอรหันต์ พระอรหันต์มีจำนวนมากกว่าดวงดาวบนท้องฟ้า เทวดาแต่ละชั้นมีมากกว่าประชากรมนุษย์โลก
    ตราบใดก็ตามที่ยังมีผู้ปฏิบัติตามมรรคมีองคื 8 ประการ ย่อมมีผ้บรรลุธรรมถึงที่สุด
    ศาสนาหรือธรรมมะไม่เคยเสื่อมหายไปไหนเลยมันอยู่คู่กับทุกจักรวาลมาตั้งแต่ต้น ธรรมมะคืออะไร ธรรมะคือธรรมชาติที่เป็นสัจธรรมความเป็นจริงของสรรพสิ่ง แต่พระพุทธเจ้าท่านสอนเน้นที่ธรรมชาติของกายและจิต มันมีอยู่มาก่อนแล้ว หาใครได้สร้างหรือทำขึ้น หรืออุปโลกขึ้นเองไม่ ผู้ใดเข้าใจกายและจิตถ่องแท้ตามความเป็นจริง ก็ถึงที่สุดด้วยกันทั้งนั้น สัจธรรมความเป็นจริงของกายและจิตมันไม่ได้หายไปหรือเสื่อมไปไหน ผุ้เข้าใจด้วยจิตที่บริสุทธิ์ย่อมบรรลุและเข้าใจในสิ่งเดียวกันเพราะมันเป็น fact

    ความท้อแท้ท้อถอยหรือหมดกำลังใจไม่มีในผู้ปฏิบัติ ถึงให้ต้องตายกี่ภพชาติก้ไม่คิดที่จะลืมถ้ายังไม่ถึงที่สุด การที่จะให้ถึงทีสุดโดยการสร้างบุญบารมีและบำเพ็ญเพียรเพียงชาติปัจจุบันชาติเดียวอาจจะเป็นไปได้ยาก แต่ก็ต้องสั่งสมต่อไปเสมอจนถึงที่สุด

    บารมี 10 ทัศน์ คือพื้นฐานการสร้างบุญบารมี เสมือนการเติมพลัง 10 ถังให้เต็มที่ก่อนจะพุ่งทะยาน 10 ทัศอย่างขั้นธรรมดา ขั้นกลาง และขั้นอุกฤต รวมแล้ว 30 ทัศน์ เมื่อพลังบุญบารมีเต็มเปี่ยม รับรองได้ ถึงที่หมายแน่นอน

    เราลืมและท้อถอยกันแล้วหรือ
    1. ละสักกายะทิฐิ ก็ให้รู้กาย จิตใจ รู้สรรพสิ่งว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน มันเป็นสมมติ
    2. เรามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกไม่สั่นคลอนแม้จักต้องตาย
    3. พยายามรักษาศีลให้บริสุทธิ์

    ละสังโยชน์สามข้อเท่านี้ก้จะถึงซึ่งพระอริยะขั้นต้นหรือพระโสดาบันแล้ว ครูบาอาจารย์ท่านว่ามีฆารวาสนักปฏิบัติที่เป็นอุบาสกอุบาสิกาถือศีล 8 และปฏิบัติจริงจัง ที่เป็นพระโสดาบันในบ้านเรามากมาย

    อุบาสก อุบาสิกาที่ถือศีล 8 ปฏิบัติจนบรรลุพระอรหันต์มีมากมาย ที่เราไม่รู้จักอีกละ บางคนเป็นฆารวาสปฏิบัติอยู่บ้านสองคนพี่น้องตายาย ลูก ๆ หลาน ๆ ไม่รู้หรอก นึกว่าท่านสวดมนต์ไหว้พระทำบุญเหมือคนทั่วไป (สงสัยท่านภาวนา วิปัสสนาทั้งวันทั้งคืนจนเข้าถึงสรรพสิ่งตามความเป็นจริง) พอตายเอาไปเผา กระดูกเป็นพระธาตุ เห็นไหมคนธรรมดาก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้ ที่เราไม่รู้อีกมีนับไม่ถ้วน

    ในเมื่อไม่ออกแรงสิ้นหวังหมดหวังตามคำขู่คำบอกเล่าของคนรู้ไม่จริง จะได้มรรคผลอย่างไร เมื่อทำมันต้องส่งผลเพราะมันให้กรรม เมื่อทำกรรมดีต้องได้ดี เมื่อปลูกข้าวหว่านไถต้องได้ข้าว เมื่อตั้งใจปฏิบัติธรรมต้องบรรลุธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2007
  11. ^ ^

    ^ ^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +1,279
    ไม่ป่วนมั๊งครับ ผมเดาว่าเจตนาดี แต่ยังไม่เข้าใจอะไรลึกซึ้งมากกว่า

