อ่อๆ นั่นไม่ใช่ภวังค์จลนะหรอก ภวังค์ต้องขาดการรับรู้โลกภายนอก... เคยได้ยินคำนี้ไหม เห็นสักแต่ว่าเห็น คำนี้ฟังง่ายแต่ถ้าถึงเวลาจริงๆ...
นิดหนึ่งนะ อะไรทำให้คิดว่า ตกภวังค์จลนะ...
เออ เขียนผิดไปนิดหนึ่ง... เดี๋ยวต้องลำดับความคิดใหม่ ฌาณมี 2 แบบ คือ รูปฌาณ อรูปฌาณ ส่วนจะเป็นฌาณขั้นที่เท่าไร ก็ขึ้นอยู่กับความชำนาญ......
รูปฌาณก็คือฌาณ 1-3 และเมื่อเข้าถึงฌาณ 4 ก็นับว่าเป็นที่สุดของสมาธิแล้ว ถ้าว่าโดยรูปแบบ ฌาณ 4 ก็คืออรูปฌาณ 1 อรูปฌาณทั้งหลาย ก็ล้วนเป็นฌาณ 4...
ยังฟุ้งซ่าน ก็คือยัง ไม่ได้ ฌาณ (อีกคำหนึ่งคือ ยังไม่มีเอกัคคตาจิต : จิตยังไม่เป็นหนึ่ง) นิมิตความฝันที่เกิดขึ้น ก็คือความฝันนั่นแหล่ะ...
อาจจะหักด้ามพร้าด้วยเข่าสักหน่อย แต่จะบอก จขกท. ว่า... ไม่มีหรอก มารหรือเทพ ที่จะมาบอกเราอย่างโน้นอย่างนี้ ทั้งหมดเกิดขึ้นจากมนุษย์ทั้งนั้น...
วันนึง อยากนั่งเท่าไรก็เท่านั้น ไม่มีกำหนดอะไรหรอก... จะตั้งนาฬกาปลุกงั้นเหรอ จะตกใจไหมนี่
นั่งเป็นพักๆ ดีกว่านั่งยาวทีเดียว อย่างน้อยก็ได้ฝึก "การเข้าสมาธิ"
เป็นความเชื่อที่เล่าต่อๆ กันมาว่า เพ่งกลางหน้าผากแล้วจะได้ตาที่สาม ซึ่งเราค่อนข้างเชื่อว่า... ไม่เคยมีใครได้ตาที่สาม...
เป็นหนึ่งในอาการ ปีติ... นอนไม่หลับเพราะตื่นเต้นกับประสบการณ์ใหม่ๆ เดี๋ยวก็ชินเอง
ไม่จริง...
1. ได้ 2. ไม่, อรหันต์ (ไม่จำเป็นต้องเป็นพระ แต่โดยมากหรือแทบทั้งหมด จะเป็นพระ) คือ การตัดกิเลส ละอุปทาน, รู้ทั้งหมดคือ ตรัสรู้ 3. ตามข้อ 2...
^ ดีแล้วล่ะ นั่งต่อไปเรื่อยๆ
3.ไม่มีภาพนิมิตใดๆ ทั้งสิ้น ผู้เข้าฌาณ 4 ที่สติยังไม่กล้าแข็ง จึงมักตกภวังค์ และเข้าใจไปว่า ภวังคนั้น คือสภาวะของฌาณ 4 รูปฌาณ 4 คือ อรูปฌาณ 1...
ที่มีหลากหลายวิธีนั้น ล้วนเป็นขั้นเริ่มต้น วิธีไหนก็ทำได้ทั้งนั้น... แต่เมื่อไรที่ก้าวถึงปฐมฌาณ วิธีทั้งหลายก็จะรวบเหลือวิธีเดียวคือ ทำสมาธิ...
จอประสาทตาเสื่อม...
มี สุข คือ ฌาณ 3 หรือต่ำกว่า
น่าเอามาตั้งเรียง 2 ข้างทางเข้า ดูข่มขวัญดี อิอิ
ตามที่คุณเกษมยกมาน่ะ... จริงๆ คำอุปมาเหล่านี้ มันขึ้นอยู่กับยุคสมัย ว่าจะถอดเป็นคำอย่างไร อย่างในสมัยที่ยังไม่มีเรือดำน้ำ...
คนเขียนเขามีอภิญญาแล้วหรือ... วสี เกี่ยวอะไรกับอภิญญา
มองไปเรื่อยๆ แหล่ะ ไม่มีอะไร... ถ้ามึนมาก ก็ลืมตาแล้วหลับใหม่
เอ่อ... แค่อ่านยังขำเลย อิอิ
ไม่เกี่ยวกันหรอก เพื่อนเขาถึงเวลาที่ต้องเกิดอุบัติเหตุเอง เหตุการณ์ประจวบเหมาะทำให้เราคิดไปอย่างนั้น แต่เพื่อความสบายใจ......
มะเร็งมีหลายสาเหตุ ไม่ใช่กรรมเก่าอย่างเดียว กรรมใหม่ก็มี ไม่ใช่กรรมก็มี คือเป็นเนื่องจากสังขาร แล้วอริยะบุคคล เขาก็ไม่ได้จำแนกที่กำลังจิตนะ...
ดูจิต ดูแล้วเป็นไง เห็นบ่อยๆแล้วเบื่อไปเอง งั้นเรอะ? ไม่ ดูกาย ล่ะ ดูแล้วได้อะไร? ได้สติ เป็นการเจริญสติ ละสักกายทิฐิได้เรอะ? ไม่ได้ ดูจิตดูกาย...
เห็นการเกิด-ดับ ? มันคืออะไร... น่าจะหมายถึง ให้ตระหนักว่าอะไรๆ มันก็ไม่เที่ยง เบื่อหน่ายอย่างไร ? เบื่อแน่ ถ้าตระหนักจริงว่า มันไม่เที่ยง...
เริ่มได้เห็นอะไรบ้าง เราใช้เวลาปีครึ่ง... ลองสวดมนต์ดู
สมาธิที่นั่งเป็นกิจจะลักษณะ อาจจะเลี่ยงไปใช้คำว่า กรรมฐาน ก็ได้ จะได้ไม่ปะปนกับคำว่า สมาธิ ที่ใช้กันทั่วไป สมาธิในกรรมฐาน แตกต่างจากสมาธิทั่วไปไหม...
สมาธิคือ คิดเรื่องเดียว เป็นคำกลางๆ ไม่แยกดี-ชั่ว แต่ส่วนใหญ่จะมีนัยยะไปทางดีมากกว่า คำในทางพุทธ ถ้าจะแยกดี-ชั่ว เขาจะมีคำต่อท้าย เช่น สัมมาสมาธิ...
เรื่องฌาณ 4 เป็นเรื่องที่ยังไม่สมบูรณ์ของเว็บนี้ แต่อื่นๆ นั้น โอเค... ภวังคุปัจเฉท ไม่ใช่ลักษณะของฌาณ 4 แต่เป็นภวังค์ที่เกิดในฌาณ 4
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค เช่น พลังจิต, พุทธศาสนา