จะทำอย่างไรดีค่ะ ที่จะรับมือกับคนที่ไม่ชอบ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Vtria, 5 ธันวาคม 2015.

  1. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +1,231
    บทสวดในพาหุงก็มี ตอนที่พระพุทธเจ้า แผ่เมตตา เอาชนะช้างนาฬาคิรีตัวที่ตกมัน

    เรื่อง การแผ่เมตตา ตอนเอาชนะนายพราน ทำให้ถือธนูค้างก็มี

    ตอนที่นางสาวมาวดีแผ่เมตตา ทำให้ลูกธนู ที่ถูกยิงมาไม่สามารถทำอันตรายได้ก็มี

    ในบทสวด กรณียเมตตสูตร ก็มีเรื่อง ที่แผ่เมตตา เพื่อให้รุกขเทพ เปลี่ยนใจกลับมารัก

    ในบทสวด ขันธปริตต์ ก็มีการกล่าวถึงการสวดแผ่เมตตา ไปในตระกูลพญางูทั้ง ๖

    เพื่อไม่ให้มาทำร้าย

    เรื่องเหล่านี้ ถ้าหาก เอกวีร์ไม่เชื่อ เอกวีร์จัดเข้าในพวกมิจฉาทิฏฐิคนหนึ่ง....
     
  2. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +1,231
    ตอนพระพุทธเจ้าผจญมาร ก็ใช้บารมี ๑๐ ในการเอาชนะพญามารกับพวก

    อย่าลืมว่าหนึ่งในบารมี ๑๐ ประการนั้น ก็มีเมตตาบารมีอยู่ด้วย
     
  3. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +1,231
    การตอบปัญหาในกระทู้นี้ เพราะเจ้าของกระทู้เขามีความทุกข์ ที่ถูกกลั่นแกล้ง
    เขาอยากรู้ว่า มีหลักคำสอนในพระพุทธศาสนาข้อใดที่พอจะจัดการกับคนที่มาคอย
    กลั่นแกล้งรังแกเขาได้

    ก็ตอบไปตามวิธีที่พอจะทราบ ไม่ได้หวังประโยชน์ หรือความเป็นใหญ่
    หรืออยากจะมาตั้งลัทธิให้ผู้คนเขานับถือแต่อย่างใดทั้งสิ้น

    ในเมื่อเรามือไม่พาย ก็อย่าเอาเท้าราน้ำ
    ในเมื่อไม่ได้คิดอยากจะช่วย ก็ไม่สมควรมาติเตียนผู้อื่นที่เขาพยายามช่วย...
     
  4. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +1,231
    นี่ก็บิดเบือนอีก พญามารมาตั้งแต่ก่อนตรัสรู้
    ภายหลังจากพญามารกับพวกพ่ายแพ้กลับไปแล้ว
    พุทธองค์ จึงได้ดำเนินจิตเข้าสู่ ญาณที่ ๑ (ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ)
    และญาณที่ ๒ ที่ ๓ ตามลำดับ

    ไปเอามาจากไหนว่า พญามารกับพวกมาตอนที่ตรัสรู้แล้ว...:boo:
     
  5. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงตรัสปรารภเมตตาสูตรว่า

    "ภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ของการแผ่เมตตามี ๑๑ ประการ คือ
         ๑. หลับเป็นสุข
         ๒. ตื่นเป็นสุข
         ๓. ไม่ฝันร้าย
         ๔. เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย
         ๕. เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย
         ๖. เทวดาย่อมรักษา
         ๗. ไฟ ยาพิษ ศัสตรา ไม่ล่วงเกิน
         ๘. จิตได้สมาธิเร็ว
         ๙. สีหน้าผ่องใส
         ๑๐. ไม่หลงตาย
         ๑๑. เมื่อยังไม่บรรลุ ธรรม ย่อมเข้าถึงพรหมโลกชั้นสูง

    ภิกษุทั้งหลาย พึงเจริญเมตตาไปในสัตว์ทุกชนิดโดยเจาะจงและไม่เจาะจง พึงเจริญ กรุณา มุทิตา อุเบกขา แม้ไม่ได้มรรคผลก็ยังเข้าถึงพรหมโลกได้" แล้วได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า... 

         กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วพระโพธิสัตว์เกิดเป็นฤาษีชื่ออรกะ บำเพ็ญเพียรอยู่ป่าหิมพานต์ ได้เป็นอาจารย์สอนหมู่ฤาษี พร่ำสอนอานิสงส์เมตตาว่า "ธรรมดาพรรพชิตควรเจริญเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เพราะเมื่อจิตถึงความแน่วแน่แล้ว ย่อมบังเกิดในพรหมโลกได้" แล้วกล่าวเป็นคาถาว่า

          "ผู้ใดอนุเคราะห์สัตว์โลกทั้งมวล ด้วยเมตตาจิตอันหาประมาณมิได้ ทั้งเบื้องบน เบื้องต่ำและเบื้องล่าง โดยประการทั้งปวง จิตเกื้อกูล หาประมาณมิได้ เป็นจิตบริบูรณ์อันผู้นั้นอบรมมาดีแล้ว กรรมใดที่เขาทำแล้วพอประมาณ กรรมนั้นจะไม่เหลืออยู่ในจิตของเขานั้น"

          เมื่อกล่าวคาถาจบ ได้พาหมู่ฤาษีบำเพ็ญเพียรไม่เสื่อมจากฌาน ได้ไปบังเกิดในพรหมโลก ไม่ได้กลับมาเกิดในโลกมนุษย์อีก เป็นเวลา ๗ สังวัฏฏกัป
     
  6. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +1,231
    ก็มันมาแทรกตั้งแต่ก่อนตรัสรู้
    ตอนยังไม่ตรัสรู้ คำสอนพวกนี้มันมีที่ไหนกัน ความรู้พวกนี้จะไปเอามาจากไหน
    ต้องรอให้ตรัสรู้เสียก่อนจึงมี
    สุญญาคารวิหารอะไรจะมามีก่อนตรัสรู้ นั่นมาเรื่องภายหลังตรัสรู้ไปแล้วจึงค่อยมี

    มารมันจะมาขวางมันก็ต้องขวางก่อนตรัสรู้นั่นแหละ

    ส่วนเรื่องอธิษฐานสัจจบารมี นั่งไม่ลุกนั่น ก็อธิษฐานมันครั้งเดียว
    ไม่ต้องอธิษฐานซ้ำ ในเมื่ออธิษฐานแล้วไม่ได้ลุกไปไหน
    จะมาอธิษฐานซ้ำทำซากอะไรมิทราบสองครั้งสามครั้ง
    มารมาผจญ ก็เป็นเรื่องของมาร ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับอธิษฐานสัจจะ
    ในเมื่อไม่ได้ลุกจากที่จะไปอธิษฐานซ้ำไปทำไม

    เขามีแต่อธิษฐาน ครั้งแรกคืออธิษฐานสัจจะนั่งไม่ลุกจนกว่าจะได้ตรัสรู้
    อธิษฐานครั้งที่สองคืออธิษฐานบารมี ตอนที่มารมาผจญ
    เพื่อจะได้ใช้สู้กับมาร

    อ่านมากรู้มากชักฟั่นเฝือ :mad:
     
  7. กายในกาย

    กายในกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +1,265
    ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นครับ
    1. เดินหนี ถ้ามีอะไรให้ขัดข้องใจ เดินหนีก่อนครับ เพราะใจเรายังไม่หนักแน่น ยังไม่มีเมตตา ยังวางไม่ได้ เดินหนีไปก่อน ไปสงบอารมณ์ที่อื่นก่อน อย่าปะทะ เพราะจะเป็นการสร้างเวรต่อกัน มันจะไม่จบสิ้นครั
    2. สวดบทเมตตาใหญ่ บทนี้ เป็นบทการเจริญเมตตาเจโตวิมุตติ ที่สามารถทำให้ใจเราเบา และห่างจากการโกรธได้ช่วงหนึ่ง
    3. การให้อภัย เป็นสิ่งที่สามารถหยุดสร้างเวรกรรมได้ วิธีนี้ เป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่จะเกิดการให้อภัยนั้น ต้องศึกษากฎแห่งกรรม การมีหิริ โอตตัปปะ การมีศีล การมีกรรมบถ10 ศึกษานรก เจริญมรณานุสติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีในพระพุทธศาสนาครับ พยายามศึกษาและนำมาปฏิบัติให้เกิดขึ้นให้ได้ ซึ่งระยะเวลาที่เห็นผลนั้นขึ้นอยู่กับตัวบุคคลครับ
    ที่กล่าวมานี้ เป็นวิธีที่ได้จากประสบการณ์จริง ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งในชีวิตนี้ ผมมีสิ่งที่ต้องทำคือการขจัดความโกรธ กับ กาม ซึ่งตอนนีี้ ผมเริ่มทำได้แล้วครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของกระทู้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...