    เช่น ดันบอกว่าพระไม่สำเร็จมรรคผล ซึ่งในความเป็นจริงเราก็เห็นๆ อยู่ว่า
    มีพระเกจิอาจารญ์ที่ตายไปแล้วกระดูกกลายเป้นพระธาตุเยอะแยะไปอ่ะนะ

    ปล.เขาคงเบื่อเรื่องความขัดแย้งทางศาสนาง่ะ ตรงนี้ผมเองก็เบื่อเหมือนกัน - -*
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2007
  12. ^ ^

    ^ ^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +1,279
    นอกเหนือคำว่าโลกและชีวิต มันต้องมีสิ่งหนึ่งอยู่แน่ๆ แล้วสิ่งนั้นคืออะไร?
    นิพพาน? พระเจ้า? เต๋า? พรหม? ฯลฯ มันคืออะไรก็ช่าง สิ่งนั้นต้องมีอยู่หนึ่งเดียว

    พุทธ ก็ว่ามีนิพพาน
    คริสต์ ก็ว่ามีพระเจ้าในรูปแบบหนึ่ง
    อิสลาม ก็ว่ามีพระเจ้าในอีกรูปแบบหนึ่ง
    ยิว ก็ว่ามีพระเจ้าเป็นคนละแบบกับ คริสต์ และ อิสลาม
    เต๋า ก็ว่ามีเต๋า
    ฯลฯ ก็ว่ากันไปแล้วแต่ศาสดาคนไหนจะสอนไว้อย่างไร

    สุดท้าย ต้องมีศาสดาอยู่คนเดียวเท่านั้นที่พูดถูกต้อง
    หรือไม่งั้นก็ผิดทั้งหมด แล้วใครเล่าจะเป็นคนตัดสินได้?

    คนๆ นั้นคงต้องมีอิทธิฤทธิ์ปาติหารย์ ระดับเดียวกับศาสดาของทุกศาสนาเลยมั๊ง 555+


    มาถึงวันนี้คนๆ นั้นยังไม่มาปรากฎให้สังคมได้รับรู้ความจริงเสียที แล้วเราจะทำอย่างไรดี?

    1.ยอมลดธิฐิลงมาแล้วรวมความเชื่อเป็นหนึ่งเดียว?
    (ผิดก็ผิดด้วยกันทั้งโลก ถูกก็ถูกด้วยกันทุกคน)

    หรือ

    2.เคารพในสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลในการนับถือศาสนาของผู้อื่น?
    (เลือกเอาเอง ใครเลือกผิดก็ซวยไป ใครเลือกถูกก็โชคดีไป มันเป็นเรื่องส่วนตัว)


    เลือกแบบไหนดีกว่ากัน 1 หรือ 2

    แบบที่ 1 ทำยากมาก แบบที่ 2 ทำง่ายกว่าเยอะ


    ผมเลือกแบบที่ 2 ครับ ^ ^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2007
  13. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,672
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** หน้าที่ของการเกิดเป็นมนุษย์ ****

    คือ ขจัดกิเลสนิสัยของตัวเอง
    "สัจจะ" คือ หนทางที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประทานมาให้
    อยู่ที่แต่ละคน...พบแล้วเชื่อหรือไม่ !!!
    ทำแล้วหรือยัง !!!!

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  14. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,672
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** หน้าที่ของเราที่เกิดมาเป็นคน ****

    คือ ...พยายามขจัด "นิสัยสันดาน" ...ในจิตใจ
    เพียง วันละ ๑ ชั่วโมง...
    ก็ยังดีกว่า... ทำบ้าง ไม่ทำบ้าง ....ไม่ตั้งใจจริง
    ตามใจตัวเอง...ตามนิสัยตัวเอง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  15. pmntr

    pmntr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +2,244
    โอหนอ น่าสงสารเจ้าของบทความ ฉิบหายจากความดีเสียแล้ว ฉิบหายจากความดีเสียแล้ว
     
  16. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,672
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** ศาสนศาสตร์ ****

    ศาสนศาสตร์...มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก
    เพราะ..."หลักสัจจะธรรม" ...คือ.... หลักสูงสุด หนึ่งเดียวที่ปักนิ่ง มั่นคง !!!
    ศาสนาพุทธ...มีเป้าหมายสูงสุด คือ นำพาสัตว์ให้หลุดพ้น
    ศาสนาอื่น....คือ ศาสนาที่สนับสนุนการหลุดพ้น ทำให้โลกเกิดความรักและสันติสงบสุข
    เมื่อถึงเวลา....ศาสนารองอื่นๆ จะสิ้นสุดในที่สุด
    เหลือเพียง....ความจริง และ การปฏิบัติหนึ่งเดียวในโลก...
    เพื่อหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
    เวลานั้น....ใกล้มากแล้ว
    ขอให้มนุษย์ทุกคน ทุกชนชาติ ทุกศาสนา...รักษาชีวิตและร่างกายไว้ให้ดี
    เพื่อจะได้พบกับสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  17. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,672
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** ศาสนาที่นำพาสัตว์โลกให้หลุดพ้น ****

    พระธรรม
    หลักสัจจะธรรม...คือ หลักความจริง เป็นสิ่งสูงสุด

    พระพุทธ
    พระพุทธเจ้า....คือ ผู้ค้นพบหลักสัจจะธรรม พบหนทางหลุดพ้น
    พระพุทธเจ้าถือหลักสัจจะธรรมเป็นสิ่งสูงสุด
    พระองค์ทรงรู้ว่าพระองค์เป็นผู้ประกาศและเผยแพร่หลักสัจจะธรรม

    พระสงฆ์
    พระสาวกและฆราวาส...คือ ผู้ศึกษาเรียนรู้ในหลักสัจจะธรรมและปฏิบัติในหนทางหลุดพ้นตามที่พระพุทธเจ้าสั่งสอน
    เป็นการสืบทอดศาสนาต่อไป

    สัจจะ
    สัจจะปฏิบัติ ... คือ หนทางหลุดพ้นที่พระพุทธเจ้าสั่งสอน
    หลังจากพระองค์ได้ค้นพบ "หลักสัจจะธรรม"

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  18. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,672
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** ศาสนศาสตร์ มีหนึ่งเดียว ****

    เมื่อถึงเวลา
    สุดท้าย...ศาสนา ลัทธิหลากหลาย....จะรวมเป็นหนึ่งเดียว
    นับถือในสิ่งเดียวกัน... คือ "หลักสัจจะธรรม"
    มีธรรมเดียวกัน... คือ "ธรรมของโลกุตตระ"
    มีการปฏิบัติเหมือนกัน....คือ การขจัดนิสัย สันดานออกจากจิตใจตนเอง...ด้วย "สัจจะ"
    มีบทสวดเดียวกัน.... คือ โลกุตตระธรรม ... เป็นพระไตรปิฎกที่บันทึกเรื่องราวย่างก้าวที่เกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าที่พยายามค้นหาหลักธรรมคำสั่งสอน จนพบโลกุตตระธรรม
    มีผู้ดวงตาเห็นธรรมมากมาย...ผู้บรรลุอรหันต์ หลุดพ้นจำนวนมาก

    แต่...เราจะผ่านไปถึงช่วงเวลา นั้นได้
    ต้องผ่านพ้นภัย...คือ กรรม...คือ สรรพภัยทั้งปวงกึ่งพุทธกาลให้ได้ก่อน
    รีบสะสมการกระทำด้วย "สัจจะ" ทุกวันเป็นประจำ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  19. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,562
    ค่าพลัง:
    +2,128
    ศาสนาพุทธ คือ สิ่งที่มีอยู่แล้ว ตามธรรมชาติและมีอยู่มานานก่อนเป็นศาสนาพุทธ
    พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ คือ ผู้มาค้นพบ ความจริงต่างๆ ของธรรมชาตินั้น
    และได้นำความจริงนั้น มาสอนมนุษย์
    เพราะฉะนั้น ถึงวันไหน ที่ศาสนาพุทธเสื่อมไป แต่ความจริงของธรรมชาติ
    หรือความจริงที่พระพุทธเจ้านำมาเปิดเผยสอนมนุษย์นั้นก็ยังคงอยู่
    คือ>ความจริงอันประเสริฐ<รอผู้มาค้นพบ และนำออกสอนมนุษย์ท่านต่อไป

    ปัจจัตตัง . . .ธรรมเป็นของรู้ได้เฉพาะตน อยากรู้ความจริงก็ต้องศึกษาปฎิบัติ
    ขอไห้เราได้มีปัญญา - - ขอไห้ตัวเอง
     
  20. Nirvanian

    Nirvanian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +184
    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล "ผู้ที่ปฏิบัติจริงนั้นไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงชาติหน้าชาติหลัง หรือนรกสวรรค์อะไรก็ได้ ให้ตั้งใจปฏิบัติให้ตรง ศีล สมาธิ ปัญญาอย่างแน่วแน่ก็พอ ถ้าสวรรค์มีจริง 16 ชั้นตามตำรา ผู้ปฏิบัติดีแล้วก็จะได้เลื่อนฐานะตนเองโดยลำดับ หรือถ้าสวรรค์นรกไม่มีเลย ผู้ปฏิบัติดีแล้วขณะนี้ย่อมไม่ไร้ประโยชน์ ย่อมอยู่เป็นสุข เป็นมนุษย์ชั้นเลิศ การฟังจากคนอื่น การค้นคว้าจากตำรานั้นไม่อาจแก้ข้อสงสัยได้ ต้องเพียรปฏิบัติ ทำวิปัสสนาญาณให้แจ้ง ความสงสัยก็หมดไปเองโดยสิ้นเชิง"

    http://www.geocities.com/pudule/
     

แชร์หน้านี้

Loading...