ผ ล ก ร ร ม ข อ ง ค น ขี้ อิ จ ฉ า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 5 เมษายน 2005.

  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,682
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=487 border=0 NOF="LY"><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0 NOF="LY"><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD width=223><TABLE id=Table11 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD width=223 height=171>[font=Microsoft Sans Serif,sans-serif]อาจารย์ครับ ผู้มีนิสัยอิจฉาริษยาผู้อื่น จะได้รับผลกรรมอย่างไร ?
    พวกเราจำไว้เลยใครที่มีนิสัยชอบอิจฉาชาวบ้าน คนขี้อิจฉาคือคนที่ไม่อยากให้คนอื่นได้ดี ความไม่อยากให้คนอื่นได้ดีก็คือไม่อยาก ให้คนอื่นทำความดีนั่นเอง เพราะกลัวว่าเขาจะได้ดี เพราะฉะนั้นมโนภาพที่อยู่ลึกๆ ในใจของเขาตลอดเวลา หรือความนึกคิดของเขาจึงเป็นในลักษณะที่นึกสร้างภาพความต่ำต้อยความพินาศไว้ในใจตลอด เวลา[/font]

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=218 border=0 NOF="LY"><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD width=18 height=48>[​IMG]</TD><TD></TD></TR><TR vAlign=top align=left><TD height=150></TD><TD vAlign=center align=middle width=200>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0 NOF="LY"><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD width=45 height=16>[​IMG]</TD><TD></TD></TR><TR vAlign=top align=left><TD></TD><TD width=443><TABLE id=Table13 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><COLGROUP><COL width=443></COLGROUP><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD width=443 height=280>[font=Microsoft Sans Serif,sans-serif] กรรมนี้จะติดตัวไปว่า เกิดอีกกี่ชาติก็ตาม ภาพความต่ำต้อยในใจที่สะสมไว้มาก จะทำให้เป็นคนหย่อนอานุภาพ แม้จะเกิดเป็นกษัตริย์ ก็เป็นได้แค่กษัตริย์ประเทศราช หรือประเทศที่เป็นเมืองขึ้นเขา เป็นได้ แค่นั้น [/font]

    [font=Microsoft Sans Serif,sans-serif] ถ้าจะเป็นภรรยาใครเขา ก็คงได้เป็นแค่ภรรยาน้อย ภรรยาลับเท่านั้น เป็นสามีเขาก็ได้ทำนองเดียวกันทั้งนั้นแหละ อานุภาพมันหย่อนไปทุกสถานะ[/font]

    [font=Microsoft Sans Serif,sans-serif] กรรมเก่าอะไรที่ทำให้ชาติก่อนนั้นเขามีนิสัยขี้อิจฉา ตอบว่าเพราะภพในอดีตไปคบคนพาลเข้า ทำให้มีวินิจฉัยผิดมีความเห็นผิดตามคนพาล คือวินิจฉัยผิด คิดว่าการทำลายล้างผลาญ หรือนึกให้คนอื่นเขาวินาศสันตะโรไปได้ นั่นคือความสุขของตน ความเห็นเช่นนี้ เมื่อเกาะกินใจนานเข้าๆ ก็กลายเป็นนิสัยที่ไม่ดีขึ้นมา [/font]

    [font=Microsoft Sans Serif,sans-serif] [/font]

    [font=Microsoft Sans Serif,sans-serif][size=-1] : บุญรักษา[/size][/font]

    http://www.bdvision.net/html/envy.html
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. koymoo

    koymoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    2,067
    ค่าพลัง:
    +7,066
    ง่ะ ก้อยนี่แหละขี้อิจฉา แต่เรื่องทำความดี ก้อยไม่เคยอิจฉานะ อนุโมทนาบุญกับเขา แต่เรื่องอื่นน่ะ ก็มีบ้างง่ะ ทำยังไงให้หายคะ T_T
     
  3. ศิษย์น้อย

    ศิษย์น้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    427
    ค่าพลัง:
    +3,047
    เอาที่ผมเจอกับตัวเองเลยก็แล้วกัน...

    ถ้าเชื่อเรื่องภพชาติ ก็อ่านต่อ ไม่เชื่อก็ไม่ก็ข้ามเลยนะครับ

    ..ผมเคยขัดขวางความรักของลูกสาว เมื่อชาติก่อน.. คงเข้าข่ายอิจฉามั้ง

    เชื่อไม๋ ชาตินี้ ผมมีความรัก มีแฟนกี่คนๆ ก็ต้องเลิกกัน ....

    เชื่อเถอะ อิจฉา นะไม่ดี ....


    ของผมเป็นเรื่องเก่า แต่ ชาตินี้ ไม่อิจฉานะ เห็นอื่นมีความสุขนี่เราสุขใจด้วย

    จริงๆ

    เพิ่มเติมไว้แค่นี้ล่ะครับ
     
  4. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,254
    ค่าพลัง:
    +7,241
    ผลกรรมของคนขี้อิจฉาคือ ตาร้อน ไงครับ ดังสำนวนที่ว่าไว้ " อิจฉาตาร้อน " ฮิฮิ..เหนื่อยใจจังเลย...
     
  5. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,074
    ค่าพลัง:
    +638
    ผมก็มีคนเคยอิจฉาคนอื่น ๆ ครับ แต่แป็บเดียวก็หาย (บางทีก็นานเหมือนกันกว่าจะหาย) เพราะคิดว่า เป็นบุญหรือโชคของเขา เพราะเราก้อมีไม่ต่างจากเขาหรอก แต่ริษญานี้สิน่ากัว เพราะนอกจากอิจฉาแล้วยังคิดหาทางทำร้ายเขาเพื่อแย่งชิงของเขามาเป็นของตนเอง
     
  6. cruiser

    cruiser Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +50
    ก้อเป็นบ้างนะคะแต่ไม่ถึงขั้นรุนแรงพอข่มใจไว้ได้ ก้อคิดเหมือนพี่โก้สุดหล่อเลยว่าแล้วแต่บุญแต่กรรมที่เค้าทำมา ถ้าเราอยากมีสิ่งดีดี เราก้อต้องหมั่นทำดีบ้างอย่างนั้นไงล่ะ จะได้สบายใจด้วยเนอะ
     
  7. slavebuddha

    slavebuddha Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2008
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +59
    สาธุ

    ..........................................................
    หากถามเรื่องชาติปางก่อน
    ก็ให้ดูผลที่ได้รับในปัจจุบัน
    หากจะถามเรื่องชาติหน้า
    ก็ให้ดูสิ่งที่กระทำในปัจจุบัน
     
  8. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002
    อิจฉามีกันทุกคนล่ะครับ เเต่ถ้าถึงขั้นริษยาอย่างพี่ข้างบนเอ่ยนั้น เเย่เเล้วครับ หนึ่งที่เห็นได้ชัดๆคือ เราคนเดียวที่เเย่ เพราะใจเราจะกระสับกระส่าย ไม่สงบ เห็นใครได้ดีกว่าเป็นไม่ได้ อันนี้เห็นได้เเน่นอน สรุปมองโลกในเเง่ดี รักเพื่อนมนุษย์ไว้ดีกว่าครับ ทําดียามมีโอกาส เเล้วเราจะสุขใจ รักทุกคนเสมอครับ
     
  9. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    กุศลผลบุญใด ๆ ก็ตามที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศให้<O:p</O:p


     
  10. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    โมทนาบุญด้วยนะครับ ที่ไปค้นกระทู้เก่าๆที่มีประโยชน์มาให้เพื่อนๆอ่านครับ
     
  11. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ขออนุโมทนาบุญครับ

    โดน เลยครับ

     
  12. จาริกบุญ

    จาริกบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +228
    ผมก็มีบ้างครับ แต่พยามเปลี่ยนเป็นการอนุโมทนาบุญ เราก็จะได้บุญบ้างครับ
     
  13. อิสวาร์ยาไรท์

    อิสวาร์ยาไรท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,608
    ค่าพลัง:
    +1,955
    ไม่มีค่ะ

    ขอบคุณคนตั้งกระทู้ นะค่ะ
     
  14. ข้าวขาว

    ข้าวขาว สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +1
    เคยเจอทั้งอิจฉาริษยาเลยค่ะชนิดที่ทำให้ต้องสูญเสียผู้บริสุทธิ์คนหนึ่งไป สุดท้ายรับไปเองทั้งหมดค่ะ เวลาผ่านไปรู้สึกจะยังไม่รู้ตัวมีความคิดจะทำอีกแถมชวนพวกมาร่วมแก้งด้วย ต้องเจริญพรหมวิหารสี่เมตตา เจโต วิมุตติ อโหสิกรรมต่อไปค่ะ
     
  15. กระติ๊บ

    กระติ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    672
    ค่าพลัง:
    +939
    พรหมวิหาร4เท่านั้น ที่ช่วยเราได้.....
     
  16. เกสรช์

    เกสรช์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +1,398
    อนุโมทนาสาธุคะ


    ก็ต้องหมั่นสร้างพรหมวิหาร4กันนะคะ

    เมตตา>>>>มีความรักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อคนและสัตว์
    กรุณา>>>>สงสารอยากช่วยให้เขาพ้นทุกข์โดยไม่หวังผลตอบแทน
    มุฑิตา>>>>พลอยยินดีด้วยถ้าคนอื่นทำดีหรือได้ดี
    อุเบกขา>>>วางเฉยกับสิ่งที่มากระทบเช่นคำเสียดสีนินทาว่าร้าย


    หลวงพ่อฤาษีท่านบอกว่าถ้ามีอารมณ์ที่ถูกใจ ขัดใจ ก็ปลงตกว่า เรื่องอย่างนี้มันเป็นธรรมดาของโลกแท้ๆ เราต้องบังคับให้ใจนิ่งไว้..เฉยไว้..เดี๋ยวได้ดีเอง

    เกสรช์ก็พยายามปฏิบัติอยู่เหมือนกันจ้า

    ขอให้ทุกๆท่านมีความสุขกายสุขใจ เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ สาธุ สาธุ
     
  17. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,151
    ค่าพลัง:
    +18,075
    กรรมแห่งความริษยา


    ความริษยาเกิดจากการขาดมุทิตา (ที่มีลักษณะคือความชื่นชม) หมายความว่า พลอยยินดีในความสุขหรือความสำเร็จของผู้อื่น มุทิตานี้ทำได้ยากกว่ากรุณา บางคนมีเมตตาปรารถนาดี มีความกรุณาสงสาร แต่เจริญมุทิตาไม่ได้ เพราะเราทุกคนมีอนุสัยกิเลสคือความริษยานอนเนืองอยู่ในกระแสจิต น้อยคนนักที่จะกำจัดความริษยานั้นได้

    จะต้องฝึกฝนไปเรื่อยๆ จึงจะบรรเทาลงได้ การฝึกฝนนั้นก็ต้องประกอบด้วยโยนิโสมนสิการ คือทำความเข้าใจด้วยเหตุผลว่าความริษยาไม่ก่อให้เกิดคุณใดๆ ผู้มีความริษยานั้นจะได้รับผลคือขาดบริวาร แต่ผู้ที่เจริญมุทิตาโดยกำจัดความริษยาได้ย่อมจะได้รับอานิสงส์คือ มีบริวารห้อมล้อม มีมิตรสหายห้อมล้อม ความริษยานั้นก่อให้เกิดโทษในปัจจุบันและภพต่อไป ไม่ว่าเกิดกับผู้ใดก็ทำให้ผู้นั้นตกต่ำไปตลอด

    ยกตัวอย่างกรรมแห่งความริษยาจากพระไตรปิฎก

    มีเรื่องเล่าว่าในสมัยพุทธกาล มีพระอรหันต์รูปหนึ่งนามว่า
     
  18. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,151
    ค่าพลัง:
    +18,075
    " วิธีแก้นิสัยชอบอิจฉาผู้อื่น "
    จาก: หลวงพ่อตอบปัญหา (หลวงพ่อพระราชพรหมยาน)

    คนที่มีนิสัยชอบอิจฉาผู้อื่น จะมีผลเสียต่อเขาเองอย่างไรบ้าง และสามารถแก้ไขนิสัยนี้ได้อย่างไรบ้างครับ ?

    คุณโยมก็ต้องดูให้ถึงต้นตอเสียก่อนว่า นิสัยของคนที่ชอบอิจฉาตาร้อน หรือว่าไม่อยากให้ใครได้ดีเกินกว่าตัวเองนั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร นิสัยอิจฉาริษยานี้ จะเกิดขึ้นกับคนที่มีความดีในตัวน้อยกว่าคนอื่น เพราะถ้าหากมี คุณงามความดีอยู่ในตัวมากกว่าคนอื่น เขาคงไม่มีความจำเป็นต้องไปอิจฉาตาร้อนใคร

    เนื่องจากมีคุณงามความดี มีความรู้ มีความสามารถน้อยกว่าคนอื่น แล้วอยากจะให้ได้ดีเท่ากับเขา
    หรืออยากจะให้ดียิ่งกว่าเขา แต่แทนที่จะคิดแก้ไขตัวเอง กลับไปคิดในทางผิดๆ ในทางร้ายๆ คือ แทนที่จะยกตัวเองขึ้นมาด้วยการทำ ความดีให้ยิ่งขึ้นไป กลายเป็นว่าความดีก็ไม่ทำ

    แถมยังคิดจะเหยียบคนอื่นลงไปด้วยฤทธิ์แห่งความเข้าใจผิด จนกลายเป็นความอิจฉาริษยา ไม่อยากให้ใครได้ดีเสียอีก

    เมื่อเรารู้แล้วว่าต้นเหตุแห่งความอิจฉาริษยานั้น มาจากความที่ตัวเองมีคุณงามความดีน้อย ก็สะท้อนให้เห็นว่า ถ้าอย่างนั้นในใจของคนที่ชอบอิจฉาริษยา ก็คงจะมีแต่ความเศร้าหมอง
    คิดที่จะสร้างสรรค์อะไรกับใครเขาไม่เป็น คิดออกแต่ในเรื่องที่จะทำลายทำร้ายคนอื่นอยู่ร่ำไป

    เช่น คิดจะทำลายทรัพย์สินเงินทอง คิดจะทำลายเกียรติยศชื่อเสียง คิดจะทำร้ายคนอื่นให้เจ็บทั้งกาย เจ็บทั้งใจ คิดวนๆ เวียนๆ อยู่อย่างนี้ เพราะฉะนั้น คนที่มีนิสัยชอบอิจฉาริษยา จึงเป็นคนที่ใจเศร้าหมองทั้งวัน เมื่อมีใจเศร้าหมองอย่างนี้ แม้คำพูดก็เป็นคำพูดที่ชวนให้เศร้าหมอง คือ มีแต่เรื่องร้ายๆ ออกจากปาก ไม่มีคำพูดที่เป็นภาษา ดอกไม้ มีแต่พ่นพิษพรวดๆ ออกมาเมื่อเป็นอย่างนี้หนักๆ เข้า ก็จะเลยไปจนกระทั่งถึงการกระทำทางร่างกาย ทำให้แสดงอาการร้ายๆ ออกมา

    ตั้งแต่การกระทบกระแทกแดกดัน ทำอะไรโครมคราม หรือมีอาการหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่กัน เป็นต้น
    คนที่มีนิสัยชอบอิจฉาริษยาผู้อื่น หรือคนที่ มีบุญน้อย แล้วไม่คิดจะทำบุญเพิ่มเติม แต่กลับไปคิดทำร้ายคนอื่น จึงมีอาการเช่นนี้ เมื่อความดีเก่ามีอยู่น้อยจนทำให้สู้ใครเขาไม่ได้ แล้วความดีใหม่ก็ไม่คิดจะทำเพิ่ม ตรงกันข้ามมีแต่จะเพิ่มความร้ายกาจ เพิ่มความบาปเข้าไปทุกวันๆ ซึ่งก็เท่ากับเป็นการเผาผลาญ เป็นการทำลายล้างตัวเองไปทุกวันๆ นั่นเอง นี่คือผลเสียต่อตัวเองของความที่เป็นคนขี้อิจฉาริษยา เพราะฉะนั้น พวกเราอย่าได้เป็นเข้าทีเดียว ถ้าครั้งใดใจคิดแวบไป ชักเริ่มจะอิจฉาชาวบ้านที่เขาดังกว่าเรา เด่นกว่าเรา ดีกว่าเราขึ้นมาละก็ รีบติดเบรกเสียนะ

    โดยเตือนตัวเองว่า ที่เรายังตกต่ำอยู่อย่างนี้ เพราะว่าชาติที่แล้ว รวมทั้งชาตินี้ด้วย เราสั่งสมคุณงามความดีมาน้อยไป

    เตือนตัวเองได้อย่างนี้ หนทางที่จะแก้ไขให้ดีก็มีมากขึ้น เพราะจับทิศทางถูกว่า เมื่อเรามีบุญน้อย ก็ต้องหาวิธีเติมบุญ คือ ในเรื่องของการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาจากหมู่คณะ หรือจากครอบครัว จากงานเลี้ยงชีวิตเราเองก็ตาม นอกจาก ทำให้สุดฝีมือแล้ว ยังต้องปรับปรุงให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปอีกด้วย.

    แต่ในกรณีที่ถึงจะปรับปรุงอย่างไรก็ยังสู้ไม่ได้ อยู่นั่นเอง อย่างนี้ต้องรีบเข้าไปกราบขอความรู้จากเขา
    ซึ่งจะทำให้เราย่นระยะเวลาทั้งในการปรับปรุงฝีมือและเวลาที่ไม่ต้องไปตกนรกได้ตั้งเยอะ จากนั้นก็หันหน้าเข้าหาวัด มาศึกษาธรรมะ ปฏิบัติธรรมให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ก่อนหน้านี้ไม่เคยทำบุญ ทำทาน ไม่เคยรักษาศีล ไม่เคยนั่งสมาธิ ต่อแต่นี้รีบไปทำกัน ด้วยการศึกษาจากหลวงปู่ หลวงพ่อ ว่าทำสิ่งเหล่านี้แล้วดีอย่างไร เช่น การทำทานมีผลทำให้รวย การรักษาศีลมีผลทำให้สวย การเจริญสมาธิภาวนามีผลทำให้เฉลียวฉลาด มีสติปัญญา พอจับหลักตรงนี้ได้ ถ้าอยากจะเพิ่มเติมความรู้อะไรเป็นรายละเอียดให้ยิ่งขึ้นไป ก็ค่อยๆ ศึกษาจากหลวงปู่ หลวงพ่อท่าน

    ยกตัวอย่าง เรามีอะไรต่ออะไรพร้อมแล้วแต่ที่ไปอิจฉาเขานั้น เพราะว่าเราไม่มีบริวารเวลาไปไหนมาไหน ทั้งๆ ที่ รวยก็แสนรวย สวยก็แสนสวย แต่ว่าใครๆ ก็ไม่รัก แล้วแทนที่จะถามว่าทำไมใครๆ ถึงไม่รักเรา กลับเที่ยวไปโกรธไปเคืองเขา หรือว่าเที่ยวไปอิจฉา
    คนที่มีคนรักเต็มบ้านเต็มเมือง ต้องมองและตั้งคำถามใหม่ให้เป็น คือ แทนที่จะตั้งคำถามว่าทำไม
    เขาไม่รักเรา ก็ตั้งคำถามเสียใหม่ว่าเราไม่น่ารักตรงไหน แล้วเริ่มสำรวจตรวจสอบตัวเอง
    ถ้าหาไม่เจอจริงๆ ไปถามหลวงปู่ หลวงพ่อ ท่านดูก็ได้ แล้วเราจะได้รู้ว่าวิชาเจ้าเสน่ห์ ซึ่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้ไว้นั้น มีอยู่ ๔ ข้อ ด้วยกัน คือ

    ๑. หมั่นให้ทาน คำว่า "ทาน" ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการตักบาตรกับพระภิกษุสามเณร ทานในที่นี้ หมายถึง มีอะไรก็ปันกันกิน ปันกันใช้ รวมทั้งปันกันดังด้วย

    ๒. ปิยวาจา เวลาพูดจากับใครก็พูดด้วยถ้อยคำที่ไพเราะ เพราะสิ่งที่จะให้กำลังใจคนได้ดีนั้น
    ไม่มีอะไรเกินคำพูดที่เพราะๆ ในทำนองเดียวกันสิ่งที่จะทอนกำลังใจคน ก็ไม่มีอะไรเกินคำพูดที่ระคายหูเช่นกัน

    ๓. อัตถจริยา คือ ความรู้ความสามารถ ที่เรามีอยู่ ถ้าเอาไปช่วยใครได้ ก็ช่วยๆ กันไป อย่าไปหวงเลย

    ๔. สมานัตตตา คือ ไม่ว่าคบกับใครก็มีแต่ความจริงใจให้เขา ไม่แทงใครข้างหลัง ไม่ว่าร้ายใครลับหลัง มีแต่ความจริงใจ มีแต่ความปลอดภัยให้เขาเสมอ


    ทั้ง ๔ ประการนี้แหละจะเป็นที่มาแห่งเสน่ห์ของเรา พูดง่าย ๆ โปรยเสน่ห์ด้วยการให้ ทั้งสิ่งของ ทั้งคำพูด ทั้งกำลังอกกำลังใจ ทั้งความปลอดภัยแก่เขา ทำอย่างนี้แล้วใครยังไม่รัก ก็ให้รู้ไปแล้วในไม่ช้าเราจะต้องย้อนกลับมาถาม หลวงพ่อว่า : ทำไมเดี๋ยวนี้ เวลาไปไหนมาไหน ถึงมีแต่ถูกคนอื่นเขาตามอิจฉากันทั้งบ้านทั้งเมือง

    ถึงตอนนั้นก็ช่วยไปสอนคนอื่นๆ ที่กำลัง อิจฉาคุณให้รู้ว่า เมื่อก่อนคุณเองก็เคยเป็นอย่างเขาเหมือนกัน แล้วมีวิธีแก้ไขอย่างไร บอกเขาไปด้วย เพื่อจะได้เป็นบุญติดตัวเราต่อไป...
     
  19. คุณจ๋า

    คุณจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +166
    อนุโมทนาสาธุค่ะ... อ่านแล้วเห็นด้วยอย่างยิ่ง และจะพยายามปฎิบัติดี คิดดี ค่ะ ^^
     
  20. Ball ^_^

    Ball ^_^ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +49
    อนุโมทนาครับ

    อิจฉาได้อย่าให้เป็นริษยา ใช้ความอิจฉาในทางที่ถูก เค้าได้ดีก็พยายามดูเป็นแบบอย่าง แล้วทำของเราให้ดีเท่าเค้า แต่อย่าทำลาย
    ทำตัวเองให้ดีขึ้น ดีกว่าฉุดผู้อื่นลงมา
     

แชร์หน้านี้

Loading